angelic ภาค หัวใจสีขี้เถ้า

9.3

เขียนโดย zusuran

วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 20.50 น.

  15 ตอน
  0 วิจารณ์
  15.44K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน พ.ศ. 2562 13.46 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) ความจริง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
เฮเลียสทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนมองภาพความทรงจำมีชีวิตที่อยู่เบื้องล่าง ฟลอกซ์ยืนเยื้องออกไปด้านหลัง เธอแทบไม่ส่งเสียงและพร้อมที่จะสลายไปทุกเมื่อเหมือนธาตุอากาศ เฮเลียสไม่เข้าใจเพราะภาพทุกอย่างถูกบดบังด้วยม่านหมอกสีดำปกคลุมจนทั่วผืนป่าเบื้องล่าง
“จบแล้วรึ”
“………”
“ทุกอย่างจบเพียงเท่านี้น่ะรึ”
“ไม่ใช่”
น้ำเสียงนิ่งเรียบประหนึ่งผิวน้ำยามค่ำคืนเล็ดรอดออกมาจากปากผู้พิทักษ์สาว ดวงตาสีทองวูบไหวฉายแววเศร้าสร้อยอยู่แวบหนึ่งก่อนจะแปรเปลี่ยนไปเป็นความเย็นชาและกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงโทนเดิม
“ดูต่อไปเรื่อยๆเถอะ แล้วจะได้รู้ความจริง….ทุกอย่าง”
เสียงสุดท้ายแผ่วเบาจนแทบจะกลืนกินไปพร้อมกับความเงียบ เฮเลียสมองม่านหมอกสีดำเบื้องล่างตามที่ฟลอกซ์บอก รู้สึกเหมือนกำลังดูหนังกลางแปลงอย่างไรอย่างนั้น
ม่านหมอกสีดำสลายไปด้วยเวทมนตร์ของพ่อมดโวเลนธาร์ และสิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าทันทีที่ทุกอย่างแจ่มชัดไร้สิ่งบดบังคือความว่างเปล่า
“น่าสนุกดีนี่”
หมาป่าสีเงินสภาพสะบักสะบอมคาบห่อผ้าที่มีทารกนอนนิ่งอยู่ข้างในวิ่งมาตามทางที่คดเคี้ยวและซับซ้อนของป่า โดยที่มีร่างของสาวผมสั้นสีทองพาดอยู่บนหลังและราชินีผู้เป็นนายเหนือหัวบินขนาบข้างอยู่ใกล้ๆ ฉับพลันเธอก็ทักขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เครียดจัด
“เจ้าบาดเจ็บรึ!”
หมาป่าสีเงินไม่สนใจคำพูดของราชินีที่กล่าวทัก ดวงตาสีทองวาวโรจน์เหลือกมองบนฟ้าหม่นที่มีเมฆลอยต่ำลงมาเรื่อยๆ นั่นคือกองทัพของพวกพ่อมดแม่มดที่นำโดยเอลด้าและโวเลนทาร์ เฟลอร์เกียชักดาบสีเงินออกมาปัดป้องมีดสั้นที่พุ่งเข้ามาหานับไม่ถ้วนเพื่อเปิดทาง
ฟลอกซ์ในร่างหมาป่าได้รับบาดเจ็บจากคำสาปของพ่อมดโวเลนธาร์ที่พุ่งสวนมาตอนที่เข้าไปแย่งเจ้าหญิงน้อย เลือดสีแดงไหลทะลักออกมาจากบาดแผลที่ท้องตลอดการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วดุจพายุ โอซาริสอ่อนแออยู่แล้วจึงไม่แปลกที่เธอจะหมดสติไปง่ายๆ ที่เหลือก็คงจะมีเพียงราชินีผู้เป็นนายเหนือหัวที่กำลังจะหมดอายุไข ฉับพลันเอลด้าก็ร่อนตัวลงมาพร้อมกับคทาที่พร้อมจะจ้วงแทงร่างหมาป่าทะลุหัวใจ ทว่า ความเร็วของราชินีก็ขัดขวางเธอเอาไว้ได้
กึงงงง!!!
“หึ คิดเหรอว่าจะหนีพ้น!”
“ถ้าหนีไม่พ้นก็ฆ่าเจ้าซะก็หมดเรื่อง!”
ฟึ่บ!
เฟลอร์เกียกล่าวเสียงเย็นพร้อมตวัดปลายดาบเชือดคอแม่มดเอลด้าไปได้เพียงชั้นหนังกำพร้า แต่ศัตรูที่ไม่ได้มีแค่หนึ่งทำให้ยากที่จะรับมือในคราวเดียว แม่มดอีกคนพุ่งเข้าหาฟลอกซ์พร้อมคทาที่ร่ายเวทโจมตีเสร็จสรรพ หมาป่าสีเงินกระโดดขึ้นไปบนกิ่งไม้ข้างทางก่อนจะยกเท้าหน้ากระทืบกิ่งไม้แรงๆจนกลายเป็นแรงกดทับมหาศาลกลางอากาศให้แม่มดคนนั้นจมดินโดยฉับพลัน และกระโดดหลบวิถีโจมตีของพ่อมดอีกคนที่พุ่งเข้ามาด้านหลังได้อย่างเฉียดฉิว พลันลูกไฟสีเขียวได้พุ่งเข้ามากระแทกเข้าเต็มอกจนหมาป่าสีเงินตัวโตกระเด็นไปติดต้นไม้ที่อยู่ลึกเข้าไปในป่า ทำให้ทั้งทารกและร่างไร้สติของเอลฟ์สาวผมสั้นสีทองกระเด็นห่างออกไปคนละทาง จากร่างหมาป่ากลับกลายเป็นหญิงสาวผมดำหยักศกกึ่งนอนกึ่งนั่งพิงต้นไม้อย่างหมดสภาพ
เฟลอร์เกียยังคงฝืนร่างกายร่ายเวทโจมตีเข้าใส่เหล่าพ่อมดแม่มดรวมทั้งรับมือเอลด้าที่กัดไม่ปล่อย
“ยอมแพ้ซะดีกว่าน่า เวลาแห่งอายุไขของเจ้ากำลังจะหมดลงแล้ว ใช้เวลาที่เหลืออย่างสงบดีกว่า”
“หุบปาก!”
“หึ ถ้าอย่างนั้นก็คงจะต้องฆ่าเจ้าจริงๆแล้วสินะ”
เอลด้ากล่าวเสียงเหี้ยมยกคทาขึ้นเหนือศีรษะและร่ายเวทงึมงำเกิดเป็นลูกไฟสีเขียวสดใสที่รายล้อมด้วยสายฟ้าสีดำ ก่อนจะชี้หัวคทามายังราชินีที่ไม่ทันได้มอง
ตูม!
เวทมนตร์ร้ายกาจที่สุดเท่าที่เอลด้าเคยใช้ได้พุ่งตรงเข้าใส่ราชินีเต็มๆ ร่างสาวงามหล่นกระแทกพื้นแน่นิ่งไปด้วยสภาพร่างกายที่บอบช้ำโชกเลือด ปีกสีแดงโปล่งใสดุจอัญมณีเลอค่าได้ขาดวิ่นไม่เหลือความสวยงามใดๆให้เชยชม
“เจ้าเลือกทางนี้เองนะ เฟลอร์เกีย”
อุแว้ววววววววววววววว!!!
ทารกที่แน่นิ่งในตอนแรกกลับร้องเสียงดังกึกก้องไปทั่วทั้งป่า เหมือนรับรู้ความเจ็บปวดของมารดา เฟลอร์เกียฝืนร่างกายที่กำลังจะกลายเป็นเศษฝุ่นผงเข้ามาหาทารกผู้เป็นดั่งดวงใจ
“ลูก…ลูก~”
ทารกยังคงร้องไม่หยุด และสิ่งที่แย่กว่านั้นคืออานุภาพของเสียงนั้นได้กลายมาเป็นอาวุธที่ร้ายกาจจนไม่อาจแยกแยะฝักฝ่ายเพื่อโจมตี เถาวัลย์ขนาดใหญ่เทียบเท่าต้นไม้อายุร้อยปีโผล่พรวดขึ้นมาจากผืนดินและไล่ฟาดฟันเหล่าพ่อมดแม่มดที่หนีกันกระเจิง ไม่เว้นแม้กระทั่งสองผู้พิทักษ์ที่ถูกเถาวัลย์เส้นอื่นที่เล็กกว่าฟาดจนกระเด็น ร่างโอซาริสยังคงสภาพไว้สมบูรณ์ ต่างจากฟลอกซ์ที่ถูกเถาวัลย์บดติดกับต้นไม้จนร่างแหลกเหลว
เอลด้าและโวเลนธาร์จำต้องถอยร่น แต่โชคก็ไม่ได้เข้าข้างเอลด้าที่เป็นต้นตอของเรื่องทั้งหมด ทันทีที่เธอเตรียมตัวจะกระโดดขึ้นฟ้า ปลายดาบสีเงินก็แทงทะลุอกจากด้านหลัง
ฉึก!
“อึก!”
“สิ่งตอบแทนที่เจ้าทำกับลูกข้า”
พลั่ก!
ร่างแม่มดสาวเจ้าของเส้นผมสีขี้เถ้าล้มพับพร้อมลมหายใจที่กำลังจะถูกตัดขาด ความบ้าคลั่งของป่าอันเกิดจากพลังที่มาพร้อมกับเสียงร่ำร้องของทารกน้อยยังคงตามล้างผลาญผู้ใดก็ตามที่ขวางทาง จนกระทั่ง…
“ลูกรัก…”
เสียงแสนหวานมาพร้อมกับความอบอุ่นจากอ้อมอกของผู้เป็นแม่ ทำให้ความบ้าคลั่งได้สงบลงไปพร้อมๆกับเสียงทารกน้อยที่แผ่วเบาและเงียบลงในที่สุด ผู้บุกรุกหนีกันไปหมดแล้ว เหลือไว้แต่เพียงร่องรอยของความพินาศ ซากศพนับสิบนอนระเกะระกะปะปนอยู่ท่ามกลางกองเศษซากของต้นไม้ที่หักโค่นและโขดหิน
“ลูกรัก อภัยให้แม่ด้วยที่ปกป้องเจ้าไม่ได้”
คำพูดทุกคำมาจากจิตใต้สำนึกที่เก็บซ่อนไว้ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหยาดกระทบใบหน้าทารกที่ลืมตาแป๋วจ้องใบหน้าผู้เป็นมารดาอย่างไร้เดียงสาเหมือนกับว่าไม่มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้นมาก่อน
เฟลอร์เกียเก็บเสียงสะอื้นกลับเข้าไปในคอ อุ้มทารกอันเป็นดั่งแก้วตาดวงใจเดินโซเซไปยังลำธารและวางร่างน้อยบนก้อนหินสีนิลก้อนใหญ่ข้างลำธาร กระชากสร้อยใบไม้สีเงินบนคอตนสวมให้ทารกก่อนจะร่ายเวทมนตร์บทหนึ่งที่ยาวเหยียดวาดมือไปข้างหน้าปรากฏเป็นลวดลายอักขระสีฟ้าซีด
“ด้วยอำนาจทั้งหมดที่ข้ายังหลงเหลืออยู่ ณ เวลานี้ ขอจงโปรดประทานให้แก่บุตรของข้า….ให้เขารอด และกลับไปหาผู้ที่ข้าพาเขาจากมา”
สิ้นเสียงประกาศิตร่างบางก็ล้มลงอย่างอ่อนล้าเหลือเพียงลมหายใจที่รวยรินและกำลังจะขาดช่วงไปพร้อมกับร่างกายที่ค่อยๆกลายเป็นเถ้าธุลี ณ เวลานี้ผู้ที่เธอคิดถึงและต้องการจะส่งตัวแทนแห่งความรักไปให้คือชายเพียงหนึ่งเดียวที่เธอได้มอบหัวใจให้เขาเท่านั้น
ลูเมน….

ทุกอย่างดำเนินไปตามชะตาลิขิตที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจขัดขืนได้ ป่าที่เปิดโล่งได้เคลื่อนไหวและปกคลุมด้วยไม้เลื้อยโอนเอนไปตามสายลมที่เหมือนจะเป็นเสียงดนตรีขับกล่อมยามเศร้าโศก พวกมันรับรู้ว่าราชินีเพียงหนึ่งเดียวได้สูญสิ้นลมหายใจลงไปแล้ว และตั้งใจอย่างยิ่งที่จะทำให้จุดนี้เป็นสถานที่ปิดตายเพื่อเก็บความทรงจำและความเจ็บปวดเอาไว้จากโลกภายนอกแม้กระทั่งจากป่าสีน้ำเงินด้วยกัน วิญญาณของเอลด้าหลุดลอยออกจากร่างและไม่สามารถกลับไปยังดินแดนของแม่มดที่อยู่อีกฟากฝั่งของแม่น้ำนี้ได้ และต้นไม้ต้นหนึ่งก็ดึงร่างวิญญาณของเธอเข้าไปกักขังเอาไว้ชั่วนิรันดร แต่เท่านั้นก็ยังไม่พอชดใช้ เพราะป่าอย่างพวกมันก็จำเป็นต้องมีผู้พิทักษ์ ซึ่งต้องยืนหยัดอยู่เคียงข้างพวกมัน ผู้พิทักษ์ที่พวกมันต้องการก็คือ…
‘โอซาริส…ฟลอกซ์’
เจ็บ…เจ็บปวดที่กลางอกเหมือนอวัยวะภายในจะทะลักออกมาข้างนอก
ภาพเบื้องหน้าเริ่มโย้เย้และเลือนหายเหลือเพียงความมืดของผนังหินชินตา เฮเลียสทรุดลงด้วยขาที่อ่อนเปลี้ย น้ำตาเอ่อล้นออกมาเป็นสาย
“ข้า….เป็นต้นเหตุที่ทำให้ท่านแม่ต้องตาย ข้าเป็นต้นเหตุของเรื่องพวกนี้รึ”
“จะพูดอย่างนั้นก็ถูก”
ฟลอกซ์ที่ยังยืนกอดอกเบือนหน้าออกไปอีกทางกล่าวด้วยวาจาเย็นเยียบ
“หลังจากวันนั้น เจ้าก็ถูกส่งไปยังราชวังโดยวิญญาณแห่งป่า ลูเมนรับเจ้าไปดูแลและสาบานต่อหน้าวิญญาณป่าสีน้ำเงินว่าเขาจะไม่ให้เจ้ารับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ให้เจ้าใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์ธรรมดา และจบชีวิตลงในฐานะคนธรรมดาที่ไร้พลัง ส่วนข้ากับโอซาริสก็ทำได้เพียงเฝ้ามองดูเจ้าที่เติบโตขึ้นทุกวัน…จนกระทั่งวันที่เคโอเรสเตอร์ได้พบเจ้า”
ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องเล่าต่อว่าเกิดอะไรขึ้น ฟลอกซ์หันหลังเดินกลับและยังไม่ลืมพูดทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงที่ยังเรียบ
“หากคืนนั้นเคโอเรสเตอร์ไม่มาพบเจ้า ข้ากับโอซาริสก็คงได้รับเจ้าเข้ามาในป่าสีน้ำเงินแล้ว แต่ก็ต้องขอบคุณเจ้านั่นที่ให้เจ้าดื่มเลือด ไม่อย่างนั้นเจ้าก็คงจะตายไปเพราะบาดแผลหรือไม่ก็คำสาปที่ติดตัวเจ้ามาตั้งแต่เกิด เคโอเรสเตอร์รับปากว่าจะดูแลเจ้าตราบจนถึงวันที่ตัวเองจะหมดอายุไข ซึ่งนั่นก็ดี”
“ดี….งั้นรึ”
เฮเลียสกล่าวเสียงสั่น ที่แท้ทุกคนรอบกายเธอก็รู้เรื่องทั้งหมดแต่ก็ยังปิดบังเอาไว้นานกว่าร้อยปี
“ทำไมล่ะ”
“การคงอยู่ที่ไร้ซึ่งตัวตนถาวรไม่ได้ทำให้พวกเรามีความสุขหรอกนะ หากวันนั้นเคโอเรสเตอร์ไม่พบเจ้าก่อน บางทีข้าอาจจะปล่อยให้เจ้าตายหรือไม่ก็ฆ่าเจ้าไปเสีย….เพราะอย่างน้อยเจ้าก็จะไม่ได้เจ็บปวดที่ต้องมารับรู้ถึงความทรงจำแสนขมนี่ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วเราก็ไม่อาจขัดโชคชะตา”
“โชคชะตาที่ข้าไม่ได้เลือก ข้าไม่ต้องการ!”
เฮเลียสบริภาษทั้งน้ำตาที่ยังเอ่อ ในตอนนี้เธอไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องการแม้กระทั่งลมหายใจจอมปลอมที่เธอได้มาจากการฝืนโชคชะตา เธอดำรงชีวิตอยู่บนเส้นทางที่ขัดกับโชคชะตามานานเหลือเกิน แล้วอย่างนี้จะให้เธอเดินเข้าสู่เส้นทางแห่งโชคชะตาได้อย่างไร พอคิดอย่างนี้แผลเป็นที่ต้นแขนก็สำแดงฤทธิ์เดชสร้างความทรมานจนต้องอุทานออกมาเพราะความเจ็บปวด
“คำสาปที่เจ้าได้รับจะกัดกร่อนชีวิตของเจ้าต่อไปเรื่อยๆ แต่ว่ามันไม่ได้ทำให้เจ้าสมปรารถนาง่ายขนาดนั้นหรอกนะ”
“ว่าไงนะ”
“ปีศาจที่ตามล่าเคโอเรสเตอร์ได้กลิ่นคำสาปจากตัวเจ้า และเป้าหมายของพวกมันก็คงจะเป็นเจ้าด้วยเช่นกัน อีกอย่าง…เจ้าคิดว่าคำพูดของพ่อมดในอดีตจะเลือนหายไปพร้อมกับกาลเวลาอย่างนั้นรึ”
พ่อมดคนนั้น…ต้องการเธอไปเป็นราชินีของเขา
“ข้าเป็นเพียงมนุษย์ ถึงแม้จะเป็นเพียงครึ่งเดียวแต่ข้าก็ยังเป็นมนุษย์”
“เอาไว้ไปบอกกับพวกมันยามที่เจ้าต้องเผชิญหน้าไม่ดีกว่ารึ คิดว่าพวกเรามารวมตัวกันแบบนี้เพื่อแนะนำตัวให้เจ้ารู้จักหรืออย่างไร เผ่าพยัคฆ์จะนำทางเจ้า ผู้พิทักษ์จะคอยคุ้มกันเจ้าเดินทางไปยังหุบเขาไกอา ตามบัญชาของราชันย์แห่งเอลฟ์ ไกเซอร์ฟีนิกส์”
“ไกเซอร์ฟีนิกส์…”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา