MAYA มายา
เขียนโดย โชฒิกากราณ์
วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 16.50 น.
แก้ไขเมื่อ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 18.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) บันทึกที่ไร้ลมหายใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“ผัดไทเจ้าอร่อยเจ้าเดิม อ่ะนี่ จานนี้ของแทนไม่ห่อไข่ค่ะ” อาหารเย็นง่ายๆ ถูกวางไว้ด้านหน้าแก่ผู้ฟัง จิตแพทย์หนุ่มไฟแรงกล่าวขอบคุณก่อนจะลงมือรับประทานอาหารมื้อธรรมดาที่แสนพิเศษนี้ เก้าปีที่เขาได้รู้จักกับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ในถานะคนรู้ใจและคนรักตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยก่อนแทนคุณจะห่างเธอไปเรียนต่อที่อเมริกา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองเปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด แทนคุณถูกโรงพยาบาลเอ็มวายทาบทามให้มาทำงาน และแน่นอนว่าเขาตอบรับโรงพยาบาลจิตเวชที่ดีที่สุดของเมืองไทย และกลับมาเพื่อที่จะใช้เวลาอยู่กับคนที่เขารัก หญิงสาวตัดสินใจสอบเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลจิตเวชแห่งนี้ด้วยเช่นกัน และเธอเป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้ามาทำงานในโซนเอพร้อมกับแทนคุณ จนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาสองปีกว่าแล้ว
อัปสร ถือเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลที่เหล่าผู้ป่วยทั้งเด็กไปจนถึงผู้ใหญ่รักมากที่สุด ด้วยนิสัยที่อ่อนโยนและรอยยิ้มของเธอที่ทำให้ใครๆ ต่างก็หลงรัก โซนซี หรือเอ็มวายซี ที่ถูกเรียกกันในหมู่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลในตอนนั้น ถือเป็นโซนที่ป๊อบปูล่าที่สุดและเป็นที่มาของเหล่านางฟ้าและเทวดาแห่งเอ็มวายซีที่ไม่สามารถจับต้องได้ และแน่นอนว่าอัปสรคือคนที่ตีคู่มากับจิตแพทย์สาวโฉมฉายผู้เป็นตำนานแห่งเอ็มวาย หน้าหนังสือพิมพ์หรือเว็บไซต์ของโรงพยาบาลต่างก็ต้องมีรูปของทั้งสองโผล่ไปทุกที่ และแน่นอนว่าไม่มีใครที่ไม่ทราบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของจิตแพทย์หนุ่มที่ฮอตที่สุดอย่างแทนคุณกับพยาบาลลูกน้องคนสวยอย่างอัปสร เพราะทั้งคู่ไม่เคยปิดบังเรื่องความสัมพันธ์กับใครต่อใครที่เข้ามาถาม
“คืนนี้ต้องอยู่ยาว สรต้องทานเยอะๆ นะรู้ไหม เดี๋ยวจะหิวนะครับ” แทนคุณพูดพลางตักเส้นผัดไทยของตนให้กับคนตรงหน้า
“แทนก็ด้วยนี่คะ แทนด้วยซ้ำที่ต้องทานเยอะกว่าสรเพราะแทนต้องเหนื่อยแน่นอนคืนนี้” อัปสรยิ้มขำพลางตักเส้นพัดไทของตนคืนให้กับแทนคุณ ชายหนุ่มขยับจานเข้าชิดตัวเองเมื่อเห็นว่าคนรักของเขากำลังสนุกจนจานของเขาเริ่มพูน
“โห… พอแล้วครับ นี่สรกะจะให้ผมพุงแตกไปเลยรึไงกันครับ”
“ก็ทานให้อิ่มพอสิคะ แทนจะกินจนหมด จนพุงแตกไปเลยรึไง” อัปสรยิ้มใสก่อนจะค่อยตักอาหารของตัวเองเข้าปากอย่างมีมารยาท
“ก็ผมไม่อยากให้มันเหลือ สรอุตส่าห์ซื้อมานี่นา แต่ว่านะ ผมว่าเจ้านี้อร่อยยังไงก็ไม่เท่าสรทำเลยนะ” อัปสรเอามือป้องปากก่อนจะดื่มน้ำไม่ให้เส้นผัดไทยกระเด็นออกมาเพราะคำพูดของคนตรงหน้า
“ไว้สรจะทำให้แทนกินอีกนะคะ”
“ทำให้บ่อยๆ นี่ คุณทำให้ผมตลอดไปเลยได้ไหม” หญิงสาวพยักหน้ารับพลางยิ้มขำกับพูดของคนตรงหน้า คนเจ้าคารม ขี้เล่นคือแทนคุณที่ทำให้เธอหัวเราะได้ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน
“ผมพูดจริงๆ นะสร” แทนคุณลุกจากเก้าอี้ของตัวเอง เขาคุกเข่าลงกับพื้นข้างตัวหญิงสาวทันที
อัปสรมองชายหนุ่มด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ เธอพยายามบอกให้เขาลุกขึ้นแต่ทุกอย่างรอบตัวก็เหมือนกับตกอยู่ในภวังค์
“แต่งงานกับผมนะครับ”
เขาเป็นสุภาพบุรุษ เหมือนเจ้าชายที่ทำให้เธอเป็นเจ้าหญิงเพียงคนเดียวของเขา
อัปสรยิ้มออกอย่างเต็มใจที่จะรับคำขอของชายที่อยู่ตรงหน้า ช่วงเวลาที่แสนจะธรรมดานี้มันกลายเป็นช่วงเวลาที่วิเศษที่สุดในชีวิตของเธอ ลึกลงไปในตาคู่นั้นมันเต็มไปด้วยความรักที่มอบให้กับเธอ และเธอเต็มใจที่จะรับมันให้รักและมองแต่เพียงเธอผู้เดียว
เพียงชั่วขณะแทนคุณหลับตาลงเกิดเสียดายพลางก่นด่าตัวเองอยู่ในใจเมื่อนึกได้ว่าแหวนที่เขาพกไว้เสมอนั้นได้ถูกวางไว้กับเสื้อคลุมที่ใส่เข้ามาทำงานในห้องของเขา เขาคิดเรื่องนี้กับตัวเองมาสักระยะหนึ่งแล้วและเมื่อมีโอกาสเขาจะขอเธอคนนี้แต่งงานโดยทันที แต่โอกาสของเขาก็กระชั้นชิดเกินไปจนเผลอลืม
“สรรอผมอยู่ตรงนี้นะ”
“สรตกลงค่ะ”
อัปสรรั้งมือหนาของชายหนุ่มไว้ในทันทีที่เขายืนขึ้น เป็นผลให้เขาชะงักลงก่อนมือทั้งสองข้างจะถูกคนตัวบางกุมไว้
“ไม่จำเป็นต้องมีแหวนเพชร เสียงดนตรีในร้านอาหารหรูๆ หรือคนเป็นร้อยมาเป็นพยาน ขอแค่มีแทน มีเรา กับ… ผัดไทย” อัปสรพูดติดตลกพลางลูบหลังมือคนตรงหน้าอย่างเบามือ
“กับจูบนี้…ของเรา”
โลกทั้งใบคล้ายกับหยุดหมุนเมื่อคนตัวบางยื่นใบหน้าสวยเข้ามาใกล้ สัมผัสจูบลงที่ริมฝีปากของชายหนุ่มอย่างแผ่วเบาหากแต่เต็มไปด้วยความรักที่มอบให้กับเขา ผู้เป็นทั้งชีวิตและหัวใจของเธอ
ค่ำคืนที่แสนยาวนานผ่านไปอย่างช้าๆ หากแต่งดงามและวิเศษที่สุดในชีวิตชายหญิงคู่หนึ่ง อัปสรนั่นอมยิ้มอยู่ที่เคาน์เตอร์อย่างปรกติ โดยมีเพื่อนผู้ร่วมอุดมการณ์อยู่ด้วยในคืนนี้สองสามคน เวลาที่ย่ำตีสามทำให้สองสามคนงีบหลับไปแล้วด้วยความเหนื่อยล้า อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้วเธอคิดอย่างนั้น วันพรุ่งนี้เธอจะได้หยุดพักและมีนัดกับคนรัก แทนคุณพูดกับเธอเมื่อหัวค่ำว่าเขาจะพาเธอไปพบครอบครัวของเขาและทำการพูดคุยกับผู้ใหญ่ให้เป็นเรื่องเป็นราว อีกไม่นานเธอจะได้มีชีวิตคู่ที่มีความสุขและน่าอิจฉาที่สุด แน่นอนว่าเธอดีใจมากขนาดไหนเมื่อเผลอไปเจอกล่องใบเล็กที่ภายในบรรจุแหวนเพชรเม็ดงามที่สุดที่เธอเคยเห็นมาในกระเป๋าโค้ทของชายหนุ่ม และแน่นอนว่าเธอไม่ได้ตั้งใจที่จะไปเปิดเจอมันถ้าเธอไม่พยายามจะใส่ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กที่ให้ชายหนุ่มพกไว้อย่างในทุกวัน ชีวิตที่สมบูรณ์แบบมันมากยิ่งขึ้นเมื่อมีผู้ชายที่ชื่อแทนคุณเข้ามาในชีวิต เขาเพียบพร้อมในทุกด้าน เป็นเหมือนมงกุฎเพชรที่สูงส่งและเป็นที่ต้องตาของเหล่าบรรดานักล่าสมบัติ แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะได้ครอบครอง นั่นคือเธอ ไข่มุกที่สุดสกาวและมีค่ามากที่สุดในท้องทะเลลึกและเป็นที่หมายปองของนักล่าใต้ท้องทะเลเช่นกัน
ความเหมาะสมของเธอและเขาทำให้หลายคนอิจฉาและยินดีปะปนกัน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ทั้งคู่จบกันไปเพราะคำพูดในแง่ลบของคนหลายๆ คน เธอเสียเขาไปไม่ได้ และเธอรู้ดีว่าเขารักเธอมากขนาดไหน และเธอก็รักเขามาก แน่นอนเธอฉลาดพอที่ไม่มีวันปล่อยความรักที่สมบูรณ์แบบนี้ไปง่ายๆ
นาฬิกาข้อมือสวยดังขึ้นเป็นผลให้เธอตื่นจากภวังค์ อัปสรหันไปมองเพื่อนร่วมงานที่กำลังนั่งสัปหงกอยู่ก่อนจะยิ้มขำน้อยๆ กล้องวงจรปิดและแผงไฟสัญญาณเป็นปรกติทุกอย่าง แต่กระนั้นอัปสรก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดอยู่เสมอในเวลางาน หญิงสาวลุกขึ้นถือถาดบันทึกติดมือไปยังห้องคนไข้ โดยไม่ลืมที่จะหยิบถาดบันทึกของเจ้าหน้าที่อีกคนไปด้วย
อุณหภูมิของห้องและข้อมูลอื่นๆ ถูกบันทึกลงในกระดาษอย่างตั้งใจ เมื่อเช็คส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบเสร็จแล้ว เธอจึงทำการเช็คส่วนของเพื่อนร่วมงานของเธอด้วย เธอเคยอาสาทำงานให้กับเพื่อนร่วมงานอยู่ในหลายครั้ง โดยที่เขาหรือเธอไม่ได้แม้แต่เอ่ยปากขอ แต่เธอก็เอ่ยปากขอช่วยเสมอ มันไม่ใช่การความใจดี หรือขยัน แต่มันเป็นการซื้อใจที่ได้ผลดีที่สุด
‘VIP998’ ตัวเลขห้องที่ปรากฏอยู่บนกระดาษบันทึกผลกับชื่อของคนไข้ตรงกับป้ายห้องตรงหน้า ห้องทางปีกซ้ายของทางโซนเอเป็นส่วนที่เธอไม่ได้รับผิดชอบร่วมกับแทนคุณและโฉมฉาย หากแต่เป็นจิตแพทย์อีกท่านและเจ้าหน้าที่นั่งสัปหงกอยู่นั่น
ลูกบิดถูกเปิดออกอย่างเบามือ ไฟในห้องถูกหรี่ให้สว่างขึ้นมาหนึ่งระดับที่สามารถปรับแสงไฟให้เข้ากับสายตาและสามารถมองอะไรได้ชัดเจนขึ้น หญิงสาวขมวดคิ้วเมื่อพบว่าอุณหภูมิภายในห้องต่ำลงอย่างผิดปรกติ อัปสรปรับความเย็นภายในห้องให้เป็นปรกติก่อนจะรีบไปดูคนไข้ที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง
“ขอได้ไหม?”
อัปสรสะดุ้งตัวหันไปมองต้นเสียงโดยสัญชาติญาณ ร่างหนึ่งปรากฏแก่สายตาหากแต่เลือนรางและมองไม่ชัดเจน
“คุณต้องการอะไรหรือเปล่าคะ” อัปสรเอ่ยออกไปเมื่อคิดว่าเธอคนนั้นคือญาติเจ้าของคนไข้
“ได้หรอ ให้จริงๆ หรอ” เสียงแหบพร่าค่อยๆ ดังขึ้น อัปสรรู้สึกสงสัย ขนตามร่างกายตั้งชันจนต้องลูบแขนตัวเองเบาๆ แต่เธอคิดว่าเป็นผลมาจากอุณหภูมิที่ต่ำของห้องก่อนหน้านี้มากกว่าจะคิดเป็นอย่างอื่น
“คุณ... ต้องการอะไรคะ บอกได้เลยค่ะ”
“ดีใจสิท่า”
“ดีใจจนเนื้อเต้นเลยล่ะสิ”
“อยากให้เค้าประกาศตัวจนตัวสั่นแล้วสินะ”
“อิจฉาจัง อิจฉา อิจฉา อิจฉา…”
“อิจฉา ไม่หรอก ไม่เลย… ไม่ได้ดีไปกว่าเราเลยนะ” ประโยคที่เหมือนกับพูดคนเดียวดังขึ้นจนอัปสรรู้สึกหนักไปทั้งหัว
“นี่คุณหยุดพูดเสียงดังก่อนนะคะ คุณเป็นใคร” อัปสรเดินไปปรับไฟให้สว่างขึ้นอาจจะด้วยความกลัวที่เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเสียงนั้นก้องอยู่ในหัว หากแต่มันเย็นจนน่าขนลุกเหมือนกับกำลังกระซิบอยู่ข้างหูของเธอ
ทันทีที่แสงไฟสว่างขึ้น มันคือช่วงที่ดำมืดที่สุดในชีวิตเธอ นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เธอได้พบเจอก่อนทุกอย่างจะเปลี่ยนไป ชีวิตสวยหรูที่เธอวาดเอากลายเป็นเส้นทางที่บิดเบี้ยว ลึกกว่าขุมนรก และน่ากลัวยิ่งความคิดของมนุษย์
“ขอนะ ให้เรา ไม่มีใครดีกว่าเรา จำไว้….”
-Now-
“รายละเอียดงานประชุมรวมถึงงานสัมมนาสัปดาห์หน้าอยู่ในนี้หมดแล้วนะคะ” โฉมฉายเลื่อนกระดาษที่ถูกเย็บรวมกันไว้บนโต๊ะ พลางมองคาดชายหนุ่มคนเดียวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างเป็นนัยว่าอย่าละเลยที่จะอ่านมัน รันลณีหยิบขึ้นมาเปิดอ่านอย่างคร่าวๆ ก่อนจะเก็บมันไว้ข้างตัว วันนี้เป็นวันหยุดของแทนคุณและรันลณีเนื่องด้วยทั้งคู่อยู่เวรที่โรงพยาบาล ส่วนโฉมฉายความจริงวันนี้เธอต้องเข้าโรงพยาบาลหากแต่คนไข้ในความดูแลอาการดีขึ้น ญาติเจ้าของคนไข้จึงขอเซ็นใบออกนอกสถานที่เพื่อทำการพักผ่อนและฟื้นร่างกายกับครอบครัว เธอจึงขอลาหยุดและนัดกลุ่ม เจ้าหญิงกับอัศวินใจร้าย ของเธอออกมาคาเฟ่เล็กๆ เพื่อทำการแจงงานที่ได้รับรู้มา
“เหนื่อยหน่อยนะคะช่วงนี้” รันลณีพูดออกไปพลางจิบกาแฟลาเต้ของตัวเอง
“ไม่เหนื่อยหรอกคะน้องรัน แต่จะยุ่งมากกว่า” โฉมฉายพูดพลางยิ้ม ก่อนจะเริ่มจัดการชีสเค้กที่อยู่ตรงหน้า การสนทนาที่ไม่เน้นสาระทำให้ทุกคนดูผ่อนคลาย หากแต่บทสนทนานั้นกลับถูกตัดจบลงเมื่อคนตาดีสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
“โอ๊ย! แทน! โฉมเจ็บนะ” โฉมฉายร้องลั่นเมื่อชายหนุ่มดึงข้อมือบางของเธอเข้าใกล้ตัว แทนคุณดึงแขนเสื้อสีขาวนั้นขึ้น เผยให้เห็นรอยแดงช้ำบนผิวขาวเนียน ลากยาวไปจนเกือบถึงข้อศอกบางนั่น
“คุณยอมเธออีกแล้ว” โฉมฉายเบ้หน้าอย่างเจ็บปวดก่อนจะดึงมือตัวเองกลับ ไม่ตอบคำถามคนตัวโต ทำเอารันลณีถือกับงงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“คุณโฉมคะ” หญิงสาวเรียกคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงอ่อน ทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไรแต่ก็อดห่วงคนตัวบางไม่ได้ แทนคุณกรอกเอสเพรสโซเย็นของตัวเองจนหมดแก้ว เพื่อระงับความโกรธ
“คุณจะยอมให้เธอทำอีกไม่ได้นะ เธอจะล้ำเส้นพันธะสัญญาไม่ได้อีกแล้ว”
“โฉมรู้ แต่เพื่อแลกกับรายต่อไป เวลามันใกล้เต็มทีแล้วนะ… โฉมยอม”
“แต่…”
“เธอไม่ฆ่าโฉมหรอก เธอไม่ทำหรอกแทน สัญญารั้งเธอไว้เหมือนคำสาป และโฉมเป็นพี่เธอ” คนตัวโตถอนหายใจหนัก หมดคำพูดที่จะต่อว่าหรือโต้เถียงกับคนตรงหน้าอีกต่อไป
“เธอทำร้ายคุณ” รันลณีคว้ามือบางเพื่อดูรอยช้ำที่น่ากลัวพวกนั้นอย่างเบามือ ในหัวเริ่มคิดเองเมื่อไม่มีใครเล่าเคยเล่าให้เธอฟัง
“เดี๋ยวมันก็หายค่ะ ไม่นานหรอก โฉมจะยื้อให้ทุกอย่างช้าลงเอง โฉมจะทำเองเพราะโฉมเป็นคนเดียวที่ทำได้” โฉมฉายพูดเสียงเบา
“การยื้อเวลาที่จะนำเหยื่อมาให้เธออีกครั้ง” แทนคุณพูดขึ้น เมื่อมองสีหน้าที่ไม่เข้าใจของรันลณี
“คนที่ผูกสัญญาต้องทำตามคำสั่งของเธอเพื่อแลกบางสิ่งที่ขอไป ผมกับโฉมทำหน้าที่ล่อเหยื่อและอำพลางในห้วงเวลาที่เป็นจริง คนที่อยู่ในโลกมายาจะไม่ได้กลับขึ้นมาอีก พูดง่ายๆ ก็คือ พวกเขาได้ตายไปแล้วในโลกนี้ แต่จิตและวิญญาณยังคงจมอยู่ในโลกของมายา” แทนคุณพูดโดยไม่หันมองคนที่กำลังตั้งใจฟังอยู่เลยแม้แต่น้อย โชคดีที่ภายในร้านมีคนเพียงสองสามคนไม่นับรวมกับพวกเธอ ทำให้ไม่ต้องคอยกังวลว่าใครที่กำลังฟังอยู่และคิดว่าพวกเขากำลังพูดเรื่องบ้าอะไรอยู่
ใช่ โลกนี้มันบ้า โดยเฉพาะมนุษย์ที่บ้ายิ่งกว่า
“อำพลาง…?”
“การที่ตัดสินให้พวกเธอ ‘คัมแบ็คโฮม’ ทำตามขั้นตอนที่ควรทำ โดยเจ้าตัวเหล่านั้นจะหายเป็นปรกติทุกอย่าง เหมือนได้ชีวิตใหม่กลับมา มันเป็นความทรงจำก่อนที่พวกเขาจะตายไปหลังจากนั้นไม่เกินสามสิบวัน วัน เวลา และสาเหตุจะไม่เหมือนกัน นั่นแล้วแต่เธอเป็นคนบิดเบือนมัน”
“กำกับชะตาชีวิตหรอ ติดสินชะตาชีวิตของคนๆ หนึ่งได้อย่างนั้นหรอ และพวกคุณก็ทำ นั่นมันผิดกฎหมายนะ มันผิดกฎของมนุษย์ ผิดกฎของธรรมชาติ”
“แล้วสิ่งที่เรากำลังพบเจอมันตามหลักวิทยาศาสตร์ หลักการของธรรมชาติอย่างนั้นหรอ คิดว่าพวกผมดีใจนักรึไงที่ต้องมาทำแบบนี้” แทนคุณกัดฟันพูดเพื่อข่มอารมณ์ของตัวเอง รันลณีดวงตาร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงความโหดร้ายที่เกิดขึ้น
ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้ เธอจะไม่เลือกมาอยู่จุดที่เป็นอยู่ตอนนี้เลย
“เรารู้ว่ามันเลวร้ายแค่ไหน ทุกอย่างมันถูกฝังรากไปถึงจิตใต้สำนึกของเรา เราถึงพยายามที่จะยื้อมันอยู่ไงคะ” เสียงใสสั่น สีหน้าหม่นของโฉมฉายทำให้รันลณีส่ายหัวไปมาอย่างไม่สามารถยอมรับได้
“จะต้องไม่มีใครตายอีก” เสียงอันเบาออกมาจากปากที่เริ่มสั่นเทาของหญิงสาว
“คุณยอมให้เธอทำร้าย เพื่อยื้อเวลา เวลาของอะไร”
“หลังจากเหตุการณ์ล่าสุดที่โซนเอ เธอจะบอกเสมอว่าเหลืออีกแค่สอง โฉมจึงพยายามยื้อเวลาให้นานกว่าเดิมคือการชักจูงเธอให้รอ โน้นน้าวใจเธอถึงมันยากและทรมาน แต่มันเป็นสิ่งเดียวที่โฉมทำได้เพราะโฉมไม่รู้ว่าเธอเลือกเหยื่อยังไง เธอเป็นใคร หรืออะไรเป็นกุญแจที่ทำให้ติดกับ มันเป็นสิ่งที่เราหามาตลอด แต่ไม่นานมานี้เธอกลับบอกว่าเป็นหนึ่ง เหลือแค่หนึ่ง”
“โฉม”
“…”
“เหลือแค่คุณ”
Talk
สวัสดีนักอ่านทุกท่านค่ะ และสวัสดีปีใหม่นะคะ ขอบคุณทุกอ่านที่อยู่กับมายามาจนถึงตอนนี้นะคะ ขอให้แฟนมายาและผู้ที่แวะเวียนเข้ามามีความสุขค่ะ ขอบคุณนักอ่านที่ให้มายาเป็นนวนิยายอีกเรื่องที่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของท่านนะคะ เจอกันตอนหน้าจ้า คืนนี้ใครไม่ได้ไปไหนมาเค้าดาวน์กับมายาได้จ้า
Merry Christmas and Happy New Year
12.31.2017
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ