I Choose You Baby! ประกาศรักจับใจยัยตัวดี
เขียนโดย วาเลน
วันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.20 น.
แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 22.49 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) (รีไรต์) Chapter 2 Nice to meet you (again).
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Chapter 2
Nice to meet you (again).
คนเราเวลาผ่านเรื่องซวยมาแล้ว ชีวิตก็จะสดใสซาบซ่าเหมือนที่ฉันเป็นอยู่ตอนนี้แหละ เพราะวันนี้เป็นวันธงชัยสำหรับฉันที่ได้มีโอกาสเข้ามาเป็นนักศึกษามหา’ลัยกับเขาวันแรก แม้จะจบช่างมาแต่ก็ปรับตัวเข้ากับเพื่อนใหม่ได้ดี
แต่ที่จริงมันก็ไม่ได้แตกต่างจากเดิมนักหรอกเพราะคณะวิศวะฯ มันก็มีแต่ผู้ชายซะส่วนใหญ่นี่นะ ตอนนี้ฉันจึงนั่งยิ้มแฉ่งอยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูงทั้งชายแท้ชายเทียมและมีผู้หญิงบ้างประปราย ส่วนคนที่กลายเป็นคู่หูของฉันไปแล้วตั้งแต่เช้ายันบ่ายก็คือ ‘เปเป้’ ชายเทียมสายแบ๊วหน้าขาวผ่องที่ดูจะถูกอกถูกใจกับจำนวนประชากรชายในคณะเหลือเกิน
“พี่ต้องบอกว่าขอยินดีต้อนรับน้อง ๆ ทุกคนเข้าสู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ของเรา แม้จะแบ่งออกเป็นหลายสาขาแต่เราก็มีเลือดวิศวะเหมือนกัน เพราะฉะนั้นพี่อยากให้น้องทุกคนเป็นเพื่อนและรู้จักกันไว้โดยยังไม่แยกสาขาในตอนนี้” พี่เตี้ยหน้าโหดกล่าวเปิดงาน
“และตอนนี้พี่ขอแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการก่อนนะครับ ในฐานะที่เป็นตัวแทนของพี่ปีสองคณะวิศวกรรมศาสตร์ พี่ชื่อว่า ‘พี่นิดหน่อย’…”
เงียบได้ไม่กี่วิหรอก หลังจากนั้นก็ฮาตรึมเพราะชื่อเสียงเรียงนามที่ดูหวานแหววเกินหน้าตาโหดเหี้ยมเกินมนุษย์มนาของพี่แกนั่นแหละ
“หัวเราะอะไรกัน!”
พี่นิดหน่อยตะโกนลั่นทำให้หลายคนที่หัวเราะอยู่ถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ และเสียงหัวเราะก็เริ่มเบาบางลงเมื่อทุกคนต่างพากันกลั้นหัวเราะเพราะหน้าโหด ๆ ของแกที่ดูจริงจังเหลือเกิน
“ชื่อพี่มันตลกนักหรือไง! ถ้างั้นลุกขึ้นแนะนำตัวเลย ใครชื่อตลกกว่าพี่โดนออกมาหน้าแถวแน่!”
และแล้วก็ถึงนาทีสร้างความประทับใจแรกโดยการแนะนำตัวพร้อมป้ายห้อยคออันใหญ่เบ้อเริ่ม จากนั้นน้องใหม่ก็เริ่มลุกขึ้นแนะนำตัวกับสาขาของตัวเองพร้อมเสียงเชียร์ของรุ่นพี่ที่มารอรับน้องสาขาอยู่ จนในที่สุดการแนะนำตัวก็ไล่เรื่อยมาจนถึงฉันซึ่งลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“หวัดดีค่ะ ชื่อ ‘คูเปอร์’ นะคะ อยู่สาขายานยนต์ค่ะ” ฉันแนะนำตัวพร้อมยกมือไหว้ทั่วทุกสารทิศให้กับพี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่ร่วมกันปรบมือและผิวปากเป็นการต้อนรับ ฉันจึงใช้โอกาสนี้ส่งยิ้มให้พี่ ๆ เพื่อเป็นการวางตัวเป็นน้องที่น่าเอ็นดูกับเหล่ารุ่นพี่
กึก!
แต่แล้วสายตาของฉันพลันไปสะดุดเข้ากับชายหนุ่มผู้หล่อเหลาซึ่งโบกมือทักทายฉันด้วยรอยยิ้มที่ไม่มีวันลืม...ไอ้โอป้าสีชมพู!
นี่มันวันธงชัยหรือวันบรรลัยกันแน่ฟะ! ทำไมฉันต้องมาพบเจอโจทก์เก่าแบบนี้ด้วยเนี่ยยยย
แม้ขาจะเริ่มสั่นแต่ปากก็ต้องกล้าเข้าไว้ ฉันก็เลยทำเป็นส่งยิ้มแฉ่งกลับไปให้แล้วรีบลงนั่งทันใดเพื่อให้เปเป้ลุกขึ้นแนะนำตัวต่อ
“ฮัลโหลลล~ เอฟรีวันนน เราชื่อ ‘เปเป้’ อยู่สาขายานยนต์เช่นกันค่า~” เสียงแนะนำตัวของเปเป้ช่วยบรรเทาอาการปอดแหกของฉันลงได้บ้าง เมื่อเสียงหัวเราะรอบตัวอื้ออึงขึ้น
“น้องเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” พี่นิดเอ่ยถามหน้านิ่งทำให้พวกเกรียนโห่ร้องเป็นเสียงเชียร์อย่างถูกอกถูกใจ
“เป็นตุ๊ดค่ะ!”
โหหหห นังเป้ตอบไม่เกรงใจหน้าโหดเถื่อนของอีพี่นิดเลยอะ ฉันกังวลใจว่าพี่นิดจะคิดว่านังเป้มันกวนเบื้องล่างหรือเปล่า แต่เขากลับหัวเราะเสียงดังลั่นเป็นครั้งแรกพลางชี้นิ้วมาที่มัน
“เออ ๆ มันต้องแบบนี้ เป็นก็บอกว่าเป็น! ไม่ต้องแอ๊บให้เสียเพื่อน! เด็กวิศวะต้องกล้าหาญ ต้องภูมิใจในตัวเองแบบนี้ ไอ้พวกที่หัวเราะเพื่อนน่ะ แมนนักหรือไง! ไม่ว่าจะเป็นหญิงเป็นชายหรือเพศไหน ๆ ถ้าเข้ามาในรั้วมหา’ลัยนี้แล้วก็ถือว่าเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้องกันทุกคน เข้าใจไหม!”
ทุกคนตอบรับกลับไปให้พี่นิดที่ดูจริงจังกับเรื่องนี้มาก
“เข้าใจก็ดี...ดูอย่างพี่เปิ้ลที่ชอบผู้หญิง พี่ยังเป็นเพื่อนกับมันได้เลย เห็นรึเปล่า” พี่นิดเดินไปกอดคอพี่ทอมหน้าตาน่าเอ็นดูที่เป็นเพื่อนตัวเอง
“ช่วยพูดความจริงด้วยครับคุณนิดว่าคุณจีบไอ้เปิ้ลไม่ติดเพราะตอนแรกคิดว่ามันเป็นแค่ผู้หญิงห้าว”
เสียงฮาดังลั่นลานหน้าคณะทำให้อีพี่นิดหน้าโหดเก็บอาการเขินไว้ไม่อยู่ รีบวิ่งเข้าไปปิดปากเพื่อนผู้ชายที่ตะโกนแหวกเข้ามากลางวง จึงทำให้ฉันเห็นว่ารุ่นพี่คนนั้นก็คือ...นายโอป้า!
ความกลัวในใจเริ่มส่อเค้าแน่ชัดว่าเขาเป็นรุ่นพี่คณะฉันอย่างแน่นอน ไอ้เปอร์คนนี้ขอวิงวอนกับสิ่งใด ๆ ในโลกหล้าอันศักดิ์สิทธิ์เลยว่าขอให้เป็นคนละสาขา ขอให้ไอ้เปอร์คนนี้อยู่รอดปลอดภัยในรั้วมหาวิทยาลัยนี้ไปได้ให้พ้นสี่ปีด้วยเถิดดด~
‘สาขาวิศวกรรมยานยนต์’
ป้ายตัวใหญ่เท่าฝาบ้านห้อยหราอยู่เหนือโต๊ะที่ตั้งอยู่แยกกันเพื่อให้ทุกคนไปลงชื่อตามโต๊ะสาขาของตัวเอง ส่วนฉันกับผองเพื่อนคือ ‘เปเป้’ ’เล็กน้อย’ ‘นัด’ และ ‘ดิว’ ต่างไปลงชื่อมาเรียบร้อยแล้วเพื่อเฝ้ารอการรับน้องสาขาของวันนี้
แปะ! แปะ! แปะ!
เหล่าน้องใหม่นั่งรวมกันอยู่บริเวณสนามหญ้าด้านหลังตึกซึ่งติดกับบ่อน้ำเขียวอี๋ของคณะวิศวะ หันเหความสนใจไปยังเสียงตบมือของเหล่ารุ่นพี่ที่เรียกให้น้อง ๆ สาขายานยนต์ที่เหลืออยู่ไม่ถึงร้อยคนเงียบเสียงลงเพื่อเข้าการรับน้องอย่างเต็มรูปแบบ
“เอาละ ๆ เลิกคุยกันได้แล้ว น้อง ๆ คงรู้จักพี่จากเมื่อวานนี้แล้วนะครับ เพราะฉะนั้นพี่คงไม่ต้องแนะนำตัวอีกให้เสียเวลา งั้นพี่จะให้พี่คนอื่นแนะนำตัวกับน้องอย่างรวดเร็ว”
ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นพี่นิดหน่อยหน้าโหดซึ่งอยู่สาขาเดียวกับฉัน ที่สำคัญดูเหมือนว่าพี่แกจะสนิทกับไอ้พี่โอป้านั่นด้วย ตอนนี้ฉันจึงแทบคลั่งสอดส่องหาใบหน้าหล่อเกาหลีของหมอนั่นอย่างหวาดหวั่นแต่...
ไม่มี! โอ้~ ขอบคุณพระเจ้า!
ดูเหมือนฉันคงได้หายใจสะดวกขึ้นก็คราวนี้ เมื่อเห็นว่าไม่มีเป้าหมายที่มองหา ฉันก็กลับมามีสมาธิจดจ่ออยู่กับการแนะนำตัวของเหล่ารุ่นพี่ได้อีกครั้งและสนุกสนานไปพร้อมเพื่อนได้เต็มที่เสียที
“ครบแล้วนะ” พี่นิดเอ่ยถามเพื่อน เมื่อพี่คนสุดท้ายแนะนำตัวกับพวกเราเสร็จสิ้นแล้ว
“เดี๋ยว ๆ ขาดโยไปคนนะ”
“อ้าว! ไอ้โย! ไอ้โยชิอยู่ไหนวะ”
โย -- โยชิ!
ม่ายยยย ชื่อนี้มันเกลื่อนกลาดขนาดนั้นเลยหรือไงกัน!
ยังไม่ทันรันทดกับชีวิตตัวเองไปมากกว่านี้ ไอ้ตัวกำหนดชะตาชีวิตของฉันก็เดินหล่อมาแต่ไกล ทุกสายตาจับจ้องไปที่เขารวมทั้งฉันที่อยากจะปล่อยให้น้ำตาไหลพรากออกมาด้วยความรันทดยิ่งในชีวิต YOY
“โทษที ๆ พอดีไปคุยธุระมานิดหน่อย เอ่อ...โอะไฮโยโกะไซมัสครับน้อง ๆ ทุกคน พี่ชื่อโยชินะครับ หล่อรวยนิสัยดี มีอะไรปรึกษาพี่ได้เลยนะครับ” นายโอป้าหน้าเกาหลีทักทายเป็นภาษาญี่ปุ่นพร้อมส่งรอยยิ้มแสนดีให้น้อง ๆ ที่ปรบมือต้อนรับอย่างกึกก้อง พร้อมเสียงกรีดร้องต้อนรับของเปเป้ที่ออกหน้าออกตาซะเหลือเกิน ทำให้หมอนั่นหันมาส่งยิ้มให้เปเป้ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ฉัน
นังเป้แกจะมาแรดอะไรตอนนี้ TUT เขาเห็นฉันอะ เห็นแน่ ๆ เกลียดรอยยิ้มมีเลศนัยของไอ้บ้านี่มากบอกเลย!
“แก ๆ หล่อเนอะเปอร์ ขอให้เขาเป็นพี่รหัสฉันเหอะ บนบานศาลกล่าว สาธุ!”
เออ! สาธุด้วยคน...ขอให้ไปให้พ้น ๆ จากฉันเถิดดด
“เอาเป็นว่ารู้จักกันหมดแล้วนะ จำหน้ากันไว้ให้ดีมีอะไรปรึกษาพวกพี่ได้ทุกคน พี่ต้องบอกว่าวันนี้เราจะไม่รับน้องอะไรที่มันหนักหนามากนัก คงแค่มีกิจกรรมสนุก ๆ ให้เราได้รู้จักกันมากขึ้น เพื่อที่เราจะไปจัดเต็มกันในสุดสัปดาห์นี้ที่บ้านไร่ทัศนาซึ่งเป็นสถานที่จัดกิจกรรมรับน้องของสาขาเราในปีนี้ ส่วนกำหนดการของกิจกรรมพี่จะบอกให้ทราบอีกทีในเย็นนี้เข้าใจนะทุกคน”
ทุกคนขานรับอย่างกระตือรือร้นคงมีแต่ฉันที่เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้วในตอนนี้ วันหยุดอันแสนสุขของฉันยังต้องมารับชะตากรรมนี้ต่ออีกเหรอเนี่ยยยย
~ชีวิตแค่โดนทำร้ายย~ แต่ที่สุดมันต้องไม่โดนทำลาย – กรีดแขนไม่ช่วย อารายยยย~YOY
โรงอาหารกลางแสนหรูหราของมหาวิทยาลัยแออัดไปด้วยนักศึกษาที่มาหาอะไรรองท้องในเวลาเดียวกัน พวกฉันจึงเลือกนั่งในทำเลที่ใกล้กับทางออกและร้านอาหารพอดีเพราะมันสะดวกและสามารถมองเห็นคนเข้าออกจากที่นี่ได้ชัดเจนซึ่งแน่นอนว่าเป็นความเห็นของเปเป้ที่บอกว่ามันเป็นนาทีทองของการสอดส่องเพชรน้ำดีของมหา’ลัยหรือถ้าเรียกให้ถูกก็คืออาการบ้าผู้ชายนั่นแหละ
“เปอร์ทำไมกินน้อยจัง กินแค่นี้จะอิ่มเหรอ” เล็กน้อยเอ่ยถามฉันที่ซื้อข้าวราดแกงสุดแสนธรรมดามากินซึ่งสวนทางกับภาพลักษณ์หรูหราของที่นี่
“อือ แค่นี้ก็อิ่มแล้ว”
“คนปกติก็อิ่มไงเปอร์ แต่สำหรับเล็กน้อยน่ะคงไม่ถึงครึ่งท้องมันหรอก” เปเป้ล้อเพื่อนตัวโตที่พวกเราทั้งโต๊ะก็หัวเราะเฮฮากันตามประสา
ซึ่งอยากจะบอกว่าฉันก็กินเยอะพอกับเล็กน้อยแหละ แต่วันนี้ฉันตั้งใจจะลดอาหารเพื่อไว้อาลัยให้ชะตาชีวิตตัวเองเหมือนพวกไถ่โคกระบือไง เผื่อว่าชีวิตจะได้ดีขึ้นกว่านี้น่ะ
“เอ่อ...ขอโทษนะน้อง ๆ พี่ขอนั่งด้วยคนได้ไหม”
ม่ายยยยย ได้โปรดดด ไปนั่งที่อื่นไกล ๆ เถิด TOT
“อ้าว! พี่โยชิ พี่นิด นั่งเลยค่ะ ที่เหลือเยอะแยะ...พวกแกเขยิบให้พี่เขาหน่อย”
นังเป้กระตือรือร้นอีกแล้วทั้งที่ก่อนหน้านี้มันไม่ยอมให้คนอื่นมานั่งร่วมโต๊ะเลย อ้างว่าพวกเราตัวเท่าควายกันทั้งนั้น นั่งรวมกันเยอะ ๆ ก็อึดอัดตาย แต่ที่จริงแล้วคงเป็นเพราะมันไม่หล่อดึงดูดใจเท่าไอ้ตัวที่ยืนอยู่ตอนนี้น่ะสิ!
แล้วดูมัน...ระริกระรี้ยิ่งกว่าปลากระดี่!
นังตุ๊ดสองมาตรฐาน! เลือกคบเพื่อนผิดคิดไปจนตายยยย T^T
“ขอบใจนะน้องเป้” นายโอป้าเหลือบมองป้ายชื่อและรีบขอบคุณ ก่อนหันไปกวักมือเรียกให้พี่นิดนั่งร่วมโต๊ะกับเราอีกคน
“เฮ้ย! ฉันเป็นพี่ว้ากนะเว้ย จะให้มาคลุกคลีกับน้องได้ไง”
ใช่ ๆ อย่าเอาตัวมาเกลือกกลั้วกับพวกฉันเล้ย
“ว้ากอะไรวะ เขารู้กันทั่วแล้วว่าแกน่ะปัญญาอ่อนสุดในบรรดารุ่นพี่สาขาไอ้นิด แอ๊บไปก็ไม่ขึ้นหรอก เลิกเรื่องมากแล้วมานั่งสักที” นายโอป้าส่ายหัวใส่พี่นิดและหย่อนก้นลงฝั่งตรงข้ามฉัน
“จริงเหรอครับพี่...แต่ที่จริงผมก็กลัวพี่นิดนะ” ดิวถามอย่างแปลกใจ ในขณะที่ฉันเบื่อไอ้คนที่ขัดใจความต้องการของพี่นิดเหลือเกิน
“ไม่ต้องกลัวหรอกน้อง ว้ากเวิ้กอะไร สาขาเราไม่มีหรอก” นายโอป้าบอก เริ่มลงมือกินข้าวของตัวเองทำให้พี่นิดจำต้องนั่งร่วมโต๊ะกับพวกเราด้วยอีกคน
“เออ...ปีที่แล้วมีการร้องเรียนเรื่องพี่ว้ากกันเยอะเลยน่ะ ปีนี้พวกพี่ก็เลยคิดว่าไม่ต้องโหดขนาดนั้นจะดีกว่าเพราะมันคงไม่เกิดประโยชน์อะไรหรอก แต่พวกน้องก็มีน้ำใจนะเนี่ย ขนาดกลัวพวกพี่ยังยอมให้นั่งด้วยเลย ขอบใจนะน้อง...คิดว่าต้องนั่งพื้นซะแล้ว คนโคตรเยอะเลย”
ก็น่าจะไปนั่งพื้นสิ!
แม้จะเข้าโหมดไถ่ชีวิตแต่เพราะไอ้สายตาจับจ้องอย่างสนอกสนใจเป็นพิเศษของไอ้โอป้า ฉันก็เลยต้องก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานที่เหลือราวกับว่าจะลงแข่งกินซ่าท้าดวลก็ไม่ปาน
“ข้าวที่นี่คงถูกปากน้อง ๆ ใช่ไหม ดูดิไอ้นิด...น้องคูเปอร์กินใหญ่เลย”
“แค่ก ๆ ๆ” จะทักทำไมเนี่ย! ข้าวแทบจะติดคอเลยนะเว้ย!
เอาวะ! ในเมื่อพี่ตูนก็บอกอยู่ว่า ~กรีดข้อมือก็ไม่ช่วยอะไร~ เพราะงั้นฉันจึงเงยหน้าที่เอ่อไปด้วยน้ำตาเพราะข้าวติดคอ เพื่อมองหน้าไอ้โอป้าที่กำลังส่งยิ้มละลายโสตประสาทมาให้
แกสนุกอะไรนักหนาไม่ทราบ -_-*
“ไหวหรือเปล่าเปอร์...อย่าตะกละเหมือนไอ้เล็กน้อยดิ เดี๋ยวก็ติดคอตายพอดี” เด็กอีสานนามว่าดิวเอ่ยแซวพลางดันขวดน้ำของฉันมาให้
ฉันส่งยิ้มแห้งให้เพื่อนในขณะที่ทั้งโต๊ะหัวเราะกับมุกแดกดันของไอ้ดิวโดยเฉพาะไอ้พี่โยชิที่นั่งยิ้มแฉ่งจับตามองฉันทุกการกระทำ
ยิ้มอะไรฟะ! ก็เพราะแกนั่นแหละ T.T
แม้จะอยากตะกุยหน้าไอ้พี่บ้านี่ให้เลิกยิ้มไปตลอดชีวิต แต่ความเป็นจริงที่ฉันเป็นน้องใหม่ที่ไม่ควรต่อกรกับรุ่นพี่ตั้งแต่เพิ่งเข้าเรียน ฉันจึงตัดสินใจว่าควรจะลุกออกจากโต๊ะไปก่อนดีกว่าเพื่อความปลอดภัย แต่คงต้องหาเหตุผลที่ไม่เสียมารยาทและไม่ดูปอดแหกเกินไปให้ได้เสียก่อน
“อ้าว! นั่นพี่นิกซ์ใช่หรือเปล่าครับพี่”
“เออว่ะ นั่นนิกซ์นี่หว่า น้องรู้จักไอ้นิกซ์ด้วยเหรอ” พี่นิดยืนยันพลางหันมาถามนัด
“ครับพี่ ผมเป็นแฟนคลับทีมวาร์ปตัวยงเลยครับ”
“จริงดิ! ขอบใจมากไอ้น้อง ได้เจอเอฟซีทั้งทีเดี๋ยวพี่เรียกไอ้นิกซ์มาให้แนะนำตัวเลย...ฟีนิกซ์!”
ฉันไม่ได้สนใจบทสนทนาเมื่อครู่มากนักเพราะมัวแต่คิดหาวิธีพาตัวเองออกจากโต๊ะ แต่พราะไอ้ชื่อที่ฉันจำได้ขึ้นใจยิ่งกว่านายโยชิ ฉันจึงรีบเงยหน้าขึ้นมองเป้าหมายใหม่ที่กำลังเดินตรงรี่เข้ามาที่โต๊ะของพวกเรา
มันช่างเหมือนเหตุการณ์คืนวิปโยคไม่มีผิด เมื่อสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือคู่กรณีนัมเบอร์วัน ‘ไอ้หน้าเลือดมือปลาหมึก!’ กำลังเดินอาด ๆ เข้ามาหาพวกเราพร้อมกับหนุ่มหล่อคมเข้มอีกคน
ตอนนี้ฉันตระหนักได้แล้วว่าคงฝากชีวิตไว้กับโชคชะตาของตัวเองมากเกินไป เมื่อพึ่งโชคชะตาไม่ได้ก็ต้องพึ่งขาของตัวเองนี่แหละเพราะตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ฉันจึงรีบลุกขึ้นเพื่อจะเผ่นออกจากวงล้อมของศัตรู
“น้องเปอร์จะไปไหนครับ” นายโอป้าหันมาถามฉันด้วยน้ำเสียงใสซื่อจนทุกสายตาบนโต๊ะหันมองฉันที่ยังถือจานข้าวไว้ในมือ
“เฮ้ย! นั่งกินด้วยกันก่อนดิน้องเปอร์ พวกพี่ไม่กวนหรอก กินต่อเลย ไม่ต้องเขิน” พี่นิดผู้ห่วงน้องเอื้อมมือมาดึงแขนฉันให้นั่งลงตามเดิม
กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึงงงง~
จะทำยังไงก็คงหนีไม่พ้น ฉันเลยได้แต่นั่งเบียดชิดกับเล็กน้อยจนแทบจะสิงมันอยู่แล้ว หวังเพียงว่าผีอาจบังตาให้ไอ้บ้านั่นมันมองข้ามหัวฉันไปบ้าง
“ไงไอ้โย ไอ้นิด”
“หวัดดีนิกซ์ หวัดดีคร้าบพี่วิน”
“หวัดดีนิด รับน้องเป็นไงบ้าง เหนื่อยเลยสิ”
“ไม่เหนื่อยหรอกพี่ น้อง ๆ น่ารักดี นี่ไง...เด็กเฟรชชี่สาขาผม”
อีพี่นิดดด! จะแนะนำทำมายยยย
เมื่อศัตรูมาประชิดตัวแล้ว ฉันจึงต้องรีบก้มหน้าลงไปสนใจข้าวในจานอีกครั้ง
“สวัสดีค่า/สวัสดีครับ”
ไอ้พวกนี้ก็มารยาทดีจริง ๆ ฉันก็พลอยต้องยกมือไหว้ทักทายพวกเขาแบบลวก ๆ โดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากจานข้าวเลยสักมิลเดียว
“อ้าว...นั่นพี่สาวปอร์เช่ไม่ใช่เหรอ”
ทำไมนะ! ทำไมไอ้พี่หล่อแสนเงียบขรึมหมายเลขสามถึงได้เลิกเป็นใบ้เอาตอนนี้ แถมยังสายตาดีเกินไปทั้งที่ฉันก้มหน้าจนจะสูดข้าวเข้าไปทางจมูกได้อยู่แล้วนะยะ!
“หึ...”
กระเดือกติดคอหรือไงไอ้หน้าเลือด! แถมยังแสยะยิ้มแสนอำมหิตมาให้อีก
“หมายถึงใครอะพี่วิน”
แกจะอยากรู้อยากเห็นไปทำไมตอนนี้นะอีพี่นิด!
“ก็น้องคนนี้ไง”
ฟึ่บ...
ฮือออ ชัดเจน! เขาชี้หน้าฉันเต็ม ๆ เลยอะ...ขอให้นิ้วกุด Y-Y
“อ๋อ น้องคูเปอร์เหรอ อ้าว...งั้นก็รู้จักกันแล้วสิ” ได้โปรดเถิดพี่นิดสุดที่ร๊ากกก อย่าเปิดประเด็นใหม่เลย
“อืม เคยเจอกันแล้ว...จำพวกพี่ได้หรือเปล่า...ที่งานคืนนั้นไง”
นี่ถามเพราะไม่รู้จริง ๆ หรือเปล่าเนี่ย ฉันเกือบหักแขนเพื่อนเขาขนาดนั้นแถมต่อล้อต่อเถียงฉอด ๆ ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ แกล้งกันใช่ไหม ตอบ! ถึงจะหล่อตรงใจก็ไม่ให้อภัยหรอกนะยะ T^T
“ฮ่า ๆ น้องคงจำไม่ได้หรอกเนอะ เจอกันแป๊บเดียวเอง หึหึ”
อีพี่โอป้าขี้ขยี้!
“งั้นเหรอ” พี่วินทำหน้าสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ฉันจึงรีบใช้โอกาสนี้ลุกพรวดขึ้นเพื่อชิ่งหนีซึ่งหน้า
“เอ้า! เปอร์จะไปไหนอะ อิ่มแล้วเหรอ” เปเป้ถาม
“พอดีหิวน้ำน่ะ”
“ก็นี่ไง น้ำแกอะ”
“ฉันอยากกินน้ำหวานอะ แกงโคตรเผ็ดเลย” ฉันรีบทำท่าเผ็ดซี้ดซ้าดขึ้นมาปัจจุบันทันด่วนเพื่อความสมจริง
“เอาน้ำพี่โยไปเลยครับน้องเปอร์ พี่ยังไม่ได้กิน”
โธ่ ๆ ๆ ใจกว้างดั่งมหาสมุทรไอ้พี่โยยยย ฉันรู้นะเว้ยว่าแกมีแผน!
นายโอป้าทำตัวเป็นพี่ที่ดีรีบยื่นแก้วน้ำของตัวเองมาให้
“ดูแลน้องดีนะไอ้โย ดูให้มันทั่วถึงด้วยนะครับ อย่าเลือกปฏิบัติ”
“ฮ่า ๆ กูจะพยายามก็แล้วกันนะไอ้นิด แต่ก็ต้องดูว่าจะปฏิบัติดีหรือปฏิบัติร้ายด้วยว่ะ”
ฮืออออ เน้นเสียงทำไมอะ
“งั้น...น้องคูเปอร์นั่งรออยู่นี่แหละครับ เดี๋ยวพี่ซื้อน้ำมาเผื่อ”
ฉันไม่มีทางกินอะไรที่แกซื้อมาฝากหรอกเฟ้ยไอ้หน้าเลือด!
“ไม่เป็นไรค่ะ เปอร์ไปซื้อเองดีกว่า” ฉันส่งยิ้มเป็นทัพหน้าพลางก้าวออกจากโต๊ะทันทีทันใด
“งั้นก็ไปด้วยกันเลยแล้วกันนะ”
หมับ!
สัมผัสเดียวขนลุกยันต้นคอ! ฉันรีบนั่งลงอย่างสงบเสงี่ยมตามเดิมเมื่อไอ้หล่อมันเอื้อมมือมาจับข้อมือฉันอย่างถือวิสาสะ เตรียมลากฉันออกจากโต๊ะ
“เอ่อ...เปอร์คิด ๆ แล้ว เปอร์รอนี่ดีกว่า ฮ่ะ ๆ ๆ” หัวเราะทั้งน้ำตาเลยโว้ยยยย
“ตามใจ...เดี๋ยวพี่ซื้อน้ำหวานอร่อย ๆ มาฝากนะ”
ไอ้หน้าเลือดเดินจากไปพร้อมพี่วินที่มองฉันด้วยสายตาเห็นใจแบบแปลก ๆ ทิ้งฉันให้ตกเป็นเป้าในวงสนทนา
“น้องเปอร์สนิทกับไอ้นิกซ์ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ไม่เคยเห็นมันจะซื้ออะไรให้ใครกินนอกจากคนสนิทเลยนะไอ้โย”
คนสนิทกันเขามองกันด้วยสายตาฆ่ากันแบบนั้นหรือไงอีพี่นิดโลกสวยยยย
“หึหึ พอดี...เคยมีความสัมพันธ์กันนิดหน่อยน่ะ”
แว้กกกกก! ความสัมพันธ์อะไรยะ พูดกำกวมแบบนั้นเพื่ออออ
“ความสัมพันธ์!”
“อะไรอะ!”
ทำไมทุกคนมันต้องขี้เสือกแบบนี้ด้วยนะ ไม่เข้าใจเลยโว้ย! ปล่อยผ่านไปบ้างก็ได้ ฮืออออ
“ไม่มีอะไร้ ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดกันเล้ย” เสียงสูงไปไหนวะเนี่ย T.T
“ไอ้นิกซ์มาพอดี ถามมันเอาแล้วกัน...เนอะ...น้องเปอร์”
แกทำรายการแฉแต่บ่ายกับเจ๊มดแดงหรือไงยะ ไอ้โอป้าสีชมพู!
“อ้ะ...น้ำครับน้องเปอร์ พี่เลือกร้านที่ใกล้ที่สุดเลยนะ กลัวน้องจะรอไม่ไหว”
ฉันไม่ได้รอแกเลยไอ้คนปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ รอยยิ้มแบบนี้มันไม่น่าไว้ใจเลยอะ
แม้จะอยากปฏิเสธแต่ก็ต้องจำใจส่งมืออันสั่นเทาไปรับแก้วน้ำที่ไม่ได้สีหวานแต่อย่างใดเพราะมันดูช้ำเลือดช้ำหนองมากกว่า
“พี่สั่งเมนูพิเศษมาให้เลยนะ มีแต่พืชผักสุขภาพทั้งนั้น รับรองว่าหวานเจี๊ยบ”
หวานเป็นลม ขมเป็นยาอะนะ ฉันไม่อยากกินอะไรหวาน ๆ หรอก กลัวตายยยย
“กินสิครับ...พี่อุตส่าห์ซื้อมาฝาก หรือว่า...น้องไม่ชอบกินผัก”
ไอ้หน้าตาหมาหงอยแบบนิ้ แกเสแสร้งแกล้งทำเห็น ๆ
แม้จะรู้ทันแค่ไหนแต่ก็จำใจยกแก้วในมือขึ้นจ่อที่ริมฝีปาก เพียงแค่ได้กลิ่นโคตรเหม็นเขียวก็แทบอ้วกแล้ว แกจะลอบสังหารฉันด้วยไอ้น้ำแก้วนี้สินะ TYT
“กินเยอะ ๆ เลย...จะได้แข็งแรง”
ไม่พูดเปล่านะ แต่ไอ้บ้านี่ดันยัดหลอดเข้ามาในปากฉันเฉยเลยอะ ทำไงได้...ดูดเข้าไปนิดเดียวคงไม่ถึงกับตายหรอกมั้ง
จ๊วบบบบบ
ไม่ตายครั้งนี้จะไปตายครั้งไหน!
จากที่ตั้งใจดูดแค่นิดเดียวแต่เพราะไอ้หลอดอันเท่าควายทำให้สารพัดกากลอยเข้ามาเต็มปาก คายก็ไม่ได้เคี้ยวก็ไม่ไหว กลืนแม่งได้อย่างเดียว
อึก!
“อร่อยล่ะสิ สูตรพิเศษของพี่เลยนะ”
สูตรยาพิษของแกสินะไอ้บ้าหน้าเลือด!
อยากจะพ่นคำด่าใส่หน้ามันแต่ความเขียวของพืชผักยังติดอยู่เต็มซอกฟัน ฉันก็เลยได้แต่อมขี้ปากเหมือนอมขี้ไม่มีผิด
“แกกับน้องเปอร์รู้จักกันมานานแล้วเหรอวะไอ้นิกซ์” พี่นิดยังไม่ลดละความเผือก
“อ๋อ...ก็...สักพัก”
สักพักอะไรยะ! รู้จักแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นแหละ แล้วก็ไม่ได้อยากรู้จักแล้วด้วยโว้ยยยย!
“ไม่ได้เจอกันเลยเนอะ...Nice to meet you again นะน้องเปอร์ ดีใจจริง ๆ ที่เราได้เจอกันอีก ต่อจากนี้เราคงได้เจอกันอีกนาน”
คงไม่นานหรอก...เพราะว่าฉันคงมีชีวิตอยู่อีกไม่นานน่ะ
~อนาคตก็ผ่านพ้นปายยย~YoY
ไม่เหลือแล้วอนาคตอันสดใสในรั้วมหาวิทยาลัยที่สาวน้อยอย่างฉันวางไว้ อุตส่าห์ตั้งใจจะอดข้าวเพื่อไถ่บาปให้ชีวิตตัวเองแต่อดทั้งชาติก็คงไม่ช่วยอะไรแล้วแหละ ทำไมฉันต้องซวยซ้ำซวยซ้อนซวยไม่มีโอกาสแก้ตัวขนาดนี้ด้วยนะ
ฉันยืนห่อเหี่ยวกางร่มอยู่ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายหน้ามหา’ลัยเพื่อรอโบกแท็กซี่กลับบ้าน ในหัวก็มีแต่เรื่องของศัตรูที่ได้เจอไปเมื่อบ่ายนี้วนเวียนอยู่ในหัวเพราะหลังจากที่ไอ้บ้านั่นประกาศว่ายินดีที่ได้เจอกันอีกครั้ง ฉันก็ถูกกลุ่มเพื่อนรุมถามว่าไปรู้จัก ‘แก๊งวาร์ป’ ได้ไง วาร์ปเวิบอะไรไม่รู้จักทั้งนั้นแหละ ถ้ารู้ว่าไอ้แก๊งหล่อขอทำเลวมันมีอิทธิพลขนาดนี้ ฉันคงยอมมอบไอ้ปอร์เช่ให้เฮียแขกไปปู้ยี่ปู้ยำแล้วละจะได้ไม่ต้องมาตกที่นั่งลำบากแบบนี้
แถมเรื่องใหญ่สุดตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้นการรับน้องที่ฉันยังคงต้องไปเผชิญกรรมตอนปลายสัปดาห์ โดยมีไอ้ออร่าหน้าเลือดที่อยู่ภาคอินเตอร์แต่เสนอหน้ารับคำพี่นิดว่าจะไปกับพวกเราด้วย ทำให้เฟรชชี่สาขาเราตื่นเต้นกันยกใหญ่และบอกว่าเป็นเกียรติเป็นศรีแก่คณะเราเหลือเกินเพราะเขามีฐานะเป็นถึงทายาทของเจ้าของมหา’ลัยเลยน่ะสิ ทำไมมันต้องเชื่ออะไรผิด ๆ กันแบบนั้นด้วยนะ
เอี๊ยด!
ฉันละความคิดหม่นหมองทุกอย่างในหัวลงทันใดที่มีรถสปอร์ตสีดำสุดหรูเข้ามาจอดเทียบอยู่ข้างทางเท้าตรงหน้าฉัน
ปิ๊น! ปิ๊น!
เสียงแตรรถดังขึ้นเรียกให้ฉันต้องเดินเข้าไปใกล้ตัวรถเพื่อก้มลงไปมองเจ้าของรถที่กำลังลดกระจกลง
“นาย!” ฉันช็อกจนเกือบจะปล่อยร่มออกจากมือเลยเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของไอ้หน้าเลือดนั่น
“เธอ...ขึ้นรถมาคุยกันหน่อย” เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ ไม่มีรอยยิ้มเสแสร้งแกล้งทำเหมือนเมื่อกลางวันนี้หลงเหลืออยู่เลย
“จะคุยอะไรก็ลงมาคุยข้างนอกสิ” ฉันไม่ไว้ใจแกหรอกย่ะ เมื่อกลางวันเจอน้ำผักอาบยาพิษ ตอนนี้แกอาจจะลมควันพิษฉันในรถก็ได้
“เธอติดหนี้ฉันอยู่นะยัยบึ้ก เพราะฉะนั้นเธอไม่มีทางเลือกหรอก รู้ไว้ซะด้วย”
“ฉันติดหนี้อะไรนายไม่ทราบ”
“หนี้ค่าไถ่รถ เอาของประกันหนี้ของฉันไป แถมทำร้ายร่างกายอีก เธอคิดว่าจะชดใช้ให้ฉันยังไงล่ะ”
“นั่นมันไม่ใช่ความผิดฉันสักหน่อย! ไอ้ปอร์มันก็ยอมรับใช้หนี้ให้นายแล้วด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องหนี้ยังไงนายก็ได้คืนแน่นอนถึงจะช้าหน่อยก็เหอะ ส่วนรถนั่นมันไม่ใช่ของนาย ฉันก็มีสิทธิ์จะเอามันกลับไปคืนลูกค้าอยู่แล้ว”
“แล้วที่เธอทำร้ายร่างกายฉันล่ะยัยถึกบึกบึน!”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย!”
“คิดว่ามันเป็นคำแก้ตัวที่ดีเหรอฮะ! ฉันมีทางเลือกให้เธอแค่สองทางเท่านั้นแหละที่จะทำให้เธอได้เรียนที่นี่อย่างสงบสุขได้”
นี่มันขู่กันชัด ๆ เลยอะแต่ฉันก็พอจะรู้ชะตากรรมตัวเองอยู่หรอกนะว่าต้องเจออะไรแบบนี้แน่ ๆ
“ทางเลือกอะไรของนาย” แม้อยากจะตอบโต้อะไรที่มันกล้าหาญกว่านี้ แต่เพราะฉันไม่มีทางเลือกมากนักจึงต้องยอมลดราวาศอกลงเสียหน่อย
“ถ้าเธออยากอยู่ที่อาณาจักรของฉันอย่างสงบสุขก็มีสองสถานะให้เธอเลือก... ‘เบ๊’ หรือ ‘ลูกหนี้’”
“แล้วมันจะต่างกันตรงไหนไม่ทราบในเมื่อฉันก็ต้องเป็นขี้ข้านายอยู่ดีนั่นแหละ!” ฉันแว้ดใส่ไอ้หน้าเลือดทันทีเพราะไม่ว่าจะเลือกทางไหนฉันก็เสียเปรียบโคตร ๆ
“รออยู่ตรงนี้”
“ฮะ?” ฉันงุนงงกับคำสั่งไม่มีปี่มีขลุ่ยของเขาแต่ก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เฝ้าดูเขาพารถสปอร์ตคันงามถอยหลังไปไม่กี่เมตรและขับผ่านหน้าฉันไปอย่างรวดเร็ว
ซ่า!
นี่มัน...ทำบ้าอะไรของมันฟะเนี่ย!
ฉันเปียกโชกไปเกือบครึ่งตัวเพราะน้ำที่ขังอยู่ข้างทางเท้าสาดกระเด็นเข้าใส่ชุดนักศึกษาของฉันจนเลอะไปเกือบถึงหน้าอก
เอี๊ยด!
ฉันเดินลงจากทางเท้าเมื่อไอ้บ้านั่นถอยรถกลับเข้ามาจอดที่เดิม ฉันพยายามเปิดประตูรถของไอ้หน้าเลือดแต่เขาล็อกมันไว้ ฉันจึงเตะประตูรถไปสองสามทีก่อนที่เจ้าของรถจะเลื่อนกระจกลงมามองฉันอีกครั้ง
“ทำบ้าอะไรของนายฮะไอ้หน้าเลือด!”
“ก็เธออยากรู้ถึงความแตกต่างของเบ๊กับลูกหนี้ไม่ใช่หรือไง”
“แล้วมันจะต่างยังไงฮะไอ้บ้า!”
“ต่างสิ...เพราะถ้าเป็นเบ๊ก็จะเปื้อนแบบนี้แหละ แต่ถ้าเป็นลูกหนี้เธอก็แค่ต้องใช้หนี้แค่นั้นเอง”
“นี่นายขู่ว่าจะแกล้งฉันแบบนี้อีกใช่ไหมฮะ!”
“เธอเลือกเป็นเบ๊เหรอ”
“ฉันไม่ยอมเป็นเบ๊นายหรอกไอ้หน้าเลือด!”
“อือ...งั้นก็ยอมเป็นลูกหนี้แล้วสินะ”
“ฉันไม่เป็นอะไรทั้งนั้นแหละไอ้ --”
“จุ๊ ๆ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจสิยัยบึ้ก ฉันว่าเธอยังมีเวลาตัดสินใจอีกเยอะเพราะฉันจะทำให้เธอเห็นความแตกต่างระหว่างเบ๊กับลูกหนี้ว่ามันสวรรค์กับนรกเลยละ” รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าของไอ้ออร่าก่อนที่เขาจะเลื่อนกระจกรถขึ้นจนเกือบจะหนีบนิ้วฉันขาดและเคลื่อนรถออกไป
ส่วนฉันก็ได้แต่ยืนแข็งค้างเป็นรูปปั้นที่เปียกโชกไปด้วยน้ำรอการระบายของกทม. และเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกว่างเปล่าเคว้งอยู่ในหัว ไม่มีคำใดอธิบายความรู้สึกของฉันได้ มีเพียงความรู้สึกแรงกล้าอย่างหนึ่งผุดขึ้นมากลางใจ...
ปอร์เช่ -- ฉัน -- จะ -- ฆ่าแกกกกก!!!
โทษฐานที่มันชักนำให้ฉันต้องมาพบเจอชะตาชีวิตที่พลิกผันถึงเพียงนี้ TTOTT
ปล. ตอนนี้โครงเรื่องหลักยังเหมือนเดิมนะคะ แต่ตอนอื่น ๆ ก็จะมีเปลี่ยนแปลงบ้างทั้งเพิ่มและตัดบางเหตุการณ์ จะลงให้อ่านประมาณ 4-5 ตอนนะคะ
ส่วนที่ลงมาแล้วก็จะไล่ลบออกหลังจากลงตอนรีไรต์แล้วนะคะ ใครที่ชอบก็ฝากติดตาม E-Book กันด้วยนะคะ Thanks Kaa ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ