THE EYES นัยน์ตาแห่งรัก
เขียนโดย เรื่อยเปื่อย
วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 09.39 น.
แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 10.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ตัวชา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความTHE EYES นัยน์ตาแห่งรัก
ตอนที่ 4 ตัวชา
คฤหาสน์ของคาร์เรย์
เช้าวันนี้เป็นวันที่คาร์เรย์ต้องไปเจรจาธุรกิจเรื่องการซื้อหุ้นอู่ต่อเรือ...เขาแต่งตัวเสร็จแล้วและกำลังจะออกไปตามนัดอยู่ๆภาคินก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
"เจ้านายครับ มีเรื่องด่วนครับ!"
"มีอะไรอย่างงั้นหรอ"
"ก็คุณจางลี่ที่เมืองจีนเธอติดต่อเรากลับมาแล้วครับ.."
"คุณจางลี่ ใครกันหรอ??"
"คุณจางลี่ ก็คือคนที่เราเสนอเรื่องการร่วมหุ้นเปิดห้างสรรพสินค้าที่เป็นสาขาของเราในเมืองจีนไงครับ เรายื่นเรื่องไปเป็นปีแล้วแต่ไม่มีวี่แววว่าเธอจะติดต่อกลับมาเลย..แต่อยู่ๆวันนี้เธอก็ติดต่อผมมาโดนตรง บอกว่าต้องการเจรจาเรื่องนี้ครับ เธออยากเจอเจ้านายวันนี้ครับ...."
".........................." คาร์เรย์ได้ฟังอย่างนั้นก็เงียบไป คิ้วขมวดกันเป็นปม
"เจ้านายครับผมว่า......"
"ฉันรู้ ว่านายจะพูดอะไร....เรื่องนี้สำคัญมากนายช่วยเลื่อนนัดคุณเสกสสรค์เป็นตอนบ่ายให้ทีนะ"
"ครับเจ้านาย...." ภาคินโค้งให้เล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องไป
คาร์เรย์แทบไม่เชื่อในสิ่งที่เขากำลังเจอ...เรื่องที่ยัยนั่นพูดเป็นเรื่องจริงอย่างงั้นหรอ คนธรรมดาอย่างเราๆจะสามารถมองเห็นอนาคตได้จริงๆหรอ...ไม่น่าเชื่อเลย
คาร์เรย์เดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเก่งของเขา เก้าอี้ไม้แกะสลักตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมหน้าต่าง...เขานั่งนิ่งพรางทำหน้าครุ่นคิด
"..........ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้อยู่จริง"
11:00 นาที
ตามเวลานัดหมาย คาร์เรย์กับภาคินมายื่นรอคุณจางลี่ที่สนามบิน เธอบินตรงมาจากจีนด้วยตัวเอง..เธอจะมาถึงในอีกสิบห้านาที
สิบห้านาทีผ่านไป
"เจ้านายครับ เธอมาแล้วครับ"
ภาคินชี้ไปที่ผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่ง...ผมของเธอขาวโพนทั้งหัวสั้นเสมอต้นคอ แต่ถูกเซ็ตทรงได้อย่างสวยงาม เธอสวมผ้าลายลูกไม้สีแดงทั้งชุดแต่เป็นชุดที่ดูแล้วยังคงความสุภาพอยู่มาก เธอสวมเครื่องประดับแหวน ต่างหู กำไลเพรชระยิบระยับเต็มตัวไปหมดพร้อมสวมแว่วกันแดดแบรนด์เน้มยี่ห้อดังราคาเฉียดล้าน...ผิวพรรณ์ของเธอเหี่ยวย่นไปบ้างเพราะแรงโน้มถ่วงของโลกแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังสวยดูมีสง่าราศีไม่แพ้คนวัยสาวเลย คุณจางลี่อายุ60ปีแล้วแต่ยังดูสวยและดูแข็งแรงมาก..
เธอเดินมาหยุดอยู่หน้าคาร์เรย์
ราค์เรย์โค้งให้เล็กน้อยพร้อมกล่าวทักทายเธอเป็นภาษาจีนอีกต่างหาก..(พระเอกหล่อรวยฉลาดมีความรู้มาก!!! สามี!!! ^_^ )
"พูดไทยก็ได้...ฉันเก่งภาษาไทย...พอดีว่าพ่อเป็นคนไทยน่ะ" คุณจางลี่ยิ้มให้คาร์เรย์เล็กน้อย
"อย่างนั้นหรอครับ....ขอบคุณที่คุณติดต่อเรากลับมานะครับ"
"เราไปหาที่คุยกันก่อนเถอะ"
"คุณพึ่งมาถึง พักผ่อนก่อนก็ได้ครับผมจัดเตรียมห้องพักเอาไว้ให้แล้ว" คาร์เรย์บอก
"ไม่ได้ ฉันมาที่นี่เพราะมีเรื่องด่วนมาก ฉันต้องการคุยกับคุณตอนนี้...."
"...............ถ้าอย่างนั้นเชิญทางนี้เลยครับ"
คุณจางลี่พยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินตามคาร์เรย์ไปขึ้นรถ...วันนี้ภาคินเป็นคนขับรถให้ พวกเขาตรงไปยังโรงแรมของคาร์เรย์ทันที....คาร์เรย์จัดเตรียมมื้อเที่ยงเอาไว้เรียบร้อย ระหว่างทานก็คุยธุระกันไปด้วย...
ณ โต๊ะอาหารสุดหรูขนาดใหญ่
"ฉันจะไม่อ้อมค้อม จะเข้าเรื่องเลยนะ..." คุณจางลี่เปิดฉากสนทนาขึ้นก่อน
"ครับ"
"ฉันยินดีเป็นปีกให้คุณ...ให้คุณได้โปยบินไปในที่ที่คุณต้องการ..."
"ขอบคุณครับที่คุณยินดีให้ความช่วยเหลือเรา ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง"
"แต่ว่า......."
".........................." คุณจางลี่พูดขึ้นอีกพร้อมจ้องคาร์เรย์ตาเขม็ง...คาร์เรย์ชะงักไปเล็กน้อยแต่ก็ยังนิ่งและรอฟังสิ่งที่เธอจะพูด
"ฉันมีเรื่องอยากให้คุณช่วย........"
พอคุณจางลี่พูดจบประโยคนั้น คำพูดของมีร่าก็ดังแววเข้ามาในหูทันที......คาร์เรย์นิ่งไปชั่วอึดใจ
"(เหมือนเธอมีเรื่องที่อยากจะให้คุณช่วย แต่ว่าคุณปฏิเสธเธอและนั่นมันทำให้เธอไม่พอใจมาก ฉันแนะนำว่าให้คุณตกลงช่วยเธอดีกว่านะ เพราะมันจะกระทบกับงานที่คุณกำลังจะทำมาก)"
นั่นคือคำพูดที่มีร่าพูดเอาไว้....คุณจางลี่ต้องการให้เขาช่วยจริงๆด้วย....
"ครับ ผมยินดีช่วยคุณทุกอย่าง...."
"ดี ขอบคุณมาก...."
"แล้วเรื่องที่ว่าคือเรื่องอะไรหรอครับ..."
"คือว่า...........ลูกชายของฉันกำลังจะตาย....ตอนนี้เขาตรอมใจมาก" พอคุณจางลี่เริ่มพูดอยู่ๆน้ำตาของเธอก็คลอไปด้วย...คาร์เรย์ยังได้แต่เงียบและตั้งใจฟัง
"....................."
"เมื่อ18ปีที่แล้วเขาเคยเดินทางมาติดต่องานที่เมืองไทยแต่ว่า เขากลับมาพบรักกับผู้ไทยคนหนึ่ง...พวกเขาสองคนรักกันมากพอลูกชายฉันกลับไปที่จีนเขาก็ขอให้ฉันมาสู่ขอผู้หญิงคนนั้น...แต่ว่า.....อึก" เธอสะอึกเล็กน้อยและน้ำตาก็ยังคลออยู่
"......................"
"แต่ว่าฉันขีดกันพวกเขาไม่ให้แต่งงานกัน...ฉันจับเขาคลุมถุงชนให้แต่งงานกับคนที่ฉันเลือก...และส่งผู้หญิงคนนั้นไปอยู่ที่อื่นพร้อมมอบเงินให้หนึ่งก้อน "
"....................."
"ลูกชายฉันกลับมาเมืองไทยอีกครั้งและก็ตามหาเธอแต่ก็ไม่เจอ เพราะฉันเอง ฉันเป็นคนสั่งห้ามผู้หญิงคนนั้นมาเจอลูกชายของฉันอีกเพราะฉันอยากให้เขาแต่งงานกับลูกสาวของคนที่เราจะร่วมธุรกิจด้วย หรือพูดง่ายๆก็คือการแต่งงานครั้งนั้นคือการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์...เพราะตอนนั้นบริษัทของเรากำลังแย่ฉันจึงหว่านล้อมลูกชายสารพัดจนเขายอม..."
"......................"
"และตั้งแต่วันนั้น ฉันก็ไม่เคยเห็นเขายิ้มอีกเลย...มันเป็นเพราะฉันเพราะฉันคนเดียว...."
"แล้วคุณต้องการจะให้ผมช่วยอะไร"
"ลูกชายฉันตั้งแต่ที่เขาเริ่มป่วย เขาก็เอาแต่เพ้อหาผู้หญิงคนนั้นตลอด...และวันหนึ่งเขาก็พูดกัฉันว่า เอาลูกกับเมียเขาคืนมา...ตอนนั้นเองที่ฉันพึ่งรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นอุ้มท้องลูกของลูกชายฉันอยู่..."
"งั้นก็หมายความว่า คุณต้องการให้ผมตามหาเธอกับลูกสินะ"
"คุณเข้าใจอะไรได้ถูกต้องแล้ว.....นั่นแหละที่ฉันต้องการที่จะให้คุณช่วย"
"แล้วแน่ใจหรอว่าผมจะหาเธอกับหลานของคุณเจอ...."
"ฉันเองก็ไม่รู้หรอก...แต่มีบางอย่างบอกฉันว่าคุณคือคนเดียวที่จะช่วยฉันได้ ฉันรู้ว่าคุณกว้างขวางมากในเมืองไทยเพราะฉะนั้นมันคงไม่เกินกำลังของคุณหรอกใช่มั๊ย...."
"...............ตั้ง18ปีมาแล้วทำไมถึงพึ่งจะมาตามหาเธอล่ะครับ....หรือเพราะว่า......"
"ใช่.....ฉันต้องการหลานของฉัน...."
คาร์เรย์หัวเราะในลำคอเล็กน้อยเมื่อได้ฟังอย่างนั้น...
"หึ ผมเต็มใจมากที่จะช่วยคุณนะครับแต่ผมก็แอบรู้สึกแย่อยู่นิดหน่อย....คนเราพอไม่อยากได้อะไรก็จะมองข้ามของสิ่งนั้นไปซะหมดและพยายามพลักไสไปให้ไกลสุดตา แต่พอของสิ่งนั้นมีประโยชน์ขึ้นมากลับขนขวยดิ้นรนอยากจะเอา คุณไม่ชอบลูกสะใภ้แต่อยากได้หลาน...ตลกดีนะครับเพราะที่เมืองไทยเรามีสุภาษิตเปรียบเทียบเรื่องแบบนี้อยู่ว่า เกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง...หึ ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นเรื่องแบบนี้กับตัวเองเลย ผมนึกว่าคำพูดพวกนี้เป็นแค่คำสุภาษิตที่เอาไว้สอนกันในตำราเรียนซะอีก..."
"ฉัันไม่เถียงหรอกนะว่าฉันไม่ได้เป็นแบบนั้น...เพราะคุณพูดถูก...แต่ถ้าคุณยินยอมช่วยฉัน ฉันจะขอบคุณเป็นอย่างมาก เพราะนั้นเป็นปาบร้ายแรงที่สุดที่ฉันเคยทำมา....ส่วนเรื่องการเซ็นสัญญาฉันจะเซ็ตทันทีหลังจากที่คุณเจอหลานของฉันกับแม่ของเขาแล้ว...คุณจะว่ายังไง"
"ได้ครับตกลงตามนั้น"
เมื่อได้ฟังคำตอบของคาร์เรย์คุณจางลี่ก็ใจชื้นขึ้นมาทันที
"ขอบคุณมากค่ะ ระหว่างนี้ฉันก็จะยังอยู่ที่เมืองไทย จะรอจนกว่าจะเจอพวกเขา"
"ได้ครับ คุณพักตามสบายที่โรงแรมของเราได้เลย...."
"ขอบคุณมาก"
"ครับ ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณไปพักผ่อนดีกว่านะครับ คงจะเหนื่อยน่าดู...."
"อืม และนี่เป็นรูปของเธอที่ถ่ายคู่กับลูกชายของฉัน" คุณจางยื่นรูปแผ่นหนึ่งให้คาร์เรย์ เขาหยิบมาดูแล้วพยักให้คุณจาง
"ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวนะครับ เชิญคุณผักผ่อนตามสบาย"
คาร์เรย์กับคุณจางจบการเจรจาแค่นั้น....ต่อจากนั้นคาร์เรย์ไปตามนัดที่สองของเขา คือนัดช่วงบ่ายกับคุณเสกสสรค์และทุกอย่างก็ผ่านลุล่วงไปด้วยดี.....
ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้วหลังจากเจรจาเรื่องงานเสร็จเขาก็กำลังจะตรงกลับบ้านแต่ทว่าอยู่ๆคาร์กลับเปลี่ยนใจขึ้นมา
"ภาคิน ไปห้องพักยัยเด็กนั่นที"
"..................ครับ" ภาคินมองหน้าเจ้านายผ่านกระจกแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร
"ฝนตั้งท่าจะตกอีกแล้ว....เฮ้อ สมกับเป็นหน้าฝนจริงๆ"
คาร์เรย์พูดเบาๆคนเดียวหลังจากมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้มกลุ่มเฆมสีดำเริ่มก่อตัวและพร้อมจะโปรยเม็ดฝนลงมา...บรรยากาศแบบนี้ทำให้วันนี้ดูมืดเร็วกว่าทุกวัน
พอคาร์เรย์มาถึงหน้าตึกห้องพักของมีร่าอยู่ๆฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่.....
"ฝนตกแล้วครับเจ้านาย....." ภาคินบอก
"ฉันเห็นแล้ว...เอาร่มมา"
"ครับ"
ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว และฝนก็กำลังตกหนักด้วย คาร์เรย์กางร่มแล้วเดินลงจากรถ...เขากำลังจะเดินเข้าไปข้างในแต่ทว่าสายตาของเขากลับเหลือบไปเห็นเหตุการณ์บางอย่างเข้า...........
อยู่ๆคาร์เรย์ก็รู้สึกร้อนวูบที่หน้าอกลามขึ้นไปถึงใบหู...หน้าของเขาร้อนผ่าวแต่ร่างกายของเขากลับรู้สึกเย็นเยือกไปทั้งตัว....เพราะสิ่งที่เขาเห็นคือภาพของผู้ชายคนหนึ่งจิกกระชากผมของผู้หญิงคนหนึ่งท่ามกลางสายฝนที่กำลังตกหนัก...จากนั้นก็ตบไปที่หน้าของเธอจนตัวของเธอสะบัดล้มลงไปกองกับพื้น และมันไม่หยุดอยู่แค่นั้นมันยังกระชากคอเธอขึ้นมาแล้วบีบจนแน่น.............
คาร์เรย์กัดฟันดังกรอดกำมือแน่น..........!!!!
โปรดติดตามตอนต่อไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ