piecer : ภาคตระกูลคิวเลอร์
6.0
เขียนโดย boonyong
วันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 00.06 น.
2 ตอน
0 วิจารณ์
4,180 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 5 กันยายน พ.ศ. 2560 23.19 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 2
พ่อหรอ!!
“แกทำเรื่องที่โง่เง่าอีกแล้วนะยูโตะ ไม่ละอายพวกพี่น้องบ้างรึยังไง กลับบ้านซะถือว่าฉันว่าเตือนแกแล้ว” ชายคนนั้น ไม่สิพ่อเจ้ายูโตะ เค้าสวมชุดยูโดที่มีผ้าคลุมหัวไหล่ยาวลงมาถึงตาตุ่ม ดูท่าทางเป็นคนใหญ่คนโตพอควรเลย ร่างกายกำยำพอๆ กับลูกชายเลย แถมแววตาที่มองมาทางผมแวบนึงยังบ่งบอกว่าชายคนนี้เป็นคนเด็ดขาดและเคร่งครัดเพียงใด
ตอนนี้ผมอยู่ฝั่งซ้ายของบ่อน้ำที่เคยเป็นสังเวียนชิงปลาบึกเมื่อครู่นี้
โดยตอนนี้พ่อของยูโตะยืนตะหง่านอยู่ตรงกลางเราทั้งคู่
“กลับบ้าน เดี๋ยวนี้!!” เค้าย้ำอีกครั้ง แต่ครั้งนี้สายตาเค้าเขม็งไปที่ลูกชาย เป็นสัญญาณว่าเค้าเอาจริงแล้ว
“ไม่! พ่อเลิกบังคับให้ผมทำตามความติองการของพ่อซักทีเถอะ ผมบอกไปแล้วนี่ ว่าผมขอเลือกทางเดินของผมเอง” เจ้ายูโตะตอบโต้กลับแบบจริงจัง แต่ก็แผงไปด้วยน้ำเสียงที่ขอความเห็นใจ ไอ้ขี้แยเอ้ย!
เค้าค่อยขยับเข้าใกล้ลูกชาย “จะให้ฉันพูดอีกกี่ครั้งว่าสิ่งที่แกอยากจะออกตามหานะมันไร้สาระ” ประโยคนี้ทำเอาเจ้ายูโตะดูเดือดดาดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเรื่องอะไรนะ
“ความฝันของผมน่ะมันไม่ไร้สาระ คนที่ไร้ซึ่งความฝันอย่างพ่อน่ะจะมาเข้าใจอะไรผมล่ะ” เจ้ายูโตะโต้ด้วยเสียงสั่นเครือ นัยน์ตานั้นเป็นประกาย
เค้าถอดหายใจแล้วมองไปที่ยูโตะด้วยสายตาเปลี่ยนไปทำเอาผมเสียวสันหลังวาบเลยทีเดียว“ดูท่าว่าแกจะไม่ยอมทำตามที่ฉันพูดสินะ” เค้าปลดผ้าคลุมออกเผยให้เห็นมันกล้ามที่ใหญ่โตน่าเกรงขามแม้จะสังขารจะเลยวัยฉกรรจ์มาแล้วก็ตาม
ผมรับรู้โดยสัญชาตญาณว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้ต้องเกิดเรื่องแน่ ต้องทำอะไรซักอย่าง
“หยะ หยุดก่อน ค่อยพูดค่อยจากันก่อนน่าจะดีกว่...”ผมพูดไม่ทันจะได้ความ สายตาที่เค้ามองผมทำให้รู้ทันทีว่าควรทำไงต่อ
ไม่เอาแล้วเรื่องอะไรก็ชั่ง ผมขอปลาทั้งหมดนี่ แล้วกลับไปกินอย่างสบายใจท่บ้านดีกว่า
ผมย่องเบาไปยังไม่ทันจะเข้าใกล้ปลาด้วยซ้ำ เสียงคำรามดั่งราชสีห์ก็ดังขึ้น แล้วตามด้วยเสียงของอะไรใหญ่ๆ ล้มไถลไปกับพื้น จากนั้นก็ตามด้วยเสียงพื้นดินที่สั่นทะเทือนจากการพุ่งของเค้า
ไม่ทันการแล้ว ผมสั่นจนก้าวขาไม่ออกแล้ว
เอาไงดี ถ้ายังอยู่เราโดนลูกหลงแน่
“เจ้าเปียกอยู่เฉยๆ” เสียงเจ้ายูโตะลอยมาพร้อมกับร่างที่สะบัดสะบอม ผมไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นการสนทนากันของพ่อกับลูก
“เฮ้ย นายทำอะไรเนี่ยปล่อยฉันลงนะ” ผมทุบมันเหมือนเด็กที่งอแงจะเอาของเล่น ก็จู่มันก็อุ้มผมแล้วพาผมลอยไปกับมันหน้าตาเฉย
“ปล่อยฉันนะ นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะ”
“อย่าพึ่งถามมากได้มั้ย ช่วยหุบปากแล้วเลิกดิ้นซักที” พูดง่ายเนอะ
“ยังมีหน้าบอกคนหุบปากอีกรึไง นายมาแย่งปลาของฉันไปหน้าตาเฉย แล้วจู่ๆ คุณพ่อจอมพลังของนายก็โผล่มาทำตูมตามจนฉันเกือบโดนลูกหลงไปด้วย แถมสายตาของพ่อนายที่มองฉัน ทำยังกับจะกินฉันเข้าไปทั้งตัวเลย” ผมดิ้นหนักขึ้น
“เออน่า ไว้ฉันเล่าให้ฟังตอนนี้นายอยู่นิ่งเหอะน่า” เจ้ายูโตะพาผมหนีเข้าป่าแล้วพาไต่ไปตามเขาที่สลับซับซ้อน ผมมองไม่เห็นพ่อของเค้าตามมาแล้ว เมื่อก่อนผมก็เคยต้องวิ่งหนีพ่อไล่ตามผมที่แอบหนีมาเที่ยวเล่นในป่าระหว่างที่พ่อหลับให้กลับไปฝึกวิชาแบบนี้เหมือนกัน ต่างกันคือพ่อผมไล่จับผมด้วยแหฝืนเท่าหลังคาบ้าน แต่ของเจ้ายูโตะเหมือนจะเอาตัวลูกไปรับค่าหัวกับพวกรัฐบาลไม่มีผิด
เรามาหยุดกันที่กระต๊อบโทรมๆ ข้างเมืองเล็กแห่งหนึ่ง ผมไม่รู้ว่าเราหนีการไล่ล่าของพ่อเจ้ายูโตะมาไกลแค่ไหน แต่แน่ใจได้ว่าไกลกว่าห้าร้อยกิโลเมตรแน่นอน
ผมออกมานั่งงอลมันที่หน้ากระต๊อบมองดูน้ำทะเลที่ไหลทอดยาวไปในเมืองข้างๆ อย่างสบายใจ
แล้วผมจะนั่งงอลมันทำไมกันนะ
“นายทำอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ”
ยังมีหน้ามาถาม
“นี่นายหิวรึยัง ฉันจะเข้าไปหาของกินในเมืองหน่อยน่ะ”
ผมลุกพรวดแล้วชี้หน้าตวาดใส่ทันที
“นี่นายยังเปลี่ยนเรื่องอีกนะ อธิบายมาเดี๋ยวนี้นะว่าเรื่องมันเป็นยังไง ถ้าไม่งั้นฉันจะฝังนายใต้กระต๊อบกังๆ นี้ซะ” ผมเดือดดาดเต็มที
“อ่อ ขอโทษที” สายตาเค้าลดต่ำลงพร้อมเสียงถอนหายใจแล้วเดินเนิบๆ มาทางผม
จะทำหน้าสลดทำไม่เล่าฉันแค่ขู่ไปตามฟอร์มเองอะโถ่เอ้ย
“ฉันหนีออกจากบ้านมาน่ะ” เค้าเริ่มพูด
“หนีออกจากบ้านหรอ ทำไมล่ะ”
เสียงคลื่นซัดเข้าฝั่งทำให้ได้กลิ่นเค็มของน้ำทะเลในตอนบ่ายอ่อนๆ อากาศเย็นสบายทีเดียวมันจะต้องเป็นเวลาพักผ่อนของผมไปแล้วถ้าไม่เกิดเรื่องขึ้น
เพราะนายแต่ๆ เลย เจ้ายูโตะ
“ฉันมีความฝันน่ะ เป็นฝัยที่ไม่ว่ายังไงฉันต้องทำให้ได้” แววตาเค้าดูจริงจัง
“มันก็ดีแล้วนี่ แล้วเกี่ยวอะไรกับหนีออกจากบ้านด้วยล่ะ”
“ความฝันของฉัน มันไม่ตรงกับสิ่งที่พ่อของฉันหวังเอาไว้น่ะสิ”
ผมเงียบ
“เค้าไม่ยอมให้ฉันได้ทำตามที่ฉันอยากจะทำ เพราะเค้ามองว่ามันไร้สาระ เค้าอยากให้ฉันสืบทอดสำนักของเค้าต่อเพื่อคงความยิ่งใหญ่ของวงตระกูลเอาไว้”
“อืม ใช่นายเป็นลูกของคนใหญ่คนโตสินะ แล้วมันยังไงเล่า เล้าให้มันละเอียดกว่านี้หน่อยจะได้มั้ยฉันชักยัวะแล้วนะ” ผมฟึดฟัดตามปกติเมื่อตั้งใจฟังอะไรซักอย่างแล้วไม่เข้าใจ
“ขอโทษทีงั้นฉันเริ่มใหม่ละนะ” เค้าขยับตัว “ฉันเกิดในครอบครัวของนักฆ่าในตำนานที่ชื่อว่าตระกูล คิวเลอร์ เป็นเก่าแก่มาแต่ครั้งอดีตกระกูลของฉันยิ่งใหญ่มากจนรัฐบาลยื่นข้อเสนอให้ทำงานให้กับพวกเค้าเพื่อแลกกับการทำให้ตระกูลของฉันเป็นตระกูลนักฆ่าที่ถูกกฏหมาย”
ฟังมาถึงตอนนี้แล้วผมอึ้งไปเลยหมอนี่เป็นทายาทของผู้ยิ่งใหญ่ระดับโลกเชียว
“พ่อของฉันเป็นผู้รับสืบทอดรุ่นที่ยี่สิบของกระกูล” เค้าเริ่มพูดต่อ “ฉันมีพี่ทั้งหมดห้าคน คนโตสุดเป็นผู้หญิงอีกสี่คนเป็นผู้ชาย ฉันเป็นคนที่สาม พ่อฝึกให้พวกเราเป็นนักฆ่าตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งตอนนั้นฉันก็ทำไปไม่คิดอะไรเพราะเห็นการฆ่าจนเป็นเรื่องปกติไปแล้วและในบรรดาพี่น้องทั้งหมดพ่อเห็นว่าฉันมีแววนักฆ่าที่สุดเลยหวังให้ฉันเป็นผู้สืบทอดรุ่นต่อไป”
เค้าพักหายใจ
“แต่วันหนึ่งวันที่ฉันอายุได้สิบห้าปีฉันก็รู้ว่าฉันไม่ได้ชอบการฆ่า ฉันอยากเป็นอิสระอยากใช้ชีวิตตามแบบที่ตัวเองเป็นคนกำหนด ฉันพยายามบอกพ่อในเรื่องนี้แต่เค้าไม่เห็นด้วยแล้วพยายามติดตามฉันทุกย่างก้าวเพราะกลัวว่าฉันก็ทำอะไรที่นอกเหนือการควยคุมของเค้า แล้ววันหนึ่งความอดทนของฉันก็ขาดสะบั้นลง”
แววตาเค้าดุดันขึ้นราวกับได้สลัดความเศร้าหมองภายในจิตใจออกไป
“ขณะที่ฉันกำลังเดินทำสมาธิอยู่นั้น ฉันบังเอิญได้ยินพ่อคุยกับคนของรัฐบาลถึงเรื่องร้ายแรงเข้า”
“เรื่องร้ายแรงหรอ”
“ใช่”
“มันคืออะไร”
“นายเคยได้ยินข่าวเรื่องสมบัติในตำนาน พีชเชอร์ใช่มั้ย”
“อ่อ ฉันเคยได้ยิน”
“หลังจากการตายของพีชเชอร์แล้ว สมบัติของเค้าก็เป็นที่ต้องการของผู้คนทั่วทั้งโลก และด้วยพลังอำนาจของรัฐบาลนั้นพวกมันต้องการรวบรวมผู้ที่มีความสามารถพิเศษทุกคนแล้วตั้งเป็นกองทัพขึ้นมา แล้วออกตามล่าพีชเชอร์เพื่อใช้พลังของมันยึดครองโลก”
ผมอึ้งกับเรื่องที่ได้ยินมา เรื่องของ พีชเชอร์ น่ะผมก็เคยได้ยินมาแต่มันเป็นเรื่องราวอีกด้านที่แทบจะต่างกันราวฟ้ากับเหว
ผมพอเข้าใจสาเหตุของการหนีอกกตระกูลของยูโตะแล้วล่ะ
“เพราะงั้นฉันเลย”
“พอเถอะ ไม่ต้องพูดแล้ว” ผมลุกขึ้นแล้วหันหลังให้เค้าแล้วเชิดหน้าท้องฟ้าที่ตัดกับฝืนทะเล “เหตุผลของนายน่ะ ฉันพอรู้แล้ว”
“งั้นเหรอ ขอบใจนะ” น้ำเสียงอ่อนโยนมาก
“ดังนั้นนายมาตามล่า พีชเชอร์กับฉันเถอะ!!”
พ่อหรอ!!
“แกทำเรื่องที่โง่เง่าอีกแล้วนะยูโตะ ไม่ละอายพวกพี่น้องบ้างรึยังไง กลับบ้านซะถือว่าฉันว่าเตือนแกแล้ว” ชายคนนั้น ไม่สิพ่อเจ้ายูโตะ เค้าสวมชุดยูโดที่มีผ้าคลุมหัวไหล่ยาวลงมาถึงตาตุ่ม ดูท่าทางเป็นคนใหญ่คนโตพอควรเลย ร่างกายกำยำพอๆ กับลูกชายเลย แถมแววตาที่มองมาทางผมแวบนึงยังบ่งบอกว่าชายคนนี้เป็นคนเด็ดขาดและเคร่งครัดเพียงใด
ตอนนี้ผมอยู่ฝั่งซ้ายของบ่อน้ำที่เคยเป็นสังเวียนชิงปลาบึกเมื่อครู่นี้
โดยตอนนี้พ่อของยูโตะยืนตะหง่านอยู่ตรงกลางเราทั้งคู่
“กลับบ้าน เดี๋ยวนี้!!” เค้าย้ำอีกครั้ง แต่ครั้งนี้สายตาเค้าเขม็งไปที่ลูกชาย เป็นสัญญาณว่าเค้าเอาจริงแล้ว
“ไม่! พ่อเลิกบังคับให้ผมทำตามความติองการของพ่อซักทีเถอะ ผมบอกไปแล้วนี่ ว่าผมขอเลือกทางเดินของผมเอง” เจ้ายูโตะตอบโต้กลับแบบจริงจัง แต่ก็แผงไปด้วยน้ำเสียงที่ขอความเห็นใจ ไอ้ขี้แยเอ้ย!
เค้าค่อยขยับเข้าใกล้ลูกชาย “จะให้ฉันพูดอีกกี่ครั้งว่าสิ่งที่แกอยากจะออกตามหานะมันไร้สาระ” ประโยคนี้ทำเอาเจ้ายูโตะดูเดือดดาดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเรื่องอะไรนะ
“ความฝันของผมน่ะมันไม่ไร้สาระ คนที่ไร้ซึ่งความฝันอย่างพ่อน่ะจะมาเข้าใจอะไรผมล่ะ” เจ้ายูโตะโต้ด้วยเสียงสั่นเครือ นัยน์ตานั้นเป็นประกาย
เค้าถอดหายใจแล้วมองไปที่ยูโตะด้วยสายตาเปลี่ยนไปทำเอาผมเสียวสันหลังวาบเลยทีเดียว“ดูท่าว่าแกจะไม่ยอมทำตามที่ฉันพูดสินะ” เค้าปลดผ้าคลุมออกเผยให้เห็นมันกล้ามที่ใหญ่โตน่าเกรงขามแม้จะสังขารจะเลยวัยฉกรรจ์มาแล้วก็ตาม
ผมรับรู้โดยสัญชาตญาณว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้ต้องเกิดเรื่องแน่ ต้องทำอะไรซักอย่าง
“หยะ หยุดก่อน ค่อยพูดค่อยจากันก่อนน่าจะดีกว่...”ผมพูดไม่ทันจะได้ความ สายตาที่เค้ามองผมทำให้รู้ทันทีว่าควรทำไงต่อ
ไม่เอาแล้วเรื่องอะไรก็ชั่ง ผมขอปลาทั้งหมดนี่ แล้วกลับไปกินอย่างสบายใจท่บ้านดีกว่า
ผมย่องเบาไปยังไม่ทันจะเข้าใกล้ปลาด้วยซ้ำ เสียงคำรามดั่งราชสีห์ก็ดังขึ้น แล้วตามด้วยเสียงของอะไรใหญ่ๆ ล้มไถลไปกับพื้น จากนั้นก็ตามด้วยเสียงพื้นดินที่สั่นทะเทือนจากการพุ่งของเค้า
ไม่ทันการแล้ว ผมสั่นจนก้าวขาไม่ออกแล้ว
เอาไงดี ถ้ายังอยู่เราโดนลูกหลงแน่
“เจ้าเปียกอยู่เฉยๆ” เสียงเจ้ายูโตะลอยมาพร้อมกับร่างที่สะบัดสะบอม ผมไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นการสนทนากันของพ่อกับลูก
“เฮ้ย นายทำอะไรเนี่ยปล่อยฉันลงนะ” ผมทุบมันเหมือนเด็กที่งอแงจะเอาของเล่น ก็จู่มันก็อุ้มผมแล้วพาผมลอยไปกับมันหน้าตาเฉย
“ปล่อยฉันนะ นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะ”
“อย่าพึ่งถามมากได้มั้ย ช่วยหุบปากแล้วเลิกดิ้นซักที” พูดง่ายเนอะ
“ยังมีหน้าบอกคนหุบปากอีกรึไง นายมาแย่งปลาของฉันไปหน้าตาเฉย แล้วจู่ๆ คุณพ่อจอมพลังของนายก็โผล่มาทำตูมตามจนฉันเกือบโดนลูกหลงไปด้วย แถมสายตาของพ่อนายที่มองฉัน ทำยังกับจะกินฉันเข้าไปทั้งตัวเลย” ผมดิ้นหนักขึ้น
“เออน่า ไว้ฉันเล่าให้ฟังตอนนี้นายอยู่นิ่งเหอะน่า” เจ้ายูโตะพาผมหนีเข้าป่าแล้วพาไต่ไปตามเขาที่สลับซับซ้อน ผมมองไม่เห็นพ่อของเค้าตามมาแล้ว เมื่อก่อนผมก็เคยต้องวิ่งหนีพ่อไล่ตามผมที่แอบหนีมาเที่ยวเล่นในป่าระหว่างที่พ่อหลับให้กลับไปฝึกวิชาแบบนี้เหมือนกัน ต่างกันคือพ่อผมไล่จับผมด้วยแหฝืนเท่าหลังคาบ้าน แต่ของเจ้ายูโตะเหมือนจะเอาตัวลูกไปรับค่าหัวกับพวกรัฐบาลไม่มีผิด
เรามาหยุดกันที่กระต๊อบโทรมๆ ข้างเมืองเล็กแห่งหนึ่ง ผมไม่รู้ว่าเราหนีการไล่ล่าของพ่อเจ้ายูโตะมาไกลแค่ไหน แต่แน่ใจได้ว่าไกลกว่าห้าร้อยกิโลเมตรแน่นอน
ผมออกมานั่งงอลมันที่หน้ากระต๊อบมองดูน้ำทะเลที่ไหลทอดยาวไปในเมืองข้างๆ อย่างสบายใจ
แล้วผมจะนั่งงอลมันทำไมกันนะ
“นายทำอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ”
ยังมีหน้ามาถาม
“นี่นายหิวรึยัง ฉันจะเข้าไปหาของกินในเมืองหน่อยน่ะ”
ผมลุกพรวดแล้วชี้หน้าตวาดใส่ทันที
“นี่นายยังเปลี่ยนเรื่องอีกนะ อธิบายมาเดี๋ยวนี้นะว่าเรื่องมันเป็นยังไง ถ้าไม่งั้นฉันจะฝังนายใต้กระต๊อบกังๆ นี้ซะ” ผมเดือดดาดเต็มที
“อ่อ ขอโทษที” สายตาเค้าลดต่ำลงพร้อมเสียงถอนหายใจแล้วเดินเนิบๆ มาทางผม
จะทำหน้าสลดทำไม่เล่าฉันแค่ขู่ไปตามฟอร์มเองอะโถ่เอ้ย
“ฉันหนีออกจากบ้านมาน่ะ” เค้าเริ่มพูด
“หนีออกจากบ้านหรอ ทำไมล่ะ”
เสียงคลื่นซัดเข้าฝั่งทำให้ได้กลิ่นเค็มของน้ำทะเลในตอนบ่ายอ่อนๆ อากาศเย็นสบายทีเดียวมันจะต้องเป็นเวลาพักผ่อนของผมไปแล้วถ้าไม่เกิดเรื่องขึ้น
เพราะนายแต่ๆ เลย เจ้ายูโตะ
“ฉันมีความฝันน่ะ เป็นฝัยที่ไม่ว่ายังไงฉันต้องทำให้ได้” แววตาเค้าดูจริงจัง
“มันก็ดีแล้วนี่ แล้วเกี่ยวอะไรกับหนีออกจากบ้านด้วยล่ะ”
“ความฝันของฉัน มันไม่ตรงกับสิ่งที่พ่อของฉันหวังเอาไว้น่ะสิ”
ผมเงียบ
“เค้าไม่ยอมให้ฉันได้ทำตามที่ฉันอยากจะทำ เพราะเค้ามองว่ามันไร้สาระ เค้าอยากให้ฉันสืบทอดสำนักของเค้าต่อเพื่อคงความยิ่งใหญ่ของวงตระกูลเอาไว้”
“อืม ใช่นายเป็นลูกของคนใหญ่คนโตสินะ แล้วมันยังไงเล่า เล้าให้มันละเอียดกว่านี้หน่อยจะได้มั้ยฉันชักยัวะแล้วนะ” ผมฟึดฟัดตามปกติเมื่อตั้งใจฟังอะไรซักอย่างแล้วไม่เข้าใจ
“ขอโทษทีงั้นฉันเริ่มใหม่ละนะ” เค้าขยับตัว “ฉันเกิดในครอบครัวของนักฆ่าในตำนานที่ชื่อว่าตระกูล คิวเลอร์ เป็นเก่าแก่มาแต่ครั้งอดีตกระกูลของฉันยิ่งใหญ่มากจนรัฐบาลยื่นข้อเสนอให้ทำงานให้กับพวกเค้าเพื่อแลกกับการทำให้ตระกูลของฉันเป็นตระกูลนักฆ่าที่ถูกกฏหมาย”
ฟังมาถึงตอนนี้แล้วผมอึ้งไปเลยหมอนี่เป็นทายาทของผู้ยิ่งใหญ่ระดับโลกเชียว
“พ่อของฉันเป็นผู้รับสืบทอดรุ่นที่ยี่สิบของกระกูล” เค้าเริ่มพูดต่อ “ฉันมีพี่ทั้งหมดห้าคน คนโตสุดเป็นผู้หญิงอีกสี่คนเป็นผู้ชาย ฉันเป็นคนที่สาม พ่อฝึกให้พวกเราเป็นนักฆ่าตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งตอนนั้นฉันก็ทำไปไม่คิดอะไรเพราะเห็นการฆ่าจนเป็นเรื่องปกติไปแล้วและในบรรดาพี่น้องทั้งหมดพ่อเห็นว่าฉันมีแววนักฆ่าที่สุดเลยหวังให้ฉันเป็นผู้สืบทอดรุ่นต่อไป”
เค้าพักหายใจ
“แต่วันหนึ่งวันที่ฉันอายุได้สิบห้าปีฉันก็รู้ว่าฉันไม่ได้ชอบการฆ่า ฉันอยากเป็นอิสระอยากใช้ชีวิตตามแบบที่ตัวเองเป็นคนกำหนด ฉันพยายามบอกพ่อในเรื่องนี้แต่เค้าไม่เห็นด้วยแล้วพยายามติดตามฉันทุกย่างก้าวเพราะกลัวว่าฉันก็ทำอะไรที่นอกเหนือการควยคุมของเค้า แล้ววันหนึ่งความอดทนของฉันก็ขาดสะบั้นลง”
แววตาเค้าดุดันขึ้นราวกับได้สลัดความเศร้าหมองภายในจิตใจออกไป
“ขณะที่ฉันกำลังเดินทำสมาธิอยู่นั้น ฉันบังเอิญได้ยินพ่อคุยกับคนของรัฐบาลถึงเรื่องร้ายแรงเข้า”
“เรื่องร้ายแรงหรอ”
“ใช่”
“มันคืออะไร”
“นายเคยได้ยินข่าวเรื่องสมบัติในตำนาน พีชเชอร์ใช่มั้ย”
“อ่อ ฉันเคยได้ยิน”
“หลังจากการตายของพีชเชอร์แล้ว สมบัติของเค้าก็เป็นที่ต้องการของผู้คนทั่วทั้งโลก และด้วยพลังอำนาจของรัฐบาลนั้นพวกมันต้องการรวบรวมผู้ที่มีความสามารถพิเศษทุกคนแล้วตั้งเป็นกองทัพขึ้นมา แล้วออกตามล่าพีชเชอร์เพื่อใช้พลังของมันยึดครองโลก”
ผมอึ้งกับเรื่องที่ได้ยินมา เรื่องของ พีชเชอร์ น่ะผมก็เคยได้ยินมาแต่มันเป็นเรื่องราวอีกด้านที่แทบจะต่างกันราวฟ้ากับเหว
ผมพอเข้าใจสาเหตุของการหนีอกกตระกูลของยูโตะแล้วล่ะ
“เพราะงั้นฉันเลย”
“พอเถอะ ไม่ต้องพูดแล้ว” ผมลุกขึ้นแล้วหันหลังให้เค้าแล้วเชิดหน้าท้องฟ้าที่ตัดกับฝืนทะเล “เหตุผลของนายน่ะ ฉันพอรู้แล้ว”
“งั้นเหรอ ขอบใจนะ” น้ำเสียงอ่อนโยนมาก
“ดังนั้นนายมาตามล่า พีชเชอร์กับฉันเถอะ!!”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ