[Lips's Blood Series] Charm Blood
8.0
เขียนโดย SunSpot
วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 14.35 น.
7 chapter
7 วิจารณ์
9,032 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 17.22 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) 재원Charm Blood 5
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ재원Charm Blood 5
ตำนานแวมไพร์มีมานานนับพันปีเรียกว่าอยู่คู่กับประวัติศาสตร์ของมนุษย์ก็ได้ ไม่ว่าจะในตำราเล่มไหนที่มีบันทึกเกี่ยวกับแวมไพร์มักจะบันทึกไว้ว่า แวมไพร์นั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาให้คล้ายกับมนุษย์เพื่อที่จะแฝงตัวเข้ามาใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ได้อย่างไม่มีปัญหาเมื่อ ทั้งยังปรับรูปแบบชีวิตของพวกเขาออกมาใช้ชีวิตในตอนกลางวัน มีภูมิต้านทานสำหรับแดดที่จะแผดเผาร่างของพวกเขา นอกจากนี้พวกเขาก็ยังมีร่างที่แท้จริงของตนเองซ่อนอยู่…..ซึ่งร่างที่แท้จริงนั้นแม้เพียงมองผ่านแค่หางตาก็สามารถทำให้รู้ได้ว่าพวกเขานั้นไม่เหมือนเดิม และเหตุผลหลักที่ทำให้เหล่าแวมไพร์เปลี่ยนร่างหนึ่งในนั้นก็คือ……..
เลือด…….
เลือด…….
เลือด……
ใช่สิ่งนั้นแหละที่ทำให้ฉันสติขาดทันที เมื่อผู้หญิงคนนั้นมีเลือดออกมากขึ้นเรื่อย ตอนนี้ตัวฉันสั่นไปหมด แน่นอนฉันรู้ว่ามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ฉันหยุดมันไม่ได้…….หยุดไม่ได้จริงๆ
ตึกๆๆ
ฉันค่อยๆเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นอย่างช้า ปกติฉันก็ไม่ดูดเลือดจากเพศเดียวกันหรอกนะมันรู้สึกน่ารังเกียจ แต่ตอนนี้ดูเหมือนร่างกายฉันจะไม่ปกติแล้ว ฉันทนต่อความอยากนี้ไม่ไหวแล้ว
สวบ หมับ!!
“คุณจะไปไหนน่ะ คุณคิมแจวอน“ อยู่ๆก็มีคนเข้ามากอดฉันจากด้านหลัง อะไรเนี่ยน่ารำคาญชะมัด เกะกะ
“ปล่อยฉัน อย่ามายุ่ง!! “ ฉันหันไปแยกเขี้ยวใส่คนด้านหลัง ตอนนี้ฉันไม่สนแล้วว่าจะเป็นใคร ฉันต้องได้ดื่มเลือดนั่น!!
“นะ…นี่คุณ……ไม่ได้นะคุณจะทำแบบนี้ไม่ได้ นี่มันอยู่ในระหว่างโปรโมตนะ“
“ออกไปให้ห่างฉัน ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ นี่คือคำเตือน“
“ผมไม่สนอะไรทั้งนั้น มากับผมเดี๋ยวนี้“
“ปล่อยฉัน!!! “
@ห้องแต่งตัว
“นี่คุณเป็นบ้าอะไร คิดจะทำอะไรกับผู้หญิงคนนั้น“ ไอ้บ้าที่ลากฉันออกมาจากเวทีพูด
“ฉันเตือนแล้วนะว่าอย่ามายุ่ง!!!! “
“ก็เอาสิจะทำอะไรผม ทำเลยสิ“
“อย่ามาท้าฉัน!! “
ผลัก โครม!!
“โอ้ย!“
“เกิดอะไรขึ้น!!!…..คิมแจวอนนี่แก……“ เจ๊ยองอึนทำหน้าตาตื่นวิ่งเข้ามา ก่อนชะงักไป
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับฉันถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ“ ฉันพูดพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ผู้ชายคนนั้น
“จะไม่ให้ยุ่งได้ยังไงก็ผมเป็นผู้จัดการคุณนะ“ เขายันตัวลุกขึ้นจากพื้น
“พูดบ้าอะไร อย่ามะ….“
พรึ่บ
พูดยังไม่ทันจบฉันก็รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบดับวูบลง…..แต่ยังได้ยินเสียงแว่วก่อนที่จะไม่รู้สึกตัวอีกเลย
“คุณๆๆ ทำใจดีไว้“ นั่นแหละสิ่งสุดท้ายที่ฉันได้ยิน
@คอนโด
“อืม….“ ฉันค่อยๆขยัยตัว ทำไมรู้สึกปวดหัวขนาดนี้นะ ฉันมาอยู่ที่คอนโดได้ยังไง จำได้ว่ามีคอนเสิร์ตแล้ว…..ทำไม
“ตื่นสักทีนะ“ อยู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ฉันจึงหันไปทางต้นตอของเสียงนั้น
“คุณ….เป็นใคร“ ฉันถามออกไป ทำไมถึงได้มึนหัวขนาดนี้นะ
“เหอะ น่าประทับใจจังเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเธอก็ลืมผมแล้วเหรอ“ เขาพูดพร้อมเดินเข้ามาใกล้ ทำให้ฉันเห็นใบหน้าของเขาชัดขึ้น
“ นาย…..มินคังซู?? “
“จำได้แล้วสินะ แล้วนี่รู้สึกดีขึ้นรึยัง??“ เขาค่อยๆทิ้งตัวนั่งลงบนที่นอนของฉัน
“นายมาทำอะไรที่นี่ งานของนายเริ่มพรุ่งนี้นี่“ ฉันพูดออกไปอย่างสงสัย
“ก็นี่มันวันทำงานของผมไง แหกตาดูนาฬิกาบ้าง“ เขามองหน้าฉันอย่างไม่พอใจพร้อมหันหน้าไปทางนาฬิกาที่ติดอยู่ที่ผนังห้องฉัน หืมสิบโมงเช้าเหรอเนี่ย เกิดอะไรขึ้นทำไมมจำอะไรไม่ได้เลยแหะ
“แล้วใครอนุญาติให้นายเข้ามาในห้องฉันไม่ทราบ“
“ก็พี่ยองอึนไง จบนะแล้วนี่รู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกรึเปล่า“ เขาพูดพร้อมมองมาที่ฉัน
“ไม่เป็น…..ปากนายไปโดนอะไรมา “ ฉันถามด้วยความตกใจ ไม่ใช่เพราะฉันเป็นห่วงอะไรหมอนี่หรอกนะ แต่รอยที่ปากเขามันเหมือนถูกแวมไพร์ดูดเลือดมาและยังไม่โดนลบแผลออกไป แน่นอนว่าถ้าแผลยังไม่ถูกลบนั่นหมายความว่าความทรงจำก็จะไม่ถูกลบไปเช่นกัน
“………..“
“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ เกิดอะไรขึ้นเมื่อวานนี้“
“เธอก็แค่หมดสติไปขณะขึ้นคอนเสิร์ตอยู่ แล้วเมื่อวานผมก็ไปดูคอนสิร์ตเธอเลยพาเธอกลับมาที่คอนโด ก็เท่านั้นแหละ“ เขามองฉันด้วยสายตาที่สั่นไหวเล็กน้อย
“ฉันรู้ว่ามันไม่ได้มีแค่นั้น ฉันไม่เป็นคนที่จะเป็นอะไรง่ายๆแบบนั้น ยกเว้น แล้วสรุปมันเกิดอะไรขึ้นกับนาย“ ฉันถามออกไป เท่าที่ฉันนึกได้ฉันก็พอจะโยงเรื่องได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แน่นอนว่ารอยที่ปากเขามันต้องมาจากฉันอย่างแน่นอน
“ไม่มีอะไรหรอกน่า อย่ามาถามนู่นนี้เยอะแยะสิ“
“นาย…..รู้แล้วใช่ไหมว่าฉันเป็นอะไร“
“………..“
“ตอบฉันมาเดี๋ยวนี้ นายรู้แล้วใช่ไหมว่าฉันเป็นอะไร“
“อืม….“ เขาตอบกลับมาสั้นๆ
“ไม่กลัวฉันรึไง ถึงยังเสนอหน้ามาอยู่ตรงนี้อีกเนี่ย“ ฉันถามออกไป ฉันไม่เคยเจอคนแบบหมอนี่มาก่อนเลย ทำไมหมอนี่ถึงไม่ได้ดูกลัวหรือตกใจอะไรเลยล่ะ
“ก็มีบ้างอ่ะ แต่ผมเป็นผู้จัดการเธอนะผมมีสิทธิที่จะรู้ และผมรับมันได้“ เขาตอบออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยที่นายเลิกพูดกับฉันด้วยภาษาทางการ ฉันแก่กว่านายเยอะนะบอกเลย“ ฉันบอกออกไปอย่างขัดหูนิดหน่อย อายุก็น้อยกว่าฉันสนิทก็ไม่ใช่ทำไมถึงมาพูดหยาบคายอย่างนี้นะ(***ที่เกาหลีคนที่ไม่สนิทกันจะพูดกันด้วยภาษาทางการ เพื่อเป็นการให้เกรียติฝ่ายตรงข้าม****)
“ทำไม อีกหน่อยเดี๋ยวก็สนิทกันไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย“ เขายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเดินสำรวจห้องฉัน
“แล้วนี่วันนี้ฉันไม่มีตารางงานรึไง“ ฉันถามออกไปเมื่อรู้สึกว่าสติอยู่ครบเรียบร้อยแล้ว และเพื่อไม่ให้เขาเดินสำรวจห้องของฉันมากกว่านี้เพราะในห้องของฉันก็มีสิ่งที่ไม่ควรให้ใครเห็นน่ะสิ
“ยกเลิกไปหมดแล้ว อ่อแล้วก็พี่ยองอึนกำลังไปเคลียกับตารางที่เหลือทั้งหมดของเดือนนี้ เพราะต้องจัดใหม่ทั้งหมด เขาเลยให้ผมมาอยู่กับคุณ ทั้ง-วัน“
“หะ!! ทั้งวันนายจะบ้าเหรอ ฉันดีขึ้นแล้วกลับบ้านนายไปได้แล้วไป“
“จะให้ผมกลับบ้านทั้งที่สภาพปากเหมือนมีคนมาเจาะปากอย่างนี้อ่ะนะ“ เขาพูดพร้อมชี้ปากตัวเอง เออจริงสิฉันควรจะลบความทรงจำเขาไปด้วยเลยว่าฉันเป็นใคร
“แล้วถ้าไม่หายนายจะอยู่ที่นี่ตลอดเลยรึไง?? “ ฉันถามเขาออกไป บ้ารึเปล่าหาข้ออ้างอะไรเห่ยชะมัด ใส่ผ้าปิดปากแล้วเดินออกไปก็จบล่ะ ทำมาอ้างเหอะ!!“มานี่สิ“ ฉันเรียกเขาให้กลับมานั่งที่เตียงอีกครั้งเพื่อมาลบรอยแผล ไม่งั้นหมอนี่ก็คงอ้างเรื่องแผลไม่ยอมกลับไปอีก
“จะทำอะไร“ เขาพูดพร้อมทำหน้าระแวงแต่ก็เดินมานั่งแต่โดยดี
“ก็จะลบรอยนั่นให้ไง“
“ยังไงล่ะ?? “ เขาทำหน้าสงสัยสุดๆ จนทำให้ฉันรู้สึกอดขำไม่ได้
“หึหึ นายคิดว่าฉันเป็นใคร ฉันสร้างรอยได้ฉันก็ต้องลบรอยนั่นได้สิ“ ฉันพูดพร้อมจ้องหน้าเขา ดูเหมือนประโยคเมื่อกี้จะทำให้เขาหน้าแดงขึ้นมานิดหน่อยแต่ก็แค่นิดหน่อยเท่านั้นแหละ
“นั่นสินะผมก็ลืมนึกไปถึงเรื่องนั้น แล้วมันต้องทำยังไงล่ะ“
“หึ…….นายน่ะแค่อยู่เฉยๆก็พอ :) “
โปรดติดตามตอนต่อไป
-----------------------------------------------------------------
SUNSPOT TALK
จบกันไปแล้วเด้อสำหรับตอนที่5 ถ้าชอบก็อย่าลืมคอมเม้นท์ให้กำลังใจไรท์ด้วยน้า รักนักอ่านทุกคนเลยนักอ่านเงาก็ด้วย จุ๊บบ
ตำนานแวมไพร์มีมานานนับพันปีเรียกว่าอยู่คู่กับประวัติศาสตร์ของมนุษย์ก็ได้ ไม่ว่าจะในตำราเล่มไหนที่มีบันทึกเกี่ยวกับแวมไพร์มักจะบันทึกไว้ว่า แวมไพร์นั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาให้คล้ายกับมนุษย์เพื่อที่จะแฝงตัวเข้ามาใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ได้อย่างไม่มีปัญหาเมื่อ ทั้งยังปรับรูปแบบชีวิตของพวกเขาออกมาใช้ชีวิตในตอนกลางวัน มีภูมิต้านทานสำหรับแดดที่จะแผดเผาร่างของพวกเขา นอกจากนี้พวกเขาก็ยังมีร่างที่แท้จริงของตนเองซ่อนอยู่…..ซึ่งร่างที่แท้จริงนั้นแม้เพียงมองผ่านแค่หางตาก็สามารถทำให้รู้ได้ว่าพวกเขานั้นไม่เหมือนเดิม และเหตุผลหลักที่ทำให้เหล่าแวมไพร์เปลี่ยนร่างหนึ่งในนั้นก็คือ……..
เลือด…….
เลือด…….
เลือด……
ใช่สิ่งนั้นแหละที่ทำให้ฉันสติขาดทันที เมื่อผู้หญิงคนนั้นมีเลือดออกมากขึ้นเรื่อย ตอนนี้ตัวฉันสั่นไปหมด แน่นอนฉันรู้ว่ามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ฉันหยุดมันไม่ได้…….หยุดไม่ได้จริงๆ
ตึกๆๆ
ฉันค่อยๆเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นอย่างช้า ปกติฉันก็ไม่ดูดเลือดจากเพศเดียวกันหรอกนะมันรู้สึกน่ารังเกียจ แต่ตอนนี้ดูเหมือนร่างกายฉันจะไม่ปกติแล้ว ฉันทนต่อความอยากนี้ไม่ไหวแล้ว
สวบ หมับ!!
“คุณจะไปไหนน่ะ คุณคิมแจวอน“ อยู่ๆก็มีคนเข้ามากอดฉันจากด้านหลัง อะไรเนี่ยน่ารำคาญชะมัด เกะกะ
“ปล่อยฉัน อย่ามายุ่ง!! “ ฉันหันไปแยกเขี้ยวใส่คนด้านหลัง ตอนนี้ฉันไม่สนแล้วว่าจะเป็นใคร ฉันต้องได้ดื่มเลือดนั่น!!
“นะ…นี่คุณ……ไม่ได้นะคุณจะทำแบบนี้ไม่ได้ นี่มันอยู่ในระหว่างโปรโมตนะ“
“ออกไปให้ห่างฉัน ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ นี่คือคำเตือน“
“ผมไม่สนอะไรทั้งนั้น มากับผมเดี๋ยวนี้“
“ปล่อยฉัน!!! “
@ห้องแต่งตัว
“นี่คุณเป็นบ้าอะไร คิดจะทำอะไรกับผู้หญิงคนนั้น“ ไอ้บ้าที่ลากฉันออกมาจากเวทีพูด
“ฉันเตือนแล้วนะว่าอย่ามายุ่ง!!!! “
“ก็เอาสิจะทำอะไรผม ทำเลยสิ“
“อย่ามาท้าฉัน!! “
ผลัก โครม!!
“โอ้ย!“
“เกิดอะไรขึ้น!!!…..คิมแจวอนนี่แก……“ เจ๊ยองอึนทำหน้าตาตื่นวิ่งเข้ามา ก่อนชะงักไป
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับฉันถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ“ ฉันพูดพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ผู้ชายคนนั้น
“จะไม่ให้ยุ่งได้ยังไงก็ผมเป็นผู้จัดการคุณนะ“ เขายันตัวลุกขึ้นจากพื้น
“พูดบ้าอะไร อย่ามะ….“
พรึ่บ
พูดยังไม่ทันจบฉันก็รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบดับวูบลง…..แต่ยังได้ยินเสียงแว่วก่อนที่จะไม่รู้สึกตัวอีกเลย
“คุณๆๆ ทำใจดีไว้“ นั่นแหละสิ่งสุดท้ายที่ฉันได้ยิน
@คอนโด
“อืม….“ ฉันค่อยๆขยัยตัว ทำไมรู้สึกปวดหัวขนาดนี้นะ ฉันมาอยู่ที่คอนโดได้ยังไง จำได้ว่ามีคอนเสิร์ตแล้ว…..ทำไม
“ตื่นสักทีนะ“ อยู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ฉันจึงหันไปทางต้นตอของเสียงนั้น
“คุณ….เป็นใคร“ ฉันถามออกไป ทำไมถึงได้มึนหัวขนาดนี้นะ
“เหอะ น่าประทับใจจังเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเธอก็ลืมผมแล้วเหรอ“ เขาพูดพร้อมเดินเข้ามาใกล้ ทำให้ฉันเห็นใบหน้าของเขาชัดขึ้น
“ นาย…..มินคังซู?? “
“จำได้แล้วสินะ แล้วนี่รู้สึกดีขึ้นรึยัง??“ เขาค่อยๆทิ้งตัวนั่งลงบนที่นอนของฉัน
“นายมาทำอะไรที่นี่ งานของนายเริ่มพรุ่งนี้นี่“ ฉันพูดออกไปอย่างสงสัย
“ก็นี่มันวันทำงานของผมไง แหกตาดูนาฬิกาบ้าง“ เขามองหน้าฉันอย่างไม่พอใจพร้อมหันหน้าไปทางนาฬิกาที่ติดอยู่ที่ผนังห้องฉัน หืมสิบโมงเช้าเหรอเนี่ย เกิดอะไรขึ้นทำไมมจำอะไรไม่ได้เลยแหะ
“แล้วใครอนุญาติให้นายเข้ามาในห้องฉันไม่ทราบ“
“ก็พี่ยองอึนไง จบนะแล้วนี่รู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกรึเปล่า“ เขาพูดพร้อมมองมาที่ฉัน
“ไม่เป็น…..ปากนายไปโดนอะไรมา “ ฉันถามด้วยความตกใจ ไม่ใช่เพราะฉันเป็นห่วงอะไรหมอนี่หรอกนะ แต่รอยที่ปากเขามันเหมือนถูกแวมไพร์ดูดเลือดมาและยังไม่โดนลบแผลออกไป แน่นอนว่าถ้าแผลยังไม่ถูกลบนั่นหมายความว่าความทรงจำก็จะไม่ถูกลบไปเช่นกัน
“………..“
“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ เกิดอะไรขึ้นเมื่อวานนี้“
“เธอก็แค่หมดสติไปขณะขึ้นคอนเสิร์ตอยู่ แล้วเมื่อวานผมก็ไปดูคอนสิร์ตเธอเลยพาเธอกลับมาที่คอนโด ก็เท่านั้นแหละ“ เขามองฉันด้วยสายตาที่สั่นไหวเล็กน้อย
“ฉันรู้ว่ามันไม่ได้มีแค่นั้น ฉันไม่เป็นคนที่จะเป็นอะไรง่ายๆแบบนั้น ยกเว้น แล้วสรุปมันเกิดอะไรขึ้นกับนาย“ ฉันถามออกไป เท่าที่ฉันนึกได้ฉันก็พอจะโยงเรื่องได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แน่นอนว่ารอยที่ปากเขามันต้องมาจากฉันอย่างแน่นอน
“ไม่มีอะไรหรอกน่า อย่ามาถามนู่นนี้เยอะแยะสิ“
“นาย…..รู้แล้วใช่ไหมว่าฉันเป็นอะไร“
“………..“
“ตอบฉันมาเดี๋ยวนี้ นายรู้แล้วใช่ไหมว่าฉันเป็นอะไร“
“อืม….“ เขาตอบกลับมาสั้นๆ
“ไม่กลัวฉันรึไง ถึงยังเสนอหน้ามาอยู่ตรงนี้อีกเนี่ย“ ฉันถามออกไป ฉันไม่เคยเจอคนแบบหมอนี่มาก่อนเลย ทำไมหมอนี่ถึงไม่ได้ดูกลัวหรือตกใจอะไรเลยล่ะ
“ก็มีบ้างอ่ะ แต่ผมเป็นผู้จัดการเธอนะผมมีสิทธิที่จะรู้ และผมรับมันได้“ เขาตอบออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยที่นายเลิกพูดกับฉันด้วยภาษาทางการ ฉันแก่กว่านายเยอะนะบอกเลย“ ฉันบอกออกไปอย่างขัดหูนิดหน่อย อายุก็น้อยกว่าฉันสนิทก็ไม่ใช่ทำไมถึงมาพูดหยาบคายอย่างนี้นะ(***ที่เกาหลีคนที่ไม่สนิทกันจะพูดกันด้วยภาษาทางการ เพื่อเป็นการให้เกรียติฝ่ายตรงข้าม****)
“ทำไม อีกหน่อยเดี๋ยวก็สนิทกันไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย“ เขายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเดินสำรวจห้องฉัน
“แล้วนี่วันนี้ฉันไม่มีตารางงานรึไง“ ฉันถามออกไปเมื่อรู้สึกว่าสติอยู่ครบเรียบร้อยแล้ว และเพื่อไม่ให้เขาเดินสำรวจห้องของฉันมากกว่านี้เพราะในห้องของฉันก็มีสิ่งที่ไม่ควรให้ใครเห็นน่ะสิ
“ยกเลิกไปหมดแล้ว อ่อแล้วก็พี่ยองอึนกำลังไปเคลียกับตารางที่เหลือทั้งหมดของเดือนนี้ เพราะต้องจัดใหม่ทั้งหมด เขาเลยให้ผมมาอยู่กับคุณ ทั้ง-วัน“
“หะ!! ทั้งวันนายจะบ้าเหรอ ฉันดีขึ้นแล้วกลับบ้านนายไปได้แล้วไป“
“จะให้ผมกลับบ้านทั้งที่สภาพปากเหมือนมีคนมาเจาะปากอย่างนี้อ่ะนะ“ เขาพูดพร้อมชี้ปากตัวเอง เออจริงสิฉันควรจะลบความทรงจำเขาไปด้วยเลยว่าฉันเป็นใคร
“แล้วถ้าไม่หายนายจะอยู่ที่นี่ตลอดเลยรึไง?? “ ฉันถามเขาออกไป บ้ารึเปล่าหาข้ออ้างอะไรเห่ยชะมัด ใส่ผ้าปิดปากแล้วเดินออกไปก็จบล่ะ ทำมาอ้างเหอะ!!“มานี่สิ“ ฉันเรียกเขาให้กลับมานั่งที่เตียงอีกครั้งเพื่อมาลบรอยแผล ไม่งั้นหมอนี่ก็คงอ้างเรื่องแผลไม่ยอมกลับไปอีก
“จะทำอะไร“ เขาพูดพร้อมทำหน้าระแวงแต่ก็เดินมานั่งแต่โดยดี
“ก็จะลบรอยนั่นให้ไง“
“ยังไงล่ะ?? “ เขาทำหน้าสงสัยสุดๆ จนทำให้ฉันรู้สึกอดขำไม่ได้
“หึหึ นายคิดว่าฉันเป็นใคร ฉันสร้างรอยได้ฉันก็ต้องลบรอยนั่นได้สิ“ ฉันพูดพร้อมจ้องหน้าเขา ดูเหมือนประโยคเมื่อกี้จะทำให้เขาหน้าแดงขึ้นมานิดหน่อยแต่ก็แค่นิดหน่อยเท่านั้นแหละ
“นั่นสินะผมก็ลืมนึกไปถึงเรื่องนั้น แล้วมันต้องทำยังไงล่ะ“
“หึ…….นายน่ะแค่อยู่เฉยๆก็พอ :) “
โปรดติดตามตอนต่อไป
-----------------------------------------------------------------
SUNSPOT TALK
จบกันไปแล้วเด้อสำหรับตอนที่5 ถ้าชอบก็อย่าลืมคอมเม้นท์ให้กำลังใจไรท์ด้วยน้า รักนักอ่านทุกคนเลยนักอ่านเงาก็ด้วย จุ๊บบ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ