Arachne VII ( บท สายเลือดปลอมที่ 7 )
7.3
เขียนโดย ชิโร่
วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 18.52 น.
12 ตอน
2 วิจารณ์
13.73K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 18.53 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) บทที่เก้า เมดูซ่า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเมดี้... งั้นเหรอ
อย่ามาตอแหล
สัมผัสแบบนี้ เมดูซ่าชัดๆ
แบล็คนั่งตาค้างในห้องเรียน ทางด้านคีราโน่ซึ่งอยู่ในรูปแบบของอาวุธ (กำไลข้อมือ) เธอเองก็ตกใจไปพร้อมๆกับแบล็คด้วย ถึงคนอื่นๆในห้องจะไม่รู้ว่าเธอคือเมดูซ่า แต่แบล็คที่เป็นปีศาจเชื้อสายเดียวกับกับเมดูซ่าต่างก็รู้สึกถึงตัวตนซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี รอยยิ้มของเมดูซ่าที่ส่งยิ้มมาให้แบล็คแม้ตาเธอจะบอด.....
ในขณะนั้นเพื่อนร่วมห้องต่างทำหน้าสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มีการซุบซิบนินทาเกิดขึ้นหลายครั้ง ว่าทำไมเอานักเรียนที่พิการทางสายตามาเรียนในห้องนี้ได้ แถมเนื้อตัวของเธอก็ค่อนข้างไม่สะอาดซักเท่าไหร่... ไม่สิ หรือจะเรียกว่าเสื้อผ้าของเธอมันเก่าซะมากกว่า แถมยังนินทาต่อกันด้วยว่า ทีเธอย้ายเข้ามาได้ เป็นเพราะว่าเธอคือลูกสาวของอดีตพาราดิน ทำให้เข้ามาโรงเรียนนี้ได้อย่างสบาย
แบล็คเองก็เหล่หูตาฟังพวกนักเรียนพูดกัน
กับสายตาที่จ้องมองเมดูซ่าตาไม่กระพริบ
''เอ... ค-คุณเมดี้ เชิญนั่งเลยค่ะ เดี๋ยวจะเริ่มการสอนแล้ว''
อาจารย์เมโทร่าเดินไปส่งเมดี้ถึงโต๊ะเรียน
เพราะกลัวเธอจะเดินไปไม่ถูก....
'ลูกสาวพาราดิน'
'เมดูซ่า'
'ย้ายเข้ามาเรียน'
แบล็คเงียบกริบ ทำสายตาเย็นชาสุขุม มองไปยังเรือนร่างของเมดูซ่า แต่เมดูซ่าหล่อนไม่ได้ทำตัวผิดปกติแต่อย่างใด เธอเข้ามานั่งเรียนในห้องและทำตัวไร้พิรุธ ตอนนั้นเองแบล็คก็ได้ปรึกษากับคีราโน่ในใจ ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทางคีราโน่เองก็ไม่รู้เหมือนกัน นั่นทำให้แบล็คได้แต่ทำท่ากัดปากตัวเอง
แต่... การเรียนก็เริ่มต้นไปอย่างปกติ
''เอาล่ะค่ะ วันนี้จะเริ่มเรียบเกี่ยวกับ เฟรม นะคะ''
''เฟรมน่ะ คือจิตวิญญาณที่ได้รับการขัดเกลาค่ะ ปกติแล้วนักเรียนที่จะมาเรียนที่นี่ได้ต้องได้รับการขัดเกลาจากตระกูลของตัวเอง และต้องมีใบรับรองเท่านั้นถึงจะเข้ามาเรียนที่นี่ได้ ส่วนวิธีการขัดเกลาจิตวิญญาณให้ตื่นขึ้นมานั้นก็มีหลายวิธี และหลายตระกูลก็มักจะใช้วิธีแตกต่างกัน การนั่งสมาธิก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลในระดับกลาง แต่การจะให้จิตวิญญาณตื่นขึ้นมากลายเป็นอาวุธนั้น จำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนอย่างมาก''
อาจารย์เมโทร่ากำลังหมายถึง ปกติแล้วนักเรียนโรงเรียนนี้จะได้รับการขัดเกลาจิตวิญญาณจากตะกูลของตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งคนที่จิตวิญญาณตื่นขึ้นมานั้นจะสามารถเรียกดวงไฟวิญญาณออกมาบนฝ่ามือได้ ซึ่งดวงวิญญาณไฟนั้นจะเป็นสีอะไรก็ขึ้นอยู่กับสีที่ตัวเองชอบ ซึ่งดวงไฟวิญญาณนี้ถูกเรียกว่า ''เฟรมขั้นที่หนึ่ง'' โดยเฟรมขั้นที่หนึ่งหากสามารถใช้ได้จนชำนาญ มันสามารถเสริมสร้างสติปัญญาในการต่อสู้ได้นั่นเอง
''เฟรมขั้นที่สอง'' คือเฟรมที่เรียกไฟวิญญาณออกมาบนฝ่ามือ และแปรเปลี่ยนเป็นอาวุธวิญญาณได้ อาทิเช่น ดาบ เคียว ขวาน หอก ธนู โดยอาวุธที่เรียกออกมาจากจิตวิญญาณนั้นจะขึ้นอยู่กับความถนัดของผู้ใช้
โดยขณะนี้เองนักเรียนทุกคนบนห้องต่างใช้เฟรมขั้นที่หนึ่งกันได้ทุกคน
ซึ่งนักเรียนในห้องทุกคนต่างโชว์เฟรมขั้นที่หนึ่งให้กับอาจารย์เมโทร่านั่นเอง
มีเพียงนักเรียนสองคนเท่านั้น ที่ไม่สามารถใช้เฟรมขั้นที่หนึ่งได้
นั่นคือ เมดูซ่า และ แบล็ค
เหตุผลสำหรับแบล็คก็ง่ายๆ เพราะเขาใช้ไม่เป็น
ส่วนของเมดูซ่า ก็เพราะเธอเป็นปีศาจ จึงไม่สามารถมีเฟรมเป็นของตัวเองได้
''เอ่อ.... ค-คุณเมดี้ใช้เฟรมไม่ได้เหรอคะ ?''
อาจารย์เมโทร่าทำสีหน้าเหงื่อตก
''ขอโทษนะคะ ฉันใช้เฟรมไม่ได้หรอกค่ะ''
เมดูซ่ายิ้มอ่อนๆ
''ง-งั้นเหรอคะ ก็... อืม ก็มีส่วนน้อยนะคะที่จอมเวทย์บางคนจะใช้เฟรมไม่ได้ ม-ไม่ต้องกังวลนะคะ !! ง-งั้นชั่วโมงเรียนตรงนี้ก็ทนฟังเอาก่อนแล้วกันนะคะ คุณเมดี้''
อาจารย์เมโทร่าอธิบายบนประดานดำเพื่มเติม ว่าการให้เฟรมขั้นที่สองปรากฎนั้น ก็ถือว่าเป็นเรื่องยากระดับ S ในหมู่จอมเวทย์อยู่ดี ดังนั้นจะมีนักเรียนบางส่วนไม่จำเป็นต้องใช้ เฟรมขั้นที่สอง ก็ได้ แต่จะใช้ มนุษย์ประเภท 'อาวุธ' แทน ฉนั้นอาจารย์เมโทร่าจึงไม่แปลกใจ ที่แบล็คกับเมดูซ่าใช้เฟรมขั้นที่หนึ่งไม่ได้
***
จอมเวทย์ที่ไม่ได้ใช้เฟรมเป็นอาวุธ หรือก็คือจอมเวทย์บางคนที่ไม่สามารถใช้เฟรมขั้นที่สองได้ จะมีอาวุธส่วนตัวใช้กันอยู่แล้ว ( ความหมายเหมือนกับ คิท และคีราโน่ ซึ่งจัดอยู่ในประเภทจิตวิญญาณอาวุธโดยเฉพาะ ) การจะเป็นอาวุธนั้นไม่ใช่เรื่องยาก หรือจะพูดก็คือ 'ปศุสัตว์' นั่นคือคำที่เหมาะสมกับพวกอาวุธแล้ว มันไม่ต่างอะไรกับการค้ามนุษย์ โดยการสร้างอาวุธนั้นต้องนำร่างของมนุษย์ทั่วไป นำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา แล้วมนุษย์คนนั้นจะสามารถแปลงร่างเป็นอาวุธได้นั้นเอง สำหรับพวกขุนนางแล้ว การซื้อขายอาวุธทางเวทย์ก็ไม่ต่างอะไรกับการค้ามนุษย์นั่นเอง แต่ในกรณีของคีราโน่และคิทนั้นถูกสร้างมาจากปีศาจ จึงต่างกับอาวุธทั่วไป ที่ต้องได้รับการเข้าพิธีกรรมทางศาสนานั่นเอง
ในคราบเรียนนี้ อาจารย์เมโทร่ากล่าวถึงว่า ที่อาคารเรียนอีกฝากหนึ่ง มีนักเรียนประเภทอาวุธอยู่ตรงนั้น
และนักเรียนประเภทอาวุธที่อยู่ตรงนั้นเองก็เป็นข้ารับใช้ของนักเรียนประเภทขุนนางนั่นเอง
ฉนั้นส่วนใหญ่แล้วนักเรียนในห้องนี้จึงมีอาวุธเป็นของตัวเองอยู่แล้วนั่นเอง
-นักเรียนประเภทขุนนาง = เรียนเพื่อเป็นจอมเวทย์
-นักเรียนประเภทอาวุธ = ข้ารับใช้ของนักเรียนประเภทขุนนาง เรียนเพื่อเป็นอาวุธของผู้เป็นนาย
อาจารย์เมโทร่า กำลังเริ่มสอน การเรียกอาวุธ หรืก็คือเฟรมขั้นที่สอง
''เอาล่ะ นักเรียนทุกคน ขณะนี้ทุกคนกำลังมีจิตวิญญาณอยู่บนฟ่ามือของตัวเอง ให้นักเรียนแต่ละคนจ้องมองไปยังดวงวิญญาณของตัวเอง แล้วจิตนาการถึงอาวุธที่ตัวเองชอบหรือถนัดดูนะคะ''
นักเรียนทุกคนในห้องต่างลองทำตามที่อาจารย์เมโทร่าบอก ผลปรากฎว่ามีนักเรียนบางคนสามารถสร้างอาวุธขึ้นมาได้ แต่ไม่ใช่อาวุธที่จับต้องได้ มันเป็นเหมือนแบบร่างอาวุธ หรือก็คือเวทย์แสงสีฟ้าในรูปแบบดาบ โดยอาจารย์เมโทร่าบอกกับนักเรียนคนนั้นอีก ว่าให้ฝึกทำบ่อยๆ หากทำบ่อยๆเข้าซักวันจะสามารถสร้างอาวุธเฟรมได้แน่
มีนักเรียนบางคนหมดสติไปตรงนั้นเนื่องจากควบคุมจิตวิญญาณของตัวเองไม่อยู่
หรือบางคนจิตวิญญาณบนฝ่ามือก็แตกสลายกลับเข้าร่าง แต่ไม่ส่งผลกับร่างกายมากนัก
หรือบางคนที่ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย แม้ว่าจะพยายามแค่ไหน
''อืม... มีแค่ไม่กี่คนเองสินะคะ ที่สามารถปลดล็อคให้เฟรมขั้นสองได้''
แบล็คจ้องมองไปยังเซซิเลีย ซึ่งเซซิเลียสามารถทำได้ โดยเซซิเลียสามารถเสกธนูแบบจับต้องมาไว้ในมือได้ แถมธนูที่ได้มานั้นมีขนาดเหมาะกับตัวเธออีกต่างหาก อีกทั้งธนูยังมีเวทย์สีแดงเรืองแสงล้อมรอบเหมือนกับธาตุไฟไม่มีผิด จึงไม่แปลกที่ทุกคนในห้องเรียนต่างหันหน้าไปมองเซซิเลียกันทุกคน
''ว้าว ! คุณเซซิเลียใช้เฟรมได้ด้วยล่ะ แถมยังใส่ธาตุเข้าไปในอาวุธได้ด้วย !''
อาจารย์เมโทร่ากล่าวชมด้วยท่าทีดีใจ
''เธอเนี่ย หรือว่าจริงๆแล้วเป็นอัจฉริยะกันนะ''
แบล็คเหล่ตามอง เหมือนจะอิจฉานะนั่น
''ข-ขอบคุณค่ะ นี่ฉันสามารถทำได้เลยหรือเนี่ย ^^''
***************************************
ณ ตอนเย็นของวันนี้ หลังเรียนจบ แบล็คกลับมาหอพักชาย ขณะที่นักเรียนคนอื่นก็ทยอยเข้าห้องของตัวเองกันไปหมดแล้ว โดยหอพักของแบล็คนั้นแท้จริงแล้วก็อยู่ติดกับหอพักชายคนอื่นด้วยเช่นกัน จึงไม่แปลกที่บางครั้งจะเดินสวนกับนักเรียนคนอื่นในบริเวณหอพัก แต่โชคดีของแบล็คแล้วล่ะ ที่ไม่มีเพื่อนร่วมห้องอาศัยอยู่แถวนี้
''หอพักรวมเนี่ยห่วยชะมัดเลยนะ''
''เรามาอาศัยถิ่นคนอื่นนะ จะเรื่องมากได้ยังไง รีบๆเข้าห้องไปได้แล้ว !''
''นอกจากเรื่องเมดูซ่าจะไม่คืบหน้า แถมยังไม่ได้ประโยชน์อะไรซักอย่างกับการเรียน จะการใช้เวทย์เบื้องต้นหรือการปลดเฟรม ก็ไม่สามารถใช้เหมือนกับชาวบ้านได้ แถมยัยเซซิเลียวันนี้เนื้อหอมซะจริง คนในห้องสนใจแต่หล่อน ไอ้คนที่เริ่มใช้เฟรมขั้นสองได้ ป่านนี้ก็คงจะเริ่มไปฝึกใช้กันแล้วล่ะ''
ขณะที่แบล็คเอาแต่บ่นหน้าห้องของตัวเอง จู่ๆก็มีลูกธนูธาตุไฟ ถูกยิงเช้ามาใส่แบล็คอย่างรวดเร็วและรุนแรง โดยลูกศรนั้นถูกยิงเข้ามาจากทางด้านหลัง โดยแบล็คสามารถปัดการโจมตีได้โดยให้คีราโน่แปรงร่างเป็นถุงมือสีดำ แล้วใช้มือธรรมดาปัดลูกธนูนั้นได้อย่างชิวๆ
แบล็คหันไปมองทางด้านหลัง
แต่ไม่เจอคนที่ยิงธนูไฟ....
''คีราโน่.... ยัยหัวแดงเซซิเลียคิดจะฆ่าฉันรึไง ยัยนั่นยิงมาจากทางไหน ?''
''เซซิเลียงั้นเหรอ ไม่น่าเชื่อ''
''ไม่ผิดแน่ สัมผัสเดียวกันเลย''
''เดี๋ยวก่อนนะแบล็ค จะสรุปแบบนั้นก็เร็วไป อาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ ?''
''นั่นสิ ฉันยัดแมงมุมใส่ท้องของเซซิเลียไว้แล้วด้วยนี่ ตอนนี้ยัยนั่นน่าจะอยู่ที่หอพักหญิง''
''งั้นแสดงว่าคนที่ยิงลูกศรใส่นายไม่ใช่เซซิเลีย คงอยู่ที่ไหนซักที่ ไม่ไกลจากตรงนี้หรอก''
พูดยังไม่ทันขาดคำ ธนูศรแห่งไฟลูกที่สอง ถูกยิงใส่แบล็คแบบซึ่งๆหน้า
ซึ่งแบล็คสามารถจับลูกศรนั้นได้อย่างง่ายดาย
มันทำให้แบล็คสงสัยว่า ในเมื่อรู้ว่ายิงไม่ได้ผล จะยิงมาอีกทำไม
''มันไม่ได้คิดจะฆ่านี่นา มันคิดจะกวนประสาทเรานี่หว่า !''
''นั่นสินะ แต่แบล็ค นายอย่าคิดบ้าๆเด็ดขาดเลยนะ''
''กำลังหมายถึงอะไรน่ะ คีราโน่ ?''
''จากมุมการยิง ถ้าเรากลางเขตแดนเวทย์ล่ะก็ พริบตาเดียวก็คงหาต้นตอเจอ แต่ถ้าเกิดนายคลายเวทย์แห่งอารัคเน่ที่นี่ล่ะก็ นายโดนจับได้แน่ ว่านายเป็นใคร ฉันมั่นใจ ว่าตอนนี้มีคนกำลังจ้องจับผิดเราอยู่''
''แล้วจะเอายังไง ?''
ฉันจัดการเอง.....
คีราโน่แปลงร่างกลับมาเป็นร่างมนุษย์ เธอในตอนนี้ใส่เสื้อกล้ามกางเกงขายาวเช่นเคย อีกทั้งเธอยังสามารถใช้ ''เฟรม'' ขั้นที่สอง ที่พึ่งเรียนมาได้อีกต่างหาก เธอใช้จิตวิญญาณของตัวเองแปรรูปให้กลายเป็นดาบที่มือขวา (เป็นเหมือนดาบธรรมดาที่ไม่ได้รับการเสริมธาตุ) จากนั้นก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคาของหอพัก
''เฮ้ยยยย ! อะไรว่ะนะ เธอทำได้ยังไง !!!!''
แบล็คตะโกนขึ้นไปข้างบนหลังคา
''ก็นะ ฉันเป็นมือขวาของท่านอารัคเน่นี่นา เรื่องแค่นี้เรียนรอบเดียวก็เข้าใจแล้ว''
''คีราโน่ ยัยขี้โกง !''
กำลังพูดกันได้ที่ ลูกธนูดอกที่สามก็ถูกยิงเข้ามาใส่แบล็ค ซึ่งแบล็คก็เอียงคอหลบได้สบายเช่นเคย
''ใครแม่งยิงใส่ตูวะเนี่ย ! คิดจะกวนตีนกันเรอะ ใช่ไหม ? ใช่สินะ !''
''น่า... เดี๋ยวฉันจัดการเอง นายนอนพักในห้องไปเถอะ''
คีราโน่พูดจบก็กระโดดอย่างรุนแรง แล้ววิ่งไปตามเส้นทางของธนูที่ถูกยิงมา
ส่วนแบล็คก็ทำหน้าหงอยเหมือนคนไร้อารมณ์
''อะไรกันฟะ ! ยัยคีราโน่ ก็แค่อยากลองอาวุธใหม่ไม่ใช่รึไง !''
ทิศของธนูที่ถูกยิงมา นั่นคือทิศ 2 นาฬิกา ตรงจุดนั้นมันคือป่าข้างโรงเรียน ซึ่งเป็นป่าขนาดกลางที่ไม่ใหญ่มาก คีราโน่สันนิษฐานได้ทันที ว่าตัวผู้ใช้ธนูต้องยืนอยู่บนต้นไม้แล้วเล็งยิงมาที่นี่อย่างแน่นอน เธอจึงไม่รอช้า กระโดดอย่างรุนแรงแล้ววิ่งตรงไปยังจุดหมาย ส่วนคนที่ยิงธนูนั่นก็ไม่ใช่ใครอื่น เธอคือเมดูซ่า โดยเธอในตอนนี้มีลูกตาข้างซ้าย ซึ่งหมายถึงว่าตอนนี้เธอสามารถมองได้เหมือนคนปกติแล้วนั่นเอง
เมดูซ่าที่กำลังยืนอยู่บนต้นไม้ระยะไกล ก็ถอนหายใจ
''ไม่ไหวเลยนะ คีราโน่เนี่ย''
เธอกระโดดลงจากต้นไม้ช้าๆ และยืนรอคีราโน่ประมาณหนึ่งนาที จนคีราโน่มาถึงที่นี่....
''ว่าแล้วเชียว นิสัยลอบกัดนี่ยังไม่เปลี่ยนเลยนะ เมดูซ่า''
''ตายจริง คีราโน่... ก็แค่ทักทายสหายเก่าไม่ใช่รึไง จำตอนที่เราสู้กับเทียแมทได้ไหม ?''
''ไอ้เรื่องพ่ายแพ้ไม่ได้มีอยู่ในหัวซะด้วยสิ ได้ยินมาว่าเธอตาบอด แล้วตาข้างซ้ายนั่นมันอะไร ?''
''ของขวัญจากคนรักน่ะ... ไม่สิ คนที่หลงรักล่ะมั้ง''
''ดูท่าจะไม่ใช่ดวงตาเก่าของเธอนะ เอาเถอะ ถ้าไร้พิษสงแบบนี้ก็ค่อยวางใจหน่อย''
''จ้าๆ แต่เธอคิดจริงๆเหรอว่า ถ้าฉันไร้ดวงตาแล้วจะไม่มีพิศสงค์น่ะ ?''
''รู้อยู่แล้วล่ะ น้ำหน้าอย่างเธอก็เที่ยวลอบกัดคนอื่นไปทั่วนั่นแหละ''
''อืม... งั้นเหรอๆ ก็... คงเป็นแบบนั้นแหละ''
''แล้ว... ต้องการอะไร ถ้าตอบไม่ดีจะตัดหัวซะตรงนี้เลยเป็นไง ?''
''โห... ปากกล้าขึ้นเยอะเลยนะ สมัยอยู่กับอารัคเน่เธอยังดูเงียบๆมากกว่านี้แท้ๆ รึว่าเลิกนิสัยขึมเงียบไปแล้ว กลายมาเป็นยัยผมหางม้าเลือดร้อนกันล่ะ รู้ไหม ฉันชอบเธอในลุคเมดมากกว่านะ ผมสั้นก็ดูดีกว่าตั้งเยอะ''
''ฉันถามว่าต้องการอะไรต่างหาก เลิกล้อเล่นซักที''
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ ขณะนั้นมีงูหลายตัวกำลังเลื้อยตามต้นไม้ ก่อนที่งูเหล่านั้นจะจู่โจมใส่คีราโน่จากข้างบน ก่อนที่เธอจะเหวี่ยงดาบรอบกาย ฆ่าฟันงูเหล่านั้นจนตัวขาดสะบั้นไม่มีชิ้นดี ซึ่งคีราโน่เองก็รู้มาตั้งแต่แรกแล้ว ว่าที่เมดูซ่าชวนคุย ก็เพราะกำลังจะเตรียมงูให้มาฉกคีราโน่นั้นเอง
''ก็รู้อยู่ว่าพิษทำอะไรฉันไม่ได้ ทำไมถึงยังเล่นไม่รู้เรื่องอีก ?''
''ก็แหม... บอกแล้วไงว่าล้อเล่น''
''ไอ้นิสัยตอแหล ฉันแนะนำให้เลิกดีกว่านะ''
''จ้าๆ งั้นเข้าเรื่องเลยแล้วกัน''
พูดจบไม่ทันไร เอ็ดเวริ์ดก็เดินเข้ามาหาต่อหน้าคีราโน่ เจ้าตัวแอบอยู่หลังต้นไม้มาตั้งนานแล้วนั่นเอง
เป็นจังหวะเดียวกันกับที่แบล็คตามคีราโน่เข้ามาในป่าแบบพอดิบพอดี
ทั้ง 4 คน ได้พบหน้าพร้อมกันเป็นครั้งแรก.............
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ