อสุรา ล่ารัก
เขียนโดย สามภพ
วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 01.59 น.
แก้ไขเมื่อ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560 02.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) อสุรา ล่ารัก ตอนที่ 2 ตั๊บๆๆๆๆ ตั๊บแก ฮ่าๆๆๆๆ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
อสุรา ล่ารัก
ตอนที่ 2 ตั๊บๆๆๆๆ ตั๊บแก ฮ่าๆๆๆๆ
ในที่สุดร้านก๋วยเตี๋ยวของผมก็เสร็จสมบูรณ์ วินาทีแรกที่เห็นมันเต็มตาบอกได้เลยครับว่างานนี้รวยแน่ๆ เพราะร้านผมมันสวยสะดุดตาจนใครๆ ก็เหลียวมอง ไหนจะไอ้ผู้ชายหน้าตาดีสองคนยืนแจกใบปลิว ฉลองเปิดร้านใหม่อยู่หน้าร้าน กับโปรโมชั่น ซื้อ1แถม1 มีคนมารุมมันสองคนเต็มไปหมดครับ ทั้งลูกเด็กเล็กแดง โดยเฉพาะ สาวๆ นี่ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ใส่พวกมันไม่หยุดหย่อน เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศผมเอาเครื่องเสียงออกมาเปิดเพลงมันๆ เป็นการเรียกลูกค้า และผลตอบรับมันก็ดีมากๆ ลูกค้าชมไม่ขาดปาก ว่าอร่อย ร้านสวย และไม่ร้อน ผมยืนยิ้มอยู่หน้าเตา รู้สึกดีจริงๆ ครับ หายเหนื่อยเลย
11.30น.
“เห้ย พวกมึง พักได้แล้ว มากินข้าวก่อน” ผมตะโกนเรียกไอ้เพื่อนรักสองคนนั้นเข้ามาในร้านที่เปิดแอร์เย็นๆ เอาน้ำชามะนาวเย็นๆ มาเสริฟให้พวกมัน ทันทีที่ตูดมันแตะเก้าอี้
“เหนื่อยเลยดิ อะกินน้ำกินท่าก่อน เดี๋ยวกูทำอะไรให้กิน” ผมรีบไปทำเย็นตาโฟให้พวกมันกิน
“ไม่หรอกกูแค่ยืนแจกใบปลิว” ปากบอกว่าไม่แต่ทำไมหน้ามึงบูดอย่างนั้นวะผมมองหน้าไอ้เขื่อนมันนิดๆ
“คึคึ ไม่เหนื่อยแต่เปลืองตัวฉิบหาย นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนบ้านมึงนะเพียวก็เตะเจาะยางไปละ ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ลวนลามพวกกูอยู่ได้” ไอ้ภูมันบอกขำๆ แถมยังทำท่าขยาดใส่ป้าอรอีก ฮ่าๆ
“นี่พวกมึงยังไม่ชินอีกเหรอวะ” ผมถามแล้วหัวเราะออกมากับวีรกรรมของมนุษย์ ป้าข้างบ้าน
“ชินห่าอะไร ไม่ลวนลามด้วยมือก็ลวนลามทางสายตา ดูสิมองพวกเราเหมือนจะกลืนลงท้อง หึ้ย ขนลุก” ไอ้เขื่อนทำท่าขนลุกพร้อมกับพยักหน้าไปทางหน้าร้าน ที่ป้าอรแกยืนคุยกับเพื่อนๆ ของแก นี่ก็คงไม่พ้นเรื่องร้านผมอีกนั่นแหละ
“เอ้ากินจะได้พัก ใบปลิวไม่ต้องแจกแล้ว ของกูจะหมดละ” ผมบอกพร้อมกับนั่งลงที่โต๊ะตัวเดียวกัน นั่งมองลูกค้าที่กำลังทานเย็นตาโฟฝีมือผมด้วยความเอร็ดอร่อย รู้สึกดีอะ ดีมากๆ ...
ผ่านพ้นไปได้หนึ่งวันเล่นเอาผมแทบจะสิ้นแรงดิ้นตาย สองคนนั้นอยู่ช่วยจนผมปิดร้านแล้วก็กลับไปเมื่อตอนทุ่มกว่าๆ มันบอกพรุ่งนี้จะมาช่วยใหม่จนกว่าผมจะหาลูกน้องได้ เกรงใจมันอยู่เหมือนกัน ไหนจะงานที่พวกมันต้องออกไปหาพักหลังๆ มานี่มันมาขลุกอยู่แต่กับผมเสียส่วนใหญ่ นั่งพักจนเหงื่อเริ่มแห้งก็ว่าจะไปอาบน้ำ หันไปมองนาฬิกา สองทุ่มกว่าแล้ว พรุ่งนี้ต้องรีบตื่นไปตลาดแต่เช้าอีก ผมเดินไปที่สวนหลังบ้านจำได้ว่าเอาผ้าไปตากไว้ตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ได้เก็บเลย เดินทะลุหลังบ้านไป ข้างรั้วที่ผมขึงลวดกับเสาไม้ไว้ทำราวตากผ้า เสื้อผ้าผมห้อยอยู่หลายตัว แต่มีบางตัวที่มันหายไป เสื้อยืดลายเป็ดสีเหลืองของผม หันไปมองรอบๆ บ้านก็ไม่มี ใครมันกล้าขโมยเสื้อเป็ดของผม!!!
หันไปหันมา สายตาก็สะดุดกับอะไรบางอย่าง ไอ้คุณปีมันก้มเก็บอะไรสักอย่างที่พื้น พอมันเงยหน้ามาเท่านั้นแหละ
“เสื้อกู!!! ” คือผมไม่ได้ตั้งใจจะเสียงดังนะแต่ว่ามันตกใจไง ไอ้คุณปีมันหันมามองหน้าผมนิดๆ แล้วทำหน้าเหมือนเห็นแมลงสาบอยู่ มันโยนเสื้อผมข้ามรั้วมาอัดหน้าผมเต็มๆ
“อย่าเอาของสกปรกมาใส่ไว้บ้านคนอื่น” น้ำเสียงมันนิ่งๆ เรียบเหมือนคนไร้อารมณ์ แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกว่ามันกำลังด่าผมอยู่
“ซักแล้วเหอะ ไม่ดมดูมั่งรึไง แล้วอีกอย่าง ผมจะไปรู้ได้ไงว่าเสื้อผมมันไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง ไม่ใช่ว่าคุณแอบสอยไปรึไง หึ เห็นแอบมองอยู่ตั้งนาน ชอบผมนะสิ” ครับพูดไปงั้นแหละยั่วโมโหมัน ลำคานสายตาคุณชายของมัน มองจิกเหมือนผมเป็นคนรับใช้บ้านมันอย่างไงอย่างนั้น
“ถ้าเรียนจบมาแล้วสมองคิดได้แค่นั้น แนะนำกลับไปเรียนชั้นปฐมใหม่ เผื่ออะไรๆ จะได้ดีขึ้น” พูดนิ่งแล้วหันหลังเดิน “อ่อ แล้วต่อไปก็ช่วยอย่าส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้านเขา มันน่ารำคาญรู้ไว้ซะด้วย” มันยังมีน่าหันหลังกลับมาด่าผมอีก ด่าที่เรียกว่าผมไม่ได้แทรกเลยให้ตายสิ เลือดขึ้นหน้าเลยครับ หัวไหม้แล้วตอนนี้ ไอ้มนุษย์ปากปีจอ เดี๋ยวเถอะมึง...
ผมส่งสายตาอาฆาตโกรธแรงมาก จนฟ้าร้องเสียงดัง เหมือนในหนัง เพราะอารมณ์ผมของผมมันส่งถึงสภาพอากาศบริเวณนั้นๆ ด้วยถ้าผมเศร้าฝนก็จะตก ถ้าผมโมโหฟ้าก็จะร้องถ้าผมอารมณ์อากาศก็จะดีตาม
“ไอ้คุณปี มึงๆ เจอกูแน่” ผมรีบเก็บผ้าเข้าบ้านไปอาบน้ำให้เย็นลง แล้วคิดแผนเอาคืนไอ้คุณชายหน้านิ่งนั่นทันทีจนหันไปเห็นตุ๊กแกเพื่อนรักที่เกาะอยู่ตรงต้นไม้นอกหน้าต่าง
“หึหึหึ ช่วยพี่หน่อยนะน้อง” ผมจับตุ๊กแกใส่ถุงกระดาษ แล้วยืนอยู่หน้าประตูห้องของตัวเอง แค่นึกว่าอยากไปที่ไหนแล้วเปิดประตูผมก็จะไปอยู่นะที่ๆ แห่งนั้นทันที นึกถึงห้องนอนไอ้คุณปีแล้วเปิดประตูเข้าไป
“เป็นระเบียบชะมัด” ผมอดที่จะแขวะออกมาไม่ได้นอกจากจะหล่อดูดี แถมยังเจ้าระเบียบ ผมมองไปรอบๆ ห้องที่ตกแต่งโทนขาวดำ ในห้องมีอะไรมาก นอกจากชั้นหนังสือ ทีวี ตู้เย็น แล้วก็โต๊ะทำงาน เตียงคิงไซต์ ผมเดินสำรวจไปทั่ว ห้องของเขามีรูปวาดมากมายตกแต่ง สวยๆ ทั้งนั้นแต่จะสะดุดตาก็คงจะเป็นรูปสีน้ำขนาดใหญ่บนหัวนอน มันเป็นรูปของเขาดูๆ แล้วก็เท่ดี แต่ผมไม่สนใจหรอกหยิบเอาตุ๊กแกในถุงเอาไปวางไว้บนที่นอนแล้วเอาผ้าห่มคลุมไว้
“ฝากไว้สักคืนนะครับคุณปีแล้วพรุ่งนี้ผมจะมาเอาคืน ก๊ากกก” หัวเราะไร้เสียงแล้วรีบเปิดประตูกลับมาที่บ้านตัวเอง ยืนรอตรงหน้าต่างฟังเสียงที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยความตื่นเต้น
5 นาทีผ่านไป
“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” เสียงกรีดร้องโหยหวน และหวาดกลัวของบ้านข้างๆ ดังพร้อมกับเพื่อนตีนเหนียวของผม
ตับๆๆๆๆๆๆๆๆ ตั๊บแก ตั๊บแก
“คึคึคึคึ ก๊ากกกกกกกกกกกกกกสมน้ำหน้า” ผมหัวเราะลั่นกับผลงานตัวเอง สบายใจละ อาบน้ำนอนดีกว่า
(ปี ทอร์ค)
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมไอ้สัตว์น่ากลัวพวกนี้ถึงมาอยู่ในห้องผม แถมอยู่บนเตียงของผมอีก ผมขยะแขยงสัตว์จำพวกเลื้อยคลาน แต่ที่เกลียดที่สุดคือแมลงสาบ แล้วมัน มันมาอยู่ในห้องของผมได้ยังไง ไอ้ตุ๊กแกนั่นมันจ้องผมตาเป็นมัน แถมแลบลิ้นเลียอีกให้ตายหัวใจผมหัวลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว ขาสั่นไปหมดเมื่อกี้ก็กรี๊ดลั่นจนแต๋วแตก เพราะความตกใจ
“อยู่ตรงนี้นิ่งๆ นะมึงอย่าขยับไปไหน” ผมบอกไอ้สัตว์ตัวร้าย ก่อนจะรีบวิ่งผ่านหน้ามันไปลงไปในครัวหากระป๋องเปล่าๆ กับกระดาษแข็ง ผมกับมันอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ และมันต้องเป็นฝ่ายไป ก่อนขึ้นบันไดผมเห็นตะกร้าหวายวางไว้เลยไปหยิบมาครอบหัวตัวเองแล้วเดินกลับไปที่ห้อง ไอ้ตุ๊กแกมันฟังคำสั่งผมดีมากมันนอนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน ผมค่อยๆ เดินอ้อมไปทางด้านหลังของมัน ดวงตาของมันหมุนตามผมอย่างช้าๆ
“จะมองทำไมหันไปทางนู้น” ผมว่ามันเสียงดัง ยืนทำใจอยู่พักก่อนจะรวบรวมความกล้า เอากระป๋องครอบมันแล้วใช้กระดาษแข็งซ้อนมันมา ตุ๊กแกมันดิ้น ผมรีบวิ่งไปทางหน้าต่าง โยนทั้งหมดออกไปทางนั้น แล้วยืนหอบหายใจด้วยความรู้สึกโล่ง
“ก๊ากกกกก สมน้ำหน้า” เสียงหัวเราะสะใจของใครบางดังขึ้นฝั่งตรงข้ามผม หน็อยไอ้เด็กบ้านี่มันคงจะเห็นหมดเลยสินะถึงได้หัวเราะเยาะผมแบบนั้น
ความจริงผมก็ไม่ได้อะไรกับเด็กมันมากนักหรอก แค่เห็นหน้ามันแล้วรู้สึกขัดลูกตา เป็นผู้ชายประสาอะไร หน้างี้หวานหยด ตาโตเหมือนผู้หญิง ไหนจะปากชมพูเล็กๆ ที่พูดมากจนน่ารำคาญ ยิ่งเวลามันพาเพื่อนมาบ้านนะ อย่าให้พูด เสียงดังโวยวาย ไม่รู้จะยิ้มจะหัวเราะอะไรนักหนา ทำผมเสียสมาธิในการทำงานหมด ผมอยากอยู่เงียบๆ สงบๆ ถึงไปหนีออกมาซื้อบ้านอยู่คนเดียวแบบนี้ แต่เมื่อแปดเดือนก่อน ตั้งแต่ได้หน้าอ่อนนี่มันย้ายเข้ามาใช้รั่วบ้านร่วมกับผมแล้ว ความสงบสุขผมก็หายไปทันที มันเป็นคนที่ทำอะไรเสียงดัง ถมยังซุ่มซ่าม ชอบออกมาแหกปากร้องเพลงข้างๆ บ้านผม มันรู้ไหมว่างานผมมันกองท่วมหัวต้องใช้สมาธิมากมายขนาดไหน ผมต้องมานั่งทนฟังเสียงร้องของมันที่เหมือนหมาฉี่ใส่สังกะสีฟังแล้วปวดหัว อยากจะรู้นักว่าทำไมพ่อแม่มันถึงได้ปล่อยลูกให้มาใช้ชีวิตคนเดียวแบบนี้ ผมส่ายหัวให้กับไอ้หน้าอ่อนที่เดินผิวปากเข้าห้องน้ำไป เห็นแล้วหมั่นไส้ อยากจะกระโดดถีบสักที ล้มตัวลงนอนบนที่นอนสะอาดๆ ของตัวเองแล้วหลับตาลง สูดหายใจลึกๆ ให้มันสงบและเรียกสติกลับมา พรุ่งนี้มีประชุมเช้าผมต้องรีบนอน ราตรีสวัสดิ์นะครับทุกคน
(จบพาทคุณปี)
การตื่นเช้าไปตลาดนี่มันเป็นอะไรที่ทรมานร่างกายของผมสุดๆ กว่าจะขุดร่างตัวเองจากที่นอนได้ก็เกือบจะตีห้า น้ำท่าไม่อาบแล้วแค่ล้างหน้าแปรงฟันพอ รีบลงมาด้านล่างคว้ากุญแจรถได้ก็รีบออกจากบ้านถอยรถออกมาทัน ขับไปถึงกลางซอย เห็นเงาตะคุ่มๆ ตัวสูงๆ วิ่งเหยาะๆ อยู่ ในระยะนี้ผมรู้เลยว่าใคร
ปิ้น บีบแตรใส่ จนอีกคนสะดุ้งแล้วก็รีบเร่งรถหนี หันไปมองกระจกหลัง ไอ้คุณปีมันยืนชี้แล้วด่าไล่หลังมา แหม่ ความหล่อนี่ไม่ได้เลี้ยงหมาในปากให้เชื่องเลย ผมหัวเราะขำกับท่าทีของเขา แล้วหันมาสนใจถนนต่อ พอมาถึงตลาดผมก็เลือกซื้อของสด พวกหมู หมึก กุ้งหอย ผักของสดต่างๆ ที่ต้องใช้ ขายวันต่อวันไม่ตุนของ หมดคือหมด เพราะลูกค้าจะได้กินแต่ของที่สดใหม่ทุกวัน กว่าจะซื้อของเสร็จฟ้าก็สว่างพอดี ขับรถกลับมาบ้าน ก็เห็นไอ้คุณชายแต่งตัวหล่อ ออกจากบ้านพอดีเขาใส่สูทเต็มยศในมือมีกระเป๋าเอกสาร มาดเหมือนนักธุรกิจ หล่อเนี๊ยบไปอีก ผมมองตามเขาอย่างไม่รู้ตัว จนรู้สึกว่าเขาก็มองผมตอบเช่นกัน แต่ไม่มองแบบหลงใหลนะ มองแบบ มึงมองเหี้ยอะไร มองแบบหาเรื่อง เขาแสยะยิ้มร้ายๆ มาให้ ก่อนจะใช้สายตาแบบเดิมที่เขาชอบมองผม แล้วขับรถออกไป
สงสัยผมกับเขาคงญาติดีกันไม่ได้แน่ๆ
หลายวันผ่านพ้นไปด้วยดีทั้งรายได้ของร้านแล้วก็ชีวิตผม ตอนนี้ผมหาลูกน้องได้แล้วนะครับเป็นเด็กพม่า หน้าตาดีคนหนึ่งมันชื่อ “ไว” มันพูดไทยได้แต่ฟังคำสั่งไม่ค่อยจะรู้เรื่องผมไปเจอมันโดนวัยรุ่นไล่ตีมาเลยช่วยไว้ มันบอกว่ามันทำงานอยู่ที่ก่อสร้างไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไหร่ ทำมาหลายที่หลายงานจนมาเจอกับผู้หญิงไทยคนหนึ่งแล้วชอบเขาแอบตามเขามา พอจีบได้และกำลังจะไปอยู่ด้วยกัน ผัวผู้หญิงคนนั้นดันมาตามเสียก่อนมันเลยโดนไล่ตีมา ผมสงสารมองๆ แล้วมันน่าจะไม่มีพิษมีภัยอะไร ให้มันกินอยู่ที่บ้านเลย ค่าแรงก็วันละ สองร้อย ถ้าวันไหนขายดีมีทิปให้ต่างหาก
ไอ้ไวเป็นเด็กขยันครับอายุสิบเก้า สั่งอะไรทำหมด แถมยังเป็นคนซื่อๆ ออกแนวบื้อนิดๆ ผมชอบแกล้งมันครับ แต่ไอ้ที่แกล้งหนักกว่าผมคือเขื่อน รายนั้นเห็นไอ้ไวเป็นไม่ได้ เข้าไปแหย่มันตลอดจนไอ้ไว กลัวที่จะอยู่ใกล้มันไปเลย
“ไว โต๊ะ เจ็ดเอาเสิร์ฟที” ผมส่งชามก๋วยเตี๋ยวให้ไวมันไปเสิร์ฟ
“ครับลูกพี่”
“เออ เสร็จแล้วเก็บโต๊ะ สามด้วยนะ เดี๋ยวกูไปเอาของในบ้านแปป” ผมสั่งมันไว้ ที่จริงมันก็เป็นงานอยู่แหละ แต่มันจะช้านิดๆ ผมเลยต้องกระตุ้นมัน เดินเข้ามาในบ้านหยิบเอาของนิดหน่อยแล้วก็ออกไปหน้าร้านเหมือนเดิม อ่อลืมบอกไปไอ้เขื่อนกับภูมันได้งานแล้วนะครับ เป็นวิศวะกรในบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งเงินเดือนมันสูงมาก ตามที่มันหวังเอาไว้ พวกมันจะแวะมาหาผมวันเว้นวันถ้าว่างอะนะ
บ่ายสามของก็หมดแล้ว รายได้ก็เป็นที่น่าพอใจคุ้มเหนื่อย ขายตั้งแต่สิบโมง ถามว่าเหนื่อยไหม เหนื่อยสิแต่มันก็สนุกดี
“ไว ไว เก็บร้านเลย เดี๋ยวพาไปเดินตลาดนัด” ผมบอกกับไวที่กำลังเช็ดพื้นร้านอยู่
“จริงเหรอลูกพี่ ผมกำลังอยากไปพอดี จะไปซื้อของ” ผมพยักหน้าแล้วช่วยมันเก็บร้าน เดินเอาถังใส่เงินไปทำบัญชีที่ศาลาข้างรั้วมุมโปรด วันนี้ขายได้ หกพันหักค่าแรง ทุน แล้วยังเหลืออีกตั้งเยอะผมแยกเงินที่ต้องซื้อวันพรุ่งนี้ไว้ต่างหากแล้วเอากำไรเก็บใส่กล่องจะเอาไปฝากธนาคารตอนออกไปตลาดนัดเปิดท้ายใกล้กับโครงการหมู่บ้าน
“เก็บเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านะไว”
“ครับลูกพี่” มันรับคำแล้ววิ่งไปที่ห้องของมันที่อยู่ชั้นล่าง ผมเองก็ขนของขึ้นห้องของผมไปอาบน้ำเหมือนกันเหม็นเหงื่อจะแย่ อาบน้ำแต่งตัวลงมาก็เจอไอ้ไวมันแต่งตัวหล่อประแป้งขาวเต็มหน้า เห็นแล้วก็ปล่อยก๊ากก ออกมา แล้วบอกให้มันไปล้างออก มันตลก
“โห่ พี่ หมดหล่อเลย” มันมองค้อนผมนิดๆ มันเอาส่วนไหนคิดว่าการปะแป้งขาวทั้งหน้าแล้วหล่อ
“ใครบอกมึงแบบนั้นห๊ะ ไอ้ไว”
“พ่อผมที่ย่างกุ้ง” แหม่ มั่นหน้ามากเลยนะมึง
“เหรอ เออ ฝากบอกพ่อมึงด้วยนะว่า อย่าสอนอะไรที่ผิดๆ กับมึงอีก” ผมส่ายหัวไปมากับสีหน้าเหนื่อยใจของมัน “ไปๆ ขึ้นรถ เดี๋ยวพาแว้น”
“ครับๆ” ไวมันเดินไปเปิดประตูรั้ว ผมเดินไปเอา ซูเมอร์ เอ็ก สีเหลืองออกมาแล้วขี่ไปรับไอ้ไวที่ยืนรอปิดประตูอยู่หน้าบ้าน ปิดล็อกเรียบร้อยก็กระโดดซ้อนท้ายทันที ผมพาแว้นไม่นานก็ถึงตลาด
“อยากกินอะไรวันนี้ป๊าเลี้ยงเต็มที่” ผมตบลงที่กระเป๋าสตางค์
“จริงนะพี่ พี่ไม่หักจากค่าแรงผมที่หลังแน่นะ” ผมถามพร้อมกับมองผมด้วยความไม่ไว้ใจ ไอ้นี่เห็นผมเป็นคนยังไงวะ
“จริงสิวะ เรื่องมาก จ่ายเองนะเว้ย” ผมแกล้งขู่ มันรีบกระโดดเกาะแขนผมทันที เห็นแล้วขำ ผมกับไอ้ไวเดินดุของด้วยความเพลิดเพลิน ตามประสา ซื้อนู้นซื้อนี่ ไอ้ไวมันเดินไปซื้อเสื้อยืดแบบสองตัวร้อยมาใส่ ซึ่งผมก็ออกให้ เห็นว่ามันขยันดีมันยกมือไหว้ผมใหญ่ ผมบอกไม่ต้องไหว้ หรอกแค่นี้เอง นี่ผมซื้อกางเกงยีนให้มันอีกตัวจะได้สลับกับตัวที่มันใส่อยู่เห็นใส่มาสี่วันละ ไม่รุ้ป่านี้ไข่มันเน่ารึยัง เดินจนเมื่อยเลยแวะร้านจิ้มจุ่มร้านดัง นั่งกินจนท้องจะแตก ก็พากันกลับบ้าน ขี่กลับแทบไม่ไหว ไอ้ไวมันอาสาจะขี่ให้ ไอ้ผมก็กลัวเจอด่านเลยไม่อยากเสี่ยง ขี่เองดีกว่า พอขี่มาเรื่อยๆ เห็นรถคันหรูคุ้นตาจอดเสียอยู่ ไอ้ไวมันจำได้
“พี่ๆ นั่นรถคุณปี ที่อยุ่ข้างบ้านเรานี่”
“เอออ แล้วไง ช่างมันดิ” ใครจะสนไอ้มนุษย์น่านิ่งแบบมันกัน
“จอดช่วยเขาไหมพี่ ผม ซ่อมรถเป็นนะ”
“ไม่ กุรีบ”
“โห่พี่น้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์อะ มีไหม ช่วยเขาเหอะ” เหอะ...พอดีกูไม่ใช่มนุษย์กูเป็นยักษ์
“ไม่” ผมปฏิเสธเสียงแข็ง
“น่าพี่ ช่วยเขาได้บุญนะ พี่ไม่ชอบเหรอบุญอะ” ไอ้นี่อ้างบุญอ้างบาปใส่กูอีก ผมกลอกตาบน อย่างจำยอม เพราะการช่วยเหลือมนุษย์มันเป็นกุศลอย่างหนึ่งที่ยักษ์พึงกระทำ ขี่เข้ามาใกล้เห็นไอ้คุณปีมันก้มๆ เงยๆ อยู่หน้ารถ สภาพนี่ดูไม่ได้เลย เสื้อเชิตสีขาวๆ ตอนนี้มีแต่คราบน้ำมัน หน้าหล่อๆ ของมันก็มีแต่เขม่าดำๆ ติดเต็มไปหมด เห็นแล้วก็ขำ ไอ้คุณปีมันหันมามองแล้วจ้องหน้าผมเขม็ง สงสัยขำดังไปหน่อย คึคึคึ
“คุณปี ผมช่วย ผมซ่อมเป็น” มันชั่งใจอยู่พักแล้วพยักหน้าอนุญาต ผมยกยิ้มมุมปากนิดๆ ใส่มัน เหมือนผู้ชนะ คือมันต้องพึ่งคนของผม พอนึกๆ ดูแล้วก็สะใจดี ผมนั่งดู เด็กพม่ามันซ่อมรถอยู่ที่มอเตอร์ไซของตัวเอง ไอ้ไวมันก้มเงยๆ จับนู้นจับนี่ ถอดอันนั้นอันนี้ เสร็จแล้วมันก็เดินไปสตาร์ทรถ
แกร็กๆๆๆ บลื่นนนน
“ติดแล้ว” ไอ้ไวยิ้มยิงฟันขาวๆ ใส่ไอ้หน้านิ่ง
“ขอบใจมากนะไว อะนี่ค่าตอบแทน” คุณปีส่งแบงก์ห้าร้อยให้ไอไวเป็นค่าตอบแทน
“หูยยยย ใจดีจัง ขอบคุณครับ” ไอ้ไวยกมือไหว้ด้วยความดีใจมันรีบเก็บเงินเข้ากระเป๋าทันที
“เสร็จแล้วก็ไปได้ละ ไอ้ลูกจ้าง แหม่ เห็นเงินเข้าหน่อยลืมนายจ้างอย่างกูเลยนะมึง ไปๆ อยู่แถวนี้แม่งอากาศเป็นพิษ” พูดแล้วจิกตาใส่ไอ้คนตัวสูง มันเองก็ไม่แพ้ผมนะครับ ส่งสายตาจิกๆ ตอบกลับมาด้วย สงสัยอยากนอนกับตุ๊กแกอีก ไอไวเห็นพวกผมพร้อมจะวางมวยกัน มันเลยกระโดดขึ้นรถแล้วเร่งให้ผมกลับทันที
“พี่นี่ก็จ้องแต่จะกัดเค้าเนอะ” มันว่าให้ผมหลังจากขี่เข้ามาในซอยหมู่บ้าน
“ไอ้นี่ ตกลงกูเป็นนายจ้างมึงหรือว่ามันกันแน่ห๊ะ” ผมตวาดใส่
“ก็ต้องพี่ดิ แต่ ผมสงสัยไง เค้าไปทำอะไรให้พี่เหรอ”
“ไม่รู้รู้แต่ว่ากูไม่ชอบขี้หน้ามัน มันหยิ่ง มันขี้เก๊ก ที่สำคัญแมร่งทำตัวลึกลับ”
“ไม่ใช่เขาหล่อกว่าพี่เหรอ รวยกว่า ด้วย” -*- วอนโดนตีนแล้วไหมล่ะ ไอ้พม่า
“ถ้ามึงพูดอีกคำเดียวกูจะขี่มอไซชนเสาไฟฟ้าให้ดู” ผมบิดคันเร่งขู่
“เห้ยพี่ไม่เอา ผมยังไม่ได้เมียไปฝากพ่อกับแม่เลย ไม่เอา” ไอ้ไวมันร้องเสียงหลง ผมหัวเราะเยาะมันออกมา
“ทีหลังมึงอย่าชมมันให้กูได้ยินอีก ไม่งั้นชะตามึงขาดแน่”
“คร๊าบบบ ลูกพี่คร๊าบบบ ไว ขอโทษษษษษษษษ” หึหึ ให้มันรู้ซะบ้างว่ายักษ์อย่างกูก็โหดเป็น
หลังจากขู่ไอ้ไวเรียบร้อยผมก็ใช้ให้มันเอาของเข้าไปเก็บ แล้วเดินมาที่สวน สำรวจดูรอบๆ บ้าน ว่ามีอะไรผิดแปลกไปรึเปล่า เดินไปสักพักเสียงรถของไอ้คนข้างบ้านก็แล่นเข้ามาจอด ผมมองแล้วเบะปากใส่ เหอะ รวยกว่าตรงไหน มาดูเงินในสมุดบัญชีผมไหม เยอะกว่าของมันอีก พูดแล้วก็หมั่นไส้ จับตุ๊กแกโยนใส่แมร่ง - -*
++++++++++++++++++++++++++++++++++
หวังว่าจะชอบ เม้นท์ ๆให้เค้าด้วยน้าาาาาาาา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ