The sidekick : ขอโทษทีพอดีผมไม่ใช่ฮีโร่ ( yaoi )
-
เขียนโดย farm111
วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 20.40 น.
7 ตอน
1 วิจารณ์
8,760 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560 20.56 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) Mission 6 : ของหวานดีๆทำให้เรื่องวุ่นวายไม่ต่างอะไ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความMission 6 : ของหวานดีๆทำให้เรื่องวุ่นวายไม่ต่างอะไรกับลมที่พัดผ่าน
ผมคิดว่าปกติผมก็เป็นคนที่เจริญอาหารดีอยู่หรอกนะ ก็ผมเป็นเด็กผู้ชายวัยกำลังโตธรรมดาๆ จะกินมากหน่อยมันก็ไม่แปลกอะไรจริงไหม ถึงพาสต้าที่ผมกำลังเขี่ยไปมาเส้นมันจะสุกไปสักนิด ซอสที่ราดมาจะมีน้ำมันมากไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นเมนูที่เลวร้ายอะไร ออกแนวจะเป็นอาหารแบบบ้านๆที่ทำกินกันทั่วไปด้วยซ้ำ...ถึงอย่างนั้นความอยากอาหารของผมตอนนี้มันก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ต่ำซะจนจับเด็กสามขวบที่ร้องงอแงไม่อยากกินข้าวมาป้อนข้าวจนหมดจานยังจะง่ายกว่าให้ผมกินพาสต้าพวกนี้อีกแค่คำเดียว ทำไมถึงเป็นงั้นนะเหรอ? ก็เพราะสายตาอาฆาตที่มาจากหลังเคาเตอร์นั่นนะสิ
“...เขาคิดจะจ้องเราไปถึงเมื่อไหร่กัน”
วิลเลี่ยมถามผมในขณะที่แอบเหลือบมองนายคนแปลกหน้าอยู่เป็นระยะๆ ให้ตายเถอะ ถ้าเทียบกันระหว่างผมกับเขา คนที่รู้จักนายคนแปลกหน้าดีกว่ามันน่าจะเป็นเขาไม่เหรอ พูดตามสามัญสำนึกขั้นพื้นฐานทั่วไปเลยนะ ระหว่างคนที่ถูกกักบริเวณด้วยกันยังไม่ถึงสองอาทิตย์ แถมพูดกันยังไม่เกินห้าประโยค กับคนที่แค่เห็นหน้าก็อยากจะฆ่ากันตาย ดูยังไงฝ่ายหลังก็น่าจะเป็นฝ่ายที่รู้จักกับนายคนแปลกหน้าดีกว่าจริงไหม
“ช่างเขา...กินต่อเถอะ”
ผมพยายามที่จะไม่สนสายตามาดร้ายนั่น แล้วมุ่งความสนใจทั้งหมดมาที่การพยายามจะม้วนเส้นพาสต้าให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อที่ผมจะได้บอกลาจากมื้ออาหารที่แสนอึดอัดสักที แต่ในขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ว่าเส้นที่ม้วนขึ้นมามันมากเกินไปไหม ผมควรจะพยายามกินเข้าไปในคำเดียว หรือปล่อยมันลงไปแล้วม้วนขึ้นมาใหม่ดี นายคนแปลกหน้าก็เดินมาหยุดอยู่ข้างโต๊ะของพวกผม
“พวกนายสุมหัวคุยอะไรกัน”
ผมมองนายคนแปลกหน้าที่กำลังทำสีหน้าเหมือนคนหงุดหงิดเต็มที่ และผมสาบานได้ว่าไม่ได้คิดไปเองว่ามือของหมอนั่นกำลังมีประกายไฟติดๆดับๆอยู่...จุดเดือดต่ำชะมัด หวังว่าผมคงไม่ถูกย่างสดกลางร้านอาหารหรอกนะ
“อัล ทำไมมายืนตรงนี้ละ”
ผู้หญิงร่างท้วม ค่อนข้างมีอายุคนหนึ่งเดินเข้ามาทักนายคนแปลกหน้าที่ยังคงจ้องพวกผมไม่วางตา เธอทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นพวกผม แต่ความประหลาดใจก็อยู่ไม่นานก่อนจะถูกแทนที่ด้วยความยินดี ผู้หญิงคนนั้นคลี่ยิ้มก่อนจะพูดกับพวกผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“พวกเธอ เป็นเพื่อนของอัลเหรอจ๊ะ...ฉันนึกว่าเขาจะเข้ากับใครไม่ได้ซะอีก แต่มีเพื่อนมาด้วย แบบนี้ฉันก็โล่งใจ”
“เจ้าพวกนี้ไม่ใช่เพื่อนของผมนะนาน่า”
ผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้วทำท่าครุ่นคิด เธอเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะยิ้มกว้างกว่าตอนที่เธอคิดว่านายคนแปลกหน้ามีเพื่อนซะอีก
“อ่า...แฟนหนุ่มของอัลสินะ ว่าแต่คนไหนกันละ บอกนาน่าหน่อยสิ”
แค่กๆ
วิลเลี่ยมกับผมสำลักน้ำลายขึ้นมาฉับพลันพร้อมกัน ถึงแม้ผมจะคิดว่าการมีเรื่องกับนายคนแปลกหน้าจะไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อชีวิตธรรมดาๆเท่าไหร่ก็เถอะ...แต่แฟนหนุ่มงั้นเหรอ แค่คิดก็สยองแล้ว ใครจะอยากเอาตัวเองไปอยู่ใกล้ระเบิดเพลิงเดินได้ที่จะระเบิดเมื่อไหร่ก็ไม่รู้จริงไหม
“ไม่ใช่!!! พวกนี้คือศัตรูต่างหาก อย่าเข้าใจผิดนะ”
“เอาเถอะ ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร ไหนๆเพื่อนๆก็มาทั้งทีนั่งคุยกับพวกเขาก่อนสักพักจะเป็นไรไป เดี๋ยวนาน่าจะเลี้ยงเจลาโต้ทุกคนเอง”
คุณยายคนนั้นพูดพร้อมกับดันตัวของนายคนแปลกหน้าให้นั่งลงข้างๆวิลเลี่ยมก่อนจะเดินเข้าไปในครัว...เอาเถอะ ดูยังไงถ้าคุณยายแกเข้าใจผิดจริง คนโดนเข้าใจผิดคงไม่ใช่ผมละนะ ก็แน่ละถ้าให้เลือกแฟนหนุ่มให้หลานชาย ระหว่างเด็กหนุ่มหน้าตาดี กับเด็กหนุ่มหน้าตาธรรมดา คำตอบมันก็เห็นๆกันอยู่
“พวกนายตั้งใจมาที่นี่เพื่อเยาะเย้ยฉันสินะ”
นายคนแปลกหน้าพูดเสียงเข้ม ดวงตาสีอำพันคู่นั้นหรี่ลงจนน่ากลัว เขากลัวจะโดนดูถูกเรื่องที่มาทำงานพิเศษเป็นบริกรในร้านอาหารงั้นเหรอ หรือกลัวจะโดนล้อที่ทำตัวหงอกับคุณยายกันแน่ จะเป็นอย่างไหนก็ช่างเถอะ ผมขอผลักปัญหาให้พ้นตัวก่อนแล้วกัน
“ฉันไม่เกี่ยว เขาพาฉันมา”
ผมพูดพร้อมชี้ไปที่วิลเลี่ยม ซึ่งเขาแก้ตัวเป็นพัลวันว่าไม่ได้ตั้งใจมันเป็นแค่ความบังเอิญ แต่เหมือนนายคนแปลกหน้าจะไม่ยอมเชื่อพวกเลยเถียงกันยกใหญ่ จนไม่สนใจตอนที่คุณยายยกถาดใส่ถ้วยเจลาโต้ออกมา
“แหม พวกเขาสนิทกันดีจังเลยนะจ๊ะ”
ผมกล่าวขอบคุณแล้วรับถ้วยเจลาโต้มาจากคุณยาย ก่อนจะมองคนที่เถียงกันจนไม่สนใจคนรอบข้างทั้งสอง...ถ้าปิดหูไม่ฟังเนื้อหาที่เถียงกันแล้วดูแต่ท่าทางก็เหมือนเพื่อนที่ค่อนข้างจะสนิทกันใช้ได้ละนะ
“...คงจะอย่างนั้นแหละครับ”
ผมตอบไปส่งๆ แล้วมาให้ความสนใจกับถ้วยเจลาโต้ที่อยู่เบื้องหน้าซึ่งดูเหมือนว่าผมจะได้รสช็อคโกแล็ต ผมลองตักขึ้นมาชิมก็รับรู้ได้ถึงรสชาติช็อคโกแล็ตเข้มข้น ไม่หวานมากหรือน้อยจนเกินไปเมื่อรวมกับเนื้อสัมผัสของไอศครีมนุ่มละมุน ความไม่อยากอาหารที่มีอยู่ก็หายไป...เอาเถอะถึงเสียงคนเถียงกันมันออกจะน่ารำคาญไปสักหน่อยแต่เจลาโต้อร่อยไม่เลวจะอยู่ต่อไปอีกสักพักก็ได้...แล้วยังไงถ้าสองคนนั้นมัวแต่เถียงกันจนลืมเจลาโต้แล้วละก็ผมขอรับไว้แทนแล้วกันนะ...ถึงชีวิตเจอเรื่องวุ่นวานเพิ่มขึ้นอีกนิด แต่ได้เจอของหวานดีๆเพิ่มอีกสักหน่อย เอาเป็นว่าวันนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรละนะ
TBC
ผมคิดว่าปกติผมก็เป็นคนที่เจริญอาหารดีอยู่หรอกนะ ก็ผมเป็นเด็กผู้ชายวัยกำลังโตธรรมดาๆ จะกินมากหน่อยมันก็ไม่แปลกอะไรจริงไหม ถึงพาสต้าที่ผมกำลังเขี่ยไปมาเส้นมันจะสุกไปสักนิด ซอสที่ราดมาจะมีน้ำมันมากไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นเมนูที่เลวร้ายอะไร ออกแนวจะเป็นอาหารแบบบ้านๆที่ทำกินกันทั่วไปด้วยซ้ำ...ถึงอย่างนั้นความอยากอาหารของผมตอนนี้มันก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ต่ำซะจนจับเด็กสามขวบที่ร้องงอแงไม่อยากกินข้าวมาป้อนข้าวจนหมดจานยังจะง่ายกว่าให้ผมกินพาสต้าพวกนี้อีกแค่คำเดียว ทำไมถึงเป็นงั้นนะเหรอ? ก็เพราะสายตาอาฆาตที่มาจากหลังเคาเตอร์นั่นนะสิ
“...เขาคิดจะจ้องเราไปถึงเมื่อไหร่กัน”
วิลเลี่ยมถามผมในขณะที่แอบเหลือบมองนายคนแปลกหน้าอยู่เป็นระยะๆ ให้ตายเถอะ ถ้าเทียบกันระหว่างผมกับเขา คนที่รู้จักนายคนแปลกหน้าดีกว่ามันน่าจะเป็นเขาไม่เหรอ พูดตามสามัญสำนึกขั้นพื้นฐานทั่วไปเลยนะ ระหว่างคนที่ถูกกักบริเวณด้วยกันยังไม่ถึงสองอาทิตย์ แถมพูดกันยังไม่เกินห้าประโยค กับคนที่แค่เห็นหน้าก็อยากจะฆ่ากันตาย ดูยังไงฝ่ายหลังก็น่าจะเป็นฝ่ายที่รู้จักกับนายคนแปลกหน้าดีกว่าจริงไหม
“ช่างเขา...กินต่อเถอะ”
ผมพยายามที่จะไม่สนสายตามาดร้ายนั่น แล้วมุ่งความสนใจทั้งหมดมาที่การพยายามจะม้วนเส้นพาสต้าให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อที่ผมจะได้บอกลาจากมื้ออาหารที่แสนอึดอัดสักที แต่ในขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ว่าเส้นที่ม้วนขึ้นมามันมากเกินไปไหม ผมควรจะพยายามกินเข้าไปในคำเดียว หรือปล่อยมันลงไปแล้วม้วนขึ้นมาใหม่ดี นายคนแปลกหน้าก็เดินมาหยุดอยู่ข้างโต๊ะของพวกผม
“พวกนายสุมหัวคุยอะไรกัน”
ผมมองนายคนแปลกหน้าที่กำลังทำสีหน้าเหมือนคนหงุดหงิดเต็มที่ และผมสาบานได้ว่าไม่ได้คิดไปเองว่ามือของหมอนั่นกำลังมีประกายไฟติดๆดับๆอยู่...จุดเดือดต่ำชะมัด หวังว่าผมคงไม่ถูกย่างสดกลางร้านอาหารหรอกนะ
“อัล ทำไมมายืนตรงนี้ละ”
ผู้หญิงร่างท้วม ค่อนข้างมีอายุคนหนึ่งเดินเข้ามาทักนายคนแปลกหน้าที่ยังคงจ้องพวกผมไม่วางตา เธอทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นพวกผม แต่ความประหลาดใจก็อยู่ไม่นานก่อนจะถูกแทนที่ด้วยความยินดี ผู้หญิงคนนั้นคลี่ยิ้มก่อนจะพูดกับพวกผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“พวกเธอ เป็นเพื่อนของอัลเหรอจ๊ะ...ฉันนึกว่าเขาจะเข้ากับใครไม่ได้ซะอีก แต่มีเพื่อนมาด้วย แบบนี้ฉันก็โล่งใจ”
“เจ้าพวกนี้ไม่ใช่เพื่อนของผมนะนาน่า”
ผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้วทำท่าครุ่นคิด เธอเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะยิ้มกว้างกว่าตอนที่เธอคิดว่านายคนแปลกหน้ามีเพื่อนซะอีก
“อ่า...แฟนหนุ่มของอัลสินะ ว่าแต่คนไหนกันละ บอกนาน่าหน่อยสิ”
แค่กๆ
วิลเลี่ยมกับผมสำลักน้ำลายขึ้นมาฉับพลันพร้อมกัน ถึงแม้ผมจะคิดว่าการมีเรื่องกับนายคนแปลกหน้าจะไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อชีวิตธรรมดาๆเท่าไหร่ก็เถอะ...แต่แฟนหนุ่มงั้นเหรอ แค่คิดก็สยองแล้ว ใครจะอยากเอาตัวเองไปอยู่ใกล้ระเบิดเพลิงเดินได้ที่จะระเบิดเมื่อไหร่ก็ไม่รู้จริงไหม
“ไม่ใช่!!! พวกนี้คือศัตรูต่างหาก อย่าเข้าใจผิดนะ”
“เอาเถอะ ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร ไหนๆเพื่อนๆก็มาทั้งทีนั่งคุยกับพวกเขาก่อนสักพักจะเป็นไรไป เดี๋ยวนาน่าจะเลี้ยงเจลาโต้ทุกคนเอง”
คุณยายคนนั้นพูดพร้อมกับดันตัวของนายคนแปลกหน้าให้นั่งลงข้างๆวิลเลี่ยมก่อนจะเดินเข้าไปในครัว...เอาเถอะ ดูยังไงถ้าคุณยายแกเข้าใจผิดจริง คนโดนเข้าใจผิดคงไม่ใช่ผมละนะ ก็แน่ละถ้าให้เลือกแฟนหนุ่มให้หลานชาย ระหว่างเด็กหนุ่มหน้าตาดี กับเด็กหนุ่มหน้าตาธรรมดา คำตอบมันก็เห็นๆกันอยู่
“พวกนายตั้งใจมาที่นี่เพื่อเยาะเย้ยฉันสินะ”
นายคนแปลกหน้าพูดเสียงเข้ม ดวงตาสีอำพันคู่นั้นหรี่ลงจนน่ากลัว เขากลัวจะโดนดูถูกเรื่องที่มาทำงานพิเศษเป็นบริกรในร้านอาหารงั้นเหรอ หรือกลัวจะโดนล้อที่ทำตัวหงอกับคุณยายกันแน่ จะเป็นอย่างไหนก็ช่างเถอะ ผมขอผลักปัญหาให้พ้นตัวก่อนแล้วกัน
“ฉันไม่เกี่ยว เขาพาฉันมา”
ผมพูดพร้อมชี้ไปที่วิลเลี่ยม ซึ่งเขาแก้ตัวเป็นพัลวันว่าไม่ได้ตั้งใจมันเป็นแค่ความบังเอิญ แต่เหมือนนายคนแปลกหน้าจะไม่ยอมเชื่อพวกเลยเถียงกันยกใหญ่ จนไม่สนใจตอนที่คุณยายยกถาดใส่ถ้วยเจลาโต้ออกมา
“แหม พวกเขาสนิทกันดีจังเลยนะจ๊ะ”
ผมกล่าวขอบคุณแล้วรับถ้วยเจลาโต้มาจากคุณยาย ก่อนจะมองคนที่เถียงกันจนไม่สนใจคนรอบข้างทั้งสอง...ถ้าปิดหูไม่ฟังเนื้อหาที่เถียงกันแล้วดูแต่ท่าทางก็เหมือนเพื่อนที่ค่อนข้างจะสนิทกันใช้ได้ละนะ
“...คงจะอย่างนั้นแหละครับ”
ผมตอบไปส่งๆ แล้วมาให้ความสนใจกับถ้วยเจลาโต้ที่อยู่เบื้องหน้าซึ่งดูเหมือนว่าผมจะได้รสช็อคโกแล็ต ผมลองตักขึ้นมาชิมก็รับรู้ได้ถึงรสชาติช็อคโกแล็ตเข้มข้น ไม่หวานมากหรือน้อยจนเกินไปเมื่อรวมกับเนื้อสัมผัสของไอศครีมนุ่มละมุน ความไม่อยากอาหารที่มีอยู่ก็หายไป...เอาเถอะถึงเสียงคนเถียงกันมันออกจะน่ารำคาญไปสักหน่อยแต่เจลาโต้อร่อยไม่เลวจะอยู่ต่อไปอีกสักพักก็ได้...แล้วยังไงถ้าสองคนนั้นมัวแต่เถียงกันจนลืมเจลาโต้แล้วละก็ผมขอรับไว้แทนแล้วกันนะ...ถึงชีวิตเจอเรื่องวุ่นวานเพิ่มขึ้นอีกนิด แต่ได้เจอของหวานดีๆเพิ่มอีกสักหน่อย เอาเป็นว่าวันนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรละนะ
TBC
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ