ชมพูนาคี
9.7
เขียนโดย หิ่งห้อยใต้เงาจันทร์
วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 13.17 น.
10 ตอน
3 วิจารณ์
14.51K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2562 14.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) น้ำมันอมฤต
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ภายใต้เมืองบาดาลอันเงียบสงบ มีธิดานาคาสาวน้อยวัยแรกแย้ม นามว่า "ชมพูนาคี" นางถือกำเนิดในวังนาคิน ภายใต้การปกครองของท้าวนาคิน ผู้เป็นบิดา กับนางแก้วกานดานาคี ผู้เป็นมารดา ชมพูนาคีมีพี่น้องร่วมบิดามารดา 50 ตน นางมีผิวกายสีชมพูซึ่งผิดแผกไปจากพี่น้องทุกตนที่มีผิวกายสีทอง บิดามารดาเลยตั้งชื่อให้นางว่า "ชมพูนาคี"
เมื่อกาลเวลาแห่งการเข้าพรรษามาถึง บิดามารดาจะพานางและเหล่าพี่น้องไปถือศีลภาวนา ณ ยอดเขาคันธมาทน์ ซึ่งเป็นยอดเขาสูงในป่าหิมพานต์ ลักษณะของยอดเขาคันธมาทน์เป็นพื้นที่ราบเรียบเหมือนยอดเขาภูกระดึงในเมืองมนุษย์ เป็นที่อยู่ของพระปัจเจกพุทธเจ้า และพระโพธิสัตว์ทั้งหลายที่บำเพ็ญเพียรภาวนาสะสมบุญบารมีไว้ให้มากพอ จนกว่าจะได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อรอการตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า หรือเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า ตามเจตจำนงของตนต่อไป
ชมพูนาคีและเหล่าพี่น้องของนางต่างมีความตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้เที่ยวชมสิ่งแปลกใหม่ในชีวิต แต่การเดินทางไปยังยอดเขาคันธมาทน์นั้นไม่ใช่สิ่งที่ง่ายดั่งใจนึก ตลอดระยะเวลาที่เดินทางไปล้วนเต็มไปด้วยภยันตรายมากมายที่นางและเหล่าพี่น้องไม่เคยพบมาก่อน บิดามารดาต้องคอยสั่่งสอนนางและเหล่าพี่น้องให้ระมัดระวังตัว และสำรวมให้มากเมื่อเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
บิดามารดาพานางและบรรดาพี่น้องลงอาบน้ำมันในบ่อน้ำมันอมฤต เพื่อชโลมผิวกายไว้คราขึ้นไปอยู่บนพื้นดิน ผิวกายที่ชโลมด้วยน้ำมันอมฤตจะเคลือบผิวไว้เพื่อป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้นของผิว และลดแรงเสียดทานของผิวขณะเลื้อยไปตามพื้นดิน เมื่อพญานาคอาบน้ำมันอมฤตครบทุกตนแล้ว ท้าวนาคินจึงกล่าวกับลูกๆ ว่า
"ลูกรักของพ่อ ด้วยความรักความห่วงใยที่พ่อมีต่อพวกเจ้าทุกตน และด้วยจำนวนของพวกเจ้ามีมากถึง 50 ตน พ่อเกรงว่า พ่อกับแม่จะดูแลพวกเจ้าไม่ทั่วถึง พ่อจึงขอเตือนพวกเจ้าไว้ว่า หนทางข้างหน้านั้นเต็มไปด้วยอันตรายมากนะ พวกเจ้าทุกตนต้องรักและสามัคคีกันไว้ ถ้าหากเกิดเหตุร้ายกับนาคตนใด ทุกตนต้องคอยช่วยเหลือกันนะลูกรัก"
สุคินนาคา ซึ่งเป็นพี่ใหญ่สุด รับคำบิดาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเอาจริงว่า
"อย่าห่วงไปเลยท่านพ่อ ข้า สุคินนาคา จะคอยปกป้องคุ้มภัยให้น้องๆ ทุกตนให้รอดพ้นจากอันตรายทั้งปวงด้วยชีวิตของข้าเองขอรับ"
แก้วกานดานาคีผู้เป็นมารดา มองดูสุคินนาคาด้วยความเชื่อมั่น แล้วเอ่ยกับสุคินนาคาว่า
"แม่เชื่อว่าเจ้าทำได้ สุคินนาคา"
น้ำตาของแม่หยดลงพร้อมรอยยิ้มที่ตื้นตันใจ นางภูมิใจที่ลูกๆ ของนางรักและสามัคคีกัน นางกล่าวทิ้งท้ายว่า
"แม่ยังห่วงมากสุดคือ ชมพูนาคี เพราะนางเป็นน้องท้ายสุด คงยังอ่อนหัดกับเล่ห์เหลี่ยม และมารยาของผู้ที่มีจิตคิดปองร้ายพญานาคอย่างพวกเรา"
"ถ้าท่านแม่หมายถึงพญาครุฑนั้น ลูกขอเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อปกป้องน้องๆ ทุกตนขอรับ" สุคินนาคากล่าวหนักแน่น
"โถ..ลูกรักของแม่ สมแล้วที่เจ้าเป็นพี่เหล่านาคตนอื่น แม่ภูมิใจในตัวเจ้ามาก"
นางแก้วกานดานาคีกล่าว พลางใช้ลำตัวโอบสุคินนาคาไว้ในอ้อมอกของนางอย่างอบอุ่น
"เสด็จแม่อย่าห่วงลูกเกินไป ถึงลูกจะเล็กสุดในบรรดาพี่ๆ แต่ลูกก็มีไหวพริบพอที่จะเอาตัวรอดได้เจ้าค่ะ" ชมพูนาคีทำเสียงออดอ้อนแม่
"ถึงเจ้าจะมีไหวพริบดี แต่เจ้ายังอ่อนต่อโลกนัก แม่จึงไม่วายเป็นห่วงเจ้า ชมพูนาคี"
นางแก้วกานดานาคีปรามลูกสาว และเตือนสติไม่ให้คะนองตนว่าเก่งแล้ว
ชมพูนาคีก็รับคำมารดาอย่างว่าง่ายด้วยสีหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย
ในเวลาพลบค่ำ ณ แท่นหินกว้างใหญ่ใต้เมืองบาดาล ท้าวนาคินมีบัญชาให้เหล่านาคบริวารทั้งหลายมาประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อแต่งตั้งและมอบหมายหน้าที่ให้เหล่านาครับผิดชอบอยู่เวรยามอย่างเคร่งครัดในการปกปักรักษาเมืองบาดาลแทนท้าวนาคิน
"เหล่านาคทั้งหลาย ที่เราเรียกพวกเจ้ามาประชุมในวันนี้ เพราะมีหมายกำหนดการที่่ข้าจะพานางแก้วกานดานาคี แม่อยู่หัวของพวกเจ้าและเหล่านาคาน้อยซึ่งเป็นบุตรข้า เดินทางไปจำศีลภาวนา ณ ยอดเขาคันธมาทน์ ยังดินแดนป่าหิมพานต์ตลอดกาลเข้าพรรษานี้ พวกเจ้าจงมีความสามัคคีดุจเกลียวเชือก และมีจิตใจอันห้าวหาญดุจพญาราชสีห์ ที่มิหวั่นเกรงต่อศาสตราของข้าศึกทั้งปวง...ข้า ท้าวนาคิน..ผู้มีจิตศรัทธาอันแน่วแน่ในพระธรรมคำสอนของพระศาสดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ค้ำจุนโลกด้วยเมตตาธรรม ชี้นำถูกผิดให้เหล่าสัตว์ทั้งหลายได้หายโง่จากความหลง มุ่งหยุดการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์ในภพน้อยภพใหญ่อย่างน่าเวทนาตามประสาใจสัตว์ที่หิวอยู่ตลอดเวลา แสวงหาแต่สิ่งมาบำเรอตน เพราะจิตมากล้นด้วยกิเลสตัณหา...ข้า..ท้าวนาคิน ผู้ปกครองวังนาคิน...ข้าขอตั้งจิตอธิษฐานว่า...ขอให้ข้าได้เกิดในบวรพระพุทธศาสนาทุกชาติไป...จนกว่าข้าจะบรรลุธรรม.."
ท้าวนาคินบอกถึงจิตที่ตั้งมั่นในพระพุทธศาสนาต่อหน้าเหล่านาคทุกตน
เมื่อกาลเวลาแห่งการเข้าพรรษามาถึง บิดามารดาจะพานางและเหล่าพี่น้องไปถือศีลภาวนา ณ ยอดเขาคันธมาทน์ ซึ่งเป็นยอดเขาสูงในป่าหิมพานต์ ลักษณะของยอดเขาคันธมาทน์เป็นพื้นที่ราบเรียบเหมือนยอดเขาภูกระดึงในเมืองมนุษย์ เป็นที่อยู่ของพระปัจเจกพุทธเจ้า และพระโพธิสัตว์ทั้งหลายที่บำเพ็ญเพียรภาวนาสะสมบุญบารมีไว้ให้มากพอ จนกว่าจะได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อรอการตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า หรือเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า ตามเจตจำนงของตนต่อไป
ชมพูนาคีและเหล่าพี่น้องของนางต่างมีความตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้เที่ยวชมสิ่งแปลกใหม่ในชีวิต แต่การเดินทางไปยังยอดเขาคันธมาทน์นั้นไม่ใช่สิ่งที่ง่ายดั่งใจนึก ตลอดระยะเวลาที่เดินทางไปล้วนเต็มไปด้วยภยันตรายมากมายที่นางและเหล่าพี่น้องไม่เคยพบมาก่อน บิดามารดาต้องคอยสั่่งสอนนางและเหล่าพี่น้องให้ระมัดระวังตัว และสำรวมให้มากเมื่อเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
บิดามารดาพานางและบรรดาพี่น้องลงอาบน้ำมันในบ่อน้ำมันอมฤต เพื่อชโลมผิวกายไว้คราขึ้นไปอยู่บนพื้นดิน ผิวกายที่ชโลมด้วยน้ำมันอมฤตจะเคลือบผิวไว้เพื่อป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้นของผิว และลดแรงเสียดทานของผิวขณะเลื้อยไปตามพื้นดิน เมื่อพญานาคอาบน้ำมันอมฤตครบทุกตนแล้ว ท้าวนาคินจึงกล่าวกับลูกๆ ว่า
"ลูกรักของพ่อ ด้วยความรักความห่วงใยที่พ่อมีต่อพวกเจ้าทุกตน และด้วยจำนวนของพวกเจ้ามีมากถึง 50 ตน พ่อเกรงว่า พ่อกับแม่จะดูแลพวกเจ้าไม่ทั่วถึง พ่อจึงขอเตือนพวกเจ้าไว้ว่า หนทางข้างหน้านั้นเต็มไปด้วยอันตรายมากนะ พวกเจ้าทุกตนต้องรักและสามัคคีกันไว้ ถ้าหากเกิดเหตุร้ายกับนาคตนใด ทุกตนต้องคอยช่วยเหลือกันนะลูกรัก"
สุคินนาคา ซึ่งเป็นพี่ใหญ่สุด รับคำบิดาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเอาจริงว่า
"อย่าห่วงไปเลยท่านพ่อ ข้า สุคินนาคา จะคอยปกป้องคุ้มภัยให้น้องๆ ทุกตนให้รอดพ้นจากอันตรายทั้งปวงด้วยชีวิตของข้าเองขอรับ"
แก้วกานดานาคีผู้เป็นมารดา มองดูสุคินนาคาด้วยความเชื่อมั่น แล้วเอ่ยกับสุคินนาคาว่า
"แม่เชื่อว่าเจ้าทำได้ สุคินนาคา"
น้ำตาของแม่หยดลงพร้อมรอยยิ้มที่ตื้นตันใจ นางภูมิใจที่ลูกๆ ของนางรักและสามัคคีกัน นางกล่าวทิ้งท้ายว่า
"แม่ยังห่วงมากสุดคือ ชมพูนาคี เพราะนางเป็นน้องท้ายสุด คงยังอ่อนหัดกับเล่ห์เหลี่ยม และมารยาของผู้ที่มีจิตคิดปองร้ายพญานาคอย่างพวกเรา"
"ถ้าท่านแม่หมายถึงพญาครุฑนั้น ลูกขอเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อปกป้องน้องๆ ทุกตนขอรับ" สุคินนาคากล่าวหนักแน่น
"โถ..ลูกรักของแม่ สมแล้วที่เจ้าเป็นพี่เหล่านาคตนอื่น แม่ภูมิใจในตัวเจ้ามาก"
นางแก้วกานดานาคีกล่าว พลางใช้ลำตัวโอบสุคินนาคาไว้ในอ้อมอกของนางอย่างอบอุ่น
"เสด็จแม่อย่าห่วงลูกเกินไป ถึงลูกจะเล็กสุดในบรรดาพี่ๆ แต่ลูกก็มีไหวพริบพอที่จะเอาตัวรอดได้เจ้าค่ะ" ชมพูนาคีทำเสียงออดอ้อนแม่
"ถึงเจ้าจะมีไหวพริบดี แต่เจ้ายังอ่อนต่อโลกนัก แม่จึงไม่วายเป็นห่วงเจ้า ชมพูนาคี"
นางแก้วกานดานาคีปรามลูกสาว และเตือนสติไม่ให้คะนองตนว่าเก่งแล้ว
ชมพูนาคีก็รับคำมารดาอย่างว่าง่ายด้วยสีหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย
ในเวลาพลบค่ำ ณ แท่นหินกว้างใหญ่ใต้เมืองบาดาล ท้าวนาคินมีบัญชาให้เหล่านาคบริวารทั้งหลายมาประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อแต่งตั้งและมอบหมายหน้าที่ให้เหล่านาครับผิดชอบอยู่เวรยามอย่างเคร่งครัดในการปกปักรักษาเมืองบาดาลแทนท้าวนาคิน
"เหล่านาคทั้งหลาย ที่เราเรียกพวกเจ้ามาประชุมในวันนี้ เพราะมีหมายกำหนดการที่่ข้าจะพานางแก้วกานดานาคี แม่อยู่หัวของพวกเจ้าและเหล่านาคาน้อยซึ่งเป็นบุตรข้า เดินทางไปจำศีลภาวนา ณ ยอดเขาคันธมาทน์ ยังดินแดนป่าหิมพานต์ตลอดกาลเข้าพรรษานี้ พวกเจ้าจงมีความสามัคคีดุจเกลียวเชือก และมีจิตใจอันห้าวหาญดุจพญาราชสีห์ ที่มิหวั่นเกรงต่อศาสตราของข้าศึกทั้งปวง...ข้า ท้าวนาคิน..ผู้มีจิตศรัทธาอันแน่วแน่ในพระธรรมคำสอนของพระศาสดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ค้ำจุนโลกด้วยเมตตาธรรม ชี้นำถูกผิดให้เหล่าสัตว์ทั้งหลายได้หายโง่จากความหลง มุ่งหยุดการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์ในภพน้อยภพใหญ่อย่างน่าเวทนาตามประสาใจสัตว์ที่หิวอยู่ตลอดเวลา แสวงหาแต่สิ่งมาบำเรอตน เพราะจิตมากล้นด้วยกิเลสตัณหา...ข้า..ท้าวนาคิน ผู้ปกครองวังนาคิน...ข้าขอตั้งจิตอธิษฐานว่า...ขอให้ข้าได้เกิดในบวรพระพุทธศาสนาทุกชาติไป...จนกว่าข้าจะบรรลุธรรม.."
ท้าวนาคินบอกถึงจิตที่ตั้งมั่นในพระพุทธศาสนาต่อหน้าเหล่านาคทุกตน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ