เงารักปมอดีต
-
เขียนโดย ดอกไม้หอม
วันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 13.53 น.
6 ตอน
0 วิจารณ์
7,831 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 13.56 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) เงา...แห่งความทรงจำ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 1
เงา...แห่งความทรงจำ
เช้าวันหนึ่ง ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในสภาพขาข้างซ้ายใส่เผือก ศรีษะโดนพันด้วยผ้า แขน ขาลำตัวมีรอยแผลฟกช้ำเต็มไปหมด วันเวลาผ่านไปเท่าไรไม่รู้ หัวสมองหนักอึ้ง ฉันอยู่ที่ไหน เกิดอะไรขึ้นกับฉัน แล้ว...แล้ว “ฉันเป็นใครกัน!”
เสียงเปิดประตูห้องดังเข้ามา คุณหมอกับพยาบาลเข้าเวรมาตรวจฉันพอดี
“ฟื้นแล้วหรือครับ” เสียงคุณหมอทักทาย ในขณะที่พยาบาลเข้ามาตรวจเช็คอุปกรณ์และดูบาดแผลบนตัวฉัน
“คุณหมอคะ ฉันเป็นอะไรค่ะ”
“คุณน่าจะโดนทำร้ายร่างกายมาครับ มีคนพาคุณมาส่งที่โรงพยาบาลนี่”
“นั้นไงครับ คนที่พาคุณมา”
ชายหนุ่มรูปร่างสมส่วน ผิวขาว ส่วมแว่นตา ใบหน้าหล่อเหลาออกจะตี๋สักนิด สวมเสื้อผ้าเหมือนคนทำงานออฟฟิตทั่วไปแต่ไม่ดูเป็นทางการมากนัก เขาตรงเข้ามาที่เตียงฉัน กลิ่นน้ำหอมจางๆแตะจมูกฉันเป็นกลิ่นที่คุ้ยเคยเหมือนเคยได้กลิ่นที่ไหนมาก่อน
“เป็นอย่างไงบ้างครับ รู้สึกดีบ้างหรือยัง หรือว่าเจ็บตรงไหนมากไหมครับ” น้ำเสียงนุ่มนวลบ่งบอกถึงความห่วงใยถามฉันพร้อมส่งยิ้มหวานเผยให้เห็นลักยิ้มข้างแก้ม รอยยิ้มนั้นทำให้ใจฉันแช่มชื่นมันเป็นรอยยิ้มที่สดใสเหมือนรอยยิ้มเด็กน้อย
“คุณเป็นใครคะ แล้วฉันเป็นอย่างนี้ได้อย่างไง”
“ผมเจอคุณสลบอยู่ข้างทาง จึงพาคุณมาที่นี่ครับ”
“คุณพอจะจำได้ไหมครับ ว่าใครทำร้ายคุณผมจะได้แจ้งตำรวจให้”
จริงสิ ฉันโดนทำร้ายมา ใครเป็นคนทำร้ายฉัน คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก คิดไม่ออกแม้กระทั่งชื่อตัวเอง ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว แทบจะระเบิดออกมา ในหัวสมองฉันมีแต่ความว่างเปล่า ฉันความจำเสื่อมหรือนี่
“โอ๊ย…” มือทั้งสองข้างกุมที่หัวมันเจ็บทรมานเจียนตาย เมื่อพยายามนึกถึงอดีต
“ใจเย็นๆนะครับคุณ” หมอพูดกับฉัน พร้อมทั้งพยาบาลจับล๊อคตัวฉันไว้ เมื่อฉันดิ้นทุรนทะรายด้วยความเจ็บปวด จากนั้นฉันก็กรี๊ดร้องสุดเสียงแล้วสลบไป
ที่ห้องตรวจคนไข้ หมอเจ้าของไข้กำลังคุยกับชายหนุ่มผู้สวมแว่นคนนั้น
“เธอเป็นอะไรครับหมอ เธอความจำเสื่อมหรือครับ” ชายหนุ่มผู้สวมแว่นถามหมอด้วยน้ำเสียงกังวน
“จากผลการสแกนสมอง ไม่พบความผิดปกติใดๆ บาดแผลที่โดนทำร้ายมาไม่น่าเป็นห่วง เธออาจจะความจำเสื่อมชั่วขณะก็ได้ หรือไม่ก็เกิดจากภาวะจิตใจ ที่เธออยากลืมเรื่องราวที่ผ่านมา หมอสันนิฐานว่าที่เธอจำไม่ได้ เพราะเธอไม่อยากจดจำมากกว่า อย่างไรเสียหมอก็ขอตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง”
ได้ฟังดังนั้น สีหน้าของชายหนุ่มก็วิตกกังวลเป็นอย่างมาก เขาไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี ถ้าเธอความจำเสื่อม เธอก็จะจำไม่ได้ว่าใครเป็นคนทำร้ายเธอ แล้วคนร้ายก็ยังลอยนวลอยู่ต่อไป
“ถ้าทางร่างกายไม่มีอะไรผิดปกติ ก็คงมีผลมาจากสภาพจิตใจ หมอว่าคุณคงดูแล ฟื้นฝูสภาพจิตใจเธอได้ คุณเป็นนักจิตวิทยาไม่ใช่หรือ”
“ครับ ผมทำงานกับมูลนิธิจิตวิทยา”
“เธอก็ต้องอยู่ที่นี้ รักษาบาดแผลภายนอก และก็ทำกายภาพบำบัด ก็ค่อยๆฟื้นความทรงจำเธอไปละกัน”
ใช่ ฉันต้องอยู่โรงพยาบาลอีกนานเหมือนกัน ตอนนี้ผ่านไป 3 สัปดาห์แล้ว แผลที่ตามตัว หัว แล้วก็ขาก็ค่อยๆดีขึ้น ฉันเริ่มเดินไปคล่องขึ้น อีก1-2 สัปดาห์ก็คงหายเป็นปกติ แต่ ฉันยังจำอะไรไม่ได้เลย ไม่แม้แต่ชื่อตัวเอง ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ผู้ชายที่ช่วยชีวิตฉันมาดูแลฉันอย่างดี เขาชื่อ “ปกป้อง” ฟังจากชื่อฉันก็น่าจะอยู่ในความดูแลเขาได้ เขาเป็นมิตร อบอุ่น และทำให้ฉันคลายความหวาดกลัวลง ในเวลาแบบนี้มาเจอคนแบบเขามันคงเป็นโชคดีของฉัน แต่มันจะโชคดีกว่านี้ถ้าฉันจำเรื่องราวทุกอย่างได้ ทุกครั้งที่พยายามคิดแม้จะมีภาพแว๊บผ่านเข้ามาในหัว ฉันก็นึกไม่ออกว่ามันคืออะไร ยิ่งคิดก็ยิ่งทรมาน ภาพๆนั้นเป็นภาพที่ฉันกำลังเล่านิทานให้เด็กผู้ชายคนหนึ่งฟัง มือฉันลูบหัวน้อยๆ พร้อมก้มลงประทับรอยจูบที่หน้าผากนั้น มันเป็นภาพที่อยู่ในความทรงจำเดียวของฉัน เด็กคนนั้นคือใครกัน เด็กคนที่ฉันรู้สึกคิดถึงเขาเหลือเกิน
“พ่อครับ เมื่อไรแม่จะกลับมาครับ พุต คิดถึงแม่อยากให้แม่เล่านิทานให้ฟังครับ” เสียงเด็กน้อยวัย 4 ขวบ ถามพ่อของเขา หลังจากที่แม่เขาหายไปเกือบเดือน
“แม่ไปธุระ เดี๋ยวก็กลับแล้วครับ” นี้เป็นครั้งแรกที่เขาโกหกลูก และหวังว่าจะเป็นการโกหกครั้งสุดท้าย
อย่างไงก็ต้องตามหาพิมพ์ ภรรยาของเขาให้เจอ ถึงจะไม่ได้ข่าวความคืบหน้าใดๆจากทางตำรวจ หรือนักสืบ เขาก็หวังว่าพิมพ์คงอยู่ที่ไหนสักแห่งอย่างปลอดภัย เขากับพิมพ์แต่งงานกันได้ 6 ปี หลังจากที่คบกันตั้งแต่สมัยเรียน พิมพ์เป็นคนที่อยู่เคียงข้างเขาตลอดไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข พิมพ์เป็นคนน่ารัก ใบหน้าสวยพิศ รูปร่างเล็ก ดูแล้วน่าทะนุทะนอม แต่จริงๆแล้วพิมพ์เข้มแข็งมาก เขาต่อสู้มาคนเดียวเพราะสูญเสียพ่อกับแม่จากอุบัติเหตุรถยนต์ตั้งแต่พิมพ์ยังเด็ก พิมพ์ต้องทำงานเพื่อส่งตัวเองเรียน ถึงแม้จะมีป้าของเขาที่รับหน้าที่ดูแล แต่ทุกคนก็มีภาระกันทั้งนั้น ถึงจะสูญเสียครอบครัวเธอก็ยังยิ้มได้ และเป็นกำลังใจให้เขาต่อสู้มาเสมอ เราสองคนแทบจะไม่มีเรื่องทะเลาะกันเลย จะมีก็แต่ปัญหาความไม่ลงรอยในการเลี้ยงลูก แล้วสาเหตุอะไรถึงทำให้พิมพ์หายออกจากบ้านไป
ย้อนไปเหตุการณ์วันที่พิมพ์หายออกจากบ้าน
“นั้นผมไปรอที่ห้องนะ” เขาบอกกับพิมพ์หลังจากที่ตกลงจะไปดูหนังที่ห้องโฮมเธียเตอร์ พิมพ์ขอตัวไปดูลูกก่อนแล้วจะตามไป เขาไปที่ห้องดูหนัง หยิบแผ่นหนังใส่ในเครื่อง เปิดดูพลางๆเพื่อรอพิมพ์ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
“อ้าว.. ตั้มเองหรือมีธุระอะไรหรือเปล่าถึงโทรมาป่านนี้”
“จริงซิ แล้วตั้มจะกลับมาเมื่อไร อีก 3 วันหรือ นั้นพี่จะให้คนจัดห้องไว้ให้นะ”
“อ๋อ.. ได้ซิ เอกสารของแม่ใช่ไหม ไม่แน่ใจว่าอยู่ที่ห้องทำงานพี่หรือเปล่า เดี๋ยวพี่ไปดูให้นะ”
เขาพูดโทรศัพท์พลางเดินไปที่ห้องทำงานเพื่อหาเอกสาร หลักจากหาเอกสารอยู่สักครู่ใหญ่
“เจอแล้วตั้ม จะเอาเอกสารของพ่อด้วยหรือเปล่า”
“ได้ นั้นพี่เอาไปให้วันที่ไปรับตั้มนะ”
ทั้งหมดเป็นคำสนทนาของเขากับปลายสาย
ตั้ม น้องชายของเขากำลังจะกลับมา เมื่อก่อนเขากับน้องชายสนิทกันมาก สนิทเหมือนคนๆเดียวกัน แต่หลังจากพ่อกับแม่เสียชีวิต ตั้มก็เริ่มไม่สบายจนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลและก็ไม่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้านอีกเลยจนวันนี้ที่ตั้มโทรมาบอกว่าหมออนุญาตให้เขากลับบ้านได้แล้ว เขาดีใจมาก จะได้อยู่พร้อมหน้ากันเสียที เขาต้องรีบไปบอกพิมพ์ พิมพ์ต้องดีใจแน่ๆ
เขาตรงไปที่ห้องโฮมเธียเตอร์ หน้าจอยังคงฉายหนังอยู่ แต่พิมพ์ไม่ได้อยู่ในห้อง เขารู้สึกผิดปกติ จึงรีบเปิดไฟ สภาพห้องเหมือนมีการต่อสู้กันขึ้น มีรอยคราบเลือดตามทางเดิน เขาหาพิมพ์จนทั่วห้องก็ไม่เจอ ไปหาที่ห้องลูก ห้องอื่นๆก็ไม่มี
“เกิดอะไรขึ้นกับพิมพ์กันแน่ ถ้าเกิดเหตุร้ายขึ้นกับพิมพ์ทำไมพิมพ์ถึงไม่ส่งเสียงร้อง หรือพิมพ์ร้องให้ช่วยแล้ว แต่เสียงฟ้าร้องดังจนกลบเสียงพิมพ์” (เขาคิดในใจ)
แล้ววันนี้ก็ไม่มีใครอยู่ที่บ้าน พวกคนงานกับคนรับใช้เหมารถไปเที่ยวงานที่ตัวจังหวัดกันหมด จะมีก็แต่ นวลจันทร์ สาวใช้พี่เลี้ยงน้องพุต เท่านั้น
“นวลๆเธอเห็นคุณพิมพ์ไหม” เขาเคาะประตูถามสาวใช้ด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“มีอะไรคะ คุณต้น”สาวใช้แง้มประตูโผล่แค่หน้าออกมา
“คุณพิมพ์ หายไป หาเท่าไรก็หาไม่เจอ เธอเห็นคุณพิมพ์บ้างหรือเปล่า”
“ไม่เห็นเลยคะ นวลอยู่ที่ห้องตลอด ไม่เห็นหรือได้ยินเสียงอะไรเลยคะ” สาวใช้ตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“นั้นเธอโทรบอกคนงานให้รีบกลับมา ฉันจะไปหาคุณพิมพ์ต่อ”เขาสั่งจบแล้วรีบวิ่งออกไป
“ได้ค่ะ”
“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจโล่งอกของสาวใช้ หลังจากเจ้านายกลับออกไป สภาพของเธอเปียกปอนที่เท้ามีรอยเปื้อนโคลน ใบหน้าเธอวิตกกังวล เหมือนซ่อนความลับอะไรบางอย่างไว้.
เงา...แห่งความทรงจำ
เช้าวันหนึ่ง ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในสภาพขาข้างซ้ายใส่เผือก ศรีษะโดนพันด้วยผ้า แขน ขาลำตัวมีรอยแผลฟกช้ำเต็มไปหมด วันเวลาผ่านไปเท่าไรไม่รู้ หัวสมองหนักอึ้ง ฉันอยู่ที่ไหน เกิดอะไรขึ้นกับฉัน แล้ว...แล้ว “ฉันเป็นใครกัน!”
เสียงเปิดประตูห้องดังเข้ามา คุณหมอกับพยาบาลเข้าเวรมาตรวจฉันพอดี
“ฟื้นแล้วหรือครับ” เสียงคุณหมอทักทาย ในขณะที่พยาบาลเข้ามาตรวจเช็คอุปกรณ์และดูบาดแผลบนตัวฉัน
“คุณหมอคะ ฉันเป็นอะไรค่ะ”
“คุณน่าจะโดนทำร้ายร่างกายมาครับ มีคนพาคุณมาส่งที่โรงพยาบาลนี่”
“นั้นไงครับ คนที่พาคุณมา”
ชายหนุ่มรูปร่างสมส่วน ผิวขาว ส่วมแว่นตา ใบหน้าหล่อเหลาออกจะตี๋สักนิด สวมเสื้อผ้าเหมือนคนทำงานออฟฟิตทั่วไปแต่ไม่ดูเป็นทางการมากนัก เขาตรงเข้ามาที่เตียงฉัน กลิ่นน้ำหอมจางๆแตะจมูกฉันเป็นกลิ่นที่คุ้ยเคยเหมือนเคยได้กลิ่นที่ไหนมาก่อน
“เป็นอย่างไงบ้างครับ รู้สึกดีบ้างหรือยัง หรือว่าเจ็บตรงไหนมากไหมครับ” น้ำเสียงนุ่มนวลบ่งบอกถึงความห่วงใยถามฉันพร้อมส่งยิ้มหวานเผยให้เห็นลักยิ้มข้างแก้ม รอยยิ้มนั้นทำให้ใจฉันแช่มชื่นมันเป็นรอยยิ้มที่สดใสเหมือนรอยยิ้มเด็กน้อย
“คุณเป็นใครคะ แล้วฉันเป็นอย่างนี้ได้อย่างไง”
“ผมเจอคุณสลบอยู่ข้างทาง จึงพาคุณมาที่นี่ครับ”
“คุณพอจะจำได้ไหมครับ ว่าใครทำร้ายคุณผมจะได้แจ้งตำรวจให้”
จริงสิ ฉันโดนทำร้ายมา ใครเป็นคนทำร้ายฉัน คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก คิดไม่ออกแม้กระทั่งชื่อตัวเอง ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว แทบจะระเบิดออกมา ในหัวสมองฉันมีแต่ความว่างเปล่า ฉันความจำเสื่อมหรือนี่
“โอ๊ย…” มือทั้งสองข้างกุมที่หัวมันเจ็บทรมานเจียนตาย เมื่อพยายามนึกถึงอดีต
“ใจเย็นๆนะครับคุณ” หมอพูดกับฉัน พร้อมทั้งพยาบาลจับล๊อคตัวฉันไว้ เมื่อฉันดิ้นทุรนทะรายด้วยความเจ็บปวด จากนั้นฉันก็กรี๊ดร้องสุดเสียงแล้วสลบไป
ที่ห้องตรวจคนไข้ หมอเจ้าของไข้กำลังคุยกับชายหนุ่มผู้สวมแว่นคนนั้น
“เธอเป็นอะไรครับหมอ เธอความจำเสื่อมหรือครับ” ชายหนุ่มผู้สวมแว่นถามหมอด้วยน้ำเสียงกังวน
“จากผลการสแกนสมอง ไม่พบความผิดปกติใดๆ บาดแผลที่โดนทำร้ายมาไม่น่าเป็นห่วง เธออาจจะความจำเสื่อมชั่วขณะก็ได้ หรือไม่ก็เกิดจากภาวะจิตใจ ที่เธออยากลืมเรื่องราวที่ผ่านมา หมอสันนิฐานว่าที่เธอจำไม่ได้ เพราะเธอไม่อยากจดจำมากกว่า อย่างไรเสียหมอก็ขอตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง”
ได้ฟังดังนั้น สีหน้าของชายหนุ่มก็วิตกกังวลเป็นอย่างมาก เขาไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี ถ้าเธอความจำเสื่อม เธอก็จะจำไม่ได้ว่าใครเป็นคนทำร้ายเธอ แล้วคนร้ายก็ยังลอยนวลอยู่ต่อไป
“ถ้าทางร่างกายไม่มีอะไรผิดปกติ ก็คงมีผลมาจากสภาพจิตใจ หมอว่าคุณคงดูแล ฟื้นฝูสภาพจิตใจเธอได้ คุณเป็นนักจิตวิทยาไม่ใช่หรือ”
“ครับ ผมทำงานกับมูลนิธิจิตวิทยา”
“เธอก็ต้องอยู่ที่นี้ รักษาบาดแผลภายนอก และก็ทำกายภาพบำบัด ก็ค่อยๆฟื้นความทรงจำเธอไปละกัน”
ใช่ ฉันต้องอยู่โรงพยาบาลอีกนานเหมือนกัน ตอนนี้ผ่านไป 3 สัปดาห์แล้ว แผลที่ตามตัว หัว แล้วก็ขาก็ค่อยๆดีขึ้น ฉันเริ่มเดินไปคล่องขึ้น อีก1-2 สัปดาห์ก็คงหายเป็นปกติ แต่ ฉันยังจำอะไรไม่ได้เลย ไม่แม้แต่ชื่อตัวเอง ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ผู้ชายที่ช่วยชีวิตฉันมาดูแลฉันอย่างดี เขาชื่อ “ปกป้อง” ฟังจากชื่อฉันก็น่าจะอยู่ในความดูแลเขาได้ เขาเป็นมิตร อบอุ่น และทำให้ฉันคลายความหวาดกลัวลง ในเวลาแบบนี้มาเจอคนแบบเขามันคงเป็นโชคดีของฉัน แต่มันจะโชคดีกว่านี้ถ้าฉันจำเรื่องราวทุกอย่างได้ ทุกครั้งที่พยายามคิดแม้จะมีภาพแว๊บผ่านเข้ามาในหัว ฉันก็นึกไม่ออกว่ามันคืออะไร ยิ่งคิดก็ยิ่งทรมาน ภาพๆนั้นเป็นภาพที่ฉันกำลังเล่านิทานให้เด็กผู้ชายคนหนึ่งฟัง มือฉันลูบหัวน้อยๆ พร้อมก้มลงประทับรอยจูบที่หน้าผากนั้น มันเป็นภาพที่อยู่ในความทรงจำเดียวของฉัน เด็กคนนั้นคือใครกัน เด็กคนที่ฉันรู้สึกคิดถึงเขาเหลือเกิน
“พ่อครับ เมื่อไรแม่จะกลับมาครับ พุต คิดถึงแม่อยากให้แม่เล่านิทานให้ฟังครับ” เสียงเด็กน้อยวัย 4 ขวบ ถามพ่อของเขา หลังจากที่แม่เขาหายไปเกือบเดือน
“แม่ไปธุระ เดี๋ยวก็กลับแล้วครับ” นี้เป็นครั้งแรกที่เขาโกหกลูก และหวังว่าจะเป็นการโกหกครั้งสุดท้าย
อย่างไงก็ต้องตามหาพิมพ์ ภรรยาของเขาให้เจอ ถึงจะไม่ได้ข่าวความคืบหน้าใดๆจากทางตำรวจ หรือนักสืบ เขาก็หวังว่าพิมพ์คงอยู่ที่ไหนสักแห่งอย่างปลอดภัย เขากับพิมพ์แต่งงานกันได้ 6 ปี หลังจากที่คบกันตั้งแต่สมัยเรียน พิมพ์เป็นคนที่อยู่เคียงข้างเขาตลอดไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข พิมพ์เป็นคนน่ารัก ใบหน้าสวยพิศ รูปร่างเล็ก ดูแล้วน่าทะนุทะนอม แต่จริงๆแล้วพิมพ์เข้มแข็งมาก เขาต่อสู้มาคนเดียวเพราะสูญเสียพ่อกับแม่จากอุบัติเหตุรถยนต์ตั้งแต่พิมพ์ยังเด็ก พิมพ์ต้องทำงานเพื่อส่งตัวเองเรียน ถึงแม้จะมีป้าของเขาที่รับหน้าที่ดูแล แต่ทุกคนก็มีภาระกันทั้งนั้น ถึงจะสูญเสียครอบครัวเธอก็ยังยิ้มได้ และเป็นกำลังใจให้เขาต่อสู้มาเสมอ เราสองคนแทบจะไม่มีเรื่องทะเลาะกันเลย จะมีก็แต่ปัญหาความไม่ลงรอยในการเลี้ยงลูก แล้วสาเหตุอะไรถึงทำให้พิมพ์หายออกจากบ้านไป
ย้อนไปเหตุการณ์วันที่พิมพ์หายออกจากบ้าน
“นั้นผมไปรอที่ห้องนะ” เขาบอกกับพิมพ์หลังจากที่ตกลงจะไปดูหนังที่ห้องโฮมเธียเตอร์ พิมพ์ขอตัวไปดูลูกก่อนแล้วจะตามไป เขาไปที่ห้องดูหนัง หยิบแผ่นหนังใส่ในเครื่อง เปิดดูพลางๆเพื่อรอพิมพ์ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
“อ้าว.. ตั้มเองหรือมีธุระอะไรหรือเปล่าถึงโทรมาป่านนี้”
“จริงซิ แล้วตั้มจะกลับมาเมื่อไร อีก 3 วันหรือ นั้นพี่จะให้คนจัดห้องไว้ให้นะ”
“อ๋อ.. ได้ซิ เอกสารของแม่ใช่ไหม ไม่แน่ใจว่าอยู่ที่ห้องทำงานพี่หรือเปล่า เดี๋ยวพี่ไปดูให้นะ”
เขาพูดโทรศัพท์พลางเดินไปที่ห้องทำงานเพื่อหาเอกสาร หลักจากหาเอกสารอยู่สักครู่ใหญ่
“เจอแล้วตั้ม จะเอาเอกสารของพ่อด้วยหรือเปล่า”
“ได้ นั้นพี่เอาไปให้วันที่ไปรับตั้มนะ”
ทั้งหมดเป็นคำสนทนาของเขากับปลายสาย
ตั้ม น้องชายของเขากำลังจะกลับมา เมื่อก่อนเขากับน้องชายสนิทกันมาก สนิทเหมือนคนๆเดียวกัน แต่หลังจากพ่อกับแม่เสียชีวิต ตั้มก็เริ่มไม่สบายจนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลและก็ไม่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้านอีกเลยจนวันนี้ที่ตั้มโทรมาบอกว่าหมออนุญาตให้เขากลับบ้านได้แล้ว เขาดีใจมาก จะได้อยู่พร้อมหน้ากันเสียที เขาต้องรีบไปบอกพิมพ์ พิมพ์ต้องดีใจแน่ๆ
เขาตรงไปที่ห้องโฮมเธียเตอร์ หน้าจอยังคงฉายหนังอยู่ แต่พิมพ์ไม่ได้อยู่ในห้อง เขารู้สึกผิดปกติ จึงรีบเปิดไฟ สภาพห้องเหมือนมีการต่อสู้กันขึ้น มีรอยคราบเลือดตามทางเดิน เขาหาพิมพ์จนทั่วห้องก็ไม่เจอ ไปหาที่ห้องลูก ห้องอื่นๆก็ไม่มี
“เกิดอะไรขึ้นกับพิมพ์กันแน่ ถ้าเกิดเหตุร้ายขึ้นกับพิมพ์ทำไมพิมพ์ถึงไม่ส่งเสียงร้อง หรือพิมพ์ร้องให้ช่วยแล้ว แต่เสียงฟ้าร้องดังจนกลบเสียงพิมพ์” (เขาคิดในใจ)
แล้ววันนี้ก็ไม่มีใครอยู่ที่บ้าน พวกคนงานกับคนรับใช้เหมารถไปเที่ยวงานที่ตัวจังหวัดกันหมด จะมีก็แต่ นวลจันทร์ สาวใช้พี่เลี้ยงน้องพุต เท่านั้น
“นวลๆเธอเห็นคุณพิมพ์ไหม” เขาเคาะประตูถามสาวใช้ด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“มีอะไรคะ คุณต้น”สาวใช้แง้มประตูโผล่แค่หน้าออกมา
“คุณพิมพ์ หายไป หาเท่าไรก็หาไม่เจอ เธอเห็นคุณพิมพ์บ้างหรือเปล่า”
“ไม่เห็นเลยคะ นวลอยู่ที่ห้องตลอด ไม่เห็นหรือได้ยินเสียงอะไรเลยคะ” สาวใช้ตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“นั้นเธอโทรบอกคนงานให้รีบกลับมา ฉันจะไปหาคุณพิมพ์ต่อ”เขาสั่งจบแล้วรีบวิ่งออกไป
“ได้ค่ะ”
“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจโล่งอกของสาวใช้ หลังจากเจ้านายกลับออกไป สภาพของเธอเปียกปอนที่เท้ามีรอยเปื้อนโคลน ใบหน้าเธอวิตกกังวล เหมือนซ่อนความลับอะไรบางอย่างไว้.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ