บ่วงแค้น บ่วงรัก
-
เขียนโดย sunflower_
วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 19.55 น.
13 ตอน
1 วิจารณ์
15.33K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 มกราคม พ.ศ. 2561 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) เลขาของพลาธิป 40%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ตอนที่ 4 เลขาของพลาธิป
“น้องมินคะ อาทิตย์หน้าคุณเคนอิจิกลับเข้ามาทำงานแล้ว น้องมินอยู่คนเดียวได้แล้วเนอะ” วันวิสาหันมาถามคนที่นั่งทำงานอย่างขะมักเขม้น เธอสอนงานมัลลิกาจนหมดแล้ว และหญิงสาวเองก็หัวไว เพียงแค่ 3 อาทิตย์ก็สามารถจดจำความรับผิดชอบในหน้าที่ตัวเองได้หมด ทั้งยังทำงานออกมาได้ดีสมกับเป็นคนที่คุณเอมม่ารับรอง
“คะ?”
“อาทิตย์หน้าพี่มาช่วยน้องมินไม่ได้แล้วค่ะ ถ้าคุณเคนอิจิกลับเข้ามาทำงาน พี่จะห่างหน้าห้องไม่ได้เลย คุณเคนอิจิน่ะดูเหมือนจะใจดีกว่าคุณพลาธิปนะ แต่จริง ๆ แล้วเนี๊ยบมาก”
“มินเข้าใจค่ะ แค่นี้ก็รบกวนพี่วันมามากแล้ว ขอบคุณที่ช่วยสอนงานมินนะคะ”
“มันเป็นหน้าที่ของพี่อยู่แล้วค่ะ” วันวิสาส่งยิ้มให้มัลลิกา เธอรู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอ และยิ่งได้ทำงานด้วยกันเธอยิ่งประทับใจนิสัยของหญิงสาวมากขึ้นเรื่อย ๆ มัลลิกาที่ภายนอกอาจจะดูเปรี้ยว แต่งตัวเก่ง และสวยมากจนดูเข้าถึงยาก แต่ภายในเป็นคนอ่อนหวาน มีสัมมาคารวะ ฉลาดพูด ฉลาดคิด เธอรู้สึกวางใจที่พลาธิปจะได้เลขาดี ๆ แบบมัลลิกามาช่วยแบ่งเบาภาระ
“คุณวัน เดี๋ยวออกไปดูโครงการที่รังสิตกับผมนะ” ประตูไม้บานใหญ่เปิดออก ร่างสูงของพลาธิปเดินตรงมาที่โต๊ะของเลขาพร้อมเอ่ยบอกธุระของตน ก่อนจะก้มลงไปอ่านข้อความในไอแพดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“คุณพลาธิปคะ วันนี้น้องมินจะไปกับคุณนะคะ”
“หืม?”
“คือว่าอาทิตย์หน้า ดิฉันต้องกลับไปประจำตำแหน่งแล้วค่ะ เลยอยากให้น้องมินหัดออกไปดูงานกับคุณ”
“อ๋อ...” พลาธิปพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนจะหันไปมองคนที่ยืนจ้องเขาสลับกับวันวิสาไปมาตาแป๋ว “เก็บของเลยนะคุณมัลลิกา เราจะไม่กลับเข้ามาที่นี่แล้ว เดี๋ยวผมลงไปรอที่รถ”
ชายหนุ่มไม่ได้รอให้มัลลิกาตอบรับ ขายาวก้าวจากไปอย่างรวดเร็วเมื่อพูดจบประโยค ทิ้งให้เลขาสาวยืนนิ่งด้วยความมึนงง
“น้องมินคะ รีบเก็บของเร็วเข้า คุณพลาธิปเธอไม่ชอบคนทำอะไรชักช้าค่ะ”
“ค่ะ ๆ” มัลลิการีบกุลีกุจอเก็บข้าวของลงกระเป๋า “แล้วมินต้องไปหาคุณพลาธิปที่ไหนคะ”
“ที่จอดรถชั้นผู้บริหารเลยค่ะ เปิดประตูไปก็เจอรถคุณพลาธิปเลย อ่ะนี่ พี่ช่วยเก็บแล้ว รีบไปเลยค่ะน้องมิน”
“ค่ะ มินไปก่อนนะคะ เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ” มัลลิการับของจากวันวิสามาถือไว้ ก่อนจะเอ่ยลาหญิงสาวรุ่นพี่เหมือนเช่นที่เคยทำทุกวันและวิ่งเข้าลิฟต์ที่มาถึงพอดีไป ทิ้งให้วันวิสามองตามด้วยรอยยิ้ม
น่าเอ็นดูจริง ๆ
“ขอโทษที่ช้านะคะ” มัลลิกาเอ่ยขอโทษคนที่ยืนนิ่งพิงกระโปรงรถด้วยท่าทีสบาย ๆ หากแต่ใบหน้ายังดูเครียดกว่าปกติ
พลาธิปหุ่นดีมาก ชายหนุ่มถอดสูทที่ใส่มาถือไว้ บนตัวมีเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาว เนคไทสีเข้ม และกางเกงสแล็คที่เข้ากับขายาว พอมายืนพิงรถหรู ๆ แบบนี้แล้ว พลาธิปเหมือนนายแบบที่ยืนตั้งท่าให้ตากล้องจับภาพมากกว่านักธุรกิจพันล้านเสียอีก
ทั้งเป็นทายาทตระกูลดัง หน้าตาดี ทำงานเก่ง ถ้าเปิดตัวออกสื่อเมื่อไหร่ สาว ๆ คงเข้าหาจนหัวกระไดไม่แห้งเป็นแน่
“ขึ้นรถเถอะ”
“ค่ะ” มัลลิการับคำ ก่อนจะเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นว่าพลาธิปสอดตัวเข้าไปในที่นั่งของคนขับ เธอคิดว่าระดับพลาธิปจะมีคนขับรถให้เสียอีก แต่สุดท้ายหญิงสาวก็เก็บความสงสัยในใจ และก้าวขึ้นไปนั่งข้าง ๆ เจ้านายหนุ่ม พลาธิปเมื่อเห็นว่ามัลลิกาคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้วจึงออกรถ
การจราจรติดขัดมากกว่าที่คิด ทั้ง ๆ ที่ออกจากบริษัทย่านสีลมตั้งแต่บ่าย 2 โมง แต่กว่าจะถึงรังสิตก็กินเวลาไปเกือบ 2 ชั่วโมง หลังจากเข้าไปตรวจสอบโครงการที่กำลังดำเนินการสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่จึงรีบกลับก่อนที่รถจะติดมากไปกว่านี้
จากที่เข้ามาดูงานกับพลาธิป ทำให้มัลลิการู้ว่าสาเหตุที่ชายหนุ่มดูเครียดว่าปกติ เป็นเพราะปัญหาที่เกิดขึ้นกับโครงการที่กำลังก่อสร้าง เมื่อบ้านตัวอย่างสร้างออกมาไม่เหมือนกับแบบที่วางไว้ ทำให้ต้องรื้อออกหลายส่วน และมีแนวโน้มสูงว่างานจะเสร็จช้ากว่าที่กำหนด
มัลลิกาเหลือบตามองเจ้านายหนุ่มที่ทำหน้าที่เป็นสารถีชั่วคราว คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่นตั้งแต่ออกมาจากไซต์งาน เธอพอจะเข้าใจความรู้สึกของชายหนุ่ม แม้ปัญหาที่เกิดขึ้นจะเกิดจากผู้รับเหมา แต่ตอนนี้พลาธิปโดนจับตามองจากหลายฝ่าย ความผิดพลาดแม้จะเล็กน้อย แต่ก็อาจจะทำให้คนที่จ้องจะหาเรื่องใช้มันเป็นข้ออ้างว่าชายหนุ่มไม่เหมาะสมกับงานนี้ก็เป็นได้
“คุณพักที่อยู่ไหน”
“ดิฉันพักอยู่คอนโดxxx แถวราชเทวีค่ะ”
“อืม” พลาธิปตอบรับในลำคอเบา ๆ ก่อนที่บรรยากาศในรถจะกลับมาเงียบกริบอีกครั้ง
มัลลิกาขยับตัวด้วยความอึดอัด เธอไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เอาเสียเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะชวนเจ้านายหนุ่มคุยอะไรดี ทำงานมา 3 อาทิตย์ เธอได้คุยกับพลาธิปนับประโยคได้ ความสนิทสนมที่เข้าขั้นติดลบ ทำให้เธอค่อนข้างเกร็งเมื่อต้องอยู่กับชายหนุ่มตามลำพัง
“คุณมีธุระที่ไหนหรือเปล่า” เป็นอีกครั้งที่พลาธิปเอ่ยถาม รถที่ติดไฟแดงอยู่ทำให้สามารถหันมามองคู่สนทนาได้ มัลลิกาสบตากับชายหนุ่ม ก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่มีค่ะ”
“งั้นทานข้าวกับผมก่อนได้ไหม มีบางอย่างต้องคุยกับคุณ”
หญิงสาวนิ่งคิดเพียงครู่เดียว ก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงเป็นการตอบรับ
ไฟเขียวพอดี พลาธิปหันกลับมาสนใจท้องถนนต่อ หากแต่ใบหน้าที่เคยเครียดขรึมกลับหายไป ตาคมเหลือบมองหญิงสาวที่นั่งมองท้องถนนเงียบ ๆ ก่อนจะลอบยิ้มบาง
อย่างน้อยวันนี้ก็มีเรื่องราวดี ๆ เกิดขึ้นบ้างล่ะนะ
พลาธิปพามัลลิกามาทานอาหารที่โรงแรม 5 ดาวแห่งหนึ่ง หญิงสาวมองบรรยากาศรอบตัวด้วยความตื่นตาตื่นใจ อดแปลกใจไม่ได้ที่พลาธิปพาเธอมาในที่ ๆ หรูหราขนาดนี้ จากการทำงานด้วยกันมา และการเจอกันโดยบังเอิญในครั้งแรกนั้น ทำให้หญิงสาวค่อนข้างมั่นใจว่าเจ้านายของเธอไม่ได้เป็นคนติดหรู
อาหารเลิศรสถูกทยอยมาเสิร์ฟตามลำดับ ทั้งคู่จัดการอาหารตรงหน้าโดยที่ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน เมื่อของคาวหมดลง พนักงานก็นำของหวานมาเสิร์ฟต่อทันที เป็นเค้กชาเขียวชิ้นเล็ก ๆ หน้าตาน่ารับประทาน
“เค้กที่นี่ไม่หวานนะ รับรองไม่อ้วน” ชายหนุ่มเอ่ยแนะนำราวกับเป็นเจ้าถิ่น มัลลิกาเผลอขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เธอจำได้ว่าโรงแรมนี้ไม่ใช่เครือของทากาฮาชิ แต่เจ้านายของเธอกลับรู้จึกที่นี่ดีราวกับเป็นโรงแรมตัวเอง
พลาธิปอมยิ้มเมื่อเห็นหญิงสาวทำหน้ายุ่งด้วยความสงสัย ท่าทางเลขาของเขาจะเป็นคนช่างสังเกตน่าดู
“เคยได้ยินไหม รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งน่ะ”
“เคยค่ะ” มัลลิกาพยักหน้ารับ ดวงตาเฉี่ยวมองเจ้านายหนุ่มอธิบายด้วยความสนใจ
“การได้ศึกษาการทำงานของคู่แข่ง มันจะทำให้เราได้เปรียบ” พลาธิปพูดพลางมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหันกลับมามองมัลลิกาอีกครั้ง “นอกจากที่จะต้องรู้งานของคู่แข่งแล้ว เราก็ต้องรู้งานของเราเองด้วย หลายครั้งที่ผมเข้าไปในโรงแรมตัวเองในฐานะแขก มันทำให้รู้ว่าพนักงานของเราปฏิบัติกับลูกค้าอย่างไร”
“แล้วเป็นอย่างไรบ้างคะ”
“ผมชอบที่คุณถามนะ มันทำให้รู้ว่าคุณสนใจ” พลาธิปเอ่ยชม “โรงแรมเราเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว เพราะฉะนั้นการบริการที่ดีคือหัวใจของพนักงานทุกคน แขกทุกคนที่ได้ไปพักต้องกลับไปด้วยความสุขและไม่รู้สึกเสียดายเงินที่จ่ายไป ผมเจอทั้งบริการที่ดีกว่ามาตรฐานและต่ำกว่ามาตรฐาน ถ้ามันต่ำมากไปทั้งพนักงานคนนั้นและหัวหน้างานจะได้รับใบเตือน ใบเตือนนี้มีผลกับเซอร์วิสชาร์จทุกเดือนเป็นเวลา 1 ปี โดน 1 ใบ ลดเซอร์วิสชาร์จ 20% 2 ใบจะลด 50% 3 ใบคือไล่ออก ทากาฮาชิให้ใจกับพนักงานทุกคน เราไม่เคยหวงเงินเดือนและสวัสดิการ แต่ถ้าพนักงานไม่ได้มาตรฐานเท่าที่ตั้งไว้ เราก็ไม่เอาไว้เช่นกัน”
“ฉันเห็นด้วยนะคะ ทั้งที่ทำทีว่าเป็นแขกเข้าไปใช้บริการเพื่อดูการทำงานของพนักงาน และบทลงโทษ”
“หายเกร็งหรือยัง”
“คะ?”
“คุณดูเกร็งมากนะเวลาอยู่กับผม เราต้องทำงานด้วยกันอีกนาน ทำตัวให้สบาย ไม่เข้าใจตรงไหนถามผมได้เสมอ”
“ขอบคุณมากนะคะ” มัลลิกาส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม บรรยากาศบนโต๊ะดีขึ้นตามลำดับ เมื่อหญิงสาวกล้าคุย กล้าถามมากขึ้น ชายหนุ่มเองก็ตอบทุกคำถามไม่มีเบื่อ
ความสัมพันธ์ดี ๆ กำลังก่อต่อขึ้นอย่างช้า ๆ
ตอนนี้งง ๆ ยังไงก็ไม่รู้ค่ะ เดี๋ยวอัพครบ 100 % อาจจะมีการรีไรท์นะคะ
ขอบคุณที่ติดตามนิยายของตะวันนะคะ
ช่องทางติดต่อตะวัน
Facebook : Sunflower
https://web.facebook.com/Sunflower-268692590198513/
Twitter : @sunflower_np
https://twitter.com/sunflower_np
ตอนที่ 4 เลขาของพลาธิป
“น้องมินคะ อาทิตย์หน้าคุณเคนอิจิกลับเข้ามาทำงานแล้ว น้องมินอยู่คนเดียวได้แล้วเนอะ” วันวิสาหันมาถามคนที่นั่งทำงานอย่างขะมักเขม้น เธอสอนงานมัลลิกาจนหมดแล้ว และหญิงสาวเองก็หัวไว เพียงแค่ 3 อาทิตย์ก็สามารถจดจำความรับผิดชอบในหน้าที่ตัวเองได้หมด ทั้งยังทำงานออกมาได้ดีสมกับเป็นคนที่คุณเอมม่ารับรอง
“คะ?”
“อาทิตย์หน้าพี่มาช่วยน้องมินไม่ได้แล้วค่ะ ถ้าคุณเคนอิจิกลับเข้ามาทำงาน พี่จะห่างหน้าห้องไม่ได้เลย คุณเคนอิจิน่ะดูเหมือนจะใจดีกว่าคุณพลาธิปนะ แต่จริง ๆ แล้วเนี๊ยบมาก”
“มินเข้าใจค่ะ แค่นี้ก็รบกวนพี่วันมามากแล้ว ขอบคุณที่ช่วยสอนงานมินนะคะ”
“มันเป็นหน้าที่ของพี่อยู่แล้วค่ะ” วันวิสาส่งยิ้มให้มัลลิกา เธอรู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอ และยิ่งได้ทำงานด้วยกันเธอยิ่งประทับใจนิสัยของหญิงสาวมากขึ้นเรื่อย ๆ มัลลิกาที่ภายนอกอาจจะดูเปรี้ยว แต่งตัวเก่ง และสวยมากจนดูเข้าถึงยาก แต่ภายในเป็นคนอ่อนหวาน มีสัมมาคารวะ ฉลาดพูด ฉลาดคิด เธอรู้สึกวางใจที่พลาธิปจะได้เลขาดี ๆ แบบมัลลิกามาช่วยแบ่งเบาภาระ
“คุณวัน เดี๋ยวออกไปดูโครงการที่รังสิตกับผมนะ” ประตูไม้บานใหญ่เปิดออก ร่างสูงของพลาธิปเดินตรงมาที่โต๊ะของเลขาพร้อมเอ่ยบอกธุระของตน ก่อนจะก้มลงไปอ่านข้อความในไอแพดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“คุณพลาธิปคะ วันนี้น้องมินจะไปกับคุณนะคะ”
“หืม?”
“คือว่าอาทิตย์หน้า ดิฉันต้องกลับไปประจำตำแหน่งแล้วค่ะ เลยอยากให้น้องมินหัดออกไปดูงานกับคุณ”
“อ๋อ...” พลาธิปพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนจะหันไปมองคนที่ยืนจ้องเขาสลับกับวันวิสาไปมาตาแป๋ว “เก็บของเลยนะคุณมัลลิกา เราจะไม่กลับเข้ามาที่นี่แล้ว เดี๋ยวผมลงไปรอที่รถ”
ชายหนุ่มไม่ได้รอให้มัลลิกาตอบรับ ขายาวก้าวจากไปอย่างรวดเร็วเมื่อพูดจบประโยค ทิ้งให้เลขาสาวยืนนิ่งด้วยความมึนงง
“น้องมินคะ รีบเก็บของเร็วเข้า คุณพลาธิปเธอไม่ชอบคนทำอะไรชักช้าค่ะ”
“ค่ะ ๆ” มัลลิการีบกุลีกุจอเก็บข้าวของลงกระเป๋า “แล้วมินต้องไปหาคุณพลาธิปที่ไหนคะ”
“ที่จอดรถชั้นผู้บริหารเลยค่ะ เปิดประตูไปก็เจอรถคุณพลาธิปเลย อ่ะนี่ พี่ช่วยเก็บแล้ว รีบไปเลยค่ะน้องมิน”
“ค่ะ มินไปก่อนนะคะ เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ” มัลลิการับของจากวันวิสามาถือไว้ ก่อนจะเอ่ยลาหญิงสาวรุ่นพี่เหมือนเช่นที่เคยทำทุกวันและวิ่งเข้าลิฟต์ที่มาถึงพอดีไป ทิ้งให้วันวิสามองตามด้วยรอยยิ้ม
น่าเอ็นดูจริง ๆ
“ขอโทษที่ช้านะคะ” มัลลิกาเอ่ยขอโทษคนที่ยืนนิ่งพิงกระโปรงรถด้วยท่าทีสบาย ๆ หากแต่ใบหน้ายังดูเครียดกว่าปกติ
พลาธิปหุ่นดีมาก ชายหนุ่มถอดสูทที่ใส่มาถือไว้ บนตัวมีเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาว เนคไทสีเข้ม และกางเกงสแล็คที่เข้ากับขายาว พอมายืนพิงรถหรู ๆ แบบนี้แล้ว พลาธิปเหมือนนายแบบที่ยืนตั้งท่าให้ตากล้องจับภาพมากกว่านักธุรกิจพันล้านเสียอีก
ทั้งเป็นทายาทตระกูลดัง หน้าตาดี ทำงานเก่ง ถ้าเปิดตัวออกสื่อเมื่อไหร่ สาว ๆ คงเข้าหาจนหัวกระไดไม่แห้งเป็นแน่
“ขึ้นรถเถอะ”
“ค่ะ” มัลลิการับคำ ก่อนจะเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นว่าพลาธิปสอดตัวเข้าไปในที่นั่งของคนขับ เธอคิดว่าระดับพลาธิปจะมีคนขับรถให้เสียอีก แต่สุดท้ายหญิงสาวก็เก็บความสงสัยในใจ และก้าวขึ้นไปนั่งข้าง ๆ เจ้านายหนุ่ม พลาธิปเมื่อเห็นว่ามัลลิกาคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้วจึงออกรถ
การจราจรติดขัดมากกว่าที่คิด ทั้ง ๆ ที่ออกจากบริษัทย่านสีลมตั้งแต่บ่าย 2 โมง แต่กว่าจะถึงรังสิตก็กินเวลาไปเกือบ 2 ชั่วโมง หลังจากเข้าไปตรวจสอบโครงการที่กำลังดำเนินการสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่จึงรีบกลับก่อนที่รถจะติดมากไปกว่านี้
จากที่เข้ามาดูงานกับพลาธิป ทำให้มัลลิการู้ว่าสาเหตุที่ชายหนุ่มดูเครียดว่าปกติ เป็นเพราะปัญหาที่เกิดขึ้นกับโครงการที่กำลังก่อสร้าง เมื่อบ้านตัวอย่างสร้างออกมาไม่เหมือนกับแบบที่วางไว้ ทำให้ต้องรื้อออกหลายส่วน และมีแนวโน้มสูงว่างานจะเสร็จช้ากว่าที่กำหนด
มัลลิกาเหลือบตามองเจ้านายหนุ่มที่ทำหน้าที่เป็นสารถีชั่วคราว คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่นตั้งแต่ออกมาจากไซต์งาน เธอพอจะเข้าใจความรู้สึกของชายหนุ่ม แม้ปัญหาที่เกิดขึ้นจะเกิดจากผู้รับเหมา แต่ตอนนี้พลาธิปโดนจับตามองจากหลายฝ่าย ความผิดพลาดแม้จะเล็กน้อย แต่ก็อาจจะทำให้คนที่จ้องจะหาเรื่องใช้มันเป็นข้ออ้างว่าชายหนุ่มไม่เหมาะสมกับงานนี้ก็เป็นได้
“คุณพักที่อยู่ไหน”
“ดิฉันพักอยู่คอนโดxxx แถวราชเทวีค่ะ”
“อืม” พลาธิปตอบรับในลำคอเบา ๆ ก่อนที่บรรยากาศในรถจะกลับมาเงียบกริบอีกครั้ง
มัลลิกาขยับตัวด้วยความอึดอัด เธอไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เอาเสียเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะชวนเจ้านายหนุ่มคุยอะไรดี ทำงานมา 3 อาทิตย์ เธอได้คุยกับพลาธิปนับประโยคได้ ความสนิทสนมที่เข้าขั้นติดลบ ทำให้เธอค่อนข้างเกร็งเมื่อต้องอยู่กับชายหนุ่มตามลำพัง
“คุณมีธุระที่ไหนหรือเปล่า” เป็นอีกครั้งที่พลาธิปเอ่ยถาม รถที่ติดไฟแดงอยู่ทำให้สามารถหันมามองคู่สนทนาได้ มัลลิกาสบตากับชายหนุ่ม ก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่มีค่ะ”
“งั้นทานข้าวกับผมก่อนได้ไหม มีบางอย่างต้องคุยกับคุณ”
หญิงสาวนิ่งคิดเพียงครู่เดียว ก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงเป็นการตอบรับ
ไฟเขียวพอดี พลาธิปหันกลับมาสนใจท้องถนนต่อ หากแต่ใบหน้าที่เคยเครียดขรึมกลับหายไป ตาคมเหลือบมองหญิงสาวที่นั่งมองท้องถนนเงียบ ๆ ก่อนจะลอบยิ้มบาง
อย่างน้อยวันนี้ก็มีเรื่องราวดี ๆ เกิดขึ้นบ้างล่ะนะ
พลาธิปพามัลลิกามาทานอาหารที่โรงแรม 5 ดาวแห่งหนึ่ง หญิงสาวมองบรรยากาศรอบตัวด้วยความตื่นตาตื่นใจ อดแปลกใจไม่ได้ที่พลาธิปพาเธอมาในที่ ๆ หรูหราขนาดนี้ จากการทำงานด้วยกันมา และการเจอกันโดยบังเอิญในครั้งแรกนั้น ทำให้หญิงสาวค่อนข้างมั่นใจว่าเจ้านายของเธอไม่ได้เป็นคนติดหรู
อาหารเลิศรสถูกทยอยมาเสิร์ฟตามลำดับ ทั้งคู่จัดการอาหารตรงหน้าโดยที่ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน เมื่อของคาวหมดลง พนักงานก็นำของหวานมาเสิร์ฟต่อทันที เป็นเค้กชาเขียวชิ้นเล็ก ๆ หน้าตาน่ารับประทาน
“เค้กที่นี่ไม่หวานนะ รับรองไม่อ้วน” ชายหนุ่มเอ่ยแนะนำราวกับเป็นเจ้าถิ่น มัลลิกาเผลอขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เธอจำได้ว่าโรงแรมนี้ไม่ใช่เครือของทากาฮาชิ แต่เจ้านายของเธอกลับรู้จึกที่นี่ดีราวกับเป็นโรงแรมตัวเอง
พลาธิปอมยิ้มเมื่อเห็นหญิงสาวทำหน้ายุ่งด้วยความสงสัย ท่าทางเลขาของเขาจะเป็นคนช่างสังเกตน่าดู
“เคยได้ยินไหม รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งน่ะ”
“เคยค่ะ” มัลลิกาพยักหน้ารับ ดวงตาเฉี่ยวมองเจ้านายหนุ่มอธิบายด้วยความสนใจ
“การได้ศึกษาการทำงานของคู่แข่ง มันจะทำให้เราได้เปรียบ” พลาธิปพูดพลางมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหันกลับมามองมัลลิกาอีกครั้ง “นอกจากที่จะต้องรู้งานของคู่แข่งแล้ว เราก็ต้องรู้งานของเราเองด้วย หลายครั้งที่ผมเข้าไปในโรงแรมตัวเองในฐานะแขก มันทำให้รู้ว่าพนักงานของเราปฏิบัติกับลูกค้าอย่างไร”
“แล้วเป็นอย่างไรบ้างคะ”
“ผมชอบที่คุณถามนะ มันทำให้รู้ว่าคุณสนใจ” พลาธิปเอ่ยชม “โรงแรมเราเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว เพราะฉะนั้นการบริการที่ดีคือหัวใจของพนักงานทุกคน แขกทุกคนที่ได้ไปพักต้องกลับไปด้วยความสุขและไม่รู้สึกเสียดายเงินที่จ่ายไป ผมเจอทั้งบริการที่ดีกว่ามาตรฐานและต่ำกว่ามาตรฐาน ถ้ามันต่ำมากไปทั้งพนักงานคนนั้นและหัวหน้างานจะได้รับใบเตือน ใบเตือนนี้มีผลกับเซอร์วิสชาร์จทุกเดือนเป็นเวลา 1 ปี โดน 1 ใบ ลดเซอร์วิสชาร์จ 20% 2 ใบจะลด 50% 3 ใบคือไล่ออก ทากาฮาชิให้ใจกับพนักงานทุกคน เราไม่เคยหวงเงินเดือนและสวัสดิการ แต่ถ้าพนักงานไม่ได้มาตรฐานเท่าที่ตั้งไว้ เราก็ไม่เอาไว้เช่นกัน”
“ฉันเห็นด้วยนะคะ ทั้งที่ทำทีว่าเป็นแขกเข้าไปใช้บริการเพื่อดูการทำงานของพนักงาน และบทลงโทษ”
“หายเกร็งหรือยัง”
“คะ?”
“คุณดูเกร็งมากนะเวลาอยู่กับผม เราต้องทำงานด้วยกันอีกนาน ทำตัวให้สบาย ไม่เข้าใจตรงไหนถามผมได้เสมอ”
“ขอบคุณมากนะคะ” มัลลิกาส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม บรรยากาศบนโต๊ะดีขึ้นตามลำดับ เมื่อหญิงสาวกล้าคุย กล้าถามมากขึ้น ชายหนุ่มเองก็ตอบทุกคำถามไม่มีเบื่อ
ความสัมพันธ์ดี ๆ กำลังก่อต่อขึ้นอย่างช้า ๆ
ตอนนี้งง ๆ ยังไงก็ไม่รู้ค่ะ เดี๋ยวอัพครบ 100 % อาจจะมีการรีไรท์นะคะ
ขอบคุณที่ติดตามนิยายของตะวันนะคะ
ช่องทางติดต่อตะวัน
Facebook : Sunflower
https://web.facebook.com/Sunflower-268692590198513/
Twitter : @sunflower_np
https://twitter.com/sunflower_np
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ