T AND ANGEL นักศึกษาฝึกรักกับไอ้หนุ่มมืดมน

-

เขียนโดย shotaro

วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 01.31 น.

  2 ตอน
  0 วิจารณ์
  4,200 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2560 01.54 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) EP 2: พี่น้องรหัส

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 EP 2: พี่น้องรหัส
            ‘นางฟ้าตัวน้อย’ นั่นเป็นคำที่แม่ใช้เรียกฉันและมันก็เป็นชื่อของฉันเช่นกันค่ะ ฉันรักชื่อแองเจิ้ลที่พ่อกับแม่ช่วยกันตั้ง เพราะมันหมายถึงความรักที่ฉันจะมอบให้กับคนอื่นๆ
            ตอนนี้ฉันเป็นนักศึกษาปีหนึ่งอาศัยอยู่ในห้องพักเล็กๆ ข้างห้างสรรพสินค้าใกล้มหาวิทยาลัย และกำลังปวดหัวอยู่กับกองจดหมายที่ต้องเขียนหาพี่รหัสทั้งหกคนค่ะ พี่รหัสของฉันเยอะมากจนไม่รู้จะเยอะไปไหน ปีสอง 2 คน ปีสาม 1 คน ปีสี่ 1 คน แถมพี่ที่เรียนจบไปแล้วอีก 2 คน และฉันต้องเขียนหาพี่ๆ ทุกวันเลยแหละค่ะ
            “อืม...คิดไม่ออกแล้วอ้า” ฉันเทตัวลงบนโต๊ะแล้วมองดูจดหมายที่ได้รับตอบกลับมาจากรุ่นพี่
            “แกยังโชคดีย่ะแอง ของฉันยังต้องเขียนอีกเก้าฉบับ” คนที่ทักคือรูมเมทของฉันเองค่ะ เธอชื่อนิสาเป็นผู้หญิงเท่ๆ รูปร่างผอมเพรียวหุ่นดีมากเลยค่ะ แต่ข้อเสียของเธอก็คงจะเป็นเรื่องชอบแย่งของกินของฉันนี่แหละ
            “ทำไม ทำไมต้องเป็นจดหมายกันน้า” ฉันเริ่มพึมพำออกมาก่อนจะหยิบซองจดหมายบนสุดซึ่งเป็นของพี่รหัสปีสามแล้วยื่นให้นิสาดู “นี่แกได้อ่านจดหมายตอบกลับของพี่รหัสปีสามฉันรึยัง”
            “จะอ่านทำไมก็รู้ว่าทุกครั้งเขาจะตอบกลับมาแค่สองประโยคนี่นา” ยัยนิสานั่งเขียนจดหมายของตัวเองต่อไม่ได้สนใจจดหมายฉันเลยสักนิด
            “ฮือฮือ”
            “ร้องไห้อีกแล้วเหรอยะ”
            “แก ฉันมันไม่ดีเหรอทำไมพี่เขาตอบมาแค่นี้ล่ะ อุตส่าห์ทั้งใจทำตามกฎพี่ๆ สั่งอะไรก็ทำหมดแท้ๆ เขียนจดหมายก็ยาว ทำไมพี่เขาถึงตอบฉันแค่นี้อ่า”
            นิสาเอามือมาลูบหลังฉันเบาๆ ฉันชอบฝ่ามือของเธอมากมันทั้งอบอุ่นและให้กำลังใจฉันได้ “พี่เขาอาจไม่ว่างก็ได้ คิดมากไปแล้วแก ดูบนโต๊ะดิพี่เขาก็ให้เค้กแกไม่ใช่เหรอ แถมของแพงด้วยนะจากร้านมูนบัคเลยนะเว้ย”
            ฮือๆ ซิกๆ ฉันเช็ดน้ำตาที่ไหลจนหยุดแล้วมองไปยังถุงบนโต๊ะ อย่างที่นิสาว่าแหละค่ะพี่รหัสปีสามของฉันถึงเขาจะตอบจดหมายที่ละสองประโยคแต่ของที่เขาซื้อมาให้ฉันกินก็มีแต่ของแพงๆ ทั้งนั้น แต่น่าโมโหที่ส่งมาให้กินแต่เค้กนี่แหละค่ะ
            “พี่เขาส่งมาแต่เค้กอีกแล้วทั้งที่ฉันก็เขียนบอกไปแล้วนะว่าอยากกินอย่างอื่นบ้าง” น้ำตาของฉันมันเริ่มจะไหลอีกแล้ว ก็มันน่าเจ็บใจไหมล่ะคะ เขียนไปด้วยใจแต่กลับเหมือนถูกเขี่ยๆ ตอบกลับมา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอ่านจริงรึเปล่า
            “อย่าสนใจเลยแกรีบๆ เขียนๆ ให้เสร็จ ยังต้องอ่านหนังสืออีก”
            “อื้ม”

 
            วันเฉลยพี่รหัสในห้องเรียนที่รุ่นพี่ยืมใช้ทำกิจกรรม ฉันกำลังลุ้นอยู่ว่ารุ่นพี่ของฉันจะเป็นใครและใช่คนที่ฉันสนิทด้วยรึเปล่า ความจริงส่วนใหญ่เพื่อนๆ จะตื่นเต้นกับรุ่นพี่ปีสองมากๆ แต่ฉันกลับสนใจในรุ่นพี่ปีสามเป็นพิเศษเพราะฉันอยากรู้เหลือเกินว่าใครเป็นคนที่ส่งจดหมายมาแค่วันละสองประโยคและซื้อมาให้แต่เค้ก
            “เอาแหละค่ะน้องๆ หลังจากนี้พี่จะให้น้องๆ ผูกผ้าปิดตานะคะ แล้วพี่รหัสปีสองจะมาพาน้องๆ ไปหารุ่นพี่ปีอื่นๆ ค่ะ” พี่เอิงซึ่งเป็นพิธีกรให้กับงานพูดขึ้นก่อนที่จะมีรุ่นพี่ผูกผ้าปิดตาให้ฉัน ทุกอย่างมืดไปหมดใจมันเต้นระรัวฉันกลัวเหลือเกินว่ารุ่นพี่จะไม่ชอบฉัน “เอาล่ะค่ะทีนี้พวกพี่ๆ ปีสองจะเข้าไปพาน้องออกมานะคะ”
            ท่ามกลางความมืดนั้นมือของฉันสัมผัสกับผิวอันเนียนนุ่มของใครบางคนแล้วถูกดึงไปตามทางที่คราคล่ำไปด้วยผู้คน มีหลายครั้งที่ฉันเผลอไปเดินชนเข้ากับคนอื่นจนกระทั่งผ้าผืนที่พันธนาการตาของฉันถูกปลดออก
            กรี้ด!!! เบื้องหน้าของฉันคือพี่เอิง เธอเป็นพี่รหัสของฉันเหรอเนี่ย สำหรับฉันแล้วไม่มีใครเข้าใกล้คำว่าไอดอลสาวได้มากไปกว่าเอิงอีกแล้ว เธอทั้งสวยและกล้าหาญแถมยังใจดีอีกด้วยตอนที่ฉันมีปัญหาในการรับน้องก็เคยได้พี่เขาคอยปรึกษาอยู่บ้าง ฉันดีใจสุดๆ เลยล่ะค่ะ
            “พี่เอิง!!” ฉันโผเข้ากอดรุ่นพี่สุดที่รักในทันที และเธอเองก็ลูบหลังฉันเบาๆ 
            “ใจเย็นก่อนจ้าน้องแองเจิ้ล อันนี้เดี๋ยวพี่แนะนำพี่ๆ ให้นะ”
            “ค่ะ” ฉันคลายอ้อมกอดออกแล้วกวาดตามองพี่ๆ รหัสที่อยู่เบื้องหน้า ซึ่งพี่รหัสปีสองของฉันมีพี่เอิงกับพี่ยุนซึ่งฉันรู้จักอยู่แล้ว
            “คนนี้เป็นพี่รหัสปีสี่ชื่อพี่พลอย พี่พลอยอยู่ฝ่ายศิลป์ของคณะ แองเองก็อยู่ฝ่ายนี้ด้วยใช่ไหมจ้ะ” ฉันเคยได้คุยกับพี่พลอยมาก่อนครั้งหนึ่งตอนทำงานกับฝ่ายศิลป์ ฝ่ายศิลป์นั้นมีหน้าที่หลากหลายตั้งแต่ทำฉากไปจนถึงขนย้ายอุปกรณ์ ฉันที่ถนัดวาดรูปจึงชอบงานๆ นี้มาก
            “ส่วนพี่ที่หล่อๆ คนนั้นชื่อพี่สน พี่เขาเรียนจบไปแล้วจ้า” พี่สนเป็นคนรูปร่างสูงสมกับชื่อเลยค่ะ การแต่งกายก็ดูเป็นพนักงานบริษัทที่มีระดับหน่อยตั้งแต่ชุดสูทไปจนถึงรองเท้าหนัง
            “ชมเกินไปแล้วเอิง” พี่สนเองก็หน้าตาดีเหมือนกันนะเนี่ย เขามองมาทางฉันแล้วยิ้มให้ด้วยแหละเขินจัง จะว่าไปในจดหมายพี่เขาก็บอกว่ายังโสดอยู่ด้วยนี่นะ
            “ส่วนคนนี้ชื่อพี่” พี่เอิงผายมือไปทางพี่ผู้หญิงอีกคนที่แต่งตัวทันสมัยหน่อยๆ ตั้งแต่เสื้อยืดไปจนกางเกงยีนขาสั้นกับรองเท้าสนสูงแบรนเนม ซึ่งเธอเดินเข้ามาหาฉันเองในระหว่างพี่เอิงกำลังแนะนำ
            “เดี๋ยวพี่แนะนำเองเอิง” เธอพูดกับพี่เอิง หวา พี่คนนี้ดูดุจังแม้แต่ในจดหมายพี่รหัสผู้หญิงที่เรียนจบไปแล้วก็เหมือนจะชอบติฉันเรื่องภาษาที่ไม่มีความเคารพด้วยนี่นะ “พี่ชื่อปลายฝนนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะวันนี้อยากกินอะไรบอกได้เลยนะเดี๋ยวพี่สนเลี้ยง”
            “อ่าวไหงงั้นล่ะฝน” จู่พี่สนก็เข่าอ่อนทรุดลงกับมุขของพี่ปลายฝนซึ่งฉันว่ามันก็น่ารักดีนะ
            แต่มีอย่างหนึ่งที่ฉันเกิดสงสัยขึ้นมาจึงอดที่จะถามไม่ได้ “เอ่อ แล้วพี่รหัสปีสามล่ะคะ” แต่ไม่รู้ทำไมพอฉันเริ่มพูดถึงพี่รหัสปีสามทุกคนก็แสดงอาการแปลกออกไป เหมือนจะหยุดชะงักหรือถูกดึงอารมณ์ออกไปชั่วขณะ
            “เอ่อ พี่เขาไม่ค่อยว่างหรอกค่ะ” พี่เอิงอธิบายแต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดมากนักมันจึงยิ่งทำให้ฉันสงสัย
            “พี่เขาทำอะไรหรือคะ”
            ฉันเห็นพี่เอิงตะกุกตะกักก่อนที่พี่พลอยจะเดินเข้ามาลูบไหล่แล้วหันมาคุยกับฉันแทน “เอาไว้ไปคุยที่ร้านอาหารเนอะ” ฉันไม่ได้ค้านอะไร และตามพี่ๆ ไปยังร้านขายขนมหวานชื่อดังข้างๆ มหาวิทยาลัย
            ฉันนั่งลงที่ตรงข้ามกับพี่พลอยฉันอยากรู้ว่าพี่รหัสปีสามเป็นใครกันแน่ทำไมพวกพี่ๆ เลี่ยงที่จะเอ่ยถึง
          “พี่รหัสปีสามของน้องชื่อที” พี่พลอยเล่าด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยจนฉันรู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างกับฟังเรื่องผี
          “พี่ทีเหรอคะ”
          “ใช่จ้ะ พี่เขาเป็นคนแปลกๆ หน่อยนะ” พี่พลอยพยักหน้าแล้วหันไปสั่งพนักงาน “ขอนมสดเย็นค่ะ”
            “ก็คงจะแปลกจริงแหละค่ะ” ฉันกอดอกพูดด้วยความโมโห “แล้วทำไมพี่เขาถึงไม่มาด้วยล่ะคะ”
            “คือเรื่องนั้น...” พี่พลอยดูอึดอัดใจที่จะพูดมากๆ ฉันเลยไม่ได้เค้นถามต่อ แต่ดูเหมือนพี่ปลายฝนที่นั่งข้างๆ ฉันอ้าปากอ้ำอึ้งเหมือนจะอยากพูดแทนฉันจึงหันไปมองอย่างตั้งใจฟัง
            “พี่ปลายฝนรู้รึเปล่าคะ”
            “หึ รู้สิพี่รู้ดีเลยแหละ” เธอถอนหายใจออกแรงมาก ฉันเริ่มสงสัยแล้วว่ากำลังถามเรื่องที่ไม่ควรถามอยู่รึเปล่า แต่คนมันอยากรู้นี่นา
           พี่ปลายฝนเริ่มตอบอย่างใจเย็น “ทีน่ะสมัยปีหนึ่งเคยเป็นประธานเอก”
            “โห พี่รหัสปีสามหนูเป็นอดีตประธานเอกเลยเหรอคะ” ฉันภูมิใจมากเพราะตำแหน่งประธานเอกนั้นไม่ใช่ได้มาง่ายๆ เพราะต้องมาจากการเลือกโดยคนทั้งสาขาวิชาเอก และต้องทำงานอย่างหนักตลอดทั้งปี แม้จะเป็นอดีตแต่ฉันว่าพี่ทีคนนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
            “ใช่จ้ะ แต่ก็เพิ่งโดนปลดออกเมื่อปีที่แล้ว” พี่ปลายฝนเหมือนจะพูดด้วยความอึดอัดมากขึ้นผลัดกับถอนหายใจเบาๆ แต่ฉันก็ยังได้ยิน “จากนั้นเขาก็ไม่เข้าหาใครอีกเลย”
            “อ่าวทำไมโดนปลดล่ะคะ”
            คราวนี้พี่พลอยกลับมาตอบฉัน “เจ้าทีเขาไม่ทำตามกฎน่ะ ทำให้เพื่อนเดือดร้อนกันหมด เฮ้อ จริงๆ เลยนะ”

 
            จนถึงทุกวันนี้ฉันก็ยังไม่เคยเจอพี่ทีเลยสักครั้ง จะมีก็แต่รูปถ่ายหมู่ของพี่ปีสามเมื่อสมัยปีหนึ่งที่นิสาไปสืบค้นในแชทกลุ่มของสาขาวิชาเอกมาให้เท่านั้นฉันเลยได้เห็นหน้าตาของเขาเป็นครั้งแรก แต่มันก็ไม่ได้ชัดเจนเท่าไหร่ฉันรู้แค่ว่าเขารูปร่างปานกลาง หน้าตาจิ้มลิ้มแต่แววตาดูปรือๆ ไม่รู้ว่าสะลึมสะลือหรือว่าเศร้ากันแน่
            เช้าของวันพุธมันช่างสดใสถึงฉันไม่ได้ชอบการเรียนอะไรเป็นพิเศษแต่ก็มีความสุขกับเพื่อนๆ และครูอาจารย์ดีค่ะ  “โธ่ นิสาไม่ปลุกเราอีกแล้ว” ฉันมองไปบนเตียงเปล่าๆ ของรูมเมท---นิสา เธอชอบไปห้องเรียนก่อนถึงเวลาสามสิบนาทีผิดกับฉันที่เพราะอยากนอนให้เต็มอิ่มเลยชอบไปตรงเวลามากกว่า แต่มันก็น่างอนจริงๆ เอาไว้เย็นนี้ฉันจะซื้อเค้กมากินยั่วเธอเสียให้เข็ดเลย
            ฉันรีบเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งและลงมือแต่งหน้าบางๆ ฉันชอบลิปสติกสีชมพูมันดูเป็นธรรมชาติและทำให้ปากฉันเซ็กซี่ดีแม้แต่นิสาเองก็ชอบยืมของฉันใช้บ่อยๆ
            ฉันเดินไปตึกคณะซึ่งใช้เวลาประมาณยี่สิบนาที ระหว่างทางฉันชอบมองดูวิวรอบๆ ซึ่งเป็นตึกคณะต่างๆ มันทำให้ฉันรู้ว่านอกจากคณะมนุษยศาสตร์แล้วยังมีคณะอื่นๆ อีกตั้งมากมายทั้งศิลปกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และ การจัดการ          กริ๊ง! โทรศัพท์ดังขึ้นจากกระเป๋าสะพายฉันจึงหยิบออกมา อ๊ะ ตายแล้วจากพี่กันนี่นา
            “ฮัลโหลค่าพี่กันนี่” พี่กันเป็นรุ่นพี่ปีสามที่อยู่ฝ่ายศิลป์กับฉัน เธอเป็นเพศที่สามซึ่งวาดรูปเก่งมากและยังเป็นประธานฝ่ายด้วยค่ะ แต่ฉันเดาว่าโทรศัพท์สายนี้พี่เขาคงไม่ได้โทรมาชวนคุยเล่นแน่นอน
            “รับช้าจังเลยนะแม่คุณ เมื่อคืนไปไหนมาทำไมไม่รับสาย นี่เธอลืมไปแล้วเหรอยะว่ามีงาน” อ๊ะจริงด้วยเมื่อวานเป็นวันอังคารนี่นา ฉันต้องช่วยฝ่ายเตรียมสำหรับนิทรรศการที่จะมีคุณศุกร์หน้านี่นา
            “ขอโทษค่ะพี่กัน” ฉันเดินมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าคณะซึ่งคิวก็ยังลากยาวออกมาจากหน้าลิฟท์เช่นเคย
            “เธอนี่นะ นี่ยัยแองเจิ้ลฟังฉันนะยะคราวหลังจะมาไม่มาก็แจ้งด้วยขาดคนฝีมือดีอย่างเธอไปอีกคนงานมันก็ยิ่งช้า แถมฉันจะโดนพี่ปีสี่ด่าเอานะยะว่าไม่ใส่ใจรุ่นน้อง”
            “เอ่อ...ขอโทษนะคะ” ฉันรู้สึกผิดแต่ก็ไม่คิดอย่างนั้นเลยจริงๆ ฉันว่าพี่กันมีความสามารถกว่าฉันตั้งเยอะ อย่างฉันเนี่ยคงไม่ได้ฝีมือดีขนาดให้พี่เขาชมหรอก
            “แล้วก็นะงานที่ฉันให้ไปออกแบบฉากท้องนาที่พระเอกกับนางเอกพลอดรักกันน่ะ ลายเส้นเธอก็ดีอยู่หรอกแต่ใช้สีเข้มไปนะ” พี่กันเป็นคนปากจัดแต่สิ่งที่พี่เขาพูดล้วนจริงใจและเป็นประโยชน์ต่อฉันนั่นจึงไม่ใช่เหตุผลที่ฉันจะโกรธ
            “เอ่อ ขอโทษค่ะ” ใจเย็นไว้มอบความรักให้กับทุกคนนะแองเจิ้ล---ฉันพูดกับตัวเอง
            “ดีแล้วๆ วันนี้ก็มาด้วยนะ อย่าหายไปอีกล่ะยิ่งใกล้งานอยู่แล้วด้วย โอ้ยตาย เมื่อคืนฉันล่ะยุ่งมาก”
            “ขอโทษค่ะ”
            “ว่าไงครับ” ทันทีที่ฉันขอโทษรุ่นพี่จู่ๆ ผู้ชายร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างหน้าก็หันขวับมาอย่างรวดเร็วจนฉันตกใจเกือบหงายหลัง แต่พอมองดูดีๆ แล้วคนๆ นี้หน้าคุ้นแฮะ แต่ทำไมจู่ๆ เขาถึงหันมาทักฉันล่ะ
            แต่ไม่ทันที่ฉันจะถามอะไรเขาก็หันหน้ากลับไปซะเฉยๆ แต่หน้าตาเขาคุ้นๆ จริงๆ นะ อ๊ะ หรือว่า
            “นี่หลอนฟังฉันอยู่รึเปล่ายะ” เอ่อลืมไปเลยว่าคุยกับพี่กันอยู่ “ฟังนะถ้าขาดอีกละก็ออกจากฝ่ายได้เลยย่ะเข็มกลัดประจำคณะก็ไม่ต้องเอา”
          “ค่ะ ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ นะคะ” ฉันกดวางสายแล้วเก็บมันเข้ากระเป๋าสะพายทันที สายตาของฉันจับอยู่กับแผ่นหลังของผู้ชายคนเมื่อครู่ ฉันรู้สึกว่าต้องใช่เขาแน่ๆ “เอ่อ ขอโทษนะคะ” ฉันเริ่มเรียกเขา แต่ให้ตายเถอะทำไมเขาถึงยืนนิ่งไม่ยอมหันมานะ หนอยหรือว่าแกล้งทำเป็นไม่เห็นฉันงั้นเหรอ “เอ่อ ขอโทษนะคะ” คราวนี้ฉันเริ่มสะกิดไหล่ของเขาเบาๆ แต่ดูเหมือนเขาก็ยังนิ่งไม่สนใจฉันจึงเริ่มขึ้นเสียง “ขอโทษนะคะ!”
          “รำคาญโว้ย”
          อึก เขาตะคอกใส่ฉันแรงมาก นี่ฉันคงรบกวนเขามากสินะ ฉันคงถูกเขาเกลียดแล้วจริงๆ ทั้งที่อุตส่าห์อยากเจอมากแท้ๆ อะไรกันน้ำตานี่ฉันจะร้องไห้อีกแล้วเหรอ เขาจ้องฉันเขม็งราวกับโกรธเกลียดฉันเอามากๆ “ข...ขอโทษค่ะ” ตอนรับน้องฉันมักได้ยินรุ่นพี่พร่ำสอนเสมอว่าอย่าล้ำเส้นและควรให้ความเคารพไปไหนเจอก็ต้องไหว้ แต่เพราะฉันไม่ได้ไหว้พี่เขาเลยโกรธฉันรึเปล่านะ แต่ถึงจะไม่รู้ว่าใช่พี่รหัสของฉันรึเปล่าแต่ก็คิดว่าใช่แน่ๆ ฉันจึงโค้งให้กับเขา
           “ขอโทษจริงๆ ค่ะ”
          แต่เขากลับทำหน้าตาเอือมระอาขึ้นมาแทนซะอย่างนั้น “นี่เธอพูดเป็นคำเดียวรึไง”
          ฉันรู้สึกอุ่นใจขึ้นเยอะเมื่อได้ยินเสียงที่เขาตอบกลับมา มันเกือบจะทำให้ฉันเขินเพราะสำหรับฉันใบหน้าแบบนั้นมันช่างน่ารักราวกับนักร้องบอยแบนด์ที่ฉันติดมากๆ เอ๊ะ นี่ฉันคิดอะไรเนี่ย เขาเป็นพี่นะ
          “ขอโทษค่ะ เอ่อคือพี่ใช่พี่ทีรึเปล่าคะ” กรี้ด เคยเห็นแต่ในรูปแต่ตัวจริงพี่เขาหล่อมากเลยอ้า ถึงจะเหมือนมีรังสีทึมๆ อยู่ก็เถอะน้า
           “เธอเป็นใคร” ตอบแบบนี้แสดงว่าใช่แน่ๆ แถมดูพี่เขาเขินๆ ด้วย ฮุฮุ น่ารักดีจัง
            ฉันรู้สึกได้เลยว่าตัวเองกำลังยิ้มร่าอยู่ ในที่สุดก็ได้เจอสักทีพี่รหัสปีสามที่หายหน้าหายตาไปจากสาขาวิชาเอก “ใช่พี่จริงๆ ด้วย”
            “อ...อืม” ตอบมาแค่นี้อะนะ อย่างกับจดหมายไม่มีผิดถามคำตอบคำสุดๆ
            “นี่พี่ไม่รู้จักหนูจริงอะ” เป็นไปไม่ได้หรอกมั้งถ้าไม่เคยเห็นเราแล้วจะเอาขนมเค้กมาให้ได้ไง ถึงจะฝากเพื่อนๆ หรือพี่ปีสองมาให้ได้แต่ เขาก็น่าจะเคยผ่านๆ บ้างแหละ ฉันยื่นหน้าให้เขาดูชัดๆ หันให้ดูข้างซ้ายสลับขวาเกร็งจนเมื่อคอไปหมดแล้ว
            “ไม่รู้”
            “โธ่!!” ฉันเริ่มหมดความอดทนจึงก่อนอกแล้วทำหน้าบึ้งอย่างบึ้งที่สุด ฉันเจ็บและมันไม่น่าพอใจเอาซะเลย แต่เพราะเป็นนางฟ้าฉันจะยอมให้โอกาสเขาอีกสักหน่อยแล้วกันเพราะถ้าอ่านจดหมายพี่เขาก็น่าจะนึกออกบ้างสิ “หนูชื่อแองเจิ้ลค่ะ”
            “เหรอ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
            “ค่ะ ยินดีที่รู้จั....ไม่ใช่! โธ่ พี่ทีอะ” ฉันเกือบจะมือที่เขายื่นมาให้ซะแล้วถ้าไม่ติดที่ว่าฉันไม่ต้องการการทักทายแบบนี้ “หนูไม่รู้ด้วยแล้ว ไปนึกให้ออกเองเลย แบร่” ฉันล่ะโกรธเขาจริงๆ เป็นพี่รหัสภาษาอะไรไม่รู้จักดูหน้าตาน้องหรือจดจำชื่อบ้างเลย ฉันแลบลิ้นใส่เขาอย่างดูถูกแล้วเดินออกจากแถวในทันที วันนี้ฉันจะขึ้นบันไดและถ้าวันพรุ่งนี้เขายังจำฉันไม่ได้ละก็ ฉันก็จะขึ้นบันไดมันทุกวันเลย

 
            ผมเกลียดวันพฤหัสบดีเกลียดพอๆ กับวันพุธ อังคาร จันทร์ และศุกร์ ผมต้องมาเรียนทุกเก้าโมงเช้าจนบางครั้งก็อยากจะให้มันย้ายไปเรียนกลางคืนซะจริงๆ แถวที่ต่อยาวจากหน้าลิฟท์มันก็ไม่เคยสั้นลงเลยแม้จะเป็นเวลาก้ำกึ่งระหว่างคำว่าสายกับรอดตายฉิวเฉียดก็ตามที หืม ผมชอบคำว่า ‘ก็ตามที’ เพราะมันมีชื่อของผมอยู่ด้วย ประโยคนี้ทำให้รู้สึกได้ว่าผมเป็นผู้นำอย่างไรอย่างนั้น เอาน่ะก็ตามที
            “หึหึหึ” และผมก็หัวเราะให้มุขของตัวเองเช่นเคย
            “พี่ทีคะ” เสียงใสแจ๋วคุ้นหูมันกลับมาหาผมอีกครั้ง และมันก็มีอยู่คนเดียวในมหาวิทยาลัยที่จะเรียกผมด้วยน้ำเสียงสดใสขนาดนี้
            ผมหันไปหารุ่นน้องที่หน้าตาสะสวยแข่งกับดาวคณะ แต่มันก็ไม่ถึงกับทำให้ผมดีใจมากนักหรอกเพราะหล่อนชอบทำให้คนรอบข้างหันมามองผมอยู่เสมอ “มีอะไร”
            “จำหนูได้รึยังคะ” จะว่าจำได้ก็ไม่เชิงเพราะผมไม่เคยจำด้วยสิเอาเป็นว่าผมรู้แล้วละกัน แต่ผมจะไม่บอกให้หล่อนดีใจหรอกทำไมนะเหรอ ก็เพราะผมหมั่นไส้เธอไง คนอะไรมันจะร่าเริงได้ขนาดนั้น
            “จำไม่ได้” ผมตอบไปอย่างทื่อๆ แต่ดูมันจะรุ่นแรงมากสำหรับเธอ
            ฮึก ฮึก เสียงสะอื้นมันเริ่มมาแล้วและถ้าเดาไม่ผิดถัดจากนี้ไปเธอจะต้องปล่อยโฮออกมาและทุกคนก็คงจะมองมาเป็นแน่ เฮ้อ อะไรกันนักหนานะ เอาเป็นว่าผมอาจจะยอมพูดโดยไม่มองหน้าเธอแล้วกัน
          “จำไม่ได้หรอกเพราะฉันไม่เคยมีน้องรหัสน่ารักขนาดนี้”
EP 2 END.
โปรดติดตาม EP 3

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา