หนามรักปักทรวง
-
เขียนโดย neenee
วันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 21.15 น.
4 ตอน
0 วิจารณ์
5,729 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 4 กันยายน พ.ศ. 2560 10.59 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) หัวใจบาดเจ็บ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดด! เสียงรถเบรกดังสนั่น พร้อมกับร่างบางที่ทรุดฮวบลงไปกองตรงหน้ารถกระบะคันงามที่มีชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง แข็งแรง กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ชนิดที่สาวๆเห็นแล้วต้องมองตามเป็นคนขับ เขารีบเปิดประตูรถวิ่งไปยังร่างที่นอนฟุบอยู่ตรงหน้ารถที่เขาเพิ่งเบรกดังลั่นเมื่อสักครู่นั่นเอง
“คุณ คุณ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
เขาประคองร่างหญิงสาวที่เขาเกือบขับรถชนไว้พร้อมทั้งเรียกเบาๆ หญิงสาวร่างบาง ใบหน้าซีดเซียวและเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาลืมตาขึ้นมามองหน้าเขา
“ปล่อย ฉันไม่ได้เป็นอะไร”
เธอพยายามฝืนกายออกจากการประคองของเขา
“แต่คุณล้มลงไปแรงมากนะ คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”
เขาถามต่อด้วยความเป็นห่วง ทั้งที่เขารู้ว่าเขาไม่ได้ผิดเลย เธอวิ่งมาตัดหน้ารถเขาแท้ๆ ถ้าเขาขับมาเร็วกว่านี้คงชนเธอตายไปแล้ว
“คุณไปหาหมอไหม ผมจะพาไป ดูท่าทางคุณไม่ดีเลย”
ถ้าเขาเดาไม่ผิดเธอคงผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก เพราะตากลมโตแดงช้ำ คราบน้ำตาก็ยังเปรอะให้เห็นบนใบหน้า
“ปล่อยฉันเถอะค่ะ ฉันไม่ได้เจ็บตรงไหนหรอก แค่หน้ามืดไปเท่านั้นเอง”
เธอฝืนกายลุกขึ้นแล้วเดินเหม่อลอยไปข้างหน้า ไม่ถึงสามก้าวก็ทรุดฮวบลงจนชายหนุ่มต้องรีบเข้าไปประคองไว้
“บ้านคุณอยู่ไหนเดี๋ยวผมไปส่ง”
เขาแสดงความมีน้ำใจต่อเธอ ภาคภูมิ พิทักษ์สงคราม วิศวกรหนุ่มไฟแรงสังกัดกรมทางหลวง เขาเพิ่งย้ายมาคุมงานก่อสร้างทางที่นี่ได้หนึ่งเดือนเศษ ถนนเส้นนี้เขาก็ขับรถผ่านมาเป็นประจำ เหมือนวันนี้หลังจากเลิกงานเขาก็ขับรถกลับที่พักตามปกติ เป็นโชคดีของทั้งเขาและเธอที่ไม่เกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงขึ้น ศศิมา วงษ์วีระ หรือแก้ว หญิงสาวอายุย่างวัยเบญจเพส เธอจะอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์ในอีกสามเดือนข้างหน้า รูปร่างบางผิวเนียนละเอียดถึงแม้จะไม่ได้ขาวจนสะดุดตาแต่ก็ผุดผ่องชวนมอง เธอเพิ่งผิดหวังจากความรักมาหมาดๆ เหตุเพราะถูกผู้ชายที่คิดจะฝากชีวิตไว้กับเขามาบอกว่าเขากำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น เพราะไปทำผู้หญิงคนนั้นท้องและเขาจำเป็นต้องรับผิดชอบ เขานัดเจอเธอบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยที่สวนสาธารณะใกล้หมู่บ้าน
“พี่จอห์นทำไมทำกับแก้วแบบนี้ล่ะคะ ไหนพี่จอห์นบอกว่ารักแก้วจะแต่งงานกับแก้ว แล้วทำไม ทำไมพี่จอห์นถึงไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น”
เธอตะโกนใส่หน้าเขา
“แก้ว พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจนะ พี่ไม่ได้จริงจังกับเขาเหมือนที่จริงจังกับแก้วนะ”
เพี๊ยะ!! ฝ่ามือน้อยตบหน้าเขาไปอย่างแรงโชคดีที่สวนสาธารณแห่งนี้ไม่ค่อยมีคนมากนักจึงไม่มีคนสนใจการสนทนาที่ออกจะรุนแรงของสองหนุ่มสาว
“พี่จอห์นพูดอย่างนี้ได้ยังไง พี่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่นหรือคะ”
เธอถามออกไปทั้งที่ยังร้องไห้
“พี่สัญญานะแก้วว่าถ้าพี่แต่งงานแล้วพี่จะหย่ากับเขาให้เร็วที่สุด”
เขาพูดออกมาอย่างคนเห็นแก่ตัว
“พอทีเถอะค่ะ พี่จอห์นอย่าแสดงความเห็นแก่ตัวออกมาให้แก้วเห็นมากไปกว่านี้เลย แก้วไม่ต้องการ พี่กำลังจะมีลูกกับเขา แล้วยังคิดจะเลิกกับเขาอีกหรือคะ”
เธอจ้องหน้าเขาอย่างตัดพ้อและผิดหวัง ชายหนุ่มเองก็รู้สึกสับสนจนบอกไม่ถูก จริงๆแล้วเขารักศศิมาไม่เคยเปลี่ยน เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารัก จิตใจดี เขาเคยให้คำมั่นสัญญาไว้ว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นแม่ของลูกเขา แต่ตามประสาผู้ชายที่รักสนุก ในเมื่อมีผู้หญิงที่สวยรวยเสน่ห์มาให้ท่าให้ทางเขาทุกๆวันที่ทำงานอยู่ด้วยกัน มีหรือเขาจะปฏิเสธ จนในที่สุดเรื่องที่เขาไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อผู้หญิงคนนั้นบอกเขาว่ากำลังจะมีลูกกับเขา
“ลินมีข่าวดีจะบอกค่ะจอห์น”
ลินนรีบอกกับเขาอย่างดีใจเมื่ออยู่กันสองต่อสองในห้องพักของเธอ ลินนรี เลขาสาวเปรี้ยวแห่งบริษัทส่งออกผ้าไทยชั้นนำแห่งหนึ่ง เธอคบกับสุวัชชัยและแอบมีสัมพันธ์ลับ ๆ กับเขามาหลายเดือน สุวัชชัยเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดหนุ่มหล่อมาดดีที่สาวๆในบริษัทหมายปอง เขามีท่าทีสนใจลินนรีจนออกนอกหน้าเมื่อถูกแนะนำให้รู้จักกันในวันหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็ไปไหนมาไหนด้วยกันจนเป็นภาพที่คุ้นตาว่าสองหนุ่มสาวมีความพิเศษต่อกันเกินเพื่อนร่วมงาน สุวัชชัยเองมีท่าทีตกใจไม่ใช่น้อยที่ได้ยินลินนรีบอกแก่เขาอย่างนั้น
“ลิน ลินปล่อยให้มีลูกได้ยังไง ลินก็รู้ว่าเรายังไม่พร้อม”
เขาบอกกับเธออย่างอารมณ์เสีย
“จอห์น คุณพูดอย่างนี้ได้ยังไงคะ มีอะไรที่ยังไม่พร้อม หน้าที่การงานคุณก็ลงตัว ลินเองก็มีพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าทรัพย์สินเงินทองคุณพ่อคุณแม่ก็มีไว้ให้ลินทุกอย่าง”
เธอพูดอย่างหัวเสีย จริงอยู่ลินนรีเธอเป็นลูกสาวนักธุรกิจส่งออกผ้าไทยรายใหญ่ของประเทศ เธอมาทำงานในตำแหน่งเลขาที่บริษัทแห่งนี้เพราะเป็นบริษัทในเครือที่บิดาของเธอถือหุ้นอยู่ สุวัชชัยเองก็รู้ว่าเธอเป็นคุณหนูไฮโซและร่ำรวยเขาเองก็มีฐานะทางบ้านดีไม่ด้อยไปกว่าเธอนัก บิดาเป็นนักการเมืองมีชื่อเสียง มารดาเปิดร้านส่งออกเครื่องเรือน เขาเองก็จบการตลาดมาจากเมืองนอก เขารู้จักคุ้นเคยและชอบศศิมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยและคบกันในฐานะคนรักมาจนต่างคนต่างเรียนจบ ศศิมาได้งานทำอย่างที่เธอชอบ เธอเป็นครูสอนระดับอนุบาลในโรงเรียนเอกชนมีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ส่วนสุวัชชัยก็ไปเรียนต่อจนจบแล้วกลับมาทำงานที่เมืองไทยโดยที่ทั้งสองยังติดต่อกันเรื่อยมา
“ไม่รู้แหละ เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้วป๋าไม่ยอมแน่นอนถ้าจอห์นจะปัดความรับผิดชอบ”
เธออ้างถึงบิดาและมันก็ทำให้สุวัชชัยตัดสินใจนำเรื่องนี้มาบอกกับคนรักที่เขาแอบหักหลังมาหลายเดือน
“เราอย่าเจอกันอีกเลยค่ะพี่จอห์น แล้วไม่ต้องมายุ่งกับแก้วอีก”
ศศิมาจำได้ว่าเป็นประโยคสุดท้ายที่ตะโกนใส่หน้าเขา พร้อมกับวิ่งออกมาถนนจนเกือบถูกรถชน ศศิมา น้ำตาอาบแก้มอีกเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อสักครู่ จนเธอลืมฟังว่าผู้ชายตรงหน้ากำลังพูดอะไรกับเธอ
“คุณ คุณ เป็นอะไรครับทำไมไม่ตอบผม”
ภาคภูมิถามเธอพร้อมเขย่าแขนเบาๆเพื่อเรียกสติเธอกลับมา เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าที่เข่าของเธอมีเลือดไหนออกซิบๆ
“แย่แล้วสิคุณ ขาคุณมีแผลด้วย”
เขาบอกพร้อมเข้าไปหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กในรถออกมาเช็ดเลือดให้เธอ
“ไป ผมจะพาไปหาหมอ ว่าแต่ว่าแถวนี้มีคลินิกหรือโรงพยาบาลอยู่หรือเปล่า”
“ไม่ไป ฉันจะกลับบ้านฉันไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะแผลนิดเดียว”
เธอตอบเขาไป ทั้งที่ในใจตอบต่อว่า แผลที่เจ็บมากที่สุดตอนนี้คือแผลในใจของเธอ
“คุณนี่ดื้อจริงๆเลยนะ โอเคไม่ไปก็ไม่ไป”
เขาพูดตัดบท ชักจะรู้สึกไม่สบอารมณ์เธอขึ้นมาบ้างแล้วแต่เขาก็ไม่ได้ถือสา คิดว่าเธอคงสติไม่ดีเพราะดูเลื่อนลอยพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง
“งั้นบอกผมว่าบ้านคุณอยู่ไหน ผมจะไปส่ง”
น้ำเสียงเขาเริ่มจะเข้มขึ้นจนศศิมารู้สึกได้เธอถึงได้บอกทางไปบ้านเพื่อให้เขาไปส่ง ขับรถเข้ามาไม่ถึงสองร้อยเมตรก็ถึงที่หมาย บ้านไม้สองชั้นหลังเก่าๆ อยู่ในสวนที่ไม่กว้างนักแต่เต็มไปด้วยผลไม้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นมะม่วง ลำไย มะปราง ละมุด และส้มโอ ถือได้ว่าเป็นบ้านที่น่าอยู่ทีเดียว เธอกล่าวขอบคุณเขา โดยไม่คิดจะชวนเขาเข้าบ้าน
“ขอบคุณค่ะที่มาส่ง”
พร้อมทั้งรีบเปิดประตูรถก้าวออกไปชายหนุ่มรีบพูดขึ้น
“คุณเดินไหวไหม ให้ผมเข้าไปส่งหรือเปล่า”
เขาแสดงความห่วงใยจากใจจริงแต่ในใจแล้วอยากให้เธอชวนเขาเข้าบ้าน เขาอยากรู้ว่าเธอเป็นอะไรถึงได้วิ่งตัดหน้ารถอย่างไม่กลัวตายอย่างนั้น ทั้งที่จริงแล้วศศิมาไม่ได้ตั้งใจจะวิ่งตัดหน้ารถเขาหรอกเพียงแต่ความเสียใจทำให้เธอลืมนึกถึงเรื่องอื่น หากเขาได้เข้าไปรู้จักกับคนในบ้านอาจจะพอเดาออกว่าเธอเป็นอะไรและก็เป็นอย่างที่เขาคิดเมื่อเธอชวนเขาเข้าบ้าน
“คุณเข้าไปดื่มน้ำก่อนสิคะ”
เธอไม่ได้นึกกลัวชายแปลกหน้าคนนี้เพราะเธอไม่ได้คิดอะไรนอกจากกำลังเศร้าหมองกับเรื่องที่เพิ่งได้รับรู้มา เขาเองก็ไม่ได้ปฏิเสธรีบก้าวท้าวตามเธอเข้าไปในบ้านทันที เธอเชิญเขานั่งตรงแคร่หน้าบ้านที่มีต้นมะปรางกำลังออกผลเหลืองบ้างส้มบ้างเต็มต้นไปหมด น้ำกระเจี๊ยบที่ต้มแช่ใส่ตู้เย็นไว้ถูกนำมาวางตรงหน้าเขา ชายหนุ่มยกขึ้นจิบแล้วจิบอีกช่างชื่นใจเหลือเกิน
“คุณอยู่บ้านคนเดียวหรือครับ”
ยังไม่ทันที่เธอจะตอบ มารดาของเธอก็ถือกล่องใส่อุปกรณ์ทำแผลเดินออกมา
“นี่แม่ฉันค่ะ”
ศศิมาเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มยกมือไหว้มารดาของศศิมา
“ผมต้องขอโทษคุณน้าด้วยนะครับ ที่ทำให้ลูกสาวคุณน้าต้องเจ็บตัว”
เขารีบบอกผู้เป็นมารดาของศศิมาอย่างสำนึกผิด
“ไม่หรอกคุณ แม่แก้วเขาบอกว่าเขาวิ่งตัดหน้ารถคุณเอง”
นางตอบออกไปโดยไม่ได้ถือโทษว่าเขาผิดแม้แต่น้อย
“ผมทำแผลให้นะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันทำเองค่ะคุณ”
นางกิ่งรีบตอบเพราะคิดว่าเขาเป็นผู้ชายและดูท่าทางจะเป็นผู้ดีจะทำแผลได้อย่างไรอีกอย่างเขายังเป็นคนแปลกหน้าสำหรับนางและลูกสาว “ผมทำเป็นครับเคยทำแผลให้ลูกน้องที่ทำงานด้วยกันบ่อยๆ”
เขาพูดพร้อมกับยิ้มอวดฟันขาวสะอาด ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่เขาพูดเขาเป็นวิศวกรทำงานก็ต้องมีอุบัติเหตุบ้างเล็กๆน้อยๆและเขาเองก็เป็นคนทำแผลให้คนงานของเขาบ่อยๆ นางกิ่งจึงยอมให้เขาทำแผลให้กับศศิมาที่ดูไม่ใส่ใจเลยว่าใครจะอะไรยังไง เธอยังเจ็บปวดอยู่ในใจตลอดเวลาจนลืมเจ็บแผลที่มีเลือดไหลซิบๆ
“เสร็จแล้วนะครับ แต่ผมว่าคุณควรจะไปหาหมอเพื่อเอายาแก้อักเสบมากินดีกว่านะเพราะแผลค่อนข้างลึกนะครับ”
เขาพูดกับศศิมาแต่เธอไม่ได้สนใจเลยว่าเขาพูดอะไรกับเธอบ้างเธออยากให้เขารีบๆกลับไปเธออยากอยู่คนเดียวและก็เป็นอย่างที่เธอคิดเมื่อเขาเอ่ยปากว่าจะกลับ
“คุณแก้วครับ ผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณพักผ่อนเถอะนะจะได้รู้สึกดีขึ้น”
“คุณน้าครับผมกลับแล้วนะครับ"
เขายืนขึ้นเต็มความสูงยกมือไหว้นางกิ่งพร้อมกับเดินจากไป
“คุณ คุณ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
เขาประคองร่างหญิงสาวที่เขาเกือบขับรถชนไว้พร้อมทั้งเรียกเบาๆ หญิงสาวร่างบาง ใบหน้าซีดเซียวและเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาลืมตาขึ้นมามองหน้าเขา
“ปล่อย ฉันไม่ได้เป็นอะไร”
เธอพยายามฝืนกายออกจากการประคองของเขา
“แต่คุณล้มลงไปแรงมากนะ คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”
เขาถามต่อด้วยความเป็นห่วง ทั้งที่เขารู้ว่าเขาไม่ได้ผิดเลย เธอวิ่งมาตัดหน้ารถเขาแท้ๆ ถ้าเขาขับมาเร็วกว่านี้คงชนเธอตายไปแล้ว
“คุณไปหาหมอไหม ผมจะพาไป ดูท่าทางคุณไม่ดีเลย”
ถ้าเขาเดาไม่ผิดเธอคงผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก เพราะตากลมโตแดงช้ำ คราบน้ำตาก็ยังเปรอะให้เห็นบนใบหน้า
“ปล่อยฉันเถอะค่ะ ฉันไม่ได้เจ็บตรงไหนหรอก แค่หน้ามืดไปเท่านั้นเอง”
เธอฝืนกายลุกขึ้นแล้วเดินเหม่อลอยไปข้างหน้า ไม่ถึงสามก้าวก็ทรุดฮวบลงจนชายหนุ่มต้องรีบเข้าไปประคองไว้
“บ้านคุณอยู่ไหนเดี๋ยวผมไปส่ง”
เขาแสดงความมีน้ำใจต่อเธอ ภาคภูมิ พิทักษ์สงคราม วิศวกรหนุ่มไฟแรงสังกัดกรมทางหลวง เขาเพิ่งย้ายมาคุมงานก่อสร้างทางที่นี่ได้หนึ่งเดือนเศษ ถนนเส้นนี้เขาก็ขับรถผ่านมาเป็นประจำ เหมือนวันนี้หลังจากเลิกงานเขาก็ขับรถกลับที่พักตามปกติ เป็นโชคดีของทั้งเขาและเธอที่ไม่เกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงขึ้น ศศิมา วงษ์วีระ หรือแก้ว หญิงสาวอายุย่างวัยเบญจเพส เธอจะอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์ในอีกสามเดือนข้างหน้า รูปร่างบางผิวเนียนละเอียดถึงแม้จะไม่ได้ขาวจนสะดุดตาแต่ก็ผุดผ่องชวนมอง เธอเพิ่งผิดหวังจากความรักมาหมาดๆ เหตุเพราะถูกผู้ชายที่คิดจะฝากชีวิตไว้กับเขามาบอกว่าเขากำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น เพราะไปทำผู้หญิงคนนั้นท้องและเขาจำเป็นต้องรับผิดชอบ เขานัดเจอเธอบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยที่สวนสาธารณะใกล้หมู่บ้าน
“พี่จอห์นทำไมทำกับแก้วแบบนี้ล่ะคะ ไหนพี่จอห์นบอกว่ารักแก้วจะแต่งงานกับแก้ว แล้วทำไม ทำไมพี่จอห์นถึงไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น”
เธอตะโกนใส่หน้าเขา
“แก้ว พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจนะ พี่ไม่ได้จริงจังกับเขาเหมือนที่จริงจังกับแก้วนะ”
เพี๊ยะ!! ฝ่ามือน้อยตบหน้าเขาไปอย่างแรงโชคดีที่สวนสาธารณแห่งนี้ไม่ค่อยมีคนมากนักจึงไม่มีคนสนใจการสนทนาที่ออกจะรุนแรงของสองหนุ่มสาว
“พี่จอห์นพูดอย่างนี้ได้ยังไง พี่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่นหรือคะ”
เธอถามออกไปทั้งที่ยังร้องไห้
“พี่สัญญานะแก้วว่าถ้าพี่แต่งงานแล้วพี่จะหย่ากับเขาให้เร็วที่สุด”
เขาพูดออกมาอย่างคนเห็นแก่ตัว
“พอทีเถอะค่ะ พี่จอห์นอย่าแสดงความเห็นแก่ตัวออกมาให้แก้วเห็นมากไปกว่านี้เลย แก้วไม่ต้องการ พี่กำลังจะมีลูกกับเขา แล้วยังคิดจะเลิกกับเขาอีกหรือคะ”
เธอจ้องหน้าเขาอย่างตัดพ้อและผิดหวัง ชายหนุ่มเองก็รู้สึกสับสนจนบอกไม่ถูก จริงๆแล้วเขารักศศิมาไม่เคยเปลี่ยน เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารัก จิตใจดี เขาเคยให้คำมั่นสัญญาไว้ว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นแม่ของลูกเขา แต่ตามประสาผู้ชายที่รักสนุก ในเมื่อมีผู้หญิงที่สวยรวยเสน่ห์มาให้ท่าให้ทางเขาทุกๆวันที่ทำงานอยู่ด้วยกัน มีหรือเขาจะปฏิเสธ จนในที่สุดเรื่องที่เขาไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อผู้หญิงคนนั้นบอกเขาว่ากำลังจะมีลูกกับเขา
“ลินมีข่าวดีจะบอกค่ะจอห์น”
ลินนรีบอกกับเขาอย่างดีใจเมื่ออยู่กันสองต่อสองในห้องพักของเธอ ลินนรี เลขาสาวเปรี้ยวแห่งบริษัทส่งออกผ้าไทยชั้นนำแห่งหนึ่ง เธอคบกับสุวัชชัยและแอบมีสัมพันธ์ลับ ๆ กับเขามาหลายเดือน สุวัชชัยเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดหนุ่มหล่อมาดดีที่สาวๆในบริษัทหมายปอง เขามีท่าทีสนใจลินนรีจนออกนอกหน้าเมื่อถูกแนะนำให้รู้จักกันในวันหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็ไปไหนมาไหนด้วยกันจนเป็นภาพที่คุ้นตาว่าสองหนุ่มสาวมีความพิเศษต่อกันเกินเพื่อนร่วมงาน สุวัชชัยเองมีท่าทีตกใจไม่ใช่น้อยที่ได้ยินลินนรีบอกแก่เขาอย่างนั้น
“ลิน ลินปล่อยให้มีลูกได้ยังไง ลินก็รู้ว่าเรายังไม่พร้อม”
เขาบอกกับเธออย่างอารมณ์เสีย
“จอห์น คุณพูดอย่างนี้ได้ยังไงคะ มีอะไรที่ยังไม่พร้อม หน้าที่การงานคุณก็ลงตัว ลินเองก็มีพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าทรัพย์สินเงินทองคุณพ่อคุณแม่ก็มีไว้ให้ลินทุกอย่าง”
เธอพูดอย่างหัวเสีย จริงอยู่ลินนรีเธอเป็นลูกสาวนักธุรกิจส่งออกผ้าไทยรายใหญ่ของประเทศ เธอมาทำงานในตำแหน่งเลขาที่บริษัทแห่งนี้เพราะเป็นบริษัทในเครือที่บิดาของเธอถือหุ้นอยู่ สุวัชชัยเองก็รู้ว่าเธอเป็นคุณหนูไฮโซและร่ำรวยเขาเองก็มีฐานะทางบ้านดีไม่ด้อยไปกว่าเธอนัก บิดาเป็นนักการเมืองมีชื่อเสียง มารดาเปิดร้านส่งออกเครื่องเรือน เขาเองก็จบการตลาดมาจากเมืองนอก เขารู้จักคุ้นเคยและชอบศศิมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยและคบกันในฐานะคนรักมาจนต่างคนต่างเรียนจบ ศศิมาได้งานทำอย่างที่เธอชอบ เธอเป็นครูสอนระดับอนุบาลในโรงเรียนเอกชนมีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ส่วนสุวัชชัยก็ไปเรียนต่อจนจบแล้วกลับมาทำงานที่เมืองไทยโดยที่ทั้งสองยังติดต่อกันเรื่อยมา
“ไม่รู้แหละ เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้วป๋าไม่ยอมแน่นอนถ้าจอห์นจะปัดความรับผิดชอบ”
เธออ้างถึงบิดาและมันก็ทำให้สุวัชชัยตัดสินใจนำเรื่องนี้มาบอกกับคนรักที่เขาแอบหักหลังมาหลายเดือน
“เราอย่าเจอกันอีกเลยค่ะพี่จอห์น แล้วไม่ต้องมายุ่งกับแก้วอีก”
ศศิมาจำได้ว่าเป็นประโยคสุดท้ายที่ตะโกนใส่หน้าเขา พร้อมกับวิ่งออกมาถนนจนเกือบถูกรถชน ศศิมา น้ำตาอาบแก้มอีกเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อสักครู่ จนเธอลืมฟังว่าผู้ชายตรงหน้ากำลังพูดอะไรกับเธอ
“คุณ คุณ เป็นอะไรครับทำไมไม่ตอบผม”
ภาคภูมิถามเธอพร้อมเขย่าแขนเบาๆเพื่อเรียกสติเธอกลับมา เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าที่เข่าของเธอมีเลือดไหนออกซิบๆ
“แย่แล้วสิคุณ ขาคุณมีแผลด้วย”
เขาบอกพร้อมเข้าไปหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กในรถออกมาเช็ดเลือดให้เธอ
“ไป ผมจะพาไปหาหมอ ว่าแต่ว่าแถวนี้มีคลินิกหรือโรงพยาบาลอยู่หรือเปล่า”
“ไม่ไป ฉันจะกลับบ้านฉันไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะแผลนิดเดียว”
เธอตอบเขาไป ทั้งที่ในใจตอบต่อว่า แผลที่เจ็บมากที่สุดตอนนี้คือแผลในใจของเธอ
“คุณนี่ดื้อจริงๆเลยนะ โอเคไม่ไปก็ไม่ไป”
เขาพูดตัดบท ชักจะรู้สึกไม่สบอารมณ์เธอขึ้นมาบ้างแล้วแต่เขาก็ไม่ได้ถือสา คิดว่าเธอคงสติไม่ดีเพราะดูเลื่อนลอยพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง
“งั้นบอกผมว่าบ้านคุณอยู่ไหน ผมจะไปส่ง”
น้ำเสียงเขาเริ่มจะเข้มขึ้นจนศศิมารู้สึกได้เธอถึงได้บอกทางไปบ้านเพื่อให้เขาไปส่ง ขับรถเข้ามาไม่ถึงสองร้อยเมตรก็ถึงที่หมาย บ้านไม้สองชั้นหลังเก่าๆ อยู่ในสวนที่ไม่กว้างนักแต่เต็มไปด้วยผลไม้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นมะม่วง ลำไย มะปราง ละมุด และส้มโอ ถือได้ว่าเป็นบ้านที่น่าอยู่ทีเดียว เธอกล่าวขอบคุณเขา โดยไม่คิดจะชวนเขาเข้าบ้าน
“ขอบคุณค่ะที่มาส่ง”
พร้อมทั้งรีบเปิดประตูรถก้าวออกไปชายหนุ่มรีบพูดขึ้น
“คุณเดินไหวไหม ให้ผมเข้าไปส่งหรือเปล่า”
เขาแสดงความห่วงใยจากใจจริงแต่ในใจแล้วอยากให้เธอชวนเขาเข้าบ้าน เขาอยากรู้ว่าเธอเป็นอะไรถึงได้วิ่งตัดหน้ารถอย่างไม่กลัวตายอย่างนั้น ทั้งที่จริงแล้วศศิมาไม่ได้ตั้งใจจะวิ่งตัดหน้ารถเขาหรอกเพียงแต่ความเสียใจทำให้เธอลืมนึกถึงเรื่องอื่น หากเขาได้เข้าไปรู้จักกับคนในบ้านอาจจะพอเดาออกว่าเธอเป็นอะไรและก็เป็นอย่างที่เขาคิดเมื่อเธอชวนเขาเข้าบ้าน
“คุณเข้าไปดื่มน้ำก่อนสิคะ”
เธอไม่ได้นึกกลัวชายแปลกหน้าคนนี้เพราะเธอไม่ได้คิดอะไรนอกจากกำลังเศร้าหมองกับเรื่องที่เพิ่งได้รับรู้มา เขาเองก็ไม่ได้ปฏิเสธรีบก้าวท้าวตามเธอเข้าไปในบ้านทันที เธอเชิญเขานั่งตรงแคร่หน้าบ้านที่มีต้นมะปรางกำลังออกผลเหลืองบ้างส้มบ้างเต็มต้นไปหมด น้ำกระเจี๊ยบที่ต้มแช่ใส่ตู้เย็นไว้ถูกนำมาวางตรงหน้าเขา ชายหนุ่มยกขึ้นจิบแล้วจิบอีกช่างชื่นใจเหลือเกิน
“คุณอยู่บ้านคนเดียวหรือครับ”
ยังไม่ทันที่เธอจะตอบ มารดาของเธอก็ถือกล่องใส่อุปกรณ์ทำแผลเดินออกมา
“นี่แม่ฉันค่ะ”
ศศิมาเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มยกมือไหว้มารดาของศศิมา
“ผมต้องขอโทษคุณน้าด้วยนะครับ ที่ทำให้ลูกสาวคุณน้าต้องเจ็บตัว”
เขารีบบอกผู้เป็นมารดาของศศิมาอย่างสำนึกผิด
“ไม่หรอกคุณ แม่แก้วเขาบอกว่าเขาวิ่งตัดหน้ารถคุณเอง”
นางตอบออกไปโดยไม่ได้ถือโทษว่าเขาผิดแม้แต่น้อย
“ผมทำแผลให้นะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันทำเองค่ะคุณ”
นางกิ่งรีบตอบเพราะคิดว่าเขาเป็นผู้ชายและดูท่าทางจะเป็นผู้ดีจะทำแผลได้อย่างไรอีกอย่างเขายังเป็นคนแปลกหน้าสำหรับนางและลูกสาว “ผมทำเป็นครับเคยทำแผลให้ลูกน้องที่ทำงานด้วยกันบ่อยๆ”
เขาพูดพร้อมกับยิ้มอวดฟันขาวสะอาด ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่เขาพูดเขาเป็นวิศวกรทำงานก็ต้องมีอุบัติเหตุบ้างเล็กๆน้อยๆและเขาเองก็เป็นคนทำแผลให้คนงานของเขาบ่อยๆ นางกิ่งจึงยอมให้เขาทำแผลให้กับศศิมาที่ดูไม่ใส่ใจเลยว่าใครจะอะไรยังไง เธอยังเจ็บปวดอยู่ในใจตลอดเวลาจนลืมเจ็บแผลที่มีเลือดไหลซิบๆ
“เสร็จแล้วนะครับ แต่ผมว่าคุณควรจะไปหาหมอเพื่อเอายาแก้อักเสบมากินดีกว่านะเพราะแผลค่อนข้างลึกนะครับ”
เขาพูดกับศศิมาแต่เธอไม่ได้สนใจเลยว่าเขาพูดอะไรกับเธอบ้างเธออยากให้เขารีบๆกลับไปเธออยากอยู่คนเดียวและก็เป็นอย่างที่เธอคิดเมื่อเขาเอ่ยปากว่าจะกลับ
“คุณแก้วครับ ผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณพักผ่อนเถอะนะจะได้รู้สึกดีขึ้น”
“คุณน้าครับผมกลับแล้วนะครับ"
เขายืนขึ้นเต็มความสูงยกมือไหว้นางกิ่งพร้อมกับเดินจากไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ