สยบรักเมียบำเรอ
เขียนโดย Phaky
วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.23 น.
แก้ไขเมื่อ 10 มกราคม พ.ศ. 2561 13.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
23) ความฝันของเด็กหญิงอัญชัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“หนูอัญชันคืนนี้ไปเที่ยวกันไหม ที่วัดมีงาน คืนนี้คืนสุดท้ายแล้ว”
เสียงป้าเนียมเอ่ยถามขณะที่กำลังเข้าแถวรอรับเงินเดือนที่ห้องบัญชี ปกติที่ไร่ดวงหทัยจะจ่ายเงินเดือนให้คนงานออกเป็นสองงวดคือวันที่หนึ่งกับวันที่สิบหก แต่วันนี้อาชาวินมีคำสั่งให้เลื่อนจ่ายเงินเดือนก่อนกำหนดสามวัน เพราะชายหนุ่มอยากให้คนงานมีเงินไปเที่ยวที่งานประจำปีของวัดที่อยู่ใกล้บ้าน ในตอนนี้คนงานจึงมาเข้าแถวรอรับเงินเดือนกันคึกคัก ป้าเนียมจึงจูงมือช่ออัญชันมารับค่าแรงพร้อมกัน อีกทั้งยังชวนนายหญิงน้อยออกไปเปิดหูเปิดตาคลายเครียดบ้าง เนื่องจากทุกวันนี้ช่ออัญชันทำแต่งานไม่เคยมีวันหยุดพัก จากที่ตัวเล็กอยู่แล้วก็ยิ่งผอมแห้งตัวเหลือนิดเดียวจนน่าเป็นห่วง
“อัญไปได้เหรอคะ”
“ได้สิคะ ไปพร้อมกับป้านี่แหละ บัวกับแม่บ้านคนอื่นก็ไป ไปเถอะค่ะ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่หนูอัญชันยังไม่เคยออกไปไหนเลย ไปด้วยกันหลายคนสนุกดี”
“แต่ว่าอัญ…ไม่มีเงิน”
ช่ออัญชันบอกไปเสียงเบาพลางก้มหน้าหมองๆมองพื้น จริงๆไม่ถึงกับว่าไม่มีติดกระเป๋า แต่เธอไม่กล้านำเงินไม่กี่ร้อยบาทพวกนั้นมาใช้ เพราะมันเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่เหลืออยู่ ยิ่งอนาคตไม่แน่ไม่นอนแบบนี้ หากไม่จำเป็นเธอก็ไม่อยากนำมันมาใช้โดยไม่จำเป็น ทั้งที่ความจริงเธอเองก็อยากไปเที่ยวงานวัดเหมือนคนงานคนอื่นๆนั่นแหละ
“ทำไมจะไม่มีล่ะคะ หนูอัญชันทำงานที่โรงครัวก็เท่ากับเป็นแม่ครัวคนหนึ่ง ยังไงก็ต้องได้ค่าแรง ไม่เชื่อเดี๋ยวรอถึงคิวก็รู้ แต่ถึงไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ไปกับป้า อยากกินอะไรเดี๋ยวป้าเลี้ยงเองนะคะ น่าสนุกนะ มีเครื่องเล่นตั้งหลายอย่าง ม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์ ปาโป่ง สาวน้อยตกน้ำ รถไต่ถัง ลิเก แล้วก็มีดนตรีวงอะไรน๊าที่นักร้องหล่อๆกำลังดัง ป้าจำชื่อวงไม่ได้ แต่สาวๆในไร่นี้กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่เชียว”
“ตกลงค่ะ อัญไปด้วย”
ดวงตากลมๆวาววับพร้อมรอยยิ้มหวาน ช่ออัญชันรีบตกปากรับคำทันทีที่ได้ฟังป้าเนียมสาธยายว่าที่งานวัดมีอะไรน่าสนใจบ้าง ทำเอาคนที่เพิ่งเดินเข้ามาได้ยินสองสาวต่างวัยคุยกันทำหน้าตึง เพราะเข้าใจว่าที่ช่ออัญชันยอมไปเที่ยวเพราะต้องการไปดูนักร้องหน้าหล่อเหมือนพวกคนงานสาวๆที่รีบกลับไปอาบน้ำแต่งสวยกันตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดิน
“จะไปไหน!”
เสียงตะคอกถามดังลั่นจากด้านหลังทำเอาช่ออัญชันสะดุ้งตัวโยน ร่างบางยืนตัวแข็งทื่อ ไหล่บางคู้เข้าหากัน ปลายมือปลายเท้าหดเกร็งโดยอัตโนมัติ ใบหน้าที่เพิ่งมีรอยยิ้มสดใสหมองลงทันตาเห็นและรีบก้มมองพื้น เมื่อหางตาเห็นช่วงขาแข็งแรงของเจ้าของเสียงขยับมายืนตรงหน้า
“หูหนวกรึไง ฉันถาม ทำไมไม่ตอบ ฮะ!”
“ป้าชวนหนูอัญชันไปเที่ยวงานวัดค่ะ”
“จะไปเที่ยว มีตังค์?”
อาชาวินยืนกอดอกหันมาถามช่ออัญชันเยาะๆ คนถูกถามเงยหน้าขึ้นมองเขาแว่บหนึ่งแล้วก้มหน้าลงมองพื้นเหมือนเดิม สองมือเล็กๆบีบกันไว้ตรงหน้าขาแน่น ยังไม่ทันได้ตอบอะไรก็เป็นป้าเนียมที่ตอบแทน
“หนูอัญชันทำงานมาหลายวันแล้ว คงพอมีเงินพอให้ไปเที่ยวได้บ้างค่ะนายน้อย”
“แล้วยังไง พอมีเงินก็จะเอาไปกินไปเที่ยว ลืมไปแล้วงั้นสิว่าเธอเป็นหนี้อยู่ห้าแสน เธอลืมแต่ฉันไม่ลืม เพราะฉะนั้นเงินค่าแรงของเธอทั้งหมดจะถูกหักไว้จ่ายหนี้ เธอจะมีปัญหาไหม!”
มือหนาดันปลายคางของคนคอหักให้เงยขึ้นสบตาเพื่อตอกย้ำเรื่องเงินก้อนโตเขาแอบรู้มาว่าวันที่บิดาพาช่ออัญชันมาอยู่ที่บ้าน วันนั้นอัลเฟรดต้องจ่ายเงินก้อนนี้เพื่อไถ่ตัวยายตาใสจากพ่อผีพนัน ได้ข่าวว่าแด๊ดเขายกหนี้ให้แต่แม่นี่ดึงดันจะหามาใช้คืน เงินพ่อก็เหมือนเงินลูกนั่นแหละ เท่ากับว่าตอนนี้ช่ออัญชันเป็นลูกหนี้เขาด้วยอีกคน
“มะ..ไม่มีค่ะ”
ช่ออัญชันตอบรับตะกุกตะกักยามถูกช้อนปลายคางให้แหงนเงยจนต้องสบตากับอาชาวินอย่างไม่อาจเลี่ยง แม้ว่าหลายวันมานี้เขาจะไม่มาให้เธอเห็นหน้า แต่ความกลัวที่เธอมีให้เขาก็ยังไม่ลดลง เธอไม่อยากทำอะไรให้เขาไม่พอใจเพราะกลัวว่าหากอาชาวินโกรธ แล้วเขาจะลงโทษเธอด้วยการจับไปขายซ่องอีก ภาพความโหดร้ายที่เขาทำกับเธอวันนั้นมันไม่เคยจางหายไปเลย ทุกวันนี้เธอยังหวาดผวา แม้แต่เวลานอนหลับยังเก็บเอาไปฝันร้ายจนสะดุ้งตื่นกลางดึกอยู่บ่อยๆ
“เธอต้องทำงานในไร่ชดใช้หนี้ห้าแสนจนกว่าจะครบ ส่วนดอกเบี้ย…”
อาชาวินประกาศออกมาเสียงดังให้คนเป็นหนี้กับป้าเนียมได้ยินชัดเจน ก่อนก้มหน้าชิดใบหูของช่ออัญชัน แล้วกระซิบกระซาบบางอย่างให้ได้ยินกันแค่สองคน
“ระหว่างที่ยังใช้หนี้ไม่ครบ เธอต้องเป็นนางบำเรอให้ฉัน ทุกที่ ทุกเวลาที่ฉันต้องการ”
ถ้อยคำที่อาชาวินกระซิบเบาๆข้างหูแต่ทำไมช่ออัญชันกลับรู้สึกว่ามันดังก้องอยู่ในหูเหมือนเมื่อครู่เขาประกาศกร้าวเสียงดังสนั่น คนเป็นหนี้ก้อนโตได้แต่เม้มปากเข้าหากันด้วยความอดสูใจกับความต้องการของอาชาวิน แม้จะไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก แต่เธอมีทางเลือกเสียเมื่อไร ช่ออัญชันทำได้เพียงพนักหน้าหมองจัดรับคำสั่งทั้งน้ำตาที่คลอเบ้า
“ไม่มีตังค์ก็ไม่เป็นไรค่ะ ไปเดินดูอะไรเล่นๆแก้เบื่อก็ได้”
รู้ทั้งรู้ว่านายหญิงน้อยแสนอาภัพกำลังถูกนายน้อยตัวร้ายกลั่นแกล้งไม่ให้ไปเที่ยว แต่ป้าเนียมก็ยังพยายามหาทางออก เพราะเมื่อครู่ตอนสาธยายเครื่องเล่นในงานวัด แกทันเห็นแววตาเปล่งประกายลิงโลดเหมือนเด็กตัวน้อยๆของช่ออัญชัน เลยรู้ว่าหญิงสาวอยากไปเที่ยวงาน
“ไปกันหมดแล้วใครจะอยู่เฝ้าบ้าน”
ในขณะที่ป้าเนียมไม่ยอมจนมุมคิดว่าจะต้องพาช่ออัญชันไปเที่ยวด้วยกันให้ได้ อาชาวินก็ไม่ยอมเช่นกัน ชายหนุ่มเอาหน้าที่ความรับผิดชอบขึ้นมาอ้างด้วยท่าทางขรึมดุ ดูสิว่าจะยอมหยุดไหม
“งั้นป้ากับหนูอัญชันจะรีบไปรีบกลับค่ะนายน้อย”
“ไม่ได้! ต้องมีใครอยู่เฝ้าบ้านหนึ่งคน เลือกเอาว่าใครจะอยู่”
หลังจากโยนระเบิดลูกโต อาชาวินจึงยืนกอดอกด้วยท่าทางสบายใจ สายตาเข้มสาแก่ใจของชายหนุ่มมองกดดันอยู่ที่ใบหน้าของช่ออัญชันเขม็ง ถึงแม้ว่าคนถูกมองจะยืนก้มหน้าหลบสายตามองพื้น แต่หญิงสาวก็เข้าใจความต้องการของอาชาวินเป็นอย่างดี ช่ออัญชันจึงสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆอย่างตัดใจ แล้วเงยหน้ามองหัวหน้าแม่บ้านด้วยรอยยิ้ม
“เดี๋ยวอัญอยู่เฝ้าบ้านเองค่ะป้าเนียม”
“แต่ว่า…”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถึงอัญไปก็ไม่ได้ซื้ออะไรอยู่แล้ว อัญอยู่เฝ้าบ้านให้ดีกว่า”
ช่ออัญชันพยายามบอกให้ป้าเนียมเลิกกังวล รู้ดีว่าคนงานทุกคนอยากจะไปเที่ยวงานด้วยใจจดจ่อ หากต้องอยู่เฝ้าบ้านคงเซ็งน่าดู จริงๆงานมีทั้งหมดสามวันสามคืน แต่ทุกคนเลือกที่จะไปคืนสุดท้ายเพราะอยากไปดูดนตรี อีกอย่างหากต้องรีบไปรีบกลับ เธอก็กลัวว่าป้าเนียมจะหมดสนุก หากเธอดื้อรั้นจะไปคงกลายเป็นการสร้างภาระให้คนอื่นๆ เพราะฉะนั้นเธอขออยู่เฝ้าบ้านดีกว่า ปัญหาจะได้จบ
“ก็แค่นั้น”
อาชาวินกดยิ้มมุมปากพอใจเพราะสุดท้ายแล้วช่ออัญชันก็ไม่ได้ไปเที่ยวงานวัดอย่างที่เขาต้องการ ก่อนเบือนหน้ากลับไปมองด้านหลังเมื่อเอวสอบถูกสวมกอดด้วยท่อนแขนขาวเรียวพลางแล้วยิ้มหยันใส่ตาของช่ออัญชันที่เงยหน้าขึ้นมองมาพอดี
“โรส ทำไมถึงเดินมาเองล่ะครับ เมื่อยขาแย่เลย” อาชาวินจับเรียวแขนออกจากตัวด้วยท่าทีทะนุถนอมแล้วหมุนตัวกลับ จากนั้นจึงเป็นฝ่ายรั้งเอวบางของเรนุกาเข้ามากอดเอาไว้หลวมๆ พลางส่งสายตาหวานเชื่อมให้คนมาใหม่
“แค่นี้โรสเดินได้ค่ะ ออกกำลังกายไปในตัว อาชาขา เอ่อ… คุณคุยธุระกับอัญชันอยู่เปล่าคะ”
ยามอยู่ต่อหน้าอาชาวิน การพูดจาของเรนุกานั้นมักอ่อนหวานชวนหลงใหล รวมถึงการวางตัวที่หญิงสาวมักแสดงออกอย่างเกรงใจอยู่เสมอ เหมือนเช่นตอนนี้ที่เรนุกาทำหน้าเหมือนมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับอาชาวิน แต่หญิงสาวก็ลอบมองไปยังช่ออัญชันที่ยืนอยู่ไม่ไกลด้วยความเกรงใจเพราะเห็นอยู่ว่าอาชาวินกำลังคุยกับภรรยาตีทะเบียน
“ก็นิดหน่อย แต่โรสไม่ต้องสนใจหรอก ผมอยากรู้เรื่องของโรสมากกว่า เดินมาถึงนี่ มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“เมื่อกี้เพื่อนโรสโทรมาชวนไปงานวันเกิดค่ะ อาชาพาโรสไปได้ไหมคะ”
เรนุกาซบใบหน้าสวยกับอกอุ่นเพื่อออดอ้อน ใจหนึ่งก็ต้องการให้อาชาวินยอมตามใจเพราะเธอต้องการควงเขาไปอวดให้เพื่อนๆอิจฉา ส่วนอีกใจก็ต้องการเยาะเย้ยช่ออัญชัน
“ได้สิครับ ขอแค่โรสบอก ที่ไหนๆผมก็พาคุณไปได้ทั้งนั้น”
“จุ๊บ อาชาน่ารักจังเลยค่ะ งั้นโรสรีบกลับไปแต่งตัวก่อนนะคะ”
ถ้อยคำอ่อนโยนแสดงออกถึงความเอาใจใส่ของอาชาวินได้รับจุมพิตจากเรนุกาเป็นการขอบคุณ สองหนุ่มสาวอี๋อ๋อแสดงฉากหวานกันต่อหน้าช่ออัญชันจนคนงานที่เห็นต่างหันหน้ามองกันเลิ่กลั่ก อารมณ์ประมาณว่าคันปากยิบยับอยากจับกลุ่มนินทาแต่ทำไม่ได้ เพราะกลัวอาชาวินเห็นแล้วจะโดนลงโทษ
“เดี๋ยวผมขับรถไปส่ง”
“ขอบคุณค่ะอาชา คุณใจดีกับโรสจังเลย”
“เพราะโรสคือคนพิเศษไง”
นั่นคือประโยคสุดท้ายที่อาชาวินตั้งใจพูดทิ้งท้ายเสียงดังให้ช่ออัญชันได้ยิน นอกจากคำพูดบาดหู แววตาเย้ยหยันจากเรนุกาที่ลอบมองมาอย่างต้องการสมน้ำหน้าที่อาชาวินไม่ได้ให้ความสำคัญก็เป็นอีกสิ่งที่ช่ออัญชันได้รับ จากนั้นอาชาวินจึงโอบเอวเล็กของเรนุกาพากันเดินไปขึ้นรถกระบะคันเก่งแล้วขับออกไปไม่หันมาสนใจช่ออัญชันอีก
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
“หนูอัญชัน ทำอะไรอยู่เหรอคะ ทำไมยังไม่นอน”
“อัญยังไม่ง่วงน่ะค่ะป้าเนียม ก็เลยเตรียมของไว้ทำกับข้าวพรุ่งนี้”
ช่ออัญชันที่กำลังขะมักเขม้นกับการสับเนื้อหมูบนเขียงหันมาตอบป้าเนียมที่เดินถือถุงขนมกับของอื่นๆอีกสามสี่ถุงเข้ามาหายิ้มๆแล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆคนขยัน ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้วซึ่งในยามปกติสาวใช้ในบ้านจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนห้องใครห้องมัน แต่คืนนี้ทุกคนกำลังสนุกอยู่ในงานวัดและคงอีกหลายชั่วโมงกว่าจะได้เวลากลับ ช่ออัญชันจึงกลัวว่าพรุ่งนี้พี่ๆแม่บ้านอาจตื่นแต่หัวรุ่งไม่ไหวเหมือนเคย หญิงสาวจึงมาตระเตรียมของเอาไว้ล่วงหน้า เข้าครัวมาตอนเช้าจะได้หยิบมาทำอาหารได้ทันทีไม่ต้องเสียเวลาจัดเตรียม
“โถ แม่คุณ ยังมีน้ำใจเป็นห่วงพวกพี่ๆ”
พอได้ฟังเหตุผล ป้าเนียมจึงยกมือเหี่ยวๆลูบศีรษะของช่ออัญชันอย่างนึกเอ็นดูยิ่งนัก นอกจากนายหญิงน้อยจะไม่แสดงท่าทีน้อยอกน้อยใจที่ไม่ได้ไปเที่ยว หญิงสาวยังมีน้ำใจเป็นห่วงกลัวว่าพวกแม่บ้านที่ไปเที่ยวงานจนดึกดื่นจะลุกขึ้นมาทำอาหารไม่ไหวเลยมาช่วยเตรียมไว้ก่อน ช่ออัญชันแสนดีขนาดนี้แล้วจะไม่ให้เธอนึกเอ็นดูได้อย่างไร
ยิ่งมีตัวเปรียบเทียบอย่างเรนุกาที่ขี้เกียจสันหลังยาว วันๆเอาแต่นอนขลุกอยู่ในห้องไม่เคยคิดทำประโยชน์อะไร ข้าวก็ต้องยกไปประเคนให้ถึงในห้อง จะออกมาเสนอหน้าทำตัวแสนดีเฉพาะเวลาที่อาชาวินอยู่เท่านั้น จิกนิ้วออกคำสั่งแถมยังวางตัวเป็นคุณนายของบ้านอย่างไม่อาย เธอก็ยิ่งรักช่ออัญชันมากขึ้นจนต้องบนบานศาลกล่าวกับเจ้าที่ว่าอย่าให้อาชาวินเลือกเรนุกามาเป็นนายหญิงตัวจริงเลย มิเช่นนั้นคนในบ้านคงอยู่กันอย่างไร้ความสงบสุขเพราะเจ้าหล่อนดูร้ายกาจเหลือเกิน
“มาค่ะ ป้าช่วย เสร็จแล้วป้ามีอะไรจะให้ดู”
ป้าเนียมเห็นช่ออัญชันกำลังจะตักเนื้อหมูที่สับแล้วใส่กล่องเพื่อนำกลับไปแช่ในตู้เย็น แกจึงเข้าไปช่วยงานจะได้เสร็จเร็วขึ้น เก็บของทุกอย่างล้างเรียบร้อย หัวหน้าแม่บ้านจึงจูงมือนายหญิงน้อยมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม
“ของหนูอัญชันค่ะ ป้าเห็นว่ามันน่ารักดีเลยซื้อมาฝาก ชอบไหมคะ”
ป้าเนียมรื้อถุงพลาสติกบนโต๊ะที่แกหอบหิ้วมาจากงานวัดขึ้นมาหนึ่งถุง จากนั้นชุดเดรสสั้นแค่เข่าสีชมพูสดใสก็ถูกหยิบขึ้นมากางในอากาศ
“ป้าเนียมซื้อมาฝากอัญ…จริงๆเหรอคะ”
เรียวปากบางอ้าค้าง ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆมองหน้าป้าเนียมสลับกับชุดเดรสสีชมพูสวยถูกใจตรงหน้าสลับกันไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่ามันคือเรื่องจริง
“จริงสิคะ ป้าเห็นที่ร้านเขาแขวนไว้ มองแล้วนึกถึงหนูอัญชันขึ้นมา ป้าเลยซื้อมาฝาก”
ป้าเนียมพยักหน้ารับยืนยันอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม แกเห็นชุดเดรสชุดนี้แขวนโชว์อยู่ในร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิงที่ราคาไม่ได้แพงมากมาย มองแล้วก็นึกถึงช่ออัญชันขึ้นมา จินตนาการยามชุดเดรสชุดนี้อยู่บนเรือนกายอ้อนแอ้นบอบบางของนายหญิงน้อยคงน่ารักน่าดู แม้ทุกวันนี้ช่ออัญชันจะสวมแต่กางเกงยีนเสื้อยืดซีดเก่าราคาถูกให้เห็นจนชินตา แต่เสื้อผ้ามอซอพวกนั้นไม่อาจปิดบังความงามที่ช่ออัญชันซุกซ่อนจากสายตาแกได้ กล้ารับประกันเลยว่าถ้านายหญิงน้อยได้ลองแต่งเนื้อแต่งตัวบ้าง ขี้คร้านคนสวยเชิดหยิ่งอย่างเรนุกาก็เทียบไม่ติด
“ขอบคุณค่ะป้าเนียม อัญขอบคุณจริงๆค่ะ ฮือ ฮือ”
ช่ออัญชันรับชุดมาถือไว้แล้วพนมมือไหว้ขอบคุณอ่อนช้อยสวยงามเมื่อป้าเนียมยื่นให้ แล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดเมื่อคนได้รับของฝากรีบกอดชุดไว้ในอ้อมแขนเหมือนกอดตุ๊กตา จากนั้นจึงโผเข้ากอดแนบอกคุณป้าใจดีพลางร้องไห้โฮออกมาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่
“หนูอัญชัน ร้องไห้ทำไมคะ หรือว่าไม่ชอบชุด”
“ชอบค่ะป้าเนียม อัญชอบชุดที่ป้าเนียมซื้อให้มากๆ ชอบจนไม่รู้จะพูดยังไงเลยค่ะ”
“อ้าว! ชอบแล้วร้องไห้ทำไมล่ะคะ”
“ก็อัญดีใจ ป้าเนียมรู้ไหมคะว่าชุดที่ป้าเนียมซื้อให้ มันคือชุดใหม่ชุดแรกในชีวิตของอัญเลยนะคะ”
“ชุดใหม่ชุดแรก?”
“ใช่ค่ะ ตั้งแต่เริ่มจำความได้ อัญจำได้ว่าอัญไม่เคยมีชุดใหม่เป็นของตัวเองเลยสักชุดจนถึงตอนนี้”
คำบอกเล่าของนายหญิงน้อยทำเอาป้าเนียมขมวดคิ้วมุ่นไม่อยากจะเชื่อนัก มันจะเป็นไปได้ยังไงที่ยี่สิบกว่าปีมานี้ช่ออัญชันไม่เคยมีชุดใหม่เป็นของตัวเองเลย ใจนึกสงสัยประเมินความเป็นไปได้ แต่พอได้มองแววตาเป็นประกายแวววาวของช่ออัญชันที่ก้มมองชุดเดรสในมือพร้อมรอยยิ้มกว้างสดใส ป้าเนียมกลับเชื่อได้อย่างสนิทใจ เพราะสายตาท่าทางของช่ออัญชันเปิดเผยความรู้สึกออกมาจนหมด
“แล้วเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ล่ะคะ”
“ของพี่พลอยลูกสาวป้าแก่นที่อยู่ใกล้ๆกับบ้านของอัญน่ะคะ พี่พลอยอายุมากกว่าอัญสี่ปี ป้าแก่นก็เลยเอาชุดที่พี่พลอยใส่ไม่ได้แล้วมาให้อัญ ไม่ว่าจะเป็นชุดนักเรียนหรือชุดธรรมดาก็เป็นมรดกตกทอดมาจากพี่พลอยทั้งนั้นค่ะ”
“ไม่เคยมีของตัวเองสักชุดเลยเหรอคะ”
“ไม่มีเลยค่ะ อัญต้องประหยัด อะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่ซื้อ เพราะอัญรู้ว่าแม่ไม่ค่อยมีเงิน”
พูดมาถึงตรงนี้ ดวงตาที่เคยสดใสกลับหม่นหมอง ช่ออัญชันมองชุดในมือแต่แววตากลับดูเลื่อนลอยเหมือนกำลังย้อนคิดถึงความหลัง น้ำเสียงที่เคยสดใสติดจะหม่นเศร้าเมื่อเอ่ยพาดพิงถึงมารดาที่เสียชีวิต
“เสื้อตัวใหม่ของอัญ…มันต้องแลกมากับความลำบากของแม่ค่ะ อัญรู้ว่าแม่คงต้องเจียดตังค์ที่เอาไว้ซื้อกับข้าวมาซื้อเสื้อ แล้วแม่ก็ต้องแอบกินข้าวเปล่าๆ แม่ต้องทำงานมากขึ้น ต้องอดนอนเพื่อตื่นเก็บผักไปขายที่ตลาดตั้งแต่ตีสามตีสี่ ต้องตากแดดร้อนๆรับจ้างทำงานก่อสร้างจนไม่สบายบ่อยๆ กว่าจะได้เงินมาแต่ละบาทอัญรู้ว่ามันเหนื่อยมาก อัญไม่อยากเห็นแม่เหนื่อย อีกอย่าง…ถ้าพ่อรู้ว่าแม่เอาตังค์มาซื้อเสื้อผ้าให้อัญ แม่ก็จะโดนพ่อตี เพราะพ่ออยากเอาเงินไว้กินเหล้ามากกว่า พ่อตีแม่ตัวเขียวตัวช้ำประจำเลยค่ะ อัญสงสารแม่ อัญก็เลยไม่เคยร้องขอให้แม่ซื้อเสื้อผ้าให้ ใส่ของที่พี่พลอยใช้แล้วมาตั้งแต่เล็กจนโต”
นึกมาถึงตรงนี้ช่ออัญชันกลับยิ้มน้อยๆทั้งที่สองตาแดงก่ำ นั่นเพราะภาพเด็กหญิงตัวเล็กกว่าเกณฑ์มาตรฐานสวมใส่เสื้อผ้าตัวโคร่งย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำ เพราะพี่พลอยที่เป็นเจ้าของเสื้อผ้าเป็นเด็กสมบูรณ์อวบอ้วนแถมอายุมากกว่า เมื่อเสื้อของพี่พลอยมาอยู่บนตัวของเด็กหญิงช่ออัญชัน มันจึงดูคล้ายเด็กน้อยขโมยเสื้อของพ่อแม่มาใส่ แต่ช่ออัญชันในตอนนั้นไม่เคยใส่ใจ เพราะสิ่งที่อยู่ในสมองของเด็กหญิงทุกนาทีคือช่วยมารดาทำงานหาเงิน
“ไหนหนูอัญชันลองสวมชุดให้ป้าดูหน่อยสิคะว่าใส่ได้ไหม”
เพราะกลัวจะต้องเสียน้ำตาให้กับชีวิตรันทดของช่ออัญชัน ป้าเนียมจึงต้องสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆแล้วเปลี่ยนประเด็นสนทนาเสียใหม่ด้วยการให้นายหญิงน้อยลองสวมชุดที่แกซื้อมาฝาก ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ายังไงช่ออัญชันก็ต้องใส่ได้
“ใส่ได้ค่ะป้าเนียม อัญชอบมาก ขอบคุณป้าเนียมอีกครั้งนะคะ”
ชุดเดรสผ้าชีฟองแขนห้าส่วนจั๊มช่วงอกความยาวแค่เข่าสีชมพูถูกสวมทับชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นที่ช่ออัญชันสวมอยู่ก่อน เมื่อสวมเสร็จ สาวน้อยวัยยี่สิบเอ็ดก็กางสองแขนออกกว้างหมุนตัวเป็นวงกลมให้ป้าเนียมสำรวจด้วยท่าทีเริงร่าสดใสอย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน พลอยทำให้หัวหน้าแม่บ้านอมยิ้มมีความสุขตามไปด้วย พลางนึกในใจว่าคิดไม่ผิดเลยจริงๆที่ซื้อชุดนี้ติดมือมา แม้มันเป็นเพียงชุดราคาถูก แต่คุณค่าของมันกลับยิ่งใหญ่เหลือเกิน
“ป้าเนียมคะ ที่งานมีชิงช้าสวรรค์ด้วยใช่ไหมคะ”
หมุนตัวเป็นวงกลมไปหลายรอบจนรู้สึกเริ่มเวียนหัว ช่ออัญชันจึงทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม จากนั้นแววตาของหญิงสาวก็พองโตราวกับว่าเพิ่งนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้
“ใช่ค่ะ อยู่ใกล้ๆตรงที่ปิดทอง ป้าเห็นเด็กๆยืนรอคิวกันหลายคนเลย”
“มัน… ใหญ่มากไหมคะ”
“ก็ใหญ่อยู่นะคะ น่าจะมีสักสิบสองกระเช้ามั้งถ้าป้ามองไม่ผิด ทำไมเหรอคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ อัญแค่อยากรู้ อยากลองขึ้นไปนั่งดูสักครั้ง”
“หนูอัญชันไม่เคยนั่งชิงช้าสวรรค์เหรอคะ”
“ไม่เคยเลยค่ะ จริงๆตอนเด็กๆอัญไปงานวัดแถวบ้านทุกปีเลย ไปทุกคืนด้วย แต่ไม่ได้ไปเที่ยวหรอกค่ะ อัญไปรับจ้างป้าแก่นแม่ของพี่พลอยล้างจาน ป้าแก่นแกไปขายก๋วยเตี๋ยว แต่กว่าจะขายเสร็จกว่าจะเก็บของก็ตีหนึ่งตีสองทุกคืน คนที่คุมเครื่องเล่นก็เก็บของพักผ่อนกันแล้ว พอไปเรียนที่กรุงเทพฯก็ไม่มีเวลา แถมที่พักไม่ได้อยู่ใกล้ๆวัดด้วย อัญก็เลยไม่เคยได้ขึ้นชิงช้าสวรรค์สักที”
“โถ แม่คุณของป้า ทำไมชีวิตถึงลำบากขนาดนี้”
“ป้าเนียมเชื่อไหมคะว่าอัญไม่เคยคิดว่าตัวเองลำบากเลย อัญพูดจริงๆนะคะ คงเป็นเพราะอัญโตมากับวิถีชีวิตแบบนี้ตั้งแต่เกิดจนชินมั้งคะ อัญเลยเข้าใจว่ามันคือชีวิตปกติทั่วไป จนกระทั่งโตขึ้นเรื่อยๆ เห็นครอบครัวของเพื่อนๆในชั้นเรียน อัญถึงได้รู้ว่าสิ่งที่อัญเป็นมาตั้งแต่เด็กคือความลำบากเข้าขั้นอาภัพ แต่อัญไม่สนใจหรอกค่ะ ขอแค่ให้อัญได้ช่วยแบ่งเบาภาระของแม่ได้บ้าง อัญทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว”
ยามบอกเล่าถึงความลำบากของตัวเองแววตาของช่ออัญชันไม่เคยทุกข์ร้อน แต่ยามเอื้อนเอ่ยถึงมารดา แววตากลมโตกลับมีน้ำตาคลอขัง ชีวิตในวัยเยาว์ของช่ออัญชันน่าช่างสงสารจนป้าเนียมต้องรวบร่างสั่นเทาน้อยๆเข้ามากอด แกไม่รู้หรอกว่าช่ออัญชันเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความลำบากอย่างนี้ได้อย่างไรและด้วยความรู้สึกไหนทำไมถึงยังยิ้มได้ แต่แกนับถือหัวใจดวงน้อยเสียจริงที่ไม่เคยปริปากบ่น
‘ที่แท้ยายตาใสอยากขึ้นชิงช้าสรรค์ ไม่ได้อยากไปดูไอ้นักร้องนั่น’
นั่นคือความคิดของคนที่ตั้งใจกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเด็กเฝ้าบ้านจนกว่าจะมีคนงานคนอื่นกลับมา แล้วบังเอิญเข้ามาได้ยินสองสาวต่างวัยคุยกันในห้องครัว แอบฟังอยู่นานจนรับรู้เรื่องราวที่เขาเข้าใจผิดไปเอง และตอนนี้ความรู้สึกผิดก็กำลังจู่โจมหัวใจอย่างรุนแรง เพราะเขากลายเป็นคนใจร้ายทำลายความฝันที่จะได้ขึ้นชิงช้าสวรรค์ของเด็กน้อยคนหนึ่งให้พังทลายด้วยความไร้เหตุผลของตัวเอง
***************************************
พาพี่โหดมาส่งแล้วค่ะ ช่วงนี้ฮีโดนด่าน้อยลง บ้างก็มีเสียงชมว่าพี่เค้าคงสำนึกได้แล้ว ยังไม่เฉลยหรอก ฮ่าๆๆ ต้องติดตามกันต่อไป
ปล.รูปเล่มยังสามารถสั่งจองได้อยู่นะคะ ส่วนอีบุ๊คมีแน่นอนค่ะ กำลังรอให้พี่เมพอนุมัติ ถ้าอนุมัติแล้วจะรีบมาแจ้งสาวๆนะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ