ลมหวาน ป่าหนาว
9.2
เขียนโดย เพียงแสงจันทร์
วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.46 น.
42 ตอน
8 วิจารณ์
70.21K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 20.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
29) พาร์ทของตรี (หรือว่ามันจะหยุดอยู่แค่นี้?)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ หลังจากที่พายุลูกใหญ่สงบลงทั้งตรีภพ และศักดิ์พินิจก็หมดแรงไปทำให้ทั้งคู่หลับไปค่อนวัน รู้สึกตัวอีกทีก็ท้องร้องเสียงดังด้วยกันทั้งคู่เพราะความหิวนั้นเอง
“โอม..โอม ไอ้โอมมม มึงจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนวะ ตื่นได้แล้ว กูหิวข้าว”
“อืม กูเหนื่อย ขอนอนต่ออีกนิดนะมึง”
“ไม่ได้กูหิวข้าว ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย”
สิ้นเสียงพูดของตรีภพ ทำให้ศักดิ์พินิจต้องลืมตาขึ้นมาจ้องมองอีกฝ่ายอย่างตั้งใจทันที
“ตรี..มึงแน่ใจเหรอว่าไม่มีอะไรตกถึงท้อง?”
“ก็เอ่อสิวะ ตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นกูยังไม่ได้แดรกข้าวสักเม็ดเลย”
“แต่มึงก็แดรกอย่างอื่นนี้ .. น้ำในตัวกูหมดแล้ว ยังไม่พอให้มึงอิ่มอีกเหรอ?”
“ไอ้สัสโอม ขืนมึงพูดอีกที คราวนี้มึงได้กินบาทากูแน่ๆ กูหิวข้าวไม่ได้หิวอย่างอื่นเว้ยย”
“เอ่อๆ ตื่นก็ได้ หยอกเล่นแค่นี้ทำเป็นโหด จะฆ่าผัวได้ลงคอเหรอวะ?”
จากนั้นก็มีหมอนลอยมาจากไหนไม่รู้ จู่ๆก็มาปะทะกับใบหน้าเรียวๆของเดือนมหาวิทยาลัยอย่างโอมเข้าเต็มแรงเหนี่ยว
“โอ้ยยยยกูเจ็บนะตรี...”
“ดี เจ็บแค่นี้ไม่ยังไม่สาสมกับปากหมาๆของมึงหรอกไอ้โอม ไอ้ปากนรก”
“เอ่อๆกูขอโทษ ยอมแล้วคราฟ แล้วนี้มันกี่โมงแล้ววะตรี?”
“มันจะหกโมงเย็นอยู่แล้วมึง รีบตื่นแล้วก็พากูไปหาไรแดก”
“อ้าวนี้มึงตื่นนานแล้วเหรอวะ”
ศักดิ์พินิจถามตรีภพออกไปเพราะได้กลิ่นหอมๆจากตัวของอีกฝ่าย ทำให้ปลุกอารมณ์ดิบในกายของเขาให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
“อืม กูอาบน้ำเสร็จแล้ว ก็รอแต่มึงนี้แหละ”
“ได้ๆ ขอเวลาสิบนาที เดี๋ยวพาไปหาไรกิน...แต่ตอนนี้มึงช่วยกูไรได้ปะวะ”
โอมพูดเสร็จก็ขยับตัวลุกขึ้นมานั่งใกล้ๆตรีทันที พร้อมกับใช้แขนทั้งสองข้างโอบรัดเอวของอีกฝ่ายไว้ไม่ให้ดิ้นไปไหน
“มึงจะเล่นบ้าไรอีกวะโอม หมอนข้างยังเจ็บไม่พอใช่ไหม?”
“คือกูยังกินมึงไม่อิ่มเลย หอมจังเลยตรี”
ศักดิ์พินิจใช้จมูกกดลงไปที่ซอกคอของอีกฝ่ายอย่างรุนแรงพร้อมกับงับด้วยฟันเบาๆ
“โอ้ยยยไอ้บ้ากาม วันๆมึงจะไม่ทำอะไรเลยใช่ไหม?”
“นะตรีน่ะ กูขอต่ออีกรอบ”
“ไม่เว้ย กูเหนื่อย กูหิวข้าว ถ้ามึงยังงอแงกูจะไปคนเดียว”
ตรีภพพูดพร้อมกับแกะมือของศักดิ์พินิจออกจากการกอดทันที อาการแข็งๆและจริงจังของตรีภพทำให้อีกฝ่ายต้องยอมไปอาบน้ำแต่โดยดี
“ขอแค่นี้ก็ไม่ได้ ตรีใจร้าย ไปอาบน้ำก็ได้เว้ยยยย”
“เอาให้ไวเลยมึง กูให้เวลาแค่สิบนาที ช้ากว่านี้กูไม่รอ”
“เอ่อๆ เร่งกูจัง เป็นเมียนะเว้ยไม่ใช่แม่”
“ไอ้โอม มึงจะลองกินฝ่ามือโลหิตกูใช่ไม๊”
“5555555กูกลัวแล้ววววววว ใครจะกล้าเล่นกับนักกีฬาวอลเลย์บอลทีมมหาลัยวะ”
หลังจากที่ผมกับโอมตื่นแล้วก็ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็มาหาอะไรทานกันที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองทันทีก็ห้างของคุณหนูป่าสักนั้นละครับจะไปที่ไหนได้ เพราะว่าโอมขอแก้มือที่ผิดนัดเรื่องดูหนังเมื่อครั้งที่แล้ว เขาเลยจะไถ่โทษด้วยการพาผมมากินข้าวแล้วต่อด้วยดูหนังรอบดึงของวันปิดเทอม
“จะกินไรดีวะมึง”
เสียงโอมถามดังขึ้นหลังผมกับมันเดินมาผ่านร้านอาหารมาได้สักสองสามร้านแต่ผมก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตัดสินใจได้เลยสักร้าน
“จริงๆกูก็อยากกินทุกอย่างนะเว้ย แต่ดูๆแล้วแต่ละร้านแม่งคนเยอะชิบวะ”
“ร้านไหนคนก็เยอะปะวะมึง นี้มันปิดเทอม จะเอาร้านไหนก็เลือกเถอะกูหิวแล้ว”
“โอมมึงแน่ใจนะ?...มึงไม่กลัวเรดติ้งตกเหรอที่มากินข้าวกับกู”
“ถ้ากูกลัว คงไม่กล้าเดินควงกับมึงหรอก”
ศักดิ์พินิจพูดพร้อมกับคว้ามือของอีกฝ่ายมากุมไว้อย่างแน่น สายตาทั้งสองประสานกันอย่างเข้าใจในความหมายของการกระทำ
“เอ่อๆ กินราเมงแล้วกัน”
“ก็แค่นั้นแหละ”
ผมกับโอมเรานั่งทานราเมงกันไปแบบเงียบๆคงจะเป็นเพราะว่าต่างคนต่างหิวเลยไม่มีใครคุยอะไรกันเลย ทานไปได้สักพักผมต้องหยุดกินกระทันหันเพราะจู่ๆก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นระหว่างที่เรานั่งทานข้าวกันอยู่สองต่อสอง
“พี่โอมมาอยู่นี้เอง เคทโทรหาก็ไม่ติด ที่แท้ก็แอบมาทานข้าว”
พูดเสร็จสาวนามว่าเคทก็รีบนั่งลงข้างๆศักดิ์พินิจทันที พร้อมกับใช้มือเล็กสอดไปคล้องแขนของศักดิ์พินิจอย่างสนิทสนม
“อ้าวน้องเคท มาได้ไงครับ”
โอมหันไปหาเจ้าของเสียงเล็กนั้นทันทีพร้อมกับถามออกไปทันทีที่เจ้าตัวนั่งลงข้างๆตัวเขา ผมได้แต่นั่งมองอยู่เงียบๆ แต่ทำไมอยู่ๆใจของผมมันก็สั่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“เคทมากับคุณแม่ กับคุณป้านะสิค่ะ ก็เคทโทรหาพี่โอมแล้ว แต่โทรไม่ติด”
พอสาวนามว่าเคทพูดออกมาแบบนั้นผมกับโอมมองหน้ากันทันที แล้วก็ต้องรีบหันไปดูรอบๆร้านเพื่อจะมองหาแม่ของโอมและแม่ของสาวนามว่าเคท แต่ปรากฏว่าแม่ของโอมนั้นได้มายื่นอยู่ที่ข้างโต๊ะของพวกเราตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
“สวัสดีครับป้ารัตน์”
ตรีภพกล่าวทักทายแม่ของศักดิ์พินิจทันที ที่เห็นว่ามารดาของศักดิ์พินิจยืนอยู่ข้างๆโต๊ะอาหารของพวกเขาก่อนแล้วนั้นเอง
“อ้าวคุณแม่มาทานข้าวหรือมาช๊อปปิ้งครับ”
“พอดีแม่กับคุณป้าและน้องเคทมาทำธุระนะตาโอม แล้วนี้เรามาทานข้าวเหรอตาโอมตาตรี”
“ครับ ผมมาทานข้าวกับตรี”
โอมศักดิ์พินิจ ตอบมารดาออกไปด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ แต่เขาใช้เท้าอีกข้างไปแตะขาของตรีภพเหมือนบอกให้รู้ว่าเขาจะอยู่ข้างๆตรีภพเสมอ
“เอ่อนี้ตาโอม นี้คุณป้านวลฉวี เป็นคุณแม่ของหนูเคท ป้านวลเป็นเพื่อนกับแม่สมัยเรียนจ๊ะ”
“สวัสดีครับคุณป้า”
“ไหว้พระเถอะจ๊ะ ตาโอมนี้หน้าตาหล่อเหล่าจริงๆนะค่ะคุณรัตน์สมแล้วที่เป็นถึงเดือนมหาวิทยาลัยแก่นนคร มิน่าละยายหนูเคทถึงพูดถึงแต่พี่โอม อะไร อะไรก็พี่โอมตลอดเลย”
“เอ่อนี้ตาโอม ทำไมเราถึงได้เหลวไหลอย่างนี้ละ แม่โทรหาตั้งหลายครั้งแล้วก็ไม่ติด”
“อ่อพอดีแบตหมดนะครับ ลืมชาร์ตมือถือครับ วันหลังคุณแม่ถ้าหาผมไม่ติดก็โทรเข้ามือถือตรีได้นะครับ เพราะผมกับตรีก็อยู่ด้วยกันตลอด”
มารดาของศักดิ์พินิจได้ฟังคำตอบจากลูกชายอย่างนั้นแล้วก็ทำให้สีหน้าที่ดูเรียบๆกลับตึงขึ้นมาทันทีพร้อมชำเลืองมองลูกชายของตนสลับกับตรีภพไปมา
“ปิดเทอมแล้วก็ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องสักที...เจอตัวก็ดีแล้ว แม่จะพาเราไปทำธุระด้วยนะ นี้ทานข้าวเสร็จหรือยังละ”
“อ้าวแม่ แต่โอมมีธุระนะครับพอดีโอมจะไปทำธุระกับตรีอะแม่ เอาไว้วันหลังได้ไหมครับ”
มารดาของศักดิ์พินิจเห็นท่าทางของลูกชายที่ติดเพื่อนมากเกินเพื่อนทั่วๆไปแบบนี้ ยิ่งมองสายตาที่ศักดิ์พินิจมองตรีภพยิ่งทำให้นางไม่สบายใจเอาเสียเลย
“เอ่อตรี พอดีป้ามีเรื่องที่จะต้องให้โอมเขาช่วยนะลูก ธุระของตรีกับโอมเอาไว้วันหลังนะลูกวันนี้ป้าขอแล้วกันเนาะเด็กๆ”
นางรัตนาวดีมารดาของศักดิ์พินิจกล่าวออกมาหลังจากได้รู้ว่าลูกชายไม่อยากไปด้วยจึงใช้ไม้อ่อนเข้าแทนการบังคับ ซึ่งหันไปใช้กับตรีภพนั้นเอง
“อ่อได้ครับคุณป้า ธุระของตรีกับโอมเอาไว้วันหลังก็ได้ครับ”
ผมหันไปตอบป้ารัตน์แม่ของโอมทันที แต่ดูสีหน้าของโอมแล้วเหมือนจะไม่พอใจในคำพูดของผมอยู่ไม่น้อยแต่จะให้ทำอย่างไรได้ละครับ แต่จะให้ทำยังไงได้ละครับก็แม่ของโอมเล่นพูดมาตรงๆแบบนั้นผมไม่สามารถปฏิเสธได้เลย
“โอมจ๊ะ แม่กับคุณป้านวลฉวีจะไปรอข้างนอกนะ”
“เออคุณแม่ครับ แต่โอมเพิ่งจะทานเองนะครับคงอีกสักพัก”
“ไม่เป็นไร ให้หนูเคทนั้งรอเลยแล้วกันนะจ๊ะ”
“ได้ค่ะคุณป้า ไม่ต้องห่วงนะค่ะเดี๋ยวเคทจะพาพีโอมรีบตามไปทันทีเลยค่ะ”
“น่ารักจริงๆเลยหนูเคทของป้า ตาโอมทานข้าวเสร็จก็รีบตามไปเลยนะลูก ดูสิมีหนูเคทนั่งเป็นเพื่อนด้วยน่ารักจริงๆเลยคู่นี้”
คุณรัตนาวดีบอกกับลูกชายคนเดียวของตระกูลแล้วจากนั้นก็เดินออกมารอข้างนอกร้านกับเพื่อนนามว่านวลฉวีทันทีปล่อยให้ลูกสาวของคุณนวลฉวีนั่งประกบศักดิ์พินิจอยู่ภายในร้ายราเมงต่อทันที
“พี่โอมรีบทานสิค่ะ ทานเสร็จจะได้ไปทำธุระกับเคทต่อ เคทรออยู่ค่ะ”
“เอ่อคือน้องเคทเอามือมาเกาะแขนพี่แบบนี้ พี่กินข้าวไม่ถนัดครับ”
ศักดิ์พินิจพูดพร้องรีบแกะมือฝ่ายหญิงออกจากแขนของตัวเองทันที พร้อมกับชำเลืองสายตาไปมองตรีภพอย่างเกรงใจ
“อุ้ย..ขอโทษค่ะ ก็เคทคิดถึงพี่โอมนี้ค่ะ ตั้งแต่กลับจากเมกาก็ไม่ค่อยได้ไปไหนกับพี่โอมเลย”
จานนั้นหญิงสาวก็ปล่อยมือออกจากการเกาะแขนของฝ่ายชายทันทีพร้อมกับหันหน้าไปมองตรีภพอย่างระแวง
“นี้เพื่อนพี่โอมหรือค่ะ”
“ครับ นี้พี่ตรีเพื่อนสนิทพี่เอง”
“ตรี เอ่อเคท เป็นลูกสาวของป้านวลฉวี เพื่อนของคุณแม่เพิ่งกลับจากต่างประเทศที่เล่าให้ฟังไง จำได้ไหม?”
“ดีครับน้องเคท”
“พี่ตรี เป็นเพื่อนสนิทกับพี่โอมจริงๆเหรอค่ะ”
“ก็รู้จักกันตั้งแต่มัธยมครับ”
“อืม งั้นก็ต้องรู้จักสาวๆของพี่โอมหมดทุกคนสิค่ะ?”
สาวนามว่าเคทถามออกไปพร้อมกับจ้องหน้าตรีภพ ดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายทันที แต่ก็ไม่ทำให้ตรีภพรู้สึกกดดันอะไรทั้งสิน
“ก็ไม่ครับ”
“อ้าวทำไมละค่ะ? น่าแปลกจังเป็นเพื่อนสนิทก็ต้องรู้จักเรื่องส่วนตัวของเพื่อนไม่ใช่เหรอค่ะ?”
“คือพี่ไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของเพื่อนนะครับ เพราะมันเป็นมารยาทของคนมีการศึกษา”
ตรีภพตอบกลับมาอย่างเผ็ดร้อน ใครๆก็รู้ว่านอกจากฝีมือในการตบบอลหัวเสาที่รุนแรงแล้วยังมีฝีปากของตรีภพนี้แหละที่ร้อนแรงไม่แพ้กันเลย
“นี้พี่ตรี... พูดแบบนี้หมายความว่าไงค่ะ?”
“พี่ก็หมายความตามที่พูดละครับ หรือจะต้องให้แปลกไทยเป็นไทย อ่อลืมไปน้องเคทคงไปอยู่ต่างประเทศนานคงลืมมารยาทข้อนี้ไป”
หญิงสาวนามว่าเคทได้แต่อดกลั้นความไม่พอใจในคำตอบของอีกฝ่ายไว้ แล้วรีบหันใบหน้าเครียดๆไปหาศักดิ์พินิจทันที
“เพิ่งรู้ว่าพี่โอม คบเพื่อนแบบนี้ด้วยนะค่ะ”
“อะไรละครับน้องเคท พี่ตรีก็พูดถูกแล้ว พี่ตรีเขาเป็นคนไม่ค่อยสนใจเรื่องส่วนตัวของคนอื่น พี่ถึงยอมเลือกที่จะคบ....เป็นเพื่อนครับ”
ศักดิ์พินิจพูดพร้อมกับส่งสายตามายังตรีภพทันที
“ว้ายยนี้พี่โอมก็จะว่าเคทเป็นคนชอบอยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่นใช่ไหมค่ะ..แต่ขอโทษค่ะสำหรับพี่โอมกับเคทเราไม่ใช่คนอื่นกันนะ เราเป็นคู่หมั่นคู่หมายกันนะค่ะ”
“น้องเคท!!!!” พูดอะไรออกมาแบบนี้?”
เสียงของโอมศักดิ์พินิจดังขึ้นทันที เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าตรีภพ
“นั้นมันเป็นความคิดของผู้ใหญ่ไม่เกี่ยวกับพี่นะครับ”
“ไม่เกี่ยวกับพี่โอมได้ยังไงค่ะ ก็ในเมื่อพ่อแม่ของเราตกลงกันแล้ว และเคทก็จะย้ายกลับมาเรียนที่เมืองไทย เพราะคุณป้ารัตน์บอกว่าไม่อยากให้เราทั้งสองอยู่ห่างกัน”
“น้องเคท พี่ว่าอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้นะครับ น้องเคทไปรอพี่ข้างนอกเถอะ”
“ไม่ค่ะ เคทจะรอที่นี้ แหละอยู่ตรงนี้ เพราะที่ตรงนี้มันควรจะเป็นของเคท ไม่ใช่คนอื่น”
สิ้นเสียงพูดของสาวนามว่าเคท โอมศักดิ์พินิจก็ยืนขึ้นทันที พร้อมกับก้าวมาคว้าแขนของตรีภพให้ยืนขึ้นด้วย
“ไปเถอะตรี กูกินข้าวไม่ลงแล้ว”
“พี่โอม จะไปไหน กลับมาเดี๋ยวนี้นะค่ะ เคทบอกให้กลับมาไม่ได้ยินเหรอ อ้ายยยยกรี๊ดดดดดด เคทไม่ยอม เคทจะฟ้องคุณป้า”
เสียงกรี๊ดร้องของเคทไม่ได้ส่งผมใดๆกับโอมศักดิ์พินิจเลย เขากลับพาร่างของตรีภพออกมาจากร้านอาหารตรงไปที่ลาดจอดรถทันที
“โอม ไอ้โอม มึงตั้งสติหน่อยสิวะ ไปทำอย่างนั้นได้ไง”
“ตรี กูขอโทษ เรารีบไปกันเถอะ”
“โอม มึงจะหนีความจริงไปไหน หยุดเถอะ”
“กูไม่ได้หนี แต่กูไม่อยากอยู่ที่นี้แล้ว กลับห้อง เดี๋ยวหนังค่อยมาดูวันหลัง”
จู่ๆตรีภพก็สะบัดมือออกจากการเกาะกุมและออกจากการลากของอีกฝ่าย ทำให้มือทั้งของต้องหลุดออกจากกันทันที
“โอม มึงมีสติหน่อยสิ แม่มึงรออยู่นะเว้ย ไม่ใช่เอาแต่ใช้อารมณ์แบบนี้”
“แล้วมึงละตรี?”
“กูไม่เป็นไร กูเข้าใจ”
“มึงเข้าใจ เข้าใจว่าไงวะ?”
“ก็เข้าใจว่ามึงกับกู มันคงเป็นอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว นอกจากคำว่าเพื่อน”
“ตรี!!!! มึงพูดไรออกมาวะ?”
“มึงฟังไม่ผิดหรอกโอม มึงดูสังคมรอบข้างเราสิ”
“แล้วไง?”
“มึงไม่เข้าใจคำว่าคู่หมั่นคู่หมายเหรอ?”
“นั้นมันเป็นความคิดของผู้ใหญ่ ของพ่อกับแม่กู ไม่เกี่ยวกับกู ชีวิตกู กูขอเลือกเอง”
“แต่มึงก็เป็นลูก พ่อกับแม่ย่อมอยากเห็นอนาคตที่ดีของลูกเสมอ..กูว่ามึงรีบกลับไปเถอะโอม ส่วนเรื่องดูหนังเอาไว้วันหลังค่อยว่ากัน”
ตรีภพพูดพร้อมกับรีบหันหลังให้กับศักดิ์พินจทันที เพราะเขารู้ดีว่าเรื่องระหว่างเขากับศักดิ์พินิจมันคงจะไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน ตรีภพค่อยๆก้าวออกเดินอย่างช้าๆพร้อมกับความเจ็บปวดที่ต้องทนเก็บเอาไว้ภายในใจ แต่แล้วศักดิ์พินิจก็รีบวิ่งมาขวางตรีภพไว้ทันที
“ตรี มึงฟังกูนะ เรื่องกูกับเคทมันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ กูไม่ได้เห็นดีเห็นงามด้วย”
“กลับไปเถอะโอม มึงอย่าให้ผู้ใหญ่เขาเสียเลย”
“ไม่ กูจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ตรีมึงฟังกูก่อน”
ศักดิ์พินิจก้าวเท้าเข้ามาใกล้ตรีภพทันที และกำลังจะยืนมือไปจับมือของตรีภพไว้แต่ก็ต้องหยุดชะงักเสียก่อนเพราะเสียงแหลมๆของเคทดังขึ้นมานั้นเอง
“คุณป้าคุณแม่ค่ะ ทางนี้ค่ะ พี่โอมอยู่ทางนี้ค่ะ”
ทั้งตรีภพและศักดิ์พินิจต้องหันไปมองยังต้นเสียงนั้นทันที แล้วก็เห็นว่าเคทนั้นรีบวิ่งมาทางที่พวกเขายื่นคุยกันอยู่นั้นเอง
“โอม อย่าให้มันมีปัญหาไปมากกว่านี้เลย”
“ตรี??”
“กูกลับบ้านเองได้ มึงไปทำธุระกับแม่มึงเถอะ ไม่ต้องห่วงกู”
“ตรี?????”
“เชื่อกูเถอะโอม ไม่ต้องห่วงกู กูไหว”
“ตรี...กูขอโทษ เดี๋ยวกูโทรหานะ”
“อืม เดี๋ยวค่อยว่ากัน กูไปก่อนนะ”
ผมพยายามก้าวขาให้ออก มันช่างยากเย็นแสนเข็ญเสียเหลือเกิน เรี่ยวแรงไม่รู้มันหายไปไหน การฝืนความรู้สึกตัวเองมันช่างเป็นอะไรที่โหดร้ายมากๆแต่ผมก็ต้องทำ เพราะผมไม่อยากเห็นครอบครัวของโอมต้องมีปัญหากันเพราะผมเป็นต้นเหตุ ถึงแม้ว่าโอมจะไม่เคยบอกหรือพูดว่าคบกับผม แต่การกระทำของเราทั้งสองมันก็เกินเลยสำหรับคำว่าเพื่อนไปแล้ว แต่ความสัมพันของผมกับโอมมันก็เป็นความสัมพันแบบผู้ชายกับผู้ชาย ความสัมพันแบบนี้สังคมคงไม่ยอมรับอยู่แล้วยิ่งครอบครัวของเราทั้งสองมันยิ่งเป็นไปไม่ได้ ผมตัดสินใจก้าวออกมาจากชีวิตของโอมตอนนี้จะดีกว่า เดินหันหลังจากมาได้ไม่ถึงสิบก้าวผมก็ต้องหยุดเพราะหัวใจทั้งสีห้องของผมมันยังมีโอมอยู่ในนั้นเสมอ ผมค่อยๆหันกลับไปมองโอม แต่ภาพที่ผมเห็นคือสาวนามว่าเคทนั้นกำลังควงแขนโอมเดินไปอย่างมีความสุขน้ำตาของคนอย่างผมมันก็ค่อยๆไหลๆลงมาอย่างช่วยไม่ได้จริงๆเลย มันคงจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้วใช่ไหม เขาเหมาะสมกันทั้งหน้าตาและฐานะทางสังคม ผมทำถูกแล้วใช่ไหม ใครก็ได้ตอบผมที มันช่างเป็นวันปิดเทอมที่แสนโหดร้ายกับผมเสียจริงๆ ภาพของโอมค่อยๆเลือนรางลงไปทีละนิดเพราะน้ำตามันเริ่มไหลลงมาปิดความชัดเจนของเราทั้งสองเสียแล้ว
“โอม..โอม ไอ้โอมมม มึงจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนวะ ตื่นได้แล้ว กูหิวข้าว”
“อืม กูเหนื่อย ขอนอนต่ออีกนิดนะมึง”
“ไม่ได้กูหิวข้าว ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย”
สิ้นเสียงพูดของตรีภพ ทำให้ศักดิ์พินิจต้องลืมตาขึ้นมาจ้องมองอีกฝ่ายอย่างตั้งใจทันที
“ตรี..มึงแน่ใจเหรอว่าไม่มีอะไรตกถึงท้อง?”
“ก็เอ่อสิวะ ตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นกูยังไม่ได้แดรกข้าวสักเม็ดเลย”
“แต่มึงก็แดรกอย่างอื่นนี้ .. น้ำในตัวกูหมดแล้ว ยังไม่พอให้มึงอิ่มอีกเหรอ?”
“ไอ้สัสโอม ขืนมึงพูดอีกที คราวนี้มึงได้กินบาทากูแน่ๆ กูหิวข้าวไม่ได้หิวอย่างอื่นเว้ยย”
“เอ่อๆ ตื่นก็ได้ หยอกเล่นแค่นี้ทำเป็นโหด จะฆ่าผัวได้ลงคอเหรอวะ?”
จากนั้นก็มีหมอนลอยมาจากไหนไม่รู้ จู่ๆก็มาปะทะกับใบหน้าเรียวๆของเดือนมหาวิทยาลัยอย่างโอมเข้าเต็มแรงเหนี่ยว
“โอ้ยยยยกูเจ็บนะตรี...”
“ดี เจ็บแค่นี้ไม่ยังไม่สาสมกับปากหมาๆของมึงหรอกไอ้โอม ไอ้ปากนรก”
“เอ่อๆกูขอโทษ ยอมแล้วคราฟ แล้วนี้มันกี่โมงแล้ววะตรี?”
“มันจะหกโมงเย็นอยู่แล้วมึง รีบตื่นแล้วก็พากูไปหาไรแดก”
“อ้าวนี้มึงตื่นนานแล้วเหรอวะ”
ศักดิ์พินิจถามตรีภพออกไปเพราะได้กลิ่นหอมๆจากตัวของอีกฝ่าย ทำให้ปลุกอารมณ์ดิบในกายของเขาให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
“อืม กูอาบน้ำเสร็จแล้ว ก็รอแต่มึงนี้แหละ”
“ได้ๆ ขอเวลาสิบนาที เดี๋ยวพาไปหาไรกิน...แต่ตอนนี้มึงช่วยกูไรได้ปะวะ”
โอมพูดเสร็จก็ขยับตัวลุกขึ้นมานั่งใกล้ๆตรีทันที พร้อมกับใช้แขนทั้งสองข้างโอบรัดเอวของอีกฝ่ายไว้ไม่ให้ดิ้นไปไหน
“มึงจะเล่นบ้าไรอีกวะโอม หมอนข้างยังเจ็บไม่พอใช่ไหม?”
“คือกูยังกินมึงไม่อิ่มเลย หอมจังเลยตรี”
ศักดิ์พินิจใช้จมูกกดลงไปที่ซอกคอของอีกฝ่ายอย่างรุนแรงพร้อมกับงับด้วยฟันเบาๆ
“โอ้ยยยไอ้บ้ากาม วันๆมึงจะไม่ทำอะไรเลยใช่ไหม?”
“นะตรีน่ะ กูขอต่ออีกรอบ”
“ไม่เว้ย กูเหนื่อย กูหิวข้าว ถ้ามึงยังงอแงกูจะไปคนเดียว”
ตรีภพพูดพร้อมกับแกะมือของศักดิ์พินิจออกจากการกอดทันที อาการแข็งๆและจริงจังของตรีภพทำให้อีกฝ่ายต้องยอมไปอาบน้ำแต่โดยดี
“ขอแค่นี้ก็ไม่ได้ ตรีใจร้าย ไปอาบน้ำก็ได้เว้ยยยย”
“เอาให้ไวเลยมึง กูให้เวลาแค่สิบนาที ช้ากว่านี้กูไม่รอ”
“เอ่อๆ เร่งกูจัง เป็นเมียนะเว้ยไม่ใช่แม่”
“ไอ้โอม มึงจะลองกินฝ่ามือโลหิตกูใช่ไม๊”
“5555555กูกลัวแล้ววววววว ใครจะกล้าเล่นกับนักกีฬาวอลเลย์บอลทีมมหาลัยวะ”
หลังจากที่ผมกับโอมตื่นแล้วก็ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็มาหาอะไรทานกันที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองทันทีก็ห้างของคุณหนูป่าสักนั้นละครับจะไปที่ไหนได้ เพราะว่าโอมขอแก้มือที่ผิดนัดเรื่องดูหนังเมื่อครั้งที่แล้ว เขาเลยจะไถ่โทษด้วยการพาผมมากินข้าวแล้วต่อด้วยดูหนังรอบดึงของวันปิดเทอม
“จะกินไรดีวะมึง”
เสียงโอมถามดังขึ้นหลังผมกับมันเดินมาผ่านร้านอาหารมาได้สักสองสามร้านแต่ผมก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตัดสินใจได้เลยสักร้าน
“จริงๆกูก็อยากกินทุกอย่างนะเว้ย แต่ดูๆแล้วแต่ละร้านแม่งคนเยอะชิบวะ”
“ร้านไหนคนก็เยอะปะวะมึง นี้มันปิดเทอม จะเอาร้านไหนก็เลือกเถอะกูหิวแล้ว”
“โอมมึงแน่ใจนะ?...มึงไม่กลัวเรดติ้งตกเหรอที่มากินข้าวกับกู”
“ถ้ากูกลัว คงไม่กล้าเดินควงกับมึงหรอก”
ศักดิ์พินิจพูดพร้อมกับคว้ามือของอีกฝ่ายมากุมไว้อย่างแน่น สายตาทั้งสองประสานกันอย่างเข้าใจในความหมายของการกระทำ
“เอ่อๆ กินราเมงแล้วกัน”
“ก็แค่นั้นแหละ”
ผมกับโอมเรานั่งทานราเมงกันไปแบบเงียบๆคงจะเป็นเพราะว่าต่างคนต่างหิวเลยไม่มีใครคุยอะไรกันเลย ทานไปได้สักพักผมต้องหยุดกินกระทันหันเพราะจู่ๆก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นระหว่างที่เรานั่งทานข้าวกันอยู่สองต่อสอง
“พี่โอมมาอยู่นี้เอง เคทโทรหาก็ไม่ติด ที่แท้ก็แอบมาทานข้าว”
พูดเสร็จสาวนามว่าเคทก็รีบนั่งลงข้างๆศักดิ์พินิจทันที พร้อมกับใช้มือเล็กสอดไปคล้องแขนของศักดิ์พินิจอย่างสนิทสนม
“อ้าวน้องเคท มาได้ไงครับ”
โอมหันไปหาเจ้าของเสียงเล็กนั้นทันทีพร้อมกับถามออกไปทันทีที่เจ้าตัวนั่งลงข้างๆตัวเขา ผมได้แต่นั่งมองอยู่เงียบๆ แต่ทำไมอยู่ๆใจของผมมันก็สั่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“เคทมากับคุณแม่ กับคุณป้านะสิค่ะ ก็เคทโทรหาพี่โอมแล้ว แต่โทรไม่ติด”
พอสาวนามว่าเคทพูดออกมาแบบนั้นผมกับโอมมองหน้ากันทันที แล้วก็ต้องรีบหันไปดูรอบๆร้านเพื่อจะมองหาแม่ของโอมและแม่ของสาวนามว่าเคท แต่ปรากฏว่าแม่ของโอมนั้นได้มายื่นอยู่ที่ข้างโต๊ะของพวกเราตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
“สวัสดีครับป้ารัตน์”
ตรีภพกล่าวทักทายแม่ของศักดิ์พินิจทันที ที่เห็นว่ามารดาของศักดิ์พินิจยืนอยู่ข้างๆโต๊ะอาหารของพวกเขาก่อนแล้วนั้นเอง
“อ้าวคุณแม่มาทานข้าวหรือมาช๊อปปิ้งครับ”
“พอดีแม่กับคุณป้าและน้องเคทมาทำธุระนะตาโอม แล้วนี้เรามาทานข้าวเหรอตาโอมตาตรี”
“ครับ ผมมาทานข้าวกับตรี”
โอมศักดิ์พินิจ ตอบมารดาออกไปด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ แต่เขาใช้เท้าอีกข้างไปแตะขาของตรีภพเหมือนบอกให้รู้ว่าเขาจะอยู่ข้างๆตรีภพเสมอ
“เอ่อนี้ตาโอม นี้คุณป้านวลฉวี เป็นคุณแม่ของหนูเคท ป้านวลเป็นเพื่อนกับแม่สมัยเรียนจ๊ะ”
“สวัสดีครับคุณป้า”
“ไหว้พระเถอะจ๊ะ ตาโอมนี้หน้าตาหล่อเหล่าจริงๆนะค่ะคุณรัตน์สมแล้วที่เป็นถึงเดือนมหาวิทยาลัยแก่นนคร มิน่าละยายหนูเคทถึงพูดถึงแต่พี่โอม อะไร อะไรก็พี่โอมตลอดเลย”
“เอ่อนี้ตาโอม ทำไมเราถึงได้เหลวไหลอย่างนี้ละ แม่โทรหาตั้งหลายครั้งแล้วก็ไม่ติด”
“อ่อพอดีแบตหมดนะครับ ลืมชาร์ตมือถือครับ วันหลังคุณแม่ถ้าหาผมไม่ติดก็โทรเข้ามือถือตรีได้นะครับ เพราะผมกับตรีก็อยู่ด้วยกันตลอด”
มารดาของศักดิ์พินิจได้ฟังคำตอบจากลูกชายอย่างนั้นแล้วก็ทำให้สีหน้าที่ดูเรียบๆกลับตึงขึ้นมาทันทีพร้อมชำเลืองมองลูกชายของตนสลับกับตรีภพไปมา
“ปิดเทอมแล้วก็ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องสักที...เจอตัวก็ดีแล้ว แม่จะพาเราไปทำธุระด้วยนะ นี้ทานข้าวเสร็จหรือยังละ”
“อ้าวแม่ แต่โอมมีธุระนะครับพอดีโอมจะไปทำธุระกับตรีอะแม่ เอาไว้วันหลังได้ไหมครับ”
มารดาของศักดิ์พินิจเห็นท่าทางของลูกชายที่ติดเพื่อนมากเกินเพื่อนทั่วๆไปแบบนี้ ยิ่งมองสายตาที่ศักดิ์พินิจมองตรีภพยิ่งทำให้นางไม่สบายใจเอาเสียเลย
“เอ่อตรี พอดีป้ามีเรื่องที่จะต้องให้โอมเขาช่วยนะลูก ธุระของตรีกับโอมเอาไว้วันหลังนะลูกวันนี้ป้าขอแล้วกันเนาะเด็กๆ”
นางรัตนาวดีมารดาของศักดิ์พินิจกล่าวออกมาหลังจากได้รู้ว่าลูกชายไม่อยากไปด้วยจึงใช้ไม้อ่อนเข้าแทนการบังคับ ซึ่งหันไปใช้กับตรีภพนั้นเอง
“อ่อได้ครับคุณป้า ธุระของตรีกับโอมเอาไว้วันหลังก็ได้ครับ”
ผมหันไปตอบป้ารัตน์แม่ของโอมทันที แต่ดูสีหน้าของโอมแล้วเหมือนจะไม่พอใจในคำพูดของผมอยู่ไม่น้อยแต่จะให้ทำอย่างไรได้ละครับ แต่จะให้ทำยังไงได้ละครับก็แม่ของโอมเล่นพูดมาตรงๆแบบนั้นผมไม่สามารถปฏิเสธได้เลย
“โอมจ๊ะ แม่กับคุณป้านวลฉวีจะไปรอข้างนอกนะ”
“เออคุณแม่ครับ แต่โอมเพิ่งจะทานเองนะครับคงอีกสักพัก”
“ไม่เป็นไร ให้หนูเคทนั้งรอเลยแล้วกันนะจ๊ะ”
“ได้ค่ะคุณป้า ไม่ต้องห่วงนะค่ะเดี๋ยวเคทจะพาพีโอมรีบตามไปทันทีเลยค่ะ”
“น่ารักจริงๆเลยหนูเคทของป้า ตาโอมทานข้าวเสร็จก็รีบตามไปเลยนะลูก ดูสิมีหนูเคทนั่งเป็นเพื่อนด้วยน่ารักจริงๆเลยคู่นี้”
คุณรัตนาวดีบอกกับลูกชายคนเดียวของตระกูลแล้วจากนั้นก็เดินออกมารอข้างนอกร้านกับเพื่อนนามว่านวลฉวีทันทีปล่อยให้ลูกสาวของคุณนวลฉวีนั่งประกบศักดิ์พินิจอยู่ภายในร้ายราเมงต่อทันที
“พี่โอมรีบทานสิค่ะ ทานเสร็จจะได้ไปทำธุระกับเคทต่อ เคทรออยู่ค่ะ”
“เอ่อคือน้องเคทเอามือมาเกาะแขนพี่แบบนี้ พี่กินข้าวไม่ถนัดครับ”
ศักดิ์พินิจพูดพร้องรีบแกะมือฝ่ายหญิงออกจากแขนของตัวเองทันที พร้อมกับชำเลืองสายตาไปมองตรีภพอย่างเกรงใจ
“อุ้ย..ขอโทษค่ะ ก็เคทคิดถึงพี่โอมนี้ค่ะ ตั้งแต่กลับจากเมกาก็ไม่ค่อยได้ไปไหนกับพี่โอมเลย”
จานนั้นหญิงสาวก็ปล่อยมือออกจากการเกาะแขนของฝ่ายชายทันทีพร้อมกับหันหน้าไปมองตรีภพอย่างระแวง
“นี้เพื่อนพี่โอมหรือค่ะ”
“ครับ นี้พี่ตรีเพื่อนสนิทพี่เอง”
“ตรี เอ่อเคท เป็นลูกสาวของป้านวลฉวี เพื่อนของคุณแม่เพิ่งกลับจากต่างประเทศที่เล่าให้ฟังไง จำได้ไหม?”
“ดีครับน้องเคท”
“พี่ตรี เป็นเพื่อนสนิทกับพี่โอมจริงๆเหรอค่ะ”
“ก็รู้จักกันตั้งแต่มัธยมครับ”
“อืม งั้นก็ต้องรู้จักสาวๆของพี่โอมหมดทุกคนสิค่ะ?”
สาวนามว่าเคทถามออกไปพร้อมกับจ้องหน้าตรีภพ ดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายทันที แต่ก็ไม่ทำให้ตรีภพรู้สึกกดดันอะไรทั้งสิน
“ก็ไม่ครับ”
“อ้าวทำไมละค่ะ? น่าแปลกจังเป็นเพื่อนสนิทก็ต้องรู้จักเรื่องส่วนตัวของเพื่อนไม่ใช่เหรอค่ะ?”
“คือพี่ไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของเพื่อนนะครับ เพราะมันเป็นมารยาทของคนมีการศึกษา”
ตรีภพตอบกลับมาอย่างเผ็ดร้อน ใครๆก็รู้ว่านอกจากฝีมือในการตบบอลหัวเสาที่รุนแรงแล้วยังมีฝีปากของตรีภพนี้แหละที่ร้อนแรงไม่แพ้กันเลย
“นี้พี่ตรี... พูดแบบนี้หมายความว่าไงค่ะ?”
“พี่ก็หมายความตามที่พูดละครับ หรือจะต้องให้แปลกไทยเป็นไทย อ่อลืมไปน้องเคทคงไปอยู่ต่างประเทศนานคงลืมมารยาทข้อนี้ไป”
หญิงสาวนามว่าเคทได้แต่อดกลั้นความไม่พอใจในคำตอบของอีกฝ่ายไว้ แล้วรีบหันใบหน้าเครียดๆไปหาศักดิ์พินิจทันที
“เพิ่งรู้ว่าพี่โอม คบเพื่อนแบบนี้ด้วยนะค่ะ”
“อะไรละครับน้องเคท พี่ตรีก็พูดถูกแล้ว พี่ตรีเขาเป็นคนไม่ค่อยสนใจเรื่องส่วนตัวของคนอื่น พี่ถึงยอมเลือกที่จะคบ....เป็นเพื่อนครับ”
ศักดิ์พินิจพูดพร้อมกับส่งสายตามายังตรีภพทันที
“ว้ายยนี้พี่โอมก็จะว่าเคทเป็นคนชอบอยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่นใช่ไหมค่ะ..แต่ขอโทษค่ะสำหรับพี่โอมกับเคทเราไม่ใช่คนอื่นกันนะ เราเป็นคู่หมั่นคู่หมายกันนะค่ะ”
“น้องเคท!!!!” พูดอะไรออกมาแบบนี้?”
เสียงของโอมศักดิ์พินิจดังขึ้นทันที เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าตรีภพ
“นั้นมันเป็นความคิดของผู้ใหญ่ไม่เกี่ยวกับพี่นะครับ”
“ไม่เกี่ยวกับพี่โอมได้ยังไงค่ะ ก็ในเมื่อพ่อแม่ของเราตกลงกันแล้ว และเคทก็จะย้ายกลับมาเรียนที่เมืองไทย เพราะคุณป้ารัตน์บอกว่าไม่อยากให้เราทั้งสองอยู่ห่างกัน”
“น้องเคท พี่ว่าอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้นะครับ น้องเคทไปรอพี่ข้างนอกเถอะ”
“ไม่ค่ะ เคทจะรอที่นี้ แหละอยู่ตรงนี้ เพราะที่ตรงนี้มันควรจะเป็นของเคท ไม่ใช่คนอื่น”
สิ้นเสียงพูดของสาวนามว่าเคท โอมศักดิ์พินิจก็ยืนขึ้นทันที พร้อมกับก้าวมาคว้าแขนของตรีภพให้ยืนขึ้นด้วย
“ไปเถอะตรี กูกินข้าวไม่ลงแล้ว”
“พี่โอม จะไปไหน กลับมาเดี๋ยวนี้นะค่ะ เคทบอกให้กลับมาไม่ได้ยินเหรอ อ้ายยยยกรี๊ดดดดดด เคทไม่ยอม เคทจะฟ้องคุณป้า”
เสียงกรี๊ดร้องของเคทไม่ได้ส่งผมใดๆกับโอมศักดิ์พินิจเลย เขากลับพาร่างของตรีภพออกมาจากร้านอาหารตรงไปที่ลาดจอดรถทันที
“โอม ไอ้โอม มึงตั้งสติหน่อยสิวะ ไปทำอย่างนั้นได้ไง”
“ตรี กูขอโทษ เรารีบไปกันเถอะ”
“โอม มึงจะหนีความจริงไปไหน หยุดเถอะ”
“กูไม่ได้หนี แต่กูไม่อยากอยู่ที่นี้แล้ว กลับห้อง เดี๋ยวหนังค่อยมาดูวันหลัง”
จู่ๆตรีภพก็สะบัดมือออกจากการเกาะกุมและออกจากการลากของอีกฝ่าย ทำให้มือทั้งของต้องหลุดออกจากกันทันที
“โอม มึงมีสติหน่อยสิ แม่มึงรออยู่นะเว้ย ไม่ใช่เอาแต่ใช้อารมณ์แบบนี้”
“แล้วมึงละตรี?”
“กูไม่เป็นไร กูเข้าใจ”
“มึงเข้าใจ เข้าใจว่าไงวะ?”
“ก็เข้าใจว่ามึงกับกู มันคงเป็นอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว นอกจากคำว่าเพื่อน”
“ตรี!!!! มึงพูดไรออกมาวะ?”
“มึงฟังไม่ผิดหรอกโอม มึงดูสังคมรอบข้างเราสิ”
“แล้วไง?”
“มึงไม่เข้าใจคำว่าคู่หมั่นคู่หมายเหรอ?”
“นั้นมันเป็นความคิดของผู้ใหญ่ ของพ่อกับแม่กู ไม่เกี่ยวกับกู ชีวิตกู กูขอเลือกเอง”
“แต่มึงก็เป็นลูก พ่อกับแม่ย่อมอยากเห็นอนาคตที่ดีของลูกเสมอ..กูว่ามึงรีบกลับไปเถอะโอม ส่วนเรื่องดูหนังเอาไว้วันหลังค่อยว่ากัน”
ตรีภพพูดพร้อมกับรีบหันหลังให้กับศักดิ์พินจทันที เพราะเขารู้ดีว่าเรื่องระหว่างเขากับศักดิ์พินิจมันคงจะไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน ตรีภพค่อยๆก้าวออกเดินอย่างช้าๆพร้อมกับความเจ็บปวดที่ต้องทนเก็บเอาไว้ภายในใจ แต่แล้วศักดิ์พินิจก็รีบวิ่งมาขวางตรีภพไว้ทันที
“ตรี มึงฟังกูนะ เรื่องกูกับเคทมันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ กูไม่ได้เห็นดีเห็นงามด้วย”
“กลับไปเถอะโอม มึงอย่าให้ผู้ใหญ่เขาเสียเลย”
“ไม่ กูจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ตรีมึงฟังกูก่อน”
ศักดิ์พินิจก้าวเท้าเข้ามาใกล้ตรีภพทันที และกำลังจะยืนมือไปจับมือของตรีภพไว้แต่ก็ต้องหยุดชะงักเสียก่อนเพราะเสียงแหลมๆของเคทดังขึ้นมานั้นเอง
“คุณป้าคุณแม่ค่ะ ทางนี้ค่ะ พี่โอมอยู่ทางนี้ค่ะ”
ทั้งตรีภพและศักดิ์พินิจต้องหันไปมองยังต้นเสียงนั้นทันที แล้วก็เห็นว่าเคทนั้นรีบวิ่งมาทางที่พวกเขายื่นคุยกันอยู่นั้นเอง
“โอม อย่าให้มันมีปัญหาไปมากกว่านี้เลย”
“ตรี??”
“กูกลับบ้านเองได้ มึงไปทำธุระกับแม่มึงเถอะ ไม่ต้องห่วงกู”
“ตรี?????”
“เชื่อกูเถอะโอม ไม่ต้องห่วงกู กูไหว”
“ตรี...กูขอโทษ เดี๋ยวกูโทรหานะ”
“อืม เดี๋ยวค่อยว่ากัน กูไปก่อนนะ”
ผมพยายามก้าวขาให้ออก มันช่างยากเย็นแสนเข็ญเสียเหลือเกิน เรี่ยวแรงไม่รู้มันหายไปไหน การฝืนความรู้สึกตัวเองมันช่างเป็นอะไรที่โหดร้ายมากๆแต่ผมก็ต้องทำ เพราะผมไม่อยากเห็นครอบครัวของโอมต้องมีปัญหากันเพราะผมเป็นต้นเหตุ ถึงแม้ว่าโอมจะไม่เคยบอกหรือพูดว่าคบกับผม แต่การกระทำของเราทั้งสองมันก็เกินเลยสำหรับคำว่าเพื่อนไปแล้ว แต่ความสัมพันของผมกับโอมมันก็เป็นความสัมพันแบบผู้ชายกับผู้ชาย ความสัมพันแบบนี้สังคมคงไม่ยอมรับอยู่แล้วยิ่งครอบครัวของเราทั้งสองมันยิ่งเป็นไปไม่ได้ ผมตัดสินใจก้าวออกมาจากชีวิตของโอมตอนนี้จะดีกว่า เดินหันหลังจากมาได้ไม่ถึงสิบก้าวผมก็ต้องหยุดเพราะหัวใจทั้งสีห้องของผมมันยังมีโอมอยู่ในนั้นเสมอ ผมค่อยๆหันกลับไปมองโอม แต่ภาพที่ผมเห็นคือสาวนามว่าเคทนั้นกำลังควงแขนโอมเดินไปอย่างมีความสุขน้ำตาของคนอย่างผมมันก็ค่อยๆไหลๆลงมาอย่างช่วยไม่ได้จริงๆเลย มันคงจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้วใช่ไหม เขาเหมาะสมกันทั้งหน้าตาและฐานะทางสังคม ผมทำถูกแล้วใช่ไหม ใครก็ได้ตอบผมที มันช่างเป็นวันปิดเทอมที่แสนโหดร้ายกับผมเสียจริงๆ ภาพของโอมค่อยๆเลือนรางลงไปทีละนิดเพราะน้ำตามันเริ่มไหลลงมาปิดความชัดเจนของเราทั้งสองเสียแล้ว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ