10 วันของผม ก่อนที่โลกจะหายไป
-
เขียนโดย Ories
วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 08.30 น.
2 ตอน
1 วิจารณ์
3,881 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2560 20.10 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) และโอกาสช่วยโลกครั้งแรกก็เกือบมาพังเพราะเพื่อนสาว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ19/12/2019 6.00 น.
ติ๊ดๆ ๆ ติ๊ดๆ ๆ ติ๊ดๆ ๆ
เสียงนาฬิกาปลุกดังวนอยู่อย่างนั้นหลายรอบ ถึงผมจะตื่นแล้วแต่ก็ไม่มีแรงที่จะเอื้อมมือไปปิดอยู่ดี
“นี่ ทำไมไม่ปิดนาฬิกาปลุกล่ะพี่ ตั้งไว้เองแท้ๆ”
น้องสาวผม คานะ เรนะ เดินเข้ามาในห้องของผมแล้วมาปิดนาฬิกาปลุกให้ ว่าแต่ว่าเธอเข้ามาตอนไหนกันล่ะเนี่ย
“ข้าวเช้าเสร็จแล้วนะรีบไปเตรียมตัวได้แล้ว”
ผมมองตาน้องสาวของผมขณะที่กำลังพยายามดงตัวเองขึ้นมานั่งให้ได้ ตอนเด็กๆชอบมีหลายๆคนบอกว่าเราสองคนคล้ายกันมากเหมือนฝาแฝดเลยทั้งๆที่ไม่ได้เกิดพร้อมกัน ทั้งผมสีดำสนิทและดวงตาสีเขียว ติดที่ว่าผมเป็นคนพูดน้อยเกินไปและเธอพูดมากเกินไปนั่นแหละที่ต่างกัน
พอน้องสาวเดินออกจากห้องไปแล้วผมดึงตัวเองขึ้นมานั่งได้ ผมก็นึกถึงเรื่องการช่วยโลกที่ได้คุยกับไอไป
“ช่วยโลกงั้นเหรอ? ช่างมันเถอะ อาจจะเป็นแค่จินตนาการของฉันเองก็ได้ ไม่ต้องคิดมากดีกว่า”
ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่สำหรับผมไม่ใช่
“วันนี้กับข้าวก็เหมือนเดิมนะ”
ผมเดินลงมาจากบันไดแล้วหันไปเจอหน้าน้องสาวที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะกินข้าวอยู่ก่อนแล้วพอมองไปกับข้าวก็เป็นอย่างที่เธอพูด
เหมือนเมื่อวานทุกอย่าง เบคอน2 ไข่ดาว1พร้อมขนมปัง
สงสัยน้องสาวของผมคงทำอาหารอย่างอื่นไม่เป็นแต่ผมก็ว่าเธอไม่ได้หรอก เพราะว่าผมก็ทำอาหารไม่เป็นเลยสักอย่าง
น.
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยพวกเราก็เดินทางไปโรงเรียน ผมใส่ผ้าพันคอสีแดงแทนผ้าปิดปากที่เคยใช้ช่วงหน้าร้อนเพราะตอนนี้มันช่วงหน้าหนาว เอาจริงๆตัวผมน่ะจำได้แค่เส้นทางเท่านั้นแหละ ส่วนชื่อโรงเรียนผมไม่ได้จำหรือแม้แต่ประเทศผมก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองอยู่ประเทศไหน แปลกดีใช่ไหมล่ะ? คงเพราะผมไม่คิดจะจำนั่นแหละ
“นี่เรนะ ถ้าเธอต้องช่วยโลกโดยมีโอกาศ 10 ครั้งเธอจะทำมันไหม”
ผมถามน้องสาวออกไปส่งๆโดยไม่ได้คิดอะไรแต่เธอกลับแสดงๆปฏิกิริยาที่ดูก็รู้ว่าเธอคิดว่าผมป่วย
เธอเอามือมาอังหน้าผากผมแล้วเอากลับไปอังหน้าผากตัวเอง
“ก็ไม่ได้ป่วยนี่นา”
“นี่เธอหมายความว่าไงกัน”
น้องผมคงคิดว่าผมป่วยเลยพูดอะไรแปลกๆออกมา
“คิดว่าพี่ป่วยน่ะสิ”
เธอหันหน้ามาหาผมพร้อมกับทำหน้าตาสงสัย
“ *เฮ้อ* ช่างมันเถอะ เธอจะคิดยังไงนั่นก็สิทธิ์ของเธอแต่พี่ไม่ได้ป่วยหรอกนะจะบอกให้”
ผมพูดพรางเอามือลูบหัวเธอไปด้วย แล้วเธอก็ทำหน้าเหมือนไม่พอใจแล้วกัดเข้าที่มือผมเบาๆ
บางคนอาจจะบอกว่าผมเกลียดผู้คนนี่ แล้วทำไมคุยกับน้องสาวได้เหมือนปกติเลยล่ะ
ตรงนี้ก็อยากจะบอกว่าผมคุยแบบนี้ได้กับแค่ไม่กี่คนหรอกนะ ต้องสนิทสุดๆถึงจะคุยแบบนี้ได้
เพราะถ้าไม่คุยกับใครแล้วเวลามีปัญหาจะทำยังไงล่ะ จริงไหม?
“นี่เจ็บนะปล่อยสิ”
ผมพยายามสะบัดมือเบาเพื่อให้เธอหยุดกัดแต่ก็ไม่เป็นผล
“ไอ้ อ่อย ออก (ไม่ ปล่อย หรอก)“
นั่นคือคำพูดที่เธอพูดออกมา จะว่าไปเวลาเธอทำแบบนี้ก็น่ารักดีนะ เหมือนลูกหมาตัวเล็กๆกำลังกัดมือเบาๆเลย
พอสบัดหลายๆครั้งแล้วเธอไม่ปล่อยผมจึงกลับไปคิดเรื่องที่ไอบอกเมื่อคืนในฝัน
‘3.ถ้าพลาดเรย์จิจะตื่นขึ้นมาที่นี่พร้อมกับตต้องสูญเสียงตัวตนของตัวเอง1อย่างไป’
ถ้าพลาดจะเสียตัวตน1อย่างไปงั้นเหรอ ว่าแต่ตัวตนนั่นคืออะไรล่ะ
ผมที่กำลังเหม่อคิดเรื่องนั้นก็ได้เดินไปชนกับใครบางคนที่หน้าประตูโรงเรียนเข้า แล้วล้มลงพร้อมกับน้องสาวที่ยังกัดมือผมไม่ปล่อย
“นี่นายช่วยเดินดูทางหน่อยได้ไหม”
คนที่ผมเดินไปชนก็คือ สึบาสะ ริน เธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กของผมเอง อยู่ที่โรงเรียนจะเรียกเธอว่าเป็นไอดอลก็ได้เพราะเก่งไปซะทุกเรื่อง ทั้งเรื่องเรียน กีฬา หรือเรื่องอื่นๆที่พอจะนึกได้
พอถูกดึงกลับมาจากการเหม่อผมก็เห็นเธอถือกรรไกรไว้พร้อมรังสีอำมหิต
เธอจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งเมื่อไม่พอใจอะไรสักอย่างแล้วตอนนี้เธอไม่พอใจอะไรกันล่ะเนี่ย?
“ทำไมพี่น้องคู่นี้ดูสนิทกันเกินไปน้องจังเลยคะ มันดูไม่เหมาะสมนะที่จะมาทำที่โรงเรียน เดี๋ยวเชือดทิ้งซะเลย”
พูดเรื่องอำมหิตแบบนั้นได้ด้วยรอยยิ้มสมเป็นรินจริงๆ ผมสีส้มอ่อนกับดวงตาสีเดียวกัน ถ้าไม่ติดว่าผมรู้ส่วนนี้ของเธอผมคงบอกว่าเธอน่ารักไปแล้วล่ะ
‘และแล้วโอกาสแรกของการช่วยโลกก็เกือบมาพังเพราะเพื่อนสาว’
ติ๊ดๆ ๆ ติ๊ดๆ ๆ ติ๊ดๆ ๆ
เสียงนาฬิกาปลุกดังวนอยู่อย่างนั้นหลายรอบ ถึงผมจะตื่นแล้วแต่ก็ไม่มีแรงที่จะเอื้อมมือไปปิดอยู่ดี
“นี่ ทำไมไม่ปิดนาฬิกาปลุกล่ะพี่ ตั้งไว้เองแท้ๆ”
น้องสาวผม คานะ เรนะ เดินเข้ามาในห้องของผมแล้วมาปิดนาฬิกาปลุกให้ ว่าแต่ว่าเธอเข้ามาตอนไหนกันล่ะเนี่ย
“ข้าวเช้าเสร็จแล้วนะรีบไปเตรียมตัวได้แล้ว”
ผมมองตาน้องสาวของผมขณะที่กำลังพยายามดงตัวเองขึ้นมานั่งให้ได้ ตอนเด็กๆชอบมีหลายๆคนบอกว่าเราสองคนคล้ายกันมากเหมือนฝาแฝดเลยทั้งๆที่ไม่ได้เกิดพร้อมกัน ทั้งผมสีดำสนิทและดวงตาสีเขียว ติดที่ว่าผมเป็นคนพูดน้อยเกินไปและเธอพูดมากเกินไปนั่นแหละที่ต่างกัน
พอน้องสาวเดินออกจากห้องไปแล้วผมดึงตัวเองขึ้นมานั่งได้ ผมก็นึกถึงเรื่องการช่วยโลกที่ได้คุยกับไอไป
“ช่วยโลกงั้นเหรอ? ช่างมันเถอะ อาจจะเป็นแค่จินตนาการของฉันเองก็ได้ ไม่ต้องคิดมากดีกว่า”
ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่สำหรับผมไม่ใช่
“วันนี้กับข้าวก็เหมือนเดิมนะ”
ผมเดินลงมาจากบันไดแล้วหันไปเจอหน้าน้องสาวที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะกินข้าวอยู่ก่อนแล้วพอมองไปกับข้าวก็เป็นอย่างที่เธอพูด
เหมือนเมื่อวานทุกอย่าง เบคอน2 ไข่ดาว1พร้อมขนมปัง
สงสัยน้องสาวของผมคงทำอาหารอย่างอื่นไม่เป็นแต่ผมก็ว่าเธอไม่ได้หรอก เพราะว่าผมก็ทำอาหารไม่เป็นเลยสักอย่าง
น.
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยพวกเราก็เดินทางไปโรงเรียน ผมใส่ผ้าพันคอสีแดงแทนผ้าปิดปากที่เคยใช้ช่วงหน้าร้อนเพราะตอนนี้มันช่วงหน้าหนาว เอาจริงๆตัวผมน่ะจำได้แค่เส้นทางเท่านั้นแหละ ส่วนชื่อโรงเรียนผมไม่ได้จำหรือแม้แต่ประเทศผมก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองอยู่ประเทศไหน แปลกดีใช่ไหมล่ะ? คงเพราะผมไม่คิดจะจำนั่นแหละ
“นี่เรนะ ถ้าเธอต้องช่วยโลกโดยมีโอกาศ 10 ครั้งเธอจะทำมันไหม”
ผมถามน้องสาวออกไปส่งๆโดยไม่ได้คิดอะไรแต่เธอกลับแสดงๆปฏิกิริยาที่ดูก็รู้ว่าเธอคิดว่าผมป่วย
เธอเอามือมาอังหน้าผากผมแล้วเอากลับไปอังหน้าผากตัวเอง
“ก็ไม่ได้ป่วยนี่นา”
“นี่เธอหมายความว่าไงกัน”
น้องผมคงคิดว่าผมป่วยเลยพูดอะไรแปลกๆออกมา
“คิดว่าพี่ป่วยน่ะสิ”
เธอหันหน้ามาหาผมพร้อมกับทำหน้าตาสงสัย
“ *เฮ้อ* ช่างมันเถอะ เธอจะคิดยังไงนั่นก็สิทธิ์ของเธอแต่พี่ไม่ได้ป่วยหรอกนะจะบอกให้”
ผมพูดพรางเอามือลูบหัวเธอไปด้วย แล้วเธอก็ทำหน้าเหมือนไม่พอใจแล้วกัดเข้าที่มือผมเบาๆ
บางคนอาจจะบอกว่าผมเกลียดผู้คนนี่ แล้วทำไมคุยกับน้องสาวได้เหมือนปกติเลยล่ะ
ตรงนี้ก็อยากจะบอกว่าผมคุยแบบนี้ได้กับแค่ไม่กี่คนหรอกนะ ต้องสนิทสุดๆถึงจะคุยแบบนี้ได้
เพราะถ้าไม่คุยกับใครแล้วเวลามีปัญหาจะทำยังไงล่ะ จริงไหม?
“นี่เจ็บนะปล่อยสิ”
ผมพยายามสะบัดมือเบาเพื่อให้เธอหยุดกัดแต่ก็ไม่เป็นผล
“ไอ้ อ่อย ออก (ไม่ ปล่อย หรอก)“
นั่นคือคำพูดที่เธอพูดออกมา จะว่าไปเวลาเธอทำแบบนี้ก็น่ารักดีนะ เหมือนลูกหมาตัวเล็กๆกำลังกัดมือเบาๆเลย
พอสบัดหลายๆครั้งแล้วเธอไม่ปล่อยผมจึงกลับไปคิดเรื่องที่ไอบอกเมื่อคืนในฝัน
‘3.ถ้าพลาดเรย์จิจะตื่นขึ้นมาที่นี่พร้อมกับตต้องสูญเสียงตัวตนของตัวเอง1อย่างไป’
ถ้าพลาดจะเสียตัวตน1อย่างไปงั้นเหรอ ว่าแต่ตัวตนนั่นคืออะไรล่ะ
ผมที่กำลังเหม่อคิดเรื่องนั้นก็ได้เดินไปชนกับใครบางคนที่หน้าประตูโรงเรียนเข้า แล้วล้มลงพร้อมกับน้องสาวที่ยังกัดมือผมไม่ปล่อย
“นี่นายช่วยเดินดูทางหน่อยได้ไหม”
คนที่ผมเดินไปชนก็คือ สึบาสะ ริน เธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กของผมเอง อยู่ที่โรงเรียนจะเรียกเธอว่าเป็นไอดอลก็ได้เพราะเก่งไปซะทุกเรื่อง ทั้งเรื่องเรียน กีฬา หรือเรื่องอื่นๆที่พอจะนึกได้
พอถูกดึงกลับมาจากการเหม่อผมก็เห็นเธอถือกรรไกรไว้พร้อมรังสีอำมหิต
เธอจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งเมื่อไม่พอใจอะไรสักอย่างแล้วตอนนี้เธอไม่พอใจอะไรกันล่ะเนี่ย?
“ทำไมพี่น้องคู่นี้ดูสนิทกันเกินไปน้องจังเลยคะ มันดูไม่เหมาะสมนะที่จะมาทำที่โรงเรียน เดี๋ยวเชือดทิ้งซะเลย”
พูดเรื่องอำมหิตแบบนั้นได้ด้วยรอยยิ้มสมเป็นรินจริงๆ ผมสีส้มอ่อนกับดวงตาสีเดียวกัน ถ้าไม่ติดว่าผมรู้ส่วนนี้ของเธอผมคงบอกว่าเธอน่ารักไปแล้วล่ะ
‘และแล้วโอกาสแรกของการช่วยโลกก็เกือบมาพังเพราะเพื่อนสาว’
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ