ลมหวาน ป่าหนาว

9.2

วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.46 น.

  42 ตอน
  8 วิจารณ์
  70.18K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 20.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) สายญาติกา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     หลังจากที่ซ้อมกีฬาในตอนเย็นเสร็จผมกับป่าสักก็ใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม  แต่วันนี้เพิ่มเติมคือมีพี่หมอแสนชัยมาทานข้าวเย็นด้วยจะพูดตรงๆคือผมโดนไอ้ป่าสักลากมาคณะสัตวแพทย์  มันบอกว่ามีเรื่องรบกวนให้พี่หมอแสนชัยช่วยเหลือผมจึงต้องมาเป็นเพื่อนหลังจากนั้นเลยได้มานั่้งกินข้าวเย็นด้วยกันที่ร้านอาหารแถวๆคณะของมัน  นี้เป็นครั้งแรงของผมเลยที่ได้มาคณะของคุณหนูป่าสัก  ปกติแล้วผมก็ไม่ค่อยได้ไปไหนเท่าไรนอกจากคณะตัวเอง ภาคศิลป์ แล้วก็โรงยิม  ชีวิตก็วนๆเวียนๆอยู่แค่นั้น แต่วันนี้มาไกลถึงคณะสัตวแพทย์เลยทีเดียว

"น้องๆจะทานอะไรสั่งได้เต็มที่เลยนะ  เดี๋ยววันนี้พี่เลี้ยงเอง"

"งั้นก็ไม่เกรงใจนะครับพี่หมอแสน  ถึงวันนี้ผมจะมารบกวนพี่หมอแสนก็ตาม  ถือว่าเป็นการเลี้ยงที่ผมเสียสละตัวเองไปประกวดเดือนมหาลัยให้พี่หมอนะครับ"

ป่าสักตอบกลับไปอย่างเป็นกันเองกับว่าที่นายสัตวแพทย์หนุ่มรูปมงามนามว่าแสนชัย  พนมดงรัก

"เอ่อ  ทุ่งเราเป็นคนจังหวัดไหนเหรอ??? ทำไมหน้าน้องคุ้นๆเหมือนพี่เคยเจอที่ไหนมาก่อน"

พี่หมอแสนชัยถามผมในขณะทานอาหารไปได้สักพักแล้วววว

"อ่อ....ทุ่งก็เป็นคนจังหวัดนี้แหละครับ  แต่อยู่ต่างอำเภอครับ ไม่ได้เป็นเด็กในเมืองหรอก สงสัยหน้าทุ่งจะโหลแน่ๆเลยครับ"

"นั้นสิพี่หมอ...หน้าไอ้ทุ่งมันโหลจะตายไป  เดินไปทางไหนก็เห็นแต่เบ้าหน้าแบบนี้ทั้งนั้นแหละครับ"

เสียงป่าสักสนับสนุนความคิดของผมขึ้นทันที หรือมันจะตอกย้ำว่าหน้าตาผมบ้านนอกกันแน่ก็ไม่รู้เหมือนกัน???

"แต่พี่ว่าไม่น่ะ...หน้าทุ่งดูเก๋จะตาย  ผิวสีน้ำผึ้ง  ขนตาก็งอน รับกับใบหน้าดูแล้วมีเสน่  ยิ่งมองแล้วทำให้ทุ่งเป็นคนเซ็กซี่มากๆเลย  ยิ่งหุ่นนี้ไม่ต้องพูดถึงหุ่นดีกว่านางแบบมืออาชีพเสียอีก  ดูรวมๆแล้วมีสไตล์เป็นของตัวเองมากๆครับ"

"โอ้ยยยยพี่หมอแสนก็พูดเกินไป  หุ่นเดอหุ่นดีอะไรกัน  แขนขาก็เล็กเหมือนไม้เสียบพริก ผมว่านะไม้พลองลูกเสือยังน่ามองกว่าหุ่นมันเสียอีก"

"ก็น้องป่าสัก  มองไม่เห็นเพชรต่างหากละครับ"

"โฮ้อะไรกันพี่หมอแสน  เพชรเพิดอะไรกัน  ไอ้ทุ่งนี้นะผมจะบอกให้เฉิ่มเบอะสุดๆอย่างวันนี้เสื้อมันก็ใส่แต่ชุดนักกีฬาเดิมๆส่วนกางเกงไม่ขาสั้นก็ใส่กางเกงวอร์มกับสวมรองเท้าแตะ เชยก็เชย"

ป่าสักพูดเสร็จก็ยื่นมือมาจับคอเสื้อผมทันที  ผมตกใจรีบปัดมือมันออกไปฉับพลัน แต่ทันใดนั้นนิ้วป่าสักก็ไปเกี่ยวกับสร้อยคอของผม  ทำให้แหวนที่แขวนอยู่กับสร้อยคอนั้นเด้งออกมาข้างนอกเสื้อโดยทันที

"โอ้ยยยทำไมปัดมือกูแรงจังวะทุ่ง??  แค่กูจะติดกระดุมเสื้อให้เฉยๆ

"อ้าว!!!กูจะรู้กับมึงมั้ยละ??  กูตกใจสินึกว่ามึงจะฆ่ากู"

ในขณะที่ผมกับป่าสักกำลังทำสงครามกันอยู่  จู่ๆเสียงพี่หมอแสนชัยก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน

"นั้นแหวนอะไรเหรอครับ???  ที่แขวนอยู่กับสร้อยคอของน้องทุ่ง"

"แหวนนี้หรือครับ"

ผมพูดพร้อมใช้มือจับแหวนงาช้างที่แขวนอยู่ที่คอออกมาดู

"มันเป็นแหวนที่แม่แขวนคอให้ทุ่ง  ตั้งแต่เกิดแล้วครับ"

"สวยดีนะครับ  ไม่รู้ว่าทุ่งพอจะทราบไหมว่าแหวนทำมาจากอะไรครับ"

พี่หมอแสนชัยถามผมกลับมาด้วยท่าทางที่ดูตื่นเต้นเอามากๆ

"อ่อ  ทุ่งก็ไม่รู้หรอกครับ  แต่แม่บอกว่าเป็นแหวนที่ทำจากงาช้างครับ"

"ทำไมแหวนที่แขวนอยู่บนคอทุ่ง  ถึงได้เหมือนแหวนของพี่จังเลยครับ"

พี่หมอแสนชัยพูดพร้อมกับล่วงไปจับสร้อยคอที่มีแหวนแขวนไว้ออกมาให้ผมดู  ผมนี้ตกตะลึงไปเลย  สร้อยก็เหมือนกัน  แถมตัวแหวนยังเป็นแหวนงาช้างหกเหลี่ยมเหมือนกันไม่มีผิดเลย

"เอ้ยยยเป็นไปได้ไง??ทำไมแหวนถึงเหมือนกันทุกอย่างเลย"

เสียงป่าสักดังออกมาก่อนผมทันทีพร้อมกับยื่นมือมาจับแหวนที่อยู่บนคอของผมด้วยอาการประหลาดใจ

"มีสลักชื่อด้วยนะครับ"

"ไหนๆทุ่งกูขอดูชัดๆสิว่าแหวนเขียนว่าไง"

ผมได้ยินป่าสักพูดแบบนี้ก็เลยถอดสร้อยคอยื่นออกไปให้ป่าสักดู

"พนมดงรัก  ทำไมแหวนของทุ่งธรถึงได้สลักคำนี้  แต่เอ๋ชื่อนี้มันคุ้นๆหูยังไงบอกไม่ถูก  เหมือนๆเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนเลย"

"พนมดงรัก  ก็นามสกุลของพี่ไง   ไหนๆป่าสักพี่ขอดูบ้างสิ ว่าเขียนแบบนั้นจริงๆหรือ???"

พี่หมอแสนชัย ยื่นมือมารับสร้อยคอพร้อมแหวนของผมไปจากมือป่าสักทันที  แต่พอพี่หมอแสนชัยได้เห็นแค่นั้น  ใบหน้าเรียวรูปไข่ดวงตาเข้มก็เบิกออกทันทีแสดงให้รู้ว่าเจ้าตัวตื่นเต้นมากแค่ไหน

"ทำไมแหวนมันถึงได้เหมือนกันเปะทุกอย่างเลย???"

พี่หมอแสนชัยเหมือนกับรำพึงออกมาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง  ผมกับป่าสักได้แต่มองหน้ากันแบบงงๆที่เห็นอาการของคนตรงหน้า

"พี่หมอแสนครับ  แหวนเหมือนกันทุกอย่างเลยหรือครับ"

ป่าสักถามพี่หมอแสนชัยออกไปด้วยความสงสัยปนอยากรู้

"อืม ...ใช่แล้ว  แหวนเหมือนกันทุกอย่างเลย  ทั้งสร้อย  ทั้งตัวแหวนที่แขวนอยู่ไม่มีส่วนไหนที่ต่างกันเลย  น้องทุ่งครับพอจะรู้ไหมว่าประวัติแหวนของทุ่งได้มายังไง???"

"ประวัติเหรอครับ........ทุ่งก็ไม่เรื่องอะไรมากหรอกครับพี่หมอแสน  เท่าที่จำความได้มันก็แขวนอยู่ที่คอทุ่งตลอดเลยครับ  เพียงแต่แม่บอกว่ามันเป็นของขวัญจากพ่อแค่นั้นเองครับ"

"แล้วพ่อน้องทุ่งเป็นคนจังหวัดอะไรครับ???"

"ทุ่งก็ไม่รู้ครับ  เพราะตั้งแต่เกิดมาผมก็ไม่เคยเจอหน้าพ่อเลย ทุ่งอยู่กับแม่แค่สองคนครับ"

"พี่ขอโทษด้วยนะครับ  พอดีพี่แค่อยากรู้ว่าแหวนของพี่กับน้องทุ่งมันเกี่ยวพันกันตรงไหน  ไม่คิดว่าคำถามพี่จะทำให้ไปกระทบความรู้สึกของน้องทุ่งนะครับ"

"ไม่เป็นไรหรอกครับ  ทุ่งชินแล้ว  แค่นี้สบายมากๆ"

ผมตอบพี่หมอแสนชัยออกไปจากความรู้สึกจริงๆ

"เอ่อขอโทษนะครับพี่หมอแสน  แล้วประวัติแหวนของพี่หมอแสน  พอจะเล่าให้พวกเราฟังได้ไหมครับว่ามีประวัติเป็นมายังไง  มันถึงได้ไปเหมือนกับแหวนไอ้ทุ่งแบบนั้น"

ป่าสักถามพี่หมอแสนชัยออกไปด้วยท่าทางที่เป็นกังวลให้คิดหนักอย่างมากที่จะถามคำถามแบบนี้ออกไป

"อืม....ก็ไม่มีอะไรมากหรอก  มันเป็นแหวนประจำตระกูลของพี่น่ะ  แหวนงาช้างหกเหลี่ยม  เป็นสัญญาลักษณ์ของวงศ์ตระกูล  พนมดงรัก  ที่สืบทอดต่อๆกันมาจากรุ่นสู่รุ่น  แหวนนี้พ่อพี่เป็นคนมอบให้มา แต่พี่ก็ไม่ได้ถามว่าแหวนประจำตระกูลมีกี่วงกันแน่"

"โอ้ยยยยพี่หมอแสน  ทุ่งว่ามันบังเอิญมากกว่าครับ  ที่แหวนทุ่งไปเหมือนกับแหวนพี่หมอแสน เนอะป่าสักมึงว่ามั้ย"

"น้องทุ่งครับ  พี่ขอถ่ายรูปแหวนของน้องทุ่งได้ไหมครับ พี่จะเอาไปให้พ่อดูนะครับ"

"เอาสิครับ  แต่ทุ่งก็ว่ามันเป็นแหวนธรรมดาๆคงไม่มีอะไรไปเกี่ยวข้องกับแหวนตระกูลของพี่หมอแสนหรอกครับ"

จากนั้นพี่หมอแสนชัยก็เอามือถือขึ้นมาถ่ายรูปแหวนของผมกับแหวนพี่หมอแสนทันที

     หลังจากแยกจากพี่หมอแสนแล้วผมกับป่าสักก็ขับรถกลับหอทันที  เพราะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว

"ทุ่ง  มึงจะอาบน้ำเลยไหม??"

"มึงอาบก่อนกูก็ได้  พอดีกูว่าจะนั่งทำงานส่งอาจารย์สักหน่อยค่อยไปอาบ"

"อืม"

ป่าสักก็คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำทันที  ปล่อยให้ผมนั่งนึกถึงเรื่องแหวนที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก  หรือผมจะโทรไปถามแม่ว่าพอจะเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับแหวนวงนี้ได้ไหม  แต่ผมก็ไม่อยากจะถามอะไรให้แม่ไม่สบายใจเพราะที่ผ่านมาเราก็อยู่กันได้สองคนแม่ลูก  ถึงจะลำบากบ้างลุ่มๆดอนๆแต่แม่ก็เลี้ยงผมมาจากความรัก  ดูแลเป็นอย่างดี  แม่เป็นผู้หญิงแกร่งทำงานหาเงินเลี้ยงผมจนโตมาได้ถึงทุกวันนี้  แล้วเรื่องอะไรผมจะต้องเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องไปรบกวนจิตใจของแม่

"ติ๊ดตะลี๊ติดติ๊ด ติ๊ดตะลี๊ติดติ๊ด สวัสดีครับแม่  ทำไมวันนี้โทรมาดึกจัง"

"อืมพอดีแม่เพิ่งจะเตรียมของที่จะเอาไปขายตอนเช้าเสร็จนะทุ่ง  แล้วนี้ลูกกินข้าวกินปลาหรือยัง"

"กินมาเรียบร้อยแล้วครับแม่  แม่ละกินไรยัง"

"แม่ก็กินเรียบร้อยแล้วก็ได้ผักลวกที่ทุ่งปลูกไว้ข้างๆบ้านนั้นแหละ กับป่นปลาจากป้าลำไยแกแบ่งมาให้"

"ฟังดูน่ากินอะแม่ เดี๋ยวกลับบ้านไปทุ่งจะทำกินบ้างเนาะแม่เนาะ"

"ได้ๆผักกำลังงามเลยลูก  แล้วเรียนเป็นไงบ้าง  หนักไหมแล้วซ้อมกีฬาละเป็นไงบ้างเหนื่อยไหม"

"สบายมากๆเลยครับแม่  ลูกแม่เก่งอยู่แล้วไม่มีปัญหาเลย"

"ตั้งใจเรียนนะลูก  มีอะไรขาดเหลือก็บอกแม่นะ"

"ครับแม่  ขอบคุณมากๆครับ แต่ทุ่งยังพอมีใช้ครับ"

"นี้ก็ดึกแล้ว  แม่จะเข้านอนละ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไปขายผักที่ตลาดไม่ทัน"

"ฝันดีนะครับแม่  ทุ่งรักแม่นะ"

     หลังจากวางสายจากแม่  อยู่ๆน้ำตาผมมันก็ไหลออกมา  อาจจะเป็นเพราะว่าตั้งแต่มาเรียนที่มหาวิทยาลัยจนจะครบเดือนแล้ว  ผมก็ยังไม่ทันได้กลับบ้านสักครั้งเลย  ทำให้คิดถึงแม่มากๆ ไหนจะเรื่องแหวนที่อยากจะถามแม่อีก แต่ก็ไม่กล้าเอาเรื่องไม่สบายใจไปเล่าให้แม่ฟัง

"ทุ่ง  กูอาบเสร็จแล้ว  มึงไปอาบสิ"

"อ้าว  เสร็จตอนไหนวะ  ทำไมเร็วจัง"

"เร็วบ้าไรของมึง  กูอาบน้ำช้าจะตายวันนี้  ออกมานึกว่ามึงจะหน้าบึ้งที่รอกูนาน ที่ไหนได้ เห็นมึงนั่งเหม่ออยู่เป็นนานสองนาน

"เปล่านี้  ..กูก็นั่งทำงานส่งอาจารย์ไง"

"นั่งทำงานบ้ามึงสิ  กูเห็นมึงจับแหวนไม่ยอมปล่อยเลย  คิดเรื่องแหวนอยู่เหรอวะ?"

"อืม ก็นิดหน่อย  กูก็แค่แปลกใจ  ว่าทำไมแหวนกูถึงไปเหมือนแหวนพี่หมอแสนได้"

"อย่าคิดไรมากเลยมึง  แหวนงาช้างแบบนี้กูว่าใครๆก็มีเปล่าวะ  เขาอาจจะทำมาขาย แล้วบังเอิญมันไปเหมือนกันก็ได้"

"อืม ..นั้นสิแหวนงาช้างใครๆก็มีกัน"

"ไปๆ ไปอาบน้ำได้แล้วมึง  เอ่อทุ่งไหนมือถือมึงอะ"

"ทำไมวะ???"

"อ้าวกูก็จะเปลี่ยนมือถือให้มึง  เครื่องเก่าของมึงมันเล่นอะไรไม่ได้เลย"

"อ้าว??มันก็มือถือกูปะวะ? มึงยุ่งอะไรด้วย"

"เอามาเถอะน่า  รีบๆเลยแล้วมึงก็ไปอาบน้ำได้แล้ววววว"

หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จ ก็เห็นป่าสักนั่งเล่นมือถือเครื่องใหม่ที่มันซื้อให้ผมอยู่บนเตียงนอนแล้ว

"อ้าวมึงเรียบร้อยแล้ว  กูสมัครทั้งไลน์ทั้งเฟซให้มึงเรียบร้อยแล้วนะ  มึงจะได้รู้เรื่องโลกภายนอกกะเขาอีกอย่างมึงจะได้ดูความเคลื่อนไหวของกูได้สะดวกๆไง"

"อืม  ...ขอบใจนะมึง"

ผมยื่นมือไปรับมือถือจากป่าสัก  แต่ปรากฏว่าป่าสักคว้าแขนผมไว้แล้วก็กระชากให้ไปนั่งบนตักของตัวเองโดยเร็ว  จนผมตั้งตัวไม่ทัน

"เล่นอะไรเนี้ย!!!!!"

"อ้าวก็จะสอนให้เล่นโซเชียลไง  กูรู้ว่ามึงไม่ค่อยชอบเล่นโซเชียลแน่ๆมาเดี๋ยวกูสอนให้"

"เอ่อมึง  ...กูว่านั่งบนเตียงก็ได้ไม่จำเป็นต้องนั่งบนตักมึงก็ได้นี้??"

"นั่งนี้แหละดีแล้วววว จะได้ดูจอมือถือไปพร้อมๆกันไง"

"แต่กูไม่ถนัดวะมึง  อีกอย่างเดี๋ยวมึงเป็นเหน็บ"

"กูโอเค  มึงอย่างเรื่องมากสิวะทุ่ง  มาๆเริ่มเข้าเฟซก่อนแล้วกัน"

บอกตามตรงครับ  ใครมันจะไปมีสมาธิวะ  ก็เล่นนั่งบนตักไอ้นักบาสหน้าหล่อขนาดนี้  แถมมันยังเอาหน้าหล่อๆของมันมาแนบชิดข้างๆหูผมอีกต่างหาก  โอ้ยยยยแม่จ้าลูกขอโทษ ลูกทำตัวไม่ดีอีกแล้ววววคืนนี้จะผิดผีไหมวะ  หัวใจผมนี้เต้นแรงมากๆประมาณสักสิบริกเตอร์ได้แน่ๆหรือว่ามันจะทะลุออกมาข้างนอกแล้วววววโอ้ยยยยยตอนนี้เหมือนกินพริกสักสิบกำมือแน่ๆหน้าผมต้องแดง  โอ้ยยยยเขินๆๆๆอายๆๆๆๆๆลมหายใจหอมๆของป่าสักมันช่างชวนฝันจริงๆผู้ชายบ้าอะไรกลิ่นกายโคตรหอมเลย

"เข้าใจยังการเข้าเฟซ  ทุ่ง....ทุ่ง มึงเป็นไรวะ ฟังกูอยู่หรือเปล่าว???"

"เอ่อ..เอ่อป่าสัก  กูพอจะเล่นเป็นแล้วขอบใจนะ"

ผมรีบลุกขึ้นจากตักของป่าสักทันที  ขืนอยู่ต่อไปมีหวังได้ผิดผีแน่ๆไม่ได้ๆต้องใจแข็ง  ต้องไม่อ่อนไหว  พุทโธ ธัมโม สังโฆๆ ผมรับมือถือมาจากป่าสักทันที แล้วก็เปิดเฟซบุ๊ก แต่ปรากฏว่ารูปโปรไฟล์เป็นรูปผมนั่งบนตักของป่าสัก!!!!!!

"เอ้ยยยย???ไอ้ป่าสัก  ทำไมรูปโปรไฟล์กูถึงเป็นแบบนี้วะ"

"อ้าวววววกูก็เห็นว่าน่ารักดี เลยเอาเป็นโปรไฟล์เลย  ของกูก็รูปเดียวกันกับมึงเลย  นี้ไง"

พูดเสร็จป่าสักก็ยื่นมือถือของมันให้ผมดูทันที  ใช่รูปเดียวกันจริงๆแล้วป่าสักมันถ่ายตอนไหนวะ  หรือมันถ่ายตอนที่ผมมั่วแต่ใจสั่นไหวกับการได้นั่งแนบชิดกับมันแบบนี้  จนหูหนวกตาบอดไปแล้วววววว

"โอ้ยยยยมึง  ไม่เอาๆๆเปลี่ยนๆๆๆ"

ผมพูดเสร็จก็รีบเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ของตัวเองทันที  โทรศัพท์ก็เพิ่งได้มาใหม่ๆไม่มีรูปตัวเองสักรูปเปิดดูก็เจอแต่รูปป่าสักทั้งนั้นโอ้ยยยยย จะทำยังไงดี???เอาวะรูปดอกไม้นี้แหละใส่ๆไปก่อนแล้วกัน

"อ้าววว!!!!ทำไมเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ไม่ได้อะ??"

"5555ก็กูเป็นคนทำให้มึง  เรื่องอะไรจะยอมให้มึงเปลี่ยนได้ง่ายๆวะ  เอาน่าเล่นๆไปมันก็แค่รูปโปรไฟล์ปะวะ? มึงจะคิดอะไรมาก เอ๋....หรือว่ามึงคิด???"

"บ้ามึงสิ  กูไม่ได้คิดเว้ยยย"

"ถ้ามึงไม่ได้คิดอะไร  .....แล้วจะเดือนร้อนทำไม??"

"เอ่อๆๆช่างแม่งเถอะ ปิดไฟนอน"

ผมต้องรีบปิดไฟทันทีเพราะกลัวว่าไอ้คนเจ้าเล่ห์จะเห็นหน้าแดงๆของผมตอนนี้

....................................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา