พันธะสวาท ตรวนเสน่หา
7.8
เขียนโดย Alixia
วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 14.34 น.
5 ตอน
0 วิจารณ์
6,867 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2560 16.15 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ 1. กษมาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะอาการนอนไม่เต็มอิ่มเมื่อไม่กี่คืนที่ผ่านมา สร้างความเหน็ดเหนื่อยให้กับหญิงสาวได้แทบทุกวัน หัวใจน้อยๆ ยังคงมีความกังวลถึงจดหมายฉบับล่าสุดจากพ่อแม่เรื่องที่ทำกินและที่บ้าน ซึ่งดูท่าทางว่าหากทางบ้านของหล่อนล่าช้าในการจ่ายหนี้สินหรือดอกที่พอกพูนขึ้นมาทุกเดือน นั่นหมายถึงพ่อแม่ของหล่อนอาจจะถูกยึดที่ทำกินรวมไปถึงบ้านไม้หลังโทรมๆ ในเวลาไม่ถึงสองสัปดาห์นี้ก็ว่าได้ จำนวนเงินนั้นมหาศาลเอาการอยู่กับคนที่รายได้น้อยนิดอย่างหล่อน แม้ว่าจะประหยัดสุดขีดแล้วก็ตามที แต่เมืองหลวงแห่งนี้ข้าวของนั้นแพงเอาการ ทำให้กษมาไม่เห็นหนทางเลยว่าหล่อนจะหาเงินจำนวนมากมายขนาดนั้นได้จากทางไหน ให้ทันเวลากับหนี้สินที่มีทั้งหมด หญิงสาวเป็นชาวชนบท แม้จะไม่มั่งมีเงินทอง แต่ที่ทางทำกินนั้นมากโขเอาการอยู่ ทำให้พอมีทุนเรียนจนจบโดยการนำที่นาและที่บ้านไปจำนองจำนำ เพื่อหาทุนให้หล่อนได้เรียนจนจบระดับปริญญาตรีเมื่อสองปีที่ผ่านมานี่เอง แต่พอจบมาแล้วงานการที่ว่าน่าจะหาได้ดีเงินเดือนเยอะมันกลับไม่สมดุลย์กัน งานพอจะหาได้ แต่เงินเดือนกลับไม่ได้อย่างที่ต้องการ ทำให้ตอนนี้หญิงสาวเร่ิมหนักใจมากขึ้น จากแค่ทำงานอยู่ต่างจังหวัด เป็นพนักงานต้อนรับให้กับโรงแรมแห่งหนึ่งแต่ดูเหมือนว่าจะไม่พอกิน ทำให้ต้องเร่ร่อนเข้ามาหางานทำในเมืองกรุง เมื่อสักหกเดือนก่อน ตอนนี้ก็เจียดค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่ทำได้ เหลือเงินส่งกลับไปให้กับพ่อแม่บ้าง แต่ก็อีกนั่นแหละ ชีวิตมันไม่ได้สวยหรูเลย พนักงานขายกาแฟในค็อฟฟี่ช็อฟขนาดกลางอย่างหล่อน รายได้หรือจะพอใช้หนี้ที่มากมายขึ้นไปทุกทีได้ทันเวลา
"เฮ้อ!" เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังขึ้น ทำให้คนข้างๆ ต่างก็ต้องหันมามองแล้วก็มองอยู่อย่างนั้น เมื่อเห็นว่าสีหน้าของคนที่เพิ่งถอนหายใจไม่ได้จะสู้ดีอะไรมากนัก แต่ไม่ทันจะได้เอ่ยถามอะไรออกไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น โดยที่ยังไม่เห็นตัวตนของเจ้าของเสียงนั้นเลยสักนิด
"พี่อิ๋ว...มาเลย กาแฟหกใส่ลูกค้า ท่าทางโกรธมากกกก" คนพูดจีบปากจีบคอ แต่นัยตาสั่นระริกชอบใจพิกล คนถูกเรียกหันไปมองด้วยดวงตาไม่ค่อยจะพอใจนัก พร้อมกับเลิกคิ้วเป็นคำถามว่าเกี่ยวอะไรกันกับตัวเอง
"ไปเลยฮ่ะ จะเรียกหาแต่ผู้จัดการอย่างเดียว ไม่ฟังเสียงอะไรทั้งนั้น" การุณ ร่างเป็นชายแต่ใจเป็นหญิงยังคงขยับปากเรียวเล็กพูดต่อ อย่างไม่สนใจว่าเพื่อนร่วมงานมองอะไรเขาอยู่
"แล้วเกี่ยวอะไรกับพี่อิ๋วว่ะ?" คำถามของเพื่อนร่วมงานอายุน้อย รุ่งฤดี ถามขึ้นอย่างงงๆ ไม่ต่างกันกับคนที่ถูกเซ้าซี้ให้ไปคุยกับลูกค้าเจ้าปัญหา นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้การุณอดหันมามองและค้อนให้วงใหญ่ไม่ได้
"ก็พี่อิ๋วนะ เป็นพี่ใหญ่ที่นี่ ตอนนี้ผู้จัดการไม่อยู่ พี่อิ๋วต้องออกโรง ทำตัวเป็นรองผู้จัดการไปก่อน แก้ใขสถานการณ์เฉพาะหน้าไง เข้าใจไหมยัยรุ่ง" การุณยังคงเถียงเสียงยาวยืด พร้อมกับรวบเอาข้อมือของกษมาเข้าฉับไว แต่คนที่ถูกรวบข้อมือ พอตั้งสติได้ก็รีบสลัดออกอย่างว่องไวเช่นกัน พร้อมกับถลึงตาใส่คนร่างอ้อนแอ้นอรชร ด้วยความหมั่นไส้เป็นที่สุด
"ไปทำหกใส่เขาก็ต้องแก้ปัญหาเอง" กษมาเถียงกลับเสียงแข็ง ทำเอาคนที่หน้าตาแจ่มใสเมื่อครู่เริ่มมีสีหน้าละห้อยขึ้นมาบ้าง
"โธ่พี่อิ๋ว ผมตายไม่เหลือซากล่ะถ้าพี่อิ๋วไม่ช่วยผมตอนนี้ เพราะเขาเรียกหาแต่ผู้จัดการอย่างเดียว และถ้าพี่องอาจรู้ผมถูกไล่ออกแน่" การุณทำเสียงออดอ้อนให้ตัวเองน่าสงสารมากขึ้น
"แต่พี่ไม่เกี่ยวนะ จะให้พี่ไปทำยังไงล่ะ" กษมาเริ่มปวดหัวกับปัญหาตัวใหม่ที่ทำเอาหล่อนลืมปัญหาของตัวเองไปได้ชั่วคราว
"แหม พี่อิ๋ว อย่างน้อยเขาอาจจะใจอ่อนลงบ้าง พอเห็นผู้หญิงหน้าตาดี หุ่นสวย นมแท้อย่างพี่อิ๋ว ผมว่าเขาต้องไม่ทำเรื่องให้มันบานปลายหรอก นะพี่อิ๋วนะ นึกว่าเห็นแก่อนาคตของผมบ้าง"
การุณทำตาปริบๆ ขอความเห็นใจให้กับคนที่มีเรื่องครุ่นคิดอยู่ก่อน กษมาและรุ่งฤดีมองหน้ากันไปมาพร้อมกับส่ายหน้าอย่างไม่ค่อยจะพอใจ นั่นแสดงว่าลูกค้าต้องเป็นผู้ชาย และที่สำคัญคงหน้าตาดีเอาการอยู่ถึงได้ทำให้การุณยอมลงทุนทำกาแฟหกใส่เพื่อจะได้หาเรื่องพูดคุยกับเขา เรื่องนี้เพื่อนร่วมงานต่างก็ตามเกมการุณได้ทัน แต่ก่อนที่กษมาจะคัดค้านอะไรได้ การุณก็รีบดุนหลังบางของเจ้าหล่อนให้เดินออกไปอย่างรวดเร็วยังลูกค้าที่ว่า
และเมื่อกษมามองไปเห็นคนที่นั่งจิบกาแฟใจเย็นอยู่ ก็ยิ่งทำเอาหล่อนต้องถอนหายใจ นั่นปะไร ชายหนุ่มที่มีหนวดเคราขึ้นเต็มดำมืด ยังคงนั่งหน้าตาเรียบเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาเป็นลูกค้าขาประจำของที่นี่มาดื่มเอสเปรสโซ่ได้ทุกวัน รวมไปถึงชีสเค้กรสบลูเบอร์รี่สีม่วงเข้มที่ถือว่าเป็นสิ่งคู่กันสำหรับเขาไปแล้ว
บางทีคนในค็อฟฟี่ช็อฟไม่ต้องเอ่ยถามต่างก็รู้ว่าเขาสั่งเอาแค่นี้เอง บางวันเขาก็มาทานอาหารเช้าที่ร้าน ซึ่งไม่ได้มาบ่อยนักแต่กษมามักจะเจอเวลาที่หล่อนต้องมาเปิดร้าน แต่คนอื่นๆ กลับบอกว่าไม่ค่อยจะเจอ นอกจากในช่วงบ่ายหรือช่วงเย็นจะเห็นเขามาแค่ดื่มเอสเปรสโซ่กับชีสเค้ก และเพื่อให้เป็นที่เข้าใจตรงกันว่ากำลังพูดถึงเขาอยู่ ทำให้เขาได้รับฉายาว่า พ่อหนุ่มชีสเค้ก โดยที่ตัวเขาไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด กษมาเดินมาหยุดอยู่ข้างเก้าอี้ของคนที่หน้าตานิ่งเฉย ตอนแรกหล่อนเกรงว่าจะมาเจอลูกค้าที่กำลังเอ๊ะอ๊ะโวยวายไม่ยอมฟังอะไร ทำให้รู้สึกประหม่าอยู่บ้าง แต่อาการเรียบเฉยของเขาทำให้หล่อนรู้สึกผ่อนคลายลงไปมากทีเดียว
"สวัสดีค่ะ เพื่อนร่วมงานของที่นี่ทำกาแฟหกใส่คุณเหรอคะ?" เขาหันมาตามน้ำเสียงอันอ่อนหวานนั้น เมื่อพบว่าใครที่กำลังยืนคุยอยู่ก็ทำให้เขาต้องวางแก้วกาแฟเล็กจิ๋วลงเสียงแผ่วเบา พร้อมกับมองไปทั่วค็อฟฟี่ช็อฟ แล้วหันมาเลิกคิ้วเข้มสีดำสนิทมาทางหล่อน แล้วชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
"คุณคุยกับผมเหรอครับ?" คำถามนั้นดูเหมือนเขาจะประหลาดใจสิ้นดี กษมากัดปากที่แต่งแต้มด้วยสีชมพูอ่อนๆ จนรู้สึกว่ามันคงห่อเลือดเข้าให้ หล่อนไม่พอใจกับปฏิกิริยาเฉยเมยของเขาเอาเสียเลย
"ทั้งร้านตอนนี้ มีคุณนั่ง..." ทนโท่ กษมาได้แต่คิดไว้ในใจ "...อยู่คนเดียวน่ะค่ะ คงคุยกับคนอื่นไม่ได้หรอกค่ะ" หญิงสาวไม่วายสวนกลับเขาเบาๆ อย่างข่มอารมณ์เป็นที่สุด ที่เห็นเข้าแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจว่าหล่อนจะมายืนถามคำถามทำไม เพราะยังไงเสียเขาก็รู้ดีว่าเขาเพิ่งโดนการุณทำกาแฟหกใส่ เขาใช้สายตาคมคายมองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าแทนคำตอบที่กษมาต้องการ และมันทำเอาคนที่กำลังถูกเพ่งมองเริ่มขยับตัวไม่ถูก ปากสีแดงสดใต้หนวดเครายกยิ้มอย่างพอใจ
เขาไม่เคยสำรวจหญิงสาวคนนี้ใกล้ชิดแบบนี้มาก่อน พวงแก้มสีระเรื่อที่เกิดจากการแต่งแต้มด้วยบลัชออนสีส้มจางๆ แต่ตอนนี้มันกลับแดงระเรื่อลามไปจนถึงใบหู เพราะความเขินอายที่ถูกเขาจงใจมองสำรวจตรวจตรา เรียวปากอวบอิ่มสีหวานนั่นอีกที่ทำให้ปากหยักของเขากระตุกขึ้นมาเล็กน้อยด้วยความพอใจ จนเผลอกลืนน้ำลายที่เหนียวหนืดลงคอไปอย่างยากที่จะควบคุม ผมดำขลับถูกรวบไว้เป็นโดนัทกลมมนไว้กลางศีรษะ มีไรผมหล่นร่วงลงมาบ้าง ทำให้ใบหน้าเรียวรูปไข่สวยงามหมดจดน่ามอง
ชายหนุ่มเป่าลมหายใจออกจากปากอย่างแผ่วเบา หล่อนยังเด็กอยู่มาก เด็กมากเกินกว่าที่คนอย่างเขาจะต้องมามีอารมณ์หวั่นไหว แต่ก็ต้องยอมรับอีกอย่างว่าการที่เขาเข้าออกค็อฟฟี่ช็อฟแห่งนี้ได้แทบทุกวัน อาจจะเป็นเพราะแม่สาวน้อยร้อยชั่งนี่กระมัง เพราะทุกครั้งแค่ได้มองดวงหน้าหวานที่ก้มหน้าก้มตาทำงาน เขาก็รู้สึกถึงแรงเต้นถี่ของหัวใจตัวเองอย่างชัดเจน ยิ่งในยามที่หล่อนเผลอไผลส่งยิ้มพรายไปทั่วให้กับลูกค้า ทำให้เขาเองอดยิ้มอย่างพึงพอใจเสียไม่ได้ เขาชอบรอยยิ้มของหล่อน ดวงหน้าสวยเชิดขึ้นอย่างถือดี เมื่อเห็นดวงตาคมมองไปทั่วเรือนร่างของหล่อนแบบนั้น แม้จะไม่ชอบใจ แต่ก็ต้องจำไว้ว่าเขาคือลูกค้าของที่นี่
"ผมเพิ่งบอกกับอีกคนไปว่าอยากคุยกับผู้จัดการ ไม่ใช่แค่เด็กสิบหกสิบเจ็ดปี...อย่างคุณ" เขาพูดสั้นๆ แค่นั้น หวังว่าหล่อนจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ ก่อนจะหันมาจิบกาแฟต่อ แต่ก็ทำเอาคนที่ได้ยินยืนอ้าปากค้าง เขาคิดว่าหล่อนเด็กขนาดนั้นได้ยังไงกันนะ หล่อนจะยี่สิบห้าในอีกไม่นานนี้แล้วด้วย
"ไม่ใช่นะครับ นี่รองผู้จัดการมีอะไรคุยได้ ทำงานมาได้หลายเดือนแล้วครับ" การุณรีบแทรกขึ้นทันที และนั่นยิ่งทำให้เขาอยากหัวเราะท้องแข็ง
"คุณหมายถึงประสบการณ์ในการทำงานมีมานานหลายเดือนแล้ว ว่างั้นเถอะ!" กษมาตวัดสายตามองเขาด้วยความไม่พอใจ ตั้งแต่ที่เขามาเป็นลูกค้าของที่นี่ ยังไม่เคยมีใครได้คุยอะไรจริงจังกับเขา ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้คุยกับเขา ซึ่งนำความประหลาดใจมาให้หล่อนมากทีเดียว เพราะปากของเขานั้นร้ายกาจมากกว่าที่คิด ซึ่งไม่สัมพันธ์กับใบหน้าที่เรียบเฉยเลยสักนิด
"ชุดสูทของคุณเดี๋ยวจะซักให้ก็ได้ค่ะ" หล่อนพูดขึ้นระงับอารมณ์โมโหของตัวเองเต็มที่ แม้ว่าตอนนี้ภาพชายหนุ่มตรงหน้าจะโดนศอก เข่า รวมทั้งข้าวของทั้งหลายที่หล่อนจะจินตนาการได้ทุบตีไปจนหนำใจ แต่ความโมโหมันกลับไม่ลดน้อยลงได้ไปเลย คำพูดของหล่อนทำเอาเขาแทบสำลักกาแฟที่เพิ่งกระดกลงคอ แล้วเขาก็ยกมุมปากอย่างขบขัน
"ซักสูท?" เขาเลิกคิ้วทวนคำพูดของหล่อน
"ค่ะ" หล่อนพยักหน้าตอบเสียงเบา
"ถอดเลยค่ะ" แล้วก็พูดต่อ ทำเอาตัวเขาหน้าแดงขึ้นมาได้ ซึ่งหล่อนเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจว่าเขาจะมีปฏิกิริยาแบบนั้นทำไมกัน
"งั้นเราไปถอดกันในห้องน้ำและคุณก็ต้องไปกับผม" เขาสวนขึ้นมาเสียงเบาแทบกระซิบพร้อมกับสายตาสุกประกาย คราวนี้กลายเป็นหล่อนเสียเองที่หน้าแดงซ่านขึ้นมา ซึ่งตัวหญิงสาวเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน แต่ต้องยอมรับว่าสายตาคมของเขาเวลามองมาที่หล่อน มันชักเริ่มมีผลกับการเต้นหัวใจของหล่อนเข้าไปทุกที แล้วกษมาก็หันไปหาการุณ
"การุณมีเสื้อผ้าสำรองไหม?" หญิงสาวกระซิบถาม การุณทำหน้าจ๋อย
"ตัวเขากับผมมันใส่กันคนละไซด์นะพี่ นั่นนะยักษ์ ผมน่ะแค่มด" การุณกระซิบกลับคืน
"แล้วซักผ้าด้วยนะ" กษมาถอนใจก่อนจะพูดต่อ คราวนี้การุณส่ายหน้าเป็นพัลวัน
"ผมซักผ้าไม่เป็นนะพี่ จ้างน้องที่หอซักให้ตลอด ซึ่งการุณหมายถึงที่หอพักที่เขาอยู่กับบรรดาเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่เรียนอยู่ด้วยกัน
"อะไรนะ ซักผ้าไม่เป็น?!" กษมาตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน การุณพยักหน้ารับ ก่อนจะค่อยๆ ย่องหนีหายไป ปล่อยหญิงสาวไว้กับลูกค้าที่ตัวเองเป็นคนก่อปัญหาขึ้นตามลำพัง
"ต่อให้มีคนที่นี่ยอมซักสูทให้ผม ผมก็ไม่อนุญาตหรอก" เขาพูดขึ้น นั่งตัวตรงไปยังเก้าอี้เล็ก กอดอกมองมายังหญิงสาว ด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย
"สูทของผมราคาแพง อาจจะแพงกว่าเงินเดือนของคุณอีก ถ้าคุณไม่รู้จักร้านซักสูท ก็อย่ามาเสนอ" เขาพูดต่อเสียงราบเรียบ
กษมาสะอึกกับคำพูดของเขา หญิงสาวถือว่านี่เป็นการดูถูกมากทีเดียว เขายังไม่รู้เลยว่าเงินเดือนของหล่อนเท่าไหร่ ส่วนตัวเขาเองนั้นมีดีแค่ไหนกัน ก็แค่พนักงานออฟฟิศธรรมดาจะเงินเดือนเกินหล่อนสักกี่ตังค์เชียว หนวดเคราก็ปล่อยขึ้นจนจะไม่เห็นหน้าตาที่แท้จริงยู่แล้ว สงสัยว่าหน้าตาคงทุเรศสิ้นดีถึงไม่กล้าเปิดเผย กษมาคิดค่อนขอดอย่างโกรธแค้น เพราะไม่สามารถทำอะไรได้
"นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดนะคะ ทางเราจะรับผิดชอบให้ แต่คุณไม่ยอม น้องเขาก็ขอโทษแล้ว เขาไม่ได้ตั้งใจค่ะ" หล่อนพูดยืดยาว อย่างเหลืออด ชายหนุ่มถอนหายก่อนนจะยกยิ้มที่มุมปากอย่างที่ไม่อยากจะเชื่อในส่ิงที่หญิงสาวเพิ่งบอกออกมา
"ถ้าเพื่อนร่วมงานของคุณไม่เดินส่ายตูดมากไปหน่อย บางทีกาแฟอาจจะไม่หกใส่ผมก็ได้" เขาพูดขึ้นเสียงเบา แต่ทำเอาคนที่ได้ฟังถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อพอจะจับต้นชนปลายได้ว่าอะไรเป็นอะไร
"ผมคงต้องไปซะที คุยกับเด็กอย่างคุณไม่ได้เรื่องเลย เป็นผู้ช่วยผู้จัดการที่..." เขาหยุดพูดส่งสายตาคมคายมองหล่อนตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง
"จัดการอะไรไม่ได้สักอย่าง เอาเวลาไปเรียนหนังสือให้จบก่อนดีกว่านะครับ ไม่งั้นค็อฟฟี่ช็อฟคงล้มละลายไม่เป็นท่ากันแน่" เขาพูดขึ้นมาอีก
. ซึ่งคนที่ยืนฟังนิ่งตอนนี้หัวใจเต้นถี่รัวแทบจะหลุดออกมานอกอก เพราะความโมโหจับใจที่เขาต่อว่าหล่อนขนาดนั้น แต่ตัวหญิงสาวไม่สามารถที่จะต่อว่าอะไรรุนแรงออกไปได้ เพราะเหตุผลเดียวคือ ลูกค้านั้นถูกเสมอ ชายหนุ่มเมื่อพูดเสร็จก็ลุกขึ้นยืน ทำให้กษมาได้เห็นรอยกาแฟเปื้อนไปยังเป้ากางเกงของเขา หญิงสาวหน้าแดงก่ำไปจนถึงใบหู แล้วปากหยักของเขาก็ยกยิ้มอย่างพอใจกับกิริยาเขินอายของเด็กสาว
"แล้วคุณจะให้ทำยังไงเหรอคะ?" หล่อนรีบถามขึ้น ก่อนที่เขาจะออกจากร้านไป เพราะหญิงสาวรู้สึกว่าเขายังมีความไม่พอใจหลงเหลืออยู่
"เอาอย่างนี้ ทำกาแฟให้ผมสักแก้วก็แล้วกันเรื่องจะได้จบตกลงไหม?"
"เฮ้อ!" เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังขึ้น ทำให้คนข้างๆ ต่างก็ต้องหันมามองแล้วก็มองอยู่อย่างนั้น เมื่อเห็นว่าสีหน้าของคนที่เพิ่งถอนหายใจไม่ได้จะสู้ดีอะไรมากนัก แต่ไม่ทันจะได้เอ่ยถามอะไรออกไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น โดยที่ยังไม่เห็นตัวตนของเจ้าของเสียงนั้นเลยสักนิด
"พี่อิ๋ว...มาเลย กาแฟหกใส่ลูกค้า ท่าทางโกรธมากกกก" คนพูดจีบปากจีบคอ แต่นัยตาสั่นระริกชอบใจพิกล คนถูกเรียกหันไปมองด้วยดวงตาไม่ค่อยจะพอใจนัก พร้อมกับเลิกคิ้วเป็นคำถามว่าเกี่ยวอะไรกันกับตัวเอง
"ไปเลยฮ่ะ จะเรียกหาแต่ผู้จัดการอย่างเดียว ไม่ฟังเสียงอะไรทั้งนั้น" การุณ ร่างเป็นชายแต่ใจเป็นหญิงยังคงขยับปากเรียวเล็กพูดต่อ อย่างไม่สนใจว่าเพื่อนร่วมงานมองอะไรเขาอยู่
"แล้วเกี่ยวอะไรกับพี่อิ๋วว่ะ?" คำถามของเพื่อนร่วมงานอายุน้อย รุ่งฤดี ถามขึ้นอย่างงงๆ ไม่ต่างกันกับคนที่ถูกเซ้าซี้ให้ไปคุยกับลูกค้าเจ้าปัญหา นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้การุณอดหันมามองและค้อนให้วงใหญ่ไม่ได้
"ก็พี่อิ๋วนะ เป็นพี่ใหญ่ที่นี่ ตอนนี้ผู้จัดการไม่อยู่ พี่อิ๋วต้องออกโรง ทำตัวเป็นรองผู้จัดการไปก่อน แก้ใขสถานการณ์เฉพาะหน้าไง เข้าใจไหมยัยรุ่ง" การุณยังคงเถียงเสียงยาวยืด พร้อมกับรวบเอาข้อมือของกษมาเข้าฉับไว แต่คนที่ถูกรวบข้อมือ พอตั้งสติได้ก็รีบสลัดออกอย่างว่องไวเช่นกัน พร้อมกับถลึงตาใส่คนร่างอ้อนแอ้นอรชร ด้วยความหมั่นไส้เป็นที่สุด
"ไปทำหกใส่เขาก็ต้องแก้ปัญหาเอง" กษมาเถียงกลับเสียงแข็ง ทำเอาคนที่หน้าตาแจ่มใสเมื่อครู่เริ่มมีสีหน้าละห้อยขึ้นมาบ้าง
"โธ่พี่อิ๋ว ผมตายไม่เหลือซากล่ะถ้าพี่อิ๋วไม่ช่วยผมตอนนี้ เพราะเขาเรียกหาแต่ผู้จัดการอย่างเดียว และถ้าพี่องอาจรู้ผมถูกไล่ออกแน่" การุณทำเสียงออดอ้อนให้ตัวเองน่าสงสารมากขึ้น
"แต่พี่ไม่เกี่ยวนะ จะให้พี่ไปทำยังไงล่ะ" กษมาเริ่มปวดหัวกับปัญหาตัวใหม่ที่ทำเอาหล่อนลืมปัญหาของตัวเองไปได้ชั่วคราว
"แหม พี่อิ๋ว อย่างน้อยเขาอาจจะใจอ่อนลงบ้าง พอเห็นผู้หญิงหน้าตาดี หุ่นสวย นมแท้อย่างพี่อิ๋ว ผมว่าเขาต้องไม่ทำเรื่องให้มันบานปลายหรอก นะพี่อิ๋วนะ นึกว่าเห็นแก่อนาคตของผมบ้าง"
การุณทำตาปริบๆ ขอความเห็นใจให้กับคนที่มีเรื่องครุ่นคิดอยู่ก่อน กษมาและรุ่งฤดีมองหน้ากันไปมาพร้อมกับส่ายหน้าอย่างไม่ค่อยจะพอใจ นั่นแสดงว่าลูกค้าต้องเป็นผู้ชาย และที่สำคัญคงหน้าตาดีเอาการอยู่ถึงได้ทำให้การุณยอมลงทุนทำกาแฟหกใส่เพื่อจะได้หาเรื่องพูดคุยกับเขา เรื่องนี้เพื่อนร่วมงานต่างก็ตามเกมการุณได้ทัน แต่ก่อนที่กษมาจะคัดค้านอะไรได้ การุณก็รีบดุนหลังบางของเจ้าหล่อนให้เดินออกไปอย่างรวดเร็วยังลูกค้าที่ว่า
และเมื่อกษมามองไปเห็นคนที่นั่งจิบกาแฟใจเย็นอยู่ ก็ยิ่งทำเอาหล่อนต้องถอนหายใจ นั่นปะไร ชายหนุ่มที่มีหนวดเคราขึ้นเต็มดำมืด ยังคงนั่งหน้าตาเรียบเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาเป็นลูกค้าขาประจำของที่นี่มาดื่มเอสเปรสโซ่ได้ทุกวัน รวมไปถึงชีสเค้กรสบลูเบอร์รี่สีม่วงเข้มที่ถือว่าเป็นสิ่งคู่กันสำหรับเขาไปแล้ว
บางทีคนในค็อฟฟี่ช็อฟไม่ต้องเอ่ยถามต่างก็รู้ว่าเขาสั่งเอาแค่นี้เอง บางวันเขาก็มาทานอาหารเช้าที่ร้าน ซึ่งไม่ได้มาบ่อยนักแต่กษมามักจะเจอเวลาที่หล่อนต้องมาเปิดร้าน แต่คนอื่นๆ กลับบอกว่าไม่ค่อยจะเจอ นอกจากในช่วงบ่ายหรือช่วงเย็นจะเห็นเขามาแค่ดื่มเอสเปรสโซ่กับชีสเค้ก และเพื่อให้เป็นที่เข้าใจตรงกันว่ากำลังพูดถึงเขาอยู่ ทำให้เขาได้รับฉายาว่า พ่อหนุ่มชีสเค้ก โดยที่ตัวเขาไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด กษมาเดินมาหยุดอยู่ข้างเก้าอี้ของคนที่หน้าตานิ่งเฉย ตอนแรกหล่อนเกรงว่าจะมาเจอลูกค้าที่กำลังเอ๊ะอ๊ะโวยวายไม่ยอมฟังอะไร ทำให้รู้สึกประหม่าอยู่บ้าง แต่อาการเรียบเฉยของเขาทำให้หล่อนรู้สึกผ่อนคลายลงไปมากทีเดียว
"สวัสดีค่ะ เพื่อนร่วมงานของที่นี่ทำกาแฟหกใส่คุณเหรอคะ?" เขาหันมาตามน้ำเสียงอันอ่อนหวานนั้น เมื่อพบว่าใครที่กำลังยืนคุยอยู่ก็ทำให้เขาต้องวางแก้วกาแฟเล็กจิ๋วลงเสียงแผ่วเบา พร้อมกับมองไปทั่วค็อฟฟี่ช็อฟ แล้วหันมาเลิกคิ้วเข้มสีดำสนิทมาทางหล่อน แล้วชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
"คุณคุยกับผมเหรอครับ?" คำถามนั้นดูเหมือนเขาจะประหลาดใจสิ้นดี กษมากัดปากที่แต่งแต้มด้วยสีชมพูอ่อนๆ จนรู้สึกว่ามันคงห่อเลือดเข้าให้ หล่อนไม่พอใจกับปฏิกิริยาเฉยเมยของเขาเอาเสียเลย
"ทั้งร้านตอนนี้ มีคุณนั่ง..." ทนโท่ กษมาได้แต่คิดไว้ในใจ "...อยู่คนเดียวน่ะค่ะ คงคุยกับคนอื่นไม่ได้หรอกค่ะ" หญิงสาวไม่วายสวนกลับเขาเบาๆ อย่างข่มอารมณ์เป็นที่สุด ที่เห็นเข้าแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจว่าหล่อนจะมายืนถามคำถามทำไม เพราะยังไงเสียเขาก็รู้ดีว่าเขาเพิ่งโดนการุณทำกาแฟหกใส่ เขาใช้สายตาคมคายมองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าแทนคำตอบที่กษมาต้องการ และมันทำเอาคนที่กำลังถูกเพ่งมองเริ่มขยับตัวไม่ถูก ปากสีแดงสดใต้หนวดเครายกยิ้มอย่างพอใจ
เขาไม่เคยสำรวจหญิงสาวคนนี้ใกล้ชิดแบบนี้มาก่อน พวงแก้มสีระเรื่อที่เกิดจากการแต่งแต้มด้วยบลัชออนสีส้มจางๆ แต่ตอนนี้มันกลับแดงระเรื่อลามไปจนถึงใบหู เพราะความเขินอายที่ถูกเขาจงใจมองสำรวจตรวจตรา เรียวปากอวบอิ่มสีหวานนั่นอีกที่ทำให้ปากหยักของเขากระตุกขึ้นมาเล็กน้อยด้วยความพอใจ จนเผลอกลืนน้ำลายที่เหนียวหนืดลงคอไปอย่างยากที่จะควบคุม ผมดำขลับถูกรวบไว้เป็นโดนัทกลมมนไว้กลางศีรษะ มีไรผมหล่นร่วงลงมาบ้าง ทำให้ใบหน้าเรียวรูปไข่สวยงามหมดจดน่ามอง
ชายหนุ่มเป่าลมหายใจออกจากปากอย่างแผ่วเบา หล่อนยังเด็กอยู่มาก เด็กมากเกินกว่าที่คนอย่างเขาจะต้องมามีอารมณ์หวั่นไหว แต่ก็ต้องยอมรับอีกอย่างว่าการที่เขาเข้าออกค็อฟฟี่ช็อฟแห่งนี้ได้แทบทุกวัน อาจจะเป็นเพราะแม่สาวน้อยร้อยชั่งนี่กระมัง เพราะทุกครั้งแค่ได้มองดวงหน้าหวานที่ก้มหน้าก้มตาทำงาน เขาก็รู้สึกถึงแรงเต้นถี่ของหัวใจตัวเองอย่างชัดเจน ยิ่งในยามที่หล่อนเผลอไผลส่งยิ้มพรายไปทั่วให้กับลูกค้า ทำให้เขาเองอดยิ้มอย่างพึงพอใจเสียไม่ได้ เขาชอบรอยยิ้มของหล่อน ดวงหน้าสวยเชิดขึ้นอย่างถือดี เมื่อเห็นดวงตาคมมองไปทั่วเรือนร่างของหล่อนแบบนั้น แม้จะไม่ชอบใจ แต่ก็ต้องจำไว้ว่าเขาคือลูกค้าของที่นี่
"ผมเพิ่งบอกกับอีกคนไปว่าอยากคุยกับผู้จัดการ ไม่ใช่แค่เด็กสิบหกสิบเจ็ดปี...อย่างคุณ" เขาพูดสั้นๆ แค่นั้น หวังว่าหล่อนจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ ก่อนจะหันมาจิบกาแฟต่อ แต่ก็ทำเอาคนที่ได้ยินยืนอ้าปากค้าง เขาคิดว่าหล่อนเด็กขนาดนั้นได้ยังไงกันนะ หล่อนจะยี่สิบห้าในอีกไม่นานนี้แล้วด้วย
"ไม่ใช่นะครับ นี่รองผู้จัดการมีอะไรคุยได้ ทำงานมาได้หลายเดือนแล้วครับ" การุณรีบแทรกขึ้นทันที และนั่นยิ่งทำให้เขาอยากหัวเราะท้องแข็ง
"คุณหมายถึงประสบการณ์ในการทำงานมีมานานหลายเดือนแล้ว ว่างั้นเถอะ!" กษมาตวัดสายตามองเขาด้วยความไม่พอใจ ตั้งแต่ที่เขามาเป็นลูกค้าของที่นี่ ยังไม่เคยมีใครได้คุยอะไรจริงจังกับเขา ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้คุยกับเขา ซึ่งนำความประหลาดใจมาให้หล่อนมากทีเดียว เพราะปากของเขานั้นร้ายกาจมากกว่าที่คิด ซึ่งไม่สัมพันธ์กับใบหน้าที่เรียบเฉยเลยสักนิด
"ชุดสูทของคุณเดี๋ยวจะซักให้ก็ได้ค่ะ" หล่อนพูดขึ้นระงับอารมณ์โมโหของตัวเองเต็มที่ แม้ว่าตอนนี้ภาพชายหนุ่มตรงหน้าจะโดนศอก เข่า รวมทั้งข้าวของทั้งหลายที่หล่อนจะจินตนาการได้ทุบตีไปจนหนำใจ แต่ความโมโหมันกลับไม่ลดน้อยลงได้ไปเลย คำพูดของหล่อนทำเอาเขาแทบสำลักกาแฟที่เพิ่งกระดกลงคอ แล้วเขาก็ยกมุมปากอย่างขบขัน
"ซักสูท?" เขาเลิกคิ้วทวนคำพูดของหล่อน
"ค่ะ" หล่อนพยักหน้าตอบเสียงเบา
"ถอดเลยค่ะ" แล้วก็พูดต่อ ทำเอาตัวเขาหน้าแดงขึ้นมาได้ ซึ่งหล่อนเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจว่าเขาจะมีปฏิกิริยาแบบนั้นทำไมกัน
"งั้นเราไปถอดกันในห้องน้ำและคุณก็ต้องไปกับผม" เขาสวนขึ้นมาเสียงเบาแทบกระซิบพร้อมกับสายตาสุกประกาย คราวนี้กลายเป็นหล่อนเสียเองที่หน้าแดงซ่านขึ้นมา ซึ่งตัวหญิงสาวเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน แต่ต้องยอมรับว่าสายตาคมของเขาเวลามองมาที่หล่อน มันชักเริ่มมีผลกับการเต้นหัวใจของหล่อนเข้าไปทุกที แล้วกษมาก็หันไปหาการุณ
"การุณมีเสื้อผ้าสำรองไหม?" หญิงสาวกระซิบถาม การุณทำหน้าจ๋อย
"ตัวเขากับผมมันใส่กันคนละไซด์นะพี่ นั่นนะยักษ์ ผมน่ะแค่มด" การุณกระซิบกลับคืน
"แล้วซักผ้าด้วยนะ" กษมาถอนใจก่อนจะพูดต่อ คราวนี้การุณส่ายหน้าเป็นพัลวัน
"ผมซักผ้าไม่เป็นนะพี่ จ้างน้องที่หอซักให้ตลอด ซึ่งการุณหมายถึงที่หอพักที่เขาอยู่กับบรรดาเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่เรียนอยู่ด้วยกัน
"อะไรนะ ซักผ้าไม่เป็น?!" กษมาตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน การุณพยักหน้ารับ ก่อนจะค่อยๆ ย่องหนีหายไป ปล่อยหญิงสาวไว้กับลูกค้าที่ตัวเองเป็นคนก่อปัญหาขึ้นตามลำพัง
"ต่อให้มีคนที่นี่ยอมซักสูทให้ผม ผมก็ไม่อนุญาตหรอก" เขาพูดขึ้น นั่งตัวตรงไปยังเก้าอี้เล็ก กอดอกมองมายังหญิงสาว ด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย
"สูทของผมราคาแพง อาจจะแพงกว่าเงินเดือนของคุณอีก ถ้าคุณไม่รู้จักร้านซักสูท ก็อย่ามาเสนอ" เขาพูดต่อเสียงราบเรียบ
กษมาสะอึกกับคำพูดของเขา หญิงสาวถือว่านี่เป็นการดูถูกมากทีเดียว เขายังไม่รู้เลยว่าเงินเดือนของหล่อนเท่าไหร่ ส่วนตัวเขาเองนั้นมีดีแค่ไหนกัน ก็แค่พนักงานออฟฟิศธรรมดาจะเงินเดือนเกินหล่อนสักกี่ตังค์เชียว หนวดเคราก็ปล่อยขึ้นจนจะไม่เห็นหน้าตาที่แท้จริงยู่แล้ว สงสัยว่าหน้าตาคงทุเรศสิ้นดีถึงไม่กล้าเปิดเผย กษมาคิดค่อนขอดอย่างโกรธแค้น เพราะไม่สามารถทำอะไรได้
"นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดนะคะ ทางเราจะรับผิดชอบให้ แต่คุณไม่ยอม น้องเขาก็ขอโทษแล้ว เขาไม่ได้ตั้งใจค่ะ" หล่อนพูดยืดยาว อย่างเหลืออด ชายหนุ่มถอนหายก่อนนจะยกยิ้มที่มุมปากอย่างที่ไม่อยากจะเชื่อในส่ิงที่หญิงสาวเพิ่งบอกออกมา
"ถ้าเพื่อนร่วมงานของคุณไม่เดินส่ายตูดมากไปหน่อย บางทีกาแฟอาจจะไม่หกใส่ผมก็ได้" เขาพูดขึ้นเสียงเบา แต่ทำเอาคนที่ได้ฟังถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อพอจะจับต้นชนปลายได้ว่าอะไรเป็นอะไร
"ผมคงต้องไปซะที คุยกับเด็กอย่างคุณไม่ได้เรื่องเลย เป็นผู้ช่วยผู้จัดการที่..." เขาหยุดพูดส่งสายตาคมคายมองหล่อนตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง
"จัดการอะไรไม่ได้สักอย่าง เอาเวลาไปเรียนหนังสือให้จบก่อนดีกว่านะครับ ไม่งั้นค็อฟฟี่ช็อฟคงล้มละลายไม่เป็นท่ากันแน่" เขาพูดขึ้นมาอีก
. ซึ่งคนที่ยืนฟังนิ่งตอนนี้หัวใจเต้นถี่รัวแทบจะหลุดออกมานอกอก เพราะความโมโหจับใจที่เขาต่อว่าหล่อนขนาดนั้น แต่ตัวหญิงสาวไม่สามารถที่จะต่อว่าอะไรรุนแรงออกไปได้ เพราะเหตุผลเดียวคือ ลูกค้านั้นถูกเสมอ ชายหนุ่มเมื่อพูดเสร็จก็ลุกขึ้นยืน ทำให้กษมาได้เห็นรอยกาแฟเปื้อนไปยังเป้ากางเกงของเขา หญิงสาวหน้าแดงก่ำไปจนถึงใบหู แล้วปากหยักของเขาก็ยกยิ้มอย่างพอใจกับกิริยาเขินอายของเด็กสาว
"แล้วคุณจะให้ทำยังไงเหรอคะ?" หล่อนรีบถามขึ้น ก่อนที่เขาจะออกจากร้านไป เพราะหญิงสาวรู้สึกว่าเขายังมีความไม่พอใจหลงเหลืออยู่
"เอาอย่างนี้ ทำกาแฟให้ผมสักแก้วก็แล้วกันเรื่องจะได้จบตกลงไหม?"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ