รสิตายั่วรัก
เขียนโดย Annakan
วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 11.19 น.
แก้ไขเมื่อ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 09.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) ตอน 5
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“เหนื่อยไหมคะแม่หญิงน้อย” แม่นมทิพย์หรือที่ใครๆ เรียกสั้นๆ ว่า แม่นมหรือนมทิพย์เอ่ยถามหญิงสาวที่ยังคงเป็นแม่หญิงตัวน้อยๆ สำหรับเธอเสมอ นมทิพย์เลี้ยงรสิตาตั้งแต่วันที่เธอลืมตาดูโลกวันแรกเนื่องจากคุณรวิวรรณไม่ค่อยมีความรู้ในเรื่องการเลี้ยงเด็กอ่อนนักเพราะนี่คือท้องแรกของเธอ ทั้งคู่คือคุณรวิวรรณและคุณราเมษอยากมีแม่หญิงตัวเล็กสักสามคนแต่สวรรค์ก็ไม่ส่งเหล่าธิดาตัวน้อยลงมาให้แม่หญิงตุ๊กตาหรือรสิตาจึงเป็นลูกโทน
“ไม่จ้ะแม่นม ค่ำป่านนี้แล้วทำไมยังไม่กลับเรือนเล่าจ๊ะ”
“กลับช้าสักหน่อยไม่เป็นไรหรอกค่ะวันนี้เป็นยังไงบ้าง” นมทิพย์เป็นห่วงแม่หญิงน้อยของนางมากเพราะนี่เป็นครั้งแรกในรอบหกเดือนที่แม่หญิงออกงาน ตั้งแต่คุณเทิดศักดิ์ผู้เป็นสามีจากไปแม่หญิงก็ไม่ยอมย่างกรายออกไปนอกสวนเลย จริงๆ แม่หญิงเคยไปตลาดครั้งนึงและนั่นคือสาเหตุที่ทำให้แม่หญิงเก็บตัวไม่อยากไปพบเจอผู้คนให้ต้องช้ำใจ
“ดวงกินผัวแหละเธอ ร่ำรวยสวยราวนางสวรรค์แต่อยู่กับผู้ชายคนไหนเขาก็ตายหมดแล้วคุณเทิดนี่ว่าตายคาอกเลยนะบัดสีจริงๆ” แม่ค้าในตลาดซุบซิบกันอย่างออกรสโดยไม่รู้ตัวเลยว่ารสิตายืนอยู่ด้านหลัง เมื่อได้ยินดังนั้นรสิตาก็ขับรถกลับสวนและไม่ยอมออกไปไหนอีกเลยแต่วันนี้มันจำเป็นจริงๆ เพราะมันคืองานที่เตรียมการไว้ตั้งแต่คุณเทิดยังไม่ตายและเธอก็ไม่อยากให้อะไรขาดตกบกพร่องด้วยจึงต้องไปดูแลด้วยตัวเอง
“ก็ดีจ้ะไม่มีใครมาพูดอะไรให้ช้ำใจ” รสิตารู้ว่าแม่นมห่วงเธอในเรื่องนี้จึงตอบให้สบายใจ อาจเป็นเพราะที่งานไม่มีใครรู้จักเธอเพราะคนที่มาสัมมนาเกือบทั้งหมดมาจากจังหวัดอื่นทั้งนั้นและถึงจะเป็นคนพื้นที่ก็เป็นคนที่มีสติปัญญาได้รับการศึกษาไม่เอาเรื่องของคนอื่นมานินทาสนุกปาก เธอเองยังเสียใจและอับอายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถึงมันจะผ่านมาครึ่งปีแล้วก็ตาม
“คนเยอะไหมคะแม่หญิงน้อย” นมทิพย์ซักถามมือก็ง่วนชงชาดอกคำฝอย
“เยอะจ้ะแม่นม มีแต่คนชมว่าโรงแรมของคุณพ่อกับคุณแม่สวยจ้ะ” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แววตาที่เคยสดใสก็หม่นเศร้าลงเล็กน้อย ท่านทั้งสองจากไปได้หลายสิบปีแล้วแต่ก็ยังโชคดีเหลือเกินที่เธอยังเหลือแม่นมอยู่ไม่อย่างนั้นเธอไม่รู้เลยว่าจะมีชีวิตต่อไปยังไง
“ที่มันสวยมันงามก็เพราะแม่หญิงน้อยพัฒนามันมากับมือ ดื่มชาอุ่นๆ ก่อนนะคะจะได้ชื่นใจ” นมทิพย์วางชาดอกคำฝอยหอมกรุ่นให้แม่หญิงน้อยที่เธอรักดั่งดวงใจและก็อดบีบมือเบาๆ ไม่ได้เพราะเธอรู้ดีว่าคุณท่านทั้งสองไม่เคยห่างหายไปจากหัวใจและความทรงจำของแม่หญิงน้อยแม้แต่วันเดียว เธอยังจำได้ดีถึงวันเวลาแห่งความสุขที่สามคนพ่อแม่ลูกวิ่งเล่นหยอกล้อกันอยู่ในสวนดอกไม้
“เมื่อพ่อกับแม่ไม่อยู่แล้วหนูจะทำยังไงกับสวนนี่จ๊ะตุ๊กตา” รวิวรรณเอ่ยถามลูกสาวที่วิ่งไล่ผีเสื้อจนแก้มขึ้นสีแดงเหมือนลูกมะเขือเทศ
“แล้วพ่อกับแม่จะไปไหนหรือเจ้าคะ” เด็กหญิงรสิตาตัวน้อยเอ่ยถามมารดา
“ไปอยู่กับคุณทวดจ้ะพ่อกับแม่จะไปรอหนูก่อน”
“หนูก็ต้องทำต่อสิคะคุณแม่ หนูรักสวนนี้ที่สุดในโลกเลย” เด็กน้อยตอบแล้ววิ่งเล่นต่อและรสิตาก็ทำตามคำมั่นที่ให้ไว้ สวนดอกไม้และโรงแรมคือสมบัติที่พ่อกับแม่สร้างไว้ด้วยความยากลำบากเธอไม่มีวันทอดทิ้งมันแน่นอน
“ขอบคุณค่ะแม่นมแล้ววันนี้ที่สวนเป็นยังไงบ้างคะ” รสิตาจิบชาหอมๆ เข้าไปอึกใหญ่แล้วก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นจริงๆ ชาที่ไหนไม่ว่าใครชงก็ไม่หอมเท่าแม่นมชงให้
“ก็ปกติค่ะ นังสร้อยก็เอะอะโวยวายของมันไปตามเรื่อง” สร้อยฟ้าคือเด็กสาวที่เป็นลูกคนของในสวนนี่แหละทั้งที่เป็นผู้หญิงแต่ชอบโวยวายทำเสียงดังจนเธอต้องดุต้องด่าแทบจะไม่เว้นชั่วโมงเอาเข้ามาช่วยงานครัวก็เก้ๆ กังๆ หยิบจับอะไรดูติดขัดไปหมด
“แม่เลี้ยงเจ้า แม่เลี้ยง” สร้อยฟ้าวิ่งกระหืดกระหอบตะโกนลั่นมาตั้งแต่หน้าประตูใหญ่
“อะไรอีกล่ะสร้อยเอ๊ย พูดจาให้มันเหมือนคนปกติหน่อยได้ไหมแล้วนี่มันค่ำมืดจะเสียงดังทำไม” นมทิพย์เดินไปที่ประตูบ้านแล้วรอฟังว่าแม่ตัวดีแม่เรื่องอะไรมาแจ้ง
“มีคนเจ็บเจ้าคะแม่นม แม่เลี้ยง” สร้อยฟ้าพูดได้แค่นั้นแล้วก็ต้องเอามือกุมหน้าอกเพราะหายใจไม่ทันก็เธอวิ่งหน้าตั้งมาเกือบกิโล
“อะไรใครเจ็บ พูดดีๆ สิสร้อย” รสิตาลุกขึ้นยืนแล้วถามด้วยความตกใจ
“คนเจ็บนะเจ้า มีรถชนที่ทางเข้าสวน ชนกับต้นไม้” สร้อยฟ้าขยายความให้ชัดขึ้นหลังจากได้หายใจจนหายเหนื่อย
“ตายจริง ทำยังไงกันดีคะแม่นม” รสิตาตกใจมากเมื่อได้ยินคำว่าคนเจ็บเพราะในหัวจินตนาการไปไกลแล้วเกิดมาตายในสวนเธอต้องแย่แน่ๆ เพราะคงได้เป็นหัวข้อให้คนเอาไปพูดสนุกปาก
“แม่หญิงน้อยอยู่นี่แหละค่ะไม่ต้องออกไปมันค่ำแล้ว สร้อยอยู่เป็นเพื่อนแม่เลี้ยงเดี๋ยวฉันจะไปตามคนงานผู้ชาย” นมทิพย์สั่งการแล้วเดินออกไป รสิตาเดินวนอยู่ในห้องรับแขกเหมือนหนูติดจั่นเธอเองก็รู้ตัวว่ามีคนเขม่นอยู่ไม่ใช่น้อยในเรื่องธุรกิจมันจะเป็นกับดักล่อเธอรึเปล่านะแล้วแม่นมก็ออกไปเองแบบนั้นจะมีอันตรายไหม
นมทิพย์พาคนงานผู้ชายไปสี่คนเพราะเธอก็รู้ว่าเหตุการณ์มันไม่น่าไว้วางใจ คนที่ไหนจะขับรถเข้าสวนคนอื่นตอนมืดค่ำแบบนี้มันอาจจะเป็นแผนหลอกล่อให้แม่หญิงน้อยออกมาก็ได้
“ยังไม่ตายครับแม่นม” หนึ่งในคนงานเปิดประตูเข้าไปในรถและจับชีพจรของคนขับ
“เราพาไปที่เรือนคนงานก่อนแล้วกัน” นมทิพย์ตัดสินใจ คนงานช่วยกันหามร่างของชยางกูรไปวางที่ท้ายรถกระบะแล้วขับฝ่าความมืดไป
“เป็นยังไงบ้างคะแม่นม” รสิตาถามด้วยความร้อนใจเพราะแม่นมหายไปเกือบชั่วโมง
“ยังไม่ตายค่ะ ขับชนต้นไม้ใหญ่ตรงปากทาง”
“ขอหนูไปดูได้ไหมคะ”
“ก็ได้ค่ะ” นมทิพย์พาแม่หญิงน้อยของเธอไปที่เรือนคนงานชายและที่เดินตามมาต้อยๆ คือสร้อยฟ้าที่หายตกใจแล้วผู้หญิงทั้งสามคนเดินกันไปเงียบๆ ด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ เพราะไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาก่อนเลย
“แต่งตัวดีอยู่นะคะ” นมทิพย์พาแม่หญิงของเธอเข้าไปดูหน้าคนเจ็บ ตอนสัมมนาชยางกูรสวมเสื้อสูทแต่พอจบงานเขาก็ถอดมันออก
“หล่อมากด้วยเจ้าค่ะ” สร้อยฟ้ามองหน้าชายหนุ่มที่หลับไม่ได้สติด้วยความชื่นชม
“น้อยๆ หน่อย” นมทิพย์หันไปปรามเด็กสาว
“อืม เหมือนนักธุรกิจแล้วเขามาทำอะไรที่สวนเราค่ำๆ มืดๆ นะ” รสิตาเปรยเบาๆ ถึงจะได้พูดคุยกับชยางกูรที่งานสัมมนาแต่เธอก็จำเขาไม่ได้เพราะในงานมีคนเป็นร้อยๆ และเธอก็พูดคุยด้วยแทบจะทุกคนมันจึงยากมากที่รสิตาจะจำชยางกูรได้ ยิ่งในสภาพสะบักสะบอมแบบนี้ก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก
“ขาแขนเขาคงไม่หักหรอกมั้งคะแม่นม” รสิตาถามด้วยความไม่แน่ใจ
“เท่าที่ดูด้วยตาแล้วก็จับๆ คลำๆ ก็ไม่มีนะคะแต่เดี๋ยวให้คนงานมาเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อให้ดีกว่า”
“ไว้รอเขาได้สติเราค่อยมาถามเรื่องราวแล้วกัน คืนนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่คนงานมานอนเฝ้าดีกว่าเพราะยังวางใจไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้จะมาไม้ไหน” รสิตาและสร้อยฟ้ากลับไปเรือนนอนส่วนนมทิพย์อยู่สั่งงานแล้วก็กลับไปที่เรือนตัวเองเช่นกัน รสิตากระวนกระวายใจเหลือเกินเพราะกลัวผู้ชายคนนั้นจะมาตายในสวนของเธอ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ