พันธะสวาท ตรวนเสน่หา

7.8

เขียนโดย Alixia

วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 14.34 น.

  5 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,873 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2560 16.15 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
     2. กษมาถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย ผมเผ้าที่เคยมัดเป็นจุกไว้กลางศีรษะถูกปล่อยยาวลงมาจนถึงกลางหลัง และเมื่อนึกถึงจดหมายจากบุพการีทำให้อาการหงุดหงิดมีเพิ่มมากขึ้น  
      วันนี้หญิงสาวไม่ได้ทำงานจึงถือโอกาสออกมาเดินห้างรับเอาอากาศเย็นๆ เผื่อว่าความเร่าร้อนที่มีอยู่จะบรรเทาลงไปได้บ้าง แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผลสักเท่าไหร่ เพราะอาการหงุดหงิดยังคงอยู่เหมือนเดิม แม้แต่ผมยาวสยายที่คุ้นเคยมานานหลายปีของตัวเอง หล่อนยังเริ่มหงุดหงิดกับมันขึ้นมาเสียดื้อๆ พาลอยากจะตัดให้สั้นเสียให้รู้แล้วรู้รอด หญิงสาวก้มศีรษะสลัดผมสองสามที เพื่อเรียกเอาความโล่งเข้ามาในหัวบ้าง แต่เมื่อแหงนหน้าขึ้นก็ต้องตะลึงกับชายหนุ่มหน้าตาเกลี้ยงเกลาที่ยืนจ้องมองหล่อนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แม้เขาจะหน้าตาน่ามองและคุ้นตามากแค่ไหนก็ตาม แต่เพราะเขาคือคนแปลกหน้า ทำให้กษมามองเขาด้วยความไม่พอใจสักเท่าไหร่
      "มองอะไร?!" ถามออกไปอย่างไม่ค่อยจะพอใจนัก
      "ไอ้สิ่งที่คุณทำน่ะ ใครๆ ก็มอง หรือว่ามองไม่ได้ต้องเสียค่ามองว่างั้นเถอะ" เขาพูดขึ้นเสียงเบา พอที่จะได้ยินกันแค่สองคน
     "ก็เออสิ" หล่อนว่าให้อย่างไม่สุภาพสักเท่าไหร่ เขาขมวดคิ้วสงสัย
      "คุณหมายความว่ายังไง?" เขาถามขึ้นไม่เข้าใจกับส่ิงที่หญิงสาวเพิ่งโพล่งออกมา
     "ก็หมายความว่าไม่ต้องมองไง หรือไม่ก็ต้องจ่ายค่ามองมา เข้าใจไหม" หล่อนว่าให้อย่างเหลืออด แต่นั่นนอกจากไม่ได้ทำให้เขาเกรงกลัวแล้ว เขายังจงใจมองหล่อนอย่างสำรวจตรวจตราอย่างไม่เกรงใจอีกด้วย กษมาหงุดหงิดหนักขึ้นไปอีก นี่เขาคิดยังไงถึงมามองหล่อนแบบนั้นได้
      "บอกแล้วไงว่าอย่ามอง!" หล่อนแหวเข้าให้อย่างเหลืออดไปอีก แล้วก็รีบสะบัดใบหน้าจนผมที่ยาวสยายปัดไปโดนแก้มสากของเขาเข้าอย่างไม่รู้ตัว ชายหนุ่มชะลักรู้สึกเจ็บแปล็บที่แก้มตัวเอง แต่ก็ต้องยิ้มเมื่อได้กลิ่นยาสระผมอ่อนๆ หอมหวลลอยมาติดที่จมูก หญิงสาวไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเขากำลังเดินตาม
      หญิงสาวต้องตกใจเมื่อรู้ว่าเขาเดินตามมา นั่นนอกจากจะสร้างความหงุดหงิดของหญิงสาวให้เพิ่มมากขึ้นแล้ว กษมายังเริ่มรู้สึกไม่ค่อยจะไว้ใจในตัวชายหนุ่มสักเท่าไหร่ ยิ่งสังคมในเมืองกรุงภัยอันตรายเยอะขึ้นทุกวันด้วย และถ้าหากเขาเล่นเดินตามแบบนี้ ดูท่าว่าตัวหล่อนอาจจะกำลังตกอยู่ในอันตราย
       "คนสวย ใครก็อยากมองนะครับ" เขาพูดด้วยและเดินตามหล่อนไปด้วย กษมากัดปากตัวเองจนรู้สึกเจ็บก่อนจะตัดสินใจหันมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้งด้วยความโมโห
       "ไม่มีสิบล้านน่ะไม่ต้องมอง เข้าใจไหม" หล่อนกัดฟันพูดกับเขาเสียงเบาจนเหมือนกระซิบ ชายหนุ่มแปลกหน้าคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนกลมกลึงแล้วดึงคนร่างบอบบางกว่าเข้ามาจนชนกับอกกว้างของเขา
         "งั้นตามมา!" เขาออกคำสั่งดื้อๆ กษมากลืนน้ำลายลงคอ ด้วยความหวาดกลัวระคนแปลกใจมากเข้าไปอีกว่าหล่อนเคยเจอผู้ชายคนนี้ที่ไหนสักแห่งหรือเปล่า
       เขาช่างคุ้นตาหล่อนเสียเหลือเกิน ถ้าคิดว่าเขาอาจจะเป็นลูกค้าที่ค็อฟฟี่ช็อฟ หล่อนก็ยังนึกไม่ออกสักที เพราะคิดว่าจำหน้าลูกค้าได้ทุกคนเป็นอย่างดี ไม่น่าจะแค่รู้สึกคุ้นๆ แบบที่เป็นอยู่
     "คุณจะทำอะไร?" หล่อนถามออกไปอย่างไม่ค่อยจะพอใจ
     "อยากให้คนรู้เหรอว่าคุณกำลังขายอยู่" เขากระซิบเสียงเบามาที่ใบหูสีแดงเป็นลูกตำลึงของหล่อน แล้วกษมาก็ต้องตะลึงตาค้าง มองคนที่ใบหน้าห่างจากหล่อนไม่มาก และพยายามขืนตัวออกจากร่างแข็งแกร่ง แต่มันไม่ได้ผล
     "ปล่อยฉันนะ ไม่งั้นฉันจะตะโกนให้คนช่วย!" หล่อนขู่เขาฟอดใหญ่ หวังว่าจะให้เขาปล่อย เพราะหากหล่อนต้องตะโกนโหวกเหวกก็ไม่แน่ใจนักว่าจะมีคนได้ยินหรือเปล่า เพราะที่นี่คนไม่ค่อยพลุกพล่านสักเท่าไหร่ และที่สำคัญหญิงสาวก็คิดว่าตัวเองคงอับอายสิ้นเหมือนกัน เขายกยิ้มที่มุมปากเหมือนเป็นต่อ ไม่ได้หวาดกลัวในคำขู่นั้นของหญิงสาวร่างเพรียวเลยสักนิด
     "ก็ตะโกนไปสิครับ ใครกล้ามายุ่งกับผัวเมียทะเลาะกันกลางห้าง!" คำพูดข่มขวัญของเขา ทำเอากษมาถึงกับตาค้างไม่คิดว่าเขาจะมีความคิดแบบนี้ได้ หญิงสาวยังคงดื้อดึงพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากมือที่ไม่ต่างจากคีมเหล็กนั้นให้ได้
     "คุณจะบ้าเหรอ ปล่อยฉันได้แล้ว"
      "ผมอยากคุยกับคุณเรื่องที่คุณเพิ่งเอ่ยออกมา..." เขาบอกแล้วหันไปทางร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นดีที่มีผู้คนไม่เยอะสักเท่าไหร่
        "เราไปนั่งในร้านอาหารกัน สงบ คนไม่เยอะ ดีไหม?" เขาถามหล่อนออกมาอย่างใจเย็น กษมายืนแข็งทื่อตัวชาอย่างไม่รู้ตัว นี่เขากำลังคิดจะซื้อหล่อนหรืออย่างไรกัน และแล้วความคิดถึงใครบางคนก็ผุดขึ้นมาในหัวสมองน้อยๆ คำพูดคำจาแบบนี้ มันเหมือนกับลูกค้าที่หล่อนเพิ่งโต้เถียงไปเมื่อวันสองวันก่อนเองนี่นา แต่ปกติเขาต้องไว้หนวดเคราหนาเตอะ แต่ทำไมวันนี้หน้าตาเกลี้ยงเกลาน่ามองมากเป็นพิเศษ แต่เป็นไปไม่ได้แน่ ต้องไม่ใช่คนเดียวกัน แล้วสายตากลมโตก็สำรวจตรวจตราใบหน้าที่คลับคล้ายคลับคลานั้นอีกครั้ง
     หล่อนเริ่มมั่นใจว่าเขาคนนี้เป็นใครต่อให้ไม่อยากจะเชื่อก็ตาม เมื่อเริ่มมั่นใจมากขึ้น กษมาก็อมยิ้มอย่างผู้มีชัยขึ้นมาบ้าง ในวันนั้นที่เขาอวดอ้างสูทราคาแสนแพงของเขากับเงินเดือนของหล่อน หญิงสาวยังไม่ได้เอาคืนเลยสักนิด สงสัยวันนี้คงเป็นวันดีที่หล่อนจะได้แก้เผ็ด หรืออย่างน้อยก็ทำให้เขารู้สึกเสียบ้างว่าการที่ถูกคนอื่นดูถูกมันเป็นยังไง
     "ถ้าคิดจะพูดเรื่องนั้นล่ะก็ ฉันขอเตือนนะฉันเอาจริงแต่คุณต้องมีสิบล้านไม่อย่างนั้น คุณก็ควรจะไปตามทางของคุณ" หล่อนเชิดหน้าบอกเขาและหยุดการดิ้นรนไปชั่วขณะ ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ หรี่ตามองคนตัวเล็กกว่าแล้วอมยิ้มขึ้นมาบ้างไม่คิดว่าอะไรมันจะง่ายดายขนาดนี้
     "งั้นเราไปคุยกัน" กษมายอมนั่งลงไปยังมุมร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีผู้คนไม่มากนัก หล่อนจ้องมองผ้าสีขาวที่มีความอุ่นเพียงเล็กน้อย แล้วเหลือบตามองคนที่นั่งเช็ดมือด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กสีขาวตรงข้ามกับหล่อน สายตาคมยังคงจับจ้องมายังหญิงสาวไม่วางตา แล้วปากหยักสีธรรมชาติก็ส่งยิ้มมาให้ พร้อมกับสายตาที่เยาะหยันอยู่ในที กษมาหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กขึ้นเช็ดมือตัวเองบ้างตามที่เขาทำ เพื่อไม่ให้เขารู้ได้ว่าตั้งแต่เกิดมา หล่อนยังไม่เคยมีโอกาสเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นสักทีหรอก แม้ว่าจะมีร้านอาหารพวกนี้ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดก็ตาม
     แล้วไม่นานนักทั้งอาหารและเครื่องดื่มก็นำมาเสิร์ฟในเวลาไล่เลี่ยกัน หญิงสาวนั่งมองอาหารแปลกตาตรงหน้า ปลาดิบหลากชนิดวางเกลื่อนพร้อมกับน้ำแข็งเพื่อสร้างความสดให้กับชิ้นปลาหลากสี และจานถัดมาก็เป็นบรรดาปลาดิบที่วางบนข้าวญี่ปุ่นสีขาวสะอาด และอะไรอีกสองสามอย่างซึ่งกษมาต้องยอมรับว่ามืดแปดด้านกับอาหารพวกนี้จริงๆ แต่มันคงอร่อยอยู่ละมัง ไม่อย่างนั้นคนคงไม่แห่กันเข้ามาทานหรอก
    "ทานสิ" เขาพูดสั้นๆ แล้วหยดซอสสีเข้มลงมายังถ้วยเล็กๆ ของหล่อนที่มีอะไรสักอย่างสีเขียวอ่อนวางอยู่ก่อนแล้ว หลังจากนั้นก็ใช้ตะเกียบคนให้ซอสกับเจ้าสีเขียวเข้ากันดี แล้วก็ใช้ตะเกียบคีบเอาข้าวปั้นที่มีปลาสีส้มสวยงามวางลงยังจานเล็กๆ ของหล่อน
      กษมามองการกระทำของเขาอย่างหมั่นไส้ เขาทำเหมือนกับกำลังดูถูกดูแคลนหล่อนขึ้นมาอีกก็ไม่ปาน
     "กินเป็นหรือเปล่า?" เขาเลิกคิ้วถามหลังจากที่เห็นหล่อนเอาแต่นั่งมองอาหารตรงหน้าที่เขาบรรจงทำให้อย่างดี แต่หญิงสาวกลับทำหน้าปะหลับปะเหลือก ทำให้เขาต้องหันไปสนใจตัวเองแล้วตักอาหารเข้าปาก แล้วหญิงสาวก็ยอมทำตาม แต่เพียงแค่เคี้ยวคำแรก หญิงสาวก็เร่ิมมีน้ำหล่อลื่นขึ้นมาในดวงตา รสชาติแสบจี๊ดวิ่งขึ้นมายังหัวสมอง รวมไปถึงความผะอืดผะอมของอาหารที่ไม่คุ้นเคย กษมาแทบไม่กล้าที่จะกลืนมันลงไป แต่ก็ต้องฝืนกลืนลงไปเหมือนเอร็ดอร่อยสิ้นดี เขามองออกว่าหล่อนมีอาการอะไรอยู่ จึงไม่วายต้องตักขิงดองสีชมพูอ่อนๆ ส่งมาให้พร้อมกับส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่ายใจ หญิงสาวรีบตักขิงเข้าปากแล้วยกแก้วชาอุ่นขึ้นดื่ม เพื่อสร้างความหล่อลื่นให้กับลำคอของตัวเองที่ตอนนี้มันฝืดเคืองเสียเต็มประดา
      "เอาล่ะ ไหนว่ามาสิคุณต้องการสิบล้านว่างั้นเถอะ" เขาพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าหล่อนเริ่มจะเป็นปกติดีแล้ว
      "มีเหรอ?" หล่อนไม่ตอบเสียทีเดียว แต่สวนเขาคืนด้วยใบหน้าที่ดูถูกเขามากเช่นกัน
     "สิบล้านกับมองคุณเนี่ยนะ...ไม่มีใครโง่ยอมจ่ายหรอก!" เขาพูดขึ้นอย่างไม่แยแสกับใบหน้าและสายตาเหยียดหยามที่หล่อนพยายามส่งผ่านจากดวงตากลมโตที่มีน้ำใสๆ เกลือกอยู่มาที่เขา    
      "งั้นก็ไม่ต้องพูด" หล่อนรีบตักอาหารเข้าปากเป็นรอบที่สองด้วยตัวเอง และก็มีอาการเหมือนตอนแรก จึงต้องตบท้ายด้วยชาเขียวอุ่นอีกครั้ง
      "งั้นคุณก็ไม่ใช่เด็กสิบหกสิบเจ็ดสิ ถึงได้กล้าเสนอตัวขนาดนี้?" เขาพูดขึ้นหลังจากที่มองสำรวจหล่อนอย่างถ้วนถี่ และมั่นใจแน่แล้วว่า หล่อนเป็นใคร ปากอวบอิ่มเป็นกระจับแบบนี้ มีเพียงคนเดียวที่เขาหมั่นมองอยู่ทุกวัน เพียงแต่วันนี้หล่อนปล่อยผมยาวจนถึงกลางหลัง ซึ่งเขาไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้ไม่ฉงนใจนักว่าจะเป็นหล่อนได้
    "ผมนึกว่าคุณเป็นเด็กมัธยมปลายเสียอีก มิน่าละมาทำงานได้ถี่กว่าใครๆ" เขาพูดต่อ ทำเอากษมาต้องกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเขาจับได้ว่าหล่อนเป็นคนขายกาแฟนั่นเอง แต่ก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วเชิดหน้าให้กับเขาอีกครั้งหนึ่งอย่างเหย่อหยิ่งสิ้นดี
     "งั้นก็รู้ไว้ฉันจะยี่สิบห้าอยู่แล้ว ไม่ได้เด็กอย่างที่คุณเข้าใจก็แล้วกัน" แล้วหัวใจของเขาก็ปลอดโปร่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยหลังจากที่รับรู้ว่าหล่อนไม่ได้เด็กเกินไปสำหรับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
      "ผมเข้าใจผิดมาตลอด อาจจะเป็นเพราะการมัดจุกไว้กลางหัวหรือเปล่า ทำให้คุณดูเหมือนเด็ก แต่ปล่อยผมแบบนี้คุณก็ดูเป็นผู้ใหญ่สมอายุดี...และสวยด้วย" คำพูดส่งท้ายของเขาทำเอาหญิงสาวหน้าแดงขึ้นมาเสียได้ ต้องมองเขาพร้อมกับค้อนให้วงใหญ่
    คนบ้าอะไรมานั่งชมว่าหล่อนสวย ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน ถ้าเป็นคนรักเก่าของหล่อนก็ว่าไปอย่าง
     "งั้น เรามาตกลงกันนะ สิบล้านอยู่กับผมหนึ่งปี ตกลงไหม!?" กษมานอนพลิกกายไปมา คิดทบทวนกับคำพูดของเขาที่หญิงสาวเองก็บ้าบอคอแตกตอบตกลงในสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
      ถ้าหากว่าเขามีเงินสิบล้านจริงๆ หล่อนก็จะได้นำไปใช้ไถ่ถอนที่นาและที่บ้านให้กับพ่อแม่อย่างที่คิดมาหลายตลบว่าหล่อนจะหาเงินจำนวนเกือบห้าแสนมาจากไหน
     นี่ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่คงไม่เกิดขึ้นอีกเป็นแน่ แต่ปัญหาที่ตามมานั่นคือหล่อนต้องไปอยู่กับเขาตั้งหนึ่งปี แล้วหน้าตาแบบนั้นจะเป็นพวกซาดิสหรือเปล่าก็ไม่รู้ ยิ่งคิดทบทวนยิ่งทำให้หล่อนสับสนมากเข้าไปอีก รวมไปถึงการข่มตาให้หลับนั้นก็ยากขึ้นตามลำดับ แม้จะผล็อยหลับไปบ้าง แต่ก็ไม่วายตื่นขึ้นมาอีกในเวลาไม่นาน เป็นอยู่แบบนั้นแทบทั้งคืน ทำให้กษมาตัดสินใจจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมเผ้าที่ยาวรุงรังถูกสางอย่างลวกๆ แล้วมือเรียวก็ยื่นไปหยิบสมุดบัญชีเล่มบางที่มีอยู่เพียงเล่มเดียว เปิดดูยอดสุดท้าย แล้วก็ต้องถอนหายใจอย่างท้อแท้
     "เอาว่ะ เป็นไงเป็นกันก็แค่พนักงานออฟฟิศไม่มีปัญญามีสิบล้านหรอกนะ!" หล่อนปลอบใจตัวเองอยู่คนเดียวเงียบๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา