ลมหวาน ป่าหนาว

9.2

วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.46 น.

  42 ตอน
  8 วิจารณ์
  70.21K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 20.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

29) พาร์ทของตรี (หรือว่ามันจะหยุดอยู่แค่นี้?)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
     หลังจากที่พายุลูกใหญ่สงบลงทั้งตรีภพ  และศักดิ์พินิจก็หมดแรงไปทำให้ทั้งคู่หลับไปค่อนวัน รู้สึกตัวอีกทีก็ท้องร้องเสียงดังด้วยกันทั้งคู่เพราะความหิวนั้นเอง
“โอม..โอม  ไอ้โอมมม  มึงจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนวะ ตื่นได้แล้ว  กูหิวข้าว”
“อืม  กูเหนื่อย  ขอนอนต่ออีกนิดนะมึง”
“ไม่ได้กูหิวข้าว  ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย”
สิ้นเสียงพูดของตรีภพ  ทำให้ศักดิ์พินิจต้องลืมตาขึ้นมาจ้องมองอีกฝ่ายอย่างตั้งใจทันที
“ตรี..มึงแน่ใจเหรอว่าไม่มีอะไรตกถึงท้อง?”
“ก็เอ่อสิวะ  ตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นกูยังไม่ได้แดรกข้าวสักเม็ดเลย”
“แต่มึงก็แดรกอย่างอื่นนี้  .. น้ำในตัวกูหมดแล้ว ยังไม่พอให้มึงอิ่มอีกเหรอ?”
“ไอ้สัสโอม  ขืนมึงพูดอีกที  คราวนี้มึงได้กินบาทากูแน่ๆ กูหิวข้าวไม่ได้หิวอย่างอื่นเว้ยย”
“เอ่อๆ ตื่นก็ได้  หยอกเล่นแค่นี้ทำเป็นโหด จะฆ่าผัวได้ลงคอเหรอวะ?”
จากนั้นก็มีหมอนลอยมาจากไหนไม่รู้ จู่ๆก็มาปะทะกับใบหน้าเรียวๆของเดือนมหาวิทยาลัยอย่างโอมเข้าเต็มแรงเหนี่ยว
“โอ้ยยยยกูเจ็บนะตรี...”
“ดี  เจ็บแค่นี้ไม่ยังไม่สาสมกับปากหมาๆของมึงหรอกไอ้โอม ไอ้ปากนรก”
“เอ่อๆกูขอโทษ ยอมแล้วคราฟ  แล้วนี้มันกี่โมงแล้ววะตรี?”
“มันจะหกโมงเย็นอยู่แล้วมึง  รีบตื่นแล้วก็พากูไปหาไรแดก”
“อ้าวนี้มึงตื่นนานแล้วเหรอวะ”
ศักดิ์พินิจถามตรีภพออกไปเพราะได้กลิ่นหอมๆจากตัวของอีกฝ่าย ทำให้ปลุกอารมณ์ดิบในกายของเขาให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
“อืม  กูอาบน้ำเสร็จแล้ว ก็รอแต่มึงนี้แหละ”
“ได้ๆ ขอเวลาสิบนาที เดี๋ยวพาไปหาไรกิน...แต่ตอนนี้มึงช่วยกูไรได้ปะวะ”
โอมพูดเสร็จก็ขยับตัวลุกขึ้นมานั่งใกล้ๆตรีทันที พร้อมกับใช้แขนทั้งสองข้างโอบรัดเอวของอีกฝ่ายไว้ไม่ให้ดิ้นไปไหน
“มึงจะเล่นบ้าไรอีกวะโอม หมอนข้างยังเจ็บไม่พอใช่ไหม?”
“คือกูยังกินมึงไม่อิ่มเลย  หอมจังเลยตรี”
ศักดิ์พินิจใช้จมูกกดลงไปที่ซอกคอของอีกฝ่ายอย่างรุนแรงพร้อมกับงับด้วยฟันเบาๆ
“โอ้ยยยไอ้บ้ากาม  วันๆมึงจะไม่ทำอะไรเลยใช่ไหม?”
“นะตรีน่ะ  กูขอต่ออีกรอบ”
“ไม่เว้ย  กูเหนื่อย  กูหิวข้าว  ถ้ามึงยังงอแงกูจะไปคนเดียว”
ตรีภพพูดพร้อมกับแกะมือของศักดิ์พินิจออกจากการกอดทันที  อาการแข็งๆและจริงจังของตรีภพทำให้อีกฝ่ายต้องยอมไปอาบน้ำแต่โดยดี
“ขอแค่นี้ก็ไม่ได้ ตรีใจร้าย  ไปอาบน้ำก็ได้เว้ยยยย”
“เอาให้ไวเลยมึง กูให้เวลาแค่สิบนาที  ช้ากว่านี้กูไม่รอ”
“เอ่อๆ เร่งกูจัง  เป็นเมียนะเว้ยไม่ใช่แม่”
“ไอ้โอม  มึงจะลองกินฝ่ามือโลหิตกูใช่ไม๊”
“5555555กูกลัวแล้ววววววว ใครจะกล้าเล่นกับนักกีฬาวอลเลย์บอลทีมมหาลัยวะ”
หลังจากที่ผมกับโอมตื่นแล้วก็ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็มาหาอะไรทานกันที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองทันทีก็ห้างของคุณหนูป่าสักนั้นละครับจะไปที่ไหนได้  เพราะว่าโอมขอแก้มือที่ผิดนัดเรื่องดูหนังเมื่อครั้งที่แล้ว  เขาเลยจะไถ่โทษด้วยการพาผมมากินข้าวแล้วต่อด้วยดูหนังรอบดึงของวันปิดเทอม
“จะกินไรดีวะมึง”
เสียงโอมถามดังขึ้นหลังผมกับมันเดินมาผ่านร้านอาหารมาได้สักสองสามร้านแต่ผมก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตัดสินใจได้เลยสักร้าน 
“จริงๆกูก็อยากกินทุกอย่างนะเว้ย  แต่ดูๆแล้วแต่ละร้านแม่งคนเยอะชิบวะ”
“ร้านไหนคนก็เยอะปะวะมึง  นี้มันปิดเทอม  จะเอาร้านไหนก็เลือกเถอะกูหิวแล้ว”
“โอมมึงแน่ใจนะ?...มึงไม่กลัวเรดติ้งตกเหรอที่มากินข้าวกับกู”
“ถ้ากูกลัว คงไม่กล้าเดินควงกับมึงหรอก”
ศักดิ์พินิจพูดพร้อมกับคว้ามือของอีกฝ่ายมากุมไว้อย่างแน่น สายตาทั้งสองประสานกันอย่างเข้าใจในความหมายของการกระทำ
“เอ่อๆ กินราเมงแล้วกัน”
“ก็แค่นั้นแหละ”
ผมกับโอมเรานั่งทานราเมงกันไปแบบเงียบๆคงจะเป็นเพราะว่าต่างคนต่างหิวเลยไม่มีใครคุยอะไรกันเลย ทานไปได้สักพักผมต้องหยุดกินกระทันหันเพราะจู่ๆก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นระหว่างที่เรานั่งทานข้าวกันอยู่สองต่อสอง
“พี่โอมมาอยู่นี้เอง  เคทโทรหาก็ไม่ติด  ที่แท้ก็แอบมาทานข้าว”
พูดเสร็จสาวนามว่าเคทก็รีบนั่งลงข้างๆศักดิ์พินิจทันที พร้อมกับใช้มือเล็กสอดไปคล้องแขนของศักดิ์พินิจอย่างสนิทสนม
“อ้าวน้องเคท มาได้ไงครับ”
โอมหันไปหาเจ้าของเสียงเล็กนั้นทันทีพร้อมกับถามออกไปทันทีที่เจ้าตัวนั่งลงข้างๆตัวเขา ผมได้แต่นั่งมองอยู่เงียบๆ แต่ทำไมอยู่ๆใจของผมมันก็สั่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“เคทมากับคุณแม่ กับคุณป้านะสิค่ะ  ก็เคทโทรหาพี่โอมแล้ว แต่โทรไม่ติด”
พอสาวนามว่าเคทพูดออกมาแบบนั้นผมกับโอมมองหน้ากันทันที แล้วก็ต้องรีบหันไปดูรอบๆร้านเพื่อจะมองหาแม่ของโอมและแม่ของสาวนามว่าเคท แต่ปรากฏว่าแม่ของโอมนั้นได้มายื่นอยู่ที่ข้างโต๊ะของพวกเราตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
“สวัสดีครับป้ารัตน์”
ตรีภพกล่าวทักทายแม่ของศักดิ์พินิจทันที ที่เห็นว่ามารดาของศักดิ์พินิจยืนอยู่ข้างๆโต๊ะอาหารของพวกเขาก่อนแล้วนั้นเอง
“อ้าวคุณแม่มาทานข้าวหรือมาช๊อปปิ้งครับ”
“พอดีแม่กับคุณป้าและน้องเคทมาทำธุระนะตาโอม  แล้วนี้เรามาทานข้าวเหรอตาโอมตาตรี”
“ครับ  ผมมาทานข้าวกับตรี”
โอมศักดิ์พินิจ ตอบมารดาออกไปด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ  แต่เขาใช้เท้าอีกข้างไปแตะขาของตรีภพเหมือนบอกให้รู้ว่าเขาจะอยู่ข้างๆตรีภพเสมอ
“เอ่อนี้ตาโอม  นี้คุณป้านวลฉวี  เป็นคุณแม่ของหนูเคท ป้านวลเป็นเพื่อนกับแม่สมัยเรียนจ๊ะ”
“สวัสดีครับคุณป้า”
“ไหว้พระเถอะจ๊ะ  ตาโอมนี้หน้าตาหล่อเหล่าจริงๆนะค่ะคุณรัตน์สมแล้วที่เป็นถึงเดือนมหาวิทยาลัยแก่นนคร  มิน่าละยายหนูเคทถึงพูดถึงแต่พี่โอม  อะไร อะไรก็พี่โอมตลอดเลย”
“เอ่อนี้ตาโอม  ทำไมเราถึงได้เหลวไหลอย่างนี้ละ แม่โทรหาตั้งหลายครั้งแล้วก็ไม่ติด”
“อ่อพอดีแบตหมดนะครับ ลืมชาร์ตมือถือครับ  วันหลังคุณแม่ถ้าหาผมไม่ติดก็โทรเข้ามือถือตรีได้นะครับ เพราะผมกับตรีก็อยู่ด้วยกันตลอด”
มารดาของศักดิ์พินิจได้ฟังคำตอบจากลูกชายอย่างนั้นแล้วก็ทำให้สีหน้าที่ดูเรียบๆกลับตึงขึ้นมาทันทีพร้อมชำเลืองมองลูกชายของตนสลับกับตรีภพไปมา
“ปิดเทอมแล้วก็ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องสักที...เจอตัวก็ดีแล้ว  แม่จะพาเราไปทำธุระด้วยนะ นี้ทานข้าวเสร็จหรือยังละ”
“อ้าวแม่  แต่โอมมีธุระนะครับพอดีโอมจะไปทำธุระกับตรีอะแม่  เอาไว้วันหลังได้ไหมครับ”
มารดาของศักดิ์พินิจเห็นท่าทางของลูกชายที่ติดเพื่อนมากเกินเพื่อนทั่วๆไปแบบนี้ ยิ่งมองสายตาที่ศักดิ์พินิจมองตรีภพยิ่งทำให้นางไม่สบายใจเอาเสียเลย
“เอ่อตรี พอดีป้ามีเรื่องที่จะต้องให้โอมเขาช่วยนะลูก  ธุระของตรีกับโอมเอาไว้วันหลังนะลูกวันนี้ป้าขอแล้วกันเนาะเด็กๆ”
นางรัตนาวดีมารดาของศักดิ์พินิจกล่าวออกมาหลังจากได้รู้ว่าลูกชายไม่อยากไปด้วยจึงใช้ไม้อ่อนเข้าแทนการบังคับ ซึ่งหันไปใช้กับตรีภพนั้นเอง
“อ่อได้ครับคุณป้า  ธุระของตรีกับโอมเอาไว้วันหลังก็ได้ครับ”
ผมหันไปตอบป้ารัตน์แม่ของโอมทันที  แต่ดูสีหน้าของโอมแล้วเหมือนจะไม่พอใจในคำพูดของผมอยู่ไม่น้อยแต่จะให้ทำอย่างไรได้ละครับ  แต่จะให้ทำยังไงได้ละครับก็แม่ของโอมเล่นพูดมาตรงๆแบบนั้นผมไม่สามารถปฏิเสธได้เลย
“โอมจ๊ะ   แม่กับคุณป้านวลฉวีจะไปรอข้างนอกนะ”
“เออคุณแม่ครับ แต่โอมเพิ่งจะทานเองนะครับคงอีกสักพัก”
“ไม่เป็นไร ให้หนูเคทนั้งรอเลยแล้วกันนะจ๊ะ”
“ได้ค่ะคุณป้า  ไม่ต้องห่วงนะค่ะเดี๋ยวเคทจะพาพีโอมรีบตามไปทันทีเลยค่ะ”
“น่ารักจริงๆเลยหนูเคทของป้า     ตาโอมทานข้าวเสร็จก็รีบตามไปเลยนะลูก ดูสิมีหนูเคทนั่งเป็นเพื่อนด้วยน่ารักจริงๆเลยคู่นี้”
คุณรัตนาวดีบอกกับลูกชายคนเดียวของตระกูลแล้วจากนั้นก็เดินออกมารอข้างนอกร้านกับเพื่อนนามว่านวลฉวีทันทีปล่อยให้ลูกสาวของคุณนวลฉวีนั่งประกบศักดิ์พินิจอยู่ภายในร้ายราเมงต่อทันที
“พี่โอมรีบทานสิค่ะ  ทานเสร็จจะได้ไปทำธุระกับเคทต่อ  เคทรออยู่ค่ะ”
“เอ่อคือน้องเคทเอามือมาเกาะแขนพี่แบบนี้  พี่กินข้าวไม่ถนัดครับ”
ศักดิ์พินิจพูดพร้องรีบแกะมือฝ่ายหญิงออกจากแขนของตัวเองทันที  พร้อมกับชำเลืองสายตาไปมองตรีภพอย่างเกรงใจ
“อุ้ย..ขอโทษค่ะ  ก็เคทคิดถึงพี่โอมนี้ค่ะ ตั้งแต่กลับจากเมกาก็ไม่ค่อยได้ไปไหนกับพี่โอมเลย”
จานนั้นหญิงสาวก็ปล่อยมือออกจากการเกาะแขนของฝ่ายชายทันทีพร้อมกับหันหน้าไปมองตรีภพอย่างระแวง
“นี้เพื่อนพี่โอมหรือค่ะ”
“ครับ นี้พี่ตรีเพื่อนสนิทพี่เอง”
“ตรี  เอ่อเคท เป็นลูกสาวของป้านวลฉวี เพื่อนของคุณแม่เพิ่งกลับจากต่างประเทศที่เล่าให้ฟังไง จำได้ไหม?”
“ดีครับน้องเคท”
“พี่ตรี เป็นเพื่อนสนิทกับพี่โอมจริงๆเหรอค่ะ”
“ก็รู้จักกันตั้งแต่มัธยมครับ”
“อืม  งั้นก็ต้องรู้จักสาวๆของพี่โอมหมดทุกคนสิค่ะ?”
สาวนามว่าเคทถามออกไปพร้อมกับจ้องหน้าตรีภพ  ดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายทันที แต่ก็ไม่ทำให้ตรีภพรู้สึกกดดันอะไรทั้งสิน
“ก็ไม่ครับ”
“อ้าวทำไมละค่ะ?  น่าแปลกจังเป็นเพื่อนสนิทก็ต้องรู้จักเรื่องส่วนตัวของเพื่อนไม่ใช่เหรอค่ะ?”
“คือพี่ไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของเพื่อนนะครับ  เพราะมันเป็นมารยาทของคนมีการศึกษา”
ตรีภพตอบกลับมาอย่างเผ็ดร้อน ใครๆก็รู้ว่านอกจากฝีมือในการตบบอลหัวเสาที่รุนแรงแล้วยังมีฝีปากของตรีภพนี้แหละที่ร้อนแรงไม่แพ้กันเลย
“นี้พี่ตรี... พูดแบบนี้หมายความว่าไงค่ะ?”
“พี่ก็หมายความตามที่พูดละครับ  หรือจะต้องให้แปลกไทยเป็นไทย อ่อลืมไปน้องเคทคงไปอยู่ต่างประเทศนานคงลืมมารยาทข้อนี้ไป”
หญิงสาวนามว่าเคทได้แต่อดกลั้นความไม่พอใจในคำตอบของอีกฝ่ายไว้ แล้วรีบหันใบหน้าเครียดๆไปหาศักดิ์พินิจทันที
“เพิ่งรู้ว่าพี่โอม  คบเพื่อนแบบนี้ด้วยนะค่ะ”
“อะไรละครับน้องเคท  พี่ตรีก็พูดถูกแล้ว  พี่ตรีเขาเป็นคนไม่ค่อยสนใจเรื่องส่วนตัวของคนอื่น พี่ถึงยอมเลือกที่จะคบ....เป็นเพื่อนครับ”
ศักดิ์พินิจพูดพร้อมกับส่งสายตามายังตรีภพทันที
“ว้ายยนี้พี่โอมก็จะว่าเคทเป็นคนชอบอยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่นใช่ไหมค่ะ..แต่ขอโทษค่ะสำหรับพี่โอมกับเคทเราไม่ใช่คนอื่นกันนะ  เราเป็นคู่หมั่นคู่หมายกันนะค่ะ”
“น้องเคท!!!!” พูดอะไรออกมาแบบนี้?”
เสียงของโอมศักดิ์พินิจดังขึ้นทันที  เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าตรีภพ
“นั้นมันเป็นความคิดของผู้ใหญ่ไม่เกี่ยวกับพี่นะครับ”
“ไม่เกี่ยวกับพี่โอมได้ยังไงค่ะ  ก็ในเมื่อพ่อแม่ของเราตกลงกันแล้ว  และเคทก็จะย้ายกลับมาเรียนที่เมืองไทย  เพราะคุณป้ารัตน์บอกว่าไม่อยากให้เราทั้งสองอยู่ห่างกัน”
“น้องเคท  พี่ว่าอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้นะครับ  น้องเคทไปรอพี่ข้างนอกเถอะ”
“ไม่ค่ะ  เคทจะรอที่นี้  แหละอยู่ตรงนี้  เพราะที่ตรงนี้มันควรจะเป็นของเคท ไม่ใช่คนอื่น”
สิ้นเสียงพูดของสาวนามว่าเคท  โอมศักดิ์พินิจก็ยืนขึ้นทันที  พร้อมกับก้าวมาคว้าแขนของตรีภพให้ยืนขึ้นด้วย
“ไปเถอะตรี  กูกินข้าวไม่ลงแล้ว”
“พี่โอม  จะไปไหน  กลับมาเดี๋ยวนี้นะค่ะ  เคทบอกให้กลับมาไม่ได้ยินเหรอ  อ้ายยยยกรี๊ดดดดดด เคทไม่ยอม เคทจะฟ้องคุณป้า”
เสียงกรี๊ดร้องของเคทไม่ได้ส่งผมใดๆกับโอมศักดิ์พินิจเลย  เขากลับพาร่างของตรีภพออกมาจากร้านอาหารตรงไปที่ลาดจอดรถทันที
“โอม  ไอ้โอม  มึงตั้งสติหน่อยสิวะ ไปทำอย่างนั้นได้ไง”
“ตรี กูขอโทษ  เรารีบไปกันเถอะ”
“โอม  มึงจะหนีความจริงไปไหน  หยุดเถอะ”
“กูไม่ได้หนี  แต่กูไม่อยากอยู่ที่นี้แล้ว  กลับห้อง  เดี๋ยวหนังค่อยมาดูวันหลัง”
จู่ๆตรีภพก็สะบัดมือออกจากการเกาะกุมและออกจากการลากของอีกฝ่าย  ทำให้มือทั้งของต้องหลุดออกจากกันทันที
“โอม  มึงมีสติหน่อยสิ  แม่มึงรออยู่นะเว้ย  ไม่ใช่เอาแต่ใช้อารมณ์แบบนี้”
“แล้วมึงละตรี?”
“กูไม่เป็นไร  กูเข้าใจ”
“มึงเข้าใจ  เข้าใจว่าไงวะ?”
“ก็เข้าใจว่ามึงกับกู  มันคงเป็นอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว  นอกจากคำว่าเพื่อน”
“ตรี!!!! มึงพูดไรออกมาวะ?”
“มึงฟังไม่ผิดหรอกโอม  มึงดูสังคมรอบข้างเราสิ”
“แล้วไง?”
“มึงไม่เข้าใจคำว่าคู่หมั่นคู่หมายเหรอ?”
“นั้นมันเป็นความคิดของผู้ใหญ่ ของพ่อกับแม่กู  ไม่เกี่ยวกับกู  ชีวิตกู  กูขอเลือกเอง”
“แต่มึงก็เป็นลูก  พ่อกับแม่ย่อมอยากเห็นอนาคตที่ดีของลูกเสมอ..กูว่ามึงรีบกลับไปเถอะโอม  ส่วนเรื่องดูหนังเอาไว้วันหลังค่อยว่ากัน”
ตรีภพพูดพร้อมกับรีบหันหลังให้กับศักดิ์พินจทันที  เพราะเขารู้ดีว่าเรื่องระหว่างเขากับศักดิ์พินิจมันคงจะไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน ตรีภพค่อยๆก้าวออกเดินอย่างช้าๆพร้อมกับความเจ็บปวดที่ต้องทนเก็บเอาไว้ภายในใจ  แต่แล้วศักดิ์พินิจก็รีบวิ่งมาขวางตรีภพไว้ทันที
“ตรี  มึงฟังกูนะ  เรื่องกูกับเคทมันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่  กูไม่ได้เห็นดีเห็นงามด้วย”
“กลับไปเถอะโอม  มึงอย่าให้ผู้ใหญ่เขาเสียเลย”
“ไม่ กูจะไม่ไปไหนทั้งนั้น  ตรีมึงฟังกูก่อน”
ศักดิ์พินิจก้าวเท้าเข้ามาใกล้ตรีภพทันที  และกำลังจะยืนมือไปจับมือของตรีภพไว้แต่ก็ต้องหยุดชะงักเสียก่อนเพราะเสียงแหลมๆของเคทดังขึ้นมานั้นเอง
“คุณป้าคุณแม่ค่ะ ทางนี้ค่ะ  พี่โอมอยู่ทางนี้ค่ะ”
ทั้งตรีภพและศักดิ์พินิจต้องหันไปมองยังต้นเสียงนั้นทันที  แล้วก็เห็นว่าเคทนั้นรีบวิ่งมาทางที่พวกเขายื่นคุยกันอยู่นั้นเอง
“โอม  อย่าให้มันมีปัญหาไปมากกว่านี้เลย”
“ตรี??”
“กูกลับบ้านเองได้  มึงไปทำธุระกับแม่มึงเถอะ  ไม่ต้องห่วงกู”
“ตรี?????”
“เชื่อกูเถอะโอม  ไม่ต้องห่วงกู  กูไหว”
“ตรี...กูขอโทษ  เดี๋ยวกูโทรหานะ”
“อืม  เดี๋ยวค่อยว่ากัน  กูไปก่อนนะ”
ผมพยายามก้าวขาให้ออก  มันช่างยากเย็นแสนเข็ญเสียเหลือเกิน เรี่ยวแรงไม่รู้มันหายไปไหน การฝืนความรู้สึกตัวเองมันช่างเป็นอะไรที่โหดร้ายมากๆแต่ผมก็ต้องทำ  เพราะผมไม่อยากเห็นครอบครัวของโอมต้องมีปัญหากันเพราะผมเป็นต้นเหตุ ถึงแม้ว่าโอมจะไม่เคยบอกหรือพูดว่าคบกับผม แต่การกระทำของเราทั้งสองมันก็เกินเลยสำหรับคำว่าเพื่อนไปแล้ว  แต่ความสัมพันของผมกับโอมมันก็เป็นความสัมพันแบบผู้ชายกับผู้ชาย ความสัมพันแบบนี้สังคมคงไม่ยอมรับอยู่แล้วยิ่งครอบครัวของเราทั้งสองมันยิ่งเป็นไปไม่ได้  ผมตัดสินใจก้าวออกมาจากชีวิตของโอมตอนนี้จะดีกว่า  เดินหันหลังจากมาได้ไม่ถึงสิบก้าวผมก็ต้องหยุดเพราะหัวใจทั้งสีห้องของผมมันยังมีโอมอยู่ในนั้นเสมอ   ผมค่อยๆหันกลับไปมองโอม  แต่ภาพที่ผมเห็นคือสาวนามว่าเคทนั้นกำลังควงแขนโอมเดินไปอย่างมีความสุขน้ำตาของคนอย่างผมมันก็ค่อยๆไหลๆลงมาอย่างช่วยไม่ได้จริงๆเลย มันคงจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้วใช่ไหม  เขาเหมาะสมกันทั้งหน้าตาและฐานะทางสังคม  ผมทำถูกแล้วใช่ไหม ใครก็ได้ตอบผมที  มันช่างเป็นวันปิดเทอมที่แสนโหดร้ายกับผมเสียจริงๆ ภาพของโอมค่อยๆเลือนรางลงไปทีละนิดเพราะน้ำตามันเริ่มไหลลงมาปิดความชัดเจนของเราทั้งสองเสียแล้ว

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา