เรื่องเล่าเรื่องนึง
9.7
เขียนโดย นางฟ้าน้อยแสนสวย
วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 19.51 น.
4 ตอน
2 วิจารณ์
7,783 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2560 20.51 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) กุฏิ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเรื่องนี้คือเรื่องของผู้ชายคนหนึ่งเรื่องเกิดตอนที่เขาเรียนอยู่มัธยมต้นปีที่3 ในตอนนั้นเขาและเพื่อนที่เรียนชั้นเดียวกันต้องไปเข้าค่ายจริยธรรม 3วัน1คืน ที่วัดxx ซึ่งเป็นวัดที่ค่อนข้างเก่าและเงียบสงบไม่ค่อยมีใครเข้ามาวัดนี้บ่อยสักเท่าไหร่เพราะวัดนั้นแทบจะติดกับป่าและไม่ค่อยมีใครมองเห็นวัดถ้าเกิดไม่สังเกตดีๆ
เมื่อรถของทางโรงเรียนถึงวัดพวกเด็กนักเรียนทุกคนก็ต้องจัดแถวตามห้องแล้วเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บที่โรงนอนที่ทางวัดจัดเตรียมไว้ให้จากนั้นให้ลงมายังโบสถ์เพื่อเตรียมตัวทำกิจกรรม
เด็กนักเรียนทุกคนได้ทำกิจกรรมต่างๆ เช่น สวดมนต์ นั่งสมาธิ และอบรมจริยธรรมต่างๆพร้อมกิจกรรม กิจกรรมดำเนินไปค่อนข้างที่จะสนุกพระที่มาเป็นวิทยากรนั้นเป็นคนมีอารมณขันถึงแม้วัดจะค่อนข้างเงียบแต่ข้างในวัดก็มีสีสันไม่น้อย
เมื่อถึงเวลาทานข้าวครูก้ปล่อยนักเรียนให้ไปทานข้าวยังโรงทานทางไปโรงทานนั้นค่อนข้างวังเวงมากถึงแม้จะเวลาเที่ยงอยู่ทางเดินนั้นมีกุฏิร้างอยู่ภายในป่าที่ไม่สังเกตดีๆจะแทบมองไม่เห็นเลยชายคนนี้นเมื่อเดินผ่านสถานที่นั้นแล้วขนลุกวาบมันทั้งเย็นและโหวงท้องจนเขารีบเดินอย่างเร็วทันที
เมื่อทานข้าวเสร็จพวกครูเลยปล่อยรีแลค1ชั่วโมงค่อยมาทำกิจกรรมต่อเพื่อนของเขาคุยกันถึงเรื่องกุฏิร้างที่อยู่ในป่าพวกเพื่อนๆเขากะจะเข้าไปลองของในกุฏินั้นและชวนเขาไปด้วยเขาพยายามปัดเลี่ยงแต่ด้วยแรงกดดันในการชักชวนทำให้เขาต้องไป...
เมื่อเดินเข้าไปยังในป่าพวกเขาเดินขึ้นบันไดกุฏิไปเสียงบันไดที่ค่อนข้างเก่าและเสื่อมโทรมทำให้พวกเขาขึ้นได้ทีละคนเท่านั้น
เมื่อพวกเขาขึ้นไปกันครบก้ต้องผิดหวังเพราะประตูกุฏินั้นถูกล็อคโซ่หนาอย่างดี...
พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะกลับโดยชายหนุมเป็นคนแรกที่เดินลงไป
"ครืดดดด!!! แอ๊ดดด...."
อยู่โซ่ที่ถูกล็อคอยู่ก็หล่นลงมาและประตูก็เปิดรอต้อนรับพวกเขา...
พวกเพื่อนเขาตัดสินใจที่จะเข้าไปสำรวจข้างในกุฏิยกเว้นเขาที่ยืนรออยู่ข้างล่าง
ผ่านไปหลายนาทีพวกเพื่อนของเขาเข้าไปยังไม่ออกมาสักทีเขาจึงลองเดินขึ้นไปดู...
เมื่อเขาเดินขึ้นไปกับไม่พบเพื่อนของเขาแม้แต่คนเดียวเขามองเข้าไปข้างในก็เห็นโต๊ะบูชาที่มีหยากไย่เกาะอยู่เต็มไปหมดบนโต๊ะบูชามีชฎาและหัวโขนเมื่อเห็นอย่างนั้นเขาจึงรีบตะโกนหาเพื่อนของเขาทันทีแต่กลับไม่มีใครตอบรับ
อยู่ดีๆเขารู้สึกถึงความเย็นที่แผ่ซ่านมายังตัวเขาเขาจึงรีบหันหลังแล้ววิ่งลงบันไดทันที
"ตึก!! ฟลุ่บ!!"
บันไดกุฏิคงหมดระยะเวลาใช้งานหักลงและทำให้ตัวของเขานั้นหล่นไปยังใต้ถุนกุฏิร้าง
เขาปวดเจ็บปวดโอยสักพักสายตาของเขาก็ไปสะดุดกับด้านบนกุฏิเข้าเมื่อเขามองดีๆว่ามีรูเล็กอยู่ที่พื้นกุฏิเขาเพ่งสายตาดีๆก็พบว่ามีดวงตาสีแดงกำลังจ้องมองเขาอย่างน่ากลัว
"อ๊าก!!!"
เมื่อเขาเห็นสายตานั้นสติเขาจึงกระเจิงทันทีเขารีบวิ่งไปยังโบสถ์และบอกคุณครูคุณครูก็แตกตื่นกับเรื่องที่ได้ยินจึงไปบอกพระวิทยากรจากนั้นพระวิทยากรก็บอกให้คุณครูส่งตัวเขาและนักเรียนที่เหลือโดยด่วน
เด็กนักเรียนและเขาขึ้นรถของโรงเรียนโดยเร็วและคนขับรถจึงออกรถในทันที
ภาพสุดท้ายก่อนที่เขาจะออกจากวัดเขามองไปยังกุฏิร้างนั้นและเห็นเพื่อนๆและหญิงสาวสวมชฎาใส่ชุดไทยยืนจองรถของพวกเขาก่อนที่รถจะขับออกจากวัดไป...
หลังจากนั้นเขาก็ทำบุญชุดใหญ่ชุดโตส่วนเขาทราบอีกทีหลังว่าเพื่อนๆของเขาที่เข้าไปนั้นถูกพบเป็นศพไม่มีร่องรอยการต่อสู้ศพของเพื่อนเขานั้นถูกพบว่าอยู่ในกุฏิในสภาพที่คอหักและตาถลน.... และเรื่องราวนี้คือสิ่งที่เขาได้พบเจอ...
จบตอน
เมื่อรถของทางโรงเรียนถึงวัดพวกเด็กนักเรียนทุกคนก็ต้องจัดแถวตามห้องแล้วเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บที่โรงนอนที่ทางวัดจัดเตรียมไว้ให้จากนั้นให้ลงมายังโบสถ์เพื่อเตรียมตัวทำกิจกรรม
เด็กนักเรียนทุกคนได้ทำกิจกรรมต่างๆ เช่น สวดมนต์ นั่งสมาธิ และอบรมจริยธรรมต่างๆพร้อมกิจกรรม กิจกรรมดำเนินไปค่อนข้างที่จะสนุกพระที่มาเป็นวิทยากรนั้นเป็นคนมีอารมณขันถึงแม้วัดจะค่อนข้างเงียบแต่ข้างในวัดก็มีสีสันไม่น้อย
เมื่อถึงเวลาทานข้าวครูก้ปล่อยนักเรียนให้ไปทานข้าวยังโรงทานทางไปโรงทานนั้นค่อนข้างวังเวงมากถึงแม้จะเวลาเที่ยงอยู่ทางเดินนั้นมีกุฏิร้างอยู่ภายในป่าที่ไม่สังเกตดีๆจะแทบมองไม่เห็นเลยชายคนนี้นเมื่อเดินผ่านสถานที่นั้นแล้วขนลุกวาบมันทั้งเย็นและโหวงท้องจนเขารีบเดินอย่างเร็วทันที
เมื่อทานข้าวเสร็จพวกครูเลยปล่อยรีแลค1ชั่วโมงค่อยมาทำกิจกรรมต่อเพื่อนของเขาคุยกันถึงเรื่องกุฏิร้างที่อยู่ในป่าพวกเพื่อนๆเขากะจะเข้าไปลองของในกุฏินั้นและชวนเขาไปด้วยเขาพยายามปัดเลี่ยงแต่ด้วยแรงกดดันในการชักชวนทำให้เขาต้องไป...
เมื่อเดินเข้าไปยังในป่าพวกเขาเดินขึ้นบันไดกุฏิไปเสียงบันไดที่ค่อนข้างเก่าและเสื่อมโทรมทำให้พวกเขาขึ้นได้ทีละคนเท่านั้น
เมื่อพวกเขาขึ้นไปกันครบก้ต้องผิดหวังเพราะประตูกุฏินั้นถูกล็อคโซ่หนาอย่างดี...
พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะกลับโดยชายหนุมเป็นคนแรกที่เดินลงไป
"ครืดดดด!!! แอ๊ดดด...."
อยู่โซ่ที่ถูกล็อคอยู่ก็หล่นลงมาและประตูก็เปิดรอต้อนรับพวกเขา...
พวกเพื่อนเขาตัดสินใจที่จะเข้าไปสำรวจข้างในกุฏิยกเว้นเขาที่ยืนรออยู่ข้างล่าง
ผ่านไปหลายนาทีพวกเพื่อนของเขาเข้าไปยังไม่ออกมาสักทีเขาจึงลองเดินขึ้นไปดู...
เมื่อเขาเดินขึ้นไปกับไม่พบเพื่อนของเขาแม้แต่คนเดียวเขามองเข้าไปข้างในก็เห็นโต๊ะบูชาที่มีหยากไย่เกาะอยู่เต็มไปหมดบนโต๊ะบูชามีชฎาและหัวโขนเมื่อเห็นอย่างนั้นเขาจึงรีบตะโกนหาเพื่อนของเขาทันทีแต่กลับไม่มีใครตอบรับ
อยู่ดีๆเขารู้สึกถึงความเย็นที่แผ่ซ่านมายังตัวเขาเขาจึงรีบหันหลังแล้ววิ่งลงบันไดทันที
"ตึก!! ฟลุ่บ!!"
บันไดกุฏิคงหมดระยะเวลาใช้งานหักลงและทำให้ตัวของเขานั้นหล่นไปยังใต้ถุนกุฏิร้าง
เขาปวดเจ็บปวดโอยสักพักสายตาของเขาก็ไปสะดุดกับด้านบนกุฏิเข้าเมื่อเขามองดีๆว่ามีรูเล็กอยู่ที่พื้นกุฏิเขาเพ่งสายตาดีๆก็พบว่ามีดวงตาสีแดงกำลังจ้องมองเขาอย่างน่ากลัว
"อ๊าก!!!"
เมื่อเขาเห็นสายตานั้นสติเขาจึงกระเจิงทันทีเขารีบวิ่งไปยังโบสถ์และบอกคุณครูคุณครูก็แตกตื่นกับเรื่องที่ได้ยินจึงไปบอกพระวิทยากรจากนั้นพระวิทยากรก็บอกให้คุณครูส่งตัวเขาและนักเรียนที่เหลือโดยด่วน
เด็กนักเรียนและเขาขึ้นรถของโรงเรียนโดยเร็วและคนขับรถจึงออกรถในทันที
ภาพสุดท้ายก่อนที่เขาจะออกจากวัดเขามองไปยังกุฏิร้างนั้นและเห็นเพื่อนๆและหญิงสาวสวมชฎาใส่ชุดไทยยืนจองรถของพวกเขาก่อนที่รถจะขับออกจากวัดไป...
หลังจากนั้นเขาก็ทำบุญชุดใหญ่ชุดโตส่วนเขาทราบอีกทีหลังว่าเพื่อนๆของเขาที่เข้าไปนั้นถูกพบเป็นศพไม่มีร่องรอยการต่อสู้ศพของเพื่อนเขานั้นถูกพบว่าอยู่ในกุฏิในสภาพที่คอหักและตาถลน.... และเรื่องราวนี้คือสิ่งที่เขาได้พบเจอ...
จบตอน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ