พิเศษ…ใส่รัก
-
เขียนโดย Annakan
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 11.44 น.
3 ตอน
0 วิจารณ์
4,550 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 กันยายน พ.ศ. 2560 11.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ตอน 3-4
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 3 ลูกที่แม่ไม่รัก
วันนี้ต้นกล้าลูกชายสุดที่รักของเตชิตอายุครบสิบขวบเต็มสองพ่อลูกนั่งทานมื้อเย็นด้วยกันอย่างมีความสุข คนพ่อพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อให้ลูกไม่นึกถึงมารดาที่ยังไม่ปรากฏตัวสักทีทั้งที่นัดกันไว้ดิบดีแล้ว
“เราตัดเค้กกันดีกว่าเนอะ” สามทุ่มครึ่งแล้วมาหยาก็ยังไม่ถึงบ้าน ลูกต้นตาใกล้จะปิดเต็มทีแล้วเขาจึงคิดว่าไม่ควรรอให้เสียเวลา
“อธิษฐานก่อนเป่าเทียนด้วยนะ” ในใจของเด็กชายขอพรแบบเดิมทุกครั้งคืออยากอยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูกบ้าง
“ชิ้นนี้ของคุณแม่นะครับ” ต้นกล้าตัดเค้กชิ้นแรกส่งให้พ่อ ชิ้นที่สองใส่จานแยกไว้และสุดท้ายจึงตัดให้ตัวเอง
“ฝันดีนะครับ พ่อรักต้นนะ” เตชิตพาลูกชายมาส่งห้องสองคนพ่อลูกกอดกันแน่น ต้นกล้าล้มตัวลงนอนและหลับแทบจะทันทีเพราะอิ่มมาก
“นี่วันเกิดลูกนะหยา” เตชิตนั่งรอภรรยาด้วยความอดทนเกือบเที่ยงคืนเธอจึงเดินโซเซเข้ามา
“แล้วหง่ะ” แม่สาวหน้าแฉล้มพูดไม่เป็นภาษาเพราะกำลังเมาได้ที่
“คุณช่วยให้ความสำคัญกับลูกมากกว่านี้ได้ไหม”
“ก็เบ่งมันออกมาให้แล้วจะเอาอะไรอีก”
“หยา ทำไมพูดแบบนี้”
“ลูกต้นครับ ลูกต้นขา น่ารำคาญจะโอ๋กันไปยันตายเลยไหม” มาหยาแผดเสียงดังลั่น ต้นกล้าได้ยินเสียงมารดาก็รีบวิ่งลงมาด้วยความดีใจโดยที่พ่อกับแม่ยังไม่รู้ตัวเลยว่าลูกตื่นแล้ว
“มันไม่ใช่การโอ๋แต่มันคือความรักที่พ่อมีให้กับลูกมันผิดตรงไหน” เตชิตพยายามอธิบายให้ภรรยาเข้าใจ
“กลับบ้านเร็วสักคืนเพื่อลูกมันลำบากหรอหยา”
“ใช่ หน้าที่ของฉันคืออุ้มท้องมันหน้าที่ของแกคือเลี้ยงมันอย่ามายุ่งกับฉันอีก” พอถึงเวลาด่ามาหยากลับพูดได้ชัดถ้อยชัดคำไม่มีผิดเพี้ยน
“หยา ทำไมพูดแบบนี้นั่นลูกนะ”
“ลูกแกไม่ใช่ลูกฉัน ฉันไม่เคยอยากมีลูกไม่เคยอยากเป็นแม่”
“คุณแม่พูดจริงหรอครับ” ต้นกล้าถือจานเค้กด้วยมืออันสั่นเทา น้ำตาหยดเล็กๆ เริ่มไหลออกมาเด็กน้อยได้ยินชัดทุกถ้อยคำจากปากมารดา
“เออ ฉันพูดจริงฉันไม่อยากมีลูกไม่อยากเป็นแม่แก” มาหยาจิ้มหน้าผากเด็กชายด้วยความรำคาญ
“หยุดนะหยา” เตชิตขึ้นเสียง
“แม่เขาไม่ได้หมายความแบบนั้นครับต้นกล้าแม่พูดเพราะเมา” เตชิตนั่งยองๆ แล้วจับไหล่ลูกชายเอาไว้
“ฉันเมาจริงแต่สติครบถ้วน ฉันไม่อยากเป็นแม่แกไอ้ตัวซวยดูสิตั้งแต่เบ่งแกออกมาหุ่นฉันเสียหมดหัวนมก็ไม่สวยเหมือนเดิมเพราะแกคนเดียวเลยไอ้เด็กเวร”
“แม่” ปากเล็กๆ ของเด็กชายสั่นระริก หัวใจดวงน้อยแหลกสลาย
“หยา พอแล้ว”
“ทีวันเกิดฉันเคยมีเค้กให้สักชิ้นไหม ไม่เคย เพล้ง” มาหยาคว้าจานเค้กในมือต้นกล้าขว้างลงพื้นเต็มแรง
“ฮือๆๆๆ” ทั้งบ้านมีแต่เสียงอันน่าเวทนา เสียงเด็กชายร้องไห้เสียงสาปแช่งก่นด่าของมารดาและเสียงร้องห้ามของผู้ชายคนนึงที่กำลังอ่อนแรงไปเรื่อยๆ
“พอได้แล้วมาหยา” เตชิตร้องห้ามภรรยาเพราะเธอตั้งท่าจะตีลูกชาย
“ทำไม เตะต้องไม่ได้เลยใช่ไหม” มาหยาตวาดกลับ
“แล้วลูกทำผิดอะไร คุณจะตีลูกด้วยเหตุผลอะไร”
“ผิดที่มันเกิดมาไง”
“ผมว่าคุณขึ้นไปนอนเถอะ คุยกันไปก็ไม่รู้” เตชิตจูงลูกชายกลับขึ้นห้อง
“จะไปไหนอย่ามาเดินหนีฉันนะ” มาหยากระชากแขนเตชิตกลับมา
“แกหลอกฉันแกทำลายชีวิตฉัน ไหนว่าบ้านรวยแล้วทำไมฉันไม่เคยได้มรดกอะไรจากแกสักชิ้นทั้งชีวิตมีดีแค่อย่างเดียวแค่เอาเก่ง”
“มาหยา มันจะมากไปแล้ว”
“ทำไม ที่อยู่กับฉันไม่ใช่เพราะชอบเอากันหรอเอากันตรงนี้เลยไหมล่ะ” มาหยาปลดเสื้อสายเดี่ยวออกจากไหล่
“หยุดเลยนะ ทำบ้าอะไรเนี่ย” ทุกครั้งที่หลับนอนกันมาหยาจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เธอจะออดอ้อนและยั่วยวนจนเตชิตใจอ่อนและจริงๆ ชายหนุ่มก็รักภรรยา เขาหวังว่ากิจกรรมนี้จะช่วยสมานแผลต่อเติมเป็นความรักและให้ผลลัพธ์เป็นครอบครัวที่อบอุ่นในสักวัน ตั้งแต่มีมาหยาเป็นเมียเตชิตก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับใครอีกซึ่งต่างกับมาหยาลิบลับ
“ใส่กลับไปที่เดิมเลยนะ” เตชิตพยายามเอาสายเสื้อเล็กๆ กลับไปอยู่ที่เดิม
“ก็จะถอด” มาหยาก็ดิ้นรนจะถอดเสื้อผ้าตัวเองให้ได้
“เออ ตามใจเลยจะถอดก็ถอดไป” เตชิตผลักไหล่ภรรยาแล้วเตรียมจะพาลูกขึ้นชั้นบน
“แก กล้าผลักฉันหรอไอ้เต้” มาหยากระชากสามีกลับมาอีกครั้ง
“ไว้คุยกันพรุ่งนี้หยา คุณเมามาก” เตชิตบอก
“เพี๊ยะ” เสียงฝ่ามือฟาดไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มแรง
“มาหยา” เตชิตย่างสามขุมเข้าหาภรรยา มือใหญ่เงื้อขึ้นสุดแขน
“ตบสิ ลูกบังเกิดเกล้าของแกจะได้เห็นว่าพ่อมันชั่ว” มาหยายื่นหน้าไปให้สามี
“ในที่นี้ไม่มีใครชั่วนอกจากคุณ” เตชิตกำหมัดแน่นพร้อมตะคอกใส่หน้าอีกฝ่ายแล้วหันหลังกลับอีกครั้ง
“แก ไอ้ชั่ว ไอ้สารเลว” มาหยารัวกำปั้นใส่ทุกส่วนของร่างกายสามีด้วยความโกรธแค้น
“คุณแม่อย่าทำคุณพ่อ ฮือๆๆ” ต้นกล้าเข้าไปห้ามมารดาให้หยุดทำร้ายบิดา
“หลบไปไอ้เด็กเวร” มาหยาเหวี่ยงลูกชายไปอีกทางแล้วตบตีเตชิตต่อไป
“โอ๊ย” ต้นกล้าล้มไปบนพื้นตรงที่เศษแก้วกระจัดกระจายอยู่
“หยา หยุดนะ หยุดผมบอกให้หยุด ลูกโดนแก้วบาดเห็นไหม” เตชิตเอามือป้องหมัดจากภรรยา
“ช่างมัน ตายห่าไปเลยยิ่งดี” มาหยาตอบ
“คุณบังคับให้ผมทำแบบนี้นะหยา” เตชิตรวบแขนทั้งสองของภรรยาไว้แล้วลากไปขังในห้องน้ำ เขารีบมาตรวจดูบาดแผลของลูกชายและเห็นว่ามันลึกพอสมควร
“ไปโรงพยาบาลนะต้น อดทนหน่อยนะลูก” เตชิตอุ้มลูกชายแล้วพาไปที่รถทันที
ชายหนุ่มนั่งรอหน้าห้องฉุกเฉินด้วยความร้อนใจเพราะด้านในมีแต่ความวุ่นวายเขาจึงไม่อยากไปยืนเกะกะขวางการทำงานของหมอและพยาบาล ผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ ลูกชายของเขาก็ได้รับการทำแผลและเย็บไปหลายเข็มแถวต้นขาเพราะตรงนั้นแผลมันลึกมาก
“พ่อครับ แม่เขาไม่รักผมหรอ” นั่นคือคำถามแรกที่หลุดออกมาเมื่อเจอหน้าบิดา
“รักลูก” เตชิตตอบ
“พ่อเคยบอกว่าการโกหกเป็นสิ่งไม่ดีไม่ใช่หรอครับ ผมรู้ว่าพ่อโกหกเวลาพ่อโกหกพ่อจะทำหน้าแบบเมื่อกี้”
“บางคำถามเราก็ไม่อยากตอบออกมาเป็นคำพูดหรอกต้น ในเมื่อต้นรู้คำตอบอยู่แล้วพ่อขอถามกลับบ้างได้ไหม”
“ได้ครับพ่อ”
“ถ้าแม่เขาไม่รักต้นพ่อก็บังคับไม่ได้แต่พ่อรักต้นที่สุดต้นรับรู้ไว้แค่นี้ได้ไหมครับ”
“ครับพ่อ” ต้นกล้ากอดบิดาและนาทีนั้นเด็กชายก็รับรู้ว่ามีแค่เพียงพ่อเท่านั้นที่รักเขาเพราะการแสดงออกของแม่มันชัดเจนแล้วว่าท่านไม่เคยต้องการเด็กคนนี้ในชีวิต ต้นกล้าไม่โกรธหรือเกลียดแม่เขาแค่เสียใจที่เกิดมาแต่กลับกลายเป็นลูกที่แม่ไม่รัก
ตอนที่ 4 แม่ค้าหน้าหวาน
หลังจากเหตุการณ์คืนนั้นเตชิตก็ออกมาจากชีวิตของมาหยา ลำพังแค่ตัวเขาเองเขาทนได้เธอจะด่าจะว่าจะตบตียังไงก็เอาให้สาใจแต่การมาพูดต่อหน้าลูกทำร้ายลูกแบบนั้นเขาจะไม่ทน อยู่ไปลูกก็จะได้รับรู้แต่สิ่งที่ปวดร้าวหัวใจในเมื่อเธอไม่ยอมไปเขากับลูกจะไปเอง
“คุณพ่อต้องย้ายที่ทำงานเพราะผมใช่ไหมครับ”
“แล้วไม่ดีหรอต้นเราจะได้อยู่กันสองคนพ่อลูก ไม่ต้องคิดถึงเรื่องเก่าๆ”
“ดีครับพ่อ”
ทั้งคู่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันข้าวของเงินทองเตชิตยกให้ผู้หญิงคนนั้นทั้งหมดเขาเอามาแค่เพียงสมบัติของลูกเสื้อผ้าตัวเองและรถยนต์หนึ่งคัน ดูเธอดีใจด้วยซ้ำที่จะได้ครอบครองบ้านทั้งหลังไว้คนเดียว
“นอนกันดีกว่าลูก พรุ่งนี้เปิดเทอมวันแรก”
สองพ่อลูกย้ายมาอยู่ที่ซอยเล็กๆ ของชานเมือง ยังดีว่าเขาพอมีเพื่อนฝูงอยู่บ้างจึงได้มาเป็นคุณครูที่โรงเรียนรัฐบาลแห่งนึงไม่ไกลจากบ้านพักมากนัก
“พรุ่งนี้เช้าต้นอยากกินอะไรลูก”
“ผมอยากไปกินโจ๊กที่หน้าปากซอยได้ไหมครับพ่อ”
“ได้สิ พ่อไปส่งเข้านอนนะ” เตชิตพาลูกไปส่งที่เตียงแล้วห่มผ้าให้ บ้านหลังใหม่คือบ้านเดี่ยวท้ายซอยและมันเงียบสงบมาก เขาหวังว่าต่อจากนี้ชีวิตของเขาและลูกชายจะมีแต่ความสุขไม่ต้องพบเจอความปวดร้าวใดๆ อีก
“ไม่ลืมอะไรแล้วนะต้น” เตชิตถามลูกชายก่อนจะออกจากบ้าน
“ไม่ลืมครับพ่อ” สองพ่อลูกขับรถกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ เพราะบรรยากาศรอบตัวช่างสดชื่นเหลือเกิน ต้นกล้าเองก็จิตใจดีขึ้นหลังจากไม่ต้องรับรู้และพบเห็นพฤติกรรมอันไม่สุภาพของมารดา เตชิตตั้งใจว่าจะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้ลูกชายเขาจะเลี้ยงดูชีวิตน้อยๆ ให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนนึงจะทำได้
“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กผู้หญิงทำให้เตชิตไม่อาจเก็บรอยยิ้มไว้ได้
แม่ค้าตัวน้อยไม่ใช่แค่ทักทายทางวาจาเท่านั้นเธอยกมือไหว้ด้วยท่าทางที่แสนน่าเอ็นดูพร้อมยิ้มหวานให้ลูกค้าที่เพิ่งมาใหม่ สายตาสดใสมองเขากับลูกชายสลับกันไปมาด้วยความตื่นเต้น
“เรียนที่เดียวกับลูกครูเลย” เตชิตคุยกับแม่ค้าตัวน้อย
“คุณเป็นคุณครูหรอคะ” ข้าวสวยถามชายหนุ่มแปลกหน้า
“ใช่ครับ ครูสอนวิชาเลขนี่ลูกชายครูชื่อต้นกล้าอยู่ประถมสี่ครับ”
“สวัสดีค่ะคุณครู สวัสดีค่ะพี่ต้นกล้า” ข้าวสวยไหว้ทั้งคู่อีกครั้ง
“ขอโทษนะคะ ลูกสาวดิฉันกวนใจพวกคุณรึเปล่าคะ” ขวัญชีวันเห็นแล้วว่าลูกสาวคุยกับลูกค้าที่มาใหม่ เธอรีบตักโจ๊กที่คนสั่งกลับบ้านแล้วเดินมาหาลูกด้วยความร้อนใจเพราะบางครั้งข้าวสวยก็ช่างคุยเกินไป
“ไม่ครับ เปล่าเลย” เตชิตเงยหน้าขึ้นไปก็พบกับใบหน้าแสนหวานของแม่ค้าขายโจ๊ก แม่กับลูกปากนิดจมูกหน่อยน่ารักน่าชังเหมือนกันไม่มีผิดและดูจะสุภาพอ่อนน้อมกันทั้งคู่
“เรียนที่เดียวกับข้าวสวยด้วยนี่น่า” ขวัญชีวันเพิ่งสังเกตชื่อโรงเรียนที่ปักอยู่ตรงหน้าอกของเด็กชาย
“ใช่ค่ะคุณแม่ พี่ต้นกล้าอยู่ ป. สี่ ส่วนคุณผู้ชายเป็นคุณครูสอนเลขค่ะ”
“ตายจริง ทำไมหนูไปซักถามเขาแบบนั้นข้าวสวย” ขวัญชีวันเอ็ดลูกเบาๆ
“ไม่ใช่ครับ หนูข้าวสวยไม่ได้ถามครับผมบอกเองอย่าไปดุแกเลย”
“หนูชื่อข้าวสวยใช่ไหมจ๊ะ” เตชิตถามเด็กน้อย
“หนูชื่อข้าวสวยค่ะ ชื่อจริงเด็กหญิงขวัญมาตา อยู่ ป. สองค่ะ”
“สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นแม่ของข้าวสวยชื่อขวัญค่ะ รับอะไรดีคะ”
“ต้นครับ สวัสดีน้าขวัญสิลูก”
“สวัสดีครับน้าขวัญ” ต้นกล้ายกมือไหว้
“ผมขอโจ๊กใส่ทุกอย่างครับ ต้นเอาอะไรสั่งเลยลูก”
“ผมไม่เอาเครื่องในครับแต่ใส่ผักทุกอย่าง”
ขวัญชีวันรีบเร่งกลับไปที่หม้อโจ๊กเธอคนข้าวเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีข้าวแข็งติดกันเป็นก้อนจากนั้นจึงคีบไก่ที่หั่นเป็นเส้นๆ วางลงไปด้านบนแล้วตามด้วยผักกับซอสปรุงรสอีกนิดหน่อย ขวัญมาตายกโจ๊กชามใหญ่ของคุณครูมาก่อนแล้วเดินกลับมายกถ้วยที่เล็กกว่านิดหน่อยไปวางให้เพื่อนร่วมโรงเรียนของเธอ
“เก็บเงินด้วยครับ” ผ่านไปยี่สิบนาทีโจ๊กหอมกรุ่นแสนอร่อยก็หมดเกลี้ยงทั้งสองชามและเตชิตไม่อาจละสายตาไปจากแม่ค้าหน้าหวานได้เลยสักนาที สองแม่ลูกช่างน่ารักเหลือเกินดูด้วยตายังรู้เลยว่าลูกสาวตัวน้อยคือแก้วตาดวงใจของเธอ
“ของเด็กยี่สิบของผู้ใหญ่สามสิบห้ารวมเป็นห้าสิบห้าบาทค่ะ” ขวัญชีวันบอกราคา
“ของต้นใส่ไข่ด้วยนะครับ” เตชิตท้วง
“ของเด็กคิดยี่สิบหมดค่ะจะใส่ไข่หรือไม่ใส่ก็ยี่สิบ”
“แล้วแบบนี้จะได้กำไรหรอครับแล้วแค่ไหนคือเด็ก”
“อยู่ชั้นประถมก็นับว่าเป็นเด็กหมดค่ะ ฉันอยากให้เด็กๆ ได้กินอาหารดีๆ ปรุงสุกใหม่ๆ ในราคาไม่แพง กำไรก็ได้พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องสองคนแม่ลูกค่ะ” ขวัญชีวันตอบด้วยความภูมิใจ
“ขอบคุณนะคะ” ขวัญชีวันรับธนบัตรสีแดงมาแล้วทอนกลับไปสี่สิบห้าบาท
“แล้วหนูข้าวสวยไปโรงเรียนยังไงครับ”
“ข้าวสวยไปรถโรงเรียนค่ะ”
“สวัสดีค่ะคุณครู ไว้เจอกันที่โรงเรียนนะคะพี่ต้นกล้า” ขวัญมาตาเอ่ยลาทั้งสองคน
“น้องข้าวสวยพูดเพราะจังเลยนะครับพ่อ” ต้นกล้าคุยกับบิดาเมื่อกลับมาขึ้นรถ
“เพราะคุณแม่เขาอบรมมาดี ลูกต้นของพ่อก็พูดเพราะเหมือนกันครับ”
“เพราะพ่ออบรมผมดีไงครับ” ต้นกล้าบอกแล้วสองพ่อลูกก็ฉีกยิ้มให้กัน
เตชิตมองท้องฟ้าสีครามด้วยความเบิกบานเขาไม่เคยสบายใจและมีความสุขแบบนี้มานานแล้ว วันนี้เป็นวันแรกที่เมฆหมอกแห่งความหม่นหมองพัดผ่านไปจากจิตใจเขาเชื่อว่าที่มันเป็นแบบนั้นเพราะใบหน้าหวานๆ ของแม่ค้าขายโจ๊กเป็นแน่แท้
วันนี้ต้นกล้าลูกชายสุดที่รักของเตชิตอายุครบสิบขวบเต็มสองพ่อลูกนั่งทานมื้อเย็นด้วยกันอย่างมีความสุข คนพ่อพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อให้ลูกไม่นึกถึงมารดาที่ยังไม่ปรากฏตัวสักทีทั้งที่นัดกันไว้ดิบดีแล้ว
“เราตัดเค้กกันดีกว่าเนอะ” สามทุ่มครึ่งแล้วมาหยาก็ยังไม่ถึงบ้าน ลูกต้นตาใกล้จะปิดเต็มทีแล้วเขาจึงคิดว่าไม่ควรรอให้เสียเวลา
“อธิษฐานก่อนเป่าเทียนด้วยนะ” ในใจของเด็กชายขอพรแบบเดิมทุกครั้งคืออยากอยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูกบ้าง
“ชิ้นนี้ของคุณแม่นะครับ” ต้นกล้าตัดเค้กชิ้นแรกส่งให้พ่อ ชิ้นที่สองใส่จานแยกไว้และสุดท้ายจึงตัดให้ตัวเอง
“ฝันดีนะครับ พ่อรักต้นนะ” เตชิตพาลูกชายมาส่งห้องสองคนพ่อลูกกอดกันแน่น ต้นกล้าล้มตัวลงนอนและหลับแทบจะทันทีเพราะอิ่มมาก
“นี่วันเกิดลูกนะหยา” เตชิตนั่งรอภรรยาด้วยความอดทนเกือบเที่ยงคืนเธอจึงเดินโซเซเข้ามา
“แล้วหง่ะ” แม่สาวหน้าแฉล้มพูดไม่เป็นภาษาเพราะกำลังเมาได้ที่
“คุณช่วยให้ความสำคัญกับลูกมากกว่านี้ได้ไหม”
“ก็เบ่งมันออกมาให้แล้วจะเอาอะไรอีก”
“หยา ทำไมพูดแบบนี้”
“ลูกต้นครับ ลูกต้นขา น่ารำคาญจะโอ๋กันไปยันตายเลยไหม” มาหยาแผดเสียงดังลั่น ต้นกล้าได้ยินเสียงมารดาก็รีบวิ่งลงมาด้วยความดีใจโดยที่พ่อกับแม่ยังไม่รู้ตัวเลยว่าลูกตื่นแล้ว
“มันไม่ใช่การโอ๋แต่มันคือความรักที่พ่อมีให้กับลูกมันผิดตรงไหน” เตชิตพยายามอธิบายให้ภรรยาเข้าใจ
“กลับบ้านเร็วสักคืนเพื่อลูกมันลำบากหรอหยา”
“ใช่ หน้าที่ของฉันคืออุ้มท้องมันหน้าที่ของแกคือเลี้ยงมันอย่ามายุ่งกับฉันอีก” พอถึงเวลาด่ามาหยากลับพูดได้ชัดถ้อยชัดคำไม่มีผิดเพี้ยน
“หยา ทำไมพูดแบบนี้นั่นลูกนะ”
“ลูกแกไม่ใช่ลูกฉัน ฉันไม่เคยอยากมีลูกไม่เคยอยากเป็นแม่”
“คุณแม่พูดจริงหรอครับ” ต้นกล้าถือจานเค้กด้วยมืออันสั่นเทา น้ำตาหยดเล็กๆ เริ่มไหลออกมาเด็กน้อยได้ยินชัดทุกถ้อยคำจากปากมารดา
“เออ ฉันพูดจริงฉันไม่อยากมีลูกไม่อยากเป็นแม่แก” มาหยาจิ้มหน้าผากเด็กชายด้วยความรำคาญ
“หยุดนะหยา” เตชิตขึ้นเสียง
“แม่เขาไม่ได้หมายความแบบนั้นครับต้นกล้าแม่พูดเพราะเมา” เตชิตนั่งยองๆ แล้วจับไหล่ลูกชายเอาไว้
“ฉันเมาจริงแต่สติครบถ้วน ฉันไม่อยากเป็นแม่แกไอ้ตัวซวยดูสิตั้งแต่เบ่งแกออกมาหุ่นฉันเสียหมดหัวนมก็ไม่สวยเหมือนเดิมเพราะแกคนเดียวเลยไอ้เด็กเวร”
“แม่” ปากเล็กๆ ของเด็กชายสั่นระริก หัวใจดวงน้อยแหลกสลาย
“หยา พอแล้ว”
“ทีวันเกิดฉันเคยมีเค้กให้สักชิ้นไหม ไม่เคย เพล้ง” มาหยาคว้าจานเค้กในมือต้นกล้าขว้างลงพื้นเต็มแรง
“ฮือๆๆๆ” ทั้งบ้านมีแต่เสียงอันน่าเวทนา เสียงเด็กชายร้องไห้เสียงสาปแช่งก่นด่าของมารดาและเสียงร้องห้ามของผู้ชายคนนึงที่กำลังอ่อนแรงไปเรื่อยๆ
“พอได้แล้วมาหยา” เตชิตร้องห้ามภรรยาเพราะเธอตั้งท่าจะตีลูกชาย
“ทำไม เตะต้องไม่ได้เลยใช่ไหม” มาหยาตวาดกลับ
“แล้วลูกทำผิดอะไร คุณจะตีลูกด้วยเหตุผลอะไร”
“ผิดที่มันเกิดมาไง”
“ผมว่าคุณขึ้นไปนอนเถอะ คุยกันไปก็ไม่รู้” เตชิตจูงลูกชายกลับขึ้นห้อง
“จะไปไหนอย่ามาเดินหนีฉันนะ” มาหยากระชากแขนเตชิตกลับมา
“แกหลอกฉันแกทำลายชีวิตฉัน ไหนว่าบ้านรวยแล้วทำไมฉันไม่เคยได้มรดกอะไรจากแกสักชิ้นทั้งชีวิตมีดีแค่อย่างเดียวแค่เอาเก่ง”
“มาหยา มันจะมากไปแล้ว”
“ทำไม ที่อยู่กับฉันไม่ใช่เพราะชอบเอากันหรอเอากันตรงนี้เลยไหมล่ะ” มาหยาปลดเสื้อสายเดี่ยวออกจากไหล่
“หยุดเลยนะ ทำบ้าอะไรเนี่ย” ทุกครั้งที่หลับนอนกันมาหยาจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เธอจะออดอ้อนและยั่วยวนจนเตชิตใจอ่อนและจริงๆ ชายหนุ่มก็รักภรรยา เขาหวังว่ากิจกรรมนี้จะช่วยสมานแผลต่อเติมเป็นความรักและให้ผลลัพธ์เป็นครอบครัวที่อบอุ่นในสักวัน ตั้งแต่มีมาหยาเป็นเมียเตชิตก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับใครอีกซึ่งต่างกับมาหยาลิบลับ
“ใส่กลับไปที่เดิมเลยนะ” เตชิตพยายามเอาสายเสื้อเล็กๆ กลับไปอยู่ที่เดิม
“ก็จะถอด” มาหยาก็ดิ้นรนจะถอดเสื้อผ้าตัวเองให้ได้
“เออ ตามใจเลยจะถอดก็ถอดไป” เตชิตผลักไหล่ภรรยาแล้วเตรียมจะพาลูกขึ้นชั้นบน
“แก กล้าผลักฉันหรอไอ้เต้” มาหยากระชากสามีกลับมาอีกครั้ง
“ไว้คุยกันพรุ่งนี้หยา คุณเมามาก” เตชิตบอก
“เพี๊ยะ” เสียงฝ่ามือฟาดไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มแรง
“มาหยา” เตชิตย่างสามขุมเข้าหาภรรยา มือใหญ่เงื้อขึ้นสุดแขน
“ตบสิ ลูกบังเกิดเกล้าของแกจะได้เห็นว่าพ่อมันชั่ว” มาหยายื่นหน้าไปให้สามี
“ในที่นี้ไม่มีใครชั่วนอกจากคุณ” เตชิตกำหมัดแน่นพร้อมตะคอกใส่หน้าอีกฝ่ายแล้วหันหลังกลับอีกครั้ง
“แก ไอ้ชั่ว ไอ้สารเลว” มาหยารัวกำปั้นใส่ทุกส่วนของร่างกายสามีด้วยความโกรธแค้น
“คุณแม่อย่าทำคุณพ่อ ฮือๆๆ” ต้นกล้าเข้าไปห้ามมารดาให้หยุดทำร้ายบิดา
“หลบไปไอ้เด็กเวร” มาหยาเหวี่ยงลูกชายไปอีกทางแล้วตบตีเตชิตต่อไป
“โอ๊ย” ต้นกล้าล้มไปบนพื้นตรงที่เศษแก้วกระจัดกระจายอยู่
“หยา หยุดนะ หยุดผมบอกให้หยุด ลูกโดนแก้วบาดเห็นไหม” เตชิตเอามือป้องหมัดจากภรรยา
“ช่างมัน ตายห่าไปเลยยิ่งดี” มาหยาตอบ
“คุณบังคับให้ผมทำแบบนี้นะหยา” เตชิตรวบแขนทั้งสองของภรรยาไว้แล้วลากไปขังในห้องน้ำ เขารีบมาตรวจดูบาดแผลของลูกชายและเห็นว่ามันลึกพอสมควร
“ไปโรงพยาบาลนะต้น อดทนหน่อยนะลูก” เตชิตอุ้มลูกชายแล้วพาไปที่รถทันที
ชายหนุ่มนั่งรอหน้าห้องฉุกเฉินด้วยความร้อนใจเพราะด้านในมีแต่ความวุ่นวายเขาจึงไม่อยากไปยืนเกะกะขวางการทำงานของหมอและพยาบาล ผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ ลูกชายของเขาก็ได้รับการทำแผลและเย็บไปหลายเข็มแถวต้นขาเพราะตรงนั้นแผลมันลึกมาก
“พ่อครับ แม่เขาไม่รักผมหรอ” นั่นคือคำถามแรกที่หลุดออกมาเมื่อเจอหน้าบิดา
“รักลูก” เตชิตตอบ
“พ่อเคยบอกว่าการโกหกเป็นสิ่งไม่ดีไม่ใช่หรอครับ ผมรู้ว่าพ่อโกหกเวลาพ่อโกหกพ่อจะทำหน้าแบบเมื่อกี้”
“บางคำถามเราก็ไม่อยากตอบออกมาเป็นคำพูดหรอกต้น ในเมื่อต้นรู้คำตอบอยู่แล้วพ่อขอถามกลับบ้างได้ไหม”
“ได้ครับพ่อ”
“ถ้าแม่เขาไม่รักต้นพ่อก็บังคับไม่ได้แต่พ่อรักต้นที่สุดต้นรับรู้ไว้แค่นี้ได้ไหมครับ”
“ครับพ่อ” ต้นกล้ากอดบิดาและนาทีนั้นเด็กชายก็รับรู้ว่ามีแค่เพียงพ่อเท่านั้นที่รักเขาเพราะการแสดงออกของแม่มันชัดเจนแล้วว่าท่านไม่เคยต้องการเด็กคนนี้ในชีวิต ต้นกล้าไม่โกรธหรือเกลียดแม่เขาแค่เสียใจที่เกิดมาแต่กลับกลายเป็นลูกที่แม่ไม่รัก
ตอนที่ 4 แม่ค้าหน้าหวาน
หลังจากเหตุการณ์คืนนั้นเตชิตก็ออกมาจากชีวิตของมาหยา ลำพังแค่ตัวเขาเองเขาทนได้เธอจะด่าจะว่าจะตบตียังไงก็เอาให้สาใจแต่การมาพูดต่อหน้าลูกทำร้ายลูกแบบนั้นเขาจะไม่ทน อยู่ไปลูกก็จะได้รับรู้แต่สิ่งที่ปวดร้าวหัวใจในเมื่อเธอไม่ยอมไปเขากับลูกจะไปเอง
“คุณพ่อต้องย้ายที่ทำงานเพราะผมใช่ไหมครับ”
“แล้วไม่ดีหรอต้นเราจะได้อยู่กันสองคนพ่อลูก ไม่ต้องคิดถึงเรื่องเก่าๆ”
“ดีครับพ่อ”
ทั้งคู่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันข้าวของเงินทองเตชิตยกให้ผู้หญิงคนนั้นทั้งหมดเขาเอามาแค่เพียงสมบัติของลูกเสื้อผ้าตัวเองและรถยนต์หนึ่งคัน ดูเธอดีใจด้วยซ้ำที่จะได้ครอบครองบ้านทั้งหลังไว้คนเดียว
“นอนกันดีกว่าลูก พรุ่งนี้เปิดเทอมวันแรก”
สองพ่อลูกย้ายมาอยู่ที่ซอยเล็กๆ ของชานเมือง ยังดีว่าเขาพอมีเพื่อนฝูงอยู่บ้างจึงได้มาเป็นคุณครูที่โรงเรียนรัฐบาลแห่งนึงไม่ไกลจากบ้านพักมากนัก
“พรุ่งนี้เช้าต้นอยากกินอะไรลูก”
“ผมอยากไปกินโจ๊กที่หน้าปากซอยได้ไหมครับพ่อ”
“ได้สิ พ่อไปส่งเข้านอนนะ” เตชิตพาลูกไปส่งที่เตียงแล้วห่มผ้าให้ บ้านหลังใหม่คือบ้านเดี่ยวท้ายซอยและมันเงียบสงบมาก เขาหวังว่าต่อจากนี้ชีวิตของเขาและลูกชายจะมีแต่ความสุขไม่ต้องพบเจอความปวดร้าวใดๆ อีก
“ไม่ลืมอะไรแล้วนะต้น” เตชิตถามลูกชายก่อนจะออกจากบ้าน
“ไม่ลืมครับพ่อ” สองพ่อลูกขับรถกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ เพราะบรรยากาศรอบตัวช่างสดชื่นเหลือเกิน ต้นกล้าเองก็จิตใจดีขึ้นหลังจากไม่ต้องรับรู้และพบเห็นพฤติกรรมอันไม่สุภาพของมารดา เตชิตตั้งใจว่าจะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้ลูกชายเขาจะเลี้ยงดูชีวิตน้อยๆ ให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนนึงจะทำได้
“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กผู้หญิงทำให้เตชิตไม่อาจเก็บรอยยิ้มไว้ได้
แม่ค้าตัวน้อยไม่ใช่แค่ทักทายทางวาจาเท่านั้นเธอยกมือไหว้ด้วยท่าทางที่แสนน่าเอ็นดูพร้อมยิ้มหวานให้ลูกค้าที่เพิ่งมาใหม่ สายตาสดใสมองเขากับลูกชายสลับกันไปมาด้วยความตื่นเต้น
“เรียนที่เดียวกับลูกครูเลย” เตชิตคุยกับแม่ค้าตัวน้อย
“คุณเป็นคุณครูหรอคะ” ข้าวสวยถามชายหนุ่มแปลกหน้า
“ใช่ครับ ครูสอนวิชาเลขนี่ลูกชายครูชื่อต้นกล้าอยู่ประถมสี่ครับ”
“สวัสดีค่ะคุณครู สวัสดีค่ะพี่ต้นกล้า” ข้าวสวยไหว้ทั้งคู่อีกครั้ง
“ขอโทษนะคะ ลูกสาวดิฉันกวนใจพวกคุณรึเปล่าคะ” ขวัญชีวันเห็นแล้วว่าลูกสาวคุยกับลูกค้าที่มาใหม่ เธอรีบตักโจ๊กที่คนสั่งกลับบ้านแล้วเดินมาหาลูกด้วยความร้อนใจเพราะบางครั้งข้าวสวยก็ช่างคุยเกินไป
“ไม่ครับ เปล่าเลย” เตชิตเงยหน้าขึ้นไปก็พบกับใบหน้าแสนหวานของแม่ค้าขายโจ๊ก แม่กับลูกปากนิดจมูกหน่อยน่ารักน่าชังเหมือนกันไม่มีผิดและดูจะสุภาพอ่อนน้อมกันทั้งคู่
“เรียนที่เดียวกับข้าวสวยด้วยนี่น่า” ขวัญชีวันเพิ่งสังเกตชื่อโรงเรียนที่ปักอยู่ตรงหน้าอกของเด็กชาย
“ใช่ค่ะคุณแม่ พี่ต้นกล้าอยู่ ป. สี่ ส่วนคุณผู้ชายเป็นคุณครูสอนเลขค่ะ”
“ตายจริง ทำไมหนูไปซักถามเขาแบบนั้นข้าวสวย” ขวัญชีวันเอ็ดลูกเบาๆ
“ไม่ใช่ครับ หนูข้าวสวยไม่ได้ถามครับผมบอกเองอย่าไปดุแกเลย”
“หนูชื่อข้าวสวยใช่ไหมจ๊ะ” เตชิตถามเด็กน้อย
“หนูชื่อข้าวสวยค่ะ ชื่อจริงเด็กหญิงขวัญมาตา อยู่ ป. สองค่ะ”
“สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นแม่ของข้าวสวยชื่อขวัญค่ะ รับอะไรดีคะ”
“ต้นครับ สวัสดีน้าขวัญสิลูก”
“สวัสดีครับน้าขวัญ” ต้นกล้ายกมือไหว้
“ผมขอโจ๊กใส่ทุกอย่างครับ ต้นเอาอะไรสั่งเลยลูก”
“ผมไม่เอาเครื่องในครับแต่ใส่ผักทุกอย่าง”
ขวัญชีวันรีบเร่งกลับไปที่หม้อโจ๊กเธอคนข้าวเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีข้าวแข็งติดกันเป็นก้อนจากนั้นจึงคีบไก่ที่หั่นเป็นเส้นๆ วางลงไปด้านบนแล้วตามด้วยผักกับซอสปรุงรสอีกนิดหน่อย ขวัญมาตายกโจ๊กชามใหญ่ของคุณครูมาก่อนแล้วเดินกลับมายกถ้วยที่เล็กกว่านิดหน่อยไปวางให้เพื่อนร่วมโรงเรียนของเธอ
“เก็บเงินด้วยครับ” ผ่านไปยี่สิบนาทีโจ๊กหอมกรุ่นแสนอร่อยก็หมดเกลี้ยงทั้งสองชามและเตชิตไม่อาจละสายตาไปจากแม่ค้าหน้าหวานได้เลยสักนาที สองแม่ลูกช่างน่ารักเหลือเกินดูด้วยตายังรู้เลยว่าลูกสาวตัวน้อยคือแก้วตาดวงใจของเธอ
“ของเด็กยี่สิบของผู้ใหญ่สามสิบห้ารวมเป็นห้าสิบห้าบาทค่ะ” ขวัญชีวันบอกราคา
“ของต้นใส่ไข่ด้วยนะครับ” เตชิตท้วง
“ของเด็กคิดยี่สิบหมดค่ะจะใส่ไข่หรือไม่ใส่ก็ยี่สิบ”
“แล้วแบบนี้จะได้กำไรหรอครับแล้วแค่ไหนคือเด็ก”
“อยู่ชั้นประถมก็นับว่าเป็นเด็กหมดค่ะ ฉันอยากให้เด็กๆ ได้กินอาหารดีๆ ปรุงสุกใหม่ๆ ในราคาไม่แพง กำไรก็ได้พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องสองคนแม่ลูกค่ะ” ขวัญชีวันตอบด้วยความภูมิใจ
“ขอบคุณนะคะ” ขวัญชีวันรับธนบัตรสีแดงมาแล้วทอนกลับไปสี่สิบห้าบาท
“แล้วหนูข้าวสวยไปโรงเรียนยังไงครับ”
“ข้าวสวยไปรถโรงเรียนค่ะ”
“สวัสดีค่ะคุณครู ไว้เจอกันที่โรงเรียนนะคะพี่ต้นกล้า” ขวัญมาตาเอ่ยลาทั้งสองคน
“น้องข้าวสวยพูดเพราะจังเลยนะครับพ่อ” ต้นกล้าคุยกับบิดาเมื่อกลับมาขึ้นรถ
“เพราะคุณแม่เขาอบรมมาดี ลูกต้นของพ่อก็พูดเพราะเหมือนกันครับ”
“เพราะพ่ออบรมผมดีไงครับ” ต้นกล้าบอกแล้วสองพ่อลูกก็ฉีกยิ้มให้กัน
เตชิตมองท้องฟ้าสีครามด้วยความเบิกบานเขาไม่เคยสบายใจและมีความสุขแบบนี้มานานแล้ว วันนี้เป็นวันแรกที่เมฆหมอกแห่งความหม่นหมองพัดผ่านไปจากจิตใจเขาเชื่อว่าที่มันเป็นแบบนั้นเพราะใบหน้าหวานๆ ของแม่ค้าขายโจ๊กเป็นแน่แท้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ