สามี...ท่านมียางอายบ้างหรือไม่!
7.0
เขียนโดย สาวเพ้อฝัน
วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 15.17 น.
9 ตอน
0 วิจารณ์
11.54K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 15.33 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ขนาน1.1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความขนาน
'คุณเคยรู้สึกบ้างรึเปล่า ว่าใน ขณะที่เรากำลังดำเนินชีวิตในปัจจุบันเหมือนมีอีกตัวตนของเราที่กำลังดำเนินไปในอดีตด้วย'
เสียงอะไรนะ หนวกหูชะมัด ใครมาตีกลองตีฉาบอะไรแถวนี้คนจะหลับจะนอน
โอ้ย! ทำไมหัวฉันมันถึงได้รู้สึกมึนๆอย่างนี้นะ
เธอสะบัดหัวแรงๆในขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกอีกอย่างเกิดขึ้น
แล้วทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าเตียงนอนมันกำลังสั่นไหวไปมาเหมือนมีแผ่นดินไหวแบบนี้ ให้ตายสิ
หญิงสาวลืมตาที่หนักอึ้งของเธอขึ้น แต่สิ่งที่เห็นรอบด้านมีแต่ สีแดง แดง และแดง!
หันรีหันขวางไปมามองรอบๆที่มีเพียงผนังแดงสี่ด้าน
“ที่นี่ที่ไหน เกี้ยว? ”เธอเอื้อมมือไปเลิกผ้าม่านปิดหน้าต่างของเกี้ยวออกดู สิ่งแรกที่เห็นกลับเป็นชาวบ้านหลายสิบชีวิตที่กำลังยืนมุงดูขบวนเกี้ยวเจ้าสาวทั้งยังซุบซิบพูดคุยกันอย่างออกรส
“คน เยอะแยะไปหมด อะไรเนี่ย ประทัด มโหรี WHAT นี่ฉันฝันอยู่ใช่ไหม"
เธอหดมือเข้ามาก่อนก้มมองดูตัวเอง ชุดเจ้าสาวแบบจีนโบราณในหนังที่เธอเคยดูแต่ต่างกันที่คราวนี้เธอเป็นคนสวมอยู่
ในตอนแรกหญิงสาวนึกว่าตัวเองฝันไป แต่พอลองมองดูดีๆมันกลับดูเหมือนจริงเข้าไปทุกที เธอใช้สองมือลองจับเนื้อผ้าตามร่างกายและยิ่งต้องตกใจเมื่อมันจับต้องได้ เธอลองหยิกตัวเองแรงๆหนึ่งทีเผื่อจะตื่นจากฝันแต่ว่า...
“โอ้ย! จะ…เจ็บจริงนี่หว่า ไม่ใช่ฝันแต่ นี่มันอะไรเนี่ยฉันจำได้ว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงที่บ้านนี่นา แล้วทำไมจู่ๆลืมตาตื่นขึ้นมาถึงอยู่ในเกี้ยวละ? อีกอย่างฉันยังไม่มีแฟนเลยด้วยซ้ำแล้วจะแต่งงานได้ยังไง”
เธอพึมพำสับสน กระวนกระวาย คุยกับตัวเองจนมีคนเหมือนจะพูดกับเธอ
“เชิญเจ้าสาวลงจากเกี้ยว”
เสียงอาจุมม่าอายุราวๆสามสิบห้าดังขึ้นแต่ว่านั้นมันไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ
'เจ้าสาว' ใคร? ฉันเหรอ?
ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งสับสน แต่คิดไปคิดมาเสียงอาจุมม่าก็เข้ามากระทบโสตอีก
“เจ้าบ่าวรีบออกมารับตัวเจ้าสาวใหม่เร็วเข้า เร็วเข้าสิเจ้าคะคุณชายใหญ่”
คุณชายใหญ่ไหน?
ไม่ทันไรผ้าม่านประตูก็ถูกเลิกขึ้น ก่อนมีมือใหญ่ที่นิ้วเรียวงามติดกัน หงายฝ่ามือ หมายจะขอจับมือเธอ
“เชิญ น้องหญิงลงจากเกี้ยวเถิด”
เสียงนุ่มนวลที่พาให้คนฟังเคลิ้มได้แม้จะได้ยินเพียงครั้งเดียวดังขึ้นข้างนอกเกี้ยว หญิงสาวไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนนี้มีแต่คำถามพิศวง งงงวย เต็มไปหมดจนเธอรู้สึกว่าสมองประมวลผลไม่ทันจน'Error'ไปหมดแล้วทว่าเธอยังพยายามรวบรวมสติตนเองก่อนยื่นมือออกไปจับมือที่ยื่นมาขอมือนางค้างไว้นานแล้วนั่นอย่างไม่มีทางเลือก
ทันทีที่เธอก้าวออกมาจากเกี้ยว สิ่งแรกที่รู้สึกคือความหนักของศีรษะที่ประเมินไม่ได้นั้นมันหนักมากจนเธออดที่จะสบถออกมาไม่ได้และขณะที่กำลังจะก้าวให้พ้นเธอกลับรู้สึกเหมือนคอจะหักจนมีอาการซวนเซ แต่สิ่งต่อมาก็มีคนคอยโอบประคองเธอเอาไว้
เธอเงยหน้าขึ้นมองเห็นชายรูปงาม คิ้วโก่งได้รูป รับกับตาลึกล้ำสีดำ จมูกโด่งเป็นสัน กับริมฝีปากบางได้รูป โครงหน้าและเครื่องหน้าที่ราวกับสลักจากหยกชั้นดี นั่นแทบจะเรียกได้ว่าเทพบุตรเลยทีเดียว นี่ฉันกำลังจะแต่งงานกับเทพบุตร? ฉันคงยังไม่ตายหรอกมั้ง…นะ
“ระวังหน่อย หากเจ้าเดินไม่ไหวข้าจะอุ้มเจ้าไป" เธอกำลังจะเงยหน้าปฏิเสธแต่กลับถูกเขาอุ้มขึ้นมาในท่าอุ้มเจ้าหญิงซะแล้ว
“ไม่เป็นไรวางฉันลงเถอะ ตัวฉันหนัก ฉันยังเดินไหว"
“ฉัน?”
“อ๊า ไม่เป็นไรท่านวางข้าลงเถอะข้าเดินเองได้ไม่เป็นไรจริงๆ"
เขาวางเธอลงแต่ยังคงคอยประคองเธอเดินเข้าไป ทางเดินลาดยาวคดเคี้ยวเลี้ยววนอย่างมาก ดีที่เธอมีเขาประคองเธอเดินและยังดีที่เธอไม่ต้องคลุมหน้าด้วยผ้าสีแดงแต่สิ่งใช้แทนกลับเป็นม่านไข่มุกทองคำ!! นั่นจึงทำให้ตาคู่นี้ของเธอมองเห็นทางเดิน
เธอและเขาเดินเข้ามาจนถึงห้องโถงพิธี ตั้งแต่ต้นจนจบเธอก็ทำพิธีไหว้ฟ้าดินแบบมึนงง จนกะทั่งถูกส่งตัวเข้าห้องหอมารอเจ้าบ่าวที่กำลังไปต้อนรับขับสู้แขกเหรื่อภายนอกนั่น
ภายในห้องสี่เหลี่ยมกว้างขวาง ผ่านม่านลูกปัดไปนั้นก็คือเตียงนอนแบบจีนที่มีผ้าม่านไหมแดงโปร่งบางถูกรวบเก็บไว้กับเสาเตียงทั้งสองด้าน
เธอนั่งอยู่บนเตียงตัวนั้น ภายในห้องเต็มไปด้วยอักษรมงคงสีแดงแปะไว้ทั่วทุกที่ทั้งบนบานประตูและหน้าต่าง เบื้องหน้าของเธอมีโต๊ะที่ปูด้วยผ้าแดงดิ้นทองดูหรูหราบนโต๊ะยังมีกล่องของขวัญแต่งงานที่แขกเหรื่อนำมาอวยพรกันถูกวางไว้อย่างกองเพนินเทินทึก
เมื่อมองผ่านไปที่ข้างๆเตียงนอนนั้นยังมีโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าตัวเล็กๆอีกตัว บนโต๊ะตัวนั้นยังมีเหล้ากาหนึ่งกับจอกใบเล็กๆอีกสองใบและอาหารหลากหลายจานวางเอาไว้บนนั้น
‘สุรามงคล? ฉันแต่งงานแล้ว? แต่งงานกับคนที่พึ่งจะได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก
โอ้พระเจ้านี่มันเรื่องอะไรกัน ฉันคิดสาละวนหลายตลบจนอยากจะเอาเท้าก่ายหน้าผากตัวเองอยู่แล้วแต่คิดเท่าไหร่ก็ยังคิดไม่ออกถึงเหตุผลของสถานการณ์ซึ่งเธอต้องเผชิญอยู่ในตอนนี้’ เธอพึมพำเบาๆแต่สาวน้อยข้างกายเธอก็ยังคงได้ยินอยู่ดี
“คุณหนู ไม่ใช่สิ ฮูหยินท่านว่ากะไรนะเจ้าคะ”เธอหันไปมองใบหน้าเล็กๆบนนั้นริมฝีปากของเด็กสาวจิ้มลิ้มน่ารักขยับขึ้นลง จมูกน้อยๆแก้มยุ้ย ตาโต จัดว่าเป็นเด็กสาวที่น่ารักมากคนนึงอายุคงจะราวๆสิบห้าสิบหกนี่แหละมั้ง
“เอ่อเจ้าเป็นใคร แล้วข้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่?”
เธอโพล่งถามทุกสิ่งโดยไม่ต้องยั้งคิด ใจของเธอรู้สึกร้อนรนกระวนกระวาย
“ฮูหยินท่านแกล้งบ่าวรึเปล่าเจ้าคะ?”
สาวน้อยตรงหน้าทำหน้าไม่เชื่อก่อนจะเบะปากน้อยๆด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“ข้าถามจริงจังเจ้าตอบข้าเถอะ ข้าจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ"
“หา! ฮูหยินทะ…ท่านความจำเสื่อมรึเจ้าคะ หรือว่าเป็นเพราะตอนนั่งเกี้ยวเกิดอุบัติเหตุนั่นหัวท่านกระแทกผนังเกี้ยวแรงไปท่านคงมิใช่ความจำเสื่อมไปแล้วหรอกนะ”สาวน้อยอ้าปากค้าง
“ตอบคำถามข้าก่อนเถอะ"
“ เจ้าค่ะ ฮูหยินท่านมีนามว่าเหม่ยเอ๋อ ส่วนท่านเรียกบ่าวว่าอี๋เอ๋อเจ้าค่ะ ที่ท่านมาที่นี้เพราะต้องแต่งงานตามสัญญาที่ให้กับคุณชายหูเนื่องจากท่านแพ้พนันอย่างไรเล่าเจ้าคะ”
พูดถึงตรงนี้อี๋เอ๋อก็สะอื้นไห้ก่อนพูดต่อไปว่า
“ท่านไม่น่าไปตกลงอะไรบ้าบอเช่นนั้นเลยคุณหนูฮือ…ท่านต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ"
แล้วฉันไปตกลงอะไรที่ไหนกันละยะ ตื่นมาฉันก็นั่งอยู่ในเกี้ยวมงคลทั้งสวมชุดเจ้าสาว แล้วแต่งงานสายฟ้าแลบ ฉันช็อกกว่าเธออีก เธอบ่นในใจ
“แล้วฉัน เอ้ย..ข้าไปตกลงอะไรกับคุณชายหูอะไรนั่นละ”
“ก็คุณชายอยากได้คุณหนูสามของสกุลซือเป็นภรรยา แต่ว่าคุณหนูซือไม่ว่าแม่สื่อคนไหนไปทาบทามล้วนโดนปฏิเสธกลับไปทั้งหมด ในบรรดาเรือนแม่สื่อเราเป็นเรือนแม่สื่อที่เลื่องชื่อที่สุด คุณชายเลยมาขอให้ท่านไปทาบทามคุณหนูสาม ตอนแรกท่านก็ปฎิเสธไม่ตอบรับคำขอของท่านหูแต่ก็ดันไปตกหลุมพรางของเขาจนได้
ฮือ..ท่านนะไม่น่าเลยทำไมท่านต้องไปรับปากเขาด้วยเล่า ทำไมต้องบอกว่าถ้าคุณหนูซือไม่รับปากก็จะไม่ขอเป็นแม่สื่อต่อไปอีกแถมยังเอาเรือนแม่สื่อไปเป็นของพนัน กะอีแค่คุณชายหูเล่นลูกไม้เล็กน้อยท่านก็โมโหจนขาดสติยั้งคิดหลวมตัวไปพนันกับเขาเสียแล้วทีนี้
ท่านแพ้เลยต้องแต่งงานรักษาสัญญา แต่ท่านบอกว่าจะไม่ยอมทิ้งงานแม่สื่อ จะไม่ยอมทิ้งเรือนแม่สื่อหมื่นบุปผา ท่านจึงยอมแต่งงานเข้ามาแต่ไม่ยอมเลิกงานแม่สื่อเด็ดขาดเลย.."
“หา! มันมีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ"
เธอรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาดกลางกระหม่อม ริมฝีปากอ้าค้างไว้ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อ
แต่งงานเพราะแพ้พนันนี่นะ โอ้คุณพระ ยัยคนนี้คิดอะไรอยู่ รับรองว่าถ้าเป็นฉันละก็ไม่มีทางทำเรื่องงี่เง่าไร้สาระปัญญาอ่อนแบบนี้แน่นอน!!
หัวเด็ด ตีนขาดก็ ไม่-มี-ทาง
แล้วนี่ฉันจะทำยังไงละ โอ้ย…
เธอลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเดินวนไปมาวนไปหลายตลบ สักพักจึงเดินผ่านม่านลูกปัดที่ใช้กั้นห้องเอาไว้ จนมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าโต๊ะเครื่องแป้งตัวเล็กกับกระจกทองเหลืองบานหนึ่ง
เธอมองจ้องเข้าไปในกระจกแล้วก็ต้องอ้าปากค้างได้ตกตะลึงกับสิ่งที่มองเห็นตรงหน้า
นี่มันใบหน้าของฉัน ชัด ชัด ใช่แล้วใบหน้าเดียวกันกับใบหน้านี้แน่นอน นี่คือฉัน นี่คือหลี่เหม่ยถิงไม่ผิดตัวแน่ แต่ทำไมฉันนึกว่าอย่างน้อยก็ต้องเหมือนในซีรี่ย์ที่เคยดูหรือนิยายที่เคยอ่านมั่งแหละอย่างน้อยก็คงจะยืมศพสวมวิญญาณ
แต่นี่มันคือใบหน้าของฉัน งั้นทั้งหมดนี้มันหมายความว่ายังไง สรุปว่ายัยโง่งี่เง่าที่ฉันด่าอยู่มะกี้นี้ มันคือตัวฉันอย่างนั้นเรอะ!!
'คุณเคยรู้สึกบ้างรึเปล่า ว่าใน ขณะที่เรากำลังดำเนินชีวิตในปัจจุบันเหมือนมีอีกตัวตนของเราที่กำลังดำเนินไปในอดีตด้วย'
เสียงอะไรนะ หนวกหูชะมัด ใครมาตีกลองตีฉาบอะไรแถวนี้คนจะหลับจะนอน
โอ้ย! ทำไมหัวฉันมันถึงได้รู้สึกมึนๆอย่างนี้นะ
เธอสะบัดหัวแรงๆในขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกอีกอย่างเกิดขึ้น
แล้วทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าเตียงนอนมันกำลังสั่นไหวไปมาเหมือนมีแผ่นดินไหวแบบนี้ ให้ตายสิ
หญิงสาวลืมตาที่หนักอึ้งของเธอขึ้น แต่สิ่งที่เห็นรอบด้านมีแต่ สีแดง แดง และแดง!
หันรีหันขวางไปมามองรอบๆที่มีเพียงผนังแดงสี่ด้าน
“ที่นี่ที่ไหน เกี้ยว? ”เธอเอื้อมมือไปเลิกผ้าม่านปิดหน้าต่างของเกี้ยวออกดู สิ่งแรกที่เห็นกลับเป็นชาวบ้านหลายสิบชีวิตที่กำลังยืนมุงดูขบวนเกี้ยวเจ้าสาวทั้งยังซุบซิบพูดคุยกันอย่างออกรส
“คน เยอะแยะไปหมด อะไรเนี่ย ประทัด มโหรี WHAT นี่ฉันฝันอยู่ใช่ไหม"
เธอหดมือเข้ามาก่อนก้มมองดูตัวเอง ชุดเจ้าสาวแบบจีนโบราณในหนังที่เธอเคยดูแต่ต่างกันที่คราวนี้เธอเป็นคนสวมอยู่
ในตอนแรกหญิงสาวนึกว่าตัวเองฝันไป แต่พอลองมองดูดีๆมันกลับดูเหมือนจริงเข้าไปทุกที เธอใช้สองมือลองจับเนื้อผ้าตามร่างกายและยิ่งต้องตกใจเมื่อมันจับต้องได้ เธอลองหยิกตัวเองแรงๆหนึ่งทีเผื่อจะตื่นจากฝันแต่ว่า...
“โอ้ย! จะ…เจ็บจริงนี่หว่า ไม่ใช่ฝันแต่ นี่มันอะไรเนี่ยฉันจำได้ว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงที่บ้านนี่นา แล้วทำไมจู่ๆลืมตาตื่นขึ้นมาถึงอยู่ในเกี้ยวละ? อีกอย่างฉันยังไม่มีแฟนเลยด้วยซ้ำแล้วจะแต่งงานได้ยังไง”
เธอพึมพำสับสน กระวนกระวาย คุยกับตัวเองจนมีคนเหมือนจะพูดกับเธอ
“เชิญเจ้าสาวลงจากเกี้ยว”
เสียงอาจุมม่าอายุราวๆสามสิบห้าดังขึ้นแต่ว่านั้นมันไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ
'เจ้าสาว' ใคร? ฉันเหรอ?
ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งสับสน แต่คิดไปคิดมาเสียงอาจุมม่าก็เข้ามากระทบโสตอีก
“เจ้าบ่าวรีบออกมารับตัวเจ้าสาวใหม่เร็วเข้า เร็วเข้าสิเจ้าคะคุณชายใหญ่”
คุณชายใหญ่ไหน?
ไม่ทันไรผ้าม่านประตูก็ถูกเลิกขึ้น ก่อนมีมือใหญ่ที่นิ้วเรียวงามติดกัน หงายฝ่ามือ หมายจะขอจับมือเธอ
“เชิญ น้องหญิงลงจากเกี้ยวเถิด”
เสียงนุ่มนวลที่พาให้คนฟังเคลิ้มได้แม้จะได้ยินเพียงครั้งเดียวดังขึ้นข้างนอกเกี้ยว หญิงสาวไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนนี้มีแต่คำถามพิศวง งงงวย เต็มไปหมดจนเธอรู้สึกว่าสมองประมวลผลไม่ทันจน'Error'ไปหมดแล้วทว่าเธอยังพยายามรวบรวมสติตนเองก่อนยื่นมือออกไปจับมือที่ยื่นมาขอมือนางค้างไว้นานแล้วนั่นอย่างไม่มีทางเลือก
ทันทีที่เธอก้าวออกมาจากเกี้ยว สิ่งแรกที่รู้สึกคือความหนักของศีรษะที่ประเมินไม่ได้นั้นมันหนักมากจนเธออดที่จะสบถออกมาไม่ได้และขณะที่กำลังจะก้าวให้พ้นเธอกลับรู้สึกเหมือนคอจะหักจนมีอาการซวนเซ แต่สิ่งต่อมาก็มีคนคอยโอบประคองเธอเอาไว้
เธอเงยหน้าขึ้นมองเห็นชายรูปงาม คิ้วโก่งได้รูป รับกับตาลึกล้ำสีดำ จมูกโด่งเป็นสัน กับริมฝีปากบางได้รูป โครงหน้าและเครื่องหน้าที่ราวกับสลักจากหยกชั้นดี นั่นแทบจะเรียกได้ว่าเทพบุตรเลยทีเดียว นี่ฉันกำลังจะแต่งงานกับเทพบุตร? ฉันคงยังไม่ตายหรอกมั้ง…นะ
“ระวังหน่อย หากเจ้าเดินไม่ไหวข้าจะอุ้มเจ้าไป" เธอกำลังจะเงยหน้าปฏิเสธแต่กลับถูกเขาอุ้มขึ้นมาในท่าอุ้มเจ้าหญิงซะแล้ว
“ไม่เป็นไรวางฉันลงเถอะ ตัวฉันหนัก ฉันยังเดินไหว"
“ฉัน?”
“อ๊า ไม่เป็นไรท่านวางข้าลงเถอะข้าเดินเองได้ไม่เป็นไรจริงๆ"
เขาวางเธอลงแต่ยังคงคอยประคองเธอเดินเข้าไป ทางเดินลาดยาวคดเคี้ยวเลี้ยววนอย่างมาก ดีที่เธอมีเขาประคองเธอเดินและยังดีที่เธอไม่ต้องคลุมหน้าด้วยผ้าสีแดงแต่สิ่งใช้แทนกลับเป็นม่านไข่มุกทองคำ!! นั่นจึงทำให้ตาคู่นี้ของเธอมองเห็นทางเดิน
เธอและเขาเดินเข้ามาจนถึงห้องโถงพิธี ตั้งแต่ต้นจนจบเธอก็ทำพิธีไหว้ฟ้าดินแบบมึนงง จนกะทั่งถูกส่งตัวเข้าห้องหอมารอเจ้าบ่าวที่กำลังไปต้อนรับขับสู้แขกเหรื่อภายนอกนั่น
ภายในห้องสี่เหลี่ยมกว้างขวาง ผ่านม่านลูกปัดไปนั้นก็คือเตียงนอนแบบจีนที่มีผ้าม่านไหมแดงโปร่งบางถูกรวบเก็บไว้กับเสาเตียงทั้งสองด้าน
เธอนั่งอยู่บนเตียงตัวนั้น ภายในห้องเต็มไปด้วยอักษรมงคงสีแดงแปะไว้ทั่วทุกที่ทั้งบนบานประตูและหน้าต่าง เบื้องหน้าของเธอมีโต๊ะที่ปูด้วยผ้าแดงดิ้นทองดูหรูหราบนโต๊ะยังมีกล่องของขวัญแต่งงานที่แขกเหรื่อนำมาอวยพรกันถูกวางไว้อย่างกองเพนินเทินทึก
เมื่อมองผ่านไปที่ข้างๆเตียงนอนนั้นยังมีโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าตัวเล็กๆอีกตัว บนโต๊ะตัวนั้นยังมีเหล้ากาหนึ่งกับจอกใบเล็กๆอีกสองใบและอาหารหลากหลายจานวางเอาไว้บนนั้น
‘สุรามงคล? ฉันแต่งงานแล้ว? แต่งงานกับคนที่พึ่งจะได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก
โอ้พระเจ้านี่มันเรื่องอะไรกัน ฉันคิดสาละวนหลายตลบจนอยากจะเอาเท้าก่ายหน้าผากตัวเองอยู่แล้วแต่คิดเท่าไหร่ก็ยังคิดไม่ออกถึงเหตุผลของสถานการณ์ซึ่งเธอต้องเผชิญอยู่ในตอนนี้’ เธอพึมพำเบาๆแต่สาวน้อยข้างกายเธอก็ยังคงได้ยินอยู่ดี
“คุณหนู ไม่ใช่สิ ฮูหยินท่านว่ากะไรนะเจ้าคะ”เธอหันไปมองใบหน้าเล็กๆบนนั้นริมฝีปากของเด็กสาวจิ้มลิ้มน่ารักขยับขึ้นลง จมูกน้อยๆแก้มยุ้ย ตาโต จัดว่าเป็นเด็กสาวที่น่ารักมากคนนึงอายุคงจะราวๆสิบห้าสิบหกนี่แหละมั้ง
“เอ่อเจ้าเป็นใคร แล้วข้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่?”
เธอโพล่งถามทุกสิ่งโดยไม่ต้องยั้งคิด ใจของเธอรู้สึกร้อนรนกระวนกระวาย
“ฮูหยินท่านแกล้งบ่าวรึเปล่าเจ้าคะ?”
สาวน้อยตรงหน้าทำหน้าไม่เชื่อก่อนจะเบะปากน้อยๆด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“ข้าถามจริงจังเจ้าตอบข้าเถอะ ข้าจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ"
“หา! ฮูหยินทะ…ท่านความจำเสื่อมรึเจ้าคะ หรือว่าเป็นเพราะตอนนั่งเกี้ยวเกิดอุบัติเหตุนั่นหัวท่านกระแทกผนังเกี้ยวแรงไปท่านคงมิใช่ความจำเสื่อมไปแล้วหรอกนะ”สาวน้อยอ้าปากค้าง
“ตอบคำถามข้าก่อนเถอะ"
“ เจ้าค่ะ ฮูหยินท่านมีนามว่าเหม่ยเอ๋อ ส่วนท่านเรียกบ่าวว่าอี๋เอ๋อเจ้าค่ะ ที่ท่านมาที่นี้เพราะต้องแต่งงานตามสัญญาที่ให้กับคุณชายหูเนื่องจากท่านแพ้พนันอย่างไรเล่าเจ้าคะ”
พูดถึงตรงนี้อี๋เอ๋อก็สะอื้นไห้ก่อนพูดต่อไปว่า
“ท่านไม่น่าไปตกลงอะไรบ้าบอเช่นนั้นเลยคุณหนูฮือ…ท่านต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ"
แล้วฉันไปตกลงอะไรที่ไหนกันละยะ ตื่นมาฉันก็นั่งอยู่ในเกี้ยวมงคลทั้งสวมชุดเจ้าสาว แล้วแต่งงานสายฟ้าแลบ ฉันช็อกกว่าเธออีก เธอบ่นในใจ
“แล้วฉัน เอ้ย..ข้าไปตกลงอะไรกับคุณชายหูอะไรนั่นละ”
“ก็คุณชายอยากได้คุณหนูสามของสกุลซือเป็นภรรยา แต่ว่าคุณหนูซือไม่ว่าแม่สื่อคนไหนไปทาบทามล้วนโดนปฏิเสธกลับไปทั้งหมด ในบรรดาเรือนแม่สื่อเราเป็นเรือนแม่สื่อที่เลื่องชื่อที่สุด คุณชายเลยมาขอให้ท่านไปทาบทามคุณหนูสาม ตอนแรกท่านก็ปฎิเสธไม่ตอบรับคำขอของท่านหูแต่ก็ดันไปตกหลุมพรางของเขาจนได้
ฮือ..ท่านนะไม่น่าเลยทำไมท่านต้องไปรับปากเขาด้วยเล่า ทำไมต้องบอกว่าถ้าคุณหนูซือไม่รับปากก็จะไม่ขอเป็นแม่สื่อต่อไปอีกแถมยังเอาเรือนแม่สื่อไปเป็นของพนัน กะอีแค่คุณชายหูเล่นลูกไม้เล็กน้อยท่านก็โมโหจนขาดสติยั้งคิดหลวมตัวไปพนันกับเขาเสียแล้วทีนี้
ท่านแพ้เลยต้องแต่งงานรักษาสัญญา แต่ท่านบอกว่าจะไม่ยอมทิ้งงานแม่สื่อ จะไม่ยอมทิ้งเรือนแม่สื่อหมื่นบุปผา ท่านจึงยอมแต่งงานเข้ามาแต่ไม่ยอมเลิกงานแม่สื่อเด็ดขาดเลย.."
“หา! มันมีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ"
เธอรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาดกลางกระหม่อม ริมฝีปากอ้าค้างไว้ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อ
แต่งงานเพราะแพ้พนันนี่นะ โอ้คุณพระ ยัยคนนี้คิดอะไรอยู่ รับรองว่าถ้าเป็นฉันละก็ไม่มีทางทำเรื่องงี่เง่าไร้สาระปัญญาอ่อนแบบนี้แน่นอน!!
หัวเด็ด ตีนขาดก็ ไม่-มี-ทาง
แล้วนี่ฉันจะทำยังไงละ โอ้ย…
เธอลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเดินวนไปมาวนไปหลายตลบ สักพักจึงเดินผ่านม่านลูกปัดที่ใช้กั้นห้องเอาไว้ จนมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าโต๊ะเครื่องแป้งตัวเล็กกับกระจกทองเหลืองบานหนึ่ง
เธอมองจ้องเข้าไปในกระจกแล้วก็ต้องอ้าปากค้างได้ตกตะลึงกับสิ่งที่มองเห็นตรงหน้า
นี่มันใบหน้าของฉัน ชัด ชัด ใช่แล้วใบหน้าเดียวกันกับใบหน้านี้แน่นอน นี่คือฉัน นี่คือหลี่เหม่ยถิงไม่ผิดตัวแน่ แต่ทำไมฉันนึกว่าอย่างน้อยก็ต้องเหมือนในซีรี่ย์ที่เคยดูหรือนิยายที่เคยอ่านมั่งแหละอย่างน้อยก็คงจะยืมศพสวมวิญญาณ
แต่นี่มันคือใบหน้าของฉัน งั้นทั้งหมดนี้มันหมายความว่ายังไง สรุปว่ายัยโง่งี่เง่าที่ฉันด่าอยู่มะกี้นี้ มันคือตัวฉันอย่างนั้นเรอะ!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ