My little lady แด่วันวาน แด่วันนั้นของเรา
เขียนโดย เจ้าผึ้งน้อย
วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 14.22 น.
แก้ไขเมื่อ 14 กันยายน พ.ศ. 2560 15.10 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ครอบครัวซัมเมอร์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
"พี่ปีเตอร์! รอหนูด้วยซี่!"
พี่ชายของฉันหันมาเหลือบมองขณะวิ่งแล้วเผยรอยยิ้มแสนสดใส ผมสีทองยามต้องแสงอาทิตย์ของเขาทำให้ผิวขาวเนียนของเขาโดดเด่น บนแก้มของเขามีสีชมพูอ่อนๆปรากฎขึ้นเนื่องจากการวิ่ง ถ้านี่ไม่ใช่ความจริงล่ะก็ เขาก็ราวกับเทวดาตัวน้อยๆที่น่ารัก
" ไม่ล่ะน้องพี่ เธอต้องหัดไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆแบบนี้นะ!"
ฉันหายใจหอบแต่ก็ยังคงพยายามวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่เด็กเจ็ดขวบจะวิ่งได้ด้วยขาสั้นๆ ดูเหมือนพี่ปีเตอร์จะยอมใจอ่อนให้ เขาเริ่มวิ่งช้าลงจนฉันจับเขาได้ในที่สุด พวกเราล้มลงเนื่องจากฉันวิ่งเร็วเกินไปจนชนพี่ปีเตอร์ล้มไปด้วย พวกเราทั้งคู่หน้าจุ่มดิน ฉันเกือบจะร้องไห้แต่พี่ปีเตอร์รีบลุกแล้วอุ้มฉันขึ้นพลางชมว่าฉันช่างเป็นเด็กสาวที่วิ่งเร็วที่สุดในโลกและพรมจุมพิตลงบนแก้มของฉันจนจั๊กจี้
พี่เอเดรียนของฉันวิ่งตามมาอย่างเหนื่อยอ่อนและดูจะหายใจอย่างยากลำบาก ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะพี่เอาแต่อ่านหนังสือทั้งวันไม่ยอมออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ในตอนเช้าเป็นแน่ พอพี่เอเดรียนเห็นสภาพของฉันกับพี่ปีเตอร์ที่เสื้อผ้าหน้าผมเปื้อนดินและหัวเข่าของฉันถลอก (ฉันพึ่งมารู้ตัวทีหลังว่ามีแผล) พี่เขาก็รีบวิ่งมาอุ้มฉันออกจากพี่ปีเตอร์ทันทีและโอบกอดฉันแน่น ใบหน้าของพี่เอเดรียนดูโกรธและจ้องพี่ปีเตอร์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่พี่ปีเตอร์กลับหัวเราะอย่างร่าเริงเหมือนทุกทีเเบบไม่สะทกสะท้านอะไร
"นายทำน้องเจ็บนะปีเตอร์! ไม่ใช่เรื่องขำเลยรู้มั้ย!"
นัยน์ตาสีเขียวของพี่เอเดรียนดูเหมือนราวกับมีประกายระยิบระยับ เขามีผมสีน้ำตาลแดงเหมือนปาปาและใบหน้าหล่อเหลาตั้งแต่เด็กของเขาที่ดูราวกับรูปวาด (มามาของฉันบอกเอาว่าเขานั้นเหมือนรูปวาดที่อยู่ตามพิพิธภัณฑ์เวลาเขายิ้ม แต่น้อยนักที่จะยิ้มทำให้มามาจะดีใจทุกครั้งที่พี่เอเดรียนยิ้มนิดๆให้กับมุขตลกของปาปา)
"ไม่พี่เอเดรียน อย่าถือโกรธพี่ปีเตอร์เลย หนูเป็นคนขอให้พี่ปีเตอร์พาหนูวิ่งเอง หนูขอโทษที่ทำให้พี่ต้องโกรธขอโทษนะคะ" ฉันจุมพิตแก้มของพี่เอเดรียนเบาๆ ฉันรู้ว่าถ้าทำอย่างนี้พี่เอเดรียนจะใจอ่อนลงทุกที และก็เป็นดั่งที่ฉันคิด พี่เอเดรียนอมยิ้มนิดๆและใบหน้าขึ้นสีชมพูอ่อนๆ
"ถ้าเธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วน้องพี่ แต่คราวหน้าก็ไม่จำเป็นต้องปกป้องเจ้าปีเตอร์รู้มั้ย"
พี่เอเดรียนจ้องหน้าฉันอย่างจริงจัง ฉันพยักหน้าตอบรับอย่างว่าง่าย พี่เอเดรียนถอนหายใจแล้วกอดฉันอีกครั้ง ฉันชอบเวลากอดพี่เอเดรียน เพราะพี่เขามีกลิ่นหอมเหมือนฤดูร้อนกับขนมปังอบใหม่ๆส่วนพี่ปีเตอร์ต่างออกไป พี่ปีเตอร์มีกลิ่นของหญ้า กลิ่นของธรรมชาติ แต่พอฉันโตขึ้นกลับพบว่าฉันคิดไปเองเท่านั้น
พี่เอเดรียนวางฉันลงและจูงมือฉันเพื่อกลับไปทำแผลในขณะที่พี่ปีเตอร์วิ่งตามมาจับมืออีกข้างที่ว่างของฉันแล้วพูดขยับปากแบบไร้เสียงว่าขอโทษ
"พวกพี่ชอบโอ๋น้องแบบนี้แล้วเมื่อไหร่น้องจะโตล่ะ"
เสียงไม่ชอบใจพูดขึ้นจากด้านบน พอฉันและพี่เงยหน้าขึ้นก็พบกับอีคอนนั่งอยู่บนต้นไม้พลางมองลงมา
"นายอิจฉาล่ะซี่น้องรัก" พี่ปีเตอร์พูด
"เหอะ ทำไมต้องอิจฉาที่จะต้องมีคนคอยคุ้มครองตลอดเวลาทั้งๆเราต้องดูแลตนเองเล่า" อีคอนปีนลงจากต้นไม้อย่างชำนาญและรวดเร็ว ไม่มีสิ่งใดที่อีคอนไม่สามารถปีนได้ซึ่งจุดนี้ทำให้มามาเป็นห่วงเป็นอย่างมากว่าซักวันพี่อีคอนจะตกลงมาคอหัก
"ชีวิตคนเรามันก็ต้องยืนได้ด้วยขาของตัวเองไม่ใช่หรือพี่ชาย" อีดอนยักคิ้วอวดดีใส่พี่ชายทั้งสอง
อีคอนเป็นเด็กหน้าตาน่ารักหากอยู่นิ่งๆ แต่ถ้าเขาขยับตัวล่ะก็ เขาก็เหมือนปีศาจน้อยในร่างเทวดาดีๆนี่เอง ผมสีทองของเขาจากที่ถูกจัดแต่งทรงอย่างดีกลับยุ่งเหยิงและมีเศษไม้ติดหัว เสื้อผ้ามีรอยเปื้อนและรอยฉีกขาดตรงตะเข็บแต่ก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้าและท่าทางหยิ่งทะนงหายไปเลย
พี่เอเดรียนสติแตกเพราะชุดที่อีคอนใส่นั้นเป็นชุดที่ห้าแล้วที่เขาทำพัง
"นายคิดว่าพ่อเสกสรรเงินจากต้นไม้หรือน้องพี่ ถึงเอาแต่ทำชุดพังตลอดน่ะ!" อีคอนทำสีหน้าหน่ายและเหลือบสายตามามองฉัน มองหัวจรดเท้าแล้วยิ้มเยาะ
"แล้วทีเอ็มม่าล่ะ พี่ไม่เคยจะว่าน้องเลยแต่ดันว่าแต่ฉัน"
อีคอนทำสีหน้าสลดแบบหลอกๆซึ่งฉันก็ได้รับรู้เมื่อตอนโตขึ้นมาว่าสีหน้านั้นพี่อีคอนไม่ได้แกล้งทำหรือเสแสร้งเลย พี่อีคอนแลบลิ้นใส่แล้วรีบวิ่งกลับเข้าบ้านไป
"นี่เราต้องทำอะไรซักอย่างกับอีคอนแล้วนะ เขาจะเป็นเด็กมีปัญหาแบบนี้ไปตลอดชีวิตไม่ได้นะ!"
พี่เอเดรียนหันไปบอกพี่ปีเตอร์
"เมื่อน้องโตขึ้น น้องก็จะเปลี่ยนไปเอง ก็เหมือนต้นไม้นั้นแหละเอเดรียน มันจะเปลี่ยนและเติบโตไปตามกาลเวลา มันแค่ต้องใช้เวลาก็เท่านั้น" พี่ปีเตอร์มองตามอีคอนที่วิ่งเข้าบ้านไป
"อาจจะสักชาตินึงล่ะมั้ง" แล้วพี่ปีเตอร์ก็หัวเราะด้วยเสียงกังวาลเปี่ยมสุขของเขาทำเอาฉันหัวเราะไปด้วย พี่ปีเตอร์มักจะเป็นแบบนี้ มักจะทำให้คนรอบข้างหัวเราะมีความสุขเสมอ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
(ปัจจุบันบนรถไฟ)
ฉันสะดุ้งตื่นขณะที่รถไฟจอดลงที่ชานชลา แต่มันก็ยังไม่ใช่จุดหมายของฉัน ความหนาวเย็นทำเอาฉันต้องจับเสื้อให้กระชับ เสียงหัวเราะของพี่เหมือนกับอยู่ในหัวทั้งๆที่วันนั้นผ่านมานานแล้ว แต่ความอบอุ่นจากฝ่ามือของพี่ชายทั้งสองของฉันมันก็แผ่ไปทั่วตัวเหมือนเวลากินซุปร้อนๆและนั่งอยู่รอบเตาผิง
ตอนนี้ฉันอายุ 18 ปีแล้ว พึ่งกลับมาจากโรงเรียนประจำสตรีที่ปิดเทอมไป ฉันได้วางแผนจะกลับมาบ้านเกิดอย่างแดร์รี่ทาวน์เพื่อมาพบครอบครัวที่ไม่ได้เจอกันนาน
ฉันหยิบหนังสือเรื่อง 'ปีเตอร์แพน' ออกมาจากกระเป๋าถือ หน้าแรกของหนังสือมีลายมือของคนสามคนเขียนไว้
'แด่น้องสาวเพียงคนเดียวของพี่' ลายมือค่อนข้างอ่านยากจากพี่ปีเตอร์
'แด่ความเยาว์วัยตลอดกาลของน้อง' ลายมือวัดสวยจากพี่เอเดรียน
'แด่น้องสาวที่รักของพี่เสมอ' ลายมือที่เขียนอย่างรีบร้อนของพี่อีคอน
ฉันยิ้มอย่างมีความสุขออกมา ถ้าคุณผู้อ่านเดินผ่านฉันตอนนี้ล่ะก็คงจะมองว่าฉันเสียสติไม่ก็กำลังละเมอเป็นแน่ แต่ฉันไม่สนใจหรอก
รถไฟเริ่มเคลื่อนตัวออกจากสถานีและเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆเพื่อไปส่งผู้โดยสารตามที่หมาย ฉันกอดหนังสือขึ้นกับอกแน่นพลางหลับตานึกถึงอดีต อีกไม่ช้า ฉันก็จะได้พบกับพี่ๆของฉันแล้ว ด้วยความอบอุ่นใจ ฉันเผลอหลับไปในตู้รถไฟอีกครั้ง ดำดิ่งไปสู่ความฝันวัยเยาว์
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ