Cobweb of love รักนี้พิชิตใจเธอ ver.2
7.0
เขียนโดย Blue_Bird
วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 12.32 น.
6 ตอน
0 วิจารณ์
7,691 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2560 16.25 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ออกแบบชุด?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ นี่ก็ปาเข้าไปวันที่สามตั้งแต่ฉันได้รับมอบหมายงานแล้ว จนแล้วจนรอดฉันก็ยังคิดไม่ออก สภาพฉันตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างจากซอมบี้เท่าไหร่ ฮือ~ ขอพระเจ้าประทานพรให้ฉันคิดอะไรดีๆออกด้วยเถอะ~ ไม่งั้นฉันว่าฉันต้องกลายเป็นซมบี้เต็มตัวแน่ๆ ตื่นเช้ามาฉันแทบจะรับสภาพตัวเองไม่ได้ ตาฉันนี่คล้ำเป็นหมีแพนด้าแล้ว~ จะว่าไปมันก็เคยมีเพลงที่ร้องว่า หมีแพนด้า หมีแพนด้า หมีๆแพนด้า~¯(สมองฉันไปหมดแล้วล่ะตอนนี้) ฉันเดินเข้าห้องเรียนแทบจะคลานอยู่แล้ว แต่ฉันก็ต้องเก๊กดูดีไว้ก่อนถึงแม้ไอ้เครื่องสำอางที่โบ๊ะมามันจะปกปิดดวงตาที่เหนื่อยล้าไม่ได้ก็เถอะ ฉันยังคิดไม่ออกเลย ให้ตายสิทำไมธีมนี้มันยากอย่างนี้ล่ะเนี่ย~
“ไงแบเญ่เธอคิดอะไรออกไหม”วิคกี้เพื่อนสาวในห้องเดินเข้ามาถามฉัน ความจริงแล้วเธอชื่อวิคเตอร์ เธอเป็นผู้หญิงทางใจแต่กายเป็นผู้ชาย หน้าตาเธอก็ดูอิดโรยไม่ต่างกับฉันเท่าไหร่นักหรอก ถึงแม้ว่าเธอจะแต่งหน้ามาสวยเด๊ะแต่ท่าทางของเธอก็พอดูออกว่าเธออ่วมไม่แพ้ฉันหรอก
“ฉันยังคิดไม่ออกเลย ธีมสมัยก่อนนี่ยากจัง”ฉันบ่นให้เธอฟังก่อนจะเอาสมุดสเกตภาพออกมา ถึงในนั้นจะมีชุดที่ฉันออกแบบไว้สองสามชุดก็เถอะ แต่ฉันว่ามันก็ยังใช้ไม่ได้อยู่ดี ฮือ~ ตอนนี้ใจของฉันมัน กำลังละลาย ละลาย ละลาย ละลาย ไหลไปกับงาน~¯ฉันนึกเพลงสดใสในตอนที่ฉันยังเรียนอยู่ประถม แต่ตอนนี้ฉันกำลังจะหายใจไม่ไหว~¯(ยังไม่หยุด)
“เหมือนกันเลย พวกเธอว่าไง”วิคกี้หันไปถามเพื่อนในห้องแต่ละคนถอนหายใจจนวิญญาณจะออกมาทางจมูกได้อยู่แล้ว รวมถึงฉันด้วย แง~ ทำไมมันยากแบบนี้~
“โอ้ยจะทำยังไงดีเนี่ย อีกอาทิตย์กว่าพวกเราจะทำทันไหม”วิคกี้กอดอกพร้อมกับถอนหายใจ ฉันก็ถอนหายใจเหมือนกัน ฉันอยากให้มีคนมาเคาะสมองฉันจังเลย ใจกลาง ใจกลาง ความคิดถึงงาน ใจงาน ใจงาน เคยคิดถึงสมองฉันบ้างไหม~¯ฉันกำลังจะเป็นบ้าเพราะงาน~
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะกับประตูที่เปิดอยู่ทำให้ฉันและเพื่อนในห้องหันไปมองคนเคาะอย่างสงสัย แต่พอฉันหันไปเท่านั้นแหละ ฉันแทบจะแทรกแผ่นดินแล้วไปโผล่ที่สแกนดิเนเวีย ทำไมต้องเป็นหมอนี่~
“ผมมีข้อเสนอ”นายดรัมพูดขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาในห้องของฉันทุกคนทำท่าเคลิ้มฝัน ยกเว้นฉันคนนึงล่ะไม่ทำ
“ว่าไงคะดรัม วิคกี้คิดไม่ออกเลย”วิคกี้ทำเสียงเล็กเสียงน้อยซึ่งมันไม่เหมาะกับคนตัวใหญ่แบบเธอเลย(ก็ไม่ใหญ่เท่าไหร่แค่สูง175แล้วเป็นนักบาสของมหาลัยเอง)
“คือแบบนี้ครับ ผมมีข้อเสนอ คือให้ทุกคนออกแบบเสื้อผ้าชนชาติที่ตัวเองสนใจแล้วไปปรึกษาคู่ของตัวเอง แบบนี้ดีไหมครับ เราจะได้ไม่ต้องทำเองทั้งหมดคนเดียว ก็ทำคนละชนชาติไปเลย”วันนี้เสียงดรัมดูจริงจังมาก ทุกคนก็ตั้งใจฟังเช่นกัน รวมถึงฉันด้วย ที่เขาพูดมันก็จริงถ้าทำเองทั้งหมดคนเดียวมันก็จะยากเกินไปคงไม่มีใครรับไหว
“ถ้าอย่างนั้นเรามาบอกความต้องการของเรากันเถอะว่าทำชาติไหนยังไง”วิคกี้ออกไปพูดหน้าห้อง
“ฉันขอออกแบบของทวีปเอเชียนะ”เพื่อนร่วมห้องฉันเธอเป็นผู้หญิงลูกครึ่งญี่ปุ่นเสนอเป็นคนแรก อ่าวแบบนี้ฉันก็พลาดประเทศตัวเองไปแล้วน่ะสิโถ่~ แต่ก็มีอีกทวีปที่ฉันถนัดเพราะแม่ฉันไปทำงานอยู่นั่นก็คือทวีปอเมริกา~ฉันพูดในใจอย่างยิ่งใหญ่ แต่ว่าฝันฉันเป็นอันต้องสลายเพราะมีคนพูดขึ้นมาตัดหน้าฉัน
“งั้นคู่ของผมขอทวีปอเมริกาทั้งหมดนะครับ”คนที่มากับอีตาดรัมพูด และนี่ก็เป็นครั้งที่สองที่ฉันพลาดประเทศที่ฉันพอจะมีข้อมูลและฉันก็เล็งไว้อยู่แล้ว ให้ตายเถอะพระเจ้าคะเข้าข้างหนูสักเรื่องได้ไหมคะฮือ~
“เธอจะว่าอะไรไหมแบเญ่”เพื่อนผู้หญิงในห้องอีกคนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ร่วมงานกะอีตาที่แย่งฉันเสนอหันมาถามพร้อมกับแววตาขอโทษ แล้วแบบนี้ฉันจะไปโกรธเธอลงได้ยังไงกันเล่า~
“ไม่เป็นไร อย่างไรแล้วเราก็ต้องช่วยๆกันทำนี่นะ”ฉันตอบแบบนางเอกสุดๆ ถึงในใจฉันอยากจะโพลงออกไปว่า ฉันขอทำแทน! ก็เถอะ แต่ก็ฉันก็ต้องเสียสละ ฮือ~
“โอเคงั้นฉันขอก่อนเลยก็แล้วกันนะ”วิคกี้พูดก่อนจะเขียนของตัวเองลงบนกระดาน ของวิคกี้จะเป็นทางแถบแอฟริกาไต้และเหนือ
“มีใครจะช่วยฉันทำแอฟิกากลางไหม”วิคกี้ถามมีคนยกมือเธอเป็นลูกครึ่งแอฟริกานะถ้าฉันจำไม่ผิด เธอดำก็จริงแต่ก็ไม่ได้ดำแบนิโกร แถมเธอยังสวยมากหุ่นเธอดีสุดๆ หน้าก็สวยแถมผิวลื่นด้วย ฮือ~ ถึงฉันจะผิวขาวเหลืองแต่มันก็ค่อนข้างแห้งจนบางวันฉันต้องทาครีมทาผิวหนาๆ
“งั้นฉันขอทวีปออสเตรเลีย”ผู้หญิงท่าทางขาลุยเสนอ และแล้วมันก็เหลือแค่ทวีปเดียวคือยุโรปซึ่งฉันไม่ถนัดเลยสักนิด
“เหลืออีกแค่ทวีปเดียวแบเญ่เธอทำได้ไหม”วิคกี้ถามพร้อมกับแววตาเห็นใจ ฉันก็อยากเปลี่ยนนะแต่ว่าฉันก็อยากลองทำ หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือ ฉันไม่อยากให้ใครมาเห็นใจเท่าไหร่มันเหมือนฉันอ่อนแอเกินไป
“ไม่เป็นไร ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุด”ถึงปากจะพูดไปแบบนั้นแต่ในใจฉันร้องไห้หนักมาก~ ถ้ามันไหลออกมามันคงท่วมห้องนี้ทั้งห้อง และสามารถเลี้ยงปลาคราฟได้สัก50ตัว(ฉันว่าฉันก็พูดเกินไป)
“ถ้างั้นผมจะช่วยเองนะครับ”ดรัมเดินมาหาฉันพร้อมกับก้มหน้ามองฉัน จนเพื่อนหันมามองเราทั้งคู่ ฉันเลยลุกขึ้นยืนจนเขาต้องถอยหลัง
“ขอบใจนะ แต่ฉันจะลองเองก่อน”ฉันบอกปัดเขาก่อนจะเดินออกจากห้อง เมื่อพ้นมาแล้วฉันก็ยืนพิงกำแพงแถวนั้นพร้อมกับกุมหน้าอกตัวเอง ฉันรีบเดินออกมาจนเรียกได้ว่ากึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาเลยทีเดียว มันเหนื่อยมากๆเลยจากชั้น6ลงมาหน้าห้องน้ำชั้น1 ทำไมฉันไม่ลงลิฟท์มานะให้ตายสิทำไมตอนออกมาฉันไม่คิด~
“ว่าไงครับ”เสียงทักทำเอาฉันสะดุ้งจนรีบหันไปมองจนเกือบเสียหลักดีนะฉันเกาะขอบกำแพงไว้ได้
“นายจะบ้าหรอ ทักคนอื่นแบบไม่ทันตั้งตัว ถ้าฉันเป็นโรคหัวใจไม่ตายไปแล้วหรอ”ฉันแอบเหวี่ยงเล็กๆแต่พอมองคนที่ทักอย่างละเอียดถี่ถ้วน ฉันก็แทบจะแปลงร่างเป็นแบคทีเรียไปแหวกว่ายในอากาศ พี่เขาชื่อโจซิสเป็นอดีตเดือนมหาลัยของสามปีที่แล้ว ผมสีนิล ตาสีน้ำตาล ผิวเหมือนสีดวงจันทร์ ลูกครึ่งอเมริกาแถมเป็นนักแข่งรถของมหาลัยอาจจะลงแข่งในงานสานสัมพันธ์ด้วย
“ขอโทษด้วยครับที่พี่เป็นคนบ้า”พี่โจซิสพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
“เอ่อคือหนูขอโทษค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นพี่โจซิส”ฉันหัวเราะแฮะๆ และนึกโทษตัวเองที่ว่าใครแบบไม่ดูตาม้าเรือ ฉันก็ดูแหละแต่ตอนแรกฉันจำพี่เขาไม่ได้~
“ไม่เป็นไรครับ งานที่กำลังจะถึงก็สู้ๆนะครับ ปีที่แล้วพี่ก็ได้ทำ”พี่โจซิสเล่าด้วยยิ้มทำให้รอบข้างมันดูสดใส ฉันพลอยยิ้มไปด้วยเพราะบรรยากาศมันผ่อนคลายมากๆ
“พี่เรียนคณะบริหารธุรกิจใช่ไหมคะ แล้วปีที่แล้วพี่ทำเกี่ยวกับอะไรหรอคะ”ฉันมองหน้าพี่เค้าแล้วก็ทำตาปริบๆไม่ได้อ่อยนะฉันแค่อ้อนวอนเผื่อจะได้ความคิดใหม่ๆมาออกแบบชุด
“พี่ว่าคงไม่เกี่ยวกับการออกแบบชุดหรอกครับ เพราะที่พี่ทำเป็นการจัดร้านค้าครับ”พี่เค้าพูดพร้อมกับยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง
“งั้นหรอคะ ถ้าอย่างนั้นก็แย่เลยนะคะ”ฉันพูดด้วยความเสียดาย เพราะมันแทบจะไม่ช่วยอะไรงานของฉันเลย
“พี่ขอโทษนะที่ช่วยอะไรไม่ได้ แต่ยังไงก็สู้ๆล่ะ”พี่โจซิสพูดพร้อมกับลูบหัวฉัน ดีนะที่วันนี้ฉันมัดเป็นบันครึ่งหัว ฉันเลยไม่ต้องกลัวว่ามันยุ่งแล้วจะไม่สวย
“ขอบคุณค่ะ ถ้างั้นหนูขอตัวนะคะ”ฉันพูดกับพี่โจซิส พี่โจซิสพยักหน้าพร้อมกับโบกมือบ้ายบาย ฉันก็ทำเหมือนพี่เค้าแล้วก็เดินออกมาหาที่นั่งคิด ตอนนี้ฉันอยู่จุดให้นั่งพักผ่อนในมหาวิทยาลัย มีเก้าอี้หินอ่อนมีพนักพิงและมีโต๊ะให้เขียนหนังสือ โต๊ะนึงมีเก้าอี้ตัวเดียวซึ่งนั่งได้สองคน มีต้นไม้ขึ้นร่มรื่นและมีสนามหญ้าสามารถเอาเสื่อมานั่งพักผ่อนหย่อนใจที่นี่ได้ ปี1ส่วนใหญ่ตอนนี้ก็เตรียมตัวระดมสมองช่วยกันคิดเรื่องงานสานสัมพันธ์ในเดือนหน้า ที่ตรงนี้เลยค่อนข้างสงบ ไม่เสียแรงที่ฉันเดินมาครึ่งชั่วโมงเพื่อมาหลังมหาวิทยาลัย ฉันนั่งลงพร้อมกับหยิบสมุดสเกต ดินสอ สีไม้ และยางลบขึ้นมา ทั้งหมดวางอยู่บนโต๊ะแต่ตอนนี้หัวสมองฉันว่างเปล่าราวกับปล้องของซากกิ้งกือที่ตายแล้ว บางทีฉันควรลงไปว่ายน้ำกับไฮดราเผื่อจะคิดอะไรออก พระเจ้าคะถ้าท่านไม่ให้ความสวยแกหนูท่านก็ควรมอบสมองแก่หนูนะคะ ฮือ~ ฉันนั่งแช่มาประมาณชั่วโมงได้แล้วถ้ามีรากออกมาฉันสามารถเติบโตเป็นต้นไม้ได้เลย บางทีฉันอาจจะไม่เหมาะเป็นคนแต่ฉันควรเกิดเป็น....
“ว่าไงครับ!”จู่ๆมีเสียงผู้ชายมาพูดดังๆข้างหลังฉัน
“โปรโตซัว!”และฉันก็เผลออุทานในสิ่งที่ฉันกำลังคิดออกไป ซึ่งมันทำให้ฉันอับอายมากฉันมองหน้าเขาและเขาก็มองหน้าฉันพร้อมกับกลั้นขำฉันเต็มที่จนสุดท้ายเขาก็ระเบิดมันออกมา ฉันไม่อยากเกิดเป็นโปรโตซัวแล้ว ตอนนี้ฉันอยากแปลงร่างเป็นพยาธิใบไม้ไปกระดึ๊บแถวใบไม้เยอะๆ
“ผมว่าโปรโตซัวไม่ใช่ความคิดที่ดีในการออกแบบชุดหรอกนะครับ”ดรัมพูดพร้อมกับนั่งลงข้างๆฉัน ฉันก็ไม่ได้เอาเจ้าโปรโตซัวมาเป็นพื้นฐานการออกแบบชุดหรอกตาบ้า
“ฉันก็ว่างั้น!”ฉันพูดกระแทกเสียงใส่เขาและพยายามกลบเกลื่อนท่าทีที่ฉันตกใจจนพูดอะไรงี่เง่าออกไป ตอนนี้ฉันอยากเอาหัวมุดลงดินไปคุยกับไส้เดือนมาก อย่างน้อยมันคงน่าอับอายน้อยกว่านี้ แต่บางทีมันอาจจะน่าอับอายกว่าเดิมถ้าฉันทำมันลงไปจริงๆ ฮือ~ ฉันจะทำยังไงดี~ คิดก็คิดไม่ออก แถมมีตัวกวนมากวนฉันอีก ฉันฉีกกระดาษออกไปแล้วสองแผ่นในขณะที่ฉันกำลังนั่งบ่นใจ~
“ให้ผมช่วยไหมครับ”จู่ๆคนที่นั่งข้างๆฉันก็พูดขึ้น เขาจะช่วยอะไรฉันได้ล่ะเนี่ย~ เอ๋หรืออาจจะช่วยได้
“นายเนี่ยนะ”ฉันพูดพลางส่ายหน้า เขายื่นชุดในสมัยต่างๆของอเมริกามาให้ฉัน ฉันมองมันอย่างงงๆ
“นี่คือชุดในยุคสมัยต่างๆครับ จะมีบอกไว้ด้วยนะครับว่าส่วนต่างๆของชุดเรียกว่าอะไร”เขาอธิบายให้ฉันฟังเป็นส่วนๆ โหนี่เขาช่วยฉันได้มากกว่าที่คิดซะอีก ฉันฟังเขาอย่างตั้งใจ จนในที่สุดชุดแรกของฉันก็คลอดออกมาได้ซะที
“อ่าวมีคนช่วยแล้วหรอครับ”เสียงผู้ชายคุ้นหูถามขึ้น ฉันเงยหน้ามองก็พบกับพี่โจซิสส่งรอยยิ้มสดใสมาให้
“อ๋อใช่ค่ะ”ฉันส่งยิ้มกลับไปให้พี่โจซิสโอ้ยคนอะไรหล่อมาก~สมแล้วที่ได้เป็นเดือนมหาลัย
“ผมกะจะพาคุณคนนี้มาช่วยน้องแบเญ่ซะหน่อย”พี่โจซิสพายมือไปยังบุคคลที่ชอบพาฉันไปลงนรก ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกก็คริสตัลนั่นแหละ
“พอดีคุณคนนี้เค้าเป็นแฟนกับน้องชายฝาแฝดของพี่ครับ แล้วพี่ก็เห็นว่าเค้าอยู่คณะเดียวกับน้องแบเญ่ เลยคิดว่าน่าจะช่วยได้เลยพามา”เมื่อเห็นสายตาอันหวาดกลัวของฉัน พี่โจซิสก็อธิบายที่มาที่ไปของคริสตัลให้ฉันฟัง ซึ่งเธอก็ยืนยิ้มรับอย่างสดใส ฉันเลยจำใจส่งยิ้มอันละมุนละไมไปให้ แต่ถ้าถามในใจฉันตอนนี้ล่ะก็ ฉันอยากจะลงไปว่ายน้ำกับพลานาเรียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
“อ๋อค่ะ ฝากตัวด้วยนะคะพี่คริสตัล”ฉันยื่นมือซ้ายไปเพื่อจับมือทักทายเธอ และฉันก็นึกถึงเพลงลูกเสือสมัยเด็กขึ้นมาได้ ลูกเสือเค้าไม่จับมือขวา ยื่นซ้ายมาจับมือกันมั่น มือขวาใช้เคารพกัน มือขวาใช้เคารพกัน ยื่นซ้ายออกมามั่นจับมือๆ~¯แล้วนี่สมองฉันเป็นอะไร~
“เอาล่ะลองปรึกษากันดูนะครับ พี่ไปก่อนล่ะต้องไปซ้อมแข่งรถอีก”พี่โจซิสโบกมือลาพวกเราทุกคนที่อยู่ตรงนี้
“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”ดรัมพูดขึ้นแล้วก็เดินออกไป เป็นอะไรของเขานะจู่ๆก็ไม่ร่าเริงซะงั้น แล้วฉันจะไปเป็นห่วงหมอนั่นทำไมเนี่ย~
“ไงคิดอะไรไม่ออกหรอ”คริสตัลถามพร้อมกับมานั่งข้างฉัน
“ก็ตอนนี้คิดออกแล้ว แต่ก็ติดอยู่เรื่องเดียว”ฉันถอนหายใจก่อนจะฟุบหน้าลงบนสมุดสเกตภาพ
“เรื่องอะไรหรอ”คริสตัลถามพร้อมกับประสานแขนไว้บนโต๊ะแล้วเอาหัวลงไปหนุนพร้อมกับหันหน้ามาจ้องหน้าฉัน
“นี่คริสตัลถ้ามีคนๆนึงรู้ความลับของเรา เราจะรับมือยังไง”ฉันถามพร้อมกับจ้องหน้าคริสตัลกลับ
“ถ้าเป็นผู้ชายก็จีบเลย ถ้าเป็นแฟนกันได้เค้าก็ไม่น่าจะเอาความลับของเราไปบอกใครนะ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงก็เล่นเจ้าหลอนเลย”เมื่อคริสตัลพูดถึงผู้หญิงรอยยิ้มชั่วร้ายก็ปรากฏบนริมฝีปากของเธอ เธอคือปีศาจสาวในคราบนางฟ้าชัดๆ แต่ว่าคำแนะนำของเธอก็ไม่ได้แย่นี่นะ เอาล่ะต่อไปนี้ฉันจะเริ่มจีบหมอนั่น และต้องเนียนๆด้วยจะต้องไม่มีใครรู้ว่าฉันจะจีบอีตาดรัม
“ทำไมเธอจะจีบคนที่รู้ความลับเธอหรอ”คริสตัลพูดขึ้นมาทำเอาฉันจุกในลำคอ โอเคเปลี่ยนใหม่มีแค่คริสตัลคนเดียวที่รู้ว่าฉันจะจีบหมอนั่น
“ก็ประมาณนั้น”นี่ฉันจะปกปิดความลับอะไรกับคนอื่นเขาได้บ้างล่ะเนี่ย~
“ฉันจะคอยเอาใจช่วยนะ”คริสตัลบอกกับฉัน ฉันยิ้มให้เธอแล้วก็นั่งออกแบบอีกสักหน่อย ก่อนจะเก็บของกลับบ้านรวมถึงข้อมูลที่ดรัมให้ฉันมาด้วย
_______________________________________________________________________________
ลืมไปเลยว่าลืมลงที่นี่มัวแต่ไปลงที่เด็กดี อิอิ ถ้ายังไงไปตามอ่านกันได้นะคะที่เว็บเด็กดี ถ้าชื่อนิยาย ก็ตามชื่อเรื่องนี้เลยค่ะ ไปให้กำลังใจ ติ ชม และ แนะนำกันได้นะคะ ^^
“ไงแบเญ่เธอคิดอะไรออกไหม”วิคกี้เพื่อนสาวในห้องเดินเข้ามาถามฉัน ความจริงแล้วเธอชื่อวิคเตอร์ เธอเป็นผู้หญิงทางใจแต่กายเป็นผู้ชาย หน้าตาเธอก็ดูอิดโรยไม่ต่างกับฉันเท่าไหร่นักหรอก ถึงแม้ว่าเธอจะแต่งหน้ามาสวยเด๊ะแต่ท่าทางของเธอก็พอดูออกว่าเธออ่วมไม่แพ้ฉันหรอก
“ฉันยังคิดไม่ออกเลย ธีมสมัยก่อนนี่ยากจัง”ฉันบ่นให้เธอฟังก่อนจะเอาสมุดสเกตภาพออกมา ถึงในนั้นจะมีชุดที่ฉันออกแบบไว้สองสามชุดก็เถอะ แต่ฉันว่ามันก็ยังใช้ไม่ได้อยู่ดี ฮือ~ ตอนนี้ใจของฉันมัน กำลังละลาย ละลาย ละลาย ละลาย ไหลไปกับงาน~¯ฉันนึกเพลงสดใสในตอนที่ฉันยังเรียนอยู่ประถม แต่ตอนนี้ฉันกำลังจะหายใจไม่ไหว~¯(ยังไม่หยุด)
“เหมือนกันเลย พวกเธอว่าไง”วิคกี้หันไปถามเพื่อนในห้องแต่ละคนถอนหายใจจนวิญญาณจะออกมาทางจมูกได้อยู่แล้ว รวมถึงฉันด้วย แง~ ทำไมมันยากแบบนี้~
“โอ้ยจะทำยังไงดีเนี่ย อีกอาทิตย์กว่าพวกเราจะทำทันไหม”วิคกี้กอดอกพร้อมกับถอนหายใจ ฉันก็ถอนหายใจเหมือนกัน ฉันอยากให้มีคนมาเคาะสมองฉันจังเลย ใจกลาง ใจกลาง ความคิดถึงงาน ใจงาน ใจงาน เคยคิดถึงสมองฉันบ้างไหม~¯ฉันกำลังจะเป็นบ้าเพราะงาน~
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะกับประตูที่เปิดอยู่ทำให้ฉันและเพื่อนในห้องหันไปมองคนเคาะอย่างสงสัย แต่พอฉันหันไปเท่านั้นแหละ ฉันแทบจะแทรกแผ่นดินแล้วไปโผล่ที่สแกนดิเนเวีย ทำไมต้องเป็นหมอนี่~
“ผมมีข้อเสนอ”นายดรัมพูดขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาในห้องของฉันทุกคนทำท่าเคลิ้มฝัน ยกเว้นฉันคนนึงล่ะไม่ทำ
“ว่าไงคะดรัม วิคกี้คิดไม่ออกเลย”วิคกี้ทำเสียงเล็กเสียงน้อยซึ่งมันไม่เหมาะกับคนตัวใหญ่แบบเธอเลย(ก็ไม่ใหญ่เท่าไหร่แค่สูง175แล้วเป็นนักบาสของมหาลัยเอง)
“คือแบบนี้ครับ ผมมีข้อเสนอ คือให้ทุกคนออกแบบเสื้อผ้าชนชาติที่ตัวเองสนใจแล้วไปปรึกษาคู่ของตัวเอง แบบนี้ดีไหมครับ เราจะได้ไม่ต้องทำเองทั้งหมดคนเดียว ก็ทำคนละชนชาติไปเลย”วันนี้เสียงดรัมดูจริงจังมาก ทุกคนก็ตั้งใจฟังเช่นกัน รวมถึงฉันด้วย ที่เขาพูดมันก็จริงถ้าทำเองทั้งหมดคนเดียวมันก็จะยากเกินไปคงไม่มีใครรับไหว
“ถ้าอย่างนั้นเรามาบอกความต้องการของเรากันเถอะว่าทำชาติไหนยังไง”วิคกี้ออกไปพูดหน้าห้อง
“ฉันขอออกแบบของทวีปเอเชียนะ”เพื่อนร่วมห้องฉันเธอเป็นผู้หญิงลูกครึ่งญี่ปุ่นเสนอเป็นคนแรก อ่าวแบบนี้ฉันก็พลาดประเทศตัวเองไปแล้วน่ะสิโถ่~ แต่ก็มีอีกทวีปที่ฉันถนัดเพราะแม่ฉันไปทำงานอยู่นั่นก็คือทวีปอเมริกา~ฉันพูดในใจอย่างยิ่งใหญ่ แต่ว่าฝันฉันเป็นอันต้องสลายเพราะมีคนพูดขึ้นมาตัดหน้าฉัน
“งั้นคู่ของผมขอทวีปอเมริกาทั้งหมดนะครับ”คนที่มากับอีตาดรัมพูด และนี่ก็เป็นครั้งที่สองที่ฉันพลาดประเทศที่ฉันพอจะมีข้อมูลและฉันก็เล็งไว้อยู่แล้ว ให้ตายเถอะพระเจ้าคะเข้าข้างหนูสักเรื่องได้ไหมคะฮือ~
“เธอจะว่าอะไรไหมแบเญ่”เพื่อนผู้หญิงในห้องอีกคนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ร่วมงานกะอีตาที่แย่งฉันเสนอหันมาถามพร้อมกับแววตาขอโทษ แล้วแบบนี้ฉันจะไปโกรธเธอลงได้ยังไงกันเล่า~
“ไม่เป็นไร อย่างไรแล้วเราก็ต้องช่วยๆกันทำนี่นะ”ฉันตอบแบบนางเอกสุดๆ ถึงในใจฉันอยากจะโพลงออกไปว่า ฉันขอทำแทน! ก็เถอะ แต่ก็ฉันก็ต้องเสียสละ ฮือ~
“โอเคงั้นฉันขอก่อนเลยก็แล้วกันนะ”วิคกี้พูดก่อนจะเขียนของตัวเองลงบนกระดาน ของวิคกี้จะเป็นทางแถบแอฟริกาไต้และเหนือ
“มีใครจะช่วยฉันทำแอฟิกากลางไหม”วิคกี้ถามมีคนยกมือเธอเป็นลูกครึ่งแอฟริกานะถ้าฉันจำไม่ผิด เธอดำก็จริงแต่ก็ไม่ได้ดำแบนิโกร แถมเธอยังสวยมากหุ่นเธอดีสุดๆ หน้าก็สวยแถมผิวลื่นด้วย ฮือ~ ถึงฉันจะผิวขาวเหลืองแต่มันก็ค่อนข้างแห้งจนบางวันฉันต้องทาครีมทาผิวหนาๆ
“งั้นฉันขอทวีปออสเตรเลีย”ผู้หญิงท่าทางขาลุยเสนอ และแล้วมันก็เหลือแค่ทวีปเดียวคือยุโรปซึ่งฉันไม่ถนัดเลยสักนิด
“เหลืออีกแค่ทวีปเดียวแบเญ่เธอทำได้ไหม”วิคกี้ถามพร้อมกับแววตาเห็นใจ ฉันก็อยากเปลี่ยนนะแต่ว่าฉันก็อยากลองทำ หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือ ฉันไม่อยากให้ใครมาเห็นใจเท่าไหร่มันเหมือนฉันอ่อนแอเกินไป
“ไม่เป็นไร ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุด”ถึงปากจะพูดไปแบบนั้นแต่ในใจฉันร้องไห้หนักมาก~ ถ้ามันไหลออกมามันคงท่วมห้องนี้ทั้งห้อง และสามารถเลี้ยงปลาคราฟได้สัก50ตัว(ฉันว่าฉันก็พูดเกินไป)
“ถ้างั้นผมจะช่วยเองนะครับ”ดรัมเดินมาหาฉันพร้อมกับก้มหน้ามองฉัน จนเพื่อนหันมามองเราทั้งคู่ ฉันเลยลุกขึ้นยืนจนเขาต้องถอยหลัง
“ขอบใจนะ แต่ฉันจะลองเองก่อน”ฉันบอกปัดเขาก่อนจะเดินออกจากห้อง เมื่อพ้นมาแล้วฉันก็ยืนพิงกำแพงแถวนั้นพร้อมกับกุมหน้าอกตัวเอง ฉันรีบเดินออกมาจนเรียกได้ว่ากึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาเลยทีเดียว มันเหนื่อยมากๆเลยจากชั้น6ลงมาหน้าห้องน้ำชั้น1 ทำไมฉันไม่ลงลิฟท์มานะให้ตายสิทำไมตอนออกมาฉันไม่คิด~
“ว่าไงครับ”เสียงทักทำเอาฉันสะดุ้งจนรีบหันไปมองจนเกือบเสียหลักดีนะฉันเกาะขอบกำแพงไว้ได้
“นายจะบ้าหรอ ทักคนอื่นแบบไม่ทันตั้งตัว ถ้าฉันเป็นโรคหัวใจไม่ตายไปแล้วหรอ”ฉันแอบเหวี่ยงเล็กๆแต่พอมองคนที่ทักอย่างละเอียดถี่ถ้วน ฉันก็แทบจะแปลงร่างเป็นแบคทีเรียไปแหวกว่ายในอากาศ พี่เขาชื่อโจซิสเป็นอดีตเดือนมหาลัยของสามปีที่แล้ว ผมสีนิล ตาสีน้ำตาล ผิวเหมือนสีดวงจันทร์ ลูกครึ่งอเมริกาแถมเป็นนักแข่งรถของมหาลัยอาจจะลงแข่งในงานสานสัมพันธ์ด้วย
“ขอโทษด้วยครับที่พี่เป็นคนบ้า”พี่โจซิสพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
“เอ่อคือหนูขอโทษค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นพี่โจซิส”ฉันหัวเราะแฮะๆ และนึกโทษตัวเองที่ว่าใครแบบไม่ดูตาม้าเรือ ฉันก็ดูแหละแต่ตอนแรกฉันจำพี่เขาไม่ได้~
“ไม่เป็นไรครับ งานที่กำลังจะถึงก็สู้ๆนะครับ ปีที่แล้วพี่ก็ได้ทำ”พี่โจซิสเล่าด้วยยิ้มทำให้รอบข้างมันดูสดใส ฉันพลอยยิ้มไปด้วยเพราะบรรยากาศมันผ่อนคลายมากๆ
“พี่เรียนคณะบริหารธุรกิจใช่ไหมคะ แล้วปีที่แล้วพี่ทำเกี่ยวกับอะไรหรอคะ”ฉันมองหน้าพี่เค้าแล้วก็ทำตาปริบๆไม่ได้อ่อยนะฉันแค่อ้อนวอนเผื่อจะได้ความคิดใหม่ๆมาออกแบบชุด
“พี่ว่าคงไม่เกี่ยวกับการออกแบบชุดหรอกครับ เพราะที่พี่ทำเป็นการจัดร้านค้าครับ”พี่เค้าพูดพร้อมกับยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง
“งั้นหรอคะ ถ้าอย่างนั้นก็แย่เลยนะคะ”ฉันพูดด้วยความเสียดาย เพราะมันแทบจะไม่ช่วยอะไรงานของฉันเลย
“พี่ขอโทษนะที่ช่วยอะไรไม่ได้ แต่ยังไงก็สู้ๆล่ะ”พี่โจซิสพูดพร้อมกับลูบหัวฉัน ดีนะที่วันนี้ฉันมัดเป็นบันครึ่งหัว ฉันเลยไม่ต้องกลัวว่ามันยุ่งแล้วจะไม่สวย
“ขอบคุณค่ะ ถ้างั้นหนูขอตัวนะคะ”ฉันพูดกับพี่โจซิส พี่โจซิสพยักหน้าพร้อมกับโบกมือบ้ายบาย ฉันก็ทำเหมือนพี่เค้าแล้วก็เดินออกมาหาที่นั่งคิด ตอนนี้ฉันอยู่จุดให้นั่งพักผ่อนในมหาวิทยาลัย มีเก้าอี้หินอ่อนมีพนักพิงและมีโต๊ะให้เขียนหนังสือ โต๊ะนึงมีเก้าอี้ตัวเดียวซึ่งนั่งได้สองคน มีต้นไม้ขึ้นร่มรื่นและมีสนามหญ้าสามารถเอาเสื่อมานั่งพักผ่อนหย่อนใจที่นี่ได้ ปี1ส่วนใหญ่ตอนนี้ก็เตรียมตัวระดมสมองช่วยกันคิดเรื่องงานสานสัมพันธ์ในเดือนหน้า ที่ตรงนี้เลยค่อนข้างสงบ ไม่เสียแรงที่ฉันเดินมาครึ่งชั่วโมงเพื่อมาหลังมหาวิทยาลัย ฉันนั่งลงพร้อมกับหยิบสมุดสเกต ดินสอ สีไม้ และยางลบขึ้นมา ทั้งหมดวางอยู่บนโต๊ะแต่ตอนนี้หัวสมองฉันว่างเปล่าราวกับปล้องของซากกิ้งกือที่ตายแล้ว บางทีฉันควรลงไปว่ายน้ำกับไฮดราเผื่อจะคิดอะไรออก พระเจ้าคะถ้าท่านไม่ให้ความสวยแกหนูท่านก็ควรมอบสมองแก่หนูนะคะ ฮือ~ ฉันนั่งแช่มาประมาณชั่วโมงได้แล้วถ้ามีรากออกมาฉันสามารถเติบโตเป็นต้นไม้ได้เลย บางทีฉันอาจจะไม่เหมาะเป็นคนแต่ฉันควรเกิดเป็น....
“ว่าไงครับ!”จู่ๆมีเสียงผู้ชายมาพูดดังๆข้างหลังฉัน
“โปรโตซัว!”และฉันก็เผลออุทานในสิ่งที่ฉันกำลังคิดออกไป ซึ่งมันทำให้ฉันอับอายมากฉันมองหน้าเขาและเขาก็มองหน้าฉันพร้อมกับกลั้นขำฉันเต็มที่จนสุดท้ายเขาก็ระเบิดมันออกมา ฉันไม่อยากเกิดเป็นโปรโตซัวแล้ว ตอนนี้ฉันอยากแปลงร่างเป็นพยาธิใบไม้ไปกระดึ๊บแถวใบไม้เยอะๆ
“ผมว่าโปรโตซัวไม่ใช่ความคิดที่ดีในการออกแบบชุดหรอกนะครับ”ดรัมพูดพร้อมกับนั่งลงข้างๆฉัน ฉันก็ไม่ได้เอาเจ้าโปรโตซัวมาเป็นพื้นฐานการออกแบบชุดหรอกตาบ้า
“ฉันก็ว่างั้น!”ฉันพูดกระแทกเสียงใส่เขาและพยายามกลบเกลื่อนท่าทีที่ฉันตกใจจนพูดอะไรงี่เง่าออกไป ตอนนี้ฉันอยากเอาหัวมุดลงดินไปคุยกับไส้เดือนมาก อย่างน้อยมันคงน่าอับอายน้อยกว่านี้ แต่บางทีมันอาจจะน่าอับอายกว่าเดิมถ้าฉันทำมันลงไปจริงๆ ฮือ~ ฉันจะทำยังไงดี~ คิดก็คิดไม่ออก แถมมีตัวกวนมากวนฉันอีก ฉันฉีกกระดาษออกไปแล้วสองแผ่นในขณะที่ฉันกำลังนั่งบ่นใจ~
“ให้ผมช่วยไหมครับ”จู่ๆคนที่นั่งข้างๆฉันก็พูดขึ้น เขาจะช่วยอะไรฉันได้ล่ะเนี่ย~ เอ๋หรืออาจจะช่วยได้
“นายเนี่ยนะ”ฉันพูดพลางส่ายหน้า เขายื่นชุดในสมัยต่างๆของอเมริกามาให้ฉัน ฉันมองมันอย่างงงๆ
“นี่คือชุดในยุคสมัยต่างๆครับ จะมีบอกไว้ด้วยนะครับว่าส่วนต่างๆของชุดเรียกว่าอะไร”เขาอธิบายให้ฉันฟังเป็นส่วนๆ โหนี่เขาช่วยฉันได้มากกว่าที่คิดซะอีก ฉันฟังเขาอย่างตั้งใจ จนในที่สุดชุดแรกของฉันก็คลอดออกมาได้ซะที
“อ่าวมีคนช่วยแล้วหรอครับ”เสียงผู้ชายคุ้นหูถามขึ้น ฉันเงยหน้ามองก็พบกับพี่โจซิสส่งรอยยิ้มสดใสมาให้
“อ๋อใช่ค่ะ”ฉันส่งยิ้มกลับไปให้พี่โจซิสโอ้ยคนอะไรหล่อมาก~สมแล้วที่ได้เป็นเดือนมหาลัย
“ผมกะจะพาคุณคนนี้มาช่วยน้องแบเญ่ซะหน่อย”พี่โจซิสพายมือไปยังบุคคลที่ชอบพาฉันไปลงนรก ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกก็คริสตัลนั่นแหละ
“พอดีคุณคนนี้เค้าเป็นแฟนกับน้องชายฝาแฝดของพี่ครับ แล้วพี่ก็เห็นว่าเค้าอยู่คณะเดียวกับน้องแบเญ่ เลยคิดว่าน่าจะช่วยได้เลยพามา”เมื่อเห็นสายตาอันหวาดกลัวของฉัน พี่โจซิสก็อธิบายที่มาที่ไปของคริสตัลให้ฉันฟัง ซึ่งเธอก็ยืนยิ้มรับอย่างสดใส ฉันเลยจำใจส่งยิ้มอันละมุนละไมไปให้ แต่ถ้าถามในใจฉันตอนนี้ล่ะก็ ฉันอยากจะลงไปว่ายน้ำกับพลานาเรียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
“อ๋อค่ะ ฝากตัวด้วยนะคะพี่คริสตัล”ฉันยื่นมือซ้ายไปเพื่อจับมือทักทายเธอ และฉันก็นึกถึงเพลงลูกเสือสมัยเด็กขึ้นมาได้ ลูกเสือเค้าไม่จับมือขวา ยื่นซ้ายมาจับมือกันมั่น มือขวาใช้เคารพกัน มือขวาใช้เคารพกัน ยื่นซ้ายออกมามั่นจับมือๆ~¯แล้วนี่สมองฉันเป็นอะไร~
“เอาล่ะลองปรึกษากันดูนะครับ พี่ไปก่อนล่ะต้องไปซ้อมแข่งรถอีก”พี่โจซิสโบกมือลาพวกเราทุกคนที่อยู่ตรงนี้
“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”ดรัมพูดขึ้นแล้วก็เดินออกไป เป็นอะไรของเขานะจู่ๆก็ไม่ร่าเริงซะงั้น แล้วฉันจะไปเป็นห่วงหมอนั่นทำไมเนี่ย~
“ไงคิดอะไรไม่ออกหรอ”คริสตัลถามพร้อมกับมานั่งข้างฉัน
“ก็ตอนนี้คิดออกแล้ว แต่ก็ติดอยู่เรื่องเดียว”ฉันถอนหายใจก่อนจะฟุบหน้าลงบนสมุดสเกตภาพ
“เรื่องอะไรหรอ”คริสตัลถามพร้อมกับประสานแขนไว้บนโต๊ะแล้วเอาหัวลงไปหนุนพร้อมกับหันหน้ามาจ้องหน้าฉัน
“นี่คริสตัลถ้ามีคนๆนึงรู้ความลับของเรา เราจะรับมือยังไง”ฉันถามพร้อมกับจ้องหน้าคริสตัลกลับ
“ถ้าเป็นผู้ชายก็จีบเลย ถ้าเป็นแฟนกันได้เค้าก็ไม่น่าจะเอาความลับของเราไปบอกใครนะ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงก็เล่นเจ้าหลอนเลย”เมื่อคริสตัลพูดถึงผู้หญิงรอยยิ้มชั่วร้ายก็ปรากฏบนริมฝีปากของเธอ เธอคือปีศาจสาวในคราบนางฟ้าชัดๆ แต่ว่าคำแนะนำของเธอก็ไม่ได้แย่นี่นะ เอาล่ะต่อไปนี้ฉันจะเริ่มจีบหมอนั่น และต้องเนียนๆด้วยจะต้องไม่มีใครรู้ว่าฉันจะจีบอีตาดรัม
“ทำไมเธอจะจีบคนที่รู้ความลับเธอหรอ”คริสตัลพูดขึ้นมาทำเอาฉันจุกในลำคอ โอเคเปลี่ยนใหม่มีแค่คริสตัลคนเดียวที่รู้ว่าฉันจะจีบหมอนั่น
“ก็ประมาณนั้น”นี่ฉันจะปกปิดความลับอะไรกับคนอื่นเขาได้บ้างล่ะเนี่ย~
“ฉันจะคอยเอาใจช่วยนะ”คริสตัลบอกกับฉัน ฉันยิ้มให้เธอแล้วก็นั่งออกแบบอีกสักหน่อย ก่อนจะเก็บของกลับบ้านรวมถึงข้อมูลที่ดรัมให้ฉันมาด้วย
_______________________________________________________________________________
ลืมไปเลยว่าลืมลงที่นี่มัวแต่ไปลงที่เด็กดี อิอิ ถ้ายังไงไปตามอ่านกันได้นะคะที่เว็บเด็กดี ถ้าชื่อนิยาย ก็ตามชื่อเรื่องนี้เลยค่ะ ไปให้กำลังใจ ติ ชม และ แนะนำกันได้นะคะ ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ