พ่ายรักพรางหัวใจ
8.8
เขียนโดย Phaky
วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 17.45 น.
33 ตอน
4 วิจารณ์
33.37K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2560 14.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) ปัญหารุมเร้า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“กลับบ้านก่อนนะครับ”
“ไปที่ไซต์งานเลย”
แอสตันเอ่ยถามเจ้านายหนุ่มที่นั่งหลับตาพิงศีรษะอยู่กับเบาะหลังอย่างคนที่กำลังเหนื่อยล้าอย่างไม่ค่อยแน่ใจเมื่อลีมูซีนคันหรูของตระกูลกริมเมอร์ที่มารอรับกำลังขับเคลื่อนออกจากท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิส มลรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งอยู่ไม่ห่างจากไซต์ก่อสร้างที่เกิดปัญหามากนักหลังจากที่พวกเขาเพิ่งก้าวลงมาจากเครื่องได้ไม่นาน เพราะจากสภาพอิดโรยของเจ้านายหนุ่มที่ปรากฏแก่สายตาจึงทำให้แอสตันเอ่ยถามออกไปเช่นนั้น ด้วยคิดว่าดาเนียลอาจต้องการกลับไปอาบน้ำอาบท่าให้ร่างกายสดชื่นขึ้นเสียก่อน หรือไม่เจ้านายหนุ่มก็อาจต้องการพักผ่อนเพื่อเติมพลังให้ร่างกายสักสองสามชั่วโมง แต่เสียงทุ้มที่เอ่ยตอบทั้งที่ยังไม่ลืมตากลับห่างไกลกับสิ่งที่แอสตันคาดเดา ซึ่งลูกน้องมือขวาก็ไม่สามารถคัดค้านอะไรได้ทั้งที่ใจเป็นห่วงอยากให้เจ้านายได้พักผ่อนบ้าง แล้วหันไปพยักหน้าให้กับคนขับทำตามความต้องการของดาเนียล
“แอสตัน ช่วยคนงานออกมาจากตึกได้ครบทุกคนใช่ไหม”
ชายหนุ่มที่ยังหลับตาพิงศีรษะไว้กับเบาะหลังเอ่ยถามออกมาอีกครั้งให้แน่ใจ ตั้งแต่ได้รับรายงานเรื่องตึกถล่มคำถามแรกที่เกิดขึ้นคือมีใครได้รับอันตรายหรือติดอยู่ในตัวอาคารบ้างหรือเปล่า ซึ่งเบื้องต้นรายงานที่อดัมลูกน้องคนสนิทอีกคนของดาเนียลที่อยู่ที่ไซต์งานก่อสร้างก็ทำให้ดาเนียลโล่งอกที่ไม่มีใครเสียชีวิตหรือติดค้างอยู่ภายใน แม้ว่าจะมีลูกน้องของเขาบางคนที่ได้รับบาดเจ็บจากการโดนเศษปูนหล่นใส่ร่างกายบ้าง แต่ทุกคนก็ถูกนำตัวส่งถึงมือหมอเรียบร้อยแล้ว
“ไม่มีใครติดอยู่ภายในตึกครับ คุณชายสบายใจได้”
“อืม” พูดแค่นั้นดาเนียลก็ยุติการสนทนา แล้วใช้เวลาช่วงที่กำลังเดินทางขบคิดอะไรบางอย่าง
“บัดซบ!”
เพียงภาพแรกที่ได้เห็นหลังจากก้าวลงมาจากลีมูซีนคันหรูที่มาจอดอยู่บริเวณไซต์งานก่อสร้างคอนโดมิเนียมที่ถล่มลงมาก็ทำเอาดาเนียลถึงกับควันออกหูแล้วสบถออกมาเสียงดังอย่างเกรี้ยวกราด เพราะตัวตึกที่อยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างความสูงที่ชั้นสามนั้นถล่มลงมาจนแทบมองหาเค้าเดิมไม่เจอ ภาพที่ปรากฏแก่สายตาจึงมีเพียงเศษซากปูนซีเมนต์ชิ้นเล็กชิ้นน้อยกับซากปรักหักพังไม่มีชิ้นดีที่กองพะเนินเทินทึกและโครงเสาที่บ้างก็หักท่อน บ้างก็เอียงกระเท่เร่จนดาเนียลไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมตึกถึงถล่มลงมา เพราะขนาดตัวเสาที่เป็นโครงสร้างที่สำคัญที่สุดของการสร้างบ้านทำหน้าที่หลักในการรับน้ำหนักแนวดิ่งของโครงสร้างทั้งหมดแล้วเชื่อมต่อกับโครงสร้างอื่นๆยังมีสภาพพังยับไม่มีชิ้นดีขนาดนี้ แล้วส่วนประกอบอื่นๆที่ต้องอาศัยเสาเป็นตัวเชื่อมต่อจะไปเหลืออะไร
แต่สิ่งที่ดาเนียลข้องใจในตอนนี้ก็คือทำไมเสาพวกนี้จึงรับน้ำหนักโครงสร้างของตึกไม่ไหวในเมื่อมันถูกคำนวณและออกแบบจากวิศวกรมาเป็นอย่างดี
ไม่รอให้สิ่งที่สงสัยติดอยู่แค่ในความคิด สองขาแข็งแรงของดาเนียลจึงก้าวยาวๆเข้าไปยังบริเวณที่มีเชือกสีแดงกั้นไว้ว่าพื้นที่ก่อสร้างตรงนี้เป็นพื้นที่อันตรายและห้ามบุคคลภายนอกเข้ามาวุ่นวาย แม้กระทั่งนักข่าวที่ต้องการเข้ามาเก็บภาพไปทำข่าวและต้องการมาสัมภาษณ์เจ้าของบริษัทอย่างดาเนียลก็ยังถูกเจ้าหน้าที่ของตระกูลกริมเมอร์ห้ามปราม แต่ใครกันจะกล้าขัดขวางไม่ให้ดาเนียล กริมเมอร์ เจ้าพ่อวงการอสังหาริมทรัพย์เนื้อหอมเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว
เมื่อขายาวๆกระโดดข้ามเชือกสีแดงเส้นโตที่กั้นไว้มาได้ ดาเนียลจึงเดินสำรวจรอบๆตัวตึกโดยมีแอสตันเข้ามาร่วมด้วยอีกคนเพื่อคอยระแวดระวังอันตรายและช่วยผู้เป็นนายเก็บข้อมูลหาสาเหตุการถล่มลงมาของตัวตึกครั้งนี้ เพราะแต่ไหนแต่ไรมา กริมเมอร์แอสเสท คอร์ปอเรชั่นภายใต้การบริหารงานของดาเนียล กริมเมอร์ เป็นบริษัทที่สรรค์สร้างอสังหาริมทรัพย์โครงการใหญ่ๆมากมายทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม และอาคารสำนักงานต่างๆที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี เนื่องจากการออกแบบโครงสร้างที่ทันสมัยและมีมาตรฐานการก่อสร้างที่ดีเยี่ยม จึงไม่เคยเลยสักครั้งที่จะมีปัญหาเรื่องการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานเหมือนครั้งนี้ ดาเนียลจึงต้องลงมาสำรวจด้วยตัวเองไม่สามารถทนรอรายงานจากลูกน้องได้
ดาเนียลเดินฝ่าเศษซากปรักหักพังจากรอบนอกเข้ามาใกล้ตัวอาคารเดิมอีกนิดสองตาคมกริบกวาดสายตามองเศษซากที่กระจายเกลื่อนอยู่โดยรอบอย่างจับสังเกต แม้เป็นเพียงซากอิฐชิ้นน้อยชายหนุ่มก็ไม่ปล่อยผ่าน สายตามอง สมองคอยจดจำ และสองมือก็หยิบเศษปูนชิ้นเล็กที่อยู่ตรงปลายเท้าขึ้นมาพิจารณา
“เหมือนว่าปูนยังไม่ค่อยแห้งดีนะครับ”
เสียงแอสตันพูดขึ้นมาเมื่อบอดี้การ์ดควบตำแหน่งมือขวามองเศษปูนซีเมนต์ในมือของดาเนียลที่ชายหนุ่มใช้เวลาพิจารณามาสักครู่แล้วสังเกตว่าเนื้อของเศษปูนชิ้นนั้นยังไม่ค่อยแข็งเหมือนปูนทั่วๆไปเพราะมีเนื้อปูนที่ยังชื้นๆบางส่วนติดอยู่ที่มือของเจ้านายหนุ่มเป็นคราบขาว ผิวเนื้อรอบนอกอาจจะมีความแห้งแข็งพอประมาณแต่เมื่อแอสตันขออนุญาตหยิบเศษปูนชิ้นนั้นมาทุบแตกออกเป็นเสี่ยงๆก็เห็นได้ชัดว่าข้อสันนิษฐานของเขานั้นเป็นจริง เพราะเนื้อปูนด้านในนั้นยังมีลักษณะเป็นเนื้อเหลวเหมือนปูนที่เพิ่งผ่านการผสมมาไม่นาน และถึงแม้ว่าก่อนที่ตึกจะถล่มลงมาจะมีฝนตกลงมาพอประมาณ แต่นั่นไม่น่าจะมีผลทำให้เนื้อปูนที่เคยแห้งแข็งแล้วกลับไปเหลวอีกครั้งได้ นอกซะจากว่าปูนมันไม่แห้งตั้งแต่แรก
“อืม ไม่แปลก…ถ้ามันเป็นปูนจากส่วนของชั้นสามที่กำลังก่อสร้าง”
ดาเนียลออกความเห็นเมื่อพิจารณาเศษปูนในมือ เพราะจากรายงานการก่อสร้างที่เขาได้รับจากวิศวกรที่ควบคุมการก่อสร้างก่อนออกเดินทางไปยังประเทศไทยนั้นลงรายละเอียดไว้ชัดเจนว่าขณะนี้ตัวอาคารกำลังอยู่ในช่วงเทปูนที่มีส่วนผสมของปูนซีเมนต์ ปูนขาว และทราย ก่อสร้างส่วนผนังของอาคารชั้นที่สาม แต่สิ่งที่ทำให้เจ้านายกับลูกน้องเงยหน้าสบตากันนั่นก็คือเศษปูนที่พวกเขาเก็บได้นั้นไม่น่าจะใช่เศษซากของอาคารชั้นสาม เพราะชิ้นส่วนของปูนที่ดาเนียลกับแอสตันหยิบขึ้นมาสังเกตนั้นมีการทาสีแล้ว แต่จากรายงานของวิศวกรที่ดาเนียลได้รับแจ้งว่าผนังของชั้นสามเพิ่งมีการก่อสร้าง ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้เวลาอีกหลายวันให้ปูนแห้งและแข็งตัวเสียก่อนจึงจะให้ช่างลงสีได้ เพราะฉะนั้นเศษปูนที่เขาสองคนเก็บได้นั้นต้องไม่ใช่ชิ้นส่วนจากอาคารชั้นที่สามแน่นอน
คำถามที่ตามมาคือในเมื่อผนังอาคารชั้นที่สองหรือหนึ่งยังไม่แห้งดี แล้วทำไมวิศวกรที่ควบคุมดูแลจึงปล่อยให้มีการก่อสร้างชั้นที่สามทั้งที่น่าจะรู้ดีกว่าใครๆว่าการทำเช่นนั้นมันอันตรายมาก และอันตรายที่ว่าก็ได้เกิดขึ้นแล้วนั่นคือตึกที่ถล่มลงมาเพราะตัวโครงสร้างด้านล่างไม่แข็งแรงพอทำให้รับน้ำหนักไม่ไหว ทั้งที่เขาไม่เคยมีคำสั่งให้เร่งการก่อสร้างแต่อย่างใด นั่นสิ! ทำไมวิศวกรถึงทำแบบนี้ ทำไม?
“ตอนนี้โทนี่อยู่ที่ไหน”
เมื่อเกิดความข้องใจดาเนียลจึงถามหาโทนี่ แอนเดอสัน วิศวกรวัยกลางคนฝีมือดีที่รับหน้าที่ดูแลโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมดังกล่าว
“อยู่ที่โรงพยาบาลครับ”
“เป็นอะไร”
“ถูกแผ่นปูนที่ถล่มลงมาหล่นใส่หลังครับ”
“หมายความว่าตอนตึกถล่มโทนี่ก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยสินะ”
“ครับ อดัมบอกว่าคนงานก่อสร้างเล่าให้ฟัง ว่าที่ทุกคนปลอดภัยเป็นเพราะโทนี่เข้ามาเตือนให้ทุกคนรีบออกไปจากตัวอาคารตั้งแต่ที่ฝนเริ่มลงเม็ดครับ”
พูดถึงตรงนี้แอสตันก็เงยหน้าสบตากับดาเนียลอีกครั้งอย่างต้องการสื่อความคิดของตัวเองซึ่งก็น่าจะตรงกับสิ่งที่คุณชายใหญ่กริมเมอร์กำลังคิดอยู่ ก่อนรายงานความเคลื่อนไหวต่อไปตามที่ได้รับมาจากอดัม
“ระหว่างที่คนงานกำลังวิ่งหนีออกมาฝนก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆเหมือนว่าจะมีพายุร่วมด้วยจนตัวตึกเริ่มทรุดลงมาส่วนคุณโทนี่ออกมาเป็นคนสุดท้ายเพราะมัวแต่วิ่งเตือนคนอื่นเลยทำให้ถูกแผ่นปูนหล่นใส่หลังตอนกำลังจะออกมาครับ ตอนนี้ยังไม่ได้สติ ส่วนคนงานคนอื่นส่วนใหญ่ปลอดภัยดี มีบางคนที่ถูกเศษปูนกระเด็นใส่ แต่คุณชายไม่ต้องเป็นกังวลเพราะตอนนี้อดัมคอยดูแลความเรียบร้อยอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วครับ”
“อืม บอกอดัมด้วยว่าทุกชีวิตมีค่าเท่ากัน เพราะฉะนั้นต้องดูแลทุกคนให้ดีที่สุด”
“ครับ คุณชาย”
“ฝ่ายวิศวะฯพร้อมแล้วใช่ไหม”
ดาเนียลเอ่ยถามถึงสิ่งที่เขาสั่งไว้ก่อนหน้าระหว่างที่เดินทางจากประเทศไทยกลับมาอเมริกาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่าเมื่อเขาเดินทางมาถึง เขาต้องได้รับคำตอบจากฝ่ายวิศวกรรมสถานว่าเหตุการณ์ตึกถล่มครั้งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะแม้ว่าจะไม่มีใครได้รับอันตรายถึงชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัส แต่การที่โครงสร้างคอนโดมิเนียมถล่มลงมาครั้งนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของบริษัทเขาอย่างมหาศาล จากนี้เขาจึงต้องการทราบสาเหตุเพื่อนำไปสู่การแก้ไขที่ถูกต้องและเพื่อตอบข้อกังขาของสังคมถึงมาตรฐานการดำเนินงานของกริมเมอร์แอสเสทต่อไป
“รออยู่ที่ห้องประชุมแล้วครับ”
“ดี งั้นกลับไปที่บริษัทเลย ฉันเองก็อยากรู้เต็มทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
พูดจบดาเนียลก็หันไปสั่งให้ลูกน้องอีกกลุ่มบันทึกภาพเศษซากโครงสร้างของตัวอาคารไว้อย่างละเอียดอีกครั้ง แต่เพื่อความปลอดภัยชายหนุ่มจึงสั่งให้ลูกน้องเก็บภาพเฉพาะรอบนอกเท่านั้น ห้ามเข้าไปในตัวอาคารที่ยังคงมีโครงเสาและผนังบางส่วนที่ไม่ได้ถล่มลงมา จากนั้นดาเนียลจึงก้าวขายาวๆออกมาจากจุดเกิดเหตุเพื่อเดินทางกลับไปยังบริษัทที่มีทีมวิศวะฯประจำบริษัทรออยู่ แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะก้าวเข้าไปยังลีมูซีนคันหรูที่มีบอดี้การ์ดเปิดประตูรอ นายใหญ่ของตะกูลกริมเมอร์ก็หันหลังกลับไปมองซากตึกที่ถล่มลงมาอีกครั้งด้วยแววตาเยือกเย็น ริมฝีปากได้รูปเม้มเข้าหากันแน่น ฝ่ามือหนาที่ค้ำจับอยู่กับกรอบประตูบีบเข้าหากันด้วยความรู้สึกสุดจะบรรยาย ซึ่งหากขอบประตูรถทำจากวัสดุเนื้ออ่อน แน่นอนว่ามันคงแหลกเหลวด้วยน้ำมือของดาเนียลอย่างไม่ต้องสงสัย ก่อนหันกลับแล้วขึ้นไปนั่งบนรถที่กำลังจะพาชายหนุ่มไปยังสำนักงานใหญ่ของกริมเมอร์แอสเสทเพื่อสืบหาความจริง!
.....................................................................................
“คุณชายคะ คุณเจสสิก้าแจ้งว่าถ้าคุณชายประชุมเสร็จแล้ว ให้ช่วยโทรกลับด้วยค่ะ”
เลขาฯสาวประจำหน้าห้องทำงานของดาเนียลที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมประชุมเรื่องสาเหตุของตึกถล่มลุกขึ้นยืนเมื่อจ้านายหนุ่มสุดหล่อเดินหน้าเครียดออกมาจากห้องประชุมที่อยู่ติดกัน ก่อนหน้านี้ระหว่างที่ดาเนียลอยู่ในห้องประชุม เจสสิก้า แอมบริธิโอ สาวสวยหยาดเยิ้มดีกรีรองประธานของบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์ก่อสร้างรายใหญ่ของอเมริกาและยังมีความสนิทสนมกับตระกูลกริมเมอร์เป็นอย่างดีได้โทรเข้ามาทุกครึ่งชั่วโมงก็ว่าได้ ซึ่งทุกครั้งที่โทรเข้ามาก็จะถามหาแต่ดาเนียลๆๆ จนเลขาฯสาวที่รับโทรศัพท์ได้แต่เบ้หน้าแล้วส่ายศีรษะอย่างเบื่อหน่ายเพราะรู้ดีว่าหากเธอตอบกลับไปเหมือนครั้งก่อนหน้าว่าคุณดาเนียลยังอยู่ในห้องประชุม ไฮโซสาวแสนสวยที่ยอมลดตัวลงมาพูดจากับพนักงานต๊อกต๋อยอย่างเธอก็จะต่อว่ากลับมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเหมือนต้องการระบายความไม่ได้ดั่งใจก่อนจะวางสาย เหตุการณ์เป็นแบบเดิมซ้ำๆจนเลขาฯสาวอยากจะดึงสายโทรศัพท์ออกให้สิ้นเรื่องหากไม่กลัวว่าจะทำให้ลูกค้าหรือฝ่ายงานอื่นติดต่อไม่ได้
“ขอบใจ”
ดาเนียลพยักหน้ารับพลางเอ่ยขอบใจเลขาฯที่ทำงานร่วมกันมานาน ก่อนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงสแล็กสีดำเนื้อดีแบรนด์ดังแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือที่ชายหนุ่มปิดเครื่องไว้ระหว่างเข้าประชุมขึ้นมาเปิดเครื่อง จากนั้นจึงกดโทรออกไปยังเลขหมายของเจสสิก้า เผื่อว่าหญิงสาวอาจมีธุระหรือเรื่องต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องทำงานกว้างเพื่อเตรียมตัวสะสางงานที่คั่งค้างต่อไป
“โอ ขอบคุณพระเจ้า ดาเนียลในที่สุดคุณก็โทรหาฉันแล้ว คุณเป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยดีใช่ไหม”
แค่ดาเนียลกดโทรออกและมีสัญญาณรอสายดังเพียงแค่ครั้งเดียว เจ้าของเลขหมายปลายทางก็กดรับสายทันทีคล้ายกำลังเฝ้ารอคอยด้วยใจจดจ่อ จากนั้นคำถามที่บ่งบอกว่าปลายสายรู้ดีว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับดาเนียลบ้างก็ถูกถามตามมาด้วยความเป็นห่วง
“ผมปลอดภัยดีเจสซี่ ขอบคุณที่เป็นห่วง”
“ดาเนียล คุณย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าฉันเป็นห่วงคุณมากแค่ไหน”
“แน่นอน เพราะเราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนก็ย่อมห่วงเพื่อนเสมอ”
“เฮ้อ คุณก็รู้ว่าฉัน…อย่างนี้ตลอดเลย ช่างมันเถอะ เรื่องคอนโดฯของคุณฉันเสียใจด้วยนะ”
คนปลายสายถอนหายใจยาวๆเมื่อถูกดาเนียลจงใจแปรเปลี่ยนความหมายความรู้สึกที่เธอต้องการสื่อ ก่อนตัดบทไปสนทนาเรื่องคอนโดมิเนียมของชายหนุ่มที่พังทลายลงมาแทนเพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกหมดกำลังใจไปเสียก่อน แม้ว่าความปรารถนากับความพยายามหลายปีที่ผ่านมาของเธอมันดูจะไม่มีความหวังเลยก็ตาม
“อืม”
ดาเนียลทำได้แค่รับคำสั้นๆ เพราะเมื่อหูได้ยินเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างคอนโดฯที่พังลงมา อารมณ์ขุ่นมัวขึงเครียดของเขาก็ตีวนขึ้นมาอีกครั้งจนเผลอบดกรามหนาเข้าหากันแน่น
“แล้ว...ได้เรื่องหรือยังว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น” เจสสิก้าเอ่ยถามออกมาเสียงเบาอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก
“วิศวกร...ชุ่ย!”
นั่นคือคำตอบของดาเนียล น้ำเสียงเข้มห้วนที่เอ่ยออกมาลอดไรฟันนั้นบ่งบอกได้ดีว่าเจ้าตัวนั้นกำลังโกรธกรุ่นคนที่กล้ากระตุกหนวดเสือและปลุกดาเนียลในเวอร์ชั่นปีศาจร้ายโหดเหี้ยมที่ซุกซ่อนเอาไว้ให้ตื่นขึ้นมาเอาคืนใครก็ตามที่บังอาจทำให้บริษัทของเขาเสียหายและเสียชื่อเสียง
“อย่างงั้นเหรอคะ แล้วคุณจะทำอย่างไรต่อไปล่ะดาเนียล”
“ผมไม่เลี้ยงคนทรยศ!”
สิ้นเสียงแข็งกร้าวของดาเนียลก็ทำเอาคนปลายสายอย่างเจสสิก้าถึงกับขนลุกซู่ ฝ่ามือที่ถือโทรศัพท์ราคาแพงสั่นขึ้นมาไม่มีสาเหตุ รู้สึกเสียววาบไปตลอดทั้งร่างแทนคนที่หาญกล้าคิดคดทรยศกับนายใหญ่ของตระกูลกริมเมอร์เหลือเกิน
“เจสสิก้า แค่นี้ก่อนนะ ผมมีธุระต้องไปทำต่อ มีอะไรหรือเปล่าแอสตัน”
ดาเนียลยุติบทสนทนากับเจสสิก้าแล้วกดตัดสัญญาณโทรศัพท์เมื่อสองตาคมกริบมองเห็นร่างสูงบึกบึนของแอสตันเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของเขาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก สัญชาตญาณบางอย่างบอกเขาว่าเรื่องที่เขากำลังจะรับรู้จากลูกน้องคนสนิทในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้ร้ายแรงกว่าเรื่องตึกถล่มหลายเท่าตัว
“นี่ครับ”
แอสตันไม่ตอบคำถามของเจ้านายหนุ่มแต่เลือกที่จะยื่นโทรศัพท์ในมือส่งให้ดาเนียลพูดคุยกับปลายสายแทน และเพียงประโยคแรกที่ได้ฟัง ก็ทำเอาผู้บริหารสูงสุดของกริมเมอร์แอสเสท ถึงกับตวาดกร้าวด้วยน้ำเสียงโหดดุ
“ว่าไงนะ! เจ้าขาหายตัวไป!”
ร่างสูงผุดลุกจากเก้าอี้ มือหนาข้างที่ว่างกำหมัดแน่นแล้วทุบโต๊ะดังสนั่นตามแรงอารมณ์ที่กำลังปะทุเดือดถึงขีดสุดเมื่อลูกน้องที่มีหน้าที่อารักขาดาร์เลเน่โทรศัพท์มารายงานว่าน้องสาวยอดดวงใจของเขาหายตัวไปจากสวนสัตว์ที่เจ้าตัวไปเที่ยว ซึ่งตอนนี้บอดี้การ์ดทั้งหมดที่ถูกทิ้งไว้ดูแลดาร์เลเน่ที่เมืองไทยกำลังกระจายกำลังกันออกตามหาแต่กลับยังไม่มีวี่แวว
ไม่น่าเลย! เขาไม่น่าใจอ่อนยอมอนุญาตให้น้องสาวของเขาออกไปเที่ยวตามใจชอบอย่างนี้เลยจริงๆ
เดิมทีเขาตั้งใจเคลียร์งานเพื่อหาเวลาว่างประมาณสองสัปดาห์เพื่อที่จะพาน้องสาวตัวแสบไปท่องเที่ยวประเทศไทยตามที่ให้สัญญาเอาไว้กับดาร์เลเน่ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เขาจึงต้องบินด่วนกลับมายังอเมริกาพร้อมกับลูกน้อง โดยต้องยอมทิ้งน้องสาวให้คอยอยู่ที่ประเทศไทย เพราะหากเขาพาน้องสาวกลับมาอเมริกาพร้อมกัน สภาพร่างกายของดาร์เลเน่อาจรับไม่ไหว เขาจึงให้น้องสาวพักเหนื่อยจากการเดินทางอยู่ที่ประเทศไทยก่อนโดยมีเอริสาบอดี้การ์ดประจำตัวของดาร์เลเน่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมด้วยบอดี้การ์ดผู้ชายอีกสี่ห้าคนคอยช่วยดูแล
แต่เพียงวันแรกของการอาศัยอยู่ที่ประเทศไทยของดาร์เลเน่เท่านั้น เขาก็ได้รับโทรศัพท์เชิงปรึกษากึ่งขออนุญาตจากเอริสา เรื่องขออนุญาตพาดาร์เลเน่ไปท่องเที่ยวระหว่างที่เขายังจัดการธุระอยู่ที่อเมริกา ซึ่งเขาไม่ค่อยจะเห็นด้วยนัก นั่นเพราะความเป็นห่วงน้องสาวที่เขารู้ดีว่าทั้งแสบทั้งเจ้าเล่ห์มากแค่ไหน และเขาก็รู้ว่าสาเหตุที่เอริสาต่อโทรศัพท์ถึงเขาด้วยตัวเองคราวนี้ก็คงหนีไม่พ้นเพราะถูกยายตัวแสบออดอ้อนมาแน่ๆ ถึงแม้จะเป็นห่วงขนาดมากมาย แต่พอได้ยินเสียงหวานของเอริสารับปากว่าจะดูแลดาร์เลเน่เป็นอย่างดี สุดท้ายเขาจึงใจอ่อนต้องยอมอนุญาต แต่มีข้อแม้ว่าสองสาวต้องให้บอดี้การ์ดผู้ชายตามไปด้วยและห้ามสองสาวเดินทางออกต่างจังหวัดโดยเด็ดขาด เมื่อข้อเสนอได้รับการตอบรับ ดาเนียลจึงยอมให้เอริสาพาดาร์เลเน่ออกไปเที่ยวเล่นได้ แต่เขาไม่คิดเลยว่าความใจอ่อนของเขาครั้งนี้จะนำพาอันตรายมาสู่น้องสาวยอดดวงใจ
‘เจ้าขาอย่าเป็นอะไรนะ พี่กำลังจะไปช่วย...เจ้าขาของพี่ต้องปลอดภัย’
และยังมีที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้กันก็คือบอดี้การ์ดสาวประจำตัวของดาร์เลเน่ที่ลูกน้องของเขาพบว่านอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่ที่บริเวณห้องน้ำสตรี ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่บอดี้การ์ดหนุ่มสองคนเห็นดาร์เลเน่อยู่ที่นั่น งานนี้มันชักมีกลิ่นทะแม่งๆแล้วสิ ปกติเอริสาไม่เคยทำงานพลาดแบบนี้มาก่อนนี่นา
‘เจ้าขาหายไปไหน? เจ้าขาไปคนเดียวหรือ...ใครเป็นคนพาเจ้าขาไป?’
“กระจายตัวกันออกตามหาเจ้าขาให้พบ พาตัวอลิสกลับไปแล้วรักษาให้ฟื้นขึ้นมาให้เร็วที่สุด”
ดาเนียลสั่งการลูกน้องไปอย่างรวดเร็ว เวลานี้คำถามมากมายเกิดขึ้นในสมองที่ตึงเครียดของดาเนียลเต็มไปหมด แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องรีบทำให้เร็วที่สุดคือเดินทางไปยังประเทศไทยอีกครั้ง เพื่อสืบหาความจริงให้ได้ว่าเหตุการณ์ที่น้องสาวของเขาหายตัวไปครั้งนี้น้องสาวเขาตั้งใจ มีใครเป็นผู้กระทำ หรือมีใครเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่เบื้องหลังด้วยหรือไม่
“แอสตัน ฉันต้องรีบบินกลับไปประเทศไทยเตรียมเครื่องบินด่วนที่สุด”
“ครับคุณชาย”
“ส่วนนายถ้าไม่ไหวจะตามไปทีหลัง…”
“ผมจะไปพร้อมคุณชายครับ”
ไม่รอให้ดาเนียลพูดจบลูกน้องคนสนิทก็เอ่ยบอกออกมาเสียก่อน แอสตันรู้ดีว่าเจ้านายเหนือหัวของเขาคงเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะเหนื่อยจากการเดินทางข้ามทวีปแบบมาราธอนจึงคิดจะให้เขาตามไปวันหลัง แต่ไม่มีวันเสียล่ะที่เขาจะทำแบบนั้น เพราะต่อให้เขาต้องเหนื่อยหนักกว่านี้อีกกี่สิบเท่า เขาก็จะไม่มีวันหยุดพักตราบใดที่เจ้านายที่เขารักและเคารพยังมีเรื่องร้อนใจเหมือนอย่างตอนนี้
“ขอบใจนายมาก ส่วนงานที่นี่ให้อดัมรักษาการแทนฉันไปก่อน ทุกอย่างให้ทำตามที่เราคุยกันในห้องประชุม”
ฝ่ามือหนาตบไหล่ของบอดี้การ์ดคู่ใจหนักๆสองสามครั้งอย่างต้องการขอบคุณความมีน้ำใจของแอสตันที่เขารู้ดีว่าทุกอย่างที่ลูกน้องคนสนิททำให้นั้นมาจากใจไม่ใช่เพราะตัวเลขเงินเดือนมหาศาลที่ได้รับจากเขา เพราะไม่ว่าจะต้องเหน็ดเหนื่อยขนาดไหนมือขวาของเขาคนนี้ก็ไม่เคยปริปากบ่นให้ได้ยินเลยสักคำ ไม่แม้แต่จะทำสีหน้าเบื่อหน่ายให้เขาเห็นสักครั้ง จะมีก็แต่รับคำแล้วลงมือทำตามคำสั่งของเขาด้วยความตั้งใจและอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ของเขาในทุกๆเหตุการณ์นับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำงานด้วยกันผ่านมานานนับสิบกว่าปีจนถึงวันนี้
.........................................................................................................................................................................
“ไปที่ไซต์งานเลย”
แอสตันเอ่ยถามเจ้านายหนุ่มที่นั่งหลับตาพิงศีรษะอยู่กับเบาะหลังอย่างคนที่กำลังเหนื่อยล้าอย่างไม่ค่อยแน่ใจเมื่อลีมูซีนคันหรูของตระกูลกริมเมอร์ที่มารอรับกำลังขับเคลื่อนออกจากท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิส มลรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งอยู่ไม่ห่างจากไซต์ก่อสร้างที่เกิดปัญหามากนักหลังจากที่พวกเขาเพิ่งก้าวลงมาจากเครื่องได้ไม่นาน เพราะจากสภาพอิดโรยของเจ้านายหนุ่มที่ปรากฏแก่สายตาจึงทำให้แอสตันเอ่ยถามออกไปเช่นนั้น ด้วยคิดว่าดาเนียลอาจต้องการกลับไปอาบน้ำอาบท่าให้ร่างกายสดชื่นขึ้นเสียก่อน หรือไม่เจ้านายหนุ่มก็อาจต้องการพักผ่อนเพื่อเติมพลังให้ร่างกายสักสองสามชั่วโมง แต่เสียงทุ้มที่เอ่ยตอบทั้งที่ยังไม่ลืมตากลับห่างไกลกับสิ่งที่แอสตันคาดเดา ซึ่งลูกน้องมือขวาก็ไม่สามารถคัดค้านอะไรได้ทั้งที่ใจเป็นห่วงอยากให้เจ้านายได้พักผ่อนบ้าง แล้วหันไปพยักหน้าให้กับคนขับทำตามความต้องการของดาเนียล
“แอสตัน ช่วยคนงานออกมาจากตึกได้ครบทุกคนใช่ไหม”
ชายหนุ่มที่ยังหลับตาพิงศีรษะไว้กับเบาะหลังเอ่ยถามออกมาอีกครั้งให้แน่ใจ ตั้งแต่ได้รับรายงานเรื่องตึกถล่มคำถามแรกที่เกิดขึ้นคือมีใครได้รับอันตรายหรือติดอยู่ในตัวอาคารบ้างหรือเปล่า ซึ่งเบื้องต้นรายงานที่อดัมลูกน้องคนสนิทอีกคนของดาเนียลที่อยู่ที่ไซต์งานก่อสร้างก็ทำให้ดาเนียลโล่งอกที่ไม่มีใครเสียชีวิตหรือติดค้างอยู่ภายใน แม้ว่าจะมีลูกน้องของเขาบางคนที่ได้รับบาดเจ็บจากการโดนเศษปูนหล่นใส่ร่างกายบ้าง แต่ทุกคนก็ถูกนำตัวส่งถึงมือหมอเรียบร้อยแล้ว
“ไม่มีใครติดอยู่ภายในตึกครับ คุณชายสบายใจได้”
“อืม” พูดแค่นั้นดาเนียลก็ยุติการสนทนา แล้วใช้เวลาช่วงที่กำลังเดินทางขบคิดอะไรบางอย่าง
“บัดซบ!”
เพียงภาพแรกที่ได้เห็นหลังจากก้าวลงมาจากลีมูซีนคันหรูที่มาจอดอยู่บริเวณไซต์งานก่อสร้างคอนโดมิเนียมที่ถล่มลงมาก็ทำเอาดาเนียลถึงกับควันออกหูแล้วสบถออกมาเสียงดังอย่างเกรี้ยวกราด เพราะตัวตึกที่อยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างความสูงที่ชั้นสามนั้นถล่มลงมาจนแทบมองหาเค้าเดิมไม่เจอ ภาพที่ปรากฏแก่สายตาจึงมีเพียงเศษซากปูนซีเมนต์ชิ้นเล็กชิ้นน้อยกับซากปรักหักพังไม่มีชิ้นดีที่กองพะเนินเทินทึกและโครงเสาที่บ้างก็หักท่อน บ้างก็เอียงกระเท่เร่จนดาเนียลไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมตึกถึงถล่มลงมา เพราะขนาดตัวเสาที่เป็นโครงสร้างที่สำคัญที่สุดของการสร้างบ้านทำหน้าที่หลักในการรับน้ำหนักแนวดิ่งของโครงสร้างทั้งหมดแล้วเชื่อมต่อกับโครงสร้างอื่นๆยังมีสภาพพังยับไม่มีชิ้นดีขนาดนี้ แล้วส่วนประกอบอื่นๆที่ต้องอาศัยเสาเป็นตัวเชื่อมต่อจะไปเหลืออะไร
แต่สิ่งที่ดาเนียลข้องใจในตอนนี้ก็คือทำไมเสาพวกนี้จึงรับน้ำหนักโครงสร้างของตึกไม่ไหวในเมื่อมันถูกคำนวณและออกแบบจากวิศวกรมาเป็นอย่างดี
ไม่รอให้สิ่งที่สงสัยติดอยู่แค่ในความคิด สองขาแข็งแรงของดาเนียลจึงก้าวยาวๆเข้าไปยังบริเวณที่มีเชือกสีแดงกั้นไว้ว่าพื้นที่ก่อสร้างตรงนี้เป็นพื้นที่อันตรายและห้ามบุคคลภายนอกเข้ามาวุ่นวาย แม้กระทั่งนักข่าวที่ต้องการเข้ามาเก็บภาพไปทำข่าวและต้องการมาสัมภาษณ์เจ้าของบริษัทอย่างดาเนียลก็ยังถูกเจ้าหน้าที่ของตระกูลกริมเมอร์ห้ามปราม แต่ใครกันจะกล้าขัดขวางไม่ให้ดาเนียล กริมเมอร์ เจ้าพ่อวงการอสังหาริมทรัพย์เนื้อหอมเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว
เมื่อขายาวๆกระโดดข้ามเชือกสีแดงเส้นโตที่กั้นไว้มาได้ ดาเนียลจึงเดินสำรวจรอบๆตัวตึกโดยมีแอสตันเข้ามาร่วมด้วยอีกคนเพื่อคอยระแวดระวังอันตรายและช่วยผู้เป็นนายเก็บข้อมูลหาสาเหตุการถล่มลงมาของตัวตึกครั้งนี้ เพราะแต่ไหนแต่ไรมา กริมเมอร์แอสเสท คอร์ปอเรชั่นภายใต้การบริหารงานของดาเนียล กริมเมอร์ เป็นบริษัทที่สรรค์สร้างอสังหาริมทรัพย์โครงการใหญ่ๆมากมายทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม และอาคารสำนักงานต่างๆที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี เนื่องจากการออกแบบโครงสร้างที่ทันสมัยและมีมาตรฐานการก่อสร้างที่ดีเยี่ยม จึงไม่เคยเลยสักครั้งที่จะมีปัญหาเรื่องการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานเหมือนครั้งนี้ ดาเนียลจึงต้องลงมาสำรวจด้วยตัวเองไม่สามารถทนรอรายงานจากลูกน้องได้
ดาเนียลเดินฝ่าเศษซากปรักหักพังจากรอบนอกเข้ามาใกล้ตัวอาคารเดิมอีกนิดสองตาคมกริบกวาดสายตามองเศษซากที่กระจายเกลื่อนอยู่โดยรอบอย่างจับสังเกต แม้เป็นเพียงซากอิฐชิ้นน้อยชายหนุ่มก็ไม่ปล่อยผ่าน สายตามอง สมองคอยจดจำ และสองมือก็หยิบเศษปูนชิ้นเล็กที่อยู่ตรงปลายเท้าขึ้นมาพิจารณา
“เหมือนว่าปูนยังไม่ค่อยแห้งดีนะครับ”
เสียงแอสตันพูดขึ้นมาเมื่อบอดี้การ์ดควบตำแหน่งมือขวามองเศษปูนซีเมนต์ในมือของดาเนียลที่ชายหนุ่มใช้เวลาพิจารณามาสักครู่แล้วสังเกตว่าเนื้อของเศษปูนชิ้นนั้นยังไม่ค่อยแข็งเหมือนปูนทั่วๆไปเพราะมีเนื้อปูนที่ยังชื้นๆบางส่วนติดอยู่ที่มือของเจ้านายหนุ่มเป็นคราบขาว ผิวเนื้อรอบนอกอาจจะมีความแห้งแข็งพอประมาณแต่เมื่อแอสตันขออนุญาตหยิบเศษปูนชิ้นนั้นมาทุบแตกออกเป็นเสี่ยงๆก็เห็นได้ชัดว่าข้อสันนิษฐานของเขานั้นเป็นจริง เพราะเนื้อปูนด้านในนั้นยังมีลักษณะเป็นเนื้อเหลวเหมือนปูนที่เพิ่งผ่านการผสมมาไม่นาน และถึงแม้ว่าก่อนที่ตึกจะถล่มลงมาจะมีฝนตกลงมาพอประมาณ แต่นั่นไม่น่าจะมีผลทำให้เนื้อปูนที่เคยแห้งแข็งแล้วกลับไปเหลวอีกครั้งได้ นอกซะจากว่าปูนมันไม่แห้งตั้งแต่แรก
“อืม ไม่แปลก…ถ้ามันเป็นปูนจากส่วนของชั้นสามที่กำลังก่อสร้าง”
ดาเนียลออกความเห็นเมื่อพิจารณาเศษปูนในมือ เพราะจากรายงานการก่อสร้างที่เขาได้รับจากวิศวกรที่ควบคุมการก่อสร้างก่อนออกเดินทางไปยังประเทศไทยนั้นลงรายละเอียดไว้ชัดเจนว่าขณะนี้ตัวอาคารกำลังอยู่ในช่วงเทปูนที่มีส่วนผสมของปูนซีเมนต์ ปูนขาว และทราย ก่อสร้างส่วนผนังของอาคารชั้นที่สาม แต่สิ่งที่ทำให้เจ้านายกับลูกน้องเงยหน้าสบตากันนั่นก็คือเศษปูนที่พวกเขาเก็บได้นั้นไม่น่าจะใช่เศษซากของอาคารชั้นสาม เพราะชิ้นส่วนของปูนที่ดาเนียลกับแอสตันหยิบขึ้นมาสังเกตนั้นมีการทาสีแล้ว แต่จากรายงานของวิศวกรที่ดาเนียลได้รับแจ้งว่าผนังของชั้นสามเพิ่งมีการก่อสร้าง ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้เวลาอีกหลายวันให้ปูนแห้งและแข็งตัวเสียก่อนจึงจะให้ช่างลงสีได้ เพราะฉะนั้นเศษปูนที่เขาสองคนเก็บได้นั้นต้องไม่ใช่ชิ้นส่วนจากอาคารชั้นที่สามแน่นอน
คำถามที่ตามมาคือในเมื่อผนังอาคารชั้นที่สองหรือหนึ่งยังไม่แห้งดี แล้วทำไมวิศวกรที่ควบคุมดูแลจึงปล่อยให้มีการก่อสร้างชั้นที่สามทั้งที่น่าจะรู้ดีกว่าใครๆว่าการทำเช่นนั้นมันอันตรายมาก และอันตรายที่ว่าก็ได้เกิดขึ้นแล้วนั่นคือตึกที่ถล่มลงมาเพราะตัวโครงสร้างด้านล่างไม่แข็งแรงพอทำให้รับน้ำหนักไม่ไหว ทั้งที่เขาไม่เคยมีคำสั่งให้เร่งการก่อสร้างแต่อย่างใด นั่นสิ! ทำไมวิศวกรถึงทำแบบนี้ ทำไม?
“ตอนนี้โทนี่อยู่ที่ไหน”
เมื่อเกิดความข้องใจดาเนียลจึงถามหาโทนี่ แอนเดอสัน วิศวกรวัยกลางคนฝีมือดีที่รับหน้าที่ดูแลโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมดังกล่าว
“อยู่ที่โรงพยาบาลครับ”
“เป็นอะไร”
“ถูกแผ่นปูนที่ถล่มลงมาหล่นใส่หลังครับ”
“หมายความว่าตอนตึกถล่มโทนี่ก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยสินะ”
“ครับ อดัมบอกว่าคนงานก่อสร้างเล่าให้ฟัง ว่าที่ทุกคนปลอดภัยเป็นเพราะโทนี่เข้ามาเตือนให้ทุกคนรีบออกไปจากตัวอาคารตั้งแต่ที่ฝนเริ่มลงเม็ดครับ”
พูดถึงตรงนี้แอสตันก็เงยหน้าสบตากับดาเนียลอีกครั้งอย่างต้องการสื่อความคิดของตัวเองซึ่งก็น่าจะตรงกับสิ่งที่คุณชายใหญ่กริมเมอร์กำลังคิดอยู่ ก่อนรายงานความเคลื่อนไหวต่อไปตามที่ได้รับมาจากอดัม
“ระหว่างที่คนงานกำลังวิ่งหนีออกมาฝนก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆเหมือนว่าจะมีพายุร่วมด้วยจนตัวตึกเริ่มทรุดลงมาส่วนคุณโทนี่ออกมาเป็นคนสุดท้ายเพราะมัวแต่วิ่งเตือนคนอื่นเลยทำให้ถูกแผ่นปูนหล่นใส่หลังตอนกำลังจะออกมาครับ ตอนนี้ยังไม่ได้สติ ส่วนคนงานคนอื่นส่วนใหญ่ปลอดภัยดี มีบางคนที่ถูกเศษปูนกระเด็นใส่ แต่คุณชายไม่ต้องเป็นกังวลเพราะตอนนี้อดัมคอยดูแลความเรียบร้อยอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วครับ”
“อืม บอกอดัมด้วยว่าทุกชีวิตมีค่าเท่ากัน เพราะฉะนั้นต้องดูแลทุกคนให้ดีที่สุด”
“ครับ คุณชาย”
“ฝ่ายวิศวะฯพร้อมแล้วใช่ไหม”
ดาเนียลเอ่ยถามถึงสิ่งที่เขาสั่งไว้ก่อนหน้าระหว่างที่เดินทางจากประเทศไทยกลับมาอเมริกาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่าเมื่อเขาเดินทางมาถึง เขาต้องได้รับคำตอบจากฝ่ายวิศวกรรมสถานว่าเหตุการณ์ตึกถล่มครั้งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะแม้ว่าจะไม่มีใครได้รับอันตรายถึงชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัส แต่การที่โครงสร้างคอนโดมิเนียมถล่มลงมาครั้งนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของบริษัทเขาอย่างมหาศาล จากนี้เขาจึงต้องการทราบสาเหตุเพื่อนำไปสู่การแก้ไขที่ถูกต้องและเพื่อตอบข้อกังขาของสังคมถึงมาตรฐานการดำเนินงานของกริมเมอร์แอสเสทต่อไป
“รออยู่ที่ห้องประชุมแล้วครับ”
“ดี งั้นกลับไปที่บริษัทเลย ฉันเองก็อยากรู้เต็มทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
พูดจบดาเนียลก็หันไปสั่งให้ลูกน้องอีกกลุ่มบันทึกภาพเศษซากโครงสร้างของตัวอาคารไว้อย่างละเอียดอีกครั้ง แต่เพื่อความปลอดภัยชายหนุ่มจึงสั่งให้ลูกน้องเก็บภาพเฉพาะรอบนอกเท่านั้น ห้ามเข้าไปในตัวอาคารที่ยังคงมีโครงเสาและผนังบางส่วนที่ไม่ได้ถล่มลงมา จากนั้นดาเนียลจึงก้าวขายาวๆออกมาจากจุดเกิดเหตุเพื่อเดินทางกลับไปยังบริษัทที่มีทีมวิศวะฯประจำบริษัทรออยู่ แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะก้าวเข้าไปยังลีมูซีนคันหรูที่มีบอดี้การ์ดเปิดประตูรอ นายใหญ่ของตะกูลกริมเมอร์ก็หันหลังกลับไปมองซากตึกที่ถล่มลงมาอีกครั้งด้วยแววตาเยือกเย็น ริมฝีปากได้รูปเม้มเข้าหากันแน่น ฝ่ามือหนาที่ค้ำจับอยู่กับกรอบประตูบีบเข้าหากันด้วยความรู้สึกสุดจะบรรยาย ซึ่งหากขอบประตูรถทำจากวัสดุเนื้ออ่อน แน่นอนว่ามันคงแหลกเหลวด้วยน้ำมือของดาเนียลอย่างไม่ต้องสงสัย ก่อนหันกลับแล้วขึ้นไปนั่งบนรถที่กำลังจะพาชายหนุ่มไปยังสำนักงานใหญ่ของกริมเมอร์แอสเสทเพื่อสืบหาความจริง!
.....................................................................................
“คุณชายคะ คุณเจสสิก้าแจ้งว่าถ้าคุณชายประชุมเสร็จแล้ว ให้ช่วยโทรกลับด้วยค่ะ”
เลขาฯสาวประจำหน้าห้องทำงานของดาเนียลที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมประชุมเรื่องสาเหตุของตึกถล่มลุกขึ้นยืนเมื่อจ้านายหนุ่มสุดหล่อเดินหน้าเครียดออกมาจากห้องประชุมที่อยู่ติดกัน ก่อนหน้านี้ระหว่างที่ดาเนียลอยู่ในห้องประชุม เจสสิก้า แอมบริธิโอ สาวสวยหยาดเยิ้มดีกรีรองประธานของบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์ก่อสร้างรายใหญ่ของอเมริกาและยังมีความสนิทสนมกับตระกูลกริมเมอร์เป็นอย่างดีได้โทรเข้ามาทุกครึ่งชั่วโมงก็ว่าได้ ซึ่งทุกครั้งที่โทรเข้ามาก็จะถามหาแต่ดาเนียลๆๆ จนเลขาฯสาวที่รับโทรศัพท์ได้แต่เบ้หน้าแล้วส่ายศีรษะอย่างเบื่อหน่ายเพราะรู้ดีว่าหากเธอตอบกลับไปเหมือนครั้งก่อนหน้าว่าคุณดาเนียลยังอยู่ในห้องประชุม ไฮโซสาวแสนสวยที่ยอมลดตัวลงมาพูดจากับพนักงานต๊อกต๋อยอย่างเธอก็จะต่อว่ากลับมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเหมือนต้องการระบายความไม่ได้ดั่งใจก่อนจะวางสาย เหตุการณ์เป็นแบบเดิมซ้ำๆจนเลขาฯสาวอยากจะดึงสายโทรศัพท์ออกให้สิ้นเรื่องหากไม่กลัวว่าจะทำให้ลูกค้าหรือฝ่ายงานอื่นติดต่อไม่ได้
“ขอบใจ”
ดาเนียลพยักหน้ารับพลางเอ่ยขอบใจเลขาฯที่ทำงานร่วมกันมานาน ก่อนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงสแล็กสีดำเนื้อดีแบรนด์ดังแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือที่ชายหนุ่มปิดเครื่องไว้ระหว่างเข้าประชุมขึ้นมาเปิดเครื่อง จากนั้นจึงกดโทรออกไปยังเลขหมายของเจสสิก้า เผื่อว่าหญิงสาวอาจมีธุระหรือเรื่องต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องทำงานกว้างเพื่อเตรียมตัวสะสางงานที่คั่งค้างต่อไป
“โอ ขอบคุณพระเจ้า ดาเนียลในที่สุดคุณก็โทรหาฉันแล้ว คุณเป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยดีใช่ไหม”
แค่ดาเนียลกดโทรออกและมีสัญญาณรอสายดังเพียงแค่ครั้งเดียว เจ้าของเลขหมายปลายทางก็กดรับสายทันทีคล้ายกำลังเฝ้ารอคอยด้วยใจจดจ่อ จากนั้นคำถามที่บ่งบอกว่าปลายสายรู้ดีว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับดาเนียลบ้างก็ถูกถามตามมาด้วยความเป็นห่วง
“ผมปลอดภัยดีเจสซี่ ขอบคุณที่เป็นห่วง”
“ดาเนียล คุณย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าฉันเป็นห่วงคุณมากแค่ไหน”
“แน่นอน เพราะเราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนก็ย่อมห่วงเพื่อนเสมอ”
“เฮ้อ คุณก็รู้ว่าฉัน…อย่างนี้ตลอดเลย ช่างมันเถอะ เรื่องคอนโดฯของคุณฉันเสียใจด้วยนะ”
คนปลายสายถอนหายใจยาวๆเมื่อถูกดาเนียลจงใจแปรเปลี่ยนความหมายความรู้สึกที่เธอต้องการสื่อ ก่อนตัดบทไปสนทนาเรื่องคอนโดมิเนียมของชายหนุ่มที่พังทลายลงมาแทนเพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกหมดกำลังใจไปเสียก่อน แม้ว่าความปรารถนากับความพยายามหลายปีที่ผ่านมาของเธอมันดูจะไม่มีความหวังเลยก็ตาม
“อืม”
ดาเนียลทำได้แค่รับคำสั้นๆ เพราะเมื่อหูได้ยินเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างคอนโดฯที่พังลงมา อารมณ์ขุ่นมัวขึงเครียดของเขาก็ตีวนขึ้นมาอีกครั้งจนเผลอบดกรามหนาเข้าหากันแน่น
“แล้ว...ได้เรื่องหรือยังว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น” เจสสิก้าเอ่ยถามออกมาเสียงเบาอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก
“วิศวกร...ชุ่ย!”
นั่นคือคำตอบของดาเนียล น้ำเสียงเข้มห้วนที่เอ่ยออกมาลอดไรฟันนั้นบ่งบอกได้ดีว่าเจ้าตัวนั้นกำลังโกรธกรุ่นคนที่กล้ากระตุกหนวดเสือและปลุกดาเนียลในเวอร์ชั่นปีศาจร้ายโหดเหี้ยมที่ซุกซ่อนเอาไว้ให้ตื่นขึ้นมาเอาคืนใครก็ตามที่บังอาจทำให้บริษัทของเขาเสียหายและเสียชื่อเสียง
“อย่างงั้นเหรอคะ แล้วคุณจะทำอย่างไรต่อไปล่ะดาเนียล”
“ผมไม่เลี้ยงคนทรยศ!”
สิ้นเสียงแข็งกร้าวของดาเนียลก็ทำเอาคนปลายสายอย่างเจสสิก้าถึงกับขนลุกซู่ ฝ่ามือที่ถือโทรศัพท์ราคาแพงสั่นขึ้นมาไม่มีสาเหตุ รู้สึกเสียววาบไปตลอดทั้งร่างแทนคนที่หาญกล้าคิดคดทรยศกับนายใหญ่ของตระกูลกริมเมอร์เหลือเกิน
“เจสสิก้า แค่นี้ก่อนนะ ผมมีธุระต้องไปทำต่อ มีอะไรหรือเปล่าแอสตัน”
ดาเนียลยุติบทสนทนากับเจสสิก้าแล้วกดตัดสัญญาณโทรศัพท์เมื่อสองตาคมกริบมองเห็นร่างสูงบึกบึนของแอสตันเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของเขาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก สัญชาตญาณบางอย่างบอกเขาว่าเรื่องที่เขากำลังจะรับรู้จากลูกน้องคนสนิทในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้ร้ายแรงกว่าเรื่องตึกถล่มหลายเท่าตัว
“นี่ครับ”
แอสตันไม่ตอบคำถามของเจ้านายหนุ่มแต่เลือกที่จะยื่นโทรศัพท์ในมือส่งให้ดาเนียลพูดคุยกับปลายสายแทน และเพียงประโยคแรกที่ได้ฟัง ก็ทำเอาผู้บริหารสูงสุดของกริมเมอร์แอสเสท ถึงกับตวาดกร้าวด้วยน้ำเสียงโหดดุ
“ว่าไงนะ! เจ้าขาหายตัวไป!”
ร่างสูงผุดลุกจากเก้าอี้ มือหนาข้างที่ว่างกำหมัดแน่นแล้วทุบโต๊ะดังสนั่นตามแรงอารมณ์ที่กำลังปะทุเดือดถึงขีดสุดเมื่อลูกน้องที่มีหน้าที่อารักขาดาร์เลเน่โทรศัพท์มารายงานว่าน้องสาวยอดดวงใจของเขาหายตัวไปจากสวนสัตว์ที่เจ้าตัวไปเที่ยว ซึ่งตอนนี้บอดี้การ์ดทั้งหมดที่ถูกทิ้งไว้ดูแลดาร์เลเน่ที่เมืองไทยกำลังกระจายกำลังกันออกตามหาแต่กลับยังไม่มีวี่แวว
ไม่น่าเลย! เขาไม่น่าใจอ่อนยอมอนุญาตให้น้องสาวของเขาออกไปเที่ยวตามใจชอบอย่างนี้เลยจริงๆ
เดิมทีเขาตั้งใจเคลียร์งานเพื่อหาเวลาว่างประมาณสองสัปดาห์เพื่อที่จะพาน้องสาวตัวแสบไปท่องเที่ยวประเทศไทยตามที่ให้สัญญาเอาไว้กับดาร์เลเน่ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เขาจึงต้องบินด่วนกลับมายังอเมริกาพร้อมกับลูกน้อง โดยต้องยอมทิ้งน้องสาวให้คอยอยู่ที่ประเทศไทย เพราะหากเขาพาน้องสาวกลับมาอเมริกาพร้อมกัน สภาพร่างกายของดาร์เลเน่อาจรับไม่ไหว เขาจึงให้น้องสาวพักเหนื่อยจากการเดินทางอยู่ที่ประเทศไทยก่อนโดยมีเอริสาบอดี้การ์ดประจำตัวของดาร์เลเน่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมด้วยบอดี้การ์ดผู้ชายอีกสี่ห้าคนคอยช่วยดูแล
แต่เพียงวันแรกของการอาศัยอยู่ที่ประเทศไทยของดาร์เลเน่เท่านั้น เขาก็ได้รับโทรศัพท์เชิงปรึกษากึ่งขออนุญาตจากเอริสา เรื่องขออนุญาตพาดาร์เลเน่ไปท่องเที่ยวระหว่างที่เขายังจัดการธุระอยู่ที่อเมริกา ซึ่งเขาไม่ค่อยจะเห็นด้วยนัก นั่นเพราะความเป็นห่วงน้องสาวที่เขารู้ดีว่าทั้งแสบทั้งเจ้าเล่ห์มากแค่ไหน และเขาก็รู้ว่าสาเหตุที่เอริสาต่อโทรศัพท์ถึงเขาด้วยตัวเองคราวนี้ก็คงหนีไม่พ้นเพราะถูกยายตัวแสบออดอ้อนมาแน่ๆ ถึงแม้จะเป็นห่วงขนาดมากมาย แต่พอได้ยินเสียงหวานของเอริสารับปากว่าจะดูแลดาร์เลเน่เป็นอย่างดี สุดท้ายเขาจึงใจอ่อนต้องยอมอนุญาต แต่มีข้อแม้ว่าสองสาวต้องให้บอดี้การ์ดผู้ชายตามไปด้วยและห้ามสองสาวเดินทางออกต่างจังหวัดโดยเด็ดขาด เมื่อข้อเสนอได้รับการตอบรับ ดาเนียลจึงยอมให้เอริสาพาดาร์เลเน่ออกไปเที่ยวเล่นได้ แต่เขาไม่คิดเลยว่าความใจอ่อนของเขาครั้งนี้จะนำพาอันตรายมาสู่น้องสาวยอดดวงใจ
‘เจ้าขาอย่าเป็นอะไรนะ พี่กำลังจะไปช่วย...เจ้าขาของพี่ต้องปลอดภัย’
และยังมีที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้กันก็คือบอดี้การ์ดสาวประจำตัวของดาร์เลเน่ที่ลูกน้องของเขาพบว่านอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่ที่บริเวณห้องน้ำสตรี ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่บอดี้การ์ดหนุ่มสองคนเห็นดาร์เลเน่อยู่ที่นั่น งานนี้มันชักมีกลิ่นทะแม่งๆแล้วสิ ปกติเอริสาไม่เคยทำงานพลาดแบบนี้มาก่อนนี่นา
‘เจ้าขาหายไปไหน? เจ้าขาไปคนเดียวหรือ...ใครเป็นคนพาเจ้าขาไป?’
“กระจายตัวกันออกตามหาเจ้าขาให้พบ พาตัวอลิสกลับไปแล้วรักษาให้ฟื้นขึ้นมาให้เร็วที่สุด”
ดาเนียลสั่งการลูกน้องไปอย่างรวดเร็ว เวลานี้คำถามมากมายเกิดขึ้นในสมองที่ตึงเครียดของดาเนียลเต็มไปหมด แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องรีบทำให้เร็วที่สุดคือเดินทางไปยังประเทศไทยอีกครั้ง เพื่อสืบหาความจริงให้ได้ว่าเหตุการณ์ที่น้องสาวของเขาหายตัวไปครั้งนี้น้องสาวเขาตั้งใจ มีใครเป็นผู้กระทำ หรือมีใครเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่เบื้องหลังด้วยหรือไม่
“แอสตัน ฉันต้องรีบบินกลับไปประเทศไทยเตรียมเครื่องบินด่วนที่สุด”
“ครับคุณชาย”
“ส่วนนายถ้าไม่ไหวจะตามไปทีหลัง…”
“ผมจะไปพร้อมคุณชายครับ”
ไม่รอให้ดาเนียลพูดจบลูกน้องคนสนิทก็เอ่ยบอกออกมาเสียก่อน แอสตันรู้ดีว่าเจ้านายเหนือหัวของเขาคงเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะเหนื่อยจากการเดินทางข้ามทวีปแบบมาราธอนจึงคิดจะให้เขาตามไปวันหลัง แต่ไม่มีวันเสียล่ะที่เขาจะทำแบบนั้น เพราะต่อให้เขาต้องเหนื่อยหนักกว่านี้อีกกี่สิบเท่า เขาก็จะไม่มีวันหยุดพักตราบใดที่เจ้านายที่เขารักและเคารพยังมีเรื่องร้อนใจเหมือนอย่างตอนนี้
“ขอบใจนายมาก ส่วนงานที่นี่ให้อดัมรักษาการแทนฉันไปก่อน ทุกอย่างให้ทำตามที่เราคุยกันในห้องประชุม”
ฝ่ามือหนาตบไหล่ของบอดี้การ์ดคู่ใจหนักๆสองสามครั้งอย่างต้องการขอบคุณความมีน้ำใจของแอสตันที่เขารู้ดีว่าทุกอย่างที่ลูกน้องคนสนิททำให้นั้นมาจากใจไม่ใช่เพราะตัวเลขเงินเดือนมหาศาลที่ได้รับจากเขา เพราะไม่ว่าจะต้องเหน็ดเหนื่อยขนาดไหนมือขวาของเขาคนนี้ก็ไม่เคยปริปากบ่นให้ได้ยินเลยสักคำ ไม่แม้แต่จะทำสีหน้าเบื่อหน่ายให้เขาเห็นสักครั้ง จะมีก็แต่รับคำแล้วลงมือทำตามคำสั่งของเขาด้วยความตั้งใจและอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ของเขาในทุกๆเหตุการณ์นับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำงานด้วยกันผ่านมานานนับสิบกว่าปีจนถึงวันนี้
.........................................................................................................................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ