Time to be us: รักฉันนั้นเพื่อเรา

-

เขียนโดย หญิงวรรณน์

วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 12.00 น.

  3 ตอน
  1 วิจารณ์
  6,556 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2560 12.41 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
          โธ่เว้ยยยยยยย!! หลังจากกลับมาจัดการต่อรองกับบรรดาเจ้าหนี้ที่ล้อมบ้านเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย แน่นอนว่าเรื่องเฮงซวยเหล่านี้สูบพลังฉันไปอย่างมหาศาล จึงได้เวลามานอนคิดกลิ้งไปมาอยู่บนเตียง
 
          “โอเค ๆ อย่าเพิ่งตอบผมตอนนี้ก็ได้ เธอกลับบ้านไปก่อน ...นี่เบอร์โทรศัพท์ผมนะ กลับไปคิด ใจเย็น ๆ แต่ผมชอบเธอนะ อยากร่วมงานด้วยจริง ๆ...”
 
          เสียงของคุณธามดังก้องไปมาในหัวไม่หยุด จริง ๆ แล้วฉันก็ถูกชะตากับเค้านะ ทำงานกับคุณธามไม่น่าจะแย่ แต่มันกาสิโนนะเว้ย อ๊ากกกกกก!!! ฉันควรทำยังไงดี ควรทำยังไง ทำยังไงงงงงงงงงง!!
ฉันลุกขึ้นมาเปิดโน้ตบุ๊ครุ่นโบราณที่ยังคงใช้การได้ดี เปิดอินเทอร์เน็ตแล้วลงมือค้นหา
          “The One G... อ๊ะ นี่มันคุณหมอกันต์ ? คุณธาม ? แล้วคนนี้ใคร ?” ฉันลากเม้าส์ไล่อ่านข้อความที่เกี่ยวข้องให้มากที่สุด แล้วก็พบว่ามันไม่ค่อยจะช่วยอะไรในการตัดสินใจเท่าไหร่ แม้จะมั่นใจมากแล้วก็ตามว่าที่นี่คือกาสิโนบนดินจริง ๆ รายได้ส่วนหนึ่งหลังหักภาษีถูกแบ่งให้รัฐบาลเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับประเทศชาติ อืม... ธุรกิจสีเทาอย่างที่เค้าว่าไว้จริง ๆ
          เห้ออออ...
          เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ ของป้า จึงได้รีบพับหน้าจอคอมเพราะมันคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าจะให้ป้ามารับรู้อะไรแบบนี้ ร่างผอมบางซีด ๆ ตามประสาคนขี้โรคเดินเข้ามานั่งลงข้าง ๆ ฉันหันมองสบตาผู้หญิงที่ฉันรักที่สุดในเวลานี้ นอกจากโรคภัยที่รุมเร้าแล้ว ทั้งลูกทั้งสามีต่างสร้างแต่ความทุกข์ใจให้เธอ ฉันยิ้มกว้างให้ป้าแล้วล้มตัวลงนอนหนุนตัก ณ เวลานี้ เสียงร่ำร้องในใจที่ดังที่สุด คืออยากให้ผู้หญิงคนนี้มีความสุข...
 
          ฉันรออยู่ที่สถานีรถไฟในเมืองที่เป็นท่าเรือเพื่อต่อไปยังเกาะที่ตั้งดิวันจีได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงเรียกไม่ค่อยคุ้นหู แต่ก็จำได้ในทันที
               “เจ๊!! ผมมารับแล้วฮ้ะ ทางนี้ ๆ วู้ ๆ”
          ไฟวิ่งทั่ก ๆ เข้ามาหาฉันประหนึ่งเด็กน้อยวิ่งมาหาแม่ที่หน้าโรงเรียนตอนสี่โมงเย็น พร้อมกับทักทายเบอร์ใหญ่มากเว่อซะจนคนทั้งสถานีหันมามองที่เราเป็นจุดเดียว
          “หวัดดี...” ฉันทักกลับเรียบ ๆ ก่อนจะพบว่ามีชายหญิงคู่หนึ่งมากับเค้าด้วย ผู้ชายคนนั่นคือคุณเหนือ แต่เอ... ผู้หญิงที่เดินเคียงคู่มาด้วยล่ะ ...ว้าววว ฉันชอบผู้หญิงสไตล์เผ็ด ๆ ดุ ๆ แบบนี้จัง เพราะอะไรรู้ไหม เพราะฉันเป็นแบบนั้นไม่ได้ไงล่ะ ผิวสีน้ำผึ้งเนียนสวย นมเป็นนมตูดเป็นตูด อ๊ากกกกก ดูท่าเดินเธอสิ สาบานได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันสัมผัสได้ถึงคำว่าเซ็กส์แอพเพียร์สจากผู้หญิง!!
          “พี่เหนือรีบเดินดิพี่ พี่ซายน์ฮะ นี่ไงคุณนณายที่ผมเคยเล่าให้ฟัง” ไฟร้องเร่ง
          เมื่อคนทั้งคู่เดินมาหยุดตรงหน้า ฉันกล่าวสวัสดีและแจกยิ้มหวานเป็นของแถม
          “สวัสดีครับคุณนณาย หวังว่าคงจะจำกันได้ ส่วนนี่คุณซายน์เป็น... เอ่อ... เป็นน้องสาวคุณธามน่ะครับ ส่วนคุณซายน์นี่คุณนณาย...”
          “ฮัลโหลคนสวยยยย >< ตัวจริงเธอน่ารักกว่าที่พี่กันต์เม้าท์ซะอีก อ่อ ฉันหมายถึงว่าเธอน่ารักกว่าที่คิดน่ะ พี่กันต์กับไฟไม่ได้เล๊า ไม่ได้เล่าอะไรให้ฉันฟังจริง ๆ นะ แหะ ๆ” คุณซายน์ไม่รอให้คุณเหนือพูดจบก็แทรกประโยคแนะนำตัวยาว ๆ และยังไม่วาย ‘แบไต๋’ ซะไฟหน้าเจื่อน ...นี่เธอไม่ต้องคีพลุคเซ็กซี่เหมือนตอนี่เดินมาหรอกหรอ ?
          “รีบไปกันเถอะ จะได้ทันเรือเที่ยวสิบโมง...” คุณซายน์พูดต่อไป “คุณนณายไม่ต้องกังวลอะไรเลยนะคะ เดี๋ยวฉัน... ไม่ดีกว่าเรียกฉันว่าพี่ซายน์ก็แล้วกัน  ...ท่านซายน์แห่งดิวันจีคนนี้จะดูแลเธอเอง หึหึ
          ฉันมองตามท่วงท่าที่มากล้นด้วยเสน่ห์หญิงนั่นเพลิน ๆ คุณซานย์นอกจากเซ็กซี่แล้วฉันยังพบว่าเธอยังน่ารักมาก ๆๆๆๆ อีกด้วย จะว่าไปฉันชอบผู้หญิง positive แบบนี้นะ อยู่ด้วยแล้วรู้สึกได้รับพลังชีวิต
 
          ช่วงนี้ฉันมีประสบการณ์ ‘ครั้งแรก’ ต่าง ๆ ที่แปลกใหม่อยู่บ่อย ๆ รวมถึงการนั่งเรือที่ยาวนานนี่ก็ด้วย ทั้งที่ที่นี่ก็มีสนามบินของกาสิโน
          “คุณธามแนะนำให้ผมพาเธอนั่งเรือน่ะ ไหน ๆ ก็จะมาเป็นส่วนหนึ่งของดิวันจีแล้ว เธอก็น่าจะรู้ทั้งเรื่องผืนน้ำและพื้นดินที่เป็นอาณาเขตของพวกเรา...” คุณเหนือพูดขึ้นราวกับรู้ว่าฉันกำลังคิดเบื่อหน่ายกับอะไรอยู่ เค้าหยุดมองหน้าฉันเล็กน้อยแล้วกล่าวต่อไป
          “อย่างที่เธอคงจะรู้ว่าเรามีสนามบินเป็นของตัวเองอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟนั่นแหละ เพียงแต่...”
          “นี่ คุณเหนือคะ ดิฉันคิดว่าน้องนณายควรจะได้ดื่มด่ำ สัมผัสกับธรรมชาติของทะเลอันแสนงดงาม มากกว่าจะมานั่งฟังบรรยายเรื่องท้องดินพื้นน้ำบ้าบอของคุณนะคะ” คุณซายน์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจีบปากจีบคอพูดใส่คุณเหนือย่างน่าหมั่นไส้ ฝ่ายคุณเหนือไม่แม้แต่จะมองเธอ แล้วเริ่มต้นบรรยายเรื่องพื้นดินท้องน้ำบ้าบอ ของเขาต่อไป
          “อาณาเขตทะเลสิบห้ามะ...”
          “น้องนณายขา... ดูตรงนั้นสิคะ พี่ชอบเวลาที่พระอาทิตย์ล้อกับคลื่นทะเลวิบวับ ๆ มันสวยมาก ๆ เลยนะ...”
          และก็เป็นคุณซายน์ที่ขัดขึ้นมาอีกหน “...พี่นึกไม่ออกเลยค่ะ ว่าถ้าทะเลขาดแสงของพระอาทิตย์มันจะน่าเศร้าขนาดไหน”
          ให้ตายสิ ทำไมเธอต้องทำเสียงเศร้า ๆ แบบนั้นด้วยล่ะ เหมือนว่า...
          “มันก็จะเป็นเหมือนทะเลตอนกลางคืนไงครับคุณซายน์ ไม่มีตะวัน แต่ก็ยังมีพระจันทร์ มันเป็นเรื่องของธรรมชาติครับ คนเราจะไปเปลี่ยน...”
          “เออ!! ใช่สิ นายก็คิดแต่ว่าจะเอาคนโน้นมาแทนคนนี้ คนอย่างนายน่ะเหนือ มันไร้หัวใจ ไม่เคยเข้าใจฉัน ไม่เคยเข้าใจอะไร ไม่เคยเลย!!”
          คุณซายน์พูดจบก็สะบัดหน้าหนี แต่ว่านะ เอ่อ... เราไม่ได้กำลังพูดถึงคนไม่ใช่หรอ ? ฉันหันกลับไปกำลังจะส่งยิ้มเก้อ ๆ ให้คุณเหนือ กลับพบว่าเขาเบือนหน้ามองออกไปที่ทะเลกว้างอยู่ก่อนแล้ว ...สองคนนี้ทำสงครามอะไรกัน
          และแล้วตลอดเวลากว่าสามชั่วโมงที่อยู่บนเรือ ฉันก็นั่งเกรงจนตูดบิดเพราะเป็น คนกลาง ที่ไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วยเลย ส่วนไฟหนีหายไปไหนก็ไม่รู้ ถ้าฉันไม่เห็นหน้ามันตอนที่เรามาถึงเกาะ คงนึกว่าโดนฉลามคาบไปกินซะแล้ว
 
          จากท่าเรือมีรถของที่บ้านคุณธามมารับพวกเรา ระยะห่างสนามบินมาบ้านแค่สิบนาที ฉันจะหลุดพ้นจากสงครามเย็นของคุณเหนือกับคุณซายน์แล้วสินะ ทันทีที่รถจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าบ้าน ก็มีพ่อครัว (?) เอาเป็นว่าเขาแต่งตัวเหมือนเชฟ วัยกลางคน ผิวขาวรูปร่างท้วม ๆ เข้ามาเปิดประตูรถให้
          “สวัสดีครับ ๆ ...อ่า นี่คงเป็นคุณผู้ช่วยที่คุณธามจ้างมาสินะครับ” สำเนียงไทยปนจีนบวกกับรอยยิ้มเป็นมิตรทำให้ฉันไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนแปลกหน้าเท่าที่ควร ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีของการเริ่มงานใหม่ “เดี๋ยวผมให้เด็กยกประเป๋าขึ้นไปเก็บที่ห้องให้นะครับ เชิญ ๆ ทางนี้”
          เก็บ ? ที่นี่ ? ฉันตามคุณพ่อบ้านเข้าไปในตัวบ้านที่ไม่ได้ใหญ่โต ลักษณะเป็นอิฐที่ก่อ ๆ ขึ้นเหมือนกับเซฟเฮ้าส์ ดูดิบ ๆ แต่ให้ความรู้สึกอบอุ่นน่าอยู่ จากตรงหน้าบ้านนี้ไปมองเห็นชายหาดชัดเจน ฉันจะได้อยู่ใกล้ชิดทะเลขนาดนี้เลยหรือ อ๊า... เอ๋?
          “เดี๋ยวนะคะคุณ...”
          “เรียกผมว่าพ่อบ้านเหลียงเถอะครับ”
          “ค่ะ คือที่บอกว่ามีที่พักให้ คือพักที่บ้านนี้หรอคะ”
          “ถูกต้องแล้วครับ ห้องขอบคุณหนูอยู่ชั้นสอง ใกล้ ๆ กับคุณธาม เพราะฉะนั้น ปลอดภัยแน่นอน”
          เอ่อ... คุณธามก็พักที่นี่ ? หรือว่า... ><
 
          บ้าสิ!! เพ้อเจ้อไปใหญ่แล้วนะนณาย
 
          ภายในบ้านตกแต่งสไตล์ตะวันตก ให้โทนสีน้ำตาลส้มอุ่น ๆ ทั้งที่ลักษณะตัวบ้านไม่น่าจะเข้ากับรรยากาศของทะเลสักนิด แต่พอได้มองรวม ๆ แล้วก็เห็นได้ชัดถึงความลงตัวที่น่าประหลาด พ่อบ้านเหลียงเดินมาส่งฉันถึงห้อง และฉันก็แอบกระซิบถามจนรู้มาว่าห้องเยื้อง ๆ ไปทางขวานี่ล่ะ ห้องนอนคุณธาม >\\<
          ฉันนอนกลิ้งไปมาบนเตียงกว้างอย่างสบายใจแบบที่ไม่ได้รู้สึกมานานหลายเดือน และหวังว่าความรู้สึกนี้จะคงอยู่ไปอีกนานเท่านานนนนนนนน
          กลิ้งไปกลิ้งมาก็รู้สึกได้ว่าหลังคงไปทับของอะไรเข้าสักอย่าง ก็แน่ล่ะสิ มาถึงปุ๊บก็โยนขอทุกอย่างที่ติดตัวมาขึ้นบนเตียงโครม ๆ ฉันลุกขึ้นนั่งแล้วจึงพบว่ามันคือกระเป๋าตังใบโปรดนี่เอง ดีนะไม่ทำหล่นหายไปที่อื่น ฉันหยิบมันขึ้นมาเปิดพิจารณารูปถ่ายของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ส่งยิ้มแป้นอยู่ในนั้น ไม่รู้ว่าฉันจ้องรูปนี้บ่อยซะจนเห็นเป็นภาพทับซ้อนบนใบหน้าของคนอื่นไปทั่ว หรือซันไฟด์จะเป็นหนึ่งในคนพวกนี้ทั้งที่ฉันรู้จักและไม่รู้จักนะ ฉันสะบัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป อย่างน้อย ๆ ก็ได้จัดการจนแน่ใจแล้วว่าลุงจะไม่ไปก่อหนี้สินที่ไหนอีก ฉันควรจะสบายใจ และลงไปหาบอสคนใหม่ซะที
 
          ก๊อก ก๊อก ก๊อก
 
          ฉันเคาะประตูไม้บานใหญ่เป็นจังหวะที่สุดแสนจะมีมารยาท
          “เข้ามาได้เลย”
 
          ตึก ตึก ตึก
 
          ยัยบ้า!! เธอไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นขนาดนี้ก็ได้มั้ยล่ะ เป็นอะไรของเธอฮะ ฉันสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วผ่อนออกแรง ๆ ผลักบานประตู้เข้าไปภายใน ห้องทำงานขนาดไม่ใหญ่มาก ยังคงตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาลส้มอบอุ่น ฉันผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย คุณธามนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานกลางห้อง เยื้อง ๆ เป็นชุดโต๊ะทำงานแบบเดียวกันแต่ไม่ใหญ่เท่า ที่มุมห้องมีโซฟารับแขกกับโต๊ะกระจกตั้งอยู่บนพรมหนา ฉันสังเกตว่าห้องนี้ไม่ได้เปิดแอร์ แต่มีสายลมพัดเอื่อย ๆ เข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดกว้างอยู่ทุกบาน แทบจะเรียกได้ว่าทั้งลมทั้งแสงในห้องนี้ธรรมชาติเกือบทั้งหมด
          “สวัสดีครับคุณนณาย...”
          ฉันหลุดออกมาจากความคิดแล้วมองไปยังสิ่งมีชีวิตที่ยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่
          “สวัสดีค่ะ ...จริง ๆ ฉันอยากให้คุณเรียกนณายเฉย ๆ นะ มันทางการไปน่ะค่ะ ไม่ค่อยชิน แหะ ๆ”
          “เอาสิ ตามใจเธอเลย นี่โต๊ะเธอนะ... อ่อ เรายังมีออฟฟิศใหญ่อยู่ที่ตึกดิวันอีกนะ อันนี้ผมก็ตามใจเธออีกเช่นกัน แล้วแต่เลยว่าวันไหนอยากนั่งทำงานที่ไหน J”
          “ค่ะ”
          คุณธามถือเอกสารปึกหนาไว้ในมือแล้วเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา “มานี่มา ...แล้วเลิกทำท่าทางเหมือนคนจะเป็นตะคริวตลอดเวลาได้แล้วนะ ผมไม่กัดเธอหรอกน่า” เค้าพูดพร้อมกับตบเบา ๆ ที่เบาะข้างตัว
          นั่นสินะ ฉันก็รู้ตัวนะว่าเกร็ง อาจจะเป็นเพราะว่าคราวก่อนที่เจอกันเราไม่ได้อยู่ในสถานะนายจ้างกับพนักงานมั้ง
          “อืม... เธอกำลังคิดว่า ผมตอนนี้เป็นเจ้านายส่วนคุณเป็นลูกน้องถูกไหม ?”
          “นี่คุณ เป็นหมอดูหรอ ?”
          “ใช่ที่ไหนล่ะ เธอแสดงออกชัดขนาดนั้น ผมไม่ได้อยากได้ลูกน้อง ...ผมแค่อยากได้เพื่อน”
          ประโยคของคุณธามทำให้ฉันปลดตัวเองออกจากพันธนาการบางอย่าง ฉันส่งยิ้มกว้างแล้วเข้าไปนั่งใกล้ ๆ กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ จากกายเขายิ่งทำให้ฉันรู้สึกปลอดโปร่ง ...ฉันชอบช่วงเวลาที่หัวใจเต้นราบเรียบและความอบอุ่นที่อวลอยู่รอบ ๆ นี่จัง ต้องเป็นเพราะมนต์ขลังของน้ำหอมบวกกับลมสายนั้นที่พัดมากระทบผิวกายเมื่อครู่เป็นแน่
          “เอาล่ะ นี่เป็นสัญญาทั้งหมดที่เธอต้องเซ็นไว้นะ ...เริ่มจากสัญญาจ้าง กฎการอยู่ร่วมกัน อันนี้จะละเอียดหน่อย แล้วก็ที่แยกย่อยออกมาอีกเป็นเรื่องของความปลอดภัยและการรักษาความลับ” คุณธามร่ายยาว
          “โห ทำไมมันเยอะจังล่ะคุณ...” ฉันหยิบเอกสารที่คุณธามวางไว้บนโต๊ะกระจกขึ้นมาเปิดอ่านคร่าว ๆ “อืม สัญญาจ้างต้องเซ็นอยู่แล้ว ความปลอดภัยและการรักษาความลับ อันนี้เข้าใจค่ะว่าธุรกิจแบบนี้คงเป็นธรรมดา ...แต่ว่ากฎการอยู่ร่วมกัน คุณธามแค่ทำข้อตกลงกับฉันก็ได้นะ ไม่เห็นต้องทำเป็นสัญญาแบบนี้เลย”
          “ไม่ได้หรอกสาวน้อย เคยได้ยินไหม ความเชื่อใจเป็นนามธรรมเช่นเดียวกับการให้ใจ ...มีคนสอนผมมาอย่างนั้น”
          “ก็ได้ค่ะ งั้นตอนนี้ฉันจะเซ็นสัญญาจ้างกับความปลอดภัยฯ ก่อน ส่วนการอยู่ร่วมกันนี่ขอเวลาศึกษาหน่อยนะคะ
          “ได้สิ พร้อมเมื่อไหร่ค่อยเซ็นก็ได้ เสร็จแล้วเธอไปเตรียมตัวให้พร้อม อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันข้างล่าง วันนี้ผมจะอาสาเป็นไกด์พาเธอเที่ยวเอง J”
          คุณธามกล่าวแล้วส่งยิ้มให้ ...ฉันไม่ได้รู้สึกไปเอง เพราะเป็นอีกครั้งที่ยิ้มของเขาทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองาเป็นศิลปินที่เข้าไม่ถึงศิลปะ ยังไงดีล่ะ เค้ามีรอยยิ้มสวย ๆ แจกฉันบ่อย ๆ แต่ฉันกลับไม่รู้สึกอิน หรือเข้าถึงยิ้มของเขาเลยสักนิดเดียว...
 
          คุณธามพาฉันนั่งรถที่เขาเป็นคนขับเองไปบนถนนเส้นเล็ก ๆ ที่เลียบฝั่งทะเลเชื่อมกันไปทั่วเกาะ จริง ๆ แล้วฉันคิดว่าที่นี่งดงามเกินกว่าจะเป็นสถานที่ทำธุรกิจสีเทานะ
          “ขอเปิดกระจกได้มั้ยคุณธาม” ฉันร้องขอ
          “เอาสิ”
          ฉันลดกระจกลงจนสุด ในขณะที่คุณธามผ่อนความเร็วรถให้ช้าลง ฉันหันไปส่งยิ้มกว้างให้เค้าแล้วมุดหน้าออกนอกหน้าต่างสูดอากาศบริสุทธิ์ อ๊า... ทำไมมันดีแบบนี้นะ ฉันรักสายลมเย็น ๆ กับกลิ่นอายของทะเลแบบนี้มากสุดใจเลย
          “ดูท่าทางเธอสดใสกว่าตอนที่เราเจอกันเมื่ออาทิตย์ก่อนนะ” คุณธามเอ่ยขึ้น ฉันละบรรยากาศตรงหน้าแล้วหันไปยิ้มให้คนขับอีกหน
          “นี่แหละค่ะนณายตัวจริง พอดีตอนนั้นฉันมีเรื่องให้คิดเยอะไปหน่อยน่ะ ไหนจะเรื่องลุงที่ไปกู้เงินเป็นแสน ๆ มาให้ลูกชายที่ไม่ได้เห็นหน้ามาเป็นสิบปี ไหนจะป้าที่ป่วยอีก แล้วก็ยังซวยที่ถูกเพื่อนของคุณเอาตัวไปที่เซฟเฮ้าส์แบบงง ๆ”
          “อืม... อย่างนั้นแปลว่าตอนนี้เธอเคลียร์ทั้งหมดแล้วงั้นสิ ?”
          “ก็ไม่เชิงว่าหมดหรอกค่ะ อย่างเรื่องลุงฉันให้ลุงเซ็นสัญญาว่าจะไม่ไปกู้เงินที่ไหนอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ให้ลุงเจอซันไฟด์ ลูกชายเค้าน่ะ ซึ่งจริง ๆ ตอนนี้ฉันก็ยังไม่รุ้เลยว่าไอ้น้องบ้านั่นอยู่ที่ไหน แล้วก็จะให้ลุงใช้หนี้ทั้งหมดเองด้วย ดูลุงแกก็ยอมนะ”
          “...เล่าต่อสิ ผมอยากฟัง J”
          “ส่วนหนี้ที่มันเกิดไปแล้ว ก็คงต้องทยอยใช้ ทำอะไรไม่ได้ดีไปมากกว่านี้แล้วนี่นา อีกอย่างได้เงินเดือนจากคุณธามตั้งเยอะ ...ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ”
          “เรื่องเล็กน้อย...” คุณธามยักไหล่ตอบอย่างไม่ใส่ ก่อนจะจอดรถชิดที่ริมทาง “ป้ะ ไปดูพระอาทิตย์ตกกัน แล้วค่อยไปกินข้าวที่ดิวัน”
 
          คุณธามพาฉันเดินตามทางแคบ ๆ ผ่านสะพานไม้ ไม่นานภาพตรงหน้าก็ปรากฏเป็นทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตา จุดที่เรายืนอยู่ตอนนี้เป็นทางเดินบนผาหินสูง เบื้องล่างเป็นน้ำทะเลสีเขียวคราม ฉันขึ้นไปยืนบนหินเตี้ย ๆ ก้อนหนึ่ง กางแขนออกจนสุดแล้วสูดหายใจรับอากาศเข้าเต็มปอด
          “นี่ เดี๋ยวก็ตกลงมาหรอก” คุณธามดุไม่จริงจัง แววตานี้ของเขา... มันต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา เค้าไม่ต้องยิ้มหวาน ๆ แต่ฉันกลับรู้สึกได้ถึงพลังด้านบวก และความอุ่นละมุนที่ฉายชัดออกมา
 
          ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
 
          ฉัน... แพ้เค้าแล้วในมุมนี้...
          “ลงมาเร็วเข้า...” คุณธามเร่งพร้อมกับส่งมือหนามาหาฉัน ฉันเอื้อมมือไปจับแล้วกระโดดลงจากหินก้อนนั้น “...อยากถ่ายรูปมั้ย ?”
          ฉันไม่ตอบเพียงแต่ส่ายหน้าเบา ๆ ...เพราะรูปภาพเก็บความรู้สึกไว้ได้ไม่ทั้งหมด ฉันรักที่จะเก็บมันไว้ในความทรงจำมากกว่า
          “คุณธามเล่าเรื่องตัวเองให้ฟังหน่อยสิ” ฉันเปิดประเด็นสนทนา
          “เรื่องของผมไม่น่าสนใจหรอก...”
          “เป็นถึงนักธุรกิจระดับหมื่นล้าน จะไม่น่าสนใจได้ยังไงล่ะ เราต้องทำงานด้วยกันนะ คุณรู้จักฉัน รู้จักเรื่องราวในชีวิตฉันตั้งเยอะแล้ว ฉันก็อยากรู้จักคุณบ้างนี่นา”
          “เอาอย่างนั้นหรอ...” คุณธามเริ่มต้นเล่าเรื่อง “ผมเริ่มทำธุรกิจนี้ตอนอายุแค่ยี่สิบสามปีหลังเรียงจบ ตอนนี้ก็ห้าหกปีแล้วล่ะ เป็นทุนจากพ่อผม ก็ทำกับไอ้กันต์ กับไอ้อิฐมัน สองคนนั้นเป็นหมอกับตำรวจ ไม่ค่อยมีเวลามาช่วยผมบริหารหรอก บางทีก็เหนื่อย แต่พอนึกถึงปากท้องของหลาย ๆ ชีวิต ผมก็ต้องทำ อย่างเธอน่ะ ถ้าเหนื่อยมาก ๆ เธอจะลาออกตอนไหนก็ได้ แต่ผมไม่ได้มีอิสระขนาดนั้น”
 
          หลังจากพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว คุณธามพาฉันมาที่ดิวันจี จากตรงด้านหน้านี่ระบุไม่ได้ว่าอาคารเป็นรูปทรงแบบไหน แต่ที่แน่ ๆ ดูภายนอกแล้วช่างไม่ต่างจากรีสอร์ตระดับห้าดาวเลย การตกแต่งของสถานที่ทั้งแมกไม้และไฟประดับ ไม่น่าแปลกใจเลยว่านอกจากเกมกิจกรรมที่เหล่านักพนันต่างหลงใหลแล้วก็คงเป็นบรรยากาศนี่แหละ ที่ทำให้พวกเขาหวนกลับมาไม่จบสิ้น
          คุณธามพาฉันเข้ามาข้างใน แล้วเริ่มต้นเลคเช่อร์ทันที “ที่นี่มีห้าชั้นรวมใต้ดิน ชั้นแรกที่เรายืนอยู่นี่เป็นร้านอาหาร แล้วก็ล็อบบี้ เหมือนโรงแรมทั่ว ๆ ไป ชั้นใต้ดินเป็นกาสิโนซึ่งถ้าไม่จำเป็นฉันไม่อยากให้เธอลงไปนะ ชั้นสองมีสองฝั่ง ฝั่งร้านอาหารและฝั่งผับ ชั้นสามเป็นห้องพักพิเศษ แล้วก็ชั้นสี่เป็นออฟฟิศ ถ้าเธอโอเคหรือวันไหนอยากมานั่งทำงานที่นี่ก็ได้ ผมให้คนจัดโต๊ะให้แล้ว”
          “สมเป็นกาสิโนครบวงจรจริง ๆ ด้วยค่ะ”
          “ทั้งห้าชั้นมีคนของเราบริหารอยู่ ชั้นใต้ดินจะเป็นหน้าที่รับผิดชอบของอิฐ เธอเชื่อมั้ย ปี ๆ หนึ่งมันจับได้ทั้งฆาตกร พ่อค้ายา ฟอกเงิน พวกโกงกินชาติบ้านเมือง จากที่นี่เป็นร้อย ๆ คนเลยล่ะ”
          “...”
          “ร้านอาหารและโรงแรมไอ้หมอกับยัยซายน์ช่วยกันดูแล และผมจะดูภาพรวมของงานทั้งหมดรวมถึงลูกค้าด้วย แต่ต่อไปนี้ผมจะให้เธอดูแลลูกค้าที่เป็นเอเจนซี่ทั้งหมด พูดง่าย ๆ ก็เหมือนขายแพคเก็จท่องเที่ยวให้เอเจนซี่ เพื่อให้พวกเค้านำกรุ๊ปทัวร์หรือนักพนันมาลงทุนที่นี่ ง่าย ๆ”
          “...ค่ะ ง่าย ๆ” ฉันตอบรับแต่ไม่วายส่งยิ้มแห้ง ๆ ไปให้ เพราะเริ่มมองเห็นความยุ่งยากแล้วราง ๆ
          “ธาม! ทางนี้”
          เสียงทุ้ม ๆ ของใครบางคนร้องเรียกคุณธาม ฉันหันไปมองตามต้นเสียง ที่หน้าประตูกระจกหรูหรามีร่างสูงสมส่วน แต่งตัวภูมิฐานกำลังเดินผ่านเข้ามา
          “อิฐ”
          คุณธามยกมือขึ้นทักตอบง่าย ๆ ...คุณอิฐเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน เขาสูงกว่าฉันตั้งเยอะแน่ะ น่าจะเท่า ๆ กับคุณธาม
          “ว้าว ๆ คุณนณาย ผู้ช่วยของคุณธาม ถูกต้องไหมครับ” คุณอิฐทำตาแพรวพราวพูดกับฉัน พักนี้ฉันเจอแต่ผู้ชายงานดี ๆ แฮะ แต่เอ... ผิวขาวละเอียดกับหน้าใส ๆ ซะผู้หญิงอย่างฉันอาย ท่าทางเจ้าชู้ไก่แจ้แบบนี่น่ะหรอเป็นตำรวจ แต่ก็นี่แหละน๊า โบราณเขาถึงว่า รถไฟเรือเมล์ลิเกตำรวจ อย่าได้เฉียดกลายเข้าไปยุ่งทีเดียว อ๊ะ! ฉันสะดุ้งน้อย ๆ เมื่อคุณอิฐใช้นิ้วเชยคางฉันขึ้น
          “น้อย ๆ หน่อยไอ้อิฐ ฉันจะฟ้องยัยแว่นมิซซาว่านายเจ้าชู้กับ...”
          “กับ... ผู้หญิงของนาย ?”
          “พอๆๆ รีบพาฉันลงไปข้างล่างสักที”
คุณธามพูดจบก็จูงมือฉันออกเดินนำไปก่อน ทิ้งให้คุณอิฐหน้าเหวออยู่ข้างหลัง
 
          ตึก ตึก ตึก
 
          บทสนทนาของเค้าสองคนกับสัมผัสอุ่น ๆ ที่ฝ่ามือทำฉันหัวใจเต้นเป็นจังหวะหนัก ๆ อย่างห้ามไม่ไหว
          “เธออย่าไปเพ้อตามไอ้อิฐมันล่ะ มันก็ทำเจ้าชู้ไปอย่างนั้นแหละ” คุณธามบอก ฉันไม่ตอบคำแต่เลือกที่จะกระชับฝ่ามือให้แน่นยิ่งขึ้น
 
          คุณอิฐแนะนำฉันให้กับพนักงานในกาสิโนรู้จักแล้วพามานั่งที่ชั้นลอย ผนังทุกด้านประกอบขึ้นจากกระจกใส คุณอิฐใช้ห้องนี้เป็นที่ทำงานและคอยสังเกตการณ์ด้านล่าง ฉันมองรอบ ๆ แล้วพบกว่าการตกแต่งที่นี่มีกลิ่นอายของความเป็นผู้หญิงอยู่ไม่น้อย ทั้งกุหลาบขาวบนโต๊ะและชุดรับแขกที่นั่งอยู่ตอนนี้
          “นี่แกบ้าจี้ตามยัยมิซซาตั้งแต่ตอนไหนวะ ฮ้ะ ๆ นั่นอะไร ดอกไม้ ?” คุณธามแซ็วซะจนหน้าใส ๆ ของคุณอิฐแดงระเรื่อ เค้าเลิ่กลั่กเล็กน้อยก่อนพูด
          “เออ! แล้วคอยดูสักวันแกจะหลงยัยเด็กนี่จนโงหัวไม่ขึ้น เหอะ!”
อะ อ่าว ทะเลาะกันอยู่สองคนแท้ ๆ ไหงวกมานี่ได้ล่ะ
          “พอเลยอิฐ อย่าพูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่ได้คิดอะไรกับนณาย และเรื่องอะไรแบบนี้ มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นกับฉันอีกเด็ดขาด”
          ...ฉันไม่ได้คิดอะไรกับนณาย คุณธามพูดซะยืดยาว ทำไมฉันต้องมาสะดุดใจกับประโยคสั้น ๆ นี้ด้วยนะ ฉันยกแก้วน้ำขึ้นจิบ หวังว่าน้ำเย็น ๆ จะช่วยไล่อาการอึน ๆ ที่ก่อขึ้นในใจให้หายไป ...เป็นอะไรของเธอนณาย เธอก็ไม่ได้คิดอะไรกับเค้าซะหน่อย แล้วจะแคร์ทำไมล่ะ โว๊ะ!!
          “คร่าว ๆ นะคนสวย” คุณอิฐชะโงกหน้าเข้าใกล้ ๆ ฉันแล้วเริ่มต้นอธิบาย “ชั้นล่างนี้อย่างที่เธอทราบดีว่าเป็นแหล่งรวมนักแสวงโชค ก็จะมีทั้งที่ดี และโคตรเลว เพราะฉะนั้นถ้าทุกครั้งที่เธอมาที่นี่ต้องเรียกผมให้อยู่ด้วยตลอด หรือถ้าผมไม่อยู่ก็เรียกมิซซา เพื่อนร่วมงานและแฟนสาวคนสวยของผมเอง ตกลงนะครับ”
          “ตกลงค่ะ” ฉันเอนหลังเว้นระยะห่างเล็กน้อย คุณอิฐตบศีรษะฉันเบา ๆ แล้วกล่าวต่อไป
          “ผมมีน้องสาวน่ะ คล้าย ๆ เธอเลย แต่ยัยนั่นนิสัยไม่ดีทิ้งผมไปซะแล้ว... เอาล่ะ เราลงไปสำรวจข้างล่างกันดีกว่า”
 
          พวกเราเดินมาหยุดที่โต๊ะของนักพนันกลุ่มหนึ่ง ซึ่งทุกคนสนใจอยู่กับ ‘ของเล่น’ ตรงหน้า และดูเหมือนว่าจะไม่มีใครรับรู้ถึงการมาเยือนของเรา... เท่าที่เห็นผู้คนในนี้แต่งตัวดี ๆ กันทั้งนั้น อายุอานามตั้งแต่หนุ่มสาวแรกรุ่นยันตาแก่หลังค่อม ถ้าจำไม่ผิด เหมือนเมื่อกี้ฉันจะเดินสวนกันกับนักร้องชื่อดังด้วยล่ะ ...ความโลภนี่ไม่เข้าใครออกใครจริง ๆ
          “แฮ่ก ๆ !! ไอ้พี่อิฐ นายหายหัวไปไหนมาฮะ แล้วฉันสั่งพี่แล้วใช่ไหมว่าห้ามปล่อยไอ้คนพวกนั้นเข้ามาอีก รีบไปดูเร็วเข้า ที่ปีกซ้ายจะยิงกันตายอยู่แล้ว เหนื่อย!”
          หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งสวมชุดเดรสเรียบร้อย และแว่นตาอันโตประดับไว้บนใบหน้า เธอไม่สวยเด่นแต่ทุกท่วงท่ากลับน่าหลงใหล ดูยังไงก็ไม่น่าจะมาอยู่ในที่อโคจรแบบนี้ได้ ประโยคยาว ๆ ของเธอทำให้คุณธามและคุณอิฐมองหน้ากันอย่างเบื่อหน่าย ...พวกนายเบื่ออย่างนั้นหรอ ? ยัยแว่นนี่เพิ่งจะบอกอยู่หยก ๆ นะ ว่ามีคนจะยิงกันตาย ?
          “เดี๋ยวพี่จัดการให้นะที่รัก” คุณอิฐพูดขึ้น ฉันแอบเห็นสายตาที่เค้ามองผู้หญิงตรงหน้า ไม่ได้แวววับฉายออกซึ่งความเจ้าชู้อย่างที่ควรจะเป็น กลับเป็นเพียงสายตาของชายผู้หนึ่งที่มองหญิงสาวผู้เป็นที่สุดของหัวใจ
          “นณาย รอผมอยู่ตรงนี้ ห้ามขยับไปไหนเด็ดขาด จนกว่าผมจะกลับมาเข้าใจไหม” คุณธามจับไหล่ทั้งของข้างของฉันแน่น ๆ พร้อมออกคำสั่งแล้วออกเดินไปพร้อมคุณอิฐและผู้หญิงคนนั้น วูบหนึ่งฉันสัมผัสได้ถึง ...ความเอื้ออารีที่ทอดออกมาให้ อะแฮ่ม!! หยุดความคิดของเธอไว้ตรงนั้นเดี๋ยวนี้นะนณาย!!
 
          “มาคนเดียวหรอครับ...”
ฉันยืนเหวอ ๆ งง ๆ ได้เพียงครู่ ก็มีชายหนุ่มลูกครึ่งตะวันตก คาดว่าน่ะนะ แต่ดูจากโครงหน้าหล่อเหลาที่เด่นชัด ผิวขาวซีด ๆ ประกอบกับดวงตาสีน้ำทะเลชวนหลงใหลแล้วไม่น่าจะผิด ฉันสบตาชายผู้มาใหม่แล้วส่งยิ้มให้เขาอย่างไม่นึกว่าต้องระวังตัวอะไรในยามนี้
          “สวัสดีค่ะ”
          “ผมชื่อคาน่อนนะครับ เป็นเพื่อนธาม...” หนุ่มลูกครึ่งเอ่ยแนะนำตัว แต่ให้ตายสิ ฉันเริ่มจะไม่ชอบสายตาเจ้าเล่ห์ที่มองมาอย่างพิจารณานั่นซะแล้ว สายตาแบบนี้จะเรียกว่าหยาบคายก็ไม่ถูก มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือน... โดนจับผิด...
          “ค่ะ คุณคาน่อนมีธุระกับคุณธามหรอคะ ฝากไว้ได้นะ ฉันเป็นผู้ช่วยเค้าค่ะ”
          “ว้าว ธามจ้างผู้ช่วยเหรอ ? ...ช่างเป็นข่าวที่น่าแปลกใจเหลือเกิน คนรักความเป็นส่วนตัวอย่างธามจ้างผู้ช่วย”
          “เอ่อ...” ฉันจนปัญญาจะตอบบทสนทนากับเขาจริง ๆ ทุกครั้งที่สบตากับดวงตาคู่สวยของเขา ฉันรู้สึกอึดอัดเหมือนจะจมน้ำอยู่ตลอดเวลา แล้วฉันก็เกลียดสายตาจับผิดนั่นมาก ๆ ด้วย
          “เอาเป็นว่าผมขอโทษคุณที่มองคุณอย่างเสียมารยาทนะครับ ผมแค่แปลกใจอะไรนิดหน่อย แล้วก็...ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณ...”
          “ไม่จำเป็นต้องรู้จักเธอมั้งคาน่อน!”
          คุณธาม! เสียงคุณธามดังขึ้นก่อนตัวจะเดินมาถึงจุดที่ฉันยืนอยู่เสียอีก ขอบคุณสวรรค์ที่ไม่ทำให้ฉันรู้สึกจมน้ำไปจริง ๆ ซะก่อน ฉันถอยห่างจากคุณคาน่อนไปหยุดข้าง ๆ คุณธามเมื่อไหร่ไม่ทราบ กว่าจะรู้สึกตัวก็เมื่อรับรู้ได้ถึงสัมผัสอุ่น ๆ แน่น ๆ ที่มือซ้าย
          “แล้วก็ไม่จำเป็นต้องรู้จักผู้หญิงคนไหนอีกแล้วด้วย เพราะอีกไม่นานนายก็จะแต่งงานกับน้องสาวฉันอยู่แล้ว”
คุณคาน่อนยิ้มเหยียดน้อย ๆ มองมาที่มือคุณธามที่กำลังกุมมือฉันเอาไว้ ก่อนจะผ่อนลมหายใจยาว ๆ แล้วสบตาบอกลาฉัน “แล้วพบกันนะครับ ‘คุณผู้ช่วย’”
 
          ระหว่างทางกลับบ้านคุยธามไม่ได้คุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอีก และฉันเองก็ไม่รู้จะชวนเขาคุยอะไร น่าแปลกที่ความเงียบระหว่างเราไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดอะไร
          “ต่อไปผมขอสั่งห้ามเธอคุยกันคนแปลกหน้าเวลาที่ไม่มีผมอยู่ด้วยอีกนะ เข้าใจหรือเปล่า”
ทันทีที่ลงจากรถคุณธามก็เปิดประเด็น
          “คุณคาน่อนไม่ได้แปลกหน้าสักหน่อยค่ะ เขาเป็นเพื่อนคุณนะ”
          “อ่อ คาน่อนบอกแบบนั้นเหรอ ...ไม่รู้ล่ะ อย่างน้อยเธอก็ไม่รู้จักมัน”
          “แต่ว่า... ฉันไม่ได้ชวนคุย คุณคาน่อนเขา... อ๊ะ!”
          ฉันค้างประโยคไว้เพียงเท่านั้น เมื่อคุณธามแปะมือลงบนหัวฉันเบา ๆ           “เลิกเถียง พรุ่งนี้ลงมาศึกษางานแต่เช้า มะรืนเรามีประชุมกับลูกค้า เข้าใจ๊” เค้าสั่งพร้อมกับยิ้มบาง ๆ ก่อนจะยีผมฉันจนฟูไปหมดแล้วเดินจากไป ทิ้งรอยอุ่นจาง ๆ จากฝ่ามือประทับไว้แบบนั้น
 
          ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก!
 
          หะ...หัวใจ... บ้าสิ! เขารู้ได้ไงว่าฉัน... แพ้อะไรแบบนี้ เฮ้ ๆ หยุดความคิดของแกเดี๋ยวนี้นะนณาย เค้าไม่ได้ชอบเรา เค้าไม่ได้ชอบเรา เค้าไม่ได้ชอบเรา...
          “คุณนณาย!”
          “เค้าไม่ได้ชอบเรา!!”
          ห้ะ ?
          “คุณหนูว่าไงนะครับ ใครไม่ได้ชอบอะไร ?”
          ฉันมองหน้าพ่อบ้านเหลียงที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนงง ๆ แล้ว... นี่ฉันมาถึงหน้าห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ นณายเอ๊ย!! แกจะสติหลุดแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย!
          “ไม่ค่ะ เปล่าเลย ไม่ได้มีอะไรค่ะ ...คุณพ่อบ้านล่ะคะ มาหาหนูใช่หรือเปล่า”
          “ครับ ผมเอานมมาวางให้น่ะครับ ดื่มนมก่อนนอนจะได้หลับฝันดี”
          ...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา