ลมหวาน ป่าหนาว
เขียนโดย เพียงแสงจันทร์
วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.46 น.
แก้ไขเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 20.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
20) พาร์ทของตรี (สะพานไม้)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
หลังจากที่รู้ผลเดือนมหาลัยแล้ว ผมก็รีบเดินหนีออกมาจากหอประชุมทันที ทำไมต้องหนีเหรอครับ ก็เพราะว่าผมไม่สามารถจะอธิบายความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นกับตัวเองไม่ได้ ว่าเป็นอะไรกันแน่ ผมทั้งดีใจและก็เสียใจ ทำไมถึงดีใจก็เพราะไอ้โอมมันได้ตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยสมใจของมันแล้ว ซึ่งผมก็ยอมรับตรงๆเลยว่าเชียร์มันลุ้นช่วยมันตลอด แต่ทำไมผมถึงเสียใจเหรอครับ ผมก็ตอบไม่ได้ว่าทำไมผมถึงเสียใจ ผมรู้แต่ว่านับจากนี้เป็นต้นไปผมกับไอ้โอมคงไม่เหมือนเดิม ไอ้โอมมีตำแหน่ง เพราะฉะนั้นก็ยอมมีคนเข้ามาหามันมากมายปกติมันก็มีคนเข้ามาต่อคิวจนจะตบแย่งไอ้โอมอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย รูปร่างหน้าตาอย่างไอ้โอมต่างก็เป็นที่หมายปองของนักศึกษาทั่วมหาวิทยาลัย หนทางที่ผมกับไอ้โอมจะมาบรรจบพบเจอกันก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆเหมือนแต่ก่อน ถึงตอนนี้ผมกับไอ้โอมจะมีความสัมพันธ์ต่อกันมากกว่าเพื่อนก็ตาม แต่ความสัมพันธ์นั้นมันก็เกิดมาจากการที่เราทั้งสองเมา เกิดจากความเมา ไม่ใช่เกิดจากความรัก คิดได้แบบนี้น้ำตาผมมันก็ไหลขึ้นมาทันที ผมไม่สามารถที่จะยืนดูตอนที่มันรับสายสะพายได้จริงๆครับ เลยต้องชิ่งหนีเสียก่อน ก่อนที่ใครต่อใครจะเห็นน้ำตาลูกผู้ชายอย่างผม ผมขับรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจออกมาอย่างไร้จุดหมายปลายทาง มารู้ตัวอีกทีก็มาหยุดตรงสะพานไม้ของคณะเกษตรศาสตร์เสียแล้ว สะพานไม้แห่งนี้เป็นสะพานไม้ที่มีความยาวประมาณ100 เมตรได้ เชื่อมผ่านแม่น้ำจากฝั่งตัวคณะเกษตรศาสตร์ไปยังพื้นที่อีกร้อยกว่าไร่ของคณะ ซึ่งทุกๆคนต่างพร้อมใจกันเรียกว่า “บ้านไร่” บ้านไร่เป็นที่ใช้สำหรับการวิจัยทางด้านเกษตรทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเลี้ยงสัตว์ ปลูกผัก แม้กระทั้งแปลงทดลองของนักศึกษาต่างฯลฯ ผมผูกพันกับสะพานไม้ที่นี้มากๆเพราะได้มองเห็นสายน้ำไหล ได้ปลดปล่อยอารมณ์เวลาเบื่อๆเครียดๆอย่างกับค่ำคืนนี้ ผมค่อยๆนั่งเอาขาหย่อนลงไปด้านล่าง ทำไมวันนี้พระจันทร์ถึงได้สวยจังมันช่างตรงข้ามกับความรู้สึกข้างในของผมตอนนี้เสียเหลือเกิน
ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง อยู่ๆไลน์ผมก็ดังขึ้นมาซะอย่างนั้นผมล่วงกระเป๋าหยิบมือถือขึ้นมาดูก็ปรากฏว่าไอ้โอมไลน์มานั้นเอง
Om pheang : มึงอยู่ไหน
Om pheang : มองหาในงานไม่เจอ
ผมกดอ่านแต่ไม่ตอบมันหรอกครับ ตอนนี้อารมณ์ผมไม่อยากคุยกับใครเลยจริงๆ
Om pheang : อ่านแล้วไม่ตอบ
จากนั้นไอ้โอมก็ส่งรูปที่ผมเอาช่อดอกไม้ไปมอบให้มันตอนประกวดเดือนมหาลัย ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนถ่าย เพราะตอนเอาไปให้ผมไม่ได้ตั้งใจจะเอาดอกไม้ช่อโตไปให้ไอ้โอมเลย แต่มันเสือกครับเสือกมาแย่งเอาจากมือของผมไปหน้าตาเฉย
Om pheang : ถ้ามึงไม่ตอบ กูจะเอารูปนี้แท็กมึงในเฟซ
Tee Hua Sao : สัส
Om pheang : 55555 อยู่ไหน?
Tee Hua Sao : ทำไม
Om pheang : บอกมาเถอะน่า...อยู่ไหน ให้ไว
Tee Hua Sao : เรื่องของกู
Om pheang : แน่น่ะ งั้นรอดูรูปคู่ในเฟซได้เลย
Tee Hua Sao : ไอ้เหี้ยยย
Tee Hua Sao : สติ๊กเกอร์กระโดดถีบ
Om pheang : กูนับ1ถึง3
Om pheang : 1
Om pheang : 2
Tee Hua Sao : สัส ไอ้เหี้ยโอมมมมกูอยากจะฆ่ามึง
Tee Hua Sao : สะพานไม้
Om pheang : สติ๊กเกอร์ยกนิ้วโป้ง
หลังจากนั้นไลน์ของผมก็เงียบลงอีกครั้ง ผมเก็บมือถือลงไว้ในกระเป๋ากางเกง ในใจก็พลางคิดว่าไอ้โอมมันจะทักไลน์มาทำไม เพราะหลังจากเหตุการณ์วันนั้นมันก็เงียบไปไม่เห็นจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นระหว่างผมกับมัน แต่ทำไมวันนี้จู่ๆมันถึงได้บ้าทักไลน์มาในเวลานี้
“คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกเอมวีหรือวะถึงได้มานั่งปล่อยอารมณ์อยู่ได้”
ผมต้องสะดุ้งตื่นจากภวังค์ทันที ที่ได้ยินเสียงของใครบางคนที่เงียบหายไปเกือบอาทิตย์
“นางเอกบ้างผ่องมึงเหรอ ไอ้เชี่ย”
“อ้าวก็กูเห็นมึงนั่งเหม่อ อยู่เป็นนานสองนานแล้ว”
“เรื่องของกู เกี่ยวไรกับมึงวะ???”
“มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับกูหรอก ถ้ากูไม่เอาไอ้นี้มาให้มึง”
พอไอ้โอมพูดจบ มันก็ยื่นกล่อมกำมะหยี่สีน้ำเงินมาให้ผมทันที
“เอา ...รับไปสิ กูให้มึง”
“อะไรวะ กล่องระเบิดเหรอ??”
ผมยื่นมือไปรับกล่องจากมือไอ้เดือนมหาวิทยาลัยหมาดๆสดๆร้อนๆ อย่างไม่ไว้ใจมันเท่าไร
“มึงก็เปิดดูสิ จะได้รู้ว่าในกล่องนั้นมันเป็นระเบิดอย่างที่มึงคิดหรือเปล่า”
จากนั้นไอ้โอมก็นั่งลงข้างๆผมบนสะพานไม้ด้วยกันทันที ผมหันมามองใบหน้าเรียวเข้ารูปของมันทันที ก่อนจะค่อยๆเปิดกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินนั้นออกมา
“อ้าวววว????? นี้มันสายสะพายตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยนี้”
“อืม ก็ใช่ไง กูให้มึงวะ”
“บ้าป่ะวะ มึงจะเอามาให้กูทำเหี้ยไร”
“อ้าวไอ้นี้ สงสัยจะลืมแล้ว ก็มึงทำให้กูชนะไง”
“ยังไงวะ กูไม่เข้าใจว่ะ”
“ก็มึงขอพรจากพระให้กูได้ตำแหน่งเดือนมหาลัย เพราะฉะนั้นมันควรเป็นของมึง”
“มึงได้มาจากความสามารถของตัวมึงเอง ไม่เกี่ยวกับที่กูขอพรหรอก”
“มันก็มาจากกำลังใจเปล่าวะ.....กูให้มึง มึงก็รับๆไปเถอะอย่าเรื่องมาก”
“เอ่อ กูจะเก็บไว้ให้แล้วกัน เพราะมึงต้องได้ใช้ทำกิจกรรมของมหาลัยอยู่ดี”
ผมบอกไอ้โอมพร้อมกับปิดฝากล่องกำมะหยี่นั้นลงอย่างเบามือ
“ตรี....คือ... ว่า เอ่อ เอ่อ กูขอโทษนะ”
“เรื่องไรว่ะ อยู่ๆมาขอโทษกูทำไม??”
“ก็เรื่องคืนนั้นไง กูอยากจะพูดกับมึงหลายวันแล้ว แต่กูไม่กล้าวะ”
“ช่างมันเถอะ มึงจะมาคิดมากทำไมวะ กูไม่เที่ยวเอาไปบอกใครหรอก ถ้ามึงกลัวว่ากูจะเอาไปพูด มึงสบายใจได้เลย ไม่มีผลกับตำแหน่งมึงหรอก”
“เอ้ยยยย ไม่ใช่อย่างนั้นนะเว้ยมึง ที่กูมาขอโทษ เพราะกูรู้สึกผิดจริงๆ ไม่ได้เกี่ยวกับที่กูกลัวว่ามึงจะเอาไปพูดที่ไหน”
“ช่างมันเถอะ มึงลืมไปได้เลย”
“ทำไมวะ กูไม่เข้าใจ”
“กูเป็นผู้ชาย ส่วนมึงก็เป็นผู้ชาย ยังไงกูก็ไม่มีวันท้องแน่ๆ”
“ตรี กูขอโทษ ที่ทำให้มึงรู้สึกแย่แบบนี้”
“กูไม่เป็นไร กูโอเค มึงสบายใจเถอะ”
“ถ้ามึงไม่เป็นอะไร ก็ดี กูจะได้สบายใจ ตรีมึงจะกลับยัง”
“อ้าวเชี่ย ใครบอกให้มึงมาไม่ทราบ มึงอยากกลับก็กลับเองสิ”
“กูเหนื่อยวะ อยากพักแล้ว กลับเถอะมึง นี้มันจะเที่ยงคืนแล้ว”
“ขาไม่ได้ติดกัน กูมาเอง เดี๋ยวก็กลับเอง มึงกลับไปพักเถอะ”
“ไม่ได้ ต้องกลับด้วยกัน”
“ไอ้บ้า หอกูกับหอมึงคนละทาง อีกอย่างหอกูอยู่แค่นี้เอง”
“ใครบอกว่ากูจะให้มึงกลับหอในวะ”
“ตลกแดกแล้วมึง เมาดอกกุหลาบเหรอ ถ้ากูไม่กลับหอในแล้วกูจะไปไหน ไอ้บ้า”
“มาเถอะ กูเหนื่อยแล้ว”
จากนั้นไอ้โอมก็ลุกขึ้นแล้วคว้าแขนของผมให้ยืนขึ้นมามันทันที
“อะไรของมึงอีกวะไอ้โอม มึงทำบ้าอะไร???”
“ไม่บ้าหรอก ก็มากับกูไง”
“มึงจะลากกูไปไหนวะไอ้เชี่ยโอม”
“ไปหอกู กูเหนื่อยแล้วอยากพักผ่อน”
“อ้าวไอ้บ้า สัส มึงอยากนอนพัก มึงก็กลับห้องมึงคนเดียวสิ จะเสือกลากกูไปทำไม??”
“ก็กูไม่ให้มึงกลับคนเดียว มันอันตราย หอกูใกล้ๆแค่นี้เอง ขับรถพ้นรั้วมหาลัยไป ก็ถึงแล้ว”
“มึงเมา หรือมึงปัญญาอ่อน นี้มันในมหาลัยเว้ยใครจะกล้ามาทำอะไรกู”
“ช่างแมร่ง กูไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น มากับกูเลย รถมึงจอดไว้นี้ เดี๋ยวตอนเช้ากูมาส่ง”
จากนั้นไอ้โอมก็ลากผมขึ้นรถ Mazda3 sport สีขาวมุขของมันทันที โดยที่ผมยังงงและไม่เข้าใจพฤติกรรมของมันในตอนนี้อยู่ดี จนไอ้เชี่ยโอมขับรถคู่ใจของมันออกมาจากสะพานไม้ ผมถึงตั้งสติได้
“โอม กูเด็กหอใน ต้องกลับไปนอนที่หอ ไม่งั้นกูถูกตัดคะแนนความประพฤติ”
“ไอ้บ้า วันนี้ เฟรชชี่เดย์ เฟรชชี่ไนท์ หอในปล่อยผีเว้ย ไม่มีการตัดคะแนนอะไรทั้งสิ้น ใครจะออกจะเข้าหอตอนไหนก็ได้ หรือมึงไม่รู้???”
“แต่กูอยากกลับหอ กูไม่อยากไปกับมึง”
“ทำไมวะตรี มากับกูมันเป็นไง???”
“มึงแมร่ง เสือกความจำเสื่อม ไปกับมึงมีแต่เสียกับเสีย”
“ฟังเพลงหน่อยมั้ยมึง หรือมึงจะให้กูร้องให้ฟังก็ได้นะ จะฟังเพลงไหนบอกมาเลย”
“เชี่ยโอมกูไม่ตลกเว้ยยยย กูจะกลับหอ มึงอย่ามาตีเนียน”
“อืมได้ กลับหอกูน่ะ ไม่ใช่หอมึง”
“ไอ้เชี่ยโอม มึงฟังกูเข้าใจปะวะ”
“มึงจะโวยวายอะไรวะตรี ถึงหอกูแล้ววววว กูอยากพัก กูเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
จากนั้นไอ้โอมก็ขับรถเลี้ยวเข้าที่จอดรถข้างหน้าหอพักมันทันที พูดไปก็จริงอย่างที่ไอ้โอมมันพูด หอมันใกล้กว่าหอของผม ซึ่งหอในอยู่โซนสนามกีฬาของมหาวิทยาลัย ส่วนหอของมันอยู่ติดกับรั้วมหาวิทยาลัยทางทิศตะวันตก
“ลงมาได้แล้ววว มาช่วยกูถือของหน่อยมึง”
“ของก็ของมึง มึงก็ถือเองสิ เรื่องไรกูต้องขนช่วยวะ”
“คนอะไรวะ ใจดำชะมัดยาดเลย แค่นี้ก็ไม่ช่วย”
ในระหว่างที่ไอ้โอมหอบเอาของขวัญต่างๆที่แฟนคลับมอบให้อยู่นั้น ก็มีหญิงสาวสองคนเดินมาท้ายรถพอดี
“นี้ใช่โอม ที่เป็นเดือนมหาลัยปีนี้หรือเปล่าค่ะ”
“อ่อ ครับ ผมโอมครับ”
“ก็ว่าอยู่ ตอนเห็นอยู่บนเวที ทำไมหน้าถึงคุ้นๆ ที่แท้ก็พักอยู่หอเดียวกันนี้เอง นั้นจะขนของใช่ไหมค่ะ ให้พวกเราช่วยไหม”
“คือว่า..... ไม่เป็นไรดีกว่าครับ พอดีมีเพื่อนช่วยถืออยู่แล้ว อ้าวตรีเร็วสิวะ ดึกมากแล้วจะได้รีบไปพัก”
พอสิ้นเสียงของไอ้เชี่ยโอม ผมต้องทำตามคำพูดของมันทันทีเพราะไม่อยากให้มันเสียหน้านั้นเอง หรือว่าผมหึงมัน????
“ไปก่อนนะครับ เอาไว้เจอกันวันหลัง ขอบคุณนะครับ”
“ค่ะ ยินดี แต่ว่าแน่ใจนะค่ะว่าไม่ให้ช่วยถือ”
“ครับ ถือสองคนได้ครับ”
จากนั้นไอ้โอมก็พาผมขึ้นมายังห้องพักมันทันที ซึ่งห้องพักมันอยู่ชั้นสองของหอพัก ภายในห้องพักกว้างอย่างมาก ทุกอย่างถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
“เอาวางไว้ตรงนั้นก่อนก็ได้ตรี แล้วนี้มึงจะอาบน้ำเลยไหม หรือให้กูอาบก่อน”
“กูไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน??”
“ใส่ของกู เสื้อผ้าอยู่ในตู้ มึงจัดการเลือกเอาเลย”
พูดเสร็จไอ้เชี่ยโอม แมร่งก็ไม่สนใจผมอีกเลยมันจัดการจัดของจัดดอกไม้ให้เข้าที่เข้าทาง จากนั้นผมก็คว้าผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำไป
“โอม กูอาบเสร็จแล้ว มึงไปอาบสิ”
ผมพูดกับไอ้โอมหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำ เพราะไอ้โอมยังจัดของไม่เสร็จเลย ก็มันได้เป็นถึงเดือนมหาวิทยาลัย ก็เป็นธรรมดาที่จะมีแฟนคลับเอาสิ่งของมาให้มากมาย
“อืม มึงปิดไฟนอนได้เลยนะ เดี๋ยวกูอาบน้ำเสร็จก็จะนอนเลย”
พูดเสร็จไอ้โอมก็เดินเข้าห้องน้ำไปเลย ปล่อยให้ผมนั่งเคว้งอยู่คนเดียว ช่างเถอะครับ มันก็เป็นแบบนี้แหละ ผีเข้าผีออกไม่คิดอะไรให้มันปวดหัวดีกว่า ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มของไอ้โอมทันที แต่แปลกจังทำไมผมถึงรู้สึกอบอุ่นในหัวใจแบบนี้ ไม่รู้ว่าผมเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงกรนเบาๆของคนที่นอนอยู่ข้างๆ ผมค่อยๆลืมตาขึ้นพลิกตัวหันไปมองคนที่นอนกรนอยู่ข้างๆ ใบหน้าเรียวของไอ้โอมยามหลับมันช่างน่ามองจริงๆ คนบ้าอะไรวะเป็นถึงเดือนมหาวิทยาลัยแต่กลับนอนกรนแถมยังนอนอ้าปาก อยากจะรู้จังว่าถ้าสาวๆเหล่าแฟนคลับของมันมาเจอในสภาพนี้ยังจะปลื้มมันอยู่อีกไหม
“มองกูนานๆแบบนี้ อ่านกินกูใช่ไหม??”
“ไอ้บ้า ใครมองมึง”
“ก็เห็นๆอยู่ ว่ามึงตื่นขึ้นมามองกู แอบอ่านกินกูตอนหลับ เอ๊ะหรือว่ามึงจะลักหลับกูวะตรี”
“โอ้ยยยไอ้บ้า ไอ้ห่า ใครเขาจะอุบาทว์เหมือนมึง”
“กูอุบาทว์เหรอ??”
หลังจากนั้นไอ้โอมก็พลิกตัวขึ้นมานั่งค่อมบนตัวผมทันที แถมมันยังจับมือทั้งสองข้างของผมแนบไว้กับเตียงอย่างแน่น
“มึงจะทำบ้าอะไรวะ”
“อ้าวช่วยไม่ได้ ใครบอกให้มึงมาปลุกโอมน้องให้มันตื่นละ”
“ไอ้บ้ากาม ถ้ามึงเงี่ยนมากนัก ไปรีดพิษออกในห้องน้ำโน้น”
“กูเบื่อแม่นางทั้งห้าแล้ววะตรี แต่กูกลับเฝ้าคิดถึงแต่ถ้ำของมึงแทน”
“ไอ้บ้า มึงจะทำอะไรกู”
“ก็ทำอย่างที่เคยๆกันไง”
“กูไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์เงี่ยนของมึงนะเว้ยยยย”
“ใครบอกมึง กูจะพามึงขึ้นสวรรค์ต่างหาก”
“ไอ้สัส กูไม่อยากขึ้นสวรรค์................”
ผมพูดได้แค่นั้นจริงๆ เพราะว่าหลังจากนั้นผมไม่มีโอกาสได้พูดเลยแม้แต่คำเดียว เพราะไอ้โอมเล่นบทของผีห่าซาตานหิวกระหายเลือดอย่างหนักจู่โจมผมแบบไม่ยั้งมือ พายุลูกใหญ่ก็ได้ก่อตัวขึ้นในอ่าวไทยอย่างบ้าคลั่ง จนผมเจ็บและเสียวจนทนไม่ไหวอีกต่อไป ต้องปล่อยให้พายุลูกใหญ่ของไอ้โอมพัดถล่มอ่าวไทยของผมอย่างเต็มใจ จนเขื่อนแตกทะลักน้ำเต็มพื้นดิน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ