สุดสวาทขาดตัว
8.7
เขียนโดย มาลอน
วันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 12.06 น.
5 ตอน
0 วิจารณ์
7,595 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2560 12.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ตอนที่ 3 ในวันนี้...ผัวไม่อยู่หนูร่าเริง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 3
ในวันนี้...ผัวไม่อยู่หนูร่าเริง
เขาให้เธอได้ทุกอย่าง
เขาให้บัตรเดบิตซึ่งเป็นบัญชีที่เขาเปิดให้เธอเป็นการส่วนตัว แต่เธองกเงินเกินกว่าจะใช้มัน เขาบอกว่าเขาโอนเงินให้เธอทุกเดือน เป็นอัตราเงินเดือนตามหน้าที่ตำแหน่งเลขา สาวใช้ และผู้หญิงของเขาควรจะได้รับ ยัง...ยังมีบัตรเครดิตแบบไม่จำกัดวงเงินซึ่งเขาผูกไว้กับบัญชีส่วนตัวของเขาเอง แรกๆ เขาเคยพูดให้คิดว่าเขาทำไว้ลองใจหญิง แต่เอาเข้าจริงก็ไม่เห็นเขาจะพูดถึงมันต่อให้เธอจะใช้หรือไม่ใช้ก็ตาม เพราะผู้ชายคนนี้น่ะปากร้าย เขาชอบเอาสัญญาของเธอในวันนั้นมาพูดใส่หน้าเธอราวต้องการเยาะหยันความหุนหันพลันแล่นในวันวานเสียมากกว่าจะคิดจริงจัง
หึ... คุณไม่อยู่ หนูออกตัวล่ะค่ะ
เธอก็แค่ออกตัว กระดิ่งไม่เคยทำอะไรที่ผิดต่อเขา เธอไม่แรดนะขอบอก เรื่องอะไรจะไปทำอะไรๆ ให้ผิดใจเขา ในเมื่อเขาดีกับเธอจะตาย แม้ยังไม่รู้จักความรักระหว่างชายหญิง แต่เธอมั่นใจว่าเขาดีที่สุด
คุณอนึ่ง ปรนิมต์ แค่นึกถึงชื่อ...ขนก็ลุกตั้งชันเลย
หญิงสาวขนซื้อของบำรุง วันนี้ช่วงเช้าเธอจะแวะเข้าโรงพยาบาล ไปเยี่ยมน้องชาย เฮ้อ...กระดิ่งถอนใจ ภาระเดียวที่ทำให้เธอไปไหนไม่รอด ทำอะไรไม่ได้ก็คือกระดุม ทั้งแม่และพี่สาวต่างบอกว่าเดี๋ยวจะกลับมา แต่...ก็เท่านั้น ชีวิตของกระดุมมีเธอเป็นผู้รับผิดชอบ
“อุ้ย! ขอโทษค่ะ” หญิงสาวก้มลงเก็บของ วิสัยเดียวที่ติดตัวอยู่แล้วพารอดเสมอคือ ผิดไม่ผิดนางไม่รู้ แต่ตูขอโทษไว้ก่อน
“เดินระวังๆ หน่อยสิ” กระดิ่งมองเห็นรองเท้าส้นสูงกับปลายเล็บเจียนมนลงสีพาสเทล แล้วก็...เรียวขา โฮ...ผู้หญิงอะไรขาสวยจัง
“ขอโทษค่ะ” กระดิ่งยังเก็บของไม่หมด วันนี้ของใช้ในห้องของกระดุมขาดหลายอย่าง เธอต้องซื้อไปเตรียมไว้ เพราะหากอนึ่งกลับมา เขาคงเรียกร้องให้เธอปฏิบัติงานแบบไม่เห็นเดือนเห็นตะวันแน่
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” มีมือขาวๆ ของผู้ชายคนหนึ่งก้มลงมาช่วยเก็บของ เธอได้ยินเสียง เฮอะ! จากสตรีที่ขาสวยมาก
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณมาก”
กระดิ่งไม่ทันได้เห็นหน้าคู่กรณี ผู้หญิงขาสวยก็ลากผู้ชายมือขาวไปเสียแล้ว กระดิ่งกระชับของในมือไว้มั่น กระเป๋าผ้าใบใหญ่ มีสัมภาระเยอะแยะมากมาย รองเท้าผ้าใบคู่เก่งก้าวเดินได้มั่นคงกว่ารองเท้าคู่สวยในตู้โชว์
เธอมันก็เด็กกะโปโลดีๆ นี่เอง จะเป็นสาวขึ้นมาหน่อยก็แค่เวลาที่อยู่กับเขาเท่านั้น
หญิงสาวเดินสวนเข้าไปในร้านที่คนทั้งสองพึ่งจากมา ด้วยสภาพคงไม่มีใครคิดว่าเธอจะเข้าร้านแบบนี้ แต่จะทำอย่างไรได้ บัตรเครดิตที่เขาทำให้... มันจำเป็นต้องสะสมวงเงินนี่ ไม่งั้นจะเสียเงินทำฟรีๆ
กระดิ่งสั่งอาหารญี่ปุ่นง่ายๆ จัดเป็นสองชุด เธอตั้งใจเอาไปกินกับกระดุมที่โรงพยาบาล ตอนบ่ายซื้อหนังเข้าไปดูด้วยกัน ตั้งแต่กระดุมมีเรื่องทั้งเธอและน้องชายประหนึ่งถูกตัดขาดจากสังคม ไม่มีเพื่อนและไม่มีญาติ เธอมีกันแค่สองคนพี่น้องและกระดิ่งไม่เคยปิดบังอะไรกระดุม
แรกๆ ที่รู้เรื่อง กระดุมโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่จะทำอย่างไรได้ ทุกอย่างในโลกนี้ต้องซื้อหามา เธอไม่มีกำลังหา ก็ต้องเกาะคนอื่นไปอย่างนี้เรื่อยๆ คงได้แต่ปลอบใจกันไป ถ้ากระดุมหายเมื่อไหร่ เรื่องที่ถูกตามเคลียร์เรียบร้อย เราสองคนจะย้ายไปอยู่ที่ไกลๆ ออกไปให้ห่างไกลจากสังคมเดิมๆ
ที่ไกลๆ ใช้เงินที่เขาให้ไว้เป็นค่าตัวเปิดร้านสำหรับค้าขายเล็กๆ กระดุมมีหัวทางศิลปะ กระดิ่งมีหัวทางค้าขาย เปิดหน้าร้านบ้าง ขายออนไลน์บ้าง สองพี่น้องคงไม่ตายหรอก แต่...นั่นต้องรอให้เขาอนุญาตก่อน
เธอตั้งปณิธาน ชีวิตนี้จะไม่ทรยศเขา จะนับเขาไว้สูงสุดเหนือหัว ต่อให้วันหน้าเขาหรือเธอจะมีใครใหม่ แต่เขาคือคนแรกและคนที่เป็นที่สุดของเธอเสมอ
กระดิ่งชักคิดถึงคุณอนึ่งแฮะ ตอนนี้ทำอะไรอยู่นา...
เธอไม่เคยกวนเขาเวลาทำงาน แต่เธอแอบสังเกตมานานแล้วว่าเขาชอบให้เธอโทรตามถามไถ่ คิดๆ แล้วก็แปลกอยู่เหมือนกัน เธอเป็นแค่ผู้หญิงลับๆ สถานะไม่เปิดเผย เลขาเขารู้ว่าเธอเป็นแม่บ้าน ส่วนที่บ้านไม่มีใครรับรู้ถึงตัวตน แต่เขาก็ยังชอบให้เธอวุ่นวายกับชีวิตเขา
บางที...เขาอาจเป็นผู้ชายที่เคยชินกับการได้รับความห่วงใยจากคนรอบข้าง
กระดิ่งนั่งพักในร้านอาหาร คนยังไม่มากหญิงสาวจึงวางของแล้วโทรหาเขา สัญญาณตัดไปสองครั้งถึงได้มีเสียงคนรับ
“คุณเป็นยังไงบ้างคะ” เธอถามเขาเสียงอ่อนเบา ยามปกติที่อารมณ์ร้อนแรงไม่ได้แทรกกลาง เขาชอบให้เธอพูดกับเขาแบบนี้
-เธอรู้หรือเปล่าที่เยอรมันมันกี่โมง- เขาถามเหมือนประชดประชันนะ แต่อารมณ์ยังดีอยู่แน่ๆ เพราะเธอไม่รู้สึกถึงความกระแทกกระทั้นในน้ำเสียง
กระนั้นกระดิ่งยังอุตส่าห์ทำหน้ามุ่ย “ไม่ทราบสิคะ หนูไม่ได้ดู แค่คิดถึงคุณหนูเลยโทรหา ถ้าคุณยุ่งอยู่หนูวางก็ได้ค่ะ”
เขาหัวเราะ –อะไร มาทำเป็นงอน ที่นี่ตอนนี้ก็ตีห้าเห็นจะได้-
“ตายล่ะ หนูรบกวนเวลานอนคุณหรือเปล่า” ครั้งนี้กระดิ่งตกใจจริงๆ เธอน่าจะเช็กเวลาก่อนโทรหาเขานะ
เขาคงอารมณ์ดีที่เธอแสดงความโง่ออกไปในเชิงประจักษ์ บางทีก็โกรธเขาอยู่หรอกที่ชอบทำให้เธอดูเขลาได้ตลอด แต่เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เดี๋ยวเขาก็จะสอนให้เธอเข้าใจ
-ฉันยังไม่ได้นอนหรอก เตรียมประชุมเช้าอยู่ ว่าแต่เธอเถอะทำอะไรฮึ-
“คุณไม่อยู่ หนูก็เที่ยวสิคะ” เสียงหัวเราะของเธอคงกวนอารมณ์เขานิดๆ เพราะเธอไดยินเสียงเขาสบถอยู่สองสามคำ
อันที่จริงเขาเป็นนักสบถตัวยง แต่ละคำหยาบๆ ทั้งนั้น เธอฟังไม่ค่อยทันและจำไม่ค่อยได้ เขาไม่ชอบให้เธอจำหรอก แต่บางทีเขาก็ชอบเผลอเพราะอยู่กับเธอเขามักทำตัวตามสบาย อยากทำอะไรก็ทำ เขาว่าเขาไม่ใช่คนดีและยิ่งไม่ใช่ผู้ดี ตัวเขามันไพร่มากๆ
ฟังแบบนี้ทีไรเธอหลุดขำทุกที เธอรู้ว่าเขารวยมาก แต่มากแค่ไหนก็ไม่รู้ เธอไม่ติดตามข่าวสังคม กระดิ่งไม่อยากคิดหาเหตุผลว่าทำไมตนเองไม่ชอบ แต่มันมีครั้งหนึ่งที่เขาเคยถาม และเธอก็ต้องยอมรับว่าที่ไม่อยากดูข่าวสังคม ก็เพราะกลัว กลัวจะเห็นภาพข่าวของเขาแล้วเผลอคิดอะไรที่ไม่สมควร
กลัวจะชอบความรวยของเขา
กลัวจะเจอเขาถ่ายรูปคู่กับใคร
กลัวจะรับไม่ได้ที่รู้ว่าสถานะเธอมันก็เท่านี้
แรกๆ ที่คิดอะไรแบบนี้ใจมันร้อนรุ่มแล้วเจ็บแปลบๆ แต่นานเข้าก็ชักชิน คนอย่างอนึ่งไม่ยอมหยุดที่ใครง่ายๆ หรอก ความกลัวของเขาก็มีเหมือนกัน แต่เธอแค่ไม่รู้ว่าเขากลัวอะไร
-เธอเที่ยวคนเดียวหรือเปล่า-
โรคขี้หวงกำเริบอีกแล้ว กระดิ่งรู้ แต่ก็ชอบแกล้งเขา หลายครั้งมันรู้สึกดีที่เขาแสดงอาการหึงหวงของออกมา เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เธอรู้ว่าเขายังอยากเก็บเธอไว้นานๆ
“เปล่าค่ะ เมื่อครู่เจอคนหนึ่ง มือซ่วยสวย ใจดีมากด้วย ช่วยถือของอีกต่างหาก”
-เธอ! ไหนสัญญาว่าจะมีแค่ฉันคนเดียวไง- เขาตะโกนมาตามสายเลยล่ะ
กระดิ่งกลั้นยิ้มแล้วจีบปากจีบคำตอบเขากลับไป “อันตัวหนูก็มีคุณคนเดียวอยู่แล้วค้า แต่ตาหนูก็ขอมองๆ คนอื่นบ้างสิคะ”
-เธอมองใคร ไอ้หน้าไหนที่เธอมองฮะ- เสียงเขาดังยิ่งกว่าเดิม เวลาอย่างนี้ทำอย่างกับวัยรุ่นใจร้อน เขาน่าจะอายุสามสิบกว่าๆ แล้ว แต่กลับหลงให้เธอยั่วได้ซะเรื่อย –นี่เธอหลอกฉันใช่ไหม-
ไม่สนุกเลย เขารู้ซะแล้ว หญิงสาวหัวเราะเสียงใสผ่านไปตามสาย ได้ยินเสียงเขาฮึ่มฮั่มกลับมา พร้อมสบถอีกยืดยาว
“หนูไม่กวนคุณแล้ว ดูแลตัวเองด้วยนะคะ หนูเป็นห่วง”
-เธอกำลังจะไปไหน- เสียงเขาถามเป็นงานเป็นการเชียว คงกำลังเขินละมั้ง เธอมโนว่าเป็นแบบนั้นเสมอล่ะ
“หนูจะไปหาน้องค่ะ” อาหารที่สั่งได้แล้ว หญิงสาวหนีบโทรศัพท์ไว้กับไหล่ แล้วล้วงบัตรออกมาส่งให้พนักงาน
-น้องเธอเป็นไงบ้าง- ความดีของเขาเลยล่ะ เขาไม่เคยลืมทุกข์สุขของเธอกับน้องเลย ค่าใช้จ่ายและธุระเรื่องโรงพยาบาลมีเขาเป็นคนจัดการให้ ลำพังเด็กสองคนอย่างกระดิ่งและกระดุมทำอะไรไม่ถูกเลยสักอย่างเดียว
“ดีขึ้นค่ะ ทำกายภาพบำบัดไปเรื่อยๆ” หญิงสาวนึกถึงท่าทีแสนเบื่อหน่ายของน้องแล้วอดหัวเราะไม่ได้
-เธอถามเขาเรื่องเรียนด้วยนะ-
“เรียนหรือคะ ?” กระดิ่งลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท การป่วยของกระดุมยืดเยื้อมานานจนเธอลืมอนาคตที่เคยวาดฝันไว้
-ถามน้องดู ถ้าจะเรียนต่อ ฉันจะให้คนไปสอนที่โรงพยาบาล จะได้ไม่เบื่อ- เขาพูดแล้วก็หยุดไปราวกับให้เธอคิดตาม –ไว้กลับไปฉันค่อยคุยด้วย เธอไปเที่ยวต่อเถอะ-
หญิงสาวค้อนโทรศัพท์ กำลังซาบซึ้งอยู่ดีๆ เขาก็ล้อเธออีกแล้ว “หนูไม่ได้เที่ยวจริงๆ ซะหน่อย คุณไม่อยู่ น้องก็ป่วย หนูจะไปไหนกับใครได้”
เขาหัวเราะ แล้วทำเสียงเข้มราวขู่ขวัญ –ให้มันจริงเถอะ อย่าให้ฉันเห็นนะว่าเธอยุ่งกับใคร หรือใครยุ่งกับเธอ ฉันไม่เอาไว้แน่-
“ว้าขู่กันจัง หนูพูดคำไหนคำนั้นนะ บอกว่าจะมีแค่คุณ หนูก็มีแค่คุณ ตอนนี้หนูชอบคุณ หนูก็บอกว่าชอบคุณโอเคไหมคะคุณอนึ่งเจ้าขา”
-ทำเป็นพูดเล่นไป-
เขาพูดแค่นั้นแล้วก็ชิงวางสายไปซะก่อน โลกของเขากับเธอลอยห่างกันไปอีกครั้ง ปรนิมต์กับเทียงดีแค่นี้ก็รู้แล้วว่าคลาสไหนเป็นคลาสไหน
โลกมันก็ต้องหมุนกันไป
โรงพยาบาลเอกชนเล็กๆ อยู่ชานเมืองเหมาะกับการพักฟื้นและหลบภัย กระดิ่งเดินหอบข้าวของไปที่ตึกผู้ป่วยใน ชั้นบนเป็นตึกพิเศษ เมื่อก่อนครอบครัวเธอไม่เคยเข้ามาในส่วนนี้หรอก อย่างมากก็ตึกผู้ป่วยรวมในโรงพยาบาลรัฐที่ผู้คนคับคั่ง
ภายในห้องพักจัดได้น่าอยู่ราวบ้านหลังหนึ่ง กระดิ่งไม่อยากให้เขาเสียเงินกับความสะดวกสบายที่ไม่ค่อยจำเป็น เธอจึงขอร้องให้เขาทำอะไรแค่พอดีตัวน้องชายของเธอก็พอ
“มาแล้วจ้า อาหารแสนอร่อยกับพี่สาวสุดสวย”
กระดุมวางหนังสือในมือลง กระดิ่งเห็นในมือน้องคือนิตยสารเกี่ยวกับเทคโนโลยี แน่ล่ะน้องชายมีหัวทางคอมพิวเตอร์อยู่ไม่ใช่น้อย กระดุมไม่อยากทิ้งการเรียน แต่เรื่องที่พลาดไปแล้วยากจะแก้ไข
“ทำไมพึ่งมาล่ะ” นายกระดุมเป็นคนพูดไม่เพราะ กระดิ่งสอนอะไรไม่ได้ เมื่อก่อนน้องไม่เคยเป็นแบบนี้ นับแต่แม่ไปทำงาน กระดุมไม่เคยพูดจะคะขากับกระดิ่งอีก “เขาไม่ให้มาเหรอ”
วันไหนที่พี่ไม่มาเยี่ยม นายกระดุมจะรู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร สถานะของพี่สาว มองดีๆ มันก็คุณโสนี่ล่ะ แต่มองให้ลึกก็ต้องนับว่าเด็กเสี่ย
“หาเรื่องหรือเปล่านายน่ะ คุณหนึ่งเขาไม่อยู่หรอก ไปเยอรมันตั้งแต่เมื่อคืน”
“ดี...งั้นคืนนี้พี่ก็อยู่เป็นเพื่อนผมได้ดิ” ตั้งแต่ป่วย นายกระดุมก็ยึดพี่สาวไว้กับตัว พอยิ่งมารู้ว่าพี่มีใครอีกคน เจ้านี่เลยทำตัวประหนึ่งอยากแย่งเธอมาจากอนึ่ง
กระดิ่งเอียงหน้าคิด ขณะมือสาระวนกับการจัดของ “ก็น่าจะได้นะ” หญิงสาวเหล่มองน้องชายแวบหนึ่ง กระดุมยิ้มมุมปาก แสดงว่าได้ของถูกใจแล้ว
อาหารถูกนำมาวางตรงหน้าน้องชาย ลำตัวช่วงล่างของกระดุมยังต้องทำกายภาพบำบัด กล้ามเนื้อของเขาหายไปมาก แต่ยังนับว่าดีที่สมองไม่ได้มีปัญหามากมาย เธอนั่งกินอาหารญี่ปุ่นกับน้อง พร้อมด้วยหนังเรื่องใหม่ที่พึ่งไปหาซื้อมา
ช่วงหนึ่งที่หนังไม่ค่อยมีอะไร หญิงสาวตัดสินใจถามในสิ่งที่รับปากอนึ่งมา “ดุม ยังอยากเรียนอยู่ไหม”
น้องชายเงียบ เสียงวางตะเกียบไม่เบาเลย ต้องนับว่าดีที่เจ้าตัวไม่ได้ขว้างให้ต้องตามเก็บ
“ผมเป็นแบบนี้แล้ว ยังจะเรียนได้อีกหรือไง” ประชดชีวิตชัดๆ
“ได้สิ คุณหนึ่งเขารับปากแล้วว่าได้”
นายกระดุมชักสีหน้าทันทีพอได้ยินชื่อเจ้าของความคิด “ดุมไม่อยากได้อะไรจากเขา พี่ไม่ต้องไปเอามาแล้วนะ ผมไม่อยากให้พี่เปลืองตัว”
อ้าว... ทุกวันนี้ก็หมดไปแล้วทั้งตัวนะ คงไม่สึกหรอไปมากกว่าเดิมหรอกมั้ง “นายไม่ต้องมาอะไรกับพี่เลย คิดถึงอนาคตตัวเองก็พอ นายเป็นผู้ชายอนาคตต้องมีครอบครัว พี่ว่านายคิดเรื่องเรียนบ้างก็ดีนะ”
“พี่เห็นดีเห็นงามกับมันเหรอ ผลักไสไล่ส่งผมแบบนี้ พี่จะทิ้งผมไปอยู่กับมันใช่ไหม”
เออ...ดราม่าเว้ยเฮ้ย “ไม่ใช่อย่างง้าน...” กระดิ่งถอนใจ บางทีนายกระดุมก็เข้าใจอะไรอยากเกิ๊น “พี่คงไม่อยู่กับเขาไปทั้งชีวิตหรอก ยังไงเขาก็ต้องแต่งงาน พี่เป็นผู้หญิงของเขาได้แค่ช่วงที่เขายังเป็นโสดนี่ล่ะ พี่รับปากนายแล้ว จะไม่เป็นเมียน้อยใครก็ต้องไม่เป็น แต่นาย... นายบอกจะดูแลพี่ แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนมาดูแล”
เอาสิดราม่ามาก็ดราม่ากลับล่ะงานนี้
“ที่เราคุยกันไว้ไง เราจะไปซื้อที่สักแปลง พี่ขายผมเป็นคนทำ” นายกระดุมน้ำตาเริ่มคลอหน่วย เจ้าคนนี้ขาดพ่อขาดแม่แต่เล็ก มีเธออยู่คนเดียวจึงยึดพี่ราวกับแม่ แต่พี่ก็คือพี่ แม่ก็คือแม่ สักวันผู้ชายก็ต้องอยากมีเมียไม่ใช่หรือ
“แต่พี่ไม่เชื่อหรอกว่านายจะอยู่กับพี่ไปจนตาย สักวันนายต้องเจอคนที่ถูกใจ แล้วพี่ก็จะเป็นยายแก่ที่ดุมไม่ต้องการ”
“ไม่ ผมไม่ทิ้งพี่หรอก” นายกระดุมแทบจะดึงร่างเล็กๆ เตี้ยๆ ของพี่เข้าไปกอด เขากลัวที่สุดก็ตอนถูกทิ้งนี่ล่ะ แล้วเขาจะไปทิ้งพี่สาวได้ยังไง โหดร้ายเกินไปแล้ว
“ถ้าพี่อยากให้ผมเรียน ผมก็จะเรียนนะพี่ดิ่ง ผมจะรีบหาย จะทำงานหาเงินเยอะๆ จะไม่ใจร้อน จะไม่ให้ใครมากดขี่พี่อีก” ในหัวนายกระดุมเขาคิดว่าพี่สาวโดนตาแก่ตัณหากลับหลอกกินฟรีอยู่ตลอดเวลา
จะบอกว่าตัวเธอที่ขายไปฟรีได้ยังไง แม้ไม่มีบ้านหลังใหญ่ ไม่มีรถให้ขับ แต่เขาไม่เคยปล่อยเธอให้ลำบากนะ เขาตามหานายกระดุม รักษาและให้ที่หลบภัย แถมยังใจดีให้เงินเธออีกก้อนกับเงินเดือนทุกเดือนที่นอนนิ่งในบัญชีอีก ไม่รวมบัตรเครดิตทีเธอจำใจรูดไม่ยั้ง
แบบนี้จะเรียกว่าเขาหลอกกินฟรีคงไม่ได้ ต้องนับว่าเขาขาดทุนเสียมากกว่า
คนอย่างอนึ่ง ปรนิมต์ เขาหาซื้อผู้หญิงสวยเริ่ดเชิดเก่งจากที่ไหนก็ได้ แต่บางทีโปรไฟล์ระดับเขาไม่ซื้อก็มีให้แดกเลยเหอะ คงไม่ต้องมาจมปลักกับผู้หญิงบ้านๆ อย่างเธอหรอก หากไม่ใจกล้าหน้าด้านพอ
“ตกลงนายเรียนนะ คืนนี้ฉลองกัน เดี๋ยวดูแฮรี่ พอตเตอร์ยันสว่างเลยดีไหม” นายกระดุมทำหน้าเมื่อย แต่ก็ไม่ปฏิเสธ หากเรารู้จุดอ่อนของใครแล้วใช้ให้ถูกวิธี หนทางสำเร็จย่อมลอยมา
ขอบคุณคุณอนึ่ง ปรนิมต์
มันดึกมากแล้ว
เวลาแบบนี้ไม่ควรมีใครเข้าออกในห้องพัก ยกเว้นพยาบาล ซึ่งเธอเหล่านั้นจะเดินตรวจนั่นนี่นู่นทุกๆ สี่ถึงหกชั่วโมง ทว่าพยาบาลไม่น่าจะเสียงแมนขนาดนี้ แล้วกำลังทะเลาะกับน้องชายเธออยู่ด้วย
“คุณเป็นใคร เข้ามาทำไม” นั่นเสียงกระดุม
“ฉันมาตามพี่สาวเธอ” นี่เสียงผู้ชาย
“ตามไปไหน ไอ้ลูกนายพลส่งแกมาหรือเปล่า” นายกระดุมยังฝังใจเรื่องนี้อยู่อีกหรือ
“ไม่ใช่ นายน่ะนอนไปเหอะ ฉันแค่มารับคนของฉัน” โอ้โฮ...โอหังจังผู้ชายคนนี้
“เฮ้ย แกจะเอาพี่ฉันไปไหน” เสียงน้องชายเธอดิ้นขลุกขลัก ตามด้วยเสียงพยาบาลที่หน้าประตู
“เดี้ยงขนาดนี้อย่ามาทำซ่า เอาตัวให้รอดก่อนแล้วค่อยมาทำกร่างจะปกป้องพี่ คนนี้น่ะของฉัน” ร่างเธอถูกเหวี่ยงให้ลอยสูง เขาอุ้มเธอออกจากห้องนั้นแล้วพาลิ่วๆ ลงมาสู่เบื้องล่าง
“นี่ถ้าตื่นแล้วก็กรุณาลืมตาด้วย”
กระดิ่งเปิดตาขึ้นข้างเดียว หญิงสาวยิ้มแหยๆ ก่อนจะยกมือขึ้นกอดคอเขาไว้แน่น แล้วจูบคางเขาแรงๆ หนึ่งที “คุณกลับมาวันนี้หรือ ทำไมหนูไม่รู้เลยล่ะ”
“ลืมบอก” ...หรือเขากะจะเซอร์ไพรส์นะ...ว้าก็เลยเจอเซอร์ไพรส์กลับ
“คุณเลยต้องลำบากมาตาม” กระดิ่งทำหน้าสำนึกผิด ทั้งที่ในใจไม่ได้รู้สึกไปด้วยเลยสักนิด แต่สำหรับเขาหากเธอขัดใจ เธอย่อมเป็นคนผิดเสมอ ฉันใดก็ฉันเพลล่ะนะ
“ทำไมเธอต้องมานอนกับมัน” เขาเตรียมหาเรื่องแล้วล่ะ
“ก็น้องมันขอนี่คะ อีกอย่างคุณก็ไม่อยู่ด้วย” นิ้วเรียวยกขึ้นจิ้มอกเขาไปสองสามที
เขาจับเธอยัดเขาไปในรถหรู ไม่รอให้รัดเข็มขัดเสร็จก็ขับตะบึงออกจากโรงพยาบาลทันที หญิงสาวนั่งตัวลีบอยู่ในรถ กลับจากเดินทางเขาชอบให้เธอพะเน้าพะนอ แต่เธอกลับหายหัว เขาก็เลยอารมณ์เสีย แปลกเหมือนกัน นายกระดุมก็มาขอเอาวันนี้
เฮ้อ...เหนื่อยใจ
“คุณโกรธหนูมากหรือคะ”
ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่เร่งเครื่องเร็วขึ้น กระดิ่งจึงสรุปรวมผสมมโนว่าเขาคงโกรธเธอมากๆ เลย เขาโกรธอะไรง่ายๆ แบบนี้เสมอ ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับเธอ ยิ่งหาเรื่องโกรธได้เรื่อยๆ
“คุณโกรธหนูมากแน่ๆ เลย”
เขาตัดสินใจหักรถเข้าข้างทาง แล้วหันไปมองยายผู้หญิงตัวเล็กให้เต็มตา
“ไม่ได้โกรธโว้ย แต่อยาก อยากมาก กลับมากะจะจัดให้อ่วม ที่ไหนได้ไม่อยู่ห้อง เอามันบนรถเลยดีไหมฮะ”
เหวอแดกค่ะ... อนึ่งไม่ได้โกรธกระดิ่ง แต่เขาแค่... “เอาเลยไหมคะ ความจริงตรงนี้ก็ไม่มีใคร”
ดึกขนาดนี้ ถนนแถวชานเมืองจะมีอะไรล่ะ ตรงที่จอดอยู่นี่ก็พื้นที่รกร้าง เอาเสียให้เสร็จๆ ไป กลับถึงห้องจะได้อารมณ์ดี
“งั้นเธอปลุกมันเองเลย เมื่อกี้มัวแต่โมโหแฟ่บหมดแล้ว” เวลาอยู่กับเธอ เขาชอบทำหยาบๆ คายๆ เสียจริง
“งั้นปรับเบาะหน่อยสิคะ ถอดเข็มขัดออกด้วย เออห้ามเปิดไฟนะคะ หนูอายเขา”
เขากลั้นหัวเราะแน่ๆ เพราะอกกระเพื่อมตอนที่เธอไล้มือผ่าน
“ถ้าอายแล้วจะชวนทำไม”
“ก็นึกว่าคุณอยากเปลี่ยนบรรยากาศ” มือเรียวปลดเข็มขัดเขาด้วยความชำนาญ กางเกงเขามีกี่ตัวเข็มขัดกี่รุ่นเธอเคยถอดมาหมดแล้ว นี่มันมืดก็ลูบๆ คลำๆ เอานิดหน่อยได้อารมณ์ดี
เธอล้วงของลับของเขาออกมาสูดอากาศ ปากเขาก็บอกว่ามันแฟ่บ แต่นี่มันก็ขนาดปกติตอนมันตื่นตัวมิใช่หรือ ดูสิในความมืดขนาดนี้ เขายังทำหน้ากวนทีนเธอได้อีกแน่ะ
กระดิ่งสาวมันขึ้นๆ ลงๆ ใช้ปลายนิ้วกดตรงส่วยปลายแล้วลูบวนนิดหน่อย ของเหลวของเขาก็ไหลออกมาให้พอเปื้อนมือ เธอยิ้มนิดๆ ยามได้ยินเสียงเขาครางฮือ และเธอรู้ด้วยว่าตอนนี้เขากำลังเม้มปากไว้แน่น ตาคนนี้ฟอร์มจัดเสมอถ้าเธอเป็นคนเริ่มก่อน
ริมฝีปากนุ่มจูบซับตรงส่วนหัวเบาๆ มันได้อารมณ์ดีเชียวล่ะ เพราะเขาผงกหัวรับกันเลยทีเดียว ปลายลิ้นเล็กๆ แลบเลียหญิงสาวไม่ชอบกลิ่นเขาตอนที่ยังไม่อาบน้ำเท่าไหร่ แต่นาทีนี้ชักเมาอารมณ์ เลยแอบพ่นลมใส่เจ้าหัวนี่ซะเลย
เมื่อตัดสินใจครอบมันแล้วปล่อยเข้าไปจนเต็มปาก เขาก็ร้องอู้ขึ้นมาทันที มือเล็กข้างหนึ่งก็สาวขึ้นสาวลง ส่วนอีกข้างเธอควักเจ้าลูกชายสองลูกของเขาขึ้นมาขยำเล่น แกล้งซะให้เข็ดเวลาทำเธอนะชอบบีบนมเธอจนเนื้อแทบหลุด
“อา เบาหน่อย เดี๋ยวแตกหมด” แตกก็ดีสิ เขาน่ะอึดอย่างกับอะไรดี นี่ถ้าไม่รีดออกมาจ่อส่วนปลายเสียก่อน เขาไม่มีวันเสร็จง่ายๆ แค่ในรถนี่หรอก
มือใหญ่คว้าเส้นผมของเธอแล้วปัดออกให้พ้นหน้า แต่พอแสงรำไรจากตัวเครื่องส่องมา เขาก็ชักทนไม่ไหว เพราะยายหนูกระดิ่งของเขาเซ็กซี่อย่าบอกใครเวลาทำรักด้วยปาก
เขาขยุ้มผมเธอไว้เต็มกำ จัดการเร่งจังหวะให้ดวงหน้าและช่องปากของเธอพอดีกับการกระแทกสวนของเขา เสียงเจ้าหัวแข็งของเขาชนช่องคอของเธอดังกึกๆ เขายิ่งคึกไปหลายส่วน
“เวรเอ้ย ฉันไม่แตกในปากเธอแน่” เขาดึงหน้าเธอออก แต่ยายดิ่งกลับไม่ยอม ท่าทางจะเมาหนัก คนมันเมารักก็อย่างนี้ ชายหนุ่มถอนสะโพกออกเองแล้วดึงเธอขึ้นมาจูบ มือไม้ป้วนเปี้ยนอยู่กับกางเกงของเธอ
“บอกว่าอย่าใส่กางเกงมันถอดยาก ทำไมไม่ฟังกันนะ รัดๆ ยาวๆ แบบนี้ยิ่งไม่ชอบ เดี๋ยวจะเก็บลงมาทิ้งให้หมดเลย”
“ขี้บ่นจังตาแก่” หญิงสาวปัดมือเขาที่ดึงทึ้งกางเกงเธอออก กระดิ่งเลิกนัวเนียกับเขาแล้วถอดกางเกงออกเสียเอง เธอสะบัดมันออกได้แค่ขาเดียว เขาก็ดึงเธอให้ลุกมานั่งคร่อมที่ฝั่งเขา
“ว้าย! อื้อ...โอย...เบาค่ะ” เขาจัดการสวมครอบแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่ให้สัญญาณกันก่อนเลย เธอก็รู้หรอกว่าเขาชอบ ชอบทะลวงเธอให้สุดในครั้งแรก
“เหี้ยเอ๊ย แน่นฉิบ” นี่ล่ะเขาเลย หยาบคายดิบเถื่อนนักเวลาทำรักแบบนี้ ความสดซิงของเธอเป็นที่ถูกใจเขานัก แต่บางครั้งเขาก็มักจะทำเป็นลืมไปว่าช่องทางของเธอ มันยังใหม่เกินกว่าจะทะลวงแบบไม่ยั้งคิด ถึงมันจะเสียวแต่มันก็เจ็บจุกเอาเรื่องหลังเสร็จกิจ
“อยู่นิ่งๆ ก่อนนะคะ น่ะ หนูแสบ” เป็นแบบนี้ทุกที ยามเขาเข้ามาทักแรกๆ มันไม่ได้เจ็บเฉยๆ นะ มันแสบปนเสียวด้วย
เขาทำเป็นนิ่งได้แค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้นแหละ มือใหญ่จับสะโพกเธอขยับขึ้นลง เขาชอบกดแล้วบดเบียดเนื้อนุ่มของเธอเข้าไปใกล้ๆ เนื้อของเขา มันก็ดีตลอดแหละถ้าไม่มีซิบกับกางเกงของเขาเข้ามากั้น
“โอยเจ็บค่ะ”
“เจ็บอย่างเดียวหรือ” เขาถามเธอแล้วก็เร่งเด้งเอวสวนขึ้นมาหาเธอ ขณะมือก็กดเนื้อสาวให้แนบชิดในจังหวะที่เท่ากัน
“อ๊ะ อ๊ะ สะ เสียวค่ะ โอยลึกด้วย เจ็บด้วย” เขาน่ะเวลาร่วมรักเป็นคนหยาบ แต่เธอเวลาอะไรๆ กับเขาชอบหลับตาแล้วพูดอะไรไม่รู้ บางทีก็รำคาญตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่มันหยุดไม่ได้นี่
เขาก้มมองจุดเชื่อมต่อ เห็นลูกชายตัวเองวิ่งเข้าวิ่งออกยิ่งได้อารมณ์ แล้วแม่กระดิ่งน้อยก็ขยายกว้างปลิ้นเข้าปลิ้นออกเป็นสีแดงน่าเลีย เอ่อ เอาน่ารอบหน้าค่อยเลีย ชายหนุ่มดูดเม้มซอกคอเธอไปหลายที ยายคนนี้กลิ่นหอมยั่วยวนตลอดเลย เป็นผู้หญิงที่กลิ่นหอมเหมือนเด็กทาแป้งตลอด
เขาล่ะชอบจริงๆ กินเด็กมันกระชุ่มกระชวยราวอมตะชนแบบนี้นี่เอง
“คุณเบาๆ หน่อยนะคะ พรุ่งนี้ อ๊ะ นี้ต้องไปตรวจ”
“ตรวจอะไร”
“คุมไงคะ ทำเป็นลืมทุกทีเลย อยากเลี้ยงลูกนักหรือไง” หญิงสาวได้ทีประชดเขากลับ มือเรียวกำหมัดแน่น อยากฟาดอีตาคนนี้สักป๊าบจัง เธอบอกให้เบา ยิ่งเอาถี่ๆ ลึกๆ
“โอย...อย่าขมิบสิโว้ย เดี๋ยวผัวก็แตกหรอกเมียจ๋า” เอาอีกแล้วอารมณ์มาทีไร ยกตรูเป็นเมียทุกที
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊าย แตกเลย แตกนะ แตกเดี๋ยวนี้”
“อ่ะ อ่ะ อ๊า... แตกจนได้ ยายตัวแสบเอ้ย จะขมิบให้หักคารูเลยหรือไง” พอเสร็จแล้วยังอุตส่าห์เงยหน้าขึ้นมาต่อว่ากันอีก เจ้าประคู้นขอให้ขาสั่นไปไหนไม่ได้เลยคอยดูเหอะ
ขี้เกียจฟัง จับจูบเลยละกัน!
#เนื้อหามันจะสลับกันไปมา สังเกตให้ดีนะคนอ่านนนน
https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTQ5MDY4MiI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6IjYxMjg0Ijt9
ในวันนี้...ผัวไม่อยู่หนูร่าเริง
เขาให้เธอได้ทุกอย่าง
เขาให้บัตรเดบิตซึ่งเป็นบัญชีที่เขาเปิดให้เธอเป็นการส่วนตัว แต่เธองกเงินเกินกว่าจะใช้มัน เขาบอกว่าเขาโอนเงินให้เธอทุกเดือน เป็นอัตราเงินเดือนตามหน้าที่ตำแหน่งเลขา สาวใช้ และผู้หญิงของเขาควรจะได้รับ ยัง...ยังมีบัตรเครดิตแบบไม่จำกัดวงเงินซึ่งเขาผูกไว้กับบัญชีส่วนตัวของเขาเอง แรกๆ เขาเคยพูดให้คิดว่าเขาทำไว้ลองใจหญิง แต่เอาเข้าจริงก็ไม่เห็นเขาจะพูดถึงมันต่อให้เธอจะใช้หรือไม่ใช้ก็ตาม เพราะผู้ชายคนนี้น่ะปากร้าย เขาชอบเอาสัญญาของเธอในวันนั้นมาพูดใส่หน้าเธอราวต้องการเยาะหยันความหุนหันพลันแล่นในวันวานเสียมากกว่าจะคิดจริงจัง
หึ... คุณไม่อยู่ หนูออกตัวล่ะค่ะ
เธอก็แค่ออกตัว กระดิ่งไม่เคยทำอะไรที่ผิดต่อเขา เธอไม่แรดนะขอบอก เรื่องอะไรจะไปทำอะไรๆ ให้ผิดใจเขา ในเมื่อเขาดีกับเธอจะตาย แม้ยังไม่รู้จักความรักระหว่างชายหญิง แต่เธอมั่นใจว่าเขาดีที่สุด
คุณอนึ่ง ปรนิมต์ แค่นึกถึงชื่อ...ขนก็ลุกตั้งชันเลย
หญิงสาวขนซื้อของบำรุง วันนี้ช่วงเช้าเธอจะแวะเข้าโรงพยาบาล ไปเยี่ยมน้องชาย เฮ้อ...กระดิ่งถอนใจ ภาระเดียวที่ทำให้เธอไปไหนไม่รอด ทำอะไรไม่ได้ก็คือกระดุม ทั้งแม่และพี่สาวต่างบอกว่าเดี๋ยวจะกลับมา แต่...ก็เท่านั้น ชีวิตของกระดุมมีเธอเป็นผู้รับผิดชอบ
“อุ้ย! ขอโทษค่ะ” หญิงสาวก้มลงเก็บของ วิสัยเดียวที่ติดตัวอยู่แล้วพารอดเสมอคือ ผิดไม่ผิดนางไม่รู้ แต่ตูขอโทษไว้ก่อน
“เดินระวังๆ หน่อยสิ” กระดิ่งมองเห็นรองเท้าส้นสูงกับปลายเล็บเจียนมนลงสีพาสเทล แล้วก็...เรียวขา โฮ...ผู้หญิงอะไรขาสวยจัง
“ขอโทษค่ะ” กระดิ่งยังเก็บของไม่หมด วันนี้ของใช้ในห้องของกระดุมขาดหลายอย่าง เธอต้องซื้อไปเตรียมไว้ เพราะหากอนึ่งกลับมา เขาคงเรียกร้องให้เธอปฏิบัติงานแบบไม่เห็นเดือนเห็นตะวันแน่
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” มีมือขาวๆ ของผู้ชายคนหนึ่งก้มลงมาช่วยเก็บของ เธอได้ยินเสียง เฮอะ! จากสตรีที่ขาสวยมาก
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณมาก”
กระดิ่งไม่ทันได้เห็นหน้าคู่กรณี ผู้หญิงขาสวยก็ลากผู้ชายมือขาวไปเสียแล้ว กระดิ่งกระชับของในมือไว้มั่น กระเป๋าผ้าใบใหญ่ มีสัมภาระเยอะแยะมากมาย รองเท้าผ้าใบคู่เก่งก้าวเดินได้มั่นคงกว่ารองเท้าคู่สวยในตู้โชว์
เธอมันก็เด็กกะโปโลดีๆ นี่เอง จะเป็นสาวขึ้นมาหน่อยก็แค่เวลาที่อยู่กับเขาเท่านั้น
หญิงสาวเดินสวนเข้าไปในร้านที่คนทั้งสองพึ่งจากมา ด้วยสภาพคงไม่มีใครคิดว่าเธอจะเข้าร้านแบบนี้ แต่จะทำอย่างไรได้ บัตรเครดิตที่เขาทำให้... มันจำเป็นต้องสะสมวงเงินนี่ ไม่งั้นจะเสียเงินทำฟรีๆ
กระดิ่งสั่งอาหารญี่ปุ่นง่ายๆ จัดเป็นสองชุด เธอตั้งใจเอาไปกินกับกระดุมที่โรงพยาบาล ตอนบ่ายซื้อหนังเข้าไปดูด้วยกัน ตั้งแต่กระดุมมีเรื่องทั้งเธอและน้องชายประหนึ่งถูกตัดขาดจากสังคม ไม่มีเพื่อนและไม่มีญาติ เธอมีกันแค่สองคนพี่น้องและกระดิ่งไม่เคยปิดบังอะไรกระดุม
แรกๆ ที่รู้เรื่อง กระดุมโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่จะทำอย่างไรได้ ทุกอย่างในโลกนี้ต้องซื้อหามา เธอไม่มีกำลังหา ก็ต้องเกาะคนอื่นไปอย่างนี้เรื่อยๆ คงได้แต่ปลอบใจกันไป ถ้ากระดุมหายเมื่อไหร่ เรื่องที่ถูกตามเคลียร์เรียบร้อย เราสองคนจะย้ายไปอยู่ที่ไกลๆ ออกไปให้ห่างไกลจากสังคมเดิมๆ
ที่ไกลๆ ใช้เงินที่เขาให้ไว้เป็นค่าตัวเปิดร้านสำหรับค้าขายเล็กๆ กระดุมมีหัวทางศิลปะ กระดิ่งมีหัวทางค้าขาย เปิดหน้าร้านบ้าง ขายออนไลน์บ้าง สองพี่น้องคงไม่ตายหรอก แต่...นั่นต้องรอให้เขาอนุญาตก่อน
เธอตั้งปณิธาน ชีวิตนี้จะไม่ทรยศเขา จะนับเขาไว้สูงสุดเหนือหัว ต่อให้วันหน้าเขาหรือเธอจะมีใครใหม่ แต่เขาคือคนแรกและคนที่เป็นที่สุดของเธอเสมอ
กระดิ่งชักคิดถึงคุณอนึ่งแฮะ ตอนนี้ทำอะไรอยู่นา...
เธอไม่เคยกวนเขาเวลาทำงาน แต่เธอแอบสังเกตมานานแล้วว่าเขาชอบให้เธอโทรตามถามไถ่ คิดๆ แล้วก็แปลกอยู่เหมือนกัน เธอเป็นแค่ผู้หญิงลับๆ สถานะไม่เปิดเผย เลขาเขารู้ว่าเธอเป็นแม่บ้าน ส่วนที่บ้านไม่มีใครรับรู้ถึงตัวตน แต่เขาก็ยังชอบให้เธอวุ่นวายกับชีวิตเขา
บางที...เขาอาจเป็นผู้ชายที่เคยชินกับการได้รับความห่วงใยจากคนรอบข้าง
กระดิ่งนั่งพักในร้านอาหาร คนยังไม่มากหญิงสาวจึงวางของแล้วโทรหาเขา สัญญาณตัดไปสองครั้งถึงได้มีเสียงคนรับ
“คุณเป็นยังไงบ้างคะ” เธอถามเขาเสียงอ่อนเบา ยามปกติที่อารมณ์ร้อนแรงไม่ได้แทรกกลาง เขาชอบให้เธอพูดกับเขาแบบนี้
-เธอรู้หรือเปล่าที่เยอรมันมันกี่โมง- เขาถามเหมือนประชดประชันนะ แต่อารมณ์ยังดีอยู่แน่ๆ เพราะเธอไม่รู้สึกถึงความกระแทกกระทั้นในน้ำเสียง
กระนั้นกระดิ่งยังอุตส่าห์ทำหน้ามุ่ย “ไม่ทราบสิคะ หนูไม่ได้ดู แค่คิดถึงคุณหนูเลยโทรหา ถ้าคุณยุ่งอยู่หนูวางก็ได้ค่ะ”
เขาหัวเราะ –อะไร มาทำเป็นงอน ที่นี่ตอนนี้ก็ตีห้าเห็นจะได้-
“ตายล่ะ หนูรบกวนเวลานอนคุณหรือเปล่า” ครั้งนี้กระดิ่งตกใจจริงๆ เธอน่าจะเช็กเวลาก่อนโทรหาเขานะ
เขาคงอารมณ์ดีที่เธอแสดงความโง่ออกไปในเชิงประจักษ์ บางทีก็โกรธเขาอยู่หรอกที่ชอบทำให้เธอดูเขลาได้ตลอด แต่เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เดี๋ยวเขาก็จะสอนให้เธอเข้าใจ
-ฉันยังไม่ได้นอนหรอก เตรียมประชุมเช้าอยู่ ว่าแต่เธอเถอะทำอะไรฮึ-
“คุณไม่อยู่ หนูก็เที่ยวสิคะ” เสียงหัวเราะของเธอคงกวนอารมณ์เขานิดๆ เพราะเธอไดยินเสียงเขาสบถอยู่สองสามคำ
อันที่จริงเขาเป็นนักสบถตัวยง แต่ละคำหยาบๆ ทั้งนั้น เธอฟังไม่ค่อยทันและจำไม่ค่อยได้ เขาไม่ชอบให้เธอจำหรอก แต่บางทีเขาก็ชอบเผลอเพราะอยู่กับเธอเขามักทำตัวตามสบาย อยากทำอะไรก็ทำ เขาว่าเขาไม่ใช่คนดีและยิ่งไม่ใช่ผู้ดี ตัวเขามันไพร่มากๆ
ฟังแบบนี้ทีไรเธอหลุดขำทุกที เธอรู้ว่าเขารวยมาก แต่มากแค่ไหนก็ไม่รู้ เธอไม่ติดตามข่าวสังคม กระดิ่งไม่อยากคิดหาเหตุผลว่าทำไมตนเองไม่ชอบ แต่มันมีครั้งหนึ่งที่เขาเคยถาม และเธอก็ต้องยอมรับว่าที่ไม่อยากดูข่าวสังคม ก็เพราะกลัว กลัวจะเห็นภาพข่าวของเขาแล้วเผลอคิดอะไรที่ไม่สมควร
กลัวจะชอบความรวยของเขา
กลัวจะเจอเขาถ่ายรูปคู่กับใคร
กลัวจะรับไม่ได้ที่รู้ว่าสถานะเธอมันก็เท่านี้
แรกๆ ที่คิดอะไรแบบนี้ใจมันร้อนรุ่มแล้วเจ็บแปลบๆ แต่นานเข้าก็ชักชิน คนอย่างอนึ่งไม่ยอมหยุดที่ใครง่ายๆ หรอก ความกลัวของเขาก็มีเหมือนกัน แต่เธอแค่ไม่รู้ว่าเขากลัวอะไร
-เธอเที่ยวคนเดียวหรือเปล่า-
โรคขี้หวงกำเริบอีกแล้ว กระดิ่งรู้ แต่ก็ชอบแกล้งเขา หลายครั้งมันรู้สึกดีที่เขาแสดงอาการหึงหวงของออกมา เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เธอรู้ว่าเขายังอยากเก็บเธอไว้นานๆ
“เปล่าค่ะ เมื่อครู่เจอคนหนึ่ง มือซ่วยสวย ใจดีมากด้วย ช่วยถือของอีกต่างหาก”
-เธอ! ไหนสัญญาว่าจะมีแค่ฉันคนเดียวไง- เขาตะโกนมาตามสายเลยล่ะ
กระดิ่งกลั้นยิ้มแล้วจีบปากจีบคำตอบเขากลับไป “อันตัวหนูก็มีคุณคนเดียวอยู่แล้วค้า แต่ตาหนูก็ขอมองๆ คนอื่นบ้างสิคะ”
-เธอมองใคร ไอ้หน้าไหนที่เธอมองฮะ- เสียงเขาดังยิ่งกว่าเดิม เวลาอย่างนี้ทำอย่างกับวัยรุ่นใจร้อน เขาน่าจะอายุสามสิบกว่าๆ แล้ว แต่กลับหลงให้เธอยั่วได้ซะเรื่อย –นี่เธอหลอกฉันใช่ไหม-
ไม่สนุกเลย เขารู้ซะแล้ว หญิงสาวหัวเราะเสียงใสผ่านไปตามสาย ได้ยินเสียงเขาฮึ่มฮั่มกลับมา พร้อมสบถอีกยืดยาว
“หนูไม่กวนคุณแล้ว ดูแลตัวเองด้วยนะคะ หนูเป็นห่วง”
-เธอกำลังจะไปไหน- เสียงเขาถามเป็นงานเป็นการเชียว คงกำลังเขินละมั้ง เธอมโนว่าเป็นแบบนั้นเสมอล่ะ
“หนูจะไปหาน้องค่ะ” อาหารที่สั่งได้แล้ว หญิงสาวหนีบโทรศัพท์ไว้กับไหล่ แล้วล้วงบัตรออกมาส่งให้พนักงาน
-น้องเธอเป็นไงบ้าง- ความดีของเขาเลยล่ะ เขาไม่เคยลืมทุกข์สุขของเธอกับน้องเลย ค่าใช้จ่ายและธุระเรื่องโรงพยาบาลมีเขาเป็นคนจัดการให้ ลำพังเด็กสองคนอย่างกระดิ่งและกระดุมทำอะไรไม่ถูกเลยสักอย่างเดียว
“ดีขึ้นค่ะ ทำกายภาพบำบัดไปเรื่อยๆ” หญิงสาวนึกถึงท่าทีแสนเบื่อหน่ายของน้องแล้วอดหัวเราะไม่ได้
-เธอถามเขาเรื่องเรียนด้วยนะ-
“เรียนหรือคะ ?” กระดิ่งลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท การป่วยของกระดุมยืดเยื้อมานานจนเธอลืมอนาคตที่เคยวาดฝันไว้
-ถามน้องดู ถ้าจะเรียนต่อ ฉันจะให้คนไปสอนที่โรงพยาบาล จะได้ไม่เบื่อ- เขาพูดแล้วก็หยุดไปราวกับให้เธอคิดตาม –ไว้กลับไปฉันค่อยคุยด้วย เธอไปเที่ยวต่อเถอะ-
หญิงสาวค้อนโทรศัพท์ กำลังซาบซึ้งอยู่ดีๆ เขาก็ล้อเธออีกแล้ว “หนูไม่ได้เที่ยวจริงๆ ซะหน่อย คุณไม่อยู่ น้องก็ป่วย หนูจะไปไหนกับใครได้”
เขาหัวเราะ แล้วทำเสียงเข้มราวขู่ขวัญ –ให้มันจริงเถอะ อย่าให้ฉันเห็นนะว่าเธอยุ่งกับใคร หรือใครยุ่งกับเธอ ฉันไม่เอาไว้แน่-
“ว้าขู่กันจัง หนูพูดคำไหนคำนั้นนะ บอกว่าจะมีแค่คุณ หนูก็มีแค่คุณ ตอนนี้หนูชอบคุณ หนูก็บอกว่าชอบคุณโอเคไหมคะคุณอนึ่งเจ้าขา”
-ทำเป็นพูดเล่นไป-
เขาพูดแค่นั้นแล้วก็ชิงวางสายไปซะก่อน โลกของเขากับเธอลอยห่างกันไปอีกครั้ง ปรนิมต์กับเทียงดีแค่นี้ก็รู้แล้วว่าคลาสไหนเป็นคลาสไหน
โลกมันก็ต้องหมุนกันไป
โรงพยาบาลเอกชนเล็กๆ อยู่ชานเมืองเหมาะกับการพักฟื้นและหลบภัย กระดิ่งเดินหอบข้าวของไปที่ตึกผู้ป่วยใน ชั้นบนเป็นตึกพิเศษ เมื่อก่อนครอบครัวเธอไม่เคยเข้ามาในส่วนนี้หรอก อย่างมากก็ตึกผู้ป่วยรวมในโรงพยาบาลรัฐที่ผู้คนคับคั่ง
ภายในห้องพักจัดได้น่าอยู่ราวบ้านหลังหนึ่ง กระดิ่งไม่อยากให้เขาเสียเงินกับความสะดวกสบายที่ไม่ค่อยจำเป็น เธอจึงขอร้องให้เขาทำอะไรแค่พอดีตัวน้องชายของเธอก็พอ
“มาแล้วจ้า อาหารแสนอร่อยกับพี่สาวสุดสวย”
กระดุมวางหนังสือในมือลง กระดิ่งเห็นในมือน้องคือนิตยสารเกี่ยวกับเทคโนโลยี แน่ล่ะน้องชายมีหัวทางคอมพิวเตอร์อยู่ไม่ใช่น้อย กระดุมไม่อยากทิ้งการเรียน แต่เรื่องที่พลาดไปแล้วยากจะแก้ไข
“ทำไมพึ่งมาล่ะ” นายกระดุมเป็นคนพูดไม่เพราะ กระดิ่งสอนอะไรไม่ได้ เมื่อก่อนน้องไม่เคยเป็นแบบนี้ นับแต่แม่ไปทำงาน กระดุมไม่เคยพูดจะคะขากับกระดิ่งอีก “เขาไม่ให้มาเหรอ”
วันไหนที่พี่ไม่มาเยี่ยม นายกระดุมจะรู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร สถานะของพี่สาว มองดีๆ มันก็คุณโสนี่ล่ะ แต่มองให้ลึกก็ต้องนับว่าเด็กเสี่ย
“หาเรื่องหรือเปล่านายน่ะ คุณหนึ่งเขาไม่อยู่หรอก ไปเยอรมันตั้งแต่เมื่อคืน”
“ดี...งั้นคืนนี้พี่ก็อยู่เป็นเพื่อนผมได้ดิ” ตั้งแต่ป่วย นายกระดุมก็ยึดพี่สาวไว้กับตัว พอยิ่งมารู้ว่าพี่มีใครอีกคน เจ้านี่เลยทำตัวประหนึ่งอยากแย่งเธอมาจากอนึ่ง
กระดิ่งเอียงหน้าคิด ขณะมือสาระวนกับการจัดของ “ก็น่าจะได้นะ” หญิงสาวเหล่มองน้องชายแวบหนึ่ง กระดุมยิ้มมุมปาก แสดงว่าได้ของถูกใจแล้ว
อาหารถูกนำมาวางตรงหน้าน้องชาย ลำตัวช่วงล่างของกระดุมยังต้องทำกายภาพบำบัด กล้ามเนื้อของเขาหายไปมาก แต่ยังนับว่าดีที่สมองไม่ได้มีปัญหามากมาย เธอนั่งกินอาหารญี่ปุ่นกับน้อง พร้อมด้วยหนังเรื่องใหม่ที่พึ่งไปหาซื้อมา
ช่วงหนึ่งที่หนังไม่ค่อยมีอะไร หญิงสาวตัดสินใจถามในสิ่งที่รับปากอนึ่งมา “ดุม ยังอยากเรียนอยู่ไหม”
น้องชายเงียบ เสียงวางตะเกียบไม่เบาเลย ต้องนับว่าดีที่เจ้าตัวไม่ได้ขว้างให้ต้องตามเก็บ
“ผมเป็นแบบนี้แล้ว ยังจะเรียนได้อีกหรือไง” ประชดชีวิตชัดๆ
“ได้สิ คุณหนึ่งเขารับปากแล้วว่าได้”
นายกระดุมชักสีหน้าทันทีพอได้ยินชื่อเจ้าของความคิด “ดุมไม่อยากได้อะไรจากเขา พี่ไม่ต้องไปเอามาแล้วนะ ผมไม่อยากให้พี่เปลืองตัว”
อ้าว... ทุกวันนี้ก็หมดไปแล้วทั้งตัวนะ คงไม่สึกหรอไปมากกว่าเดิมหรอกมั้ง “นายไม่ต้องมาอะไรกับพี่เลย คิดถึงอนาคตตัวเองก็พอ นายเป็นผู้ชายอนาคตต้องมีครอบครัว พี่ว่านายคิดเรื่องเรียนบ้างก็ดีนะ”
“พี่เห็นดีเห็นงามกับมันเหรอ ผลักไสไล่ส่งผมแบบนี้ พี่จะทิ้งผมไปอยู่กับมันใช่ไหม”
เออ...ดราม่าเว้ยเฮ้ย “ไม่ใช่อย่างง้าน...” กระดิ่งถอนใจ บางทีนายกระดุมก็เข้าใจอะไรอยากเกิ๊น “พี่คงไม่อยู่กับเขาไปทั้งชีวิตหรอก ยังไงเขาก็ต้องแต่งงาน พี่เป็นผู้หญิงของเขาได้แค่ช่วงที่เขายังเป็นโสดนี่ล่ะ พี่รับปากนายแล้ว จะไม่เป็นเมียน้อยใครก็ต้องไม่เป็น แต่นาย... นายบอกจะดูแลพี่ แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนมาดูแล”
เอาสิดราม่ามาก็ดราม่ากลับล่ะงานนี้
“ที่เราคุยกันไว้ไง เราจะไปซื้อที่สักแปลง พี่ขายผมเป็นคนทำ” นายกระดุมน้ำตาเริ่มคลอหน่วย เจ้าคนนี้ขาดพ่อขาดแม่แต่เล็ก มีเธออยู่คนเดียวจึงยึดพี่ราวกับแม่ แต่พี่ก็คือพี่ แม่ก็คือแม่ สักวันผู้ชายก็ต้องอยากมีเมียไม่ใช่หรือ
“แต่พี่ไม่เชื่อหรอกว่านายจะอยู่กับพี่ไปจนตาย สักวันนายต้องเจอคนที่ถูกใจ แล้วพี่ก็จะเป็นยายแก่ที่ดุมไม่ต้องการ”
“ไม่ ผมไม่ทิ้งพี่หรอก” นายกระดุมแทบจะดึงร่างเล็กๆ เตี้ยๆ ของพี่เข้าไปกอด เขากลัวที่สุดก็ตอนถูกทิ้งนี่ล่ะ แล้วเขาจะไปทิ้งพี่สาวได้ยังไง โหดร้ายเกินไปแล้ว
“ถ้าพี่อยากให้ผมเรียน ผมก็จะเรียนนะพี่ดิ่ง ผมจะรีบหาย จะทำงานหาเงินเยอะๆ จะไม่ใจร้อน จะไม่ให้ใครมากดขี่พี่อีก” ในหัวนายกระดุมเขาคิดว่าพี่สาวโดนตาแก่ตัณหากลับหลอกกินฟรีอยู่ตลอดเวลา
จะบอกว่าตัวเธอที่ขายไปฟรีได้ยังไง แม้ไม่มีบ้านหลังใหญ่ ไม่มีรถให้ขับ แต่เขาไม่เคยปล่อยเธอให้ลำบากนะ เขาตามหานายกระดุม รักษาและให้ที่หลบภัย แถมยังใจดีให้เงินเธออีกก้อนกับเงินเดือนทุกเดือนที่นอนนิ่งในบัญชีอีก ไม่รวมบัตรเครดิตทีเธอจำใจรูดไม่ยั้ง
แบบนี้จะเรียกว่าเขาหลอกกินฟรีคงไม่ได้ ต้องนับว่าเขาขาดทุนเสียมากกว่า
คนอย่างอนึ่ง ปรนิมต์ เขาหาซื้อผู้หญิงสวยเริ่ดเชิดเก่งจากที่ไหนก็ได้ แต่บางทีโปรไฟล์ระดับเขาไม่ซื้อก็มีให้แดกเลยเหอะ คงไม่ต้องมาจมปลักกับผู้หญิงบ้านๆ อย่างเธอหรอก หากไม่ใจกล้าหน้าด้านพอ
“ตกลงนายเรียนนะ คืนนี้ฉลองกัน เดี๋ยวดูแฮรี่ พอตเตอร์ยันสว่างเลยดีไหม” นายกระดุมทำหน้าเมื่อย แต่ก็ไม่ปฏิเสธ หากเรารู้จุดอ่อนของใครแล้วใช้ให้ถูกวิธี หนทางสำเร็จย่อมลอยมา
ขอบคุณคุณอนึ่ง ปรนิมต์
มันดึกมากแล้ว
เวลาแบบนี้ไม่ควรมีใครเข้าออกในห้องพัก ยกเว้นพยาบาล ซึ่งเธอเหล่านั้นจะเดินตรวจนั่นนี่นู่นทุกๆ สี่ถึงหกชั่วโมง ทว่าพยาบาลไม่น่าจะเสียงแมนขนาดนี้ แล้วกำลังทะเลาะกับน้องชายเธออยู่ด้วย
“คุณเป็นใคร เข้ามาทำไม” นั่นเสียงกระดุม
“ฉันมาตามพี่สาวเธอ” นี่เสียงผู้ชาย
“ตามไปไหน ไอ้ลูกนายพลส่งแกมาหรือเปล่า” นายกระดุมยังฝังใจเรื่องนี้อยู่อีกหรือ
“ไม่ใช่ นายน่ะนอนไปเหอะ ฉันแค่มารับคนของฉัน” โอ้โฮ...โอหังจังผู้ชายคนนี้
“เฮ้ย แกจะเอาพี่ฉันไปไหน” เสียงน้องชายเธอดิ้นขลุกขลัก ตามด้วยเสียงพยาบาลที่หน้าประตู
“เดี้ยงขนาดนี้อย่ามาทำซ่า เอาตัวให้รอดก่อนแล้วค่อยมาทำกร่างจะปกป้องพี่ คนนี้น่ะของฉัน” ร่างเธอถูกเหวี่ยงให้ลอยสูง เขาอุ้มเธอออกจากห้องนั้นแล้วพาลิ่วๆ ลงมาสู่เบื้องล่าง
“นี่ถ้าตื่นแล้วก็กรุณาลืมตาด้วย”
กระดิ่งเปิดตาขึ้นข้างเดียว หญิงสาวยิ้มแหยๆ ก่อนจะยกมือขึ้นกอดคอเขาไว้แน่น แล้วจูบคางเขาแรงๆ หนึ่งที “คุณกลับมาวันนี้หรือ ทำไมหนูไม่รู้เลยล่ะ”
“ลืมบอก” ...หรือเขากะจะเซอร์ไพรส์นะ...ว้าก็เลยเจอเซอร์ไพรส์กลับ
“คุณเลยต้องลำบากมาตาม” กระดิ่งทำหน้าสำนึกผิด ทั้งที่ในใจไม่ได้รู้สึกไปด้วยเลยสักนิด แต่สำหรับเขาหากเธอขัดใจ เธอย่อมเป็นคนผิดเสมอ ฉันใดก็ฉันเพลล่ะนะ
“ทำไมเธอต้องมานอนกับมัน” เขาเตรียมหาเรื่องแล้วล่ะ
“ก็น้องมันขอนี่คะ อีกอย่างคุณก็ไม่อยู่ด้วย” นิ้วเรียวยกขึ้นจิ้มอกเขาไปสองสามที
เขาจับเธอยัดเขาไปในรถหรู ไม่รอให้รัดเข็มขัดเสร็จก็ขับตะบึงออกจากโรงพยาบาลทันที หญิงสาวนั่งตัวลีบอยู่ในรถ กลับจากเดินทางเขาชอบให้เธอพะเน้าพะนอ แต่เธอกลับหายหัว เขาก็เลยอารมณ์เสีย แปลกเหมือนกัน นายกระดุมก็มาขอเอาวันนี้
เฮ้อ...เหนื่อยใจ
“คุณโกรธหนูมากหรือคะ”
ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่เร่งเครื่องเร็วขึ้น กระดิ่งจึงสรุปรวมผสมมโนว่าเขาคงโกรธเธอมากๆ เลย เขาโกรธอะไรง่ายๆ แบบนี้เสมอ ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับเธอ ยิ่งหาเรื่องโกรธได้เรื่อยๆ
“คุณโกรธหนูมากแน่ๆ เลย”
เขาตัดสินใจหักรถเข้าข้างทาง แล้วหันไปมองยายผู้หญิงตัวเล็กให้เต็มตา
“ไม่ได้โกรธโว้ย แต่อยาก อยากมาก กลับมากะจะจัดให้อ่วม ที่ไหนได้ไม่อยู่ห้อง เอามันบนรถเลยดีไหมฮะ”
เหวอแดกค่ะ... อนึ่งไม่ได้โกรธกระดิ่ง แต่เขาแค่... “เอาเลยไหมคะ ความจริงตรงนี้ก็ไม่มีใคร”
ดึกขนาดนี้ ถนนแถวชานเมืองจะมีอะไรล่ะ ตรงที่จอดอยู่นี่ก็พื้นที่รกร้าง เอาเสียให้เสร็จๆ ไป กลับถึงห้องจะได้อารมณ์ดี
“งั้นเธอปลุกมันเองเลย เมื่อกี้มัวแต่โมโหแฟ่บหมดแล้ว” เวลาอยู่กับเธอ เขาชอบทำหยาบๆ คายๆ เสียจริง
“งั้นปรับเบาะหน่อยสิคะ ถอดเข็มขัดออกด้วย เออห้ามเปิดไฟนะคะ หนูอายเขา”
เขากลั้นหัวเราะแน่ๆ เพราะอกกระเพื่อมตอนที่เธอไล้มือผ่าน
“ถ้าอายแล้วจะชวนทำไม”
“ก็นึกว่าคุณอยากเปลี่ยนบรรยากาศ” มือเรียวปลดเข็มขัดเขาด้วยความชำนาญ กางเกงเขามีกี่ตัวเข็มขัดกี่รุ่นเธอเคยถอดมาหมดแล้ว นี่มันมืดก็ลูบๆ คลำๆ เอานิดหน่อยได้อารมณ์ดี
เธอล้วงของลับของเขาออกมาสูดอากาศ ปากเขาก็บอกว่ามันแฟ่บ แต่นี่มันก็ขนาดปกติตอนมันตื่นตัวมิใช่หรือ ดูสิในความมืดขนาดนี้ เขายังทำหน้ากวนทีนเธอได้อีกแน่ะ
กระดิ่งสาวมันขึ้นๆ ลงๆ ใช้ปลายนิ้วกดตรงส่วยปลายแล้วลูบวนนิดหน่อย ของเหลวของเขาก็ไหลออกมาให้พอเปื้อนมือ เธอยิ้มนิดๆ ยามได้ยินเสียงเขาครางฮือ และเธอรู้ด้วยว่าตอนนี้เขากำลังเม้มปากไว้แน่น ตาคนนี้ฟอร์มจัดเสมอถ้าเธอเป็นคนเริ่มก่อน
ริมฝีปากนุ่มจูบซับตรงส่วนหัวเบาๆ มันได้อารมณ์ดีเชียวล่ะ เพราะเขาผงกหัวรับกันเลยทีเดียว ปลายลิ้นเล็กๆ แลบเลียหญิงสาวไม่ชอบกลิ่นเขาตอนที่ยังไม่อาบน้ำเท่าไหร่ แต่นาทีนี้ชักเมาอารมณ์ เลยแอบพ่นลมใส่เจ้าหัวนี่ซะเลย
เมื่อตัดสินใจครอบมันแล้วปล่อยเข้าไปจนเต็มปาก เขาก็ร้องอู้ขึ้นมาทันที มือเล็กข้างหนึ่งก็สาวขึ้นสาวลง ส่วนอีกข้างเธอควักเจ้าลูกชายสองลูกของเขาขึ้นมาขยำเล่น แกล้งซะให้เข็ดเวลาทำเธอนะชอบบีบนมเธอจนเนื้อแทบหลุด
“อา เบาหน่อย เดี๋ยวแตกหมด” แตกก็ดีสิ เขาน่ะอึดอย่างกับอะไรดี นี่ถ้าไม่รีดออกมาจ่อส่วนปลายเสียก่อน เขาไม่มีวันเสร็จง่ายๆ แค่ในรถนี่หรอก
มือใหญ่คว้าเส้นผมของเธอแล้วปัดออกให้พ้นหน้า แต่พอแสงรำไรจากตัวเครื่องส่องมา เขาก็ชักทนไม่ไหว เพราะยายหนูกระดิ่งของเขาเซ็กซี่อย่าบอกใครเวลาทำรักด้วยปาก
เขาขยุ้มผมเธอไว้เต็มกำ จัดการเร่งจังหวะให้ดวงหน้าและช่องปากของเธอพอดีกับการกระแทกสวนของเขา เสียงเจ้าหัวแข็งของเขาชนช่องคอของเธอดังกึกๆ เขายิ่งคึกไปหลายส่วน
“เวรเอ้ย ฉันไม่แตกในปากเธอแน่” เขาดึงหน้าเธอออก แต่ยายดิ่งกลับไม่ยอม ท่าทางจะเมาหนัก คนมันเมารักก็อย่างนี้ ชายหนุ่มถอนสะโพกออกเองแล้วดึงเธอขึ้นมาจูบ มือไม้ป้วนเปี้ยนอยู่กับกางเกงของเธอ
“บอกว่าอย่าใส่กางเกงมันถอดยาก ทำไมไม่ฟังกันนะ รัดๆ ยาวๆ แบบนี้ยิ่งไม่ชอบ เดี๋ยวจะเก็บลงมาทิ้งให้หมดเลย”
“ขี้บ่นจังตาแก่” หญิงสาวปัดมือเขาที่ดึงทึ้งกางเกงเธอออก กระดิ่งเลิกนัวเนียกับเขาแล้วถอดกางเกงออกเสียเอง เธอสะบัดมันออกได้แค่ขาเดียว เขาก็ดึงเธอให้ลุกมานั่งคร่อมที่ฝั่งเขา
“ว้าย! อื้อ...โอย...เบาค่ะ” เขาจัดการสวมครอบแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่ให้สัญญาณกันก่อนเลย เธอก็รู้หรอกว่าเขาชอบ ชอบทะลวงเธอให้สุดในครั้งแรก
“เหี้ยเอ๊ย แน่นฉิบ” นี่ล่ะเขาเลย หยาบคายดิบเถื่อนนักเวลาทำรักแบบนี้ ความสดซิงของเธอเป็นที่ถูกใจเขานัก แต่บางครั้งเขาก็มักจะทำเป็นลืมไปว่าช่องทางของเธอ มันยังใหม่เกินกว่าจะทะลวงแบบไม่ยั้งคิด ถึงมันจะเสียวแต่มันก็เจ็บจุกเอาเรื่องหลังเสร็จกิจ
“อยู่นิ่งๆ ก่อนนะคะ น่ะ หนูแสบ” เป็นแบบนี้ทุกที ยามเขาเข้ามาทักแรกๆ มันไม่ได้เจ็บเฉยๆ นะ มันแสบปนเสียวด้วย
เขาทำเป็นนิ่งได้แค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้นแหละ มือใหญ่จับสะโพกเธอขยับขึ้นลง เขาชอบกดแล้วบดเบียดเนื้อนุ่มของเธอเข้าไปใกล้ๆ เนื้อของเขา มันก็ดีตลอดแหละถ้าไม่มีซิบกับกางเกงของเขาเข้ามากั้น
“โอยเจ็บค่ะ”
“เจ็บอย่างเดียวหรือ” เขาถามเธอแล้วก็เร่งเด้งเอวสวนขึ้นมาหาเธอ ขณะมือก็กดเนื้อสาวให้แนบชิดในจังหวะที่เท่ากัน
“อ๊ะ อ๊ะ สะ เสียวค่ะ โอยลึกด้วย เจ็บด้วย” เขาน่ะเวลาร่วมรักเป็นคนหยาบ แต่เธอเวลาอะไรๆ กับเขาชอบหลับตาแล้วพูดอะไรไม่รู้ บางทีก็รำคาญตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่มันหยุดไม่ได้นี่
เขาก้มมองจุดเชื่อมต่อ เห็นลูกชายตัวเองวิ่งเข้าวิ่งออกยิ่งได้อารมณ์ แล้วแม่กระดิ่งน้อยก็ขยายกว้างปลิ้นเข้าปลิ้นออกเป็นสีแดงน่าเลีย เอ่อ เอาน่ารอบหน้าค่อยเลีย ชายหนุ่มดูดเม้มซอกคอเธอไปหลายที ยายคนนี้กลิ่นหอมยั่วยวนตลอดเลย เป็นผู้หญิงที่กลิ่นหอมเหมือนเด็กทาแป้งตลอด
เขาล่ะชอบจริงๆ กินเด็กมันกระชุ่มกระชวยราวอมตะชนแบบนี้นี่เอง
“คุณเบาๆ หน่อยนะคะ พรุ่งนี้ อ๊ะ นี้ต้องไปตรวจ”
“ตรวจอะไร”
“คุมไงคะ ทำเป็นลืมทุกทีเลย อยากเลี้ยงลูกนักหรือไง” หญิงสาวได้ทีประชดเขากลับ มือเรียวกำหมัดแน่น อยากฟาดอีตาคนนี้สักป๊าบจัง เธอบอกให้เบา ยิ่งเอาถี่ๆ ลึกๆ
“โอย...อย่าขมิบสิโว้ย เดี๋ยวผัวก็แตกหรอกเมียจ๋า” เอาอีกแล้วอารมณ์มาทีไร ยกตรูเป็นเมียทุกที
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊าย แตกเลย แตกนะ แตกเดี๋ยวนี้”
“อ่ะ อ่ะ อ๊า... แตกจนได้ ยายตัวแสบเอ้ย จะขมิบให้หักคารูเลยหรือไง” พอเสร็จแล้วยังอุตส่าห์เงยหน้าขึ้นมาต่อว่ากันอีก เจ้าประคู้นขอให้ขาสั่นไปไหนไม่ได้เลยคอยดูเหอะ
ขี้เกียจฟัง จับจูบเลยละกัน!
#เนื้อหามันจะสลับกันไปมา สังเกตให้ดีนะคนอ่านนนน
https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTQ5MDY4MiI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6IjYxMjg0Ijt9
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ