เล่ห์เสน่หา...มายาหัวใจ

7.5

เขียนโดย เข็มมุก

วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 13.59 น.

  2 ตอน
  0 วิจารณ์
  4,065 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 14.24 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) น้องสาวสุดเฮี้ยวกับพี่ชายตัวแสบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
               กลิ่นหอมหวานของน้ำตาลมะพร้าว สดจากต้นและกะทิคั้นสดใหม่ลอยอบอวลไปทั่ว หอมหวนจนเตะจมูกของคนที่ตั้งใจว่านอนตื่นสายเพื่อพักเอาแรง หลังกลับมาจากทำงานแสนดึกดื่นของตนต้องรีบลุกขึ้นวิ่งเข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันและชำระร่างกายของตนเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพียงแค่30นาทีเท่านั้น

กานต์ธีราในชุดกางเกงขาสั้นทันสมัยสีขาวนวล อวดช่วงขายาวเรียวและผิวขาวเนียนของเจ้าของ เสื้อยืดเข้ารูปสีฟ้าสดใส เผยให้เห็นเอวบางที่คอดกิ่วได้สัดส่วนน่ามอง เส้นผมยาวสลวยสีดำสนิทถูกมัดขึ้นสูงด้วยโบว์สีลูกกวาดหวานแว๋วเปิดลำคอระหง และผิวเนื้อเนียนขาวอมชมพูแบบสาวสุขภาพดีของใบหน้างามหวานที่มีดวงตาและคิ้วเรียวคมอย่างบิดาที่เธอไม่เคยเห็นหน้าแต่ก็ไม่คิดจะถามให้ผู้เป็นมารดาวุ่นวายใจ ไปจนถึงริมฝีปากอิ่มชมพูระเรื่ออย่างแม่สุมนทาผู้เคยเป็นถึงอดีตนางงามประจำปีของจังหวัดเลยทีเดียว
ร่างบางรีบก้าวเท้ายาวๆลงจากเรือนหลังใหญ่ ตรงไปยังเรือนครัวอีกหลังซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก ตัวเรือนไม้ตั้งแยกออกมาจากตัวบ้านใหญ่อย่างเป็นสัดเป็นส่วน มีการจัดการระบบระบายอากาศอย่างเหมาะสมกับการเป็นครัวอุตสาหกรรมขนมไทยชื่อดัง

“แม่ขา...หอมจังเลย ได้กลิ่นไปถึงบนเรือนใหญ่โน่นเลยค่ะ” เสียงหวานเอ่ยแจ้วๆขณะเดินเข้าไปใกล้โต๊ะตัวใหญ่ที่วางขนมไทยหน้าตาน่าทานหลากหลายชนิด พร้อมกับเอื้อมมือบางไปหยิบทองหยอดสีเหลืองเข้มราวกับสีของกลีบดอกจำปา รสชาติหอมหวานด้วยน้ำเชื่อมลอยน้ำดอกมะลิอย่างดีเข้าปากด้วยความเอร็ดอร่อย

“อืม...อร่อยจังเลยค่ะ ฝีมือไม่มีตกเลยนะคะ คุณนายสุมนทาเนี่ย...อิอิ”

“จ้า...แม่คนปากหวาน”

ดวงตาสีดำสนิทคู่สวยจ้องมองดูผู้เป็นแม่สาละวนกวนน้ำกะทิในเตาถ่านไม้จนหอมฟุ้ง ลูกสาวคนสวยจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“แล้ววันนี้แม่ทำขนมอะไรบ้างคะ เยอะแยะเชียว”

“วันนี้แม่ทำขนมลงที่ร้านหลายอย่างเลยนะ แล้วก็มีลูกชุบของโปรดของเราด้วยอยู่บนจานเปลในตู้กับข้าวโน่นแนะ” สุมนทาบอกอย่างยิ้มแย้ม เมื่อเห็นหน้าลูกสาวคนขยันที่ไม่ค่อยจะกลับบ้านบ่อยนัก เพราะงานยุ่งซะเหลือเกินคนนี้

“แหม...แม่รู้ใจกานต์จังเลย ว่ากานต์กลับมาบ้านเพราะอยากกินขนมฝีมือแม่นี่แหละค่ะ”

“ก็ใช่นะสิ ไม่อย่างนั้น แม่จะเป็นแม่ของจอมแสบอย่างเราได้เหรอ”

“โธ่แม่...กานต์เนี่ยระดับปกติค่ะ ไม่ใช่อย่างใครบางคนที่แสบเข้าขั้นจนซีม่าร์เรียกพี่ซะหน่อย” ใบหน้างามย่นจมูกโด่งจนรั้นขึ้นอย่างน่าเอ็นดู ทำให้สุมนทาส่ายหน้ากับความช่างเปรียบเปรยของคนแสนงอน

“แล้วที่กองเยอะๆตรงโน้น เตรียมแพคใส่กล่องนั่นล่ะคะ แม่จะเอาไปที่ไหน” สายตาคมเหลือบไปเห็นคนงานของร้านกำลังง่วนกับการแพคขนมนานาชนิดลงกระทงใบตองสีเขียวสวยสด วัสดุธรรมชาติที่หาค่อนข้างยากในตอนนี้ แต่ไม่เกินความสามารถของสุมนทาที่มีสวนกล้วยของตัวเอง อีกทั้งยังมียี่ห้อขนมชื่อ”แม่สุมนทา”การันตรีความเป็นแม่ค้าขนมหวานประจำตลาดน้ำดำเนินสะดวกเจ้าเก่า แล้วยังห่อด้วยกล่องพลาสติกอีกชั้นเพื่อขนส่งอย่างดีอีกทีหนึ่งด้วยความสงสัย

“อ้อ...วันนี้มีออเดอร์มาจากโรงแรมในกรุงเทพฯจ้ะ เห็นว่าจะมีงานเลี้ยงฉลองงานแต่งงานของลูกสาวเจ้าของร้านจิวเวอร์รี่รายใหญ่ เขาเลยอยากได้ขนมมงคลของไทยไปใช้ในงาน แล้วก็เป็นของว่างให้กับแขกที่มาร่วมงานด้วย ก็เลยสั่งเข้ามาซะเยอะเลยล่ะ” คุณสุมนทาอธิบายลูกสาวไปขณะกวนน้ำกะทิที่จะไปผสมกับถั่วเขียวเลาะเปลือกเพื่อทำเม็ดขนุน

“แล้วขนมที่ใช้ในงานแต่งเนี่ย มันมีอะไรบ้างเหรอคะแม่” ริมฝีปากหวานเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัย

“ขนมมงคลที่ใช้ในงานแต่งงานก็มี ขนมกง ขนมสามเกลอ ทองหยิบ ทองหยอด ทองพลู ทองโปร่ง ทองม้วน ทองเอก เม็ดขนุน ข้าวเหนียวแก้ว ฝอยทอง จ่ามงกุฎ ขนมเทียน ขนมถ้วยฟู ขนมโพรงแสม แล้วก็ขนมเสน่ห์จันทร์นะจ๊ะ”

“โหย เฉพาะขนมก็ตั้งไม่รู้กี่อย่างแล้ว งานแต่งงานนี่มันยุ่งยากชะมัดเลยนะคะ” กานต์ธีราบ่นอุบขณะคิดถึงภาพงานแต่งงานหรูหราในโรงแรมใหญ่ๆที่เธอเคยไปร่วมงาน

“เอาไว้เราแต่งงาน แม่จะทำให้ครบมากกว่านี้อีกนะ รู้ไหม?” สุมนทาหันมาบอกกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงแสนรักใคร่

“โอ๊ย...คงยากค่ะแม่ กานต์ยังอายุไม่เท่าไร แถมยังสนุกกับการทำงานอยู่เลยด้วยนะคะคุณแม่ขา...” หญิงสาวทำหน้าปูเลี่ยนเมื่อแม่ของเธอเอ่ยถึงเรื่องแต่งงาน

“หึหึ แต่เราเป็นผู้หญิงนะ ยังไงสักวันหนึ่งก็คงต้องมีคนเข้ามาดูแล แล้วก็มีครอบครัวเป็นของตัวเองนะ” ผู้เป็นแม่อธิบาย พร้อมกับหัวเราะอย่างอ่อนใจกับท่าทางของดื้อดึงของลูกสาว

“เชอะ! กานต์ขอทำงานแล้วก็ดูแลแม่ดีกว่าค่ะ กานต์ยังมีแรงทำงานได้อีกนาน ไม่รอง้อให้ผู้ชายต้องมาดูแลหาเลี้ยงหนูหรอกค่ะ”

“จ้า...แม่คนเก่ง” สุมนทารับคำพร้อมกับลูบศีรษะทุยของลูกสาวอย่างแสนรัก

“อะไรกันยัยกานต์ วันนี้เราตื่นสาย แล้วยังมาขโมยขนมของแม่มนทานอีกเหรอเนี่ย” เสียงห้าวทุ้มดังมาจากข้างหลัง ทำให้กานต์ธีราหันขวับกลับไปมองอย่างเอาเรื่อง

“เชอะ! ใครว่าล่ะ เค้าตื่นปกติของเค้าหรอก แล้วใครมันจะไปเหมือนดาราหนุ่มสุดฮอต งานเยอะแทบไม่มีเวลาว่างอย่างคุณล่ะคะคุณภาม จะได้มีงาน มีเงินเยอะให้ใช้จนเหลือเฟือ กินแต่ขนมต่างประเทศที่แฟนคลับเอามาให้ ไม่ต้องมานั่งสนใจขนมไทยแบบนี้หรอก” พูดจบใบหน้างามก็ค้อนขวับเข้าให้วงใหญ่เรียกเสียงหัวเราะจากคนรอบๆข้าง ให้หายเหนื่อยจากงานที่ทำเลยทีเดียว

“อ้าวยัยกานต์...ตื่นมาก็อ้าปากกัดก่อนเลยนะ รู้อย่างนี้...เมื่อคืนไม่ให้ขึ้นรถกลับมาที่บ้านด้วยก็ดีหรอก” ร่างสูงที่เดินเข้ามาใหม่เอ่ยอย่างหมั่นไส้ระคนเอ็นดูคนตัวเล็กตรงหน้า

ภาม หรือ ภควัต ปรานต์ปริพัตร ชื่อที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในวงการบันเทิงของไทย เจ้าของรูปร่างสูงโปร่งกว่า 6 ฟุต 2 นิ้ว ใบหน้าคมคาย จมูกโด่งรั้นเป็นสันได้รูป ดวงตาเรียวรีสีดำสนิทเหมือนนิล ริมฝีปากหนาเป็นสีแดงเข้มอย่างหนุ่มรักสุขภาพเพราะไม่ชอบสูบบุหรี่หรือเล่นยาแบบดาราหนุ่มบางคน อีกทั้งยังผิวขาวเนียนสไตล์หนุ่มเกาหลีที่กำลังนิยมในหมู่สาวๆบ้านเราแต่ก็ไม่ได้ดูบอบบางอย่างผู้หญิง และแม้เขาจะเป็นดาราหนุ่มที่มีค่าตัวแพงริบเป็นอันดับต้นๆของวงการ หากแต่บรรดาผู้จัดละครและงานอีเวนท์ต่างๆก็ยังอยากได้ๆตัวเขาไปร่วมงานอยู่ดี เพราะภามเป็นเหมือนแม่เหล็กชั้นดีดึงดูดบรรดาลูกค้าและแฟนละครตั้งแต่เด็กสาวแรกรุ่นไปยังสาวแก่รุ่นคุณป้าคุณยายทั้งหลายได้สบายๆ อีกทั้งนิสัยขี้เล่น ไม่ถือตัวกับใครๆ มีน้ำใจกับผู้ร่วมงานทุกคน ทำให้เขาได้รางวัลขวัญใจมหาชนหลายปีซ้อนเลยด้วยทีเดียว

“เชอะ! กานต์ก็ไม่ได้อยากจะขึ้นรถมาด้วยสักหน่อย เบื่อชะมัดไอ้การที่ต้องหลบๆซ่อนๆปลอมตัว วิ่งขึ้นรถดาราใหญ่อย่างคุณภามขา...คอยดูเถอะ! เกิดวันหนึ่งมีปาปารัซซี่แอบถ่ายรูปได้ เดี๋ยวก็ได้เป็นข่าวใหญ่ต้องมานั่งแก้ข่าวกันให้วุ่นไปหมด” กานต์ธีราเอ่ยด้วยน้ำเสียงเซ็งสุดขีด เมื่อนึกถึงเรื่องที่เธอต้องคอยหาแว่นกันแดดสีดำอันโต และเสื้อฮูดตัวใหญ่มาเอาไว้สำรองเสมอ หากต้องขึ้นรถกลับมาที่บ้านพร้อมกับพ่อดาราหนุ่มสุดฮอตคนนี้

“หึหึ เป็นข่าวกับน้องสาวตัวเอง คงสนุกดีพิลึกนะ คิดอย่างนั้นไหมครับแม่มน” ภามหันไปถามผู้เป็นแม่ที่กำลังยืนคุมเด็กในร้านแพคขนมลงกล่องอย่างขยันขันแข็ง

“แหม...คุณภามก็พูดไปนะคะ เวลาเป็นข่าวทีไร ก็มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นแหละค่ะที่จะเสียหาย” แม่มนตอบอย่างเอ็นดูดาราหนุ่ม

“จริงด้วยค่ะแม่ กานต์ก็ว่าอย่างนั้นแหละ ข่าวพวกนั้นมีแต่จะทำให้เสียหาย เสียคะแนนความนิยมเปล่าๆ แต่แม่ดาราสาวพวกนั้นก็ขยันมีข่าวขึ้นคอนโดของคุณภามเป็นว่าเล่นไม่เว้นแต่ละวัน ท่าทางอยากเป็นข่าวกับคุณภามเหลือเกิน สงสัยคงเห็นคุณภามเป็นถนนบายพาสพาบรรดาหล่อนๆทั้งหลายดังไวแน่ๆเลยคุณภาม” กานต์ธีราออกความเห็นพร้อมกับทำหน้าล้อเลียนบรรดาสาวๆของดาราหนุ่มที่เธอพูดถึง

“ฮ่าๆ หน้าพี่เหมือนถนนขนาดนั้นเลยเหรอยัยกานต์ ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าถนนสายที่เราพูดถึงต้องหล่อและดูดีมากๆเลยนะเนี่ย” ภควัตตอบพร้อมกับใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งแตะลงใต้คางคมแสดงท่าเก๊กหน้าหล่อใส่น้องสาวคนสวย

“แหวะ! ไปกันใหญ่แล้วคุณภาม ที่เค้าว่าเหมือนถนน เพราะว่าความหนาต่างหาก หนาม๊าก...มากจนไม่รู้จะหาอะไรมาเปรียบเทียบแล้ว” คนตัวเล็กกว่าตอบพร้อมกับเชิดหน้าสูงจนดาราหนุ่มเกิดอาการหมั่นไส้ จึงใช้นิ้วเรียวของตนดีดเข้าที่ปลายจมูกรั้นอย่างจัง

“นี่แหนะ! ยัยตัวดี”

“โอ๊ย! เจ็บนะ แม่ดูคุณภามสิ แกล้งดีดจมูกเค้าด้วย เจ็บชะมัดเลยเนี่ย...” นางแบบสาวร้องดังลั่นแล้วยกมือบางขึ้นลูบจมูกรั้นของตัวเองปรอยๆ พร้อมกับโผเข้าหาอ้อมกอดอุ่นของมารดา ด้วยดวงตาสีนิลคู่งามมีน้ำตาเอ่อคลอหน่วยอย่างน่าสงสาร

“แกล้งกันเป็นเด็กเล็กไปได้นะคะ ทั้งคุณภามทั้งยายกานต์เลย ดูสิ...เลยเถิดจนเจ็บตัวกันไปแล้วสินั่น” แม่มนของคนทั้งคู่เอ่ยดุอย่างไม่จริงจังนัก แต่ก็นึกสงสารลูกสาวอยู่ในที

“โธ่...แม่มน ยัยกานต์ไม่ได้เจ็บจริงหรอกครับ ผมดีดแค่เบาๆเอง แม่คนเนี้ย! เจ้าบทบาทจะตาย แสดงเก่งกว่าดาราสาวๆที่เล่นละครกับผมเป็นไหนๆ ผมแนะนำให้ลองไปแคสติ้งดูก็ไม่ไปจะเดินแบบท่าเดียว งานเดินแบบมันจะได้เงินสักเท่าไรเชียว ถ้าเธอไม่รับเล่นโฆษณาหรือละครด้วย...พี่อยากรู้” ดาราหนุ่มผู้ช่ำชองวงการบอกพร้อมกับมองดูท่าทางออดอ้อนของหญิงสาวด้วยสีหน้ารู้ทัน

“ก็...เป็นนางแบบมันอิสระกว่าเป็นดาราตั้งเยอะ ไม่ต้องไปเรียนการแสดงให้มันยุ่งอยาก แค่ขยันฝึกท่าทางในการโพสท่าถ่ายรูปให้ออกมาดูดีก็พอ และถึงจะได้เงินน้อยก็รับงานเยอะๆ ไม่ออกไปเที่ยวใช้เงินไม่เข้าท่าก็เก็บเงินมาให้แม่ได้แล้วล่ะ แล้วที่ดีที่สุดคือไม่ต้องมาคอยตอบคำถามนักข่าวว่าคุณเป็นแฟนกับใคร จะไปนัดเดทกันที่ไหน เดินห้างกับใคร โอ๊ย!ร้อยแปดคำถามไม่เว้นแต่ละวันน่าเบื่อออก”

“มันไม่ถึงขนาดนั้นหรอกยัยกานต์ สำหรับพี่ถือว่าทุกอย่างที่ต้องทำหรือแสดงออก มันเป็นงานของเรา เราก็แค่ทำให้ผลงานออกมาให้ดีที่สุดแค่นั้น ไม่ใช่เหรอครับแม่มน” ใบหน้าคมหันไปถามสุมนทาด้วยสายตาที่มุ่งมั่น

“ใช่แล้วค่ะคุณภาม คนเรานั้นต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุดให้สมกับหน้าที่ที่เราได้รับมา”

“แหม...ทั้งแม่ทั้งคุณภามเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย กานต์ชักจะสงสัยแล้วนะคะว่าระหว่างกานต์กับคุณภาม ใครเป็นลูกของแม่กันแน่” คนตัวเล็กกว่าเอ่ยอย่างแสนงอน หากแต่เรียกเสียงหัวเราะของทั้งแม่และพี่ชายได้ทั้งคู่

“ฮ่าๆ โธ่!ยัยกานต์ เราก็ตั้ง 23 แล้วนะ ยังจะมานั่งสงสัยอยู่อีกเหรอว่าตัวเองเป็นลูกใคร? แบบนี้เขาเรียกว่าโตแต่ตัวนะเนี่ย...”

“ว่าไม่ได้หรอกค่ะคุณภาม วันดีคืนดีแม่มนอาจจะอยากได้ลูกชายมากกว่าลูกสาวก็ได้ ไม่เห็นเหรอ...เรียกคุณภามว่าคุณภาม แต่ทีกับเค้าเรียกยายกานต์ แตกต่างกันอย่างกะฟ้ากับเหว” ริมฝีปากบางบ่นอย่างนึกหมั่นไส้คนตัวโตตรงหน้าขึ้นมาติดหมัด
คุณแม่คนขยันที่นั่งฟังลูกสาวบ่นอยู่นานสองนานเกิดอาการกลัวว่าลูกสาวจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ จึงเอ่ยปากอธิบายก่อนที่คนที่ตนรักทั้งสองจะหาเรื่องแกล้งกันจนเลยเถิด

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะยายกานต์ ที่แม่เรียกคุณภามว่าคุณจนติดปาก ก็เพราะคุณภามเป็นตัวแทนและเป็นลูกชายคนเดียวของคุณป้าวรรณรวีกับคุณลุงชานนท์พี่เขยและพี่สาวแท้ๆของแม่ แล้วยังเป็นผู้มีพระคุณของครอบครัวเราด้วย ถ้าหากไม่ได้ทั้งคุณป้าและคุณลุงช่วยเหลือเอาไว้ในตอนที่แม่ขาดที่พึ่งพา แม่ก็ไม่รู้ว่า...ชีวิตของพวกเราสองคนจะเป็นอย่างไรเหมือนกันนะรู้ไหม?”
ดวงหน้าสวยของผู้เป็นแม่หม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด พลางนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตของตนเมื่อ20กว่าปีก่อน ตอนที่เธอยังเป็นเพียงเด็กสาวตกระกำลำบากขาดที่พึ่งพา หนำซ้ำยังมีกานต์ธีราติดท้องมาอีก ก็ด้วยความอ่อนเดียงสาของเธอ ความสวยงามน่ารักสมวัยสาวรุ่นเพียง18ปีของเธอ ไปถูกตาต้องใจนายหัวหนุ่มเจ้าของรีสอร์ทใหญ่ทางใต้ที่เธอทำงานอยู่เข้า นายหัวหนุ่มผู้นั้นก็ใช้ความจัดเจน ความมีเสน่ห์อันร้ายกาจ และวาจาอันไพเราะหวานหู พูดจาหว่านล้อมล่อลวงจนเธอตกหลุมรักและยอมพลีกายมอบให้เขา แต่ความสุขก็อยู่กับเธอได้ไม่นาน เมื่อภรรยาที่ถูกต้องถามกฎหมายของนายหัวหนุ่มผู้นั้นรู้เรื่องเข้า จึงให้คนของตนตามราวีเธอไม่หยุดหย่อนจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เธอถึงได้ซัดเสพเนจรมาพร้อมลูกน้อยในครรภ์

“แม่คะ แม่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมถึงเงียบไป”
คำถามของลูกสาวคนสวย ทำให้สุมนทาที่กำลังอยู่ในภวังค์แห่งอดีตได้สติกลับคืน และหันกลับมาตอบคำถามของกานต์ธีราด้วยน้ำเสียงแจ่มใสเหมือนเดิม

“เปล่าจะ แม่ไม่ได้เป็นอะไรหรอกนะ”

“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วค่ะ แต่แม่ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเรียกคุณภามว่าคุณสักหน่อย กานต์ก็เลยติดเรียกคุณภามว่าคุณ แทนที่จะเป็นพี่ภามอย่างน้องสาวคนอื่นเขาเรียกพี่ชายกันเลย”

“เอาน่า...ยัยกานต์ แค่พี่กับแม่มนแล้วก็ทุกคนในบ้านรู้ว่าพี่กับเราเป็นพี่น้องกันก็พอ ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องอธิบายให้มาเข้าใจกับเราสักหน่อย จริงไหมครับแม่มน” พูดจบดาราหนุ่มก็หันไปพยักหน้ากับสุมนทาอย่างสนุกสนาน

“ค่า...คุณชายภาม แล้วตอนเย็น...กานต์ก็ต้องรบกวนคุณภามไปส่งกานต์ที่โรงแรม ดิ อิมเมอรอลด้วยนะคะ” เสียงหวานเอ่ยขอร้องดาราหนุ่มผู้พี่ ที่มีชะตาต้องเข้ากรุงเทพฯในช่วงบ่ายๆของวันพร้อมกันอีกครั้ง

“ดิ อิมเมอรอลเหรอ? เราจะไปทำอะไรที่นั่น”

“ก็เจ๊ดา เจ้าของห้องเสื้อดาริกาแกชวนไปเดินแบบให้ในงานบางกอกแฟชั่นวีคนะสิคะ กานต์ปฏิเสธแกมาหลายหนแล้ว คราวนี้แกก็เลยไปดักรอกานต์ถึงออฟฟิตของพี่โอเล่ กานต์ก็เลยต้องรับงานแก...” ริมฝีปากหวานบ่นอย่างเซ็งๆ

“กานต์! เราก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าคุณดาเปิดห้องเสื้อเพื่อบังหน้าธุรกิจค้าเนื้อสดของบรรดานางแบบแล้วก็ดาราสาวๆเท่านั้น เราไม่น่าไปตอบตกลงเลยนะ” ภควัตขมวดคิ้วเรียวมุ่น เมื่อได้ยินคำปากเล่าออกมาจากปากของน้องสาว

“กานต์ทราบดีค่ะคุณภาม แต่ว่า...” ยังไม่ทันที่นางแบบสาวจะอธิบายจบ แม่มนก็อุทานขึ้นอย่างตกใจกับเรื่องที่ได้ยินอย่างออกมาจากปากของดาราหนุ่มชัดเจนเต็มสองหู

“จริงหรือคะคุณภาม โธ่...ยายกานต์แบบนี้เราไม่น่าไปรับงานของห้องเสื้อนี้เลยนะลูก”

“เฮ้อ...ทั้งแม่ทั้งคุณภามไม่ต้องตกใจเลยนะคะ ในชีวิตนี้...กานต์ขอสาบานเลยว่า กานต์จะไม่ขายตัว ขายศักดิ์ศรีเพื่อแลกงานหรือเงินเด็ดขาด แล้วเรื่องงานเดินแบบของห้องเสื้อคุณดาริกา กานต์มีความจำเป็นจริงๆเพราะพี่โอเล่ขอร้องเอาไว้ กานต์ไม่อยากให้ผู้ใหญ่เขาต้องเสียคำพูด พี่โอเล่เขาเป็นผู้จัดการของกานต์มาตั้งแต่กานต์เข้าวงการมาครั้งแรก แกก็ทราบอยู่แล้วว่ากานต์ไม่ได้เป็นผู้หญิงประเภทนั้น แกช่วยพูดปัดแทนกานต์มาให้หลายครั้งแล้ว แต่คราวนี้พี่โอเล่เขาเลี่ยงไม่ได้จริงค่ะแม่ อย่าให้เรื่องหยุมหยิมมาทำให้คนชอบพอกันต้องมาแตกหักเลยนะคะแม่...คุณภามด้วย ไม่ต้องทำหน้าบูดแบบนั้นเลยนะคะเดี๋ยวก็เสียแฟนคลับหมดหรอก” กานต์ธีราพยายามอธิบายทั้งแม่และพี่ชายต่างสายเลือดด้วยน้ำเสียงจริงจัง และหันไปตัดบทภควัตก่อนที่ดาราหนุ่มจะเอ่ยท้วงตนด้วย

“ถึงเราจะพูดแบบนั้นก็เถอะยายกานต์...แม่ก็ยังห่วงเราอยู่ดีนะ แล้วจะทำยังไงกันดีล่ะคะที่นี้คุณภาม...” สุมนทาหันไปขอความเห็นจากดาราหนุ่มที่ยืนใช้ความคิดจนคิ้วเข้มขมวดมุ่นไม่แพ้กัน เพียงครู่ภควัตก็ล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์ยี่ห้อดังราคาแพงลิบลิ่วที่ตนทำสัญญาเป็นพรีเซนเตอร์ด้วยเงินค่าตัวแปดหลัก แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่งคู่กายขึ้นมาสไลด์หน้าจอเปิดขึ้นพร้อมกับกดเบอร์โทรศัพท์ที่ต้องการอย่างรวดเร็ว โดยมีสายตาของสองแม่ลูกมองตามอย่างรอคำตอบ

“สวัสดีคร่า...พี่แจนพูดนะคะ” เสียงปลายสายตอบรับอย่างมีจริตบ่งบอกได้อย่างดีว่า เธอหรือเขาถือธงเพศไหนอยู่ตอนนี้

“สวัสดีครับพี่แจนเหรอครับผมภามเองนะพี่ ไม่ทราบว่างานเดินแบบบางกอกแฟชั่นวีคที่ดิ อิมเมอรอลของห้องเสื้อคุณดา พี่ปฏิเสธให้ผมไปหรือยังครับ” ดาราหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงรีบร้อน เมื่อได้ยินคนที่อยู่ปลายสายอีกทางตอบรับสัญญาณโทรศัพท์กลับมา

“อ้อ...คุณภามเองเหรอคะ ยังเลยคร่า...พี่กำลังจะโทรไปปฏิเสธคุณดาอยู่พอดี แต่คุณภามก็โทรสวนพี่เข้ามาซะก่อน” น้ำเสียงหวานดัดๆของคนปลายสายตอบกลับมา ทำให้ใบหน้าที่บูดบึ้งในตอนแรกของภควัตมีรอยยิ้มแต้มขึ้นมาอีกครั้ง

“ถ้าอย่างนั้นพี่แจนไม่ต้องปฏิเสธหรอกนะครับ ผมรับงานนี้เลยก็แล้วกัน”

“อ่าว...ก็ไหนคุณภามบอกพี่ว่า...ไม่อยากร่วมงานกับคุณดาไม่ใช่เหรอคะ ทำแบบนี้พี่งงนะคะเนี่ยคุณน้อง...” ถ้าตอนนี้ภามโทรหาผู้จัดการสาวประเภทสองด้วยโปรแกรมแสดงใบหน้า โทรศัพท์ของภามคงจะได้เห็นหน้าตาของผู้จัดการส่วนตัวสาวประเภทสองของเขา กำลังจีบปากจีบคอตั้งท่าซักไซ้ไล่เรียงเขาอย่างกับตำรวจกำลังสอบปากคำผู้ต้องหาแน่ๆ

“เอาเถอะครับพี่แจน ผมไม่เถียงพี่แจนเรื่องนี้ก็แล้วกัน เอาเป็นว่าตอบตกลงแล้วก็จัดไปหนักๆหน่อยนะครับ ผมอยากรู้ว่า...คุณดาต้องการผมไปเดินแบบให้กับห้องเสื้อของเธอจริงๆหรือเปล่ากับการปรากฏตัวแค่ชั่วโมงเดียวของผม” ภควัตเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เจ้าเล่ห์ไม่แพ้หน้าตาตอนนี้ของเขาเลย

“โอเคคร่าคุณภาม เดี๋ยวขอพี่โทรไปตกลงแปบนะคะรับรองไม่เกิน20นาที คุณภามได้ทราบเรื่องแน่ๆ แต่ยังไงๆคุณภามก็อย่าลืมกลับเข้ามากรุงเทพฯบ่ายวันนี้นะคะ พี่ไม่อยากให้คุณภามต้องรีบขับรถมาถ่ายละครวันพรุ่งนี้ มันอันตรายนะรู้ไหม?”
“คร้าบ...พี่แจน ผมถึงอยากจะรับงานของคุณดาเป็นค่าเหนื่อยที่ผมลงทุนขับรถเข้ากรุงเทพฯในวันหยุดของผมไงครับ” ภามตอบรับด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์จนคนปลายสายนึกอยากจะหยิกพ่อดาราหนุ่มคนนี้ให้เนื้อเขียวเลยทีเดียว

“แหม...พี่แจนก็เพิ่งทราบนะคะเนี่ย ว่าคุณภามก็เขี้ยวลากดินกับเขาด้วย แบบนี้พี่คงต้องระวังตัวแล้วมั้งคะ เกิดวันดีคืนดีคุณภามลุกขึ้นมาปฏิวัติดัดหลังพี่ด้วยการเปลี่ยนผู้จัดการใหม่ล่ะก็...พี่คงแย่แน่ๆ”

“ฮ่าๆ ไม่หรอกครับ พี่แจนเป็นคนปั้นผมจนผมมีทุกวันนี้ได้ ผมไม่หักหลังพี่แจนหรอกครับ เอาเป็นว่า...ถ้าพี่แจนกลัวผมจะหนีไปจริงๆล่ะก็ คราวหน้าผมขอวันพักร้อนหลายๆวันหน่อยนะครับ ผมอยากพักผ่อนอยู่กับที่บ้านนานหน่อย...ได้ไหมล่ะครับ”

“ได้คร่า...คุณภาม แต่คงเป็นคราวหน้านะคะ พี่แจนจะหาวันหยุดให้คุณภามพาคนที่บ้านไปเที่ยวเมืองนอกเลยก็ยังได้ แต่ตอนนี้พี่ขอตัวไปติดต่องานให้คุณภามก่อนนะคะ...บายค่ะ”

“ครับพี่แจน...บาย!”
เมื่อสิ้นเสียงบอกลาของคนปลายสาย ภควัตก็หันกลับมาเจอกับสายตาของสองแม่ลูกที่นั่งฟังเขาคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทางใจจดใจจ่อรอลุ้นกับการสนทนาของเขา ดาราหนุ่มจึงยิ้มให้กับสุมนทาที่เป็นเหมือนแม่คนที่สองของเขา พร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์มองมาทางกานต์ธีราที่นั่งจิ้มลูกชุบสีสวยซึ่งปั้นเป็นรูปผลไม้หลากหลายชนิดเข้าปากด้วยความเอร็ดอร่อย
ใช้สายตาแบบนี้มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆเลยคุณภาม นางแบบสาวนึกสงสัยอยู่ในใจ แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากเอ่ยถาม ดาราหนุ่มเจ้าบทบาทก็พูดสวนขึ้นมาก่อน

“ยัยกานต์...คืนนี้พี่จะไปดิ อิมเมอรอลกับเรา”


************************************

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา