สามี...ท่านมียางอายบ้างหรือไม่!
7.0
เขียนโดย สาวเพ้อฝัน
วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 15.17 น.
9 ตอน
0 วิจารณ์
11.54K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 15.33 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ล้อเกวียนขยับนับหนึ่ง3.1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความล้อเกวียนขยับ...นับหนึ่ง
บนระเบียงทางเดิน เสียงฝีเท้าที่เดินใกล้เข้ามาบริเวณหน้าห้องที่ถูกปิดสนิท ประตูไม้ชั้นดีถูกแกะฉลุลวดลายอันงดงามแต่เมื่อมองไปยังบนบานประตูนั้นยังคงมีอักษรมงคลสีแดงติดอยู่ บ่งบอกให้รู้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ ที่แห่งนี้มีงานมงคลที่พึ่งผ่านไปไม่นาน
คฤหาสน์สกุลหูไม่มีนายท่านใหญ่และไม่มีฮูหยินเฒ่าเพราะทั้งนายท่านและฮูหยินคนก่อนของทีนี่ทั้งสองท่านสิ้นใจไปนานแล้ว จึงมีเพียงแค่สองพี่น้องสกุลหู คุณชายใหญ่หูจิ้งและคุณหนูคนเดียวของบ้านนี้หูเม่ย แต่ตอนนี้ที่คฤหาสน์แห่งนี้ก็ได้มีนายหญิงคนใหม่เพิ่มเข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัวอีกหนึ่งคน นั่นก็คือฮูหยินของคุณชายสกุลหูนั่นเอง
“เจ้าว่าพวกเขาตื่นรึยัง"
สาวใช้ตัวน้อย เสี่ยวลี่ เอ่ยถามอี๋เอ๋อในขณะที่มือของทั้งสองคนยังคงประคองถืออ่างน้ำทองเหลืองขนาดกลางไว้คนละใบข้างอ่างนั้นก็มีแพรสีขาวผืนน้อยๆถูกพับไว้เป็นแนวยาวพาดไว้ข้างๆอย่างเป็นระเบียบ
“ชู่ว เจ้าเบาๆก่อนข้าจะได้แอบฟังว่าพวกเขาตื่นรึยัง"
ขณะที่อี๋เอ๋อกำลังเดินเข้าไปใกล้หน้าประตูเพื่อที่จะเงี่ยหูฟังเสียงภายในห้อง กลับต้องตกใจจนอ่างน้ำในมือเกือบหลุดลงพื้น เพราะเสียงหวีดร้องจากภายในห้องนั้น
“นี่ท่าน ทะ…ทำไมขะ…ข้าๆ"
นางลุกลี้ลุกลนออกจากที่นอนไปยืนอยู่ข้างเตียงก่อนเอื้อนเอ่ยวาจาที่เต็มไปด้วยน้ำเสียงติดขัดด้วยความลนลาน นางก้มหน้าลงความรู้สึกร้อนผ่าวยังคงอยู่บนใบหน้า อาการตกใจระคนโมโหแกมอับอายยังไม่หายไป
“เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ"อี๋เอ๋อตะโกนถาม
“ไม่มีอะไรไม่ต้องเข้ามา” หูจิ้งเอ่ยปรามก่อนจะพูดต่อว่า “พวกเจ้ารออยู่ข้างนอกก่อนข้าเรียกแล้วพวกเจ้าค่อยเข้ามา"
“เจ้าค่ะ"สาวน้อยทั้งสองขานรับก่อนเดินออกไปรอที่ระเบียงหน้าประตู เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากบ่าวข้างนอกเขาก็หันมาชักสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างแรงใส่คนที่ยังยืนก้มหน้าก้มตาอยู่ข้างเตียง
“เป็นข้าหรือเจ้ากันแน่ที่ควรจะตกใจจนหวีดร้อง”เขาค่อนแคะใส่นาง “เป็นเจ้าเองแท้ๆที่ปีนป่ายขึ้นมานอนบนตัวข้าเกือบทั้งตัวยังจะมาหวีดร้องอีก
แขนขาของเจ้าเองแท้ๆมาพาดอยู่บนตัวข้า เขาใช้แขนสองข้างพาดไปมาบนร่างกายของตัวเองทำท่าทางตอกย้ำให้นางรับรู้ถึงการกระทำของนางเอง ข้าไปแตะต้องเจ้าเสียเมื่อไหร่ทำเป็นร้องตกอกตกใจไปได้”
อ๊า หมดแล้วหมดกัน ความเป็นกุลสตรีของฉันยังจะคงรักษาไว้ได้อีกเหรอ ขายไม่ออกแน่แล้ว เกลียดตัวเองจริงๆ ไอ้นิสัยติดนอนกอดหมอนข้างเนี่ย ขนาดมาอยู่ที่นี่แล้วก็ยังไม่เปลี่ยนไปสักนิดเดียวเลย
ยิ่งนึกยิ่งแค้นใจตัวเอง ฮือ~
“ขอโทษท่านด้วย คือมันเป็นนิสัยส่วนตัวของข้าท่านอย่าโกรธเลยนะข้าไม่ได้ตั้งใจต่อไปจะไม่ร้องโวยวายอีก”
“นิสัยส่วนตัว?”เขาเลิกคิ้วก่อนจะใช้แววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจกอปรกับความสงสัยหันไปมองที่นาง
“ข้าชอบนอนกอดหมอนข้าง ถ้าไม่มีอะไรให้ก่ายตอนนอน เวลาที่ข้าหลับไปแล้วจะมีความรู้สึกโหวงๆอยู่เป็นประจำเพราะข้าไม่ชิน ขอโทษนะ”
“เจ้าก็เลยกอดข้าต่างหมอนข้าง?”
นางก้มหน้าลงไม่มองเขา สีหน้าท่วงท่าแววตาสำนึกผิดของนางนั้นล้วนอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์แสนกลยามเมื่อจับจ้องนาง แววตาของเขาเปล่งประกายในขณะที่มุมปากถูกกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ นางทำให้โรคประหลาดของใครบางคนกำเริบแล้ว
เขาชักอยากจะแกล้งคนซะแล้วสิ หึๆ
“จิ๊ๆ น้องหญิงเจ้าช่างเป็นแม่เสือเลือดร้อนเสียจริงเมื่อคืนยังผลักไสไล่ส่งข้าอยู่แท้ๆ ไหนจะยังยื่นข้อเสนอให้คะยั้นคะยอให้ข้าเขียนหนังสือสัญญาแทบเป็นแทบตาย ยังมีอีกนะเจ้ายังบอกข้าว่าเจ้าจะลงไปนอนกับพื้นไม่ยอมนอนบนเตียงกับข้าไฉนตกดึกเจ้าก็ทนไม่ได้กลายเป็นฝ่ายมากอดก่ายข้าเองเสียแบบนี้ละ หากข้ารู้ว่าน้องหญิงทนรอไม่ได้เช่นนี้ ข้าจะไม่มีทางปล่อยให้ภรรยาเป็นฝ่ายรุกคืบเข้ามาหาเช่นนี้แน่เสียเชิงชายจริงๆ"
เขาล้อเลียนนางด้วยน้ำเสียง สีหน้าท่าทางของเขาทำราวกับว่าเสียโอกาสอันล้ำค้าหาสุดประมาณไม่ได้ไปแล้วแบบไม่มีวันได้คืนมา
“ท่านหน้าไม่อายพูดมาได้ยังไง คนหลงตัวเอง!”นางเงยหน้าขึ้นยกนิ้วชี้หน้าเขา
“การที่ข้าหลงตัวเองไม่เห็นจะผิดแปลกตรงไหนเลยแต่ที่ข้าคิดไม่ถึง คือแม้แต่กระทั่งน้องหญิงเองก็ยังหลงข้าเสียแล้วฮ่าๆ อืม...แต่ไม่เป็นไรหรอกนะถึงแม้น้องหญิงจะลุ่มหลงข้ามากก็ไม่เป็นไร น้องหญิงไม่ต้องอายมันเป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าจะหลงรักชายงามเช่นข้า”
“ท่าน…"นางอ้าปากจะด่าเขาแต่เขาชิงตัดหน้าพูดขึ้นมาก่อนว่า
“หน่าๆ ข้าไม่แหย่เจ้าแล้วก็ได้ บ่าวไพร่มารอนานแล้ว ล้างหน้าล้างตาแต่งตัวซะใหม่ จะได้ไปทานข้าวสักทีเจ้ายังมีคนที่ต้องทำความรู้จักอีกมากและข้าก็ยังมีงานที่ต้องสะสางอีก ไว้ตกกลางคืนข้าจะมาให้น้องหญิงด่าต่อดีหรือไม่?”
“…”นางไม่ตอบคำถามเขาแต่พูดแทนขึ้นว่า“ได้ ข้าเองก็มีเรื่องต้องทำเช่นกัน”
“เรื่องอันใดหรือ ถ้าเรื่องผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าข้าช่วยเจ้าได้นะ”
โอ้ยอีตานี่ในสมองมีอะไรมั่งเนี่ย
นางถลึงตามองเขา
“เอาล่ะๆ ข้าไม่อยู่เล่นกับเจ้าแล้ว”
เขากล่าวจบก็แต่งตัวอย่างลวกๆก่อนเดินออกไปจากห้องหอ นางได้ยินเสียงเขาออกคำสั่งให้สาวใช้หน้าห้องที่รออยู่ข้างนอกให้เข้ามาปรนนิบัตินางแต่งตัวในขณะที่เขาเองก็เรียกใช้บ่าวคนอื่นให้นำอ่างน้ำใบใหม่ไปให้เขาที่ห้องส่วนตัวของเขาเอง
“คำนับฮูหยิน บ่าวชื่อเสี่ยวลี่จะมาคอยดูแลรับใช้ท่านอีกคนนะเจ้าคะ”
นางหันไปมองสาวน้อยร่างเล็กหน้าตาน่ารักที่อยู่ข้างหน้าสองคนนั้น อีกคนคืออี๋เอ๋อที่นางคุ้นหน้าคุ้นตาไปแล้วคนที่ทำให้นางต้องปวดหัวกับความเจ้าน้ำตาเมื่อคืนนี้ส่วนอีกคนก็เพิ่งแนะนำตัวกับนางไป เสี่ยวลี่และอี๋เอ๋อทั้งคู่ดูอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
ทั้งคู่วางอ่างน้ำที่ถืออยู่ลงข้างๆโต๊ะเครื่องแป้งไม้สีแดงซึ่งแกะฉลุลายสวยงาม บนโต๊ะมีกระจกทองเหลืองและหวีหยกขาววางไว้ ถัดจากขวามือของหวีหยกคือกล่องไม้ที่ถูกเปิดทิ้งไว้ ในนั้นมีชาดทาปากสีแดงและเครื่องประทินโฉมต่างๆวางเรียงรายไว้อย่างแน่นขนัด ถัดไปซ้ายมือของกระจกด้านหน้านั้นคือปิ่นปักผมทองคำซึ่งประดับด้วยอัญมณีและหยก ในแบบต่างๆทั้งแบบผีเสื้อและดอกไม้ แบบที่เธอเคยเห็นในหนังจีนที่พวกคุณหนูหรือฮูหยินสกุลใหญ่ใช้กัน เธอเห็นของประดับต่างๆของใช้ของผู้หญิงที่เรียงรายอยู่ตรงหน้าแล้วก็เกิดตาลายนึกถึงมงกุฎหงส์ที่เธอใส่ตอนในพิธีแต่งงานขึ้นมา แค่คิดก็หนักหัวแล้ว
“เชิญฮูหยินล้างหน้า”
อี๋เอ๋อเรียกเหม่ยถิง นางสะบัดหัวสลัดความคิดทั้งหมดก่อนจะเดินไปข้างหน้าอ่างน้ำในขณะที่สาวน้อยสองคนก็ยืนหลบไปด้านข้าง นางก้มลงไปล้างหน้าล้างตา บ้วนปากทิ้ง ทำทุกอย่างที่สาวน้อยสองคนคอยบอก ในขณะที่อี๋เอ๋อยื่นผ้าแพรให้เธอเช็ดหน้าเช็ดตาก็สั่งให้บ่าวคนอื่นเอาเสื้อผ้าชุดใหม่เข้ามาให้เธอเปลี่ยน ชุดผ้าไหมฉูดฉาดสีต่างๆถูกบ่าวไพร่คนอื่นนำมาวางให้นางเลือกตัวแล้วตัวเล่าแต่ตัวที่เธอเลือกใส่เป็นเพียงแค่ชุดผ้าไหมสีม่วงอ่อนธรรมดา
เมื่อนางจัดแจงชุดที่เลือกให้มาอยู่บนร่างกายตัวเองเสร็จเรียบร้อยอี๋เอ๋อกับเสี่ยวลี่ก็เข้ามาช่วยนางแต่งหน้าหวีผม ผมยาวสีดำขลับได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีทั้งคู่ค่อยๆหวีผมให้เจ้านางอย่างเบามือก่อนจะมวยผมให้เธอแต่นางยกมือห้าม
“ไม่ต้องเกล้าผม มันหนัก!”
“ไม่ได้เจ้าค่ะ คุณหนูท่านแต่งงานแล้วจะต้องเกล้ามวยนะเจ้าคะ"อี๋เอ๋อร้อง
“ไม่เอาปล่อยไว้แบบนี้แหละหวีให้ผมไม่พันกันก็พอ"
“แต่ว่าคุณหนู…”
“เจ้าชอบเกล้าผมหรือ?”
“เปล่าเจ้าค่ะแต่ว่าท่านเป็นฮูหยินของบ้านนี้แล้วนะเจ้าคะเป็นนายหญิงของสกุลหูแล้ว"
“ข้าบอกไม่เกล้าก็ไม่เกล้าถ้าเจ้าชอบเกล้านัก ก็แต่งงานเข้าสกุลหูแทนข้าเสียเลยสิ"
“ฮูหยิน!”สาวน้อยทั้งคู่ทั้งตกใจทั้งขำทั้งโมโหที่นางพูดเล่นเช่นนี้
“ไม่เกล้าแล้วเจ้าค่ะ ฮูหยินอย่าพูดแบบนี้สิเจ้าคะ"
“ไม่เกล้าสิดี เพราะข้ายังไม่แต่งงาน!"
“คุณหนู"อี๋เอ๋อเอ็ดขึ้นอีก
“นี่ๆ ตกลงข้าเป็นนายหรือเจ้าเป็นนายกันแน่”นางหรี่ตาลงยิ้มอย่างจนใจ
“ไม่ใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะ เฮ้อ...ตามใจท่านแล้ว"อี๋เอ๋อกับเสี่ยวลี่สบตากันก่อนถอดถอนหายใจ
“อี๋เอ๋อ"
“เจ้าคะ?”
“ข้าอยากกลับไปเรือนแม่สื่อหมื่นบุปผา เจ้าพาข้าไปหน่อยสิ" อย่างน้อยฉันก็ควรรู้อะไรให้มากกว่านี้ก่อนทำตามข้อแลกเปลี่ยนใช่ไหมล่ะ ฉันไม่โง่นี่นาเรื่องอะไรจะให้ตานั้นหลอกใช้ฟรีๆ
“ท่านอยากกลับไปรึเจ้าคะ?”
“ใช่ เจ้าพาข้าไปหน่อยได้ไหม"
“ไปตอนนี้เลยหรือเจ้าคะ"
“ใช่ ก็ตอนนี้ว่างหรือข้าต้องทำอะไรอีกละมีอะไรที่ข้าต้องทำหรือ?”นางถาม"ถ้ามีก็รีบๆทำเพราะข้าอยากกลับเรือนแม่สื่อมาก ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น" เหม่ยถิงบอกปัดความรำคาญ
“เอ่อฮูหยินท่านต้องไปไหว้บรรพชนของสกุลหูก่อนเจ้าค่ะ แล้วก็ยังมีน้องสาวของนายท่านหูด้วย ยังไงก็ต้องไปทำความรู้จักกันไว้นะเจ้าคะ ท่านแต่งเข้ามาก็มีศักดิ์เป็นฮูหยินใหญ่ของบ้านเป็นพี่สะใภ้ นางก็เป็นน้องสามีของท่าน"
“อืมแล้วข้าต้องทำอันใดอีก”
“ไม่มีเจ้าค่ะ"
“เช่นนั้นก็รีบๆทำอะไรที่ควรทำเสีย เพราะข้าจะไปเรือนแม่สื่อและเจ้าต้องพาไปด้วย!”เธอย้ำเสียงแข็ง
“แต่ว่าฮูหยิน ถ้าท่านจะออกไปข้างนอกต้องไปบอกนายท่านก่อนนะเจ้าคะ"
“บอก? บอกทำไมข้าจะไปข้างนอกเกี่ยวอะไรกับเขา"
แค่จะออกไปข้างนอกทำไมฉันจะต้องไปขออนุญาตอีตานั่นด้วย
“ก็ท่านแต่งงานแล้วยังไงละเจ้าคะ ฮูหยินเองผมก็ไม่เกล้ายังจะออกนอกบ้านหลังจากพึ่งแต่งงานแค่วันเดียวยังมีอีกท่าน… ”
“เอาละๆ พอแล้วๆข้าเข้าใจแล้ว"
ให้ตายสินู้นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ น่ารำคาญชะมัด สิทธิมนุษยชนของฉันอยู่ตรงไหนในโลกนี้บ้างยะ!
“เจ้าค่ะ ถ้าอย่างนั้นฮูหยินทานข้าวก่อนแล้วเดี๋ยวบ่าวจะพาไปไหว้บรรพชน แล้วค่อยพาท่านไปพบคุณหนูหูเม่ยนะเจ้าคะ"
อี๋เอ๋อยิ้มน้อยๆขณะที่เสี่ยวลี่ก็เดินออกไปก่อนกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมบ่าวรับใช้คนอื่นจัดสำรับกับข้าววางไว้ที่โต๊ะในห้องข้างนอก
ฉันเดินออกจากห้องนอนก่อนนั่งลงบนโต๊ะข้างหน้าเต็มไปด้วยกับข้าวมากมายหลากหลาย ต้มหัวปลา น้ำแกงไก่ตุ๋น เต้าหู้ผัดน้ำมันหอย ปลาไหลผัดพริกชี้ฟ้า อาหารมากมายละลานตาแต่ฉันกลับกินอะไรไม่ลงเลยสักอย่างเดียว ฉันควรทำยังไงต่อไปนะ
นางคิดในขณะที่มือยังถือตะเกียบเขี่ยข้าวเล่นไม่ยอมกินสักที
จนกระทั่งสาวน้อยตัวเล็กๆคนนึงเดินเข้ามา หน้าหวานร่างน้อยสวมชุดผ้าไหมเนื้อดีสีชมพู นวลเนื้ออวบอิ่ม ปากบางจิ้มลิ้มดวงหน้าทั้งดวงเต็มไปด้วยความน่ารักสดใสจัดว่าเป็นเด็กสาวที่มีหน้าตาน่ารักเฉิดฉันคนนึง
เธอกล้ารับรองได้เลยว่าถ้าในยุคของเธอมีเด็กสาวหน้าตาน่ารักขนาดนี้อยู่ละก็ จะต้องมีลูกค้าผู้ชายหลั่งไหลเข้ามาให้เธอช่วยเป็นแม่สื่อจับคู่ให้ไม่มีหยุดแน่นอน
“คำนับคุณหนูหู"อี๋เอ๋อกล่าวขึ้นก่อนย่อกายลงคำนับนาง “เสี่ยวลี่คำนับคุณหนู"
“หูเม่ยคำนับพี่สะใภ้"เด็กสาวฉีกยิ้มกว้างพลางหยอบกายคำนับ ร่างน้อยๆค่อยหยัดกายลุกขึ้นก่อนก้าวเข้ามานั่งข้างๆนาง
“พี่สะใภ้กำลังทานข้าวข้ามาผิดเวลาเสียแล้ว เสียมารยาทนัก ขออภัยท่านด้วย"
“ไม่ขนาดนั้นหรอก”นางยิ้มพลางมองเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์
อีตาคนหน้าไม่อายแบบนั้นมีน้องสาวน่ารักขนาดนี้ได้ยังไงกันฉันตกใจจริงๆนะเนี่ย
“กินข้าวด้วยกันไหม”เหม่ยถิงเอ่ยถาม
“เจ้าค่ะ"
หูเม่ยพยักหน้ารับคำ ในขณะที่เสี่ยวลี่เดินไปสั่งให้บ่าวรับใช้คนอื่นนำชุดชามข้าวมาอีกชุดนึงก่อนตักข้าวสวยร้อนๆเกือบพูนถ้วยส่งให้หูเม่ย หูเม่ยรับมาก่อนคว้าตะเกียบจากเสี่ยวลี่ขึ้นมา นางเลื่อนมือไปคีบปลาไหลผัดพริกชี้ฟ้า ก่อนหยิบถ้วยใบเล็กข้างมือขวาของเหม่ยถิงมาตักน้ำแกงไก่ส่งให้นาง
เหม่ยถิงมองทุกๆการกระทำของหูเม่ยแล้วยิ่งทำให้เธอต้องเบิกตากว้างขึ้นไปอีกสาวน้อยอ่อนหวานคนนี้มีพี่ชายอย่างหมอนั่น เธอแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยจริงๆ
หูเม่ยทั้งเอาใจใส่คอยชวนเหม่ยถิงคุยระหว่างทานข้าว หูเม่ยคอยถามว่านางขาดเหลืออะไรไหม มีอะไรไม่สบายใจบ้างรึเปล่า ทั้งยังคอยคีบกับข้าวบนโต๊ะมาใส่จานนางเป็นพักๆ
อีตานั่นทำบุญอะไรมานะถึงได้น้องสาวดีขนาดนี้ ต่างจากหมอนั่นราวสวรรค์ชั้นเจ็ดกับนรกอเวจี ห่างไกลกันซะเหลือเกิน
“พี่เหม่ย พี่ชายข้าถึงแม้จะเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองเกินไปบ้างก็ขอท่านอย่าถือสาเขามากเลยนะ”นางยิ้มให้
“ไม่หรอก ข้าไม่ถือเลยจริงๆ"
จริงๆนะฉันไม่ถือแล้วละ ฉันจะเขวี้ยงหมอนั่นทิ้งอยู่แล้วต่างหากละ
“ได้ยินเช่นนี้ข้าก็ดีใจ พี่เหม่ยทานข้าวเสร็จข้าพาท่านไปไหว้บรรพชนแล้วเราออกไปข้างนอกหาอะไรทำกันดีไหมเจ้าคะ?”
“เอ่อคือข้าจะกลับเรือนแม่สื่อน่ะ ต้องขอโทษเจ้าด้วย"
“เอ๋ ท่านจะกลับไปเรือนแม่สื่อหรือเจ้าคะ ไปทำไมเจ้าคะ?”หูเม่ยถามเหม่ยถิงในขณะที่บนใบหน้าแสดงสีหน้าประหลาดใจเต็มที่
“ข้ามีธุระที่ต้องจัดการนะ”
เหม่ยถิงยิ้มตอบก่อนหันหน้าไปมองอี๋เอ๋อที่คอยเอานิ้วจิ้มเธอตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วก็ไม่รู้ ยัยยอี๋เอ๋อนี่เป็นกระต่ายตื่นตูมรึไง เธอค้อนใส่เด็กสาวบ่าวรับใช้หนึ่งที
“ให้น้องไปด้วยได้ไหมเจ้าคะ?”
“เจ้าอยากไป?”
“เจ้าค่ะ ข้าอยากไปพี่เหม่ยพาข้าไปด้วยคนนะ"
เอาไงดีล่ะ ที่ฉันไปเพราะจะไปหาเบาะแสเรื่องราววุ่นๆที่มันเกิดขึ้นนี้ต่างหากไม่ได้ไปเที่ยวเล่นนะ
“ข้าคงต้องขอพี่ชายเจ้าก่อน"เธอวางตะเกียบลงเพราะว่ากินจนอิ่มแล้ว ก่อนจะรับน้ำจากอี๋เอ๋อมาดื่มล้างคอ
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ พี่ชายเขาเป็นคนดีมีเหตุผลเขาต้องให้ท่านไปแน่ๆ"
“แค่กๆ!” เธอสำลักน้ำ
อะไรนะฉันหูฝาดรึเปล่า
“พี่เหม่ย ท่านไม่เป็นไรนะเจ้าคะ"
หูเม่ยรีบลุกขึ้นมาตบหลังให้นางก่อนเรียกให้เสี่ยวลี่นำผ้าแพรมาให้นางเช็ดปาก
คนดี มีเหตุผล ตานั่นล้างสมองน้องสาวตัวเองเหรอ? หรือว่าหูเม่ยอ่อนต่อโลก หรือว่าเขาทำดีกับเฉพาะน้องสาวของเขาเท่านั้นกันแน่ ฉันยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน
ในขณะที่หูเม่ยยื่นน้ำอีกแก้วมาให้นางดื่มอีกครั้งก่อนกำชับให้นางดื่มช้าๆ นางรับน้ำแก้วนั้นมาก่อนเหลือบตาขึ้นไปมองหูเม่ยซึ่งกำลังยิ้มแย้มปรนนิบัติเธอเป็นอย่างดีด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
หูเม่ยเห็นเหม่ยถิงสีหน้าไม่ดีจึงบอกให้นางไปนอนพักก่อนและบอกว่าจะคุยเรื่องที่นางจะกลับเรือนแม่สื่อให้หูจิ้งรู้เอง...
*แหมๆ ทำไมพระเอกของเราถึงมีน้องสาวแสนดีขนาดนี้น้า เอ๊ะๆหรือจะดีเฉพาะกิจ แล้วเหม่ยเอ๋อของเราจะเริ่มปะติดปะต่อจิ๊กซอว์ของการเวลายังไง แล้วเบื้องหลังของเรือนแม่สื่อคืออะไร สิ่งที่พระเอกของเราต้องการคืออะไร ติดตามตอนต่อไปนะฮาฟ*
บนระเบียงทางเดิน เสียงฝีเท้าที่เดินใกล้เข้ามาบริเวณหน้าห้องที่ถูกปิดสนิท ประตูไม้ชั้นดีถูกแกะฉลุลวดลายอันงดงามแต่เมื่อมองไปยังบนบานประตูนั้นยังคงมีอักษรมงคลสีแดงติดอยู่ บ่งบอกให้รู้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ ที่แห่งนี้มีงานมงคลที่พึ่งผ่านไปไม่นาน
คฤหาสน์สกุลหูไม่มีนายท่านใหญ่และไม่มีฮูหยินเฒ่าเพราะทั้งนายท่านและฮูหยินคนก่อนของทีนี่ทั้งสองท่านสิ้นใจไปนานแล้ว จึงมีเพียงแค่สองพี่น้องสกุลหู คุณชายใหญ่หูจิ้งและคุณหนูคนเดียวของบ้านนี้หูเม่ย แต่ตอนนี้ที่คฤหาสน์แห่งนี้ก็ได้มีนายหญิงคนใหม่เพิ่มเข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัวอีกหนึ่งคน นั่นก็คือฮูหยินของคุณชายสกุลหูนั่นเอง
“เจ้าว่าพวกเขาตื่นรึยัง"
สาวใช้ตัวน้อย เสี่ยวลี่ เอ่ยถามอี๋เอ๋อในขณะที่มือของทั้งสองคนยังคงประคองถืออ่างน้ำทองเหลืองขนาดกลางไว้คนละใบข้างอ่างนั้นก็มีแพรสีขาวผืนน้อยๆถูกพับไว้เป็นแนวยาวพาดไว้ข้างๆอย่างเป็นระเบียบ
“ชู่ว เจ้าเบาๆก่อนข้าจะได้แอบฟังว่าพวกเขาตื่นรึยัง"
ขณะที่อี๋เอ๋อกำลังเดินเข้าไปใกล้หน้าประตูเพื่อที่จะเงี่ยหูฟังเสียงภายในห้อง กลับต้องตกใจจนอ่างน้ำในมือเกือบหลุดลงพื้น เพราะเสียงหวีดร้องจากภายในห้องนั้น
“นี่ท่าน ทะ…ทำไมขะ…ข้าๆ"
นางลุกลี้ลุกลนออกจากที่นอนไปยืนอยู่ข้างเตียงก่อนเอื้อนเอ่ยวาจาที่เต็มไปด้วยน้ำเสียงติดขัดด้วยความลนลาน นางก้มหน้าลงความรู้สึกร้อนผ่าวยังคงอยู่บนใบหน้า อาการตกใจระคนโมโหแกมอับอายยังไม่หายไป
“เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ"อี๋เอ๋อตะโกนถาม
“ไม่มีอะไรไม่ต้องเข้ามา” หูจิ้งเอ่ยปรามก่อนจะพูดต่อว่า “พวกเจ้ารออยู่ข้างนอกก่อนข้าเรียกแล้วพวกเจ้าค่อยเข้ามา"
“เจ้าค่ะ"สาวน้อยทั้งสองขานรับก่อนเดินออกไปรอที่ระเบียงหน้าประตู เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากบ่าวข้างนอกเขาก็หันมาชักสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างแรงใส่คนที่ยังยืนก้มหน้าก้มตาอยู่ข้างเตียง
“เป็นข้าหรือเจ้ากันแน่ที่ควรจะตกใจจนหวีดร้อง”เขาค่อนแคะใส่นาง “เป็นเจ้าเองแท้ๆที่ปีนป่ายขึ้นมานอนบนตัวข้าเกือบทั้งตัวยังจะมาหวีดร้องอีก
แขนขาของเจ้าเองแท้ๆมาพาดอยู่บนตัวข้า เขาใช้แขนสองข้างพาดไปมาบนร่างกายของตัวเองทำท่าทางตอกย้ำให้นางรับรู้ถึงการกระทำของนางเอง ข้าไปแตะต้องเจ้าเสียเมื่อไหร่ทำเป็นร้องตกอกตกใจไปได้”
อ๊า หมดแล้วหมดกัน ความเป็นกุลสตรีของฉันยังจะคงรักษาไว้ได้อีกเหรอ ขายไม่ออกแน่แล้ว เกลียดตัวเองจริงๆ ไอ้นิสัยติดนอนกอดหมอนข้างเนี่ย ขนาดมาอยู่ที่นี่แล้วก็ยังไม่เปลี่ยนไปสักนิดเดียวเลย
ยิ่งนึกยิ่งแค้นใจตัวเอง ฮือ~
“ขอโทษท่านด้วย คือมันเป็นนิสัยส่วนตัวของข้าท่านอย่าโกรธเลยนะข้าไม่ได้ตั้งใจต่อไปจะไม่ร้องโวยวายอีก”
“นิสัยส่วนตัว?”เขาเลิกคิ้วก่อนจะใช้แววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจกอปรกับความสงสัยหันไปมองที่นาง
“ข้าชอบนอนกอดหมอนข้าง ถ้าไม่มีอะไรให้ก่ายตอนนอน เวลาที่ข้าหลับไปแล้วจะมีความรู้สึกโหวงๆอยู่เป็นประจำเพราะข้าไม่ชิน ขอโทษนะ”
“เจ้าก็เลยกอดข้าต่างหมอนข้าง?”
นางก้มหน้าลงไม่มองเขา สีหน้าท่วงท่าแววตาสำนึกผิดของนางนั้นล้วนอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์แสนกลยามเมื่อจับจ้องนาง แววตาของเขาเปล่งประกายในขณะที่มุมปากถูกกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ นางทำให้โรคประหลาดของใครบางคนกำเริบแล้ว
เขาชักอยากจะแกล้งคนซะแล้วสิ หึๆ
“จิ๊ๆ น้องหญิงเจ้าช่างเป็นแม่เสือเลือดร้อนเสียจริงเมื่อคืนยังผลักไสไล่ส่งข้าอยู่แท้ๆ ไหนจะยังยื่นข้อเสนอให้คะยั้นคะยอให้ข้าเขียนหนังสือสัญญาแทบเป็นแทบตาย ยังมีอีกนะเจ้ายังบอกข้าว่าเจ้าจะลงไปนอนกับพื้นไม่ยอมนอนบนเตียงกับข้าไฉนตกดึกเจ้าก็ทนไม่ได้กลายเป็นฝ่ายมากอดก่ายข้าเองเสียแบบนี้ละ หากข้ารู้ว่าน้องหญิงทนรอไม่ได้เช่นนี้ ข้าจะไม่มีทางปล่อยให้ภรรยาเป็นฝ่ายรุกคืบเข้ามาหาเช่นนี้แน่เสียเชิงชายจริงๆ"
เขาล้อเลียนนางด้วยน้ำเสียง สีหน้าท่าทางของเขาทำราวกับว่าเสียโอกาสอันล้ำค้าหาสุดประมาณไม่ได้ไปแล้วแบบไม่มีวันได้คืนมา
“ท่านหน้าไม่อายพูดมาได้ยังไง คนหลงตัวเอง!”นางเงยหน้าขึ้นยกนิ้วชี้หน้าเขา
“การที่ข้าหลงตัวเองไม่เห็นจะผิดแปลกตรงไหนเลยแต่ที่ข้าคิดไม่ถึง คือแม้แต่กระทั่งน้องหญิงเองก็ยังหลงข้าเสียแล้วฮ่าๆ อืม...แต่ไม่เป็นไรหรอกนะถึงแม้น้องหญิงจะลุ่มหลงข้ามากก็ไม่เป็นไร น้องหญิงไม่ต้องอายมันเป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าจะหลงรักชายงามเช่นข้า”
“ท่าน…"นางอ้าปากจะด่าเขาแต่เขาชิงตัดหน้าพูดขึ้นมาก่อนว่า
“หน่าๆ ข้าไม่แหย่เจ้าแล้วก็ได้ บ่าวไพร่มารอนานแล้ว ล้างหน้าล้างตาแต่งตัวซะใหม่ จะได้ไปทานข้าวสักทีเจ้ายังมีคนที่ต้องทำความรู้จักอีกมากและข้าก็ยังมีงานที่ต้องสะสางอีก ไว้ตกกลางคืนข้าจะมาให้น้องหญิงด่าต่อดีหรือไม่?”
“…”นางไม่ตอบคำถามเขาแต่พูดแทนขึ้นว่า“ได้ ข้าเองก็มีเรื่องต้องทำเช่นกัน”
“เรื่องอันใดหรือ ถ้าเรื่องผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าข้าช่วยเจ้าได้นะ”
โอ้ยอีตานี่ในสมองมีอะไรมั่งเนี่ย
นางถลึงตามองเขา
“เอาล่ะๆ ข้าไม่อยู่เล่นกับเจ้าแล้ว”
เขากล่าวจบก็แต่งตัวอย่างลวกๆก่อนเดินออกไปจากห้องหอ นางได้ยินเสียงเขาออกคำสั่งให้สาวใช้หน้าห้องที่รออยู่ข้างนอกให้เข้ามาปรนนิบัตินางแต่งตัวในขณะที่เขาเองก็เรียกใช้บ่าวคนอื่นให้นำอ่างน้ำใบใหม่ไปให้เขาที่ห้องส่วนตัวของเขาเอง
“คำนับฮูหยิน บ่าวชื่อเสี่ยวลี่จะมาคอยดูแลรับใช้ท่านอีกคนนะเจ้าคะ”
นางหันไปมองสาวน้อยร่างเล็กหน้าตาน่ารักที่อยู่ข้างหน้าสองคนนั้น อีกคนคืออี๋เอ๋อที่นางคุ้นหน้าคุ้นตาไปแล้วคนที่ทำให้นางต้องปวดหัวกับความเจ้าน้ำตาเมื่อคืนนี้ส่วนอีกคนก็เพิ่งแนะนำตัวกับนางไป เสี่ยวลี่และอี๋เอ๋อทั้งคู่ดูอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
ทั้งคู่วางอ่างน้ำที่ถืออยู่ลงข้างๆโต๊ะเครื่องแป้งไม้สีแดงซึ่งแกะฉลุลายสวยงาม บนโต๊ะมีกระจกทองเหลืองและหวีหยกขาววางไว้ ถัดจากขวามือของหวีหยกคือกล่องไม้ที่ถูกเปิดทิ้งไว้ ในนั้นมีชาดทาปากสีแดงและเครื่องประทินโฉมต่างๆวางเรียงรายไว้อย่างแน่นขนัด ถัดไปซ้ายมือของกระจกด้านหน้านั้นคือปิ่นปักผมทองคำซึ่งประดับด้วยอัญมณีและหยก ในแบบต่างๆทั้งแบบผีเสื้อและดอกไม้ แบบที่เธอเคยเห็นในหนังจีนที่พวกคุณหนูหรือฮูหยินสกุลใหญ่ใช้กัน เธอเห็นของประดับต่างๆของใช้ของผู้หญิงที่เรียงรายอยู่ตรงหน้าแล้วก็เกิดตาลายนึกถึงมงกุฎหงส์ที่เธอใส่ตอนในพิธีแต่งงานขึ้นมา แค่คิดก็หนักหัวแล้ว
“เชิญฮูหยินล้างหน้า”
อี๋เอ๋อเรียกเหม่ยถิง นางสะบัดหัวสลัดความคิดทั้งหมดก่อนจะเดินไปข้างหน้าอ่างน้ำในขณะที่สาวน้อยสองคนก็ยืนหลบไปด้านข้าง นางก้มลงไปล้างหน้าล้างตา บ้วนปากทิ้ง ทำทุกอย่างที่สาวน้อยสองคนคอยบอก ในขณะที่อี๋เอ๋อยื่นผ้าแพรให้เธอเช็ดหน้าเช็ดตาก็สั่งให้บ่าวคนอื่นเอาเสื้อผ้าชุดใหม่เข้ามาให้เธอเปลี่ยน ชุดผ้าไหมฉูดฉาดสีต่างๆถูกบ่าวไพร่คนอื่นนำมาวางให้นางเลือกตัวแล้วตัวเล่าแต่ตัวที่เธอเลือกใส่เป็นเพียงแค่ชุดผ้าไหมสีม่วงอ่อนธรรมดา
เมื่อนางจัดแจงชุดที่เลือกให้มาอยู่บนร่างกายตัวเองเสร็จเรียบร้อยอี๋เอ๋อกับเสี่ยวลี่ก็เข้ามาช่วยนางแต่งหน้าหวีผม ผมยาวสีดำขลับได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีทั้งคู่ค่อยๆหวีผมให้เจ้านางอย่างเบามือก่อนจะมวยผมให้เธอแต่นางยกมือห้าม
“ไม่ต้องเกล้าผม มันหนัก!”
“ไม่ได้เจ้าค่ะ คุณหนูท่านแต่งงานแล้วจะต้องเกล้ามวยนะเจ้าคะ"อี๋เอ๋อร้อง
“ไม่เอาปล่อยไว้แบบนี้แหละหวีให้ผมไม่พันกันก็พอ"
“แต่ว่าคุณหนู…”
“เจ้าชอบเกล้าผมหรือ?”
“เปล่าเจ้าค่ะแต่ว่าท่านเป็นฮูหยินของบ้านนี้แล้วนะเจ้าคะเป็นนายหญิงของสกุลหูแล้ว"
“ข้าบอกไม่เกล้าก็ไม่เกล้าถ้าเจ้าชอบเกล้านัก ก็แต่งงานเข้าสกุลหูแทนข้าเสียเลยสิ"
“ฮูหยิน!”สาวน้อยทั้งคู่ทั้งตกใจทั้งขำทั้งโมโหที่นางพูดเล่นเช่นนี้
“ไม่เกล้าแล้วเจ้าค่ะ ฮูหยินอย่าพูดแบบนี้สิเจ้าคะ"
“ไม่เกล้าสิดี เพราะข้ายังไม่แต่งงาน!"
“คุณหนู"อี๋เอ๋อเอ็ดขึ้นอีก
“นี่ๆ ตกลงข้าเป็นนายหรือเจ้าเป็นนายกันแน่”นางหรี่ตาลงยิ้มอย่างจนใจ
“ไม่ใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะ เฮ้อ...ตามใจท่านแล้ว"อี๋เอ๋อกับเสี่ยวลี่สบตากันก่อนถอดถอนหายใจ
“อี๋เอ๋อ"
“เจ้าคะ?”
“ข้าอยากกลับไปเรือนแม่สื่อหมื่นบุปผา เจ้าพาข้าไปหน่อยสิ" อย่างน้อยฉันก็ควรรู้อะไรให้มากกว่านี้ก่อนทำตามข้อแลกเปลี่ยนใช่ไหมล่ะ ฉันไม่โง่นี่นาเรื่องอะไรจะให้ตานั้นหลอกใช้ฟรีๆ
“ท่านอยากกลับไปรึเจ้าคะ?”
“ใช่ เจ้าพาข้าไปหน่อยได้ไหม"
“ไปตอนนี้เลยหรือเจ้าคะ"
“ใช่ ก็ตอนนี้ว่างหรือข้าต้องทำอะไรอีกละมีอะไรที่ข้าต้องทำหรือ?”นางถาม"ถ้ามีก็รีบๆทำเพราะข้าอยากกลับเรือนแม่สื่อมาก ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น" เหม่ยถิงบอกปัดความรำคาญ
“เอ่อฮูหยินท่านต้องไปไหว้บรรพชนของสกุลหูก่อนเจ้าค่ะ แล้วก็ยังมีน้องสาวของนายท่านหูด้วย ยังไงก็ต้องไปทำความรู้จักกันไว้นะเจ้าคะ ท่านแต่งเข้ามาก็มีศักดิ์เป็นฮูหยินใหญ่ของบ้านเป็นพี่สะใภ้ นางก็เป็นน้องสามีของท่าน"
“อืมแล้วข้าต้องทำอันใดอีก”
“ไม่มีเจ้าค่ะ"
“เช่นนั้นก็รีบๆทำอะไรที่ควรทำเสีย เพราะข้าจะไปเรือนแม่สื่อและเจ้าต้องพาไปด้วย!”เธอย้ำเสียงแข็ง
“แต่ว่าฮูหยิน ถ้าท่านจะออกไปข้างนอกต้องไปบอกนายท่านก่อนนะเจ้าคะ"
“บอก? บอกทำไมข้าจะไปข้างนอกเกี่ยวอะไรกับเขา"
แค่จะออกไปข้างนอกทำไมฉันจะต้องไปขออนุญาตอีตานั่นด้วย
“ก็ท่านแต่งงานแล้วยังไงละเจ้าคะ ฮูหยินเองผมก็ไม่เกล้ายังจะออกนอกบ้านหลังจากพึ่งแต่งงานแค่วันเดียวยังมีอีกท่าน… ”
“เอาละๆ พอแล้วๆข้าเข้าใจแล้ว"
ให้ตายสินู้นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ น่ารำคาญชะมัด สิทธิมนุษยชนของฉันอยู่ตรงไหนในโลกนี้บ้างยะ!
“เจ้าค่ะ ถ้าอย่างนั้นฮูหยินทานข้าวก่อนแล้วเดี๋ยวบ่าวจะพาไปไหว้บรรพชน แล้วค่อยพาท่านไปพบคุณหนูหูเม่ยนะเจ้าคะ"
อี๋เอ๋อยิ้มน้อยๆขณะที่เสี่ยวลี่ก็เดินออกไปก่อนกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมบ่าวรับใช้คนอื่นจัดสำรับกับข้าววางไว้ที่โต๊ะในห้องข้างนอก
ฉันเดินออกจากห้องนอนก่อนนั่งลงบนโต๊ะข้างหน้าเต็มไปด้วยกับข้าวมากมายหลากหลาย ต้มหัวปลา น้ำแกงไก่ตุ๋น เต้าหู้ผัดน้ำมันหอย ปลาไหลผัดพริกชี้ฟ้า อาหารมากมายละลานตาแต่ฉันกลับกินอะไรไม่ลงเลยสักอย่างเดียว ฉันควรทำยังไงต่อไปนะ
นางคิดในขณะที่มือยังถือตะเกียบเขี่ยข้าวเล่นไม่ยอมกินสักที
จนกระทั่งสาวน้อยตัวเล็กๆคนนึงเดินเข้ามา หน้าหวานร่างน้อยสวมชุดผ้าไหมเนื้อดีสีชมพู นวลเนื้ออวบอิ่ม ปากบางจิ้มลิ้มดวงหน้าทั้งดวงเต็มไปด้วยความน่ารักสดใสจัดว่าเป็นเด็กสาวที่มีหน้าตาน่ารักเฉิดฉันคนนึง
เธอกล้ารับรองได้เลยว่าถ้าในยุคของเธอมีเด็กสาวหน้าตาน่ารักขนาดนี้อยู่ละก็ จะต้องมีลูกค้าผู้ชายหลั่งไหลเข้ามาให้เธอช่วยเป็นแม่สื่อจับคู่ให้ไม่มีหยุดแน่นอน
“คำนับคุณหนูหู"อี๋เอ๋อกล่าวขึ้นก่อนย่อกายลงคำนับนาง “เสี่ยวลี่คำนับคุณหนู"
“หูเม่ยคำนับพี่สะใภ้"เด็กสาวฉีกยิ้มกว้างพลางหยอบกายคำนับ ร่างน้อยๆค่อยหยัดกายลุกขึ้นก่อนก้าวเข้ามานั่งข้างๆนาง
“พี่สะใภ้กำลังทานข้าวข้ามาผิดเวลาเสียแล้ว เสียมารยาทนัก ขออภัยท่านด้วย"
“ไม่ขนาดนั้นหรอก”นางยิ้มพลางมองเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์
อีตาคนหน้าไม่อายแบบนั้นมีน้องสาวน่ารักขนาดนี้ได้ยังไงกันฉันตกใจจริงๆนะเนี่ย
“กินข้าวด้วยกันไหม”เหม่ยถิงเอ่ยถาม
“เจ้าค่ะ"
หูเม่ยพยักหน้ารับคำ ในขณะที่เสี่ยวลี่เดินไปสั่งให้บ่าวรับใช้คนอื่นนำชุดชามข้าวมาอีกชุดนึงก่อนตักข้าวสวยร้อนๆเกือบพูนถ้วยส่งให้หูเม่ย หูเม่ยรับมาก่อนคว้าตะเกียบจากเสี่ยวลี่ขึ้นมา นางเลื่อนมือไปคีบปลาไหลผัดพริกชี้ฟ้า ก่อนหยิบถ้วยใบเล็กข้างมือขวาของเหม่ยถิงมาตักน้ำแกงไก่ส่งให้นาง
เหม่ยถิงมองทุกๆการกระทำของหูเม่ยแล้วยิ่งทำให้เธอต้องเบิกตากว้างขึ้นไปอีกสาวน้อยอ่อนหวานคนนี้มีพี่ชายอย่างหมอนั่น เธอแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยจริงๆ
หูเม่ยทั้งเอาใจใส่คอยชวนเหม่ยถิงคุยระหว่างทานข้าว หูเม่ยคอยถามว่านางขาดเหลืออะไรไหม มีอะไรไม่สบายใจบ้างรึเปล่า ทั้งยังคอยคีบกับข้าวบนโต๊ะมาใส่จานนางเป็นพักๆ
อีตานั่นทำบุญอะไรมานะถึงได้น้องสาวดีขนาดนี้ ต่างจากหมอนั่นราวสวรรค์ชั้นเจ็ดกับนรกอเวจี ห่างไกลกันซะเหลือเกิน
“พี่เหม่ย พี่ชายข้าถึงแม้จะเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองเกินไปบ้างก็ขอท่านอย่าถือสาเขามากเลยนะ”นางยิ้มให้
“ไม่หรอก ข้าไม่ถือเลยจริงๆ"
จริงๆนะฉันไม่ถือแล้วละ ฉันจะเขวี้ยงหมอนั่นทิ้งอยู่แล้วต่างหากละ
“ได้ยินเช่นนี้ข้าก็ดีใจ พี่เหม่ยทานข้าวเสร็จข้าพาท่านไปไหว้บรรพชนแล้วเราออกไปข้างนอกหาอะไรทำกันดีไหมเจ้าคะ?”
“เอ่อคือข้าจะกลับเรือนแม่สื่อน่ะ ต้องขอโทษเจ้าด้วย"
“เอ๋ ท่านจะกลับไปเรือนแม่สื่อหรือเจ้าคะ ไปทำไมเจ้าคะ?”หูเม่ยถามเหม่ยถิงในขณะที่บนใบหน้าแสดงสีหน้าประหลาดใจเต็มที่
“ข้ามีธุระที่ต้องจัดการนะ”
เหม่ยถิงยิ้มตอบก่อนหันหน้าไปมองอี๋เอ๋อที่คอยเอานิ้วจิ้มเธอตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วก็ไม่รู้ ยัยยอี๋เอ๋อนี่เป็นกระต่ายตื่นตูมรึไง เธอค้อนใส่เด็กสาวบ่าวรับใช้หนึ่งที
“ให้น้องไปด้วยได้ไหมเจ้าคะ?”
“เจ้าอยากไป?”
“เจ้าค่ะ ข้าอยากไปพี่เหม่ยพาข้าไปด้วยคนนะ"
เอาไงดีล่ะ ที่ฉันไปเพราะจะไปหาเบาะแสเรื่องราววุ่นๆที่มันเกิดขึ้นนี้ต่างหากไม่ได้ไปเที่ยวเล่นนะ
“ข้าคงต้องขอพี่ชายเจ้าก่อน"เธอวางตะเกียบลงเพราะว่ากินจนอิ่มแล้ว ก่อนจะรับน้ำจากอี๋เอ๋อมาดื่มล้างคอ
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ พี่ชายเขาเป็นคนดีมีเหตุผลเขาต้องให้ท่านไปแน่ๆ"
“แค่กๆ!” เธอสำลักน้ำ
อะไรนะฉันหูฝาดรึเปล่า
“พี่เหม่ย ท่านไม่เป็นไรนะเจ้าคะ"
หูเม่ยรีบลุกขึ้นมาตบหลังให้นางก่อนเรียกให้เสี่ยวลี่นำผ้าแพรมาให้นางเช็ดปาก
คนดี มีเหตุผล ตานั่นล้างสมองน้องสาวตัวเองเหรอ? หรือว่าหูเม่ยอ่อนต่อโลก หรือว่าเขาทำดีกับเฉพาะน้องสาวของเขาเท่านั้นกันแน่ ฉันยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน
ในขณะที่หูเม่ยยื่นน้ำอีกแก้วมาให้นางดื่มอีกครั้งก่อนกำชับให้นางดื่มช้าๆ นางรับน้ำแก้วนั้นมาก่อนเหลือบตาขึ้นไปมองหูเม่ยซึ่งกำลังยิ้มแย้มปรนนิบัติเธอเป็นอย่างดีด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
หูเม่ยเห็นเหม่ยถิงสีหน้าไม่ดีจึงบอกให้นางไปนอนพักก่อนและบอกว่าจะคุยเรื่องที่นางจะกลับเรือนแม่สื่อให้หูจิ้งรู้เอง...
*แหมๆ ทำไมพระเอกของเราถึงมีน้องสาวแสนดีขนาดนี้น้า เอ๊ะๆหรือจะดีเฉพาะกิจ แล้วเหม่ยเอ๋อของเราจะเริ่มปะติดปะต่อจิ๊กซอว์ของการเวลายังไง แล้วเบื้องหลังของเรือนแม่สื่อคืออะไร สิ่งที่พระเอกของเราต้องการคืออะไร ติดตามตอนต่อไปนะฮาฟ*
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ