รินรดีซ่อนรัก
8.7
เขียนโดย Annakan
วันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 09.36 น.
8 ตอน
0 วิจารณ์
9,615 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 09.42 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ตอน 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 2
“ไว้เจอกันตอนค่ำๆ นะคะคนดี” รินรดีลูบหัวแมวสาวสองตัวก่อนจะออกจากห้องเพราะตอนนี้มันเที่ยงกว่าแล้วกระเพาะอาหารกำลังประท้วงเรียกร้องของกินอย่างหนัก
เจ้าตัวสีดำชื่อมิดไนท์ส่วนสีขาวชื่อซันไชน์ทั้งสองตัวเธอได้รับเป็นของขวัญขึ้นบ้านใหม่จริงๆ ต้องเรียกว่าห้องใหม่จะเหมาะกว่า คอนโดห้องนี้ป๊าซื้อให้เธอแล้วเขาก็ทำเซอร์ไพรส์ด้วยการวางเจ้าเหมียวสองตัวไว้บนเตียง
“เด็กดีของป๊าจะได้ไม่เหงา” ภาคินัยบอกลูกหนูตัวน้อยด้วยความเอ็นดูเพราะข้อตกลงที่เขาเสนอหรือสั่งก็คือเธอจะต้องไม่ทำงานเป็นพริตตี้อีกเพราะเขาหึงและหวง ข้อต่อมาก็คือเธอจะต้องไม่ทำงานอะไรเลยและเหตุผลก็เหมือนเดิมคือเขาหึงและหวงมากไม่อยากให้เธอต้องไปคลุกคลีอยู่กับใครสัปดาห์ละหลายๆ วัน เขามั่นใจมากว่าไอ้พวกหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานต้องมาแจกขนมจีบให้หนูน้อยของเขาแน่ๆ
“แล้ว แล้วหนูจะเอาเงินที่ไหนใช้ล่ะคะไหนจะค่าเช่าห้องนี่อีก” รินรดีถามเพราะตอนนั้นเธอยังไม่ทราบถึงสิ่งที่เขาวางแผนไว้
“ป๊าจะดูแลค่าใช้จ่ายทุกอย่างในชีวิตให้หนูเอง คอนโดนี้ก็ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าเพราะป๊าซื้อด้วยเงินสดหนูแค่อยู่เฉยๆ รอป๊ามาหาส่วนจะไปกินข้าวดูหนังกับเพื่อนก็ไปได้หนูก็ใช้ชีวิตของหนูแค่อย่าไปคลุกคลีหรือสนิทกับผู้ชายคนอื่นก็พอ ก็ป๊าหวงหนูน้อยของป๊านี่น่า”
ปีกว่าแล้วที่รินรดีใช้ชีวิตล่องลอยไปวันๆ ในคอนโดขนาดหนึ่งห้องนอน มันมีทุกอย่างครบครันทั้งเครื่องครัว เครื่องเสียงชุดใหญ่ โซฟา อ่างอาบน้ำเธอไม่ต้องออกไปไหนเลยก็ยังได้แต่ใครจะมีชีวิตในห้องสี่เหลี่ยมได้ทั้งวันและวันนี้ก็คืออีกวันที่เธอพาตัวเองออกไปหาผู้คนบ้าง
“เจริญพรนะโยมนะ” รินรดีแวะกินก๋วยเตี๋ยวหน้าวัดแล้วเลยเข้าไปถวายสังฆทาน หญิงสาวกำลังนั่งรับพรและน้ำมนต์ด้วยจิตใจสงบนิ่งแต่ลึกๆ แล้วเธอรู้ว่าต่อให้ทำบุญอีกกี่สิบกี่ร้อยวัดก็ไม่สามารถลบล้างความชั่วที่ทำไว้ได้
เธอคือบ้านเล็ก เมียเก็บ เมียน้อยและอีกหลายฉายาแล้วแต่ใครจะเรียกกันแต่เธอก็ไม่เคยไประรานราวีบ้านใหญ่และเธอก็จะไม่มีวันทำแบบนั้นด้วย ป๊ามีบุญคุณกับเธอมากเธอจะไม่ทำให้เขาต้องเดือดร้อนเป็นอันขาดและถ้าให้พูดตามตรงภรรยาของป๊าก็มีบุญคุณกับเธอเช่นกันเพราะเงินผัวเงินเมียก็เหมือนเงินจากกระเป๋าเดียวกัน
วันที่รู้ว่าต้องใช้เงินหลักแสนในการผ่าตัดแม่โลกของเธอก็พังทลายลงมาอีกครั้งเธอเพิ่งคิดว่าตัวเองเป็นผู้นำที่ดีดูแลแม่ได้แต่แล้วก็ได้รู้ว่ามันยังดีไม่พอ
“ให้แม่ผ่าตัดได้เลยผมจะดูแลค่าใช้จ่ายให้เอง” ภาคินัยบอกเมื่อวันที่รินรดีนั่งร้องไห้อยู่ในโรงพยาบาล
“ฉันจะหาเงินมาคืนคุณให้เร็วที่สุดนะคะ” รินรดีบอกทั้งน้ำตา
“เรื่องนั้นเราค่อยว่ากันทีหลัง” แล้วมารดาของรินรดีก็ได้รับการผ่าตัดต่อจากนั้นก็พักฟื้นอยู่เกือบเดือนแต่น่าเศร้านักที่การผ่าตัดนานหลายชั่วโมงและยาที่ว่าดีที่สุดก็ไม่อาจยื้อชีวิตของแม่ไว้ได้
ภาคินัยไม่อาจไปร่วมงานศพได้เพราะมันจะเป็นที่สังเกตเกินไปเขาจึงบอกว่าต้องบินไปต่างประเทศแต่เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ใช้จัดงานเขาก็ออกให้ทั้งหมด รินรดีก็ไม่ได้สงสัยอะไรเพราะเธอก็รู้ว่าเขาคือนักธุรกิจและเวลานั้นก็ไม่มีอะไรที่จะดึงความสนใจของเธอไปได้
หลังงานศพของมารดาเสร็จสิ้นลงรินรดีก็เคว้งคว้างและทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสเธอไม่เคยอยู่คนเดียว ตั้งแต่จำความได้ก็มีแม่คอยดูแลเคียงข้างให้ความรักมาตลอด ยิ่งได้เห็นความเจ็บปวดในช่วงสุดท้ายของแม่ก็ทำให้เธอยิ่งเสียใจที่ช่วยอะไรแม่แทบไม่ได้เลย
“ผมรักคุณนะรินรดีคุณยังมีผมอยู่” ภาคินัยรู้ว่าเด็กสาวต้องการหาที่พึ่งทางใจและมันไม่มีเวลาไหนจะเหมาะกว่าตอนนี้อีกแล้ว…เมื่อจบพิธีลอยอังคารเธอก็กลายเป็นเมียเก็บโดยสมบูรณ์
“เอาเซทเอค่ะกับน้ำมะม่วงปั่น” รินรดีพาตัวเองมาที่ห้างสรรพสินค้าแล้วหาอาหารมื้อเย็นให้ตัวเอง ตลอดหนึ่งปีเธอมักจะไปไหนมาไหนคนเดียวซะเป็นส่วนมาก นานๆ ครั้งเพื่อนถึงจะว่างมาเจอและนานครั้งกว่ามากๆ ที่ป๊าจะมากินข้าวหรือเจอเธอระหว่างวันเพราะเขาต้องทำงาน
“ผมเรียกคุณว่าหนูได้ไหมมันน่ารักดี” ภาคินัยถามเด็กสาวเมื่อคืนแรกที่ได้เป็นของกันและกัน
“ได้ค่ะ”
“แล้วหนูอยากเรียกผมยังไงคะ”
“เอ่อ ฉันไม่รู้ค่ะ” รินรดียังคงไม่คลายความอายจากการแนบชิดที่เพิ่งจบลง เธอตอบเขาด้วยเสียงแผ่วเบาและไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ
“แทนตัวเองว่าหนูสิ ฉันมันใช้สำหรับคนที่ไม่สนิทกันแต่ตอนนี้เราสนิทกันมากแล้วนะคะ” ภาคินัยบอกแถมหอมแก้มเด็กสาวให้อีกที
“หนู หนูไม่รู้ค่ะ เรียกว่าคุณก้องได้ไหมคะ”
“หนูไม่เคยเจอพ่อใช่ไหม”
“ไม่เคยค่ะ” รินรดีตอบแล้วทำหน้าเศร้า
“ผมจะเป็นผู้ชายคนนั้นให้คุณเองรินรดี ต่อไปนี้ผมจะดูแลและปกป้องคุณ”
“เอ่อ แต่พ่อลูกเขา เขาไม่ทำแบบนี้กันนะคะ”
“หนูไม่มีพ่อแต่มีสามีไงครับ” ภาคินัยบอกเด็กสาว
“เรียกผมว่าป๊าได้ไหมคนอื่นเรียกสามีว่าป๊าเยอะแยะไป”
“ป๊า” รินรดีเอ่ยออกมาเบาๆ แล้วพายุรักระลอกใหม่ก็เริ่มขึ้นอีกครั้งและนับตั้งแต่นั้นชีวิตเธอก็ไม่เคยเคว้งคว้างอีกเลยเพราะมีเขาเป็นผู้นำทาง
“กลับมาแล้วจ้าเด็กๆ” เธอมาถึงห้องเอาตอนสองทุ่มกว่าคืนนี้ป๊าบอกแล้วว่าไม่มาหาเพราะต้องกลับบ้านใหญ่ ถ้าไม่มีเจ้าแมวสองตัวเธอคงแย่แน่ๆ เพราะทุกครั้งที่อยู่คนเดียวก็ได้เจ้าขนปุยนี่แหละที่ช่วยคลายความเหงาให้เบาบางลง
“คิดถึงแม่ไหมคะ” รินรดีอุ้มเจ้าเหมียวสองตัวมากอดอยู่พักใหญ่ๆ แล้วจึงปล่อยให้ไปเล่นซุกซนกันต่อ เธอเดินไปที่ระเบียงห้องพักแล้วมองแสงไฟยามค่ำคืนด้วยความเปล่าเปลี่ยว ป่านนี้ป๊าของเธอจะทำอะไรอยู่เขาจะคิดถึงเธอไหมและเธอจะทำยังไงให้หลุดพ้นจากสถานะที่สังคมตราหน้ารังเกียจ การที่เธอเป็นเมียน้อยลับๆ อยู่อย่างสงบปากสงบคำมันพอจะลบล้างความผิดทั้งหมดได้ไหม
เธอเองไม่ได้ยินดีกับสิ่งที่เป็นแต่เหตุการณ์หลายๆ อย่างมันประจวบเหมาะกันไปหมด บ่วงเล็กๆ พันผูกให้แน่นขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเธอก็ดิ้นไม่หลุด ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาเริ่มขึ้นด้วยความสงสารและมันก็ถักทอเป็นสายใยของความรักและความภักดีที่เธอไม่อาจจะตัดมันได้ เธอไม่กล้าทิ้งป๊าไปไหนเพราะถ้าทำแบบนั้นเธอจะเป็นคนอกตัญญูทันทีและที่มันยากเย็นเหลือเกินกับการเดินจากไปก็คือเธอรักเขาเธอรักผู้ชายคนนี้ เขาเป็นเหมือนพระมาโปรดสัตว์ที่กำลังทุกข์ยากเขาดึงเธอขึ้นมาจากความทุกข์และเขาก็เป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่ได้ครอบครองชีวิตและพรหมจรรย์ของเธอ
“ปล่อยให้มันเป็นไปแล้วกัน” รินรดีพึมพำกับเงาตัวเองที่หน้าต่าง จะเลิกช้าหรือเลิกเร็วยังไงเธอก็ต้องไปชดใช้กรรมในนรกอยู่ดี
“ไว้เจอกันตอนค่ำๆ นะคะคนดี” รินรดีลูบหัวแมวสาวสองตัวก่อนจะออกจากห้องเพราะตอนนี้มันเที่ยงกว่าแล้วกระเพาะอาหารกำลังประท้วงเรียกร้องของกินอย่างหนัก
เจ้าตัวสีดำชื่อมิดไนท์ส่วนสีขาวชื่อซันไชน์ทั้งสองตัวเธอได้รับเป็นของขวัญขึ้นบ้านใหม่จริงๆ ต้องเรียกว่าห้องใหม่จะเหมาะกว่า คอนโดห้องนี้ป๊าซื้อให้เธอแล้วเขาก็ทำเซอร์ไพรส์ด้วยการวางเจ้าเหมียวสองตัวไว้บนเตียง
“เด็กดีของป๊าจะได้ไม่เหงา” ภาคินัยบอกลูกหนูตัวน้อยด้วยความเอ็นดูเพราะข้อตกลงที่เขาเสนอหรือสั่งก็คือเธอจะต้องไม่ทำงานเป็นพริตตี้อีกเพราะเขาหึงและหวง ข้อต่อมาก็คือเธอจะต้องไม่ทำงานอะไรเลยและเหตุผลก็เหมือนเดิมคือเขาหึงและหวงมากไม่อยากให้เธอต้องไปคลุกคลีอยู่กับใครสัปดาห์ละหลายๆ วัน เขามั่นใจมากว่าไอ้พวกหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานต้องมาแจกขนมจีบให้หนูน้อยของเขาแน่ๆ
“แล้ว แล้วหนูจะเอาเงินที่ไหนใช้ล่ะคะไหนจะค่าเช่าห้องนี่อีก” รินรดีถามเพราะตอนนั้นเธอยังไม่ทราบถึงสิ่งที่เขาวางแผนไว้
“ป๊าจะดูแลค่าใช้จ่ายทุกอย่างในชีวิตให้หนูเอง คอนโดนี้ก็ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าเพราะป๊าซื้อด้วยเงินสดหนูแค่อยู่เฉยๆ รอป๊ามาหาส่วนจะไปกินข้าวดูหนังกับเพื่อนก็ไปได้หนูก็ใช้ชีวิตของหนูแค่อย่าไปคลุกคลีหรือสนิทกับผู้ชายคนอื่นก็พอ ก็ป๊าหวงหนูน้อยของป๊านี่น่า”
ปีกว่าแล้วที่รินรดีใช้ชีวิตล่องลอยไปวันๆ ในคอนโดขนาดหนึ่งห้องนอน มันมีทุกอย่างครบครันทั้งเครื่องครัว เครื่องเสียงชุดใหญ่ โซฟา อ่างอาบน้ำเธอไม่ต้องออกไปไหนเลยก็ยังได้แต่ใครจะมีชีวิตในห้องสี่เหลี่ยมได้ทั้งวันและวันนี้ก็คืออีกวันที่เธอพาตัวเองออกไปหาผู้คนบ้าง
“เจริญพรนะโยมนะ” รินรดีแวะกินก๋วยเตี๋ยวหน้าวัดแล้วเลยเข้าไปถวายสังฆทาน หญิงสาวกำลังนั่งรับพรและน้ำมนต์ด้วยจิตใจสงบนิ่งแต่ลึกๆ แล้วเธอรู้ว่าต่อให้ทำบุญอีกกี่สิบกี่ร้อยวัดก็ไม่สามารถลบล้างความชั่วที่ทำไว้ได้
เธอคือบ้านเล็ก เมียเก็บ เมียน้อยและอีกหลายฉายาแล้วแต่ใครจะเรียกกันแต่เธอก็ไม่เคยไประรานราวีบ้านใหญ่และเธอก็จะไม่มีวันทำแบบนั้นด้วย ป๊ามีบุญคุณกับเธอมากเธอจะไม่ทำให้เขาต้องเดือดร้อนเป็นอันขาดและถ้าให้พูดตามตรงภรรยาของป๊าก็มีบุญคุณกับเธอเช่นกันเพราะเงินผัวเงินเมียก็เหมือนเงินจากกระเป๋าเดียวกัน
วันที่รู้ว่าต้องใช้เงินหลักแสนในการผ่าตัดแม่โลกของเธอก็พังทลายลงมาอีกครั้งเธอเพิ่งคิดว่าตัวเองเป็นผู้นำที่ดีดูแลแม่ได้แต่แล้วก็ได้รู้ว่ามันยังดีไม่พอ
“ให้แม่ผ่าตัดได้เลยผมจะดูแลค่าใช้จ่ายให้เอง” ภาคินัยบอกเมื่อวันที่รินรดีนั่งร้องไห้อยู่ในโรงพยาบาล
“ฉันจะหาเงินมาคืนคุณให้เร็วที่สุดนะคะ” รินรดีบอกทั้งน้ำตา
“เรื่องนั้นเราค่อยว่ากันทีหลัง” แล้วมารดาของรินรดีก็ได้รับการผ่าตัดต่อจากนั้นก็พักฟื้นอยู่เกือบเดือนแต่น่าเศร้านักที่การผ่าตัดนานหลายชั่วโมงและยาที่ว่าดีที่สุดก็ไม่อาจยื้อชีวิตของแม่ไว้ได้
ภาคินัยไม่อาจไปร่วมงานศพได้เพราะมันจะเป็นที่สังเกตเกินไปเขาจึงบอกว่าต้องบินไปต่างประเทศแต่เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ใช้จัดงานเขาก็ออกให้ทั้งหมด รินรดีก็ไม่ได้สงสัยอะไรเพราะเธอก็รู้ว่าเขาคือนักธุรกิจและเวลานั้นก็ไม่มีอะไรที่จะดึงความสนใจของเธอไปได้
หลังงานศพของมารดาเสร็จสิ้นลงรินรดีก็เคว้งคว้างและทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสเธอไม่เคยอยู่คนเดียว ตั้งแต่จำความได้ก็มีแม่คอยดูแลเคียงข้างให้ความรักมาตลอด ยิ่งได้เห็นความเจ็บปวดในช่วงสุดท้ายของแม่ก็ทำให้เธอยิ่งเสียใจที่ช่วยอะไรแม่แทบไม่ได้เลย
“ผมรักคุณนะรินรดีคุณยังมีผมอยู่” ภาคินัยรู้ว่าเด็กสาวต้องการหาที่พึ่งทางใจและมันไม่มีเวลาไหนจะเหมาะกว่าตอนนี้อีกแล้ว…เมื่อจบพิธีลอยอังคารเธอก็กลายเป็นเมียเก็บโดยสมบูรณ์
“เอาเซทเอค่ะกับน้ำมะม่วงปั่น” รินรดีพาตัวเองมาที่ห้างสรรพสินค้าแล้วหาอาหารมื้อเย็นให้ตัวเอง ตลอดหนึ่งปีเธอมักจะไปไหนมาไหนคนเดียวซะเป็นส่วนมาก นานๆ ครั้งเพื่อนถึงจะว่างมาเจอและนานครั้งกว่ามากๆ ที่ป๊าจะมากินข้าวหรือเจอเธอระหว่างวันเพราะเขาต้องทำงาน
“ผมเรียกคุณว่าหนูได้ไหมมันน่ารักดี” ภาคินัยถามเด็กสาวเมื่อคืนแรกที่ได้เป็นของกันและกัน
“ได้ค่ะ”
“แล้วหนูอยากเรียกผมยังไงคะ”
“เอ่อ ฉันไม่รู้ค่ะ” รินรดียังคงไม่คลายความอายจากการแนบชิดที่เพิ่งจบลง เธอตอบเขาด้วยเสียงแผ่วเบาและไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ
“แทนตัวเองว่าหนูสิ ฉันมันใช้สำหรับคนที่ไม่สนิทกันแต่ตอนนี้เราสนิทกันมากแล้วนะคะ” ภาคินัยบอกแถมหอมแก้มเด็กสาวให้อีกที
“หนู หนูไม่รู้ค่ะ เรียกว่าคุณก้องได้ไหมคะ”
“หนูไม่เคยเจอพ่อใช่ไหม”
“ไม่เคยค่ะ” รินรดีตอบแล้วทำหน้าเศร้า
“ผมจะเป็นผู้ชายคนนั้นให้คุณเองรินรดี ต่อไปนี้ผมจะดูแลและปกป้องคุณ”
“เอ่อ แต่พ่อลูกเขา เขาไม่ทำแบบนี้กันนะคะ”
“หนูไม่มีพ่อแต่มีสามีไงครับ” ภาคินัยบอกเด็กสาว
“เรียกผมว่าป๊าได้ไหมคนอื่นเรียกสามีว่าป๊าเยอะแยะไป”
“ป๊า” รินรดีเอ่ยออกมาเบาๆ แล้วพายุรักระลอกใหม่ก็เริ่มขึ้นอีกครั้งและนับตั้งแต่นั้นชีวิตเธอก็ไม่เคยเคว้งคว้างอีกเลยเพราะมีเขาเป็นผู้นำทาง
“กลับมาแล้วจ้าเด็กๆ” เธอมาถึงห้องเอาตอนสองทุ่มกว่าคืนนี้ป๊าบอกแล้วว่าไม่มาหาเพราะต้องกลับบ้านใหญ่ ถ้าไม่มีเจ้าแมวสองตัวเธอคงแย่แน่ๆ เพราะทุกครั้งที่อยู่คนเดียวก็ได้เจ้าขนปุยนี่แหละที่ช่วยคลายความเหงาให้เบาบางลง
“คิดถึงแม่ไหมคะ” รินรดีอุ้มเจ้าเหมียวสองตัวมากอดอยู่พักใหญ่ๆ แล้วจึงปล่อยให้ไปเล่นซุกซนกันต่อ เธอเดินไปที่ระเบียงห้องพักแล้วมองแสงไฟยามค่ำคืนด้วยความเปล่าเปลี่ยว ป่านนี้ป๊าของเธอจะทำอะไรอยู่เขาจะคิดถึงเธอไหมและเธอจะทำยังไงให้หลุดพ้นจากสถานะที่สังคมตราหน้ารังเกียจ การที่เธอเป็นเมียน้อยลับๆ อยู่อย่างสงบปากสงบคำมันพอจะลบล้างความผิดทั้งหมดได้ไหม
เธอเองไม่ได้ยินดีกับสิ่งที่เป็นแต่เหตุการณ์หลายๆ อย่างมันประจวบเหมาะกันไปหมด บ่วงเล็กๆ พันผูกให้แน่นขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเธอก็ดิ้นไม่หลุด ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาเริ่มขึ้นด้วยความสงสารและมันก็ถักทอเป็นสายใยของความรักและความภักดีที่เธอไม่อาจจะตัดมันได้ เธอไม่กล้าทิ้งป๊าไปไหนเพราะถ้าทำแบบนั้นเธอจะเป็นคนอกตัญญูทันทีและที่มันยากเย็นเหลือเกินกับการเดินจากไปก็คือเธอรักเขาเธอรักผู้ชายคนนี้ เขาเป็นเหมือนพระมาโปรดสัตว์ที่กำลังทุกข์ยากเขาดึงเธอขึ้นมาจากความทุกข์และเขาก็เป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่ได้ครอบครองชีวิตและพรหมจรรย์ของเธอ
“ปล่อยให้มันเป็นไปแล้วกัน” รินรดีพึมพำกับเงาตัวเองที่หน้าต่าง จะเลิกช้าหรือเลิกเร็วยังไงเธอก็ต้องไปชดใช้กรรมในนรกอยู่ดี
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ