พิษเพลิงริษยา
-
เขียนโดย ยัยเพิ้ง
วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.05 น.
15 ตอน
3 วิจารณ์
14.75K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 21.01 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ตอนที่สาม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “ เสร็จแล้วค่ะ”
เด็กหญิงบอกเมื่อปิด พลาสเตอร์ยาให้เป็นสิ่งสุดท้ายสำหรับแผลเล็กๆนั่น
“ เสร็จแล้วก็ไปสิย่ะ จะมาเสนอหน้าอยู่ทำไม นังเด็กไม่รู้จักกาลเทศะ”
เพชรงามตวาดแว๊ดทันทีเมื่อเด็กหญิงหมดประโยชน์ และเธอก็เลี่ยงออกไปเงียบๆ เขาเองมองตามไปอย่างเวทนา เมื่อลับหลังเด็กหญิงไปแล้วเขาจึงอดติงเพชรงามไม่ได้
“ เพชรไม่น่าไปเสียงดังใส่น้องอย่างนั้นเลย”
สาวสวยเบ้ปากอย่างแสดงความชิงชังผู้เป็นน้องสาวต่างมารดาของตน
“ อย่ามาเรียกนังเด็กนั้นว่าเป็นน้องของเพชรนะค่ะ เพชรไม่เคยนับว่ามันเป็นน้อง มันเป็นหนามยอกอกของเพชรกับคุณแม่ต่างหาก และเป็นสัญลักษณ์ความส่ำส่อนของคุณพ่อ”
“ แต่เด็กคงไม่รู้อะไรด้วย”
“ พี่ธีอย่ามาพูดเหมือนเข้าข้างมันอย่างนั้นนะคะ เพชรไม่ชอบมัน พี่ธีก็ต้องไม่ชอบมันด้วยสิ ความจริงไม่ใช่แค่ไม่ชอบหรอก เพชรกับคุณแม่ถึงกับเกลียดมันเลยละ ถ้าไม่ติดที่คุณพ่อนะ เราเอามันไปทิ้งที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้ว”
ตอนนั้นเขาฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆไม่กล้าออกความเห็นอะไรเพราะทั้งรักทั้งหลงเธอมากจนกลายเป็นความเกรงใจไปแล้ว
“ ทุกวันนี้ที่คุณแม่ยอมให้มันเรียนหนังสือก็เพื่อให้มันพึ่งตัวเองได้แล้วรีบออกไปจากบ้านหลังนี้ให้เร็วที่สุด เพราะสมบัติทุกชิ้นของคุณพ่อต้องเป็นของเพชรคนเดียวเท่านั้น”
ทำไมตอนนั้นเขาถึงไม่เข้าใจซาบซึ้งถึงธาตุแท้ของเพชรงามจากคำพูดเหล่านี้บ้างเลยนะ
ถึงบันไดหินอ่อนขนนาดใหญ่รูปครึ่งวงกลมสูงห้าขั้นที่หน้าบ้าน ชายหนุ่มก้าวขึ้นไปด้วยความรู้สึกสะใจ บัดนี้คฤหาสน์หลังนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของเขาแล้วหลังจากเจ้าของเดิมล้มละลายและบอกขายทอดตลาดไปเมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นเขายังอยู่ที่ต่างประเทศจึงได้ให้อดีตทนายประจำตระกูลผู้ยังภักดีติดต่อซื้อให้โดยที่ไม่มีใครรู้ แล้วให้ลุงชุมมาอยู่เฝ้าดูแลให้ตลอดเวลาที่เขายังไม่กลับมา
ธีรไนยผลักประตูบานใหญ่เข้าไป ภายในนั้นลักษณะหลักๆของบ้านยังเหมือนเดิมแต่เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์และรูปแบบการตกแต่งเสียใหม่เป็นแบบที่เขาชอบ แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว ภาพความหลังครั้งอดีตก็ไม่วายตามมาหลอกหลอนเขาได้อยู่ดี
“ พี่ธีขา ดูซิค่ะ คุณพ่อให้ของขวัญวันปีใหม่กับเพชรเป็นสร้อยเพชรราคาตั้งสี่แสนแน่ะคะ”
เพชรงามนำสร้อยเพชรเส้นสวยมาอวดเขาในห้องรับแขกแห่งนี้เมื่อเขามาหาเธออย่างเช่นที่เคยมาหาอยู่ทุกวันไม่ได้ขาด
“ แล้ว น้ำพลอยละครับได้ของขวัญปีใหม่จากคุณพ่อเป็นอะไรเอ่ย”
เขาหันถามเด็กหญิงที่ประคองแก้วน้ำมาเสริฟให้เพราะเห็นว่าเธอก็เป็นลูกสาวของนายพสิษฐ์เหมือนกันเพราะฉะนั้นเพชรงามได้อะไรเธอก็ควรได้อย่างนั้นด้วย
“ อย่างนังพลอยจะต้องไปให้อะไรมันอีกค่ะ แค่ที่คุ้มกะลาหัวให้ข้าวกินสามมื้อให้เรียนหนังสือแค่นั้นก็ถือว่ามากเกินพอแล้ว อ๋อ แต่เดี๋ยวบ่ายๆฉันจะค้นเสื้อผ้าเก่าๆที่ฉันไม่เอาแล้วมาให้แกก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าปีใหม่ทั้งทีไม่ได้อะไรกับเขาเลย”
เพชรงามทำเสียงใส่อารมณ์หงุดหงิดกับเขา ก่อนจะหันไปกล่าวกับน้องสาวต่างมารดาอย่างชิงชังระคนสมเพชแต่ไม่เวทนา
เขานึกเปรียบเทียบรูปร่างที่โตเป็นสาวเต็มตัวของเพชรงามกับรูปร่างผอมแห้งเหมือนเด็กขาดสารอาหารของน้ำพลอยแล้วก็นึกไม่ออกว่าเธอจะเอาเสื้อผ้าเก่าที่เพชรงามให้ไปทำอะไรได้ แต่เขาก็ไมอยากพูดอะไรให้เพชรงามไม่พอใจอีก
เด็กหญิงบอกเมื่อปิด พลาสเตอร์ยาให้เป็นสิ่งสุดท้ายสำหรับแผลเล็กๆนั่น
“ เสร็จแล้วก็ไปสิย่ะ จะมาเสนอหน้าอยู่ทำไม นังเด็กไม่รู้จักกาลเทศะ”
เพชรงามตวาดแว๊ดทันทีเมื่อเด็กหญิงหมดประโยชน์ และเธอก็เลี่ยงออกไปเงียบๆ เขาเองมองตามไปอย่างเวทนา เมื่อลับหลังเด็กหญิงไปแล้วเขาจึงอดติงเพชรงามไม่ได้
“ เพชรไม่น่าไปเสียงดังใส่น้องอย่างนั้นเลย”
สาวสวยเบ้ปากอย่างแสดงความชิงชังผู้เป็นน้องสาวต่างมารดาของตน
“ อย่ามาเรียกนังเด็กนั้นว่าเป็นน้องของเพชรนะค่ะ เพชรไม่เคยนับว่ามันเป็นน้อง มันเป็นหนามยอกอกของเพชรกับคุณแม่ต่างหาก และเป็นสัญลักษณ์ความส่ำส่อนของคุณพ่อ”
“ แต่เด็กคงไม่รู้อะไรด้วย”
“ พี่ธีอย่ามาพูดเหมือนเข้าข้างมันอย่างนั้นนะคะ เพชรไม่ชอบมัน พี่ธีก็ต้องไม่ชอบมันด้วยสิ ความจริงไม่ใช่แค่ไม่ชอบหรอก เพชรกับคุณแม่ถึงกับเกลียดมันเลยละ ถ้าไม่ติดที่คุณพ่อนะ เราเอามันไปทิ้งที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้ว”
ตอนนั้นเขาฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆไม่กล้าออกความเห็นอะไรเพราะทั้งรักทั้งหลงเธอมากจนกลายเป็นความเกรงใจไปแล้ว
“ ทุกวันนี้ที่คุณแม่ยอมให้มันเรียนหนังสือก็เพื่อให้มันพึ่งตัวเองได้แล้วรีบออกไปจากบ้านหลังนี้ให้เร็วที่สุด เพราะสมบัติทุกชิ้นของคุณพ่อต้องเป็นของเพชรคนเดียวเท่านั้น”
ทำไมตอนนั้นเขาถึงไม่เข้าใจซาบซึ้งถึงธาตุแท้ของเพชรงามจากคำพูดเหล่านี้บ้างเลยนะ
ถึงบันไดหินอ่อนขนนาดใหญ่รูปครึ่งวงกลมสูงห้าขั้นที่หน้าบ้าน ชายหนุ่มก้าวขึ้นไปด้วยความรู้สึกสะใจ บัดนี้คฤหาสน์หลังนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของเขาแล้วหลังจากเจ้าของเดิมล้มละลายและบอกขายทอดตลาดไปเมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นเขายังอยู่ที่ต่างประเทศจึงได้ให้อดีตทนายประจำตระกูลผู้ยังภักดีติดต่อซื้อให้โดยที่ไม่มีใครรู้ แล้วให้ลุงชุมมาอยู่เฝ้าดูแลให้ตลอดเวลาที่เขายังไม่กลับมา
ธีรไนยผลักประตูบานใหญ่เข้าไป ภายในนั้นลักษณะหลักๆของบ้านยังเหมือนเดิมแต่เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์และรูปแบบการตกแต่งเสียใหม่เป็นแบบที่เขาชอบ แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว ภาพความหลังครั้งอดีตก็ไม่วายตามมาหลอกหลอนเขาได้อยู่ดี
“ พี่ธีขา ดูซิค่ะ คุณพ่อให้ของขวัญวันปีใหม่กับเพชรเป็นสร้อยเพชรราคาตั้งสี่แสนแน่ะคะ”
เพชรงามนำสร้อยเพชรเส้นสวยมาอวดเขาในห้องรับแขกแห่งนี้เมื่อเขามาหาเธออย่างเช่นที่เคยมาหาอยู่ทุกวันไม่ได้ขาด
“ แล้ว น้ำพลอยละครับได้ของขวัญปีใหม่จากคุณพ่อเป็นอะไรเอ่ย”
เขาหันถามเด็กหญิงที่ประคองแก้วน้ำมาเสริฟให้เพราะเห็นว่าเธอก็เป็นลูกสาวของนายพสิษฐ์เหมือนกันเพราะฉะนั้นเพชรงามได้อะไรเธอก็ควรได้อย่างนั้นด้วย
“ อย่างนังพลอยจะต้องไปให้อะไรมันอีกค่ะ แค่ที่คุ้มกะลาหัวให้ข้าวกินสามมื้อให้เรียนหนังสือแค่นั้นก็ถือว่ามากเกินพอแล้ว อ๋อ แต่เดี๋ยวบ่ายๆฉันจะค้นเสื้อผ้าเก่าๆที่ฉันไม่เอาแล้วมาให้แกก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าปีใหม่ทั้งทีไม่ได้อะไรกับเขาเลย”
เพชรงามทำเสียงใส่อารมณ์หงุดหงิดกับเขา ก่อนจะหันไปกล่าวกับน้องสาวต่างมารดาอย่างชิงชังระคนสมเพชแต่ไม่เวทนา
เขานึกเปรียบเทียบรูปร่างที่โตเป็นสาวเต็มตัวของเพชรงามกับรูปร่างผอมแห้งเหมือนเด็กขาดสารอาหารของน้ำพลอยแล้วก็นึกไม่ออกว่าเธอจะเอาเสื้อผ้าเก่าที่เพชรงามให้ไปทำอะไรได้ แต่เขาก็ไมอยากพูดอะไรให้เพชรงามไม่พอใจอีก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ