หนามรักปักทรวง
เขียนโดย neenee
วันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 21.15 น.
แก้ไขเมื่อ 4 กันยายน พ.ศ. 2560 10.59 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) แค่แอบมีเธออยู่ในใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตกตอนเย็น สองแม่ลูกแต่งตัวสวยนั่งหน้าสลอนอยู่หน้าบ้านเพราะมีนัดเที่ยวงานประจำปีกับหนุ่มหล่อ เวลานัดคือหนึ่งทุ่มตรงแต่ศศิมากับมารดาแต่งตัวเสร็จเร็วเพราะไม่อยากให้ภาคภูมิมารอนาน ส่วนมีนาตกลงกันว่าจะแวะรับเธอที่บ้านพักครูซึ่งเป็นทางผ่านพอดี ศศิมาในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ทะมัดทะแมงส่วนนางกิ่งก็ใส่เสื้อเชิ้ตสีหวานกับกางเกงบูติคสีเข้มดวันนี้สองแม่ลูกงดใส่กระโปรงกับผ้าถุงเพราะจะได้เดินได้สะดวกขึ้น
“มาแล้วคร๊าบบบบ” ชายหนุ่มส่งเสียงดังมาจากหน้าบ้านเมื่อเห็นสองสาวนั่งรออยู่ก่อนแล้ว แสงไฟหน้าบ้านสว่างพอสมควรทำให้เขามองเห็นสองแม่ลูกได้อย่างถนัดตา
“สวัสดีครับคุณน้า วันนี้คุณน้าดูสวยหวานมากเลยนะครับ” ชายหนุ่มยกมือไหว้พร้อมกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง เขาชำเลืองไปทางศศิมาและคิดในใจว่าเธอแต่งตัวแบบนี้ก็ดูน่ารักอ่อนเยาว์ไปอีกแบบ เพราะภาพที่เห็นจนคุ้นตาส่วนมากจะเป็นชุดกระโปรงเรียบร้อยเวลาไปสอนหนังสือ
“แวะรับมีนาที่บ้านพักครูนะคะภาคถึงซอยข้างหน้าแล้วเลี้ยวซ้ายเลยค่ะ” เธอเอ่ยกับเขาขณะที่ขับรถใกล้ถึงบ้านพักของมีนา
“สวัสดีค่ะน้ากิ่ง สวัสดีค่ะคุณภาค” มีนาเอ่ยเสียงใสทักทายอย่างสนิทสนมและทุกคนก็มุ่งสู่จุดหมายคือไปเดินเที่ยวงานประจำปีกัน
ภายในงานดูน่าตื่นตาตื่นใจ แสงสีสวยงามตระการตามีคณะหมอลำขึ้นชื่อแถบภาคอีสานมาแสดงด้วย ภาคภูมิแอบทึ่งในบรรยากาศเพราะเขาไม่เคยได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้ เคยเห็นแต่ในทีวีแต่วันนี้เขาได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง มีร้านค้ามากมายที่ขนกันมาออกร้านไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน ของเล่น เสื้อผ้า มีซุ้มยิงปืน ปาเป้า ปาโป่ง ชิงช้าสวรรค์ ส่วนอาหารก็เป็นแบบพื้นบ้านหายาก เขาเดินมองดูทุกอย่างจนเพลิน ไม่ว่าจะเป็นปลาหมึกแห้งนำมาย่างไฟกลิ่นหอม ข้าวจี่ชุบไข่ แมลงทอด ขนมครกทั้งแบบโบราณและแบบทรงเครื่อง เขาเลือกซื้อเกือบทุกอย่างเพื่อลองชิมและไม่ลืมที่จะแบ่งปันให้สาวๆกินกันจนพุงกางจนศศิมาต้องสะกิด
“ภาคคะ พอแล้วมังคะภาคซื้อเกือบทุกร้านแล้วตอนนี้ทุกคนอิ่มจนท้องจะแตกกันแล้วค่ะ”
“หา!! ว่าไงนะแก้ว” เขาเอียงหน้ามาใกล้จนจมูกแทบจะชนแก้มศศิมาเพราะภายในงานเสียงดังจนแทบจะไม่ได้ยินการสนทนาของกันและกัน
“แก้วบอกว่าพอแล้วค่ะ ภาคซื้อเกือบทุกร้านแล้วและทุกคนก็อิ่มกันหมดแล้ว” ศศิมาเขย่งปลายเท้าเอามือป้องปากตะโกนใส่หูเขา ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูนี้ไม่ได้หลุดรอดสายตาของผู้เป็นมารดาและเพื่อนสาวเลย ผู้เป็นมารดาได้แต่ลอบถอนใจและกังวล ส่วนเพื่อนสาวกลับแอบฟินอยู่ในใจ มีนากับนางกิ่งหันหน้ามายิ้มให้กัน
“คุณน้ากับมีนาอยากทานไรบอกนะครับเดี๋ยวผมจัดการเอง” เขาหันมาพูดเสียงดังเกือบตะโกนเพราะกลัวสองสาวจะไม่ได้ยิน เขาไม่ลืมว่ามากันสี่คนเดี๋ยวจะหาว่าเขาสนใจแต่ศศิมา
"ฝั่งโน้นมีร้านอาหารนะครับเราไปทานข้าวกัน"
“น้าอิ่มแล้วจ้าคุณภาค น้าว่าจะไปนั่งตรงโน้นสักหน่อยหมอลำกำลังจะแสดง”
นางกิ่งชี้ไม้ชี้มือไปอีกฝากหนึ่งที่หางเครื่องวงหมอลำกำลังโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามเสียงเพลง ส่วนมีนาเองก็เห็นดีเห็นงามเพราะเธอเป็นคนชอบดูหมอลำเป็นที่สุด แต่ภาคภูมิยังนึกสนุกเขายังไม่ได้ปาโป่ง หรือปาลูกดอกใส่ลูกโป่งเพื่อจะได้ของรางวัลเป็นตุ๊กตา หากปาแม่นก็จะได้ตุ๊กตาน่ารักๆตัวโตๆ หากไม่แม่นก็ได้ตัวเล็กเป็นพวงกุญแจ เขาจึงขอนางกิ่งพาศศิมาไปปาโป่งก่อนแล้วจะตามไปสมทบที่หน้าเวลาหมอลำ
“ผมขอพาแก้วไปปาโป่งก่อนได้มั้ยครับคุณน้า แล้วจะตามไปนะครับ” ไม่นานสองหนุ่มสาวก็มายืนอยู่หน้าซุ้มปาโป่ง
“สี่ดอกยี่สิบบาทครับ ถ้าปาลูกโป่งแตกทั้งสี่ลูกรับตุ๊กตาตัวใหญ่ไปเลยครับ ถ้าปาแกสองลูกขึ้นไปรับตัวเล็กครับ” เจ้าของร้านบอกข้อเสนอแก่ลูกค้า ภาคภูมิรับลูกดอกมา 4 ดอกและปาไปที่ลูกโป่งลูกเล็กที่เสียบไว้ในช่องสี่เหลี่ยมโดยมีศศิมาคอยลุ้นอยู่ข้างๆ
“แตกไปหนึ่งลูกแล้วค่ะ” ศศิมาเอ่ยขึ้น “เอาให้แตกทุกลูกเลยนะคะ”
“เย้!!! สองลูกแล้ว” หญิงสาวตะโกนอยู่ข้างๆเขา ลูกดอกลูกที่สามถูกปาออกไปพร้อมกับลูกโป่งที่แตกกระจายออกคราวนี้เหลือลูกสุดท้ายเขาหันมาสบตาศศิมาก่อนปาออกไป
“โป้ง!!!! เย้!!!! เสียงศศิมาตะโกนลั่นเพราะความดีใจ”
“เลือกตุ๊กตาได้เลยครับ” เจ้าของร้านเอ่ยกับสองหนุ่มสาว ภาคภูมิมองมาทางศศิมาเป็นเชิงให้เธอเลือกตุ๊กตาเอาตามใจที่เธอชอบ
“แก้วเลือกเลยครับว่าจะเอาตัวไหน เอาตุ๊กตาแมวหรือหมีแพนด้าดีครับ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
“แก้วเอาแมวเหมียวนะคะ เอาไว้กอดนอน” ศศิมายิ้มให้กับชายหนุ่มซึ่งเขาเองยังไม่หมดสนุกจึงเอ่ยกับเจ้าของร้านว่าต้องการปาโป่งอีกเป็นหลายรอบพอสมควรที่ชายหนุ่มปาโป่งวนเวียนอยู่นั่น
“ภาคคะพอได้แล้วนะคะตุ๊กตาเค้าจะหมดร้านอยู่แล้วนะแก้วจะหอบไม่ไหว้แล้วนะคะ” ชายหนุ่มอดขำไม่ได้เขาเพิ่งสังเกตตอนนี้เองว่าศศิมายืนหอบตุ๊กตาอยู่ 2 ตัว วางไว้ที่วางของร้านอีก2 ตัว
สองหนุ่มสาวเดินมาหานางกิ่งและมีนาที่เวทีหมอลำไม่นานก็เจอกันถึงผู้คนจะมากมายแต่มีนาก็บอกจุดชัดเจนว่ารอตรงไหนเลยหากันเจอโดยไม่ยาก พอมาดูการแสดงหมอลำภาคภูมิก็สนุกไปกับการแสดงที่อลังการไปด้วยแสง สี เสียงที่เขาได้เคยได้เห็นมาก่อน เป็นเวลาสี่ทุ่มเศษทุกคนถึงพากันกลับบ้าน
คืนนี้หลังจากอาบสระผมแต่งตัวเรียบร้อย ศศิมาก็มานั่งหวีผมอยู่หน้ากระจกเธอเหลือบไปมองตุ๊กตาพี่หมี น้องแมวเหมียว และตุ๊กตาน้องหมาที่ภาคภูมิปาโป่งให้เธอ เขาได้มาทั้งหมด 4 ตัวแบ่งให้มีนาด้วย
“ขอบคุณนะคะคุณภาค นาเอาตัวเดียวก็พอค่ะ” มีนาเอ่ยขึ้นพร้อมเลือกเอาตุ๊กตาแมวเหมียวไป
ศศิมานั่งยิ้มให้กับตุ๊กตาและนึกถึงใบหน้าคนที่ปาโป่งให้ เป็นอีกคืนที่ศศิมาคงจะนอนหลับฝันหวาน ใบหน้าหล่อเข้มของภาคภูมิลอยวนเวียนอยู่ทั้งคืน เขาช่างเป็นผู้ชายที่อบอุ่นอ่อนโยนเป็นสุภาพบุรุษเสียจริงนับวันสองหนุ่มสาวยิ่งสนิทสนมกันมากขึ้น เขาไปมาหาสู่ที่บ้านเธอเป็นประจำจนชาวบ้านในละแวกนี้เข้าใจว่าทั้งสองเป็นคนรักกัน แต่ทั้งสองไม่เคยเอ่ยสิ่งใดว่ารู้สึกอย่างไรต่อกันเพียงตาสบตาก็รู้ว่ามีความพิเศษต่อกันมากมาย หรือเธอจะคิดไปเองคนเดียวนะศศิมาเฝ้าถามตัวเองเพราะภาคภูมิอาจจะคิดกับเธอเพียงแค่เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น เขาเองก็เคยเอ่ยแต่แรกแล้วว่ามาอยู่ที่นี่ไม่รู้จักใคร อยากมีเพื่อนอยากมีคนรู้จักคิดมาถึงตรงนี้ศศิมาก็ให้รู้สึกแปลบในหัวใจลึกๆ กลัวว่าเขาจะมีคนในใจแล้วและเธอก็คงได้แค่แอบเก็บเขาไว้ในใจเท่านั้นเอง หลายเดือนแล้วที่เธอไม่ได้นอนหลับไปพร้อมกับคราบน้ำตาเปื้อนใบหน้า คืนนี้เธอผล็อยหลับไปพร้อมรอยยิ้มอ่อนบนใบหน้า และตื่นเช้ามารับวันใหม่ที่สดใสเบิกบานเช้านี้เป็นเช้าวันอาทิตย์ศศิมาไม่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวไปสอนเหมือนเช่นทุกวันและวันนี้ผู้เป็นมารดาก็หยุดขายของหนึ่งวันเพื่อเป็นการพักผ่อนหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกันมานาน แต่กระนั้นเธอก็ตื่นตั้งแต่เวลาหกโมงเช้าเพราะเคยชินกับการตื่นแต่เช้า หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วศศิมาก็เข้าสวนหลังบ้านเพื่อเก็บผลไม้เพราะวันนี้ไม่มีโปรแกรมออกไปเที่ยวที่ไหน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ