สยบรักเมียบำเรอ
เขียนโดย Phaky
วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.23 น.
แก้ไขเมื่อ 10 มกราคม พ.ศ. 2561 13.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
26) ชำระความ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“เออ ตรงนั้นแหละ กดลงมาอีก นั่นแหละใช่ๆ ลงน้ำหนักอีกนิด นั่นเลยๆ อืม สบายจริงจริ๊ง”
เป็นเสียงของป้าแม้นที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้นในห้องพักคนงานของแกเอ่ยชมป้าปลิกที่กำลังนวดขา ส่วนป้าวงศ์กำลังบีบแขนเต็มไปด้วยไขมัน ช่วงบ่ายวันนี้ป้าแม่ครัวทั้งสามตั้งใจทิ้งงานที่โรงครัวไว้ให้ช่ออัญชันทำเพียงคนเดียว หลังจากนายใหญ่กินข้าวเสร็จและพาคนงานกลับไปทำงานช่วงบ่าย พวกแกก็นัดแนะชวนกันกลับที่พักทันทีเช่นกัน
“เดี๋ยวสลับกันนะ ให้ข้านอน แล้วแกมานวดให้ข้าบ้าง”
“เออ รู้แล้วน่า นี่เพิ่งจะบ่ายโมงครึ่ง มีเวลาว่างอีกเหลือเฟือ เดี๋ยวข้านวดคืน”
ป้าปลิกที่นั่งนวดท่อนขาของป้าแม้นเอ่ยทวงเมื่อเห็นว่าพี่ใหญ่ในกลุ่มนอนคว่ำหน้าบนหมอนทำหน้าเคลิ้มๆเหมือนจะหลับ แกกลัวว่าหากป้าแม้นหลับแล้วแกจะไม่ได้รับการนวดกลับคืนเหมือนที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้า
“นี่พวกแกว่าไหม ตั้งแต่นายน้อยส่งนังนั่นมาช่วยงาน พวกเราเลยสบาย มีเวลานอนพักตอนกลางวัน นั่งเล่นไพ่ โชคดีของพวกเราเนอะ ไม่ต้องเหนื่อยเก็บกวาด ไม่ต้องนั่งล้างจานหลังขดหลังแข็งเหมือนเมื่อก่อน”
ป้าวงศ์ที่นั่งบีบแขนอ้วนๆของป้าแม้นเปิดประเด็นเมื่อได้ยินที่สองสาวพูดคุย คำว่า ‘มีเวลาว่างอีกเหลือเฟือ’ มันทำให้แกคิดถึงสาเหตุที่ทำให้พวกแกมีเวลานั่งทำนู่นทำนี่ได้ตามใจชอบ แล้วก็ต้องยิ้มกริ่มยิ่งได้ฟังถ้อยคำสนับสนุนจากป้าแม้นกับป้าปลิกที่พยักหน้าเออออเห็นดีเห็นงามด้วย
“ใช่ๆ แถมพวกเรายังไม่ต้องตื่นตั้งแต่ไก่โห่ออกไปจ่ายตลาดหิ้วของพะรุงพะรังเหมือนเมื่อก่อนด้วย”
“จริงของแก พวกเราไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากปรุงรสแล้วก็เอาหน้าตอนตักข้าวให้คนงาน นอกนั้นนังอัญชันทำคนเดียวหมด แต่เงินเดือน…ยังได้เหมือนเดิมว่ะ ฮ่าๆๆ”
เป็นป้าแม้นที่เอ่ยสมทบตอนท้ายแล้วพากันหัวเราะชอบอกชอบใจ นี่ถ้าไม่ติดว่าช่ออัญชันทำกับข้าวให้รสจัดไม่ได้ดั่งใจพวกแกจนแม่ครัวทั้งสามต้องเป็นคนปรุงรสชาติอาหารด้วยตัวเองล่ะก็ ป้าๆทั้งสามก็คงนั่งเป็นคุณนายคอยชี้นิ้วสั่งงานช่ออัญชันเพียงอย่างเดียวไปแล้ว
“อยากสบาย ก็ลาออกไป”
“นะ..นา..นายน้อย!”
หัวเราะเสียงดังได้ไม่นานป้าแม่ครัวทั้งสามกลับตาเหลือกโพลงอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงจนหัวใจแทบหยุดเต้น คาดไม่ถึงที่เห็นอาชาวินมายืนอยู่ตรงหน้าห้องพักของพวกแกด้วยใบหน้าทะมึงถึง ป้าวงศ์กับป้าปลิกกระวีกระวาดถอยหลังไปชนกำแพงเนื้อตัวสั่นผวา ส่วนป้าแม้นรีบตะเกียกตะกายลุกจากเสื่อด้วยความยากลำบากเพราะติดไขมันแล้วรีบถอยหลังจนแม่ครัวทั้งสามนั่งเบียดเสียดกันด้วยใบหน้าซีดเซียวยิ่งกว่าไก่ต้มค้างคืน
“สบายกันมากไหม”
ใบหน้าสีแทนที่มองมาบึ้งตึง ดวงตาคมกร้าวเปล่งประกายดุดัน ทำให้ป้าแม่ครัวทั้งสามรู้สึกหนาวเยือกเสียววูบวาบลามไปทั่วสันหลังกับคำถามธรรมดาๆของอาชาวิน เพราะคำถามธรรมดาๆที่ว่ามันหมายถึงอาชาวินได้ยินเรื่องที่พวกแกคุยกันเมื่อสักครู่ทุกอย่าง
“ถาม!”
เมื่อไม่ได้รับคำตอบที่น่าพอใจ คราวนี้อาชาวินจึงตะคอกถามเสียงห้วนดุดังลั่นจนป้าๆทั้งสามสะดุ้งตัวโยน ต่างคนต่างหลับตาก้มหน้าเหมือนคนจะร้องไห้แล้วรีบพนมมือขึ้นไหว้ปุหลกๆท่วมหัวเนื้อตัวสั่นระริก
“ขอโทษค่ะนายน้อย ป้าขอโทษ”
“ขอโทษ? เรื่องอะไร”
“เรื่องที่พวกเราให้นัง…เอ่อ ให้อัญชันทำงานคนเดียวค่ะ ป้าขอโทษ”
เพราะความเคยปากจึงทำให้ป้าแม้นหลุดเรียกช่ออัญชันด้วยสรรพนามไม่ให้เกียรติ ก่อนที่แกจะรีบกลับคำเรียกเสียใหม่ด้วยสรรพนามรื่นหู แต่ดูเหมือนว่ามาแก้ไขตอนนี้จะไม่ทันการ เพราะอาชาวินรับรู้พฤติกรรมแย่ๆของป้าทั้งสามพวกนี้หมดทุกอย่างแล้ว และรู้ด้วยว่าลับหลังเขา ป้าทั้งสามจิกเรียกจิกหัวใช้เมียเขาเหมือนทาสในเรือนเบี้ยเลยทีเดียว
“ถ้าขอโทษ แสดงว่ารู้ตัวว่าทำผิด”
“ค่ะนายน้อย พวกป้าผิดไปแล้ว”
“รู้ว่าผิด แล้วทำทำไม!”
ทั้งที่รู้อยู่แล้วแต่พอได้ยินคำสารภาพจากปากของจำเลย ความเดือดดาลของอาชาวินในยามนี้ก็ยิ่งพุ่งพรวดอย่างรวดเร็ว ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่ามันมากมายขนาดไหน รู้เพียงแค่ว่าป้าแม่ครัวทั้งสามไม่มีใครกล้าเงยหน้ามองเจ้านายหนุ่มได้เลยสักคน อาชาวินยืนกำมือแน่น ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธจัด หากเปรียบเทียบ ชายหนุ่มคงเหมือนปีศาจตัวร้ายในละครที่มีเปลวเพลิงโทสะร้อนระอุแผ่ออกมาจากเรือนกายในยามโกรธเกรี้ยวดูน่าเกรงขามยิ่งนัก
สาเหตุที่ทำให้อาชาวินโกรธมากมายถึงเพียงนี้เป็นเพราะชายหนุ่มรับรู้เรื่องที่แม่บ้านทั้งสามทำไว้กับช่ออัญชันหมดแล้ว หลังจากที่เขาปัดกล่องข้าวของยายหน้าใสเทกระจาดเกลื่อนพื้น แววตาท่าทางเศร้าซึมของช่ออัญชันทำให้ความรู้สึกผิดเกิดขึ้นในส่วนลึกของหัวใจอีกครั้ง และเกิดคำถามตามมาว่าเหตุผลอะไรที่ช่ออัญชันต้องออกมานั่งกินข้าวคนเดียว อาชาวินจึงเรียกลูกน้องที่ไว้ใจได้มาสอบถามซึ่งก็คือเจิด หัวหน้าคนงาน เพียงแค่เอ่ยถามประโยคแรก เจิดก็รีบรายงานอย่างรวดเร็วเหมือนคันปากอยากหาโอกาสเล่าอยู่นานแล้ว เพียงแค่รู้ว่าช่ออัญชันต้องทำงานในโรงครัวเพียงคนเดียวก็ทำเอาอาชาวินโกรธจะแย่ เพราะที่เขาส่งช่ออัญชันมาทำงานที่นี่ก็เพื่อให้หญิงสาวทำงานเบาลงและไม่ต้องไปตากแดดตากลมจนไม่สบายเหมือนเมื่อก่อน
แต่มากกว่านั้นคือข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องความใจร้ายใจดำของป้าทั้งสามที่กลั่นแกล้งไม่ให้ช่ออัญชันได้กินข้าวกลางวันเลยสักวัน เจิดยืนยันว่าเห็นกับตาที่ป้าแม้นตักข้าวใส่ถ้วยให้ช่ออัญชันไม่ถึงครึ่งทัพพี แต่ที่เติมจนเต็มขอบถ้วยคือน้ำแกงเผ็ดจัดตามประสาแกงใต้รสชาติจัดจ้านที่แม้แต่เจิดเองยังบอกว่าคนกินเผ็ดเก่งมากอย่างเขายังกินไม่ได้ ทั้งที่กับข้าวที่ทำทุกวันจะมีที่ไม่เผ็ดอย่างน้อยหนึ่งอย่าง แต่ป้าๆกลับไม่ยอมตักกับข้าวจืดๆให้ช่ออัญชันกิน ซึ่งมันทำให้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจากป้าทั้งสามต้องการกลั่นแกล้งเมียของเขา
อย่างล่าสุดหลังจากที่ถูกอาชาวินไล่กลับมากินข้าวที่โรงอาหาร แม้ช่ออัญชันจะตักเฉพาะข้าวเปล่าที่เหลือติดก้นหม้อมากินก็ยังถูกสามป้าแกล้งด้วยการเทพริกน้ำปลาทั้งถ้วยโตๆใส่ไปในจานข้าวจนกินไม่ได้ เจิดมองเห็นแต่ไม่รู้จะช่วยยังไงเพราะเขาไม่รู้ว่าอาชาวินจะว่ายังไงบ้าง เนื่องจากอาชาวินเองก็แสดงออกชัดเจนว่าไม่ค่อยปลื้มกับเมียคนนี้มากนัก ส่วนคนงานคนอื่นก็ได้แต่มองอย่างเวทนาสงสารแต่ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน
ที่โหดร้ายไปกว่านั้นจนทำให้มือของอาชาวินกำแน่นจนเล็บจิกฝ่ามือนั่นคือมีการลงไม้ลงมือ อาจไม่ใช่การตบตีจนร่างกายได้รับบาดแผลเลือดสาด แต่การที่ป้าทั้งสามมีการฟาดมือฟาดไม้ตามตัวของช่ออัญชัน หรือแม้กระทั่งผลักศีรษะแรงๆยามที่หญิงสาวทำอะไรไม่ถูกใจก็ถือเป็นการทำร้ายอย่างหนึ่ง นึกโมโหทั้งคนทำที่โหดร้ายและคนถูกกระทำที่ไม่ยอมปริปากพูดให้เขารู้สักคำ นี่ถ้าวันนี้เขาไม่มาที่โรงอาหาร ช่ออัญชันก็คงต้องถูกป้าแก่ๆสามคนนี่โขกสับไม่หยุดหย่อน
ทั้งแค้นทั้งเคืองแต่อย่างน้อยๆในความโกรธยังมีเรื่องดีๆให้รู้สึกได้บ้างเล็กน้อย เพราะความจริงที่ได้รู้วันนี้ทำให้เรื่องที่ค้างคาอยู่ในใจผ่อนคลายลงไปได้มาก ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าที่ช่ออัญชันรีบออกมาทำงานแต่เช้าตรู่และกลับบ้านเย็นๆค่ำๆเป็นเพราะต้องการหลบหน้าด้วยความรังเกียจ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเป็นเพราะหญิงสาวต้องทำงานคนเดียวก็เลยต้องรีบเข้ามาทำงานที่โรงครัวตั้งแต่เช้ามืดและกลับเข้าบ้านเย็นค่ำเพราะต้องเตรียมของไว้ทำกับข้าววันรุ่งขึ้น
ต้องทำงานหนักขนาดนี้นี่เอง ยายตาใสถึงได้ผอมเอาๆ
“ป้า…ป้าแค่อยากให้นายน้อยพอใจค่ะ”
ป้าแม้นก้มหน้าบอกออกมาเสียงงึมงำ กว่าจะหาเสียงของตัวเองจนเจอและกล้าเอ่ยออกมาก็ยากเย็นเต็มที บอกตรงๆเลยว่าตอนนี้เนื้อตัวของพวกแกทั้งสามมันอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรงเพียงแค่อาชาวินตวัดสายตาดุๆมองมา กลัวจนหัวแทบหด นี่หากถูกตะคอกหรือตวาดเสียงดังๆยังไม่รู้เลยว่าจะกลั้นฉี่ไว้ได้หรือเปล่า อาชาวินในตอนนี้น่ากลัวจริงๆ
“ยังไง?”
“ก็ เอ่อ…ป้ารู้มาว่านัง…เอ่อ อัญชันตั้งใจจับนายน้อย แล้วพวกนังเฟื้องฟ้ามันก็บอกว่านายน้อยเกลียดอัญชันมากจนไม่อยากให้อัญชันอยู่ที่นี่ ป้าก็เลยหาเรื่องแกล้งใช้งานอัญชันหนักๆ แถมพวกนังเฟื้องฟ้ามันยังบอกด้วยว่าถ้าอยากให้นายน้อยตบรางวัลให้ ก็ต้องแกล้งอัญชันเยอะๆ นายน้อยจะได้พอใจ”
“ระยำ!”
เพราะคนที่พูดคือผู้หญิงและยังเป็นผู้หญิงสูงวัยที่ควรค่าแก่การดูแลรักษามากกว่าจะถูกทุบตี หมัดหนักๆจึงได้แต่ชกอยู่ในอากาศระบายความเดือดดาลที่อัดอั้นอยู่ภายในซ้ำไปซ้ำมา ตอนนี้อาชาวินจำเป็นต้องรีบหันหลังให้ป้าๆแม่ครัวทั้งสาม เพราะชายหนุ่มไม่มั่นใจตัวเองเอาเสียเลยว่าหากเขามองหน้าป้าๆต่อไปอีกสักนาทีสองนาทีแล้วเขาจะสามารถหักห้ามใจไม่ให้ทำร้ายคนแก่ได้หรือเปล่า นั่นเพราะเหตุผลที่ป้าแม้นบอกมามันทำให้เขาโกรธจนแทบคลั่ง โกรธที่สามคนนี้ใช้อคติโง่เขลาบังตาจนไม่มีความเมตตาปรานีให้เด็กสาวตัวเล็กๆอย่างช่ออัญชันเลยสักนิด เพียงเพราะอยากประจบประแจงจึงไม่เคยสนใจว่าคนตัวเล็กจะเหน็ดเหนื่อยสาหัสมากมายขนาดไหน ภาพในจินตนาการยามนึกไปว่ายายตาใสต้องนั่งล้างจานกองโตเพียงคนเดียวจนมือเปื่อยซีด ต้องไปหิ้วถุงกับข้าวหนักๆมากมายที่ตลาดคนเดียว มันทำให้เนื้อตัวของเขาตอนนี้สั่นเทิ้มเต็มไปด้วยความโกรธ นี่หากเป็นผู้ชายล่ะก็ อาชาวินมั่นใจเลยว่าเขาจะตะบันหน้าคนที่กล้ารังแกช่ออัญชันให้รู้สึกไปเลยว่าเจ็บจนแทบไม่อยากมีลมหายใจต่อมันเป็นยังไง
*****************************************************
ฝาก E-book ด้วยค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ