พิเศษ…ใส่รัก
-
เขียนโดย Annakan
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 11.44 น.
3 ตอน
0 วิจารณ์
4,554 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 กันยายน พ.ศ. 2560 11.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ตอน 5-6
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 5 สาระแน
หนึ่งเดือนเต็มแล้วที่เตชิตพาลูกชายมาเริ่มชีวิตใหม่และมันช่างเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเหลือเกิน บรรยากาศในบ้านสงบสุขและมีแต่ความอ่อนโยนลูกต้นไม่ต้องรับฟังถ้อยคำหยาบคายจากมารดาผู้ให้กำเนิดอีก บริเวณรอบๆ บ้านก็ร่มรื่นสบายหูสบายตามีสนามหญ้าเล็กๆ ให้ลูกได้นั่งเล่นและที่สำคัญปากซอยมีร้านโจ๊กแสนอร่อย
ทุกวันตอนเช้าเตชิตจะพาลูกชายแวะทานโจ๊กก่อนไปโรงเรียน ชายหนุ่มสังเกตว่าไม่เคยเห็นสามีของขวัญชีวันมาช่วยที่ร้านเลยสักวันเขาเดาเอาเองว่าผู้ชายคนนั้นคงออกไปทำงานแต่เช้าใครจะไปกล้าถามคนที่เพิ่งรู้จักกันว่าสามีไปไหนทำไมไม่มาช่วยเหลือดูแลร้านบ้าง
ขวัญชีวันไม่ได้คิดอะไรและไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังตกเป็นเป้าแห่งความรักของผู้ชายคนนึงเพราะเธอมีลูกค้าประจำอยู่หลายสิบคนที่มากินโจ๊กทุกวันไม่ได้ขาด เธอออกจะเกรงใจและเคารพชายหนุ่มแปลกหน้าด้วยซ้ำเพราะเขาคือคุณครูของลูกสาว
วันนี้คือเช้าวันจันทร์ช่วงวันที่ยี่สิบกว่าๆ ขวัญชีวันตั้งร้านขายโจ๊กเหมือนทุกวันแต่เช้านี้ดูจะเงียบกว่าวันอื่นๆ เธอเอาเงินออกมานับแล้วคิดบวกลบอยู่ในใจส่วนนึงต้องกันไว้เพื่อค่าเช่าห้องสี่พันค่าน้ำค่าไฟก็ประมาณเจ็ดร้อยค่ารถโรงเรียนลูกเดือนละหนึ่งพันสองร้อย เดือนๆ นึงต้องมีเงินไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นห้าพันบาทถึงจะพอใช้จ่ายสำหรับสองแม่ลูก เธอเองไม่เคยไปเที่ยวเตร่ใช้เงินฟุ่มเฟือย เงินทุกบาททุกสตางค์หมดไปกับค่าเล่าเรียนค่าใช้จ่ายรายวันของลูกสาวแต่เธอก็เต็มใจและมีความสุขเพราะลูกรักการเรียนเหลือเกินและทำคะแนนได้ดีทุกวิชา
“เงินไม่พอหรอคะคุณแม่” ขวัญมาตาถามมารดาที่นั่งนับเงินอยู่เงียบๆ มาสักครู่แล้ว
“พอจ้ะ” ขวัญชีวันอุ้มลูกสาวมานั่งบนตัก
“ถ้าไม่พอคุณแม่เอาเงินในกระปุกหนูนะคะ”
“จ้ะ ขอบใจมากนะลูก” ขวัญชีวันตอบลูกสาวแล้วกอดตัวน้อยๆ ให้แน่นกว่าเดิม ข้าวสวยคือหัวใจและชีวิตของเธอถึงแม้มันจะลำบากและเหนื่อยแทบขาดใจในการหาเงินแต่ละบาทให้พอใช้จ่ายแต่เธอก็จะสู้สุดใจตราบใดที่ยังมีมือมีเท้าครบถ้วนเธอจะไม่ท้อถอยเป็นอันขาด
“สวัสดีค่ะคุณครู” สองแม่ลูกทักทายลูกค้าขาประจำด้วยประโยคเดียวกันเป๊ะ เตชิตเห็นว่าหญิงสาวมีน้ำตาคลอหน่วยในแววตาของเธอหม่นเศร้าต่างจากทุกวันเขาอยากรู้เหลือเกินว่ามีเรื่องอะไรรบกวนจิตใจเธอให้เศร้าโศกแบบนั้น
“รับเหมือนเดิมไหมคะ” ขวัญชีวันถาม
“เหมือนเดิมครับ” เตชิตตอบแล้วเลือกนั่งโต๊ะที่ไกลที่สุด
“ขอบคุณครับข้าวสวย วันนี้คุณแม่ไม่สบายรึเปล่า” คุณครูรับน้ำเย็นแล้วไถ่ถามลูกศิษย์ตัวน้อย
“ไม่ค่ะคุณครู คุณแม่สบายดีทำไมหรอคะ” ข้าวสวยแปลกใจกับคำถามมาก
“ครูเห็นคุณแม่ของข้าวสวยหน้าซีดๆ”
“ก่อนคุณครูจะมาคุณแม่นับเงินอยู่ค่ะ” เด็กน้อยตอบไปตามความจริง
“เงินค่าอะไรหรอครับ”
“เงินค่าเช่าห้องค่ะแล้วก็ค่าทุกอย่างที่ต้องจ่าย” เมื่อได้ฟังเรื่องราวเตชิตก็เข้าใจทันทีว่าทำไมแม่ค้าคนดีของเขาถึงมีสีหน้าแบบนั้น มันคงจะเหนื่อยและเครียดมากกับการหาเงินให้พอใช้จ่ายในแต่ละเดือน
“คุณขวัญครับ”
“คะ คุณครู”
“คือ ให้หนูข้าวสวยไปโรงเรียนพร้อมผมกับต้นกล้าก็ได้นะครับยังไงก็ไปที่เดียวกันทางเดียวกันอยู่แล้ว”
“อย่าเลยค่ะ ฉันเกรงใจแล้วก็ลำบากพวกคุณเปล่าๆ”
“ไม่ลำบากเลยครับน้าขวัญ ผมอยากให้น้องข้าวสวยไปโรงเรียนพร้อมกัน” ต้นกล้ารีบเปิดปากพูดทันทีเมื่อบิดาส่งสายตาสื่อความหมายมาให้
“ไม่ดีกว่าค่ะ ข้าวสวยช่างพูดฉันกลัวพวกคุณรำคาญค่ะ”
“ไม่เลยครับ หนูข้าวสวยน่าเอ็นดูไม่ได้น่ารำคาญเลยแต่ถ้าคุณไม่ไว้ใจก็ไม่เป็นไรครับผมขอโทษที่ถาม” เตชิตแกล้งทำหน้าเศร้าแล้วคนโจ๊กในชาม ในเมื่อพยายามเข้าทางแม่ไม่สำเร็จเพราะมีประตูปิดตายขวางไว้ก็ต้องดอดมาเข้าทางลูกแทน
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะคุณครู รอสักครู่นะคะ” ขวัญชีวันเดินไปจูงลูกสาวกลับมา
“ข้าวสวยอยากไปโรงเรียนพร้อมกับคุณครูแล้วก็พี่ต้นกล้าไหมลูก” เธอถามลูกสาวต่อหน้าลูกค้าทั้งสองคน
“อยากค่ะคุณแม่” เด็กหญิงตัวน้อยตอบด้วยความดีใจ พี่ต้นกล้าใจดีกับเธอมากเขาเอาขนมมาแบ่งเธอบ่อยๆ ตอนอยู่โรงเรียน คุณครูเตชิตก็ใจดีเลขข้อไหนไม่เข้าใจคุณครูก็จะอธิบายให้ฟังช้าๆ โดยไม่ดุด่าหรือทำเสียงดังและไม่ตีนักเรียนด้วย
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ขอรบกวนคุณครูด้วยนะคะแต่คงต้องเป็นเดือนหน้าเพราะฉันจ่ายค่ารถไปแล้วต้องไปทำเรื่องยกเลิกกับคนขับด้วย”
“ด้วยความยินดีครับคุณขวัญ”
เตชิตขับรถพาลูกไปโรงเรียนด้วยความรื่นเริงในที่สุดแผนพิชิตใจก็ได้เริ่มดำเนินการสักทีเขารู้ว่ามันต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไปเพราะขวัญชีวันเป็นหญิงสาวตัวคนเดียวเธอคงไม่ไว้ใจใครง่ายนัก
คุณครูหนุ่มถึงโรงเรียนด้วยความปลอดภัยแต่พอลงจากรถก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมหยิบเอกสารสำคัญติดมือมาด้วยเขามีสอนคาบเช้าจึงตัดสินใจว่าสอนเสร็จค่อยแวบกลับไปเอาแล้วกัน
เตชิตสอนคาบเช้าเสร็จแล้วก่อนออกไปเขาแวะบอกเพื่อนร่วมงานว่าจะกลับไปเอาของที่บ้านแล้วจะรีบกลับมา ช่วงสายถนนโล่งกว่าตอนเช้ามากเขาขับผ่านร้านของขวัญชีวันและเธอกำลังเก็บร้านอยู่
“ผมช่วยครับ” เตชิตจอดรถทันทีเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะยกถังแก๊สขึ้นไปบนรถเข็น นี่เธอยกเองแบบนี้ทุกวันเลยหรอเนี่ย
“อ้าว คุณครูมาได้ยังไงคะ” ขวัญชีวันตกใจมากที่อยู่ๆ เขาก็โผล่มาจากไหนไม่รู้
“ผมลืมของเลยกลับมาเอา” เตชิตยกถังแก๊สขนาดใหญ่ไปวางบนรถเข็นและมันหนักมากขนาดเขาเป็นผู้ชายยังเหงื่อตกเลย
“คุณยกเองตลอดเลยหรอ”
“ค่ะ”
“มันหนักมากเลยนะ”
“ค่ะ แต่ก็ต้องเอากลับห้องค่ะวางไว้แถวนี้มันเกะกะทางเดินแล้วก็เสี่ยงโดนขโมยด้วย”
“อืม จริงด้วยแต่มันหนักมากเลยนะคุณไม่ปวดหลังแย่หรอ”
“ไม่ค่ะ ฉันชินแล้วขอบคุณมากนะคะคุณครู”
“วันนี้ผมช่วยเข็นไปเก็บนะ” เตชิตบอกโดยไม่รอฟังคำตอบ ทั้งสองคนเดินกันไปเงียบๆ ระยะทางจากร้านไปที่ห้องพักไม่ไกลนัก ขวัญชีวันเกร็งเล็กน้อยที่ต้องอยู่ตามลำพังกับเขา
“จอดตรงนี้เลยค่ะคุณครู” รถเข็นคันเล็กจอดประจำที่อยู่ตรงหน้าห้องพักทุกวัน
“แล้วหม้อพวกนี้ล่ะ”
“เดี๋ยวฉันจัดการเองดีกว่าค่ะ”
“ผมอยากช่วย” เตชิตสำรวจบริเวณรอบๆ ด้วยความรวดเร็ว หน้าห้องมีชั้นวางรองเท้าวางไว้บนนั้นมีรองเท้าคู่เล็กหลายคู่แน่นอนว่าต้องเป็นของหนูข้าวสวยแล้วก็คู่ใหญ่มีดอกไม้ประดับไว้ก็ต้องเป็นของคุณขวัญแต่เขาไม่เห็นรองเท้าผู้ชายเลย
“งั้นฉันรบกวนด้วยนะคะ” ขวัญชีวันปลดล็อกกุญแจและไขลูกบิดประตู เธอเดินนำไปที่ลานซักล้างหลังห้อง
“ขอบคุณมากนะคะ” ขวัญชีวันบอกเมื่อหม้อและถ้วยชามทุกใบมาอยู่ในกะละมังหมดแล้ว
“เอ่อ คือ…” เตชิตไม่อาจเก็บความสงสัยไว้ได้อีก
“มีอะไรหรอคะคุณครู”
“สามีคุณขวัญทำงานอะไรหรอครับ ผมไม่เคยเห็นเขามาช่วยคุณเลย” เตชิตกลั้นใจถามออกไปเพราะจากที่ดูด้วยตาทั้งในและนอกห้องเขาไม่เห็นร่องรอยเครื่องใช้ที่เป็นของผู้ชายแม้แต่ชิ้นเดียว เสื้อผ้าที่ตากไว้บนราวก็มีแต่ของคุณขวัญกับหนูข้าวสวย
“ข้าวสวยไม่เคยเห็นหน้าพ่อค่ะ เราแยกกันตั้งแต่ข้าวสวยยังไม่เกิด”
“ผมเสียใจด้วยครับคุณขวัญ ผมขอโทษที่ถามเรื่องส่วนตัวของคุณ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันทำใจได้แล้ว” แม้ปากจะบอกว่าทำใจได้แต่น้ำตาก็ยังคลอขึ้นมาอยู่ดี ถึงมันจะผ่านมานานแต่เธอก็ไม่เคยลืมเพราะผู้ชายคนนั้นเป็นรักแรกและเป็นคนแรกของเธอทุกการกระทำของเขาทั้งดีและร้ายมันจึงตราตรึงยากที่จะลบไปจากจิตใจ
“ผมแวะบอกคนขับรถโรงเรียนให้แล้ว ถ้าคุณขวัญสะดวกก็ให้หนูข้าวสวยไปโรงเรียนพร้อมผมตั้งแต่พรุ่งนี้ได้เลยนะครับ”
“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“ผมขอตัวนะครับ” เตชิตจำใจต้องเดินออกมาเพราะเจ้าของห้องส่งสายตามาทางประตูสองครั้งแล้ว ชายหนุ่มเข้าใจดีว่าเธอคงอยากมีเวลาส่วนตัวและร้องไห้เพียงลำพังเพราะเขาเองที่สาระแนถามเรื่องที่ทำให้เธอสะเทือนใจ
ตอนที่ 6 เปิดประตูหัวใจ
ขวัญมาตาไปโรงเรียนและกลับบ้านพร้อมกับเตชิตและลูกชายของเขาตลอดเทอมเด็กหญิงรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขเพราะไม่เคยได้รับความรู้สึกแบบนี้มาก่อนความรู้สึกของพ่อที่มีต่อลูก เตชิตทั้งรักและสงสารขวัญมาตาเธอซื่อใสไร้เดียงสาและเป็นเด็กเรียบร้อยเหลือเกิน
“วันนี้เราฉลองสอบวันสุดท้ายด้วยการไปกินไอติมดีไหมนะ” เตชิตแกล้งทำหน้าเครียดแล้วถามเด็กๆ ทั้งสองคนที่นั่งอยู่เบาะหลัง
“ดีครับคุณพ่อ , ดีค่ะคุณครู” ต้นกล้าและขวัญมาตาตอบพร้อมกัน
“งั้นไปกันเลย” เตชิตบอกแล้วออกรถ
“อยากให้คุณแม่มาด้วยจัง” ขวัญมาตาหันไปคุยกับต้นกล้า เธอรู้ว่าแม่คงไม่มาหรอกเพราะตั้งแต่จำความได้แม่จะใช้เงินฟุ่มเฟือยแค่ตอนวันเกิดเธอเท่านั้น เตชิตได้ยินที่เด็กน้อยบอกแล้วแอบอมยิ้มก็เขาโทรไปนัดขวัญชีวันเอาไว้แล้ว
“ข้าวสวยดูสิใครนั่งอยู่ตรงนั้น”
“คุณแม่” ขวัญมาตาวิ่งไปหามารดาด้วยความดีใจ
“คุณแม่มาได้ยังไงคะ” เด็กน้อยถามไถ่มารดา
“คุณครูโทรนัดแม่ไว้จ้ะ ขอบคุณมากนะคะที่ให้ฉันมาด้วย” ขวัญชีวันตอบลูกสาวและบอกขอบคุณชายหนุ่มที่เธอเจอหน้าไม้เว้นสักวัน สำหรับวันที่เด็กๆ ไปโรงเรียนเขาก็จะพาลูกชายมากินโจ๊กแล้วพาลูกสาวเธอไปโรงเรียนด้วยกันตอนเย็นก็พาไปกินขนมหรือไม่ก็ซื้อของอยู่บ่อยๆ แต่เขาจะโทรบอกเธอเสมอว่าพาลูกไปไหน ส่วนวันเสาร์อาทิตย์เขาจะซื้อโจ๊กกลับไปกินที่บ้านโดยเอาใส่ถ้วยไปเธอรู้ว่ามันเป็นข้ออ้างในการเอาถ้วยกลับมาคืนให้ตรงกับเวลาที่เธอเก็บร้าน
“ทำสอบได้ไหมจ๊ะต้นกล้า” หญิงสาวถามเด็กชาย
“ทำได้ครับน้าขวัญ”
“แล้วหนูล่ะจ๊ะข้าวสวยทำได้ไหม” ขวัญชีวันหันมาถามลูกสาวของตัวเอง
“ได้ค่ะ ต้องขอบคุณพี่ต้นที่ช่วยอ่านทวนตำราให้แล้วก็คุณครูด้วยค่ะที่ใจดีกับหนูมาก จริงๆ คุณครูใจดีกับทุกคนเลยแหละค่ะ” ขวัญมาตาตอบด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว เวลาห้าเดือนที่ทั้งคู่รู้จักกันได้สร้างสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นให้เกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ต้นกล้ารักและเอ็นดูขวัญมาตาเหมือนน้องแท้ๆ ส่วนขวัญมาตาก็รักต้นกล้าประหนึ่งพี่ชายในสายเลือด
เด็กน้อยไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนมาก่อนเมื่อได้มารู้จักเตชิตและต้นกล้าเธอก็รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเธอสัมผัสได้ว่าผู้ชายสองคนนี้เป็นคนดีและพร้อมจะปกป้องเธอ
“เมนูครับคุณขวัญ เมนูจ้ะข้าวสวยอยากกินอะไรสั่งเลยนะ” เตชิตยื่นกระดาษแผ่นบางๆ ให้สองแม่ลูก ขวัญชีวันอ่านรายการกับราคาและใจหายวาบ ของหวานถ้วยนึงมีค่าเท่ากับเงินที่เธอใช้หนึ่งวันสองคนกับลูก
“ข้าวสวยสั่งเลยนะคะ แม่ขอชิมของข้าวสวยก็พอ” ขวัญชีวันวางเมนูลงแล้วนั่งบีบมือด้วยความอึดอัดใจ แค่ที่เขาไปรับไปส่งลูกให้โดยไม่คิดเงินเธอก็เกรงใจจะแย่แล้วไหนจะพาไปเที่ยวเล่นกินขนมสัปดาห์ละสองสามวันอีก
“สั่งเถอะ ผมไม่ได้พามาบ่อยๆ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ขอบคุณค่ะ” ขวัญชีวันเลื่อนเมนูกลับไปที่เดิมเพราะเขาเลื่อนมันมาให้เธอ
“คุณแม่ไม่อยากกินหรอคะถ้าคุณแม่ไม่อยากกินหนูไม่กินก็ได้ค่ะ” ขวัญมาตาทำหน้าเศร้าแล้ววางเมนูบ้าง
“หนูข้าวสวยอยากกินมากเลยนะครับ เธอดีใจสุดๆ ตอนที่บอกว่าจะมาร้านไอติม” เตชิตบอกเสียงเรียบๆ
“กินจ้ะ แม่ขอดูก่อนนะว่ากินอันไหนดี” ขวัญชีวันยอมแพ้เพราะทนเห็นใบหน้าแสนเศร้าของลูกไม่ได้ ไว้เธอจะให้เงินคุณครูเขาทีหลังแล้วกัน
ผ่านไปหลายนาทีขวัญชีวันก็เลือกเมนูได้เธอกวาดตามองอยู่หลายเที่ยวจนมั่นใจว่าของที่สั่งราคาถูกที่สุดแล้วส่วนลูกสาวของเธอเลือกไอติมถ้วยกลางราคาไม่แพงมากนัก ทั้งสี่คนกินไอติมเย็นฉ่ำชื่นใจด้วยความเอร็ดอร่อยแต่คนที่อร่อยที่สุดน่าจะเป็นขวัญชีวันเพราะเธอไม่ได้กินเต็มๆ ถ้วยแบบนี้มาหลายปีแล้ว
“ผมขอไปดูหนังสือตรงนั้นนะครับ” เมื่อหม่ำขนมหวานเรียบร้อย เตชิตก็พาเด็กๆ มาร้านหนังสือ
“ครับ อย่าเสียงดังนะดูน้องด้วย”
“ครับพ่อ ข้าวสวยมาเร็ว” ต้นกล้าตอบบิดาแล้วยื่นมือไปให้น้องสาวจับ เด็กชายรู้สึกและซึมซับด้วยตัวเองว่าเด็กคนนี้คือน้องสาวที่เขาต้องดูแลและปกป้อง ส่วนนึงมาจากคำพูดของบิดาและนั่นก็ขึ้นอยู่กับเขาด้วยว่าจะเลือกปฏิบัติกับน้องข้าวสวยยังไงจะเฉยชาไม่ใส่ใจก็ไม่ผิดแต่เขาทำไม่ได้ พ่อเล่าว่าน้องข้าวสวยไม่เคยได้เจอหน้าพ่อตัวเองเลยเธออยู่กับแม่แค่สองคนตั้งแต่เกิดมาและพ่อก็สอนเขามาตั้งแต่เล็กๆ ว่าต้องให้เกียรติและดูแลผู้หญิง
“คุณครูคะ นี่เงินค่าไอติมค่ะ” ขวัญชีวันยื่นธนบัตรสีแดงสี่ใบให้ชายหนุ่มเมื่อเด็กๆ เดินพ้นไป
“ผมชวนมาผมก็ต้องออกให้สิ”
“รับไปเถอะค่ะฉันเกรงใจ คุณไปรับไปส่งข้าวสวยให้โดยไม่คิดเงินฉันก็ลำบากใจจะแย่แล้ว”
“ถ้าคุณลำบากใจนัก เทอมหน้าให้หนูข้าวสวยกลับไปขึ้นรถโรงเรียนก็ได้ครับผมคงไม่น่าไว้ใจจริงๆ”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะคุณครู” ขวัญชีวันกำเงินในมือแน่น เธออึดอัดและเสียใจที่ทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด
“ไม่ใช่แบบนั้นแล้วแบบไหนครับ คุณเองก็น่าจะรู้ว่าผมทำแบบนี้ทำไมผมรักและเอ็นดูข้าวสวยเหมือนลูกตัวเองและผมก็อยากให้คุณเปิดใจกับผมบ้าง”
“ถ้าคุณยืนยันจะให้เงินผมก็จะรับแล้วต่อจากนี้ผมกับลูกต้นจะไม่มาวุ่นวายกับคุณและหนูข้าวสวยอีกเพราะดูเหมือนผมทำอะไรไปก็ไม่เคยดีสักอย่าง”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ฉันขอโทษ” ขวัญชีวันเอ่ยแล้วน้ำตาก็ไหลออกมา
“ขวัญ ไม่เอาไม่ร้องผมขอโทษ” เตชิตเหงื่อตกขึ้นมาทันที เขามองซ้ายมองขวาแล้วพาเธอออกมานั่งที่เก้าอี้หน้าร้านหนังสือเพราะไม่อยากเป็นเป้าสายตาของคนในร้าน
“ฉันไม่ได้คิดว่าคุณไม่น่าไว้ใจฉันแค่เกรงใจ เกรงใจจริงๆ ฉันไม่เคยตอบแทนอะไรคุณเลย” เธออธิบายพร้อมสะอื้นเบาๆ
“ผมขอโทษนะที่พูดจารุนแรงกับคุณ ผมไม่ได้ตั้งใจผมแค่น้อยใจเฉยๆ ไม่ร้องนะขวัญเงียบเถอะผมใจดีไม่ดีเลย”
“ฉันก็ขอโทษที่ตอบแทนความดีของคุณด้วยความงี่เง่า”
“ขวัญไม่งี่เง่าหรอกผมเข้าใจผมผิดเองที่ใจร้อนเอาแต่อารมณ์เป็นใหญ่ ขวัญมีกันแค่สองคนแม่ลูกก็ต้องระวังตัวเวลาจะรับใครเข้ามาในชีวิต”
“ทุกอย่างที่ผมทำให้ขวัญกับข้าวสวยผมเต็มใจขวัญไม่ต้องตอบแทนอะไรทั้งนั้นเข้าใจไหม” เตชิตเอ่ยแล้วกุมมือขวัญชีวันเอาไว้
“ขอบคุณค่ะ” ขวัญชีวันตอบแล้วบีบมืออีกฝ่ายเบาๆ มันเป็นสัมผัสที่นุ่มนวลและแสนอบอุ่นซึ่งหญิงสาวโหยหามันเหลือเกิน
ติดตามให้จบในอีบุ๊คฉบับเต็มที่ mebmarket.com
หนึ่งเดือนเต็มแล้วที่เตชิตพาลูกชายมาเริ่มชีวิตใหม่และมันช่างเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเหลือเกิน บรรยากาศในบ้านสงบสุขและมีแต่ความอ่อนโยนลูกต้นไม่ต้องรับฟังถ้อยคำหยาบคายจากมารดาผู้ให้กำเนิดอีก บริเวณรอบๆ บ้านก็ร่มรื่นสบายหูสบายตามีสนามหญ้าเล็กๆ ให้ลูกได้นั่งเล่นและที่สำคัญปากซอยมีร้านโจ๊กแสนอร่อย
ทุกวันตอนเช้าเตชิตจะพาลูกชายแวะทานโจ๊กก่อนไปโรงเรียน ชายหนุ่มสังเกตว่าไม่เคยเห็นสามีของขวัญชีวันมาช่วยที่ร้านเลยสักวันเขาเดาเอาเองว่าผู้ชายคนนั้นคงออกไปทำงานแต่เช้าใครจะไปกล้าถามคนที่เพิ่งรู้จักกันว่าสามีไปไหนทำไมไม่มาช่วยเหลือดูแลร้านบ้าง
ขวัญชีวันไม่ได้คิดอะไรและไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังตกเป็นเป้าแห่งความรักของผู้ชายคนนึงเพราะเธอมีลูกค้าประจำอยู่หลายสิบคนที่มากินโจ๊กทุกวันไม่ได้ขาด เธอออกจะเกรงใจและเคารพชายหนุ่มแปลกหน้าด้วยซ้ำเพราะเขาคือคุณครูของลูกสาว
วันนี้คือเช้าวันจันทร์ช่วงวันที่ยี่สิบกว่าๆ ขวัญชีวันตั้งร้านขายโจ๊กเหมือนทุกวันแต่เช้านี้ดูจะเงียบกว่าวันอื่นๆ เธอเอาเงินออกมานับแล้วคิดบวกลบอยู่ในใจส่วนนึงต้องกันไว้เพื่อค่าเช่าห้องสี่พันค่าน้ำค่าไฟก็ประมาณเจ็ดร้อยค่ารถโรงเรียนลูกเดือนละหนึ่งพันสองร้อย เดือนๆ นึงต้องมีเงินไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นห้าพันบาทถึงจะพอใช้จ่ายสำหรับสองแม่ลูก เธอเองไม่เคยไปเที่ยวเตร่ใช้เงินฟุ่มเฟือย เงินทุกบาททุกสตางค์หมดไปกับค่าเล่าเรียนค่าใช้จ่ายรายวันของลูกสาวแต่เธอก็เต็มใจและมีความสุขเพราะลูกรักการเรียนเหลือเกินและทำคะแนนได้ดีทุกวิชา
“เงินไม่พอหรอคะคุณแม่” ขวัญมาตาถามมารดาที่นั่งนับเงินอยู่เงียบๆ มาสักครู่แล้ว
“พอจ้ะ” ขวัญชีวันอุ้มลูกสาวมานั่งบนตัก
“ถ้าไม่พอคุณแม่เอาเงินในกระปุกหนูนะคะ”
“จ้ะ ขอบใจมากนะลูก” ขวัญชีวันตอบลูกสาวแล้วกอดตัวน้อยๆ ให้แน่นกว่าเดิม ข้าวสวยคือหัวใจและชีวิตของเธอถึงแม้มันจะลำบากและเหนื่อยแทบขาดใจในการหาเงินแต่ละบาทให้พอใช้จ่ายแต่เธอก็จะสู้สุดใจตราบใดที่ยังมีมือมีเท้าครบถ้วนเธอจะไม่ท้อถอยเป็นอันขาด
“สวัสดีค่ะคุณครู” สองแม่ลูกทักทายลูกค้าขาประจำด้วยประโยคเดียวกันเป๊ะ เตชิตเห็นว่าหญิงสาวมีน้ำตาคลอหน่วยในแววตาของเธอหม่นเศร้าต่างจากทุกวันเขาอยากรู้เหลือเกินว่ามีเรื่องอะไรรบกวนจิตใจเธอให้เศร้าโศกแบบนั้น
“รับเหมือนเดิมไหมคะ” ขวัญชีวันถาม
“เหมือนเดิมครับ” เตชิตตอบแล้วเลือกนั่งโต๊ะที่ไกลที่สุด
“ขอบคุณครับข้าวสวย วันนี้คุณแม่ไม่สบายรึเปล่า” คุณครูรับน้ำเย็นแล้วไถ่ถามลูกศิษย์ตัวน้อย
“ไม่ค่ะคุณครู คุณแม่สบายดีทำไมหรอคะ” ข้าวสวยแปลกใจกับคำถามมาก
“ครูเห็นคุณแม่ของข้าวสวยหน้าซีดๆ”
“ก่อนคุณครูจะมาคุณแม่นับเงินอยู่ค่ะ” เด็กน้อยตอบไปตามความจริง
“เงินค่าอะไรหรอครับ”
“เงินค่าเช่าห้องค่ะแล้วก็ค่าทุกอย่างที่ต้องจ่าย” เมื่อได้ฟังเรื่องราวเตชิตก็เข้าใจทันทีว่าทำไมแม่ค้าคนดีของเขาถึงมีสีหน้าแบบนั้น มันคงจะเหนื่อยและเครียดมากกับการหาเงินให้พอใช้จ่ายในแต่ละเดือน
“คุณขวัญครับ”
“คะ คุณครู”
“คือ ให้หนูข้าวสวยไปโรงเรียนพร้อมผมกับต้นกล้าก็ได้นะครับยังไงก็ไปที่เดียวกันทางเดียวกันอยู่แล้ว”
“อย่าเลยค่ะ ฉันเกรงใจแล้วก็ลำบากพวกคุณเปล่าๆ”
“ไม่ลำบากเลยครับน้าขวัญ ผมอยากให้น้องข้าวสวยไปโรงเรียนพร้อมกัน” ต้นกล้ารีบเปิดปากพูดทันทีเมื่อบิดาส่งสายตาสื่อความหมายมาให้
“ไม่ดีกว่าค่ะ ข้าวสวยช่างพูดฉันกลัวพวกคุณรำคาญค่ะ”
“ไม่เลยครับ หนูข้าวสวยน่าเอ็นดูไม่ได้น่ารำคาญเลยแต่ถ้าคุณไม่ไว้ใจก็ไม่เป็นไรครับผมขอโทษที่ถาม” เตชิตแกล้งทำหน้าเศร้าแล้วคนโจ๊กในชาม ในเมื่อพยายามเข้าทางแม่ไม่สำเร็จเพราะมีประตูปิดตายขวางไว้ก็ต้องดอดมาเข้าทางลูกแทน
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะคุณครู รอสักครู่นะคะ” ขวัญชีวันเดินไปจูงลูกสาวกลับมา
“ข้าวสวยอยากไปโรงเรียนพร้อมกับคุณครูแล้วก็พี่ต้นกล้าไหมลูก” เธอถามลูกสาวต่อหน้าลูกค้าทั้งสองคน
“อยากค่ะคุณแม่” เด็กหญิงตัวน้อยตอบด้วยความดีใจ พี่ต้นกล้าใจดีกับเธอมากเขาเอาขนมมาแบ่งเธอบ่อยๆ ตอนอยู่โรงเรียน คุณครูเตชิตก็ใจดีเลขข้อไหนไม่เข้าใจคุณครูก็จะอธิบายให้ฟังช้าๆ โดยไม่ดุด่าหรือทำเสียงดังและไม่ตีนักเรียนด้วย
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ขอรบกวนคุณครูด้วยนะคะแต่คงต้องเป็นเดือนหน้าเพราะฉันจ่ายค่ารถไปแล้วต้องไปทำเรื่องยกเลิกกับคนขับด้วย”
“ด้วยความยินดีครับคุณขวัญ”
เตชิตขับรถพาลูกไปโรงเรียนด้วยความรื่นเริงในที่สุดแผนพิชิตใจก็ได้เริ่มดำเนินการสักทีเขารู้ว่ามันต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไปเพราะขวัญชีวันเป็นหญิงสาวตัวคนเดียวเธอคงไม่ไว้ใจใครง่ายนัก
คุณครูหนุ่มถึงโรงเรียนด้วยความปลอดภัยแต่พอลงจากรถก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมหยิบเอกสารสำคัญติดมือมาด้วยเขามีสอนคาบเช้าจึงตัดสินใจว่าสอนเสร็จค่อยแวบกลับไปเอาแล้วกัน
เตชิตสอนคาบเช้าเสร็จแล้วก่อนออกไปเขาแวะบอกเพื่อนร่วมงานว่าจะกลับไปเอาของที่บ้านแล้วจะรีบกลับมา ช่วงสายถนนโล่งกว่าตอนเช้ามากเขาขับผ่านร้านของขวัญชีวันและเธอกำลังเก็บร้านอยู่
“ผมช่วยครับ” เตชิตจอดรถทันทีเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะยกถังแก๊สขึ้นไปบนรถเข็น นี่เธอยกเองแบบนี้ทุกวันเลยหรอเนี่ย
“อ้าว คุณครูมาได้ยังไงคะ” ขวัญชีวันตกใจมากที่อยู่ๆ เขาก็โผล่มาจากไหนไม่รู้
“ผมลืมของเลยกลับมาเอา” เตชิตยกถังแก๊สขนาดใหญ่ไปวางบนรถเข็นและมันหนักมากขนาดเขาเป็นผู้ชายยังเหงื่อตกเลย
“คุณยกเองตลอดเลยหรอ”
“ค่ะ”
“มันหนักมากเลยนะ”
“ค่ะ แต่ก็ต้องเอากลับห้องค่ะวางไว้แถวนี้มันเกะกะทางเดินแล้วก็เสี่ยงโดนขโมยด้วย”
“อืม จริงด้วยแต่มันหนักมากเลยนะคุณไม่ปวดหลังแย่หรอ”
“ไม่ค่ะ ฉันชินแล้วขอบคุณมากนะคะคุณครู”
“วันนี้ผมช่วยเข็นไปเก็บนะ” เตชิตบอกโดยไม่รอฟังคำตอบ ทั้งสองคนเดินกันไปเงียบๆ ระยะทางจากร้านไปที่ห้องพักไม่ไกลนัก ขวัญชีวันเกร็งเล็กน้อยที่ต้องอยู่ตามลำพังกับเขา
“จอดตรงนี้เลยค่ะคุณครู” รถเข็นคันเล็กจอดประจำที่อยู่ตรงหน้าห้องพักทุกวัน
“แล้วหม้อพวกนี้ล่ะ”
“เดี๋ยวฉันจัดการเองดีกว่าค่ะ”
“ผมอยากช่วย” เตชิตสำรวจบริเวณรอบๆ ด้วยความรวดเร็ว หน้าห้องมีชั้นวางรองเท้าวางไว้บนนั้นมีรองเท้าคู่เล็กหลายคู่แน่นอนว่าต้องเป็นของหนูข้าวสวยแล้วก็คู่ใหญ่มีดอกไม้ประดับไว้ก็ต้องเป็นของคุณขวัญแต่เขาไม่เห็นรองเท้าผู้ชายเลย
“งั้นฉันรบกวนด้วยนะคะ” ขวัญชีวันปลดล็อกกุญแจและไขลูกบิดประตู เธอเดินนำไปที่ลานซักล้างหลังห้อง
“ขอบคุณมากนะคะ” ขวัญชีวันบอกเมื่อหม้อและถ้วยชามทุกใบมาอยู่ในกะละมังหมดแล้ว
“เอ่อ คือ…” เตชิตไม่อาจเก็บความสงสัยไว้ได้อีก
“มีอะไรหรอคะคุณครู”
“สามีคุณขวัญทำงานอะไรหรอครับ ผมไม่เคยเห็นเขามาช่วยคุณเลย” เตชิตกลั้นใจถามออกไปเพราะจากที่ดูด้วยตาทั้งในและนอกห้องเขาไม่เห็นร่องรอยเครื่องใช้ที่เป็นของผู้ชายแม้แต่ชิ้นเดียว เสื้อผ้าที่ตากไว้บนราวก็มีแต่ของคุณขวัญกับหนูข้าวสวย
“ข้าวสวยไม่เคยเห็นหน้าพ่อค่ะ เราแยกกันตั้งแต่ข้าวสวยยังไม่เกิด”
“ผมเสียใจด้วยครับคุณขวัญ ผมขอโทษที่ถามเรื่องส่วนตัวของคุณ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันทำใจได้แล้ว” แม้ปากจะบอกว่าทำใจได้แต่น้ำตาก็ยังคลอขึ้นมาอยู่ดี ถึงมันจะผ่านมานานแต่เธอก็ไม่เคยลืมเพราะผู้ชายคนนั้นเป็นรักแรกและเป็นคนแรกของเธอทุกการกระทำของเขาทั้งดีและร้ายมันจึงตราตรึงยากที่จะลบไปจากจิตใจ
“ผมแวะบอกคนขับรถโรงเรียนให้แล้ว ถ้าคุณขวัญสะดวกก็ให้หนูข้าวสวยไปโรงเรียนพร้อมผมตั้งแต่พรุ่งนี้ได้เลยนะครับ”
“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“ผมขอตัวนะครับ” เตชิตจำใจต้องเดินออกมาเพราะเจ้าของห้องส่งสายตามาทางประตูสองครั้งแล้ว ชายหนุ่มเข้าใจดีว่าเธอคงอยากมีเวลาส่วนตัวและร้องไห้เพียงลำพังเพราะเขาเองที่สาระแนถามเรื่องที่ทำให้เธอสะเทือนใจ
ตอนที่ 6 เปิดประตูหัวใจ
ขวัญมาตาไปโรงเรียนและกลับบ้านพร้อมกับเตชิตและลูกชายของเขาตลอดเทอมเด็กหญิงรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขเพราะไม่เคยได้รับความรู้สึกแบบนี้มาก่อนความรู้สึกของพ่อที่มีต่อลูก เตชิตทั้งรักและสงสารขวัญมาตาเธอซื่อใสไร้เดียงสาและเป็นเด็กเรียบร้อยเหลือเกิน
“วันนี้เราฉลองสอบวันสุดท้ายด้วยการไปกินไอติมดีไหมนะ” เตชิตแกล้งทำหน้าเครียดแล้วถามเด็กๆ ทั้งสองคนที่นั่งอยู่เบาะหลัง
“ดีครับคุณพ่อ , ดีค่ะคุณครู” ต้นกล้าและขวัญมาตาตอบพร้อมกัน
“งั้นไปกันเลย” เตชิตบอกแล้วออกรถ
“อยากให้คุณแม่มาด้วยจัง” ขวัญมาตาหันไปคุยกับต้นกล้า เธอรู้ว่าแม่คงไม่มาหรอกเพราะตั้งแต่จำความได้แม่จะใช้เงินฟุ่มเฟือยแค่ตอนวันเกิดเธอเท่านั้น เตชิตได้ยินที่เด็กน้อยบอกแล้วแอบอมยิ้มก็เขาโทรไปนัดขวัญชีวันเอาไว้แล้ว
“ข้าวสวยดูสิใครนั่งอยู่ตรงนั้น”
“คุณแม่” ขวัญมาตาวิ่งไปหามารดาด้วยความดีใจ
“คุณแม่มาได้ยังไงคะ” เด็กน้อยถามไถ่มารดา
“คุณครูโทรนัดแม่ไว้จ้ะ ขอบคุณมากนะคะที่ให้ฉันมาด้วย” ขวัญชีวันตอบลูกสาวและบอกขอบคุณชายหนุ่มที่เธอเจอหน้าไม้เว้นสักวัน สำหรับวันที่เด็กๆ ไปโรงเรียนเขาก็จะพาลูกชายมากินโจ๊กแล้วพาลูกสาวเธอไปโรงเรียนด้วยกันตอนเย็นก็พาไปกินขนมหรือไม่ก็ซื้อของอยู่บ่อยๆ แต่เขาจะโทรบอกเธอเสมอว่าพาลูกไปไหน ส่วนวันเสาร์อาทิตย์เขาจะซื้อโจ๊กกลับไปกินที่บ้านโดยเอาใส่ถ้วยไปเธอรู้ว่ามันเป็นข้ออ้างในการเอาถ้วยกลับมาคืนให้ตรงกับเวลาที่เธอเก็บร้าน
“ทำสอบได้ไหมจ๊ะต้นกล้า” หญิงสาวถามเด็กชาย
“ทำได้ครับน้าขวัญ”
“แล้วหนูล่ะจ๊ะข้าวสวยทำได้ไหม” ขวัญชีวันหันมาถามลูกสาวของตัวเอง
“ได้ค่ะ ต้องขอบคุณพี่ต้นที่ช่วยอ่านทวนตำราให้แล้วก็คุณครูด้วยค่ะที่ใจดีกับหนูมาก จริงๆ คุณครูใจดีกับทุกคนเลยแหละค่ะ” ขวัญมาตาตอบด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว เวลาห้าเดือนที่ทั้งคู่รู้จักกันได้สร้างสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นให้เกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ต้นกล้ารักและเอ็นดูขวัญมาตาเหมือนน้องแท้ๆ ส่วนขวัญมาตาก็รักต้นกล้าประหนึ่งพี่ชายในสายเลือด
เด็กน้อยไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนมาก่อนเมื่อได้มารู้จักเตชิตและต้นกล้าเธอก็รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเธอสัมผัสได้ว่าผู้ชายสองคนนี้เป็นคนดีและพร้อมจะปกป้องเธอ
“เมนูครับคุณขวัญ เมนูจ้ะข้าวสวยอยากกินอะไรสั่งเลยนะ” เตชิตยื่นกระดาษแผ่นบางๆ ให้สองแม่ลูก ขวัญชีวันอ่านรายการกับราคาและใจหายวาบ ของหวานถ้วยนึงมีค่าเท่ากับเงินที่เธอใช้หนึ่งวันสองคนกับลูก
“ข้าวสวยสั่งเลยนะคะ แม่ขอชิมของข้าวสวยก็พอ” ขวัญชีวันวางเมนูลงแล้วนั่งบีบมือด้วยความอึดอัดใจ แค่ที่เขาไปรับไปส่งลูกให้โดยไม่คิดเงินเธอก็เกรงใจจะแย่แล้วไหนจะพาไปเที่ยวเล่นกินขนมสัปดาห์ละสองสามวันอีก
“สั่งเถอะ ผมไม่ได้พามาบ่อยๆ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ขอบคุณค่ะ” ขวัญชีวันเลื่อนเมนูกลับไปที่เดิมเพราะเขาเลื่อนมันมาให้เธอ
“คุณแม่ไม่อยากกินหรอคะถ้าคุณแม่ไม่อยากกินหนูไม่กินก็ได้ค่ะ” ขวัญมาตาทำหน้าเศร้าแล้ววางเมนูบ้าง
“หนูข้าวสวยอยากกินมากเลยนะครับ เธอดีใจสุดๆ ตอนที่บอกว่าจะมาร้านไอติม” เตชิตบอกเสียงเรียบๆ
“กินจ้ะ แม่ขอดูก่อนนะว่ากินอันไหนดี” ขวัญชีวันยอมแพ้เพราะทนเห็นใบหน้าแสนเศร้าของลูกไม่ได้ ไว้เธอจะให้เงินคุณครูเขาทีหลังแล้วกัน
ผ่านไปหลายนาทีขวัญชีวันก็เลือกเมนูได้เธอกวาดตามองอยู่หลายเที่ยวจนมั่นใจว่าของที่สั่งราคาถูกที่สุดแล้วส่วนลูกสาวของเธอเลือกไอติมถ้วยกลางราคาไม่แพงมากนัก ทั้งสี่คนกินไอติมเย็นฉ่ำชื่นใจด้วยความเอร็ดอร่อยแต่คนที่อร่อยที่สุดน่าจะเป็นขวัญชีวันเพราะเธอไม่ได้กินเต็มๆ ถ้วยแบบนี้มาหลายปีแล้ว
“ผมขอไปดูหนังสือตรงนั้นนะครับ” เมื่อหม่ำขนมหวานเรียบร้อย เตชิตก็พาเด็กๆ มาร้านหนังสือ
“ครับ อย่าเสียงดังนะดูน้องด้วย”
“ครับพ่อ ข้าวสวยมาเร็ว” ต้นกล้าตอบบิดาแล้วยื่นมือไปให้น้องสาวจับ เด็กชายรู้สึกและซึมซับด้วยตัวเองว่าเด็กคนนี้คือน้องสาวที่เขาต้องดูแลและปกป้อง ส่วนนึงมาจากคำพูดของบิดาและนั่นก็ขึ้นอยู่กับเขาด้วยว่าจะเลือกปฏิบัติกับน้องข้าวสวยยังไงจะเฉยชาไม่ใส่ใจก็ไม่ผิดแต่เขาทำไม่ได้ พ่อเล่าว่าน้องข้าวสวยไม่เคยได้เจอหน้าพ่อตัวเองเลยเธออยู่กับแม่แค่สองคนตั้งแต่เกิดมาและพ่อก็สอนเขามาตั้งแต่เล็กๆ ว่าต้องให้เกียรติและดูแลผู้หญิง
“คุณครูคะ นี่เงินค่าไอติมค่ะ” ขวัญชีวันยื่นธนบัตรสีแดงสี่ใบให้ชายหนุ่มเมื่อเด็กๆ เดินพ้นไป
“ผมชวนมาผมก็ต้องออกให้สิ”
“รับไปเถอะค่ะฉันเกรงใจ คุณไปรับไปส่งข้าวสวยให้โดยไม่คิดเงินฉันก็ลำบากใจจะแย่แล้ว”
“ถ้าคุณลำบากใจนัก เทอมหน้าให้หนูข้าวสวยกลับไปขึ้นรถโรงเรียนก็ได้ครับผมคงไม่น่าไว้ใจจริงๆ”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะคุณครู” ขวัญชีวันกำเงินในมือแน่น เธออึดอัดและเสียใจที่ทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด
“ไม่ใช่แบบนั้นแล้วแบบไหนครับ คุณเองก็น่าจะรู้ว่าผมทำแบบนี้ทำไมผมรักและเอ็นดูข้าวสวยเหมือนลูกตัวเองและผมก็อยากให้คุณเปิดใจกับผมบ้าง”
“ถ้าคุณยืนยันจะให้เงินผมก็จะรับแล้วต่อจากนี้ผมกับลูกต้นจะไม่มาวุ่นวายกับคุณและหนูข้าวสวยอีกเพราะดูเหมือนผมทำอะไรไปก็ไม่เคยดีสักอย่าง”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ฉันขอโทษ” ขวัญชีวันเอ่ยแล้วน้ำตาก็ไหลออกมา
“ขวัญ ไม่เอาไม่ร้องผมขอโทษ” เตชิตเหงื่อตกขึ้นมาทันที เขามองซ้ายมองขวาแล้วพาเธอออกมานั่งที่เก้าอี้หน้าร้านหนังสือเพราะไม่อยากเป็นเป้าสายตาของคนในร้าน
“ฉันไม่ได้คิดว่าคุณไม่น่าไว้ใจฉันแค่เกรงใจ เกรงใจจริงๆ ฉันไม่เคยตอบแทนอะไรคุณเลย” เธออธิบายพร้อมสะอื้นเบาๆ
“ผมขอโทษนะที่พูดจารุนแรงกับคุณ ผมไม่ได้ตั้งใจผมแค่น้อยใจเฉยๆ ไม่ร้องนะขวัญเงียบเถอะผมใจดีไม่ดีเลย”
“ฉันก็ขอโทษที่ตอบแทนความดีของคุณด้วยความงี่เง่า”
“ขวัญไม่งี่เง่าหรอกผมเข้าใจผมผิดเองที่ใจร้อนเอาแต่อารมณ์เป็นใหญ่ ขวัญมีกันแค่สองคนแม่ลูกก็ต้องระวังตัวเวลาจะรับใครเข้ามาในชีวิต”
“ทุกอย่างที่ผมทำให้ขวัญกับข้าวสวยผมเต็มใจขวัญไม่ต้องตอบแทนอะไรทั้งนั้นเข้าใจไหม” เตชิตเอ่ยแล้วกุมมือขวัญชีวันเอาไว้
“ขอบคุณค่ะ” ขวัญชีวันตอบแล้วบีบมืออีกฝ่ายเบาๆ มันเป็นสัมผัสที่นุ่มนวลและแสนอบอุ่นซึ่งหญิงสาวโหยหามันเหลือเกิน
ติดตามให้จบในอีบุ๊คฉบับเต็มที่ mebmarket.com
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ