เปลื่ยนจากทหารโหดมารักกับเด็กช่างไม?
10.0
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ****(18+)นิยายเรื่องนี้ เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน****
คุณ... เคยเชื่อเรื่องราวความรักไหม?
ฉันว่าคุณต้องเชื่อแน่ๆ เราจะเราเรื่องหนึ่งให้คุณฟัง ขึ้นชื่อว่าเด็กช่างคุณทุกคนเป็นอันต้องเห็นพวกเรากันทางด้านลบ เช่น ทะเลาะวิวาท ตีรังฟันแทงกันนับไม่ถ้วน แต่เราจะทำคุณเห็นว่าเด็กช่างอย่างเราก็มี....หัวใจ
"แม่ไปก่อนนะแม่" ฉันเดินออกาจากบ้านหลังใหญ่โตของฉัน
ฉันชื่อเฟียร์ เด็กช่างย่านนี้ บ้านมีอิทธิพล บ้านฉันทำงานไม่แน่นอน พ่อฉันทำร้านเพชรชื่อดังในประเทศแต่เบื้องหลัง จะขายของในตลาดมืด(จะไม่พูดเยอะนะเดียวรู้เยอะจะไม่ดีต่อครอบครัว) ฉันเรียนอยู่ ปวชปี 3 ที่ฉันไม่อยากเรียนสามัญเพราะขี้เกียจทำเกรดไปแข่งกับคนอื่น ความฝันของฉันคือทำงานสานต่อกิจการของพ่อ
"นี่ๆ ไอตัวแสบของพ่อมานี่ก่อน" ผู้ชายที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่นั้น ปิดหนังสือพิมพ์แล้วกระดิ๊กนิ้วเรียกฉัน
"ว่าไงค่ะคุณพ่อ? ต้องอะไรของลูกอีก??" ฉันทำหน้ากวนประสาทไปหนึ่งที
"ทำเป็นกวนนะ พ่อจะให้ตังไม่เอาใช่ไม?" พ่อหยิบกระเป๋าตังขึ้นมาจากกระเป๋าหลังกางเกงของเขา พ่อฉันก็เรียนช่างที่เดียวกับที่ฉันเรียน เอาง่ายๆ ครอบครัวฉัน พ่อและฉันเรียนช่าง ส่วนแม่ของฉันเป็นแอร์โฮสเตจ เลยเรียนสามัญ
"วันนี้จะให้กี่บาทหน๋อออ??" ฉันแบมือเตรียมรับตังเลยจ้าา
"แหนะ! ประจบจริงๆ" พอฉันหยิบงานมาหนึ่งพันแล้ววางบนมือของฉัน เหมือนฟ้ารู้เห็นเป็นใจ
"อุ๊ยย เยอะขนาดนี่กินอะไรได้อิ่มแน่ๆ"
"พ่อลูกคู่นี้ เอาฮ่ากันแต่เช้าจริงๆ ได้ข่าวว่าอายมันรออยู่นิ ไปได้แล้วลูก แค่นี้นี้ก็สายพอแล้ว" แม่บอกกับฉัน
"แม่ เดียวลูกกับมากินข้าวด้วยนะ" ฉันดักพ่อฉัน พ่อชอบมาแกล้งแม่เวลาฉันไม่อยู่
"เอ้า นี้พ่อให้เงินเยอะจะได้ไปกินข้าวนอกบ้านนานๆ ดักพ่อจริงๆ"
"คุณก็แกล้งลูกจัง วันนี้พ่อกับแม่ไม่อยู่บ้านนะลูกจะไป อเมริกางานของพ่อเขา"
"ค่ะๆ หนูไปก่อนนะ"
"โชคดีลูก ขับรถดีๆ"
ฉันวิ่งไปขึ้นรถหน้าบ้าน ฉันขี่มอไซค์รุ่น CBR1000rr มันก็แพงพอประมาณแต่คันนี้ฉันซื้อเองย๊ะ! ฉันเตรียมตัวขับไปหานางอายที่กำลังรอฉันที่ปายรถเมล์หน้าปากซอย อายก็ขับCBR750f ฉันขับมาจนถึงป้ายรถเมล์ ฉันเจอรถของอายที่จอดไว้ใกล้ๆ ฉันจอดใกล้ๆรถของอาย พวกป้าๆ น้าๆ แล้วก็นักเรียนมอปลายมองกันใหญ่ ฉันเห็นอายที่กำลังหนังจิ้มโทรศัพท์ฉันเลยเรียกแบบฮาร์ดคอร์
"เฮ๊ย!" ฉันตะโกนไปหาอายแต่ทุกคนที่ป้ายรถเมล์หันมากันหมดเลย แล้วทุกคนก็ยิ้มให้ฉัน ซึ้งฉันขนลุกมากเวลาผู้หญิงยิ้มให้ ก็คนมันไม่ชอบนิหน่าา
"มาตอนไหนว่ะ" อายเดินมาพร้อมใส่หมวกกันน๊อก
"เมื่อกี้นี่และ ไปเหอะเดียวสาย ไม่อยากจะมานั่งแก้กิจกรรมตอนปิดเทอม"
"อ๋อๆ กูก็ไม่อยากพอๆกับมึงนั้นและ"
"ฮ่าๆๆ อีบ้าา" เราทั้งสองคนก็ขับไปวิลัยกัน วิลัยอยู่ในตัวเมืองเลยต้องไปไกลจากบ้านแค่ 10 กิโลเมตร มันก็อาจจะไกลนิหน่อย :D
พอเราไปได้สักพักก็มีด้านข้างหน้า เราเลยเบี้ยงไปอีกทางหนึ่งเป็นทางลัด เสียงรถเราก็ดังไม่ใช่ย่อย แถมฉันก็อายุ 17 อายก็เช่นกันไม่แปลกเลยที่จะต้องหนี!! เราเบี้ยงออกมาสักพักมาถึงอีกถนนหนึ่ง คราวนี้อีก 2 กิโลเมตรก็ถึง ฉันจึงมองดูนาฬิกา ชิบหายแล้ว!!! นี่มันจะแปดโมงครึ่งแล้ว เราเลยมองไปหาอายที่ขับคู่กันมา อายพยักหน้าคงรับรู้แล้วว่าตอนนี้ต้องซิ่ง!!!
เราก็ซิ่งดิ รออะไรจนพีชโทรมา แล้วเลยกดรับตรงหมวก(ขนาดหมวกกันไฮเทคเลย)
"ว่าไงเพื่อน"
(มึงจะมากันยัง เขาจะเข้าแถวแล้ว เดียวพวกมึงก็ตกกิจกรรมหรอก) อีแบมโทรมา เปิดมาก็ด่าเลยฮ่าๆๆ
"กำลังไปเพื่อน รออีกแปบใกล้ถึงแล้ว แค่นี้นะ" จากนั้นมันก็ตัดสายไป
เราตีโค้งเข้าวิลัยเพื่อเอารถไปจอด หน้าวิลัยเต็มไปด้วยทหาร ฉันละโคตดเซงกับทหารชอบตรวจกระเป๋าของฉันว่าพกบุหรี่ป่าว ทั้งๆที่ฉันจะพกไว้ที่ลับๆ (อิอิบอกไม่ได้เดียวรู้)ฉันวางกระเป๋าไว้บนตกตรวจแล้วให้นายทหารตรวจเอา อีกคนที่เป็นผู้หญิงมาลูบตัวฉันจากหัวลงถึงตะตุ้ม จนมีนายทหารคนหนึ่งมองหน้าฉัน ฉันก็มองกลับแบบจ้องอย่างจะฆ่าอย่างไงอย่างงั้น เขาตัวสูงยศนายร้อย เป็นผู้กองเองหรอ? นึกว่าเป็นผู้พันซะอีก หึ คงอายุ 23 แน่ๆ โคตดแก่เลอะตายๆ
"มองหน้ามีอะไรหรือป่าวเธออ่ะ" นายทหารที่มองหน้าพูดขึ้น
"ก็มองหน้าเองช่วยอะไรไม่ได้" ฉันมองจ้องเลยที่นี้ จนมีอาจารย์มาห้าม
"พอๆ เฟียร์เข้าวิลัยได้แล้ว อายด้วย"
"ค่ะ" ฉันกับอายตอบพร้อมกัน ฉันหยิบกระเป๋าออกมาพร้อมมองหน้านายทหารคนนั้น เขามองหน้าฉันแบบนิ่งๆ ไม่คิดว่าตอนเช้าจะต้องมีเรื่องด้วย หึฝากไว้ก่อนเหอะ ฉุนจริงๆนะ ฉุนน!!!
เข้าไปในวิลัยเขาก็เริมกิจกรรมหน้าเสาธงพอดีเขาก็พูดตามภาษาอาจารย์จนอาจารย์บรรลือพูดขึ้น
"นักเรียนและนักศึกษาวันนี้ อาจารย์จะพานักเรียนและนักศึกษาเรียนรู็เกี่ยวกับการมองคนกัน อาจารย์จะไม่ได้มาเป็นคนอธิบายแต่จะเป็นนายทหารขึ้นมาแทน แล้วอาจารย์จะถามที่ละแผนก แล้วสุ่มระดับออกมาอธิบายให้ฟัง ขอเชิญ ร้อยเอก.รังสิวัตน์ ภูวดล ณ อยุธยา ขึ้นมาให้ความรู้กับนักเรียนและนักศึกษาด้วยครับ"
ฉันกำลังนั่งคุยเรื่องเมื่อเช้าที่มองหน้ากับนายทหารคนนั้นกับเพื่อนๆที่อยู่ด้านกลังฉันพอดี พอได้ยินเสียงปรบมือดังขึ้นก็หันไปนั้นมันคือคนที่ฉันมองนิหว่า
"ชิบหายแล้วมึง อีเฟียร์" อายพูดขึ้นพร้อมขำใส่
"กูก็ว่างั้นและอีเฟียร์" แบมเสริมมา ฉันมองหน้านายทหารคนนั้น ไม่ต้องเรียกนายทหารแล้วมั่ง ควรจะเรียกว่า ผู้กองเลย.... เด็กผู้หญฺงกริ๊ดกันดังลั่นวิลัย ผู้กองก็หล่อใช้ได้ แต่ไม่ใช่สเป็คเลยว่ะ ขอโทษทีนะ อิอิ
"สวัสดีนักเรียนและนักศึกษา(กริ๊ดไปอีก) กระผม ร้อยเอก.รังสิวัตน์ ภูวดล ณ อยุธยา เป็นตัวแทนมาจากสังกัด ***** ที่ ***** ผมจบมาจากโรงเรียนเตรียมทหาร แล้วมาต่อโรงเรียนนายร้อย จปร.(ฮู๊วววววว ไม่ใช่ย่อยเลยนิหว่า)วันนี้ผมจะาพูดเกี่ยวกับมารยาทในการมอง" เขาพยายามหาตัวฉัน ฉันจะนั่งอยู๋แถวด้านซ้ายมือสุดของเขา แล้วฉันนั่งหน้าแถวซะด้วย(กูเป็นหัวหน้าไงไอบ้าเอ๋ยย) เขามองหน้าฉันอย่างจะกินหัวฉัน "การมองนั้นทำให้คนอื่นนั้นคิดในทางที่ดีแตกต่างกันไป มันอยู่ที่จะมอง(เขาหันหน้าไปทางนักเรียนอื่นแต่จะชอบหันหน้ามาทางฝั่งฉันเสมอ) พวกเราก็เคยมีปัญญหาในเรื่องกันมองหน้ากันไมครับ?" ผู้กองถามพร้อมยิ้มหวานใส่แผนกพานิช พานิชนี่ แต่ละลายกันเป็นแถว(มันจะเวอร์อะไรขนาดนั้นแหะ?) "พวกพี่ๆก็เคยเป็น อย่างเช่น...(นางหันมามองฉัน) คนๆหนึ่งมามองผมอย่างกับมาหาเรื่องผมทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ(นางยิ้มไออุบาตมากก) ผมถามเขานะครับว่ามองทำไม แต่อยู่ดีๆเขาก็มาอารมส์ร้อนใส่ผม ผมก็เลยอยากมาเตือนสำหรับทุกๆคนนะว่า ใครที่มองเราแปลว่าไม่ได้หาเรื่องคุณอย่าคิดเยอะเลยครับ มันอาจจะเป็นภัยให้ตัวคุณ ผมขอฝากไว้แค่นี้ครับ สวัสดีครับ" ทุกคนปรบมือให้ผู้กอง ฉันนี่สิจุกยันท้องน้อย อีอายก็ขำสิ ได้ใจใหญ่เลย
"ขำอะไรของแกอีอาย"
"ป๊าวววววว มันสะใจนิดๆ" อีอายขำฉันเลยเอาขนมที่อยู่ในมือมันยัดปากไป มันก็ขำไม่เลิก ฉันว่าเรื่องนี้มันจะจบไม่สวยแน่! ผู้กองเดียวเจอดี!!!
คุณ... เคยเชื่อเรื่องราวความรักไหม?
ฉันว่าคุณต้องเชื่อแน่ๆ เราจะเราเรื่องหนึ่งให้คุณฟัง ขึ้นชื่อว่าเด็กช่างคุณทุกคนเป็นอันต้องเห็นพวกเรากันทางด้านลบ เช่น ทะเลาะวิวาท ตีรังฟันแทงกันนับไม่ถ้วน แต่เราจะทำคุณเห็นว่าเด็กช่างอย่างเราก็มี....หัวใจ
"แม่ไปก่อนนะแม่" ฉันเดินออกาจากบ้านหลังใหญ่โตของฉัน
ฉันชื่อเฟียร์ เด็กช่างย่านนี้ บ้านมีอิทธิพล บ้านฉันทำงานไม่แน่นอน พ่อฉันทำร้านเพชรชื่อดังในประเทศแต่เบื้องหลัง จะขายของในตลาดมืด(จะไม่พูดเยอะนะเดียวรู้เยอะจะไม่ดีต่อครอบครัว) ฉันเรียนอยู่ ปวชปี 3 ที่ฉันไม่อยากเรียนสามัญเพราะขี้เกียจทำเกรดไปแข่งกับคนอื่น ความฝันของฉันคือทำงานสานต่อกิจการของพ่อ
"นี่ๆ ไอตัวแสบของพ่อมานี่ก่อน" ผู้ชายที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่นั้น ปิดหนังสือพิมพ์แล้วกระดิ๊กนิ้วเรียกฉัน
"ว่าไงค่ะคุณพ่อ? ต้องอะไรของลูกอีก??" ฉันทำหน้ากวนประสาทไปหนึ่งที
"ทำเป็นกวนนะ พ่อจะให้ตังไม่เอาใช่ไม?" พ่อหยิบกระเป๋าตังขึ้นมาจากกระเป๋าหลังกางเกงของเขา พ่อฉันก็เรียนช่างที่เดียวกับที่ฉันเรียน เอาง่ายๆ ครอบครัวฉัน พ่อและฉันเรียนช่าง ส่วนแม่ของฉันเป็นแอร์โฮสเตจ เลยเรียนสามัญ
"วันนี้จะให้กี่บาทหน๋อออ??" ฉันแบมือเตรียมรับตังเลยจ้าา
"แหนะ! ประจบจริงๆ" พอฉันหยิบงานมาหนึ่งพันแล้ววางบนมือของฉัน เหมือนฟ้ารู้เห็นเป็นใจ
"อุ๊ยย เยอะขนาดนี่กินอะไรได้อิ่มแน่ๆ"
"พ่อลูกคู่นี้ เอาฮ่ากันแต่เช้าจริงๆ ได้ข่าวว่าอายมันรออยู่นิ ไปได้แล้วลูก แค่นี้นี้ก็สายพอแล้ว" แม่บอกกับฉัน
"แม่ เดียวลูกกับมากินข้าวด้วยนะ" ฉันดักพ่อฉัน พ่อชอบมาแกล้งแม่เวลาฉันไม่อยู่
"เอ้า นี้พ่อให้เงินเยอะจะได้ไปกินข้าวนอกบ้านนานๆ ดักพ่อจริงๆ"
"คุณก็แกล้งลูกจัง วันนี้พ่อกับแม่ไม่อยู่บ้านนะลูกจะไป อเมริกางานของพ่อเขา"
"ค่ะๆ หนูไปก่อนนะ"
"โชคดีลูก ขับรถดีๆ"
ฉันวิ่งไปขึ้นรถหน้าบ้าน ฉันขี่มอไซค์รุ่น CBR1000rr มันก็แพงพอประมาณแต่คันนี้ฉันซื้อเองย๊ะ! ฉันเตรียมตัวขับไปหานางอายที่กำลังรอฉันที่ปายรถเมล์หน้าปากซอย อายก็ขับCBR750f ฉันขับมาจนถึงป้ายรถเมล์ ฉันเจอรถของอายที่จอดไว้ใกล้ๆ ฉันจอดใกล้ๆรถของอาย พวกป้าๆ น้าๆ แล้วก็นักเรียนมอปลายมองกันใหญ่ ฉันเห็นอายที่กำลังหนังจิ้มโทรศัพท์ฉันเลยเรียกแบบฮาร์ดคอร์
"เฮ๊ย!" ฉันตะโกนไปหาอายแต่ทุกคนที่ป้ายรถเมล์หันมากันหมดเลย แล้วทุกคนก็ยิ้มให้ฉัน ซึ้งฉันขนลุกมากเวลาผู้หญิงยิ้มให้ ก็คนมันไม่ชอบนิหน่าา
"มาตอนไหนว่ะ" อายเดินมาพร้อมใส่หมวกกันน๊อก
"เมื่อกี้นี่และ ไปเหอะเดียวสาย ไม่อยากจะมานั่งแก้กิจกรรมตอนปิดเทอม"
"อ๋อๆ กูก็ไม่อยากพอๆกับมึงนั้นและ"
"ฮ่าๆๆ อีบ้าา" เราทั้งสองคนก็ขับไปวิลัยกัน วิลัยอยู่ในตัวเมืองเลยต้องไปไกลจากบ้านแค่ 10 กิโลเมตร มันก็อาจจะไกลนิหน่อย :D
พอเราไปได้สักพักก็มีด้านข้างหน้า เราเลยเบี้ยงไปอีกทางหนึ่งเป็นทางลัด เสียงรถเราก็ดังไม่ใช่ย่อย แถมฉันก็อายุ 17 อายก็เช่นกันไม่แปลกเลยที่จะต้องหนี!! เราเบี้ยงออกมาสักพักมาถึงอีกถนนหนึ่ง คราวนี้อีก 2 กิโลเมตรก็ถึง ฉันจึงมองดูนาฬิกา ชิบหายแล้ว!!! นี่มันจะแปดโมงครึ่งแล้ว เราเลยมองไปหาอายที่ขับคู่กันมา อายพยักหน้าคงรับรู้แล้วว่าตอนนี้ต้องซิ่ง!!!
เราก็ซิ่งดิ รออะไรจนพีชโทรมา แล้วเลยกดรับตรงหมวก(ขนาดหมวกกันไฮเทคเลย)
"ว่าไงเพื่อน"
(มึงจะมากันยัง เขาจะเข้าแถวแล้ว เดียวพวกมึงก็ตกกิจกรรมหรอก) อีแบมโทรมา เปิดมาก็ด่าเลยฮ่าๆๆ
"กำลังไปเพื่อน รออีกแปบใกล้ถึงแล้ว แค่นี้นะ" จากนั้นมันก็ตัดสายไป
เราตีโค้งเข้าวิลัยเพื่อเอารถไปจอด หน้าวิลัยเต็มไปด้วยทหาร ฉันละโคตดเซงกับทหารชอบตรวจกระเป๋าของฉันว่าพกบุหรี่ป่าว ทั้งๆที่ฉันจะพกไว้ที่ลับๆ (อิอิบอกไม่ได้เดียวรู้)ฉันวางกระเป๋าไว้บนตกตรวจแล้วให้นายทหารตรวจเอา อีกคนที่เป็นผู้หญิงมาลูบตัวฉันจากหัวลงถึงตะตุ้ม จนมีนายทหารคนหนึ่งมองหน้าฉัน ฉันก็มองกลับแบบจ้องอย่างจะฆ่าอย่างไงอย่างงั้น เขาตัวสูงยศนายร้อย เป็นผู้กองเองหรอ? นึกว่าเป็นผู้พันซะอีก หึ คงอายุ 23 แน่ๆ โคตดแก่เลอะตายๆ
"มองหน้ามีอะไรหรือป่าวเธออ่ะ" นายทหารที่มองหน้าพูดขึ้น
"ก็มองหน้าเองช่วยอะไรไม่ได้" ฉันมองจ้องเลยที่นี้ จนมีอาจารย์มาห้าม
"พอๆ เฟียร์เข้าวิลัยได้แล้ว อายด้วย"
"ค่ะ" ฉันกับอายตอบพร้อมกัน ฉันหยิบกระเป๋าออกมาพร้อมมองหน้านายทหารคนนั้น เขามองหน้าฉันแบบนิ่งๆ ไม่คิดว่าตอนเช้าจะต้องมีเรื่องด้วย หึฝากไว้ก่อนเหอะ ฉุนจริงๆนะ ฉุนน!!!
เข้าไปในวิลัยเขาก็เริมกิจกรรมหน้าเสาธงพอดีเขาก็พูดตามภาษาอาจารย์จนอาจารย์บรรลือพูดขึ้น
"นักเรียนและนักศึกษาวันนี้ อาจารย์จะพานักเรียนและนักศึกษาเรียนรู็เกี่ยวกับการมองคนกัน อาจารย์จะไม่ได้มาเป็นคนอธิบายแต่จะเป็นนายทหารขึ้นมาแทน แล้วอาจารย์จะถามที่ละแผนก แล้วสุ่มระดับออกมาอธิบายให้ฟัง ขอเชิญ ร้อยเอก.รังสิวัตน์ ภูวดล ณ อยุธยา ขึ้นมาให้ความรู้กับนักเรียนและนักศึกษาด้วยครับ"
ฉันกำลังนั่งคุยเรื่องเมื่อเช้าที่มองหน้ากับนายทหารคนนั้นกับเพื่อนๆที่อยู่ด้านกลังฉันพอดี พอได้ยินเสียงปรบมือดังขึ้นก็หันไปนั้นมันคือคนที่ฉันมองนิหว่า
"ชิบหายแล้วมึง อีเฟียร์" อายพูดขึ้นพร้อมขำใส่
"กูก็ว่างั้นและอีเฟียร์" แบมเสริมมา ฉันมองหน้านายทหารคนนั้น ไม่ต้องเรียกนายทหารแล้วมั่ง ควรจะเรียกว่า ผู้กองเลย.... เด็กผู้หญฺงกริ๊ดกันดังลั่นวิลัย ผู้กองก็หล่อใช้ได้ แต่ไม่ใช่สเป็คเลยว่ะ ขอโทษทีนะ อิอิ
"สวัสดีนักเรียนและนักศึกษา(กริ๊ดไปอีก) กระผม ร้อยเอก.รังสิวัตน์ ภูวดล ณ อยุธยา เป็นตัวแทนมาจากสังกัด ***** ที่ ***** ผมจบมาจากโรงเรียนเตรียมทหาร แล้วมาต่อโรงเรียนนายร้อย จปร.(ฮู๊วววววว ไม่ใช่ย่อยเลยนิหว่า)วันนี้ผมจะาพูดเกี่ยวกับมารยาทในการมอง" เขาพยายามหาตัวฉัน ฉันจะนั่งอยู๋แถวด้านซ้ายมือสุดของเขา แล้วฉันนั่งหน้าแถวซะด้วย(กูเป็นหัวหน้าไงไอบ้าเอ๋ยย) เขามองหน้าฉันอย่างจะกินหัวฉัน "การมองนั้นทำให้คนอื่นนั้นคิดในทางที่ดีแตกต่างกันไป มันอยู่ที่จะมอง(เขาหันหน้าไปทางนักเรียนอื่นแต่จะชอบหันหน้ามาทางฝั่งฉันเสมอ) พวกเราก็เคยมีปัญญหาในเรื่องกันมองหน้ากันไมครับ?" ผู้กองถามพร้อมยิ้มหวานใส่แผนกพานิช พานิชนี่ แต่ละลายกันเป็นแถว(มันจะเวอร์อะไรขนาดนั้นแหะ?) "พวกพี่ๆก็เคยเป็น อย่างเช่น...(นางหันมามองฉัน) คนๆหนึ่งมามองผมอย่างกับมาหาเรื่องผมทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ(นางยิ้มไออุบาตมากก) ผมถามเขานะครับว่ามองทำไม แต่อยู่ดีๆเขาก็มาอารมส์ร้อนใส่ผม ผมก็เลยอยากมาเตือนสำหรับทุกๆคนนะว่า ใครที่มองเราแปลว่าไม่ได้หาเรื่องคุณอย่าคิดเยอะเลยครับ มันอาจจะเป็นภัยให้ตัวคุณ ผมขอฝากไว้แค่นี้ครับ สวัสดีครับ" ทุกคนปรบมือให้ผู้กอง ฉันนี่สิจุกยันท้องน้อย อีอายก็ขำสิ ได้ใจใหญ่เลย
"ขำอะไรของแกอีอาย"
"ป๊าวววววว มันสะใจนิดๆ" อีอายขำฉันเลยเอาขนมที่อยู่ในมือมันยัดปากไป มันก็ขำไม่เลิก ฉันว่าเรื่องนี้มันจะจบไม่สวยแน่! ผู้กองเดียวเจอดี!!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ