หนามรักปักทรวง
-
เขียนโดย neenee
วันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 21.15 น.
4 ตอน
0 วิจารณ์
5,732 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 4 กันยายน พ.ศ. 2560 10.59 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ทำบุญร่วมกัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวันนี้ศศิมากลับมาทำงานหลังจากที่หายไป 1 อาทิตย์เต็มๆ เด็กนักเรียกตัวเล็ก ๆ 5-6 ขวบ วิ่งกรูเข้ามากอดเธอ ส่งเสียงเจื้อยแจ้วถามกันใหญ่จนจับใจความไม่ได้ว่าใครถามอะไรบ้าง
“เอาล่ะค่ะเด็กๆทุกคน ครูแก้วฟังไม่ออกนะคะถ้าทุกคนรุมถามแบบนี้ ครูแก้วไม่สบายค่ะก็เลยหายไปหลายวัน และตอนนี้ครูแก้วก็หายดีแล้วค่ะ”
เธออธิบายแก่เด็กๆ ซึ่งเด็กๆได้แต่ทำตาปริบๆมองหน้าคุณครูของพวกเขาด้วยความคิดถึง ศศิมาถือว่าเป็นครูที่เอาการเอางานและเอาใจใส่เด็กๆเป็นอย่างดี ทำให้เป็นที่รักใคร่ของเพื่อนร่วมงานและเด็กๆในโรงเรียน หลังจากเลิกงานศศิมาก็ขี่รถจักรยานยนต์กลางเก่ากลางใหม่กลับบ้าน เธอไม่ลืมแวะซื้อกับข้าวที่ตลาด และบังเอิญเธอก็ได้เจอภาคภูมิกำลังเลือกซื้อผลไม้อยู่พอดี ไม่แปลกที่เขาและเธอจะเจอกันโดยบังเอิญบ่อยๆ เพราะอำเภอที่เธออยู่เป็นอำเภอเล็กๆ และมีตลาดแห่งนี้ที่ใหญ่ที่สุดแล้ว
“อ้าวคุณแก้ว เลิกงานแล้วหรือครับ” เขาทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและไม่ถือตัว
“อ๋อ!!! เลิกแล้วค่ะก็เลยแวะซื้อกับข้าวค่ะ แล้วคุณภาคหละคะได้อะไรทานเย็นนี้”
เธอถามเขา ใบหน้าเธอดูสดใสขึ้นมากจนเขาผิดหูผิดตาจากวันก่อนๆที่เคยเจอ ศศิมาไม่ใช่ผู้หญิงสวยสะดุดตา หน้าตาเธอดูเรียบๆ ตากลมโตคิ้วเข้มโดยไม่ต้องเขียน ปากรูปกระจับใบหน้าเรียว ผมยาวรวบไว้กลางศีรษะทำให้เธอน่ามองไปอีกแบบมองแบบไม่เบื่อ
“อืม!! ลูกน้องทำกับข้าวไว้รอแล้วครับ พอดีผมแวะมาซื้อของใช้นิดหน่อยก็เลยมาเลือกดูผลไม้ด้วย” สองหนุ่มสาวเดินคุยกันไป
“แหม วันหลังไม่ต้องซื้อก็ได้นะคะผลไม้น่ะเดี๋ยวแก้วเก็บที่สวนมาให้มีเยอะเลย” เธอพูดอย่างมีน้ำใจ
“ขอบคุณมากครับ ไว้ว่างๆจะแวะไปปีนเก็บมะม่วงนะครับ” เขาพูดอย่างอารมณ์ดีทำให้เธอหัวเราะเสียงใส
เป็นเวลาสามเดือนเต็มๆที่สองหนุ่มสาวได้รู้จักกัน ดูว่าจะสนิทสนมกันพอสมควร เพราะภาคภูมิเป็นคนอัธยาศัยดีศศิมาเองก็ลืมสุวัชชัยไปเสียสนิทเหมือนว่าเธอไม่เคยรักเขาเลย แต่เธอกลับรู้สึกแปลกๆกับภาคภูมิเธอยังสงสัยตัวเองเลยว่าทำไมถึงได้รู้สึกพิเศษกับผู้ชายทุกคนที่เข้ามาเอาอกเอาใจเธอ หรือเป็นเพราะว่าเธอขาดความอบอุ่นจากบิดาทำให้รู้สึกว่าผู้ชายสองคนที่เข้ามาในชีวิตเธอคือคนที่มาเติมสิ่งที่เธอขาดหายไป สองหนุ่มสาวมีโอกาสได้ไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ ไม่ว่าจะไปปิกนิกตามน้ำตกหรือไปไหว้พระตามวัดต่าง ๆ ศศิมามีความสุขมาก ภาคภูมิอบอุ่นและเข้าใจเธอยิ่งกว่าสุวัชชัยเสียอีก เธอแอบพอใจภาคภูมิอยู่เงียบๆ จนคิดว่าตัวเองเป็นคนใจง่ายหรือเปล่า ชายหนุ่มเองก็รู้สึกดีกับศศิมาอยู่ไม่ใช่น้อยเพราะเธอเป็นคนดีมีน้ำใจ เธอเก็บผลไม้และทำขนมให้เขาเอาไปฝากลูกน้องที่ไซต์งานก่อสร้างของเขาบ่อยๆ หรือแม้กระทั่งช่วยเป็นแม่ครัวเวลาหน่วยงานเขามีกิจกรรมต่างๆ ทำให้สองคนสนิทสนมกันแบบจริงใจ วันนี้เป็นวันเสาร์ศศิมาไม่ต้องไปสอนส่วนภาคภูมิก็หยุดงานสองหนุ่มสาวจึงชวนกันไปทำบุญที่วัด ทุกครั้งที่พาศศิมาออกไปเที่ยวหรือไปซื้อของภาคภูมิจะขออนุญาตผู้เป็นมารดาของศศิมาเสมอ ทำให้นางกิ่งรักและเอ็นดูภาคภูมิเหมือนเป็นลูกอีกคนแต่นางก็ไม่วางใจยังเฝ้าดูอยู่เงียบๆว่าความสัมพันธ์ของสองหนุ่มสาวจะเป็นไปแบบไหน แต่ที่รู้ ณ ปัจจุบันนี้ลูกสาวของนางดูมีความสุขมีชีวิตชีวากว่าตอนคบหากับสุวัชชัยเสียด้วยซ้ำ
“คุณน้าไม่ไปด้วยกันหรือครับ” ชายหนุ่มเอ่ยชวนผู้เป็นมารดาของศศิมา เมื่อเขาขับรถมาจอดไว้หน้าบ้านและเดินตรงเข้ามายกมือไหว้พร้อมเอ่ยปากชวน
“ไปกันเถอะลูก วันนี้จะมีร้านในตลาดมารับขนมเขาจะแวะมาคุยเรื่องจ้างไปทำขนมในงานเลี้ยงด้วยน้าว่าคงคุยกันยาวเลยหละจ๊ะ” นางกิ่งปฏิเสธไปเพราะมีนัดกับร้านขนมไทยในเมืองที่ติดต่อไปทำขนมในงานเลี้ยง
“แก้วหละครับคุณน้า” ภาคภูมิเอ่ยถามพร้อมชะเง้อชะแง้แลหาเพราะไม่เห็นศศิมา
“เห็นรับโทรศัพท์อยู่เมื่อกี้สงสัยจะเป็นมีนาโทรมาน่ะจ้ะ” นางกิ่งตอบชายหนุ่มไปเพราะเมื่อสักครู่มีนาโทรศัพท์มาหาศศิมาได้ยินแว่วๆว่าจะชวนกันไปเที่ยวงานบุญประจำปีกันคืนนี้
“ไปด้วยกันนะแก้ว ชวนน้ากิ่งกับคุณภาคไปด้วย” มีนาส่งเสียงเจื้อยแจ้วมาตามสาย
“แก้วต้องถามแม่กับคุณภาคดูก่อนนะนาไม่รู้ว่าจะไปกันหรือเปล่า เดี๋ยวแก้วโทรไปบอกนะ” ศศิมาพูดไปตามสาย การสนทนาระหว่างสองสาวจบลงแล้ว ศศิมาจึงเดินออกมาจากในบ้าน
“อ้าวคุณภาค มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะแก้วไม่เห็นได้ยินเสียงรถเลยค่ะ รอนานมั้ยคะ”
เธอเอียงคอถาม วันนี้ศศิมาแต่งตัวดูเรียบร้อย น่ารัก ใส่เสื้อลูกไม้สีครีม ผ้าถุงลายไทยแถบภาคอีสานผืนยาวสีน้ำตาลอ่อนที่มารดาเธอตัดเย็บให้ ผมยาวกลางหลังถูกคาดไว้ด้วยที่คาดผมไข่มุก ใบหน้าแต่งเติมด้วยแป้งพัพบางๆ ปากรูปกระจับเคลือบด้วยลิปสติกสีชมพูอ่อนๆ คิ้วดกหนาตามธรรมชาติของเธอถูกกันออกให้เป็นรูปทรงสวยงามโดยไม่ต้องพึ่งดินสอเขียนคิ้ว เธอไม่ใช่คนสวยแต่เธอเป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่มีความน่ารักมองไม่เบื่อ หน้าไม่ได้เรียวเสียทีเดียวแก้มออกจะป่องๆด้วยซ้ำแต่เธอก็ไม่ใช่คนอวบมีเนื้อมีหนัง ภาคภูมิจะชอบเรียกเธอว่า “แก้มป่อง” เพราะเวลาเธอยิ้มเนื้อแก้มของเธอจะป่องออกมาเหมือนเด็กตัวน้อยๆ ส่วนศศิมาเองก็เรียกภาคภูมิว่า “ลักยิ้ม” เพราะเวลาเขายิ้มจะมองเห็นลักยิ้มเด่นชัด นั่นก็เป็นเสน่ห์ชวนมองอีกอย่างหนึ่งของเขา ภาคภูมิอมยิ้มในความน่ารักสดใสของหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“มาได้สักพักแล้วครับ แก้วคุยธุระเสร็จแล้วหรือครับเห็นคุณน้าบอกว่าคุยธุระอยู่” เขาเอ่ยปากถาม
“เสร็จแล้วค่ะขอโทษนะคะที่ให้รอนาน พอดีมีนาโทรมาชวนไปเที่ยวงานคืนนี้ค่ะ” ศศิมาได้ถือโอกาสชักชวนภาคภูมิและไม่ลืมที่จะหันไปถามมารดาที่นั่งอยู่ห่างออกไป
“คุณภาคไปด้วยกันมั้ยคะงานประจำปีคืนนี้ที่ลานค้าในตลาดมีนาฝากชวน แม่ไปด้วยกันนะจ๊ะ”
หลังจากตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าคืนนี้จะไปเที่ยวงานวัดกันสองหนุ่มสาวก็เดินทางไปทำบุญที่วัดตามที่นัดกันไว้
ภาคภูมิรู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้มาทำบุญที่วัดป่าของหมู่บ้านที่ศศิมาอาศัยอยู่ เขาได้เห็นวิถีชีวิตของคนชนบทที่แตกต่างจากชีวิตในเมืองกรุงโดยสิ้นเชิง เขามีผลไม้และขนมหลายชนิดที่เขาตั้งใจซื้อมาทำบุญ ส่วนศศิมาเองก็นำสาคูไส้หมู่และข้าวเหนียวเปียกลำไยแสนอร่อยที่เธอตั้งใจทำสุดฝีมือมาทำบุญ เขานำข้าวเหนียวในกระติ๊บไปใส่บาตรที่วางตรงหน้าพระสงฆ์ 5 รูป ตามที่ศศิมาแนะนำและทำให้เขาดูก่อนหน้านั้น ส่วนอาหารคาวหวานก็จัดใส่สำรับไปวางตรงหน้าพระสงฆ์ จากนั้นก็นั่งรับศีลรับพรและกรวดน้ำเป็นลำดับสุดท้าย ซึ่งเป็นวิถีชีวิตของคนในพื้นที่นี้ที่ทำกันเป็นประจำ หลังจากที่พระสงฆ์ฉันฑ์ภัตตาหารเสร็จอาหารคาวหวานมากมายที่ผู้มีจิตศรัทธานำมาร่วมทำบุญถูกลำเลียงออกมา เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดจึงมีคนมาทำบุญค่อนข้างหนาตา จากนั้นคนเฒ่าคนแก่ พี่ป้าน้าอาต่างก็มาล้อมวงนั่งกินข้าวกันบนศาลา
“กินข้าวกันค่ะภาค” ศศิมายื่นจานข้าวไว้ตรงหน้าภาคภูมิหลังจากที่นั่งล้อมวงกับเพื่อนบ้านประมาณ 4-5 คน ทุกคนมีใบหน้ายิ้มแย้มและเป็นมิตรกับชายหนุ่มและต่างเข้าใจว่าเขาคือคนรักของศศิมา
“กินเยอะๆนะพ่อหนุ่ม เอ้านี่น้ำพริกปลาร้ากินเป็นมั้ย” ยายแก่ๆหน้าตาใจดียื่นถ้วยน้ำพริกมาไว้ตรงหน้า ชายหนุ่มเองก็ยิ้มรับและกล่าวคำขอบคุณ
“อิ่มทั้งบุญอิ่มทั้งท้องเลยนะแก้วว่ามั้ย” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นขณะขับรถพาศศิมากลับบ้าน
“ใช่แล้วค่ะภาค วันหยุดแก้วจะชอบมากับแม่บ่อยๆค่ะเพราะทำบุญแล้วรู้สึกสบายใจ วันไหนว่างแก้วยินดีพาภาคมานะคะ” ศศิมาเอ่ยกับชายหนุ่มพร้อมทั้งยิ้มอย่างมีความสุข หลังจากส่งศศิมาถึงบ้านแล้วชายหนุ่มก็ขอตัวกลับเพื่อที่จะมาพบกันตามนัดอีกครั้งในคืนนี้
"คืนนี้เจอกันครับแก้วเดี๋ยวผมมารับประมาณหนึ่งทุ่มนะครับ"
"ค่ะภาคแก้วจะแต่งตัวสวยๆไว้รอนะคะ" พูดจบสองหนุ่มสาวก็หัวเราะกันอย่างมีความสุข
“เอาล่ะค่ะเด็กๆทุกคน ครูแก้วฟังไม่ออกนะคะถ้าทุกคนรุมถามแบบนี้ ครูแก้วไม่สบายค่ะก็เลยหายไปหลายวัน และตอนนี้ครูแก้วก็หายดีแล้วค่ะ”
เธออธิบายแก่เด็กๆ ซึ่งเด็กๆได้แต่ทำตาปริบๆมองหน้าคุณครูของพวกเขาด้วยความคิดถึง ศศิมาถือว่าเป็นครูที่เอาการเอางานและเอาใจใส่เด็กๆเป็นอย่างดี ทำให้เป็นที่รักใคร่ของเพื่อนร่วมงานและเด็กๆในโรงเรียน หลังจากเลิกงานศศิมาก็ขี่รถจักรยานยนต์กลางเก่ากลางใหม่กลับบ้าน เธอไม่ลืมแวะซื้อกับข้าวที่ตลาด และบังเอิญเธอก็ได้เจอภาคภูมิกำลังเลือกซื้อผลไม้อยู่พอดี ไม่แปลกที่เขาและเธอจะเจอกันโดยบังเอิญบ่อยๆ เพราะอำเภอที่เธออยู่เป็นอำเภอเล็กๆ และมีตลาดแห่งนี้ที่ใหญ่ที่สุดแล้ว
“อ้าวคุณแก้ว เลิกงานแล้วหรือครับ” เขาทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและไม่ถือตัว
“อ๋อ!!! เลิกแล้วค่ะก็เลยแวะซื้อกับข้าวค่ะ แล้วคุณภาคหละคะได้อะไรทานเย็นนี้”
เธอถามเขา ใบหน้าเธอดูสดใสขึ้นมากจนเขาผิดหูผิดตาจากวันก่อนๆที่เคยเจอ ศศิมาไม่ใช่ผู้หญิงสวยสะดุดตา หน้าตาเธอดูเรียบๆ ตากลมโตคิ้วเข้มโดยไม่ต้องเขียน ปากรูปกระจับใบหน้าเรียว ผมยาวรวบไว้กลางศีรษะทำให้เธอน่ามองไปอีกแบบมองแบบไม่เบื่อ
“อืม!! ลูกน้องทำกับข้าวไว้รอแล้วครับ พอดีผมแวะมาซื้อของใช้นิดหน่อยก็เลยมาเลือกดูผลไม้ด้วย” สองหนุ่มสาวเดินคุยกันไป
“แหม วันหลังไม่ต้องซื้อก็ได้นะคะผลไม้น่ะเดี๋ยวแก้วเก็บที่สวนมาให้มีเยอะเลย” เธอพูดอย่างมีน้ำใจ
“ขอบคุณมากครับ ไว้ว่างๆจะแวะไปปีนเก็บมะม่วงนะครับ” เขาพูดอย่างอารมณ์ดีทำให้เธอหัวเราะเสียงใส
เป็นเวลาสามเดือนเต็มๆที่สองหนุ่มสาวได้รู้จักกัน ดูว่าจะสนิทสนมกันพอสมควร เพราะภาคภูมิเป็นคนอัธยาศัยดีศศิมาเองก็ลืมสุวัชชัยไปเสียสนิทเหมือนว่าเธอไม่เคยรักเขาเลย แต่เธอกลับรู้สึกแปลกๆกับภาคภูมิเธอยังสงสัยตัวเองเลยว่าทำไมถึงได้รู้สึกพิเศษกับผู้ชายทุกคนที่เข้ามาเอาอกเอาใจเธอ หรือเป็นเพราะว่าเธอขาดความอบอุ่นจากบิดาทำให้รู้สึกว่าผู้ชายสองคนที่เข้ามาในชีวิตเธอคือคนที่มาเติมสิ่งที่เธอขาดหายไป สองหนุ่มสาวมีโอกาสได้ไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ ไม่ว่าจะไปปิกนิกตามน้ำตกหรือไปไหว้พระตามวัดต่าง ๆ ศศิมามีความสุขมาก ภาคภูมิอบอุ่นและเข้าใจเธอยิ่งกว่าสุวัชชัยเสียอีก เธอแอบพอใจภาคภูมิอยู่เงียบๆ จนคิดว่าตัวเองเป็นคนใจง่ายหรือเปล่า ชายหนุ่มเองก็รู้สึกดีกับศศิมาอยู่ไม่ใช่น้อยเพราะเธอเป็นคนดีมีน้ำใจ เธอเก็บผลไม้และทำขนมให้เขาเอาไปฝากลูกน้องที่ไซต์งานก่อสร้างของเขาบ่อยๆ หรือแม้กระทั่งช่วยเป็นแม่ครัวเวลาหน่วยงานเขามีกิจกรรมต่างๆ ทำให้สองคนสนิทสนมกันแบบจริงใจ วันนี้เป็นวันเสาร์ศศิมาไม่ต้องไปสอนส่วนภาคภูมิก็หยุดงานสองหนุ่มสาวจึงชวนกันไปทำบุญที่วัด ทุกครั้งที่พาศศิมาออกไปเที่ยวหรือไปซื้อของภาคภูมิจะขออนุญาตผู้เป็นมารดาของศศิมาเสมอ ทำให้นางกิ่งรักและเอ็นดูภาคภูมิเหมือนเป็นลูกอีกคนแต่นางก็ไม่วางใจยังเฝ้าดูอยู่เงียบๆว่าความสัมพันธ์ของสองหนุ่มสาวจะเป็นไปแบบไหน แต่ที่รู้ ณ ปัจจุบันนี้ลูกสาวของนางดูมีความสุขมีชีวิตชีวากว่าตอนคบหากับสุวัชชัยเสียด้วยซ้ำ
“คุณน้าไม่ไปด้วยกันหรือครับ” ชายหนุ่มเอ่ยชวนผู้เป็นมารดาของศศิมา เมื่อเขาขับรถมาจอดไว้หน้าบ้านและเดินตรงเข้ามายกมือไหว้พร้อมเอ่ยปากชวน
“ไปกันเถอะลูก วันนี้จะมีร้านในตลาดมารับขนมเขาจะแวะมาคุยเรื่องจ้างไปทำขนมในงานเลี้ยงด้วยน้าว่าคงคุยกันยาวเลยหละจ๊ะ” นางกิ่งปฏิเสธไปเพราะมีนัดกับร้านขนมไทยในเมืองที่ติดต่อไปทำขนมในงานเลี้ยง
“แก้วหละครับคุณน้า” ภาคภูมิเอ่ยถามพร้อมชะเง้อชะแง้แลหาเพราะไม่เห็นศศิมา
“เห็นรับโทรศัพท์อยู่เมื่อกี้สงสัยจะเป็นมีนาโทรมาน่ะจ้ะ” นางกิ่งตอบชายหนุ่มไปเพราะเมื่อสักครู่มีนาโทรศัพท์มาหาศศิมาได้ยินแว่วๆว่าจะชวนกันไปเที่ยวงานบุญประจำปีกันคืนนี้
“ไปด้วยกันนะแก้ว ชวนน้ากิ่งกับคุณภาคไปด้วย” มีนาส่งเสียงเจื้อยแจ้วมาตามสาย
“แก้วต้องถามแม่กับคุณภาคดูก่อนนะนาไม่รู้ว่าจะไปกันหรือเปล่า เดี๋ยวแก้วโทรไปบอกนะ” ศศิมาพูดไปตามสาย การสนทนาระหว่างสองสาวจบลงแล้ว ศศิมาจึงเดินออกมาจากในบ้าน
“อ้าวคุณภาค มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะแก้วไม่เห็นได้ยินเสียงรถเลยค่ะ รอนานมั้ยคะ”
เธอเอียงคอถาม วันนี้ศศิมาแต่งตัวดูเรียบร้อย น่ารัก ใส่เสื้อลูกไม้สีครีม ผ้าถุงลายไทยแถบภาคอีสานผืนยาวสีน้ำตาลอ่อนที่มารดาเธอตัดเย็บให้ ผมยาวกลางหลังถูกคาดไว้ด้วยที่คาดผมไข่มุก ใบหน้าแต่งเติมด้วยแป้งพัพบางๆ ปากรูปกระจับเคลือบด้วยลิปสติกสีชมพูอ่อนๆ คิ้วดกหนาตามธรรมชาติของเธอถูกกันออกให้เป็นรูปทรงสวยงามโดยไม่ต้องพึ่งดินสอเขียนคิ้ว เธอไม่ใช่คนสวยแต่เธอเป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่มีความน่ารักมองไม่เบื่อ หน้าไม่ได้เรียวเสียทีเดียวแก้มออกจะป่องๆด้วยซ้ำแต่เธอก็ไม่ใช่คนอวบมีเนื้อมีหนัง ภาคภูมิจะชอบเรียกเธอว่า “แก้มป่อง” เพราะเวลาเธอยิ้มเนื้อแก้มของเธอจะป่องออกมาเหมือนเด็กตัวน้อยๆ ส่วนศศิมาเองก็เรียกภาคภูมิว่า “ลักยิ้ม” เพราะเวลาเขายิ้มจะมองเห็นลักยิ้มเด่นชัด นั่นก็เป็นเสน่ห์ชวนมองอีกอย่างหนึ่งของเขา ภาคภูมิอมยิ้มในความน่ารักสดใสของหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“มาได้สักพักแล้วครับ แก้วคุยธุระเสร็จแล้วหรือครับเห็นคุณน้าบอกว่าคุยธุระอยู่” เขาเอ่ยปากถาม
“เสร็จแล้วค่ะขอโทษนะคะที่ให้รอนาน พอดีมีนาโทรมาชวนไปเที่ยวงานคืนนี้ค่ะ” ศศิมาได้ถือโอกาสชักชวนภาคภูมิและไม่ลืมที่จะหันไปถามมารดาที่นั่งอยู่ห่างออกไป
“คุณภาคไปด้วยกันมั้ยคะงานประจำปีคืนนี้ที่ลานค้าในตลาดมีนาฝากชวน แม่ไปด้วยกันนะจ๊ะ”
หลังจากตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าคืนนี้จะไปเที่ยวงานวัดกันสองหนุ่มสาวก็เดินทางไปทำบุญที่วัดตามที่นัดกันไว้
ภาคภูมิรู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้มาทำบุญที่วัดป่าของหมู่บ้านที่ศศิมาอาศัยอยู่ เขาได้เห็นวิถีชีวิตของคนชนบทที่แตกต่างจากชีวิตในเมืองกรุงโดยสิ้นเชิง เขามีผลไม้และขนมหลายชนิดที่เขาตั้งใจซื้อมาทำบุญ ส่วนศศิมาเองก็นำสาคูไส้หมู่และข้าวเหนียวเปียกลำไยแสนอร่อยที่เธอตั้งใจทำสุดฝีมือมาทำบุญ เขานำข้าวเหนียวในกระติ๊บไปใส่บาตรที่วางตรงหน้าพระสงฆ์ 5 รูป ตามที่ศศิมาแนะนำและทำให้เขาดูก่อนหน้านั้น ส่วนอาหารคาวหวานก็จัดใส่สำรับไปวางตรงหน้าพระสงฆ์ จากนั้นก็นั่งรับศีลรับพรและกรวดน้ำเป็นลำดับสุดท้าย ซึ่งเป็นวิถีชีวิตของคนในพื้นที่นี้ที่ทำกันเป็นประจำ หลังจากที่พระสงฆ์ฉันฑ์ภัตตาหารเสร็จอาหารคาวหวานมากมายที่ผู้มีจิตศรัทธานำมาร่วมทำบุญถูกลำเลียงออกมา เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดจึงมีคนมาทำบุญค่อนข้างหนาตา จากนั้นคนเฒ่าคนแก่ พี่ป้าน้าอาต่างก็มาล้อมวงนั่งกินข้าวกันบนศาลา
“กินข้าวกันค่ะภาค” ศศิมายื่นจานข้าวไว้ตรงหน้าภาคภูมิหลังจากที่นั่งล้อมวงกับเพื่อนบ้านประมาณ 4-5 คน ทุกคนมีใบหน้ายิ้มแย้มและเป็นมิตรกับชายหนุ่มและต่างเข้าใจว่าเขาคือคนรักของศศิมา
“กินเยอะๆนะพ่อหนุ่ม เอ้านี่น้ำพริกปลาร้ากินเป็นมั้ย” ยายแก่ๆหน้าตาใจดียื่นถ้วยน้ำพริกมาไว้ตรงหน้า ชายหนุ่มเองก็ยิ้มรับและกล่าวคำขอบคุณ
“อิ่มทั้งบุญอิ่มทั้งท้องเลยนะแก้วว่ามั้ย” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นขณะขับรถพาศศิมากลับบ้าน
“ใช่แล้วค่ะภาค วันหยุดแก้วจะชอบมากับแม่บ่อยๆค่ะเพราะทำบุญแล้วรู้สึกสบายใจ วันไหนว่างแก้วยินดีพาภาคมานะคะ” ศศิมาเอ่ยกับชายหนุ่มพร้อมทั้งยิ้มอย่างมีความสุข หลังจากส่งศศิมาถึงบ้านแล้วชายหนุ่มก็ขอตัวกลับเพื่อที่จะมาพบกันตามนัดอีกครั้งในคืนนี้
"คืนนี้เจอกันครับแก้วเดี๋ยวผมมารับประมาณหนึ่งทุ่มนะครับ"
"ค่ะภาคแก้วจะแต่งตัวสวยๆไว้รอนะคะ" พูดจบสองหนุ่มสาวก็หัวเราะกันอย่างมีความสุข
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ