Time to be us: รักฉันนั้นเพื่อเรา
-
เขียนโดย หญิงวรรณน์
วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 12.00 น.
3 ตอน
1 วิจารณ์
6,559 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2560 12.41 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) -3-
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ รุ่งเช้า ฉันลงมากินข้าวที่ครัวด้วยสภาพไม่ต่างจากซอมบี้ อาจจะด้วยเพราะแปลกที่ หรือจะเพราะหัวใจที่กระหน่ำเต้นแรงทุกครั้งที่นึกถึงสัมผัสอุ่น ๆ ที่ศีรษะเมื่อตอนค่ำก็ไม่ทราบ
ฉันถอนหายใจยาวแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะกินข้าว ใจจริงอยากจะโขกหัวแรง ๆ ลงไปด้วยซ้ำ ฮื้อออออ เป็นบ้าอะไรของเธอวะนณาย!
“คุณหนูโอเคนะครับ”
พ่อบ้างเหลียงเอยทักขณะที่สองมือประคองข้าวต้มถ้วยโตวางไว้ตรงหน้า ฉันค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นตอบคำสนทนา
“ขอบคุณค่ะ หนูไม่เป็นไรหรอก แค่นอนไม่หลับนิดหน่อย”
พ่อบ้านยิ้มน้อย ๆ แล้วเดินจากไป ไม่นานร่างสูงที่ฉันนึกถึง ไม่ใช่สิ ร่างสูงเฉย ๆ ก็พอแล้วย่ะ ...ร่างสูงของคุณธามก็เดินเข้ามาร่วมโต๊ะ
“อรุณสวัสดิ์สาวน้อย J”
ถึงตอนนี้ฉันเริ่มจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นศิลปินชั้นเซียนขึ้นมาบ้างแล้ว ...ฉันรู้สึกได้ว่ารอยยิ้มของเค้าไม่แห้งเหี่ยวอีกต่อไป รอยยิ้มนั่นฉายประกายบางอย่างออกมาให้เห็น สัมผัสได้ดังนั้นก็พาลให้หัวใจพองโตขึ้นไปอีก ฉันยิ้มหวานส่งให้ตัวเองแล้วเผื่อแผ่ไปยังคนตรงหน้าด้วย
“คุณธามก็ดูสดใสขึ้นกว่าวันแรก ๆ ที่เราเจอกันนะคะ”
“ผมน่ะหรอสดใส ? เธอเป็นคนแรกในรอบ อืม... อาจจะแปดปี ที่ทักผมว่าสดใส”
“บ้าน่าคุณธาม ใครจะหม่นหมองได้นานขนาดนั้นล่ะ ถ้าเป็นฉันคงบ้าตายกันพอดี ...คุณยิ้มแบบนี้บ่อย ๆ น่ารักดีออก นณายชอบมอง”
บ้าสิ! นี่ฉันกำลังอ่อยเจ้านายตัวเองอยู่นะ! อันตรายแล้วไง คุณพระคุณเจ้าเจ้าขาช่วยดึงสติฉันทีเถอะนะ คุณธามไม่พูดอะไรต่อ เพียงแต่ยกมือขึ้นมายีผมฉันเบา ๆ แล้วส่งยิ้มละลายให้อีกหน
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก!
ฉันบอกตัวเองเป็นรอบที่ร้อยล้านก่อนจะเข้าไปในห้องทำงาน ว่าต้องชินกับทุก ๆ การกระทำของคุณธามได้แล้ว ไม่อย่างนั้นจะพาตัวเอง เจ๊ง ซะเปล่า ๆ ฉันจัดแจงตัวเองให้นั่งลงที่โต๊ะทำงานที่คุณธามจัดไว้ให้ เปิดแฟ้มกองโตศึกษาฐานข้อมูลลูกค้าที่ดิวันจีมีอยู่ทั้งหมดตอนนี้
“นั่นเฮียปืน เอเจนซี่คนสำคัญของเรา... แต่ผมมีปัญหาคือตอนนี้เขาเป็นแค่ลูกค้าชั่วคราวที่เราต้องง้อเขาให้มาก ๆ ซึ่งผมคิดว่าเป็นการเสียเวลา จึงพยายามที่จะเจรจาให้เขาเซ็นสัญญาเพื่อนำนักพนันมาลงทุนที่เราในระยะยาว...”
เสียงนุ่มทุ้มของคุณธามดังขึ้นที่ข้างหู ทำเอาฉันแอบหยุดหายใจไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะแอบพ่นลมออกยาว ๆ ออกมา แล้วมองไปที่รูปของเฮียปืนที่ยิ้มร่าอยู่เต็มหน้ากระดาษ ชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมดูรวม ๆ แล้วเหมือนอาแปะขายบะหมี่ สวมเสื้อผ้าลาย ๆ ที่คอคล้องโซ่ทองเส้นโตเอาไว้
“ผมพยายามส่งคนเข้าไปคุยหลายรูปแบบ เฮียปืนก็ไม่ยอมตกลงเซ็นสักที กระทั่ง...”
“..?”
“เอาเป็นว่าเขายังไม่มีท่าทีที่จะยอมตกลงใด ๆ”
“...”
“...วันพรุ่งนี้เขาจะเข้าร่วมประชุมด้วย ระหว่างนั้นเธอต้องศึกษาผู้ชายคนนี้ให้ดี แล้วจัดการให้เค้าเซ็นสัญญกับเราให้เร็วที่สุด เพราะนั่นหมายถึงกำไรกว่าพันล้าน ครึ่งปีหลังเราจะได้ไม่ต้องเหนื่อยกันมาก” คุณธามอธิบายยืดยาว
“เข้าใจค่ะ ฉันเป็นเซลล์มาก่อนนะคุณ แค่นี้สบายมาก”
“ผมไว้ใจเธอเรื่องงาน แต่เรื่องเอาตัวรอดจากคนอย่างเฮียปืน ผมไม่ไว้ใจเท่าไหร่...”
“...?”
“เฮียปืนขึ้นชื่อเรื่องผู้หญิงมากที่สุด มีคนของเราถูกเฮียปืนตามตื้อ แต่เธอไม่เล่นด้วย สุดท้ายโดนคุณนายหลินภรรยาของเขาเล่นงานซะเละ จนผมต้องส่งพนักงานคนนั้นไปทำงานที่ออฟฟิศในเมืองหลวง”
“เอ้า! ผู้หญิงไม่เล่นด้วยก็ดีแล้วนี่ คุณนายหลินยังจะเอาอะไรอีก”
“นั่นแหละที่ผมเป็นห่วง อย่างแรกอย่าได้หลงคารมเฮียปืน อย่างที่สองระวังคุณนายหลินไว้ด้วย”
“รับทราบค่ะบอส”
ฉันออกจากโหมดจริงจังแล้วยิ้มร่าให้เขาในตอนท้าย ซึ่งมันทำให้ฉันเริ่มจะจับจุดได้ ทุกครั้งที่ฉันส่งยิ้มสดใสให้คุณธาม รางวัลที่จะได้รับนอกจากดวงตาที่เป็นประกายของเขาแล้ว คือมือหนาที่คอยยีผมฉันจนฟูฟ่อง
เนื่องจากเอกสารที่มากมายจนล้นโต๊ะและมีบางส่วนหล่นกระจายลงไปที่พื้นบ้างแล้ว ทำให้ฉันต้องเอ่ยปากขอโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็ก ๆ กับพ่อบ้านเหลียง ให้ยกมาวางไว้บนพรมหน้าโซฟา เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันจึงได้นั่งอยู่บนพรมนุ่ม ๆ และกองเอกสารรอบตัวเต็มไปหมด ในขณะที่คุณธามยังคงจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมที่โต๊ะของตัวเองตั้งแต่เช้า ฉันลอบมองใบหน้าเคร่งเครียดของเขาบ่อย ๆ ในใจนึกอยากเห็นรอยยิ้มมากว่าอะไรแบบนี้ บางทีฉันคงต้องเร่งให้เฮียปืนเซ็นสัญญาที่ว่านั่นเร็ว ๆ เผื่อคุณธามจะได้ไม่เหนื่อยแบบนี้อีก หรืออย่างน้อยงานก็คงจะเบาลง
เวลาบ่ายแก่ ๆ ฉันลงมาเดินเล่นที่ชายหาดใกล้ ๆ บ้าน ก่อนจะพบเข้ากับคุณเหนือและคุณซายน์ที่ศาลาพักผ่อนใต้ต้นก้ามปูต้นใหญ่
“นายเลิกยกเหตุผลบ้า ๆ นั่นมาอ้างซะทีได้ไหมเหนือ แล้วยอมรับกับคนอื่นไปซะว่าเรารักกันและกำลังคบกันอยู่!”
“มันเป็นไปไม่ได้ซายน์ เธอกำลังจะหมั้นกับคู่ค้าของดิวันจี เธอเป็นเจ้านาย ส่วนฉันมันแค่ลูกจ้าง”
“นี่เหนือ... ขอริองล่ะ เลิกดูถูกตัวเองแบบนั้นซะที นายก็รู้ว่าฉันไม่ได้เป็นผู้ดีตีนแดงมาจากไหน...”
สองคนนี้ทำสงครามกันกันอีกแล้วหรอ ? ดูเหมือนว่าฉันจะรับรู้อะไรที่ไม่ควรรู้เข้าซะแล้ว เพราะงั้นจึงหันหลังกะจะออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
“นณาย!” ...คงไม่ทันสินะ
ฉันหันกลับเข้าไปหาคุณซายน์ที่ส่งเสียงเรียก ส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้ทั้งสองคน ...อย่าเพิ่งไล่ฉันออกเลยนะคะ ฉันสัญญาจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร T^T
“เธอมาก็ดีละ ฟังให้ดีนะ พี่กับเหนือกำลังคบกันอยู่ เรารักกัน!”
“เอ่อ...”
“เรากำลังจะเลิกกันแล้วครับ”
“เอ่อ...”
“เหนือ! นี่นายกล้าพูดว่าจะเลิกกับฉันงั้นหรอ!?!”
“เดี๋ยวนะคะ พี่สองคนเป็นแฟนกัน... ฉันว่า...”
“ไม่/ใช่”
ฉันมองคนทั้งคู่สลับกันไปมา คุณซายน์ดูหัวร้อนพร้อมจะระเบิดตลอดเวลา ในขณะที่คุณเหนือนิ่งซะจนฉันหวั่นใจแทน
“พี่สองคนใจเย็น ๆ นะคะ เรื่องแบบนี้มันน่าจะคุยกันได้...” ฉันพยายามปลอบให้ไฟสงครามไม่ประทุไปมากกว่านี้ และ...
“ใจเย็นอย่างนั้นหรอ เธอดูคุณเหนือของเธอสิ ฟังฉันซะที่ไหน อะไรก็เลิก ๆ ฉันนึกว่าที่ผ่านมาเรารักกันซะอีก บางทีอาจจะเป็นฉันฝ่ายเดียวที่...”
“แล้วเธอจะให้ผมทำยังไง คุณซายน์ของเธอกำลังจะแต่งงานกับคู่ค้าของคุณธาม ให้ผมเข้าไปบอก...”
“แค่หมั้นย่ะ ยังไม่ได้แต่ง!”
...ดูเหมือนจะไม่สำเร็จ
“เอาล่ะค่ะ ๆ ...เอาเป็นว่าฉันจะลองคุณกับคุณธามให้ะคะ
“จริงหรอ?/ไม่ได้นะ!
“ธามต้องเชื่อเธอแน่ ๆ”
“เธอบอกเรื่องนี้กับใครไม่ได้นะ”
“สร้อยเปลือกหอยมั้ยจ้ะ งานทำเอง สวย ๆ ทั้งนั้นจ้า...”
พระเจ้า... ขอบคุณที่ส่งแม่ค้าขายเครื่องประดับที่หอบข้าวของร้องตะโกนมาซะก่อน ไม่อย่างนั้นฉันก็คงไม่รู้จะห้ามศึกนี้ยังดี - -“
คุณเหนือกับคุณซายน์จ้องมาที่ฉันพร้อม ๆ กัน ก่อนจะหันไปสบตากันเองเคือง ๆ แล้วต่างสะบัดหน้าหนีไปคนละทาง เออ เอาเข้าไปสิ
“สร้อยมั้ยจ้ะหนู”
ฉันเลิกสนใจสองคนนั่นที่เดินตัวปลิวออกไป ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไง หรือควรจะเข้าไป เผือก ได้มากน้อยแค่ไหน จนต้องส่ายหน้าออกมาเบา ๆ แล้วเริ่มให้ความสนใจกับแม่ค้าเครื่องประดับตรงหน้า เธอถอดหมวกปิดใบหน้าออก เผยให้เห็นหน้าตาผิวพรรณของหญิงวัยกลางคน มีรอยความหมองคล้ำจากการกรำแดดมาอย่างหนัก กระนั้นแววตาของเธอก็ยังคงเปล่งประกายความสุขฉายชัดคนคนมองรับรู้ได้
“โห สวย ๆ ทั้งนั้นเลย คุณป้าทำเองหมดนี่เลยหรอคะ”
“จ้ะ ช่วยกันทำกับลุง หนูจะช่วยอุดหนุนสักเส้นไหม”
ฉันเลือกอยู่ไม่นานก็ถูกใจเข้ากับสร้อยข้อมือหินเล็ก ๆ เส้นหนึ่ง แต่ว่า...
“หนูอยากอุดหนุนคุณป้านะคะ แต่ว่าไม่มีเงินติดตัวมาเลย แหะๆ”
“อย่างนั้นหรอ... หนูพักที่ไหนล่ะ เอาอย่างนี้ไหม ป้าให้ไปก่อนแล้วหนูค่อยเอาตังมาจ่ายป้า ...บ้านป้าอยู่ตรงนั้นไง”
ฉันมองตามมือกร้านของคุณป้าขายสร้อยที่ชี้ไป ลับจากโค้งอ่าวตรงไปไม่ไกลแลเห็นหลังคาบ้านคนอยู่ลิบ ๆ
“ได้ค่ะ หนูพักอยู่บ้านคุณธามตรงนี้เองค่ะ ...เอ่อ...หมายถึงว่าหนูเป็นผู้ช่วยเค้า แบบว่าเป็นนายจ้างกับพนักงานน่ะค่ะ”
“อ่อ คนของคุณธามหรอ ป้านึกว่าเป็นนักท่องเที่ยวซะอีก ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย คุณธามน่ะใจดี ให้ที่ดินป้าปลูกบ้านที่นี่ด้วย ...หนูอยากไปเดินเล่นดูหน่อยไหม”
ฉันทำตัวใจง่าย และละเมิดคำสั่งของคุณธามเรื่องที่ห้ามคุยกับคนแปลกหน้าเข้าให้แล้วด้วยการเดินตามคุณป้าไปที่บ้านของเธอ
ฉันถอนหายใจยาวแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะกินข้าว ใจจริงอยากจะโขกหัวแรง ๆ ลงไปด้วยซ้ำ ฮื้อออออ เป็นบ้าอะไรของเธอวะนณาย!
“คุณหนูโอเคนะครับ”
พ่อบ้างเหลียงเอยทักขณะที่สองมือประคองข้าวต้มถ้วยโตวางไว้ตรงหน้า ฉันค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นตอบคำสนทนา
“ขอบคุณค่ะ หนูไม่เป็นไรหรอก แค่นอนไม่หลับนิดหน่อย”
พ่อบ้านยิ้มน้อย ๆ แล้วเดินจากไป ไม่นานร่างสูงที่ฉันนึกถึง ไม่ใช่สิ ร่างสูงเฉย ๆ ก็พอแล้วย่ะ ...ร่างสูงของคุณธามก็เดินเข้ามาร่วมโต๊ะ
“อรุณสวัสดิ์สาวน้อย J”
ถึงตอนนี้ฉันเริ่มจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นศิลปินชั้นเซียนขึ้นมาบ้างแล้ว ...ฉันรู้สึกได้ว่ารอยยิ้มของเค้าไม่แห้งเหี่ยวอีกต่อไป รอยยิ้มนั่นฉายประกายบางอย่างออกมาให้เห็น สัมผัสได้ดังนั้นก็พาลให้หัวใจพองโตขึ้นไปอีก ฉันยิ้มหวานส่งให้ตัวเองแล้วเผื่อแผ่ไปยังคนตรงหน้าด้วย
“คุณธามก็ดูสดใสขึ้นกว่าวันแรก ๆ ที่เราเจอกันนะคะ”
“ผมน่ะหรอสดใส ? เธอเป็นคนแรกในรอบ อืม... อาจจะแปดปี ที่ทักผมว่าสดใส”
“บ้าน่าคุณธาม ใครจะหม่นหมองได้นานขนาดนั้นล่ะ ถ้าเป็นฉันคงบ้าตายกันพอดี ...คุณยิ้มแบบนี้บ่อย ๆ น่ารักดีออก นณายชอบมอง”
บ้าสิ! นี่ฉันกำลังอ่อยเจ้านายตัวเองอยู่นะ! อันตรายแล้วไง คุณพระคุณเจ้าเจ้าขาช่วยดึงสติฉันทีเถอะนะ คุณธามไม่พูดอะไรต่อ เพียงแต่ยกมือขึ้นมายีผมฉันเบา ๆ แล้วส่งยิ้มละลายให้อีกหน
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก!
ฉันบอกตัวเองเป็นรอบที่ร้อยล้านก่อนจะเข้าไปในห้องทำงาน ว่าต้องชินกับทุก ๆ การกระทำของคุณธามได้แล้ว ไม่อย่างนั้นจะพาตัวเอง เจ๊ง ซะเปล่า ๆ ฉันจัดแจงตัวเองให้นั่งลงที่โต๊ะทำงานที่คุณธามจัดไว้ให้ เปิดแฟ้มกองโตศึกษาฐานข้อมูลลูกค้าที่ดิวันจีมีอยู่ทั้งหมดตอนนี้
“นั่นเฮียปืน เอเจนซี่คนสำคัญของเรา... แต่ผมมีปัญหาคือตอนนี้เขาเป็นแค่ลูกค้าชั่วคราวที่เราต้องง้อเขาให้มาก ๆ ซึ่งผมคิดว่าเป็นการเสียเวลา จึงพยายามที่จะเจรจาให้เขาเซ็นสัญญาเพื่อนำนักพนันมาลงทุนที่เราในระยะยาว...”
เสียงนุ่มทุ้มของคุณธามดังขึ้นที่ข้างหู ทำเอาฉันแอบหยุดหายใจไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะแอบพ่นลมออกยาว ๆ ออกมา แล้วมองไปที่รูปของเฮียปืนที่ยิ้มร่าอยู่เต็มหน้ากระดาษ ชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมดูรวม ๆ แล้วเหมือนอาแปะขายบะหมี่ สวมเสื้อผ้าลาย ๆ ที่คอคล้องโซ่ทองเส้นโตเอาไว้
“ผมพยายามส่งคนเข้าไปคุยหลายรูปแบบ เฮียปืนก็ไม่ยอมตกลงเซ็นสักที กระทั่ง...”
“..?”
“เอาเป็นว่าเขายังไม่มีท่าทีที่จะยอมตกลงใด ๆ”
“...”
“...วันพรุ่งนี้เขาจะเข้าร่วมประชุมด้วย ระหว่างนั้นเธอต้องศึกษาผู้ชายคนนี้ให้ดี แล้วจัดการให้เค้าเซ็นสัญญกับเราให้เร็วที่สุด เพราะนั่นหมายถึงกำไรกว่าพันล้าน ครึ่งปีหลังเราจะได้ไม่ต้องเหนื่อยกันมาก” คุณธามอธิบายยืดยาว
“เข้าใจค่ะ ฉันเป็นเซลล์มาก่อนนะคุณ แค่นี้สบายมาก”
“ผมไว้ใจเธอเรื่องงาน แต่เรื่องเอาตัวรอดจากคนอย่างเฮียปืน ผมไม่ไว้ใจเท่าไหร่...”
“...?”
“เฮียปืนขึ้นชื่อเรื่องผู้หญิงมากที่สุด มีคนของเราถูกเฮียปืนตามตื้อ แต่เธอไม่เล่นด้วย สุดท้ายโดนคุณนายหลินภรรยาของเขาเล่นงานซะเละ จนผมต้องส่งพนักงานคนนั้นไปทำงานที่ออฟฟิศในเมืองหลวง”
“เอ้า! ผู้หญิงไม่เล่นด้วยก็ดีแล้วนี่ คุณนายหลินยังจะเอาอะไรอีก”
“นั่นแหละที่ผมเป็นห่วง อย่างแรกอย่าได้หลงคารมเฮียปืน อย่างที่สองระวังคุณนายหลินไว้ด้วย”
“รับทราบค่ะบอส”
ฉันออกจากโหมดจริงจังแล้วยิ้มร่าให้เขาในตอนท้าย ซึ่งมันทำให้ฉันเริ่มจะจับจุดได้ ทุกครั้งที่ฉันส่งยิ้มสดใสให้คุณธาม รางวัลที่จะได้รับนอกจากดวงตาที่เป็นประกายของเขาแล้ว คือมือหนาที่คอยยีผมฉันจนฟูฟ่อง
เนื่องจากเอกสารที่มากมายจนล้นโต๊ะและมีบางส่วนหล่นกระจายลงไปที่พื้นบ้างแล้ว ทำให้ฉันต้องเอ่ยปากขอโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็ก ๆ กับพ่อบ้านเหลียง ให้ยกมาวางไว้บนพรมหน้าโซฟา เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันจึงได้นั่งอยู่บนพรมนุ่ม ๆ และกองเอกสารรอบตัวเต็มไปหมด ในขณะที่คุณธามยังคงจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมที่โต๊ะของตัวเองตั้งแต่เช้า ฉันลอบมองใบหน้าเคร่งเครียดของเขาบ่อย ๆ ในใจนึกอยากเห็นรอยยิ้มมากว่าอะไรแบบนี้ บางทีฉันคงต้องเร่งให้เฮียปืนเซ็นสัญญาที่ว่านั่นเร็ว ๆ เผื่อคุณธามจะได้ไม่เหนื่อยแบบนี้อีก หรืออย่างน้อยงานก็คงจะเบาลง
เวลาบ่ายแก่ ๆ ฉันลงมาเดินเล่นที่ชายหาดใกล้ ๆ บ้าน ก่อนจะพบเข้ากับคุณเหนือและคุณซายน์ที่ศาลาพักผ่อนใต้ต้นก้ามปูต้นใหญ่
“นายเลิกยกเหตุผลบ้า ๆ นั่นมาอ้างซะทีได้ไหมเหนือ แล้วยอมรับกับคนอื่นไปซะว่าเรารักกันและกำลังคบกันอยู่!”
“มันเป็นไปไม่ได้ซายน์ เธอกำลังจะหมั้นกับคู่ค้าของดิวันจี เธอเป็นเจ้านาย ส่วนฉันมันแค่ลูกจ้าง”
“นี่เหนือ... ขอริองล่ะ เลิกดูถูกตัวเองแบบนั้นซะที นายก็รู้ว่าฉันไม่ได้เป็นผู้ดีตีนแดงมาจากไหน...”
สองคนนี้ทำสงครามกันกันอีกแล้วหรอ ? ดูเหมือนว่าฉันจะรับรู้อะไรที่ไม่ควรรู้เข้าซะแล้ว เพราะงั้นจึงหันหลังกะจะออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
“นณาย!” ...คงไม่ทันสินะ
ฉันหันกลับเข้าไปหาคุณซายน์ที่ส่งเสียงเรียก ส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้ทั้งสองคน ...อย่าเพิ่งไล่ฉันออกเลยนะคะ ฉันสัญญาจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร T^T
“เธอมาก็ดีละ ฟังให้ดีนะ พี่กับเหนือกำลังคบกันอยู่ เรารักกัน!”
“เอ่อ...”
“เรากำลังจะเลิกกันแล้วครับ”
“เอ่อ...”
“เหนือ! นี่นายกล้าพูดว่าจะเลิกกับฉันงั้นหรอ!?!”
“เดี๋ยวนะคะ พี่สองคนเป็นแฟนกัน... ฉันว่า...”
“ไม่/ใช่”
ฉันมองคนทั้งคู่สลับกันไปมา คุณซายน์ดูหัวร้อนพร้อมจะระเบิดตลอดเวลา ในขณะที่คุณเหนือนิ่งซะจนฉันหวั่นใจแทน
“พี่สองคนใจเย็น ๆ นะคะ เรื่องแบบนี้มันน่าจะคุยกันได้...” ฉันพยายามปลอบให้ไฟสงครามไม่ประทุไปมากกว่านี้ และ...
“ใจเย็นอย่างนั้นหรอ เธอดูคุณเหนือของเธอสิ ฟังฉันซะที่ไหน อะไรก็เลิก ๆ ฉันนึกว่าที่ผ่านมาเรารักกันซะอีก บางทีอาจจะเป็นฉันฝ่ายเดียวที่...”
“แล้วเธอจะให้ผมทำยังไง คุณซายน์ของเธอกำลังจะแต่งงานกับคู่ค้าของคุณธาม ให้ผมเข้าไปบอก...”
“แค่หมั้นย่ะ ยังไม่ได้แต่ง!”
...ดูเหมือนจะไม่สำเร็จ
“เอาล่ะค่ะ ๆ ...เอาเป็นว่าฉันจะลองคุณกับคุณธามให้ะคะ
“จริงหรอ?/ไม่ได้นะ!
“ธามต้องเชื่อเธอแน่ ๆ”
“เธอบอกเรื่องนี้กับใครไม่ได้นะ”
“สร้อยเปลือกหอยมั้ยจ้ะ งานทำเอง สวย ๆ ทั้งนั้นจ้า...”
พระเจ้า... ขอบคุณที่ส่งแม่ค้าขายเครื่องประดับที่หอบข้าวของร้องตะโกนมาซะก่อน ไม่อย่างนั้นฉันก็คงไม่รู้จะห้ามศึกนี้ยังดี - -“
คุณเหนือกับคุณซายน์จ้องมาที่ฉันพร้อม ๆ กัน ก่อนจะหันไปสบตากันเองเคือง ๆ แล้วต่างสะบัดหน้าหนีไปคนละทาง เออ เอาเข้าไปสิ
“สร้อยมั้ยจ้ะหนู”
ฉันเลิกสนใจสองคนนั่นที่เดินตัวปลิวออกไป ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไง หรือควรจะเข้าไป เผือก ได้มากน้อยแค่ไหน จนต้องส่ายหน้าออกมาเบา ๆ แล้วเริ่มให้ความสนใจกับแม่ค้าเครื่องประดับตรงหน้า เธอถอดหมวกปิดใบหน้าออก เผยให้เห็นหน้าตาผิวพรรณของหญิงวัยกลางคน มีรอยความหมองคล้ำจากการกรำแดดมาอย่างหนัก กระนั้นแววตาของเธอก็ยังคงเปล่งประกายความสุขฉายชัดคนคนมองรับรู้ได้
“โห สวย ๆ ทั้งนั้นเลย คุณป้าทำเองหมดนี่เลยหรอคะ”
“จ้ะ ช่วยกันทำกับลุง หนูจะช่วยอุดหนุนสักเส้นไหม”
ฉันเลือกอยู่ไม่นานก็ถูกใจเข้ากับสร้อยข้อมือหินเล็ก ๆ เส้นหนึ่ง แต่ว่า...
“หนูอยากอุดหนุนคุณป้านะคะ แต่ว่าไม่มีเงินติดตัวมาเลย แหะๆ”
“อย่างนั้นหรอ... หนูพักที่ไหนล่ะ เอาอย่างนี้ไหม ป้าให้ไปก่อนแล้วหนูค่อยเอาตังมาจ่ายป้า ...บ้านป้าอยู่ตรงนั้นไง”
ฉันมองตามมือกร้านของคุณป้าขายสร้อยที่ชี้ไป ลับจากโค้งอ่าวตรงไปไม่ไกลแลเห็นหลังคาบ้านคนอยู่ลิบ ๆ
“ได้ค่ะ หนูพักอยู่บ้านคุณธามตรงนี้เองค่ะ ...เอ่อ...หมายถึงว่าหนูเป็นผู้ช่วยเค้า แบบว่าเป็นนายจ้างกับพนักงานน่ะค่ะ”
“อ่อ คนของคุณธามหรอ ป้านึกว่าเป็นนักท่องเที่ยวซะอีก ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย คุณธามน่ะใจดี ให้ที่ดินป้าปลูกบ้านที่นี่ด้วย ...หนูอยากไปเดินเล่นดูหน่อยไหม”
ฉันทำตัวใจง่าย และละเมิดคำสั่งของคุณธามเรื่องที่ห้ามคุยกับคนแปลกหน้าเข้าให้แล้วด้วยการเดินตามคุณป้าไปที่บ้านของเธอ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ