Sport car Sport heart รักนี้หัวใจสปอร์ต
9.2
เขียนโดย Blue_Bird
วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 03.44 น.
2 ตอน
0 วิจารณ์
3,982 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 04.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ไง โจซิส”ผมทักชายพี่ชายฝาแฝดที่กำลังนั่งฟังเพลงพร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย โจซิสพี่ชายฝาแฝดของผมเป็นลูกครึ่งอเมริกาผมก็เช่นกัน พ่อคนไทยแม่อเมริกาซึ่งผมได้แม่มาแค่หน้า ตาและจมูก ส่วนปากคิ้ว ผมสีดำ ผิวขาวเหลือง และหุ่นของพวกจะสมชายชาตรีเหมือนพ่อที่เป็นคนไทย พ่อผมเป็นนักแข่งรถส่วนแม่เป็นช่างซ่อมรถประมาณได้รับช่วงต่อกิจการของตามา แม่ผมอยู่อเมริกาไปเจอกันตอนพ่อไปแข่งรถและแม่ก็ได้รับงานมาให้ดูแลรถพ่อทั้งสองเลยปิ๊งรักกัน เมื่อ5ปีก่อนทั้งสองย้ายมาอยู่ประเทศไทย และแม่ก็เปิดร้านที่ไทยด้วยแต่พ่อลาวงการนักแข่งไปแล้วแต่ผมกับพี่ชายก็รับสานฝันต่อ เรียกว่าฐานะก็ปานกลาง บางครั้งผมกับพี่ชายก็ลงแข่งหาเงินเองบ้าง
“ไง ไอนาทิสซ์”มันทักผมกลับพร้อมกับชายตามามองนิดหน่อย ก่อนถอนหายใจยาว
“ถอนหายใจแบบนั้น เดี๋ยววิญญาณได้ออกมาจากร่างด้วยหรอก”ผมบอกก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ ตอนนี้พวกผมอยู่ในห้องชมรม ในห้องมีเพียงเก้าอี้5ตัวเท่านั้น กับโต๊ะตั้งกลางห้องเพื่อเอาไว้หารือกันหรือเวลามีประชุม พวกผมทำการขอห้องชมรมจากมหาลัยเพื่อวางแผนเรื่องวิชาการที่ทางมหลาลัยจะจัดงานหรือก็คือ พวกเราเป็นคณะกรรมการของทางมหาวิทยาลัยนั่นเอง แต่ห้องนี้ใช้มากกว่าการประชุม คือการวางแผนการแข่งขันรถทั้งในสนามหรือนอกสนาม ในสนามคือการแข่งในชื่อของทางมหาวิทยาลัย และนอกสนามคือการแข่งเถื่อนนั่นเอง ห้องนี้ก็กว้างพอที่คน5คนจะนั่งแบบไม่อึดอัด พร้อมกับมีกระดานและจอโปรเจคเตอร์ไว้คอยออกแบบงานและวางแผนทั้งงานและเรื่องของการแข่ง
“ก็ทำไงได้วะ ก็ดันจับได้ว่าแฟนตัวเองแอบคบกับคนอื่น”มันพูดพลางหมดอะไรตายอยาก
“โถ่ โจซิส ถ้าผู้หญิงไม่รักก็ปล่อยไปดิ”ผมบอกก่อนจะตบไหล่ไอ้พี่ชายฝาแฝดเบาๆ
“เฮ้ยไง ไอ้แฝดนรก”เสียงดังก่อนเห็นตัวของไอ้ตีบอร์ดดังขึ้นทำลายความเงียบของห้อง
“นี่มึงช่วยดูบรรยากาศได้ไหมวะ เค้ากำลังกลุ้มๆกันอยู่”ผมพูดพร้อมกับถอนหายใจอย่างหัวเสีย เพราะไอ้คีบอร์ดทำท่าไม่รู้ไม่ชี้หลังผมพูดจบ คีบอร์ดมันอยู่ชมรมดนตรี รู้สึกจะมีสี่คนล่ะมั้งถ้าจำไม่ผิด เหมือนจะตั้งวงพร้อมกับลูกพี่ลูกน้องอีกสองคน แถมมันยังเป็นแฟนกับมือเบสวงมันเองอีก แฟนมันก็เป็นผู้ชาย แต่ผมไม่ได้รู้สึกไม่ดีหรอกนะเพราะโลกเปิดกว้างแล้ว
“ล่ะนี่แข่งวันนี้เอาไง”มันถามเข้าประเด็นก่อนจะโยนกระเป๋าลงบนโต๊ะ
“ก็ทำให้เต็มที่ก็พอ”ไอ้พี่ชายฝาแฝดผมพูดก่อนจะหายใจยาว
“เฮ้ยๆ ถอนหายใจแบบนั้นระวังตายเร็วนะ”ไอ้คีบอร์ดปากปีจอของชมรมพูดขึ้น แต่จะว่าไปการมีคนดังมาอยู่ในห้องมันก็ทำให้ลำบากใจไม่น้อย เมื่อมีคนเดินผ่านมักจะยืนกรี๊ดกร๊าดอยู่หน้าประตูโดยเฉพาะผู้หญิง เสน่ห์ผมนี่แรงจริงๆ
“เฮ้อ มากันไม่เว้นแต่ละวัน”ไอ้โจซิสพูดพลางถอนหายใจ
“กูว่านะ โจซิส ถ้ามึงยังถอนหายใจแบบนี้อีกมึงได้ตายเหมือนที่ไอ้คีบอร์ดพูดแน่”ผมบอกพร้อมกับตบไหล่พี่ชายร่วมท้อง
“มึงลองมาเป็นกูปะล่ะ”มันถามพร้อมกับสะบัดหน้ามองนอกหน้าต่าง
“เออ กูรู้แล้วครับพี่ชาย”ผมพูดพร้อมกับหันไปทางไอ้คีบอร์ดที่มันกำลังทำงาน
“มึงทำอะไรวะ”ผมถามพร้อมกับเดินไปดูมัน
“กูทำงายงานส่งอาจารย์”มันตอบสั้นๆพร้อมกับก้มหน้าก้มตาทำต่อไป ลายมือจัดว่าสวย โดยเฉพาะภาษาอังกฤษส่วนภาษาไทยไม่ได้เรื่อง
“เฮ้ยสวัสดี”น้ำเสียงกระตือรือร้นของใครอีกคนที่เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
“อ่าวไงไอ้แอนทิเนนโค”ผมทักทายผู้มาใหม่อย่างไม่ค่อยจะยินดีนัก
“เออ ไง”มันตอบก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกับโจซิส
“มึงยังกล้ามาที่นี่อีกหรอวะ”เสียงเยือกเย็นของพี่ชายผมดังขึ้นทำลายบรรยากาศ ตอนนี้ทั้งห้องตกอยู่ในบรรยากาศมาคุพร้อมกับจะระเบิดได้ในทันที แต่มีคนที่ไม่ทุกข์ไม่ร้อนเลยคือไอ้คนที่กำลังนั่งทำงานยิกๆ
“เฮ้ยใจเย็น”ผมหันไปปรามพี่ชายของตัวเอง ตอนนี้ตามันขวางแล้วและเส้นเลือดที่ขมับกำลังปูดโปน
“จะใจเย็นได้ไงวะ”พี่ชายผมเริ่มหายใจหอบถี่ ผมรู้ว่ามันพยายามสะกดกลั้นอารมณ์โกรธอย่างถึงขีดสุด
“กูทำอะไรผิด”ไอ้แอนทิเนนโคมันพูดพลางเลิกคิ้วข้างซ้ายอย่างกวนประสาท
“มึงยังกล้ามาถามกูอีกหรอ”พี่ชายผมเดินไปหามัน ผมคว้าตัวมันไว้ก่อนที่มันจะทำอะไรมากไปกว่านี้
“เฮ้ยใจเย็นดิวะ”ผมบอกก่อนจะพยายามรั้งมันสุดแรง
“จะให้กูใจเย็น มึงบอกให้มันคืนแฟนกูมาก่อนดิ”มันเดือดดาลอย่างขีดสุด กล้ามเนื้อที่แขนมันกระตุกถี่ๆ
“กูไม่ได้เอาแฟนมึงไป”อีกฝ่ายเริ่มใส่อารมณ์กลับมา
“มึงโกหก”ไอ้พี่ชายตัวดีมันเริ่มยั๊วะกว่าเดิมก่อนจะลากผมเข้าไปหาคู่กรณีนี่ขนาดผมจับตัวมันอยู่นะ
“มาร์การ์นี่ น่ะหรอกูไม่ได้จีบเค้าด้วยซ้ำ เค้ามาหากูเองแล้วกูก็ไม่ได้ชอบเค้าด้วย”แอนทิเนนโคบอกพร้อมกับขึ้นเสียง และแน่นอนว่าไอ้พี่ชายตัวดีมันไม่ชอบให้ใครมาขึ้นเสียงใส่แน่นอน พอมีคนขึ้นเสียงใส่มันจะสติแตกทันที และแน่นอนว่ามันสลัดผมหลุดแล้ว และผมก็จนปัญญาจะห้ามแล้ว เมื่อพวกมันสองคนเดินเข้าหากันก็เริ่มแลกหมัดกันทันที ส่วนผมยืนกอดอกรอเก็บศพไม่ใครก็ใครสักคนนึงนี่แหละหรืออาจจะทั้งสองคน เพราะโอ้คีบอร์ดที่กำลังทำงานอยู่มันเริ่มกำมือแน่นและปากกาแบบพลาสติกแข็งเริ่มมีเสียงแกร๊บ ผมก็รู้เลยทันที่ว่าไอ้คีบอร์ดมันเริ่มจะทนไม่ไหวกับโต๊ะที่สั่นเวลาสองคนนั้นแลกหมัดกันอย่างเอาเป็นเอาตาย และสุดท้ายไอ้คีบอร์ดก็ทุบโต๊ะก่อนจะเดินไปหาสองคนนั้นพร้อมกับกระชากทั้งสองออกด้วยความเร็ว ก่อนจะซัดหมัดเข้าที่หน้าคนทั้งสอง ทำให้คนที่กลายเป็นหมากัดกันยุติสงคราม
“พวกมึงอยู่เฉยๆได้ไหมวะ กูกำลังทำงาน”ประโยคสุดท้ายมันพูดเน้นทีละคำด้วยเสียงอันดัง คือมันดังมากจริงๆยิ่งในห้องปิดแบบนี้ทำเอาผมแก้วหูสะเทือน แต่เสียงของมันก็ช่วยขจัดสงครามระหว่างหมาทั้งสองตัวได้ ไอ้แอนทิเนนโคเดินออกไปอย่างหัวเสีย ส่วนไอ้พี่ชายผมก็เช็ดเลือดที่มุมปาก พอไอ้คีบอร์ดเห็นสองคนแยกออกจากกันก็กลับไปทำงานแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไงล่ะมึง”ผมทักพี่ชายที่ไปนั่งในมุมเดิมของตัวเอง
“ไม่ไงล่ะ”มันบอกพร้อมกับถอนหายใจ อีกแล้ว ผมว่าสักวันมันคงตายแบบที่ไอ้คีบอร์ดบอกแน่ๆ
“เออ ไอ้คีบอร์ดนี่มึงจะไปแข่งรถมึงบอกลูกพี่ลูกน้องกับแฟนมึงยังวะ”ผมถามเพราะเมื่ออาทิตย์ที่แล้วแฟนมันก็เดินเข้ามาโวยวายที่มันเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยงอย่างการแข่งเถื่อน
“อือ กูบอกไปแล้ว”มันตอบพร้อมกับปิดหนังสือและสมุดรายงาน
“มึงบอกไปว่าไงวะ”ผมถามพร้อมกับเดินไปที่ถังที่พวกผมมักจะใส่น้ำแข็งแล้วแช่พวกเครื่องดื่ม เช่น น้ำผลไม้หรือน้ำเปล่าบางครั้งมันก็จะมีคนแอบเอาเบียร์มาหย่อน ซึ่งวันนี้ก็เช่นกัน
“เชี่ย ไอ้ทอร์กนี่เอาเบียร์มาแช่อีกแล้ว”ผมสบถลั่นก่อนจะซ่อนเอาไว้ล่างๆ
“กูก็บอกไปว่า กูเอารถไปนะ”ไอ้คีบอร์ดตอบคำถามก่อนจะเดินมาหยิบน้ำองุ่นกล่องเท่ากล่องนมไปดื่ม
“หะ เดี๋ยวมึงก็โดนแฟนมึงมาด่าอีกหรอก”ผมบอกพร้อมกับยกขวดน้ำเปล่าขึ้นดื่ม
“นั่นแหละน่ารัก”มันพูดพร้อมกับหัวเราะ หึๆ
“เออๆ”พอสิ้นคำผมประตูก็เปิดออกพร้อมกับร่างผู้ชายตัวเล็กๆมายืนข้างไอ้คีบอร์ด ซึ่งก็คือมือเบสวงมันนั่นแหละ หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือแฟนมัน
“ผมบอกคุณแล้วนะว่าอย่าแข็งเถื่อน”เสียงนุ่มๆเอ่ยอย่างไม่พอใจ
“โถ่ เอาน่าๆ อย่าโกรธสิ”มันคว้าตัวแฟนมันมากอด
_____________________________________________________________________________
แฮ่ๆเอามาลงชดเชยแต่เป็นเรื่องใหม่อุอิ กลับมาแก้หลายรอบมากเพราะผิดเยอะมาก55555
“ไง ไอนาทิสซ์”มันทักผมกลับพร้อมกับชายตามามองนิดหน่อย ก่อนถอนหายใจยาว
“ถอนหายใจแบบนั้น เดี๋ยววิญญาณได้ออกมาจากร่างด้วยหรอก”ผมบอกก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ ตอนนี้พวกผมอยู่ในห้องชมรม ในห้องมีเพียงเก้าอี้5ตัวเท่านั้น กับโต๊ะตั้งกลางห้องเพื่อเอาไว้หารือกันหรือเวลามีประชุม พวกผมทำการขอห้องชมรมจากมหาลัยเพื่อวางแผนเรื่องวิชาการที่ทางมหลาลัยจะจัดงานหรือก็คือ พวกเราเป็นคณะกรรมการของทางมหาวิทยาลัยนั่นเอง แต่ห้องนี้ใช้มากกว่าการประชุม คือการวางแผนการแข่งขันรถทั้งในสนามหรือนอกสนาม ในสนามคือการแข่งในชื่อของทางมหาวิทยาลัย และนอกสนามคือการแข่งเถื่อนนั่นเอง ห้องนี้ก็กว้างพอที่คน5คนจะนั่งแบบไม่อึดอัด พร้อมกับมีกระดานและจอโปรเจคเตอร์ไว้คอยออกแบบงานและวางแผนทั้งงานและเรื่องของการแข่ง
“ก็ทำไงได้วะ ก็ดันจับได้ว่าแฟนตัวเองแอบคบกับคนอื่น”มันพูดพลางหมดอะไรตายอยาก
“โถ่ โจซิส ถ้าผู้หญิงไม่รักก็ปล่อยไปดิ”ผมบอกก่อนจะตบไหล่ไอ้พี่ชายฝาแฝดเบาๆ
“เฮ้ยไง ไอ้แฝดนรก”เสียงดังก่อนเห็นตัวของไอ้ตีบอร์ดดังขึ้นทำลายความเงียบของห้อง
“นี่มึงช่วยดูบรรยากาศได้ไหมวะ เค้ากำลังกลุ้มๆกันอยู่”ผมพูดพร้อมกับถอนหายใจอย่างหัวเสีย เพราะไอ้คีบอร์ดทำท่าไม่รู้ไม่ชี้หลังผมพูดจบ คีบอร์ดมันอยู่ชมรมดนตรี รู้สึกจะมีสี่คนล่ะมั้งถ้าจำไม่ผิด เหมือนจะตั้งวงพร้อมกับลูกพี่ลูกน้องอีกสองคน แถมมันยังเป็นแฟนกับมือเบสวงมันเองอีก แฟนมันก็เป็นผู้ชาย แต่ผมไม่ได้รู้สึกไม่ดีหรอกนะเพราะโลกเปิดกว้างแล้ว
“ล่ะนี่แข่งวันนี้เอาไง”มันถามเข้าประเด็นก่อนจะโยนกระเป๋าลงบนโต๊ะ
“ก็ทำให้เต็มที่ก็พอ”ไอ้พี่ชายฝาแฝดผมพูดก่อนจะหายใจยาว
“เฮ้ยๆ ถอนหายใจแบบนั้นระวังตายเร็วนะ”ไอ้คีบอร์ดปากปีจอของชมรมพูดขึ้น แต่จะว่าไปการมีคนดังมาอยู่ในห้องมันก็ทำให้ลำบากใจไม่น้อย เมื่อมีคนเดินผ่านมักจะยืนกรี๊ดกร๊าดอยู่หน้าประตูโดยเฉพาะผู้หญิง เสน่ห์ผมนี่แรงจริงๆ
“เฮ้อ มากันไม่เว้นแต่ละวัน”ไอ้โจซิสพูดพลางถอนหายใจ
“กูว่านะ โจซิส ถ้ามึงยังถอนหายใจแบบนี้อีกมึงได้ตายเหมือนที่ไอ้คีบอร์ดพูดแน่”ผมบอกพร้อมกับตบไหล่พี่ชายร่วมท้อง
“มึงลองมาเป็นกูปะล่ะ”มันถามพร้อมกับสะบัดหน้ามองนอกหน้าต่าง
“เออ กูรู้แล้วครับพี่ชาย”ผมพูดพร้อมกับหันไปทางไอ้คีบอร์ดที่มันกำลังทำงาน
“มึงทำอะไรวะ”ผมถามพร้อมกับเดินไปดูมัน
“กูทำงายงานส่งอาจารย์”มันตอบสั้นๆพร้อมกับก้มหน้าก้มตาทำต่อไป ลายมือจัดว่าสวย โดยเฉพาะภาษาอังกฤษส่วนภาษาไทยไม่ได้เรื่อง
“เฮ้ยสวัสดี”น้ำเสียงกระตือรือร้นของใครอีกคนที่เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
“อ่าวไงไอ้แอนทิเนนโค”ผมทักทายผู้มาใหม่อย่างไม่ค่อยจะยินดีนัก
“เออ ไง”มันตอบก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกับโจซิส
“มึงยังกล้ามาที่นี่อีกหรอวะ”เสียงเยือกเย็นของพี่ชายผมดังขึ้นทำลายบรรยากาศ ตอนนี้ทั้งห้องตกอยู่ในบรรยากาศมาคุพร้อมกับจะระเบิดได้ในทันที แต่มีคนที่ไม่ทุกข์ไม่ร้อนเลยคือไอ้คนที่กำลังนั่งทำงานยิกๆ
“เฮ้ยใจเย็น”ผมหันไปปรามพี่ชายของตัวเอง ตอนนี้ตามันขวางแล้วและเส้นเลือดที่ขมับกำลังปูดโปน
“จะใจเย็นได้ไงวะ”พี่ชายผมเริ่มหายใจหอบถี่ ผมรู้ว่ามันพยายามสะกดกลั้นอารมณ์โกรธอย่างถึงขีดสุด
“กูทำอะไรผิด”ไอ้แอนทิเนนโคมันพูดพลางเลิกคิ้วข้างซ้ายอย่างกวนประสาท
“มึงยังกล้ามาถามกูอีกหรอ”พี่ชายผมเดินไปหามัน ผมคว้าตัวมันไว้ก่อนที่มันจะทำอะไรมากไปกว่านี้
“เฮ้ยใจเย็นดิวะ”ผมบอกก่อนจะพยายามรั้งมันสุดแรง
“จะให้กูใจเย็น มึงบอกให้มันคืนแฟนกูมาก่อนดิ”มันเดือดดาลอย่างขีดสุด กล้ามเนื้อที่แขนมันกระตุกถี่ๆ
“กูไม่ได้เอาแฟนมึงไป”อีกฝ่ายเริ่มใส่อารมณ์กลับมา
“มึงโกหก”ไอ้พี่ชายตัวดีมันเริ่มยั๊วะกว่าเดิมก่อนจะลากผมเข้าไปหาคู่กรณีนี่ขนาดผมจับตัวมันอยู่นะ
“มาร์การ์นี่ น่ะหรอกูไม่ได้จีบเค้าด้วยซ้ำ เค้ามาหากูเองแล้วกูก็ไม่ได้ชอบเค้าด้วย”แอนทิเนนโคบอกพร้อมกับขึ้นเสียง และแน่นอนว่าไอ้พี่ชายตัวดีมันไม่ชอบให้ใครมาขึ้นเสียงใส่แน่นอน พอมีคนขึ้นเสียงใส่มันจะสติแตกทันที และแน่นอนว่ามันสลัดผมหลุดแล้ว และผมก็จนปัญญาจะห้ามแล้ว เมื่อพวกมันสองคนเดินเข้าหากันก็เริ่มแลกหมัดกันทันที ส่วนผมยืนกอดอกรอเก็บศพไม่ใครก็ใครสักคนนึงนี่แหละหรืออาจจะทั้งสองคน เพราะโอ้คีบอร์ดที่กำลังทำงานอยู่มันเริ่มกำมือแน่นและปากกาแบบพลาสติกแข็งเริ่มมีเสียงแกร๊บ ผมก็รู้เลยทันที่ว่าไอ้คีบอร์ดมันเริ่มจะทนไม่ไหวกับโต๊ะที่สั่นเวลาสองคนนั้นแลกหมัดกันอย่างเอาเป็นเอาตาย และสุดท้ายไอ้คีบอร์ดก็ทุบโต๊ะก่อนจะเดินไปหาสองคนนั้นพร้อมกับกระชากทั้งสองออกด้วยความเร็ว ก่อนจะซัดหมัดเข้าที่หน้าคนทั้งสอง ทำให้คนที่กลายเป็นหมากัดกันยุติสงคราม
“พวกมึงอยู่เฉยๆได้ไหมวะ กูกำลังทำงาน”ประโยคสุดท้ายมันพูดเน้นทีละคำด้วยเสียงอันดัง คือมันดังมากจริงๆยิ่งในห้องปิดแบบนี้ทำเอาผมแก้วหูสะเทือน แต่เสียงของมันก็ช่วยขจัดสงครามระหว่างหมาทั้งสองตัวได้ ไอ้แอนทิเนนโคเดินออกไปอย่างหัวเสีย ส่วนไอ้พี่ชายผมก็เช็ดเลือดที่มุมปาก พอไอ้คีบอร์ดเห็นสองคนแยกออกจากกันก็กลับไปทำงานแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไงล่ะมึง”ผมทักพี่ชายที่ไปนั่งในมุมเดิมของตัวเอง
“ไม่ไงล่ะ”มันบอกพร้อมกับถอนหายใจ อีกแล้ว ผมว่าสักวันมันคงตายแบบที่ไอ้คีบอร์ดบอกแน่ๆ
“เออ ไอ้คีบอร์ดนี่มึงจะไปแข่งรถมึงบอกลูกพี่ลูกน้องกับแฟนมึงยังวะ”ผมถามเพราะเมื่ออาทิตย์ที่แล้วแฟนมันก็เดินเข้ามาโวยวายที่มันเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยงอย่างการแข่งเถื่อน
“อือ กูบอกไปแล้ว”มันตอบพร้อมกับปิดหนังสือและสมุดรายงาน
“มึงบอกไปว่าไงวะ”ผมถามพร้อมกับเดินไปที่ถังที่พวกผมมักจะใส่น้ำแข็งแล้วแช่พวกเครื่องดื่ม เช่น น้ำผลไม้หรือน้ำเปล่าบางครั้งมันก็จะมีคนแอบเอาเบียร์มาหย่อน ซึ่งวันนี้ก็เช่นกัน
“เชี่ย ไอ้ทอร์กนี่เอาเบียร์มาแช่อีกแล้ว”ผมสบถลั่นก่อนจะซ่อนเอาไว้ล่างๆ
“กูก็บอกไปว่า กูเอารถไปนะ”ไอ้คีบอร์ดตอบคำถามก่อนจะเดินมาหยิบน้ำองุ่นกล่องเท่ากล่องนมไปดื่ม
“หะ เดี๋ยวมึงก็โดนแฟนมึงมาด่าอีกหรอก”ผมบอกพร้อมกับยกขวดน้ำเปล่าขึ้นดื่ม
“นั่นแหละน่ารัก”มันพูดพร้อมกับหัวเราะ หึๆ
“เออๆ”พอสิ้นคำผมประตูก็เปิดออกพร้อมกับร่างผู้ชายตัวเล็กๆมายืนข้างไอ้คีบอร์ด ซึ่งก็คือมือเบสวงมันนั่นแหละ หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือแฟนมัน
“ผมบอกคุณแล้วนะว่าอย่าแข็งเถื่อน”เสียงนุ่มๆเอ่ยอย่างไม่พอใจ
“โถ่ เอาน่าๆ อย่าโกรธสิ”มันคว้าตัวแฟนมันมากอด
_____________________________________________________________________________
แฮ่ๆเอามาลงชดเชยแต่เป็นเรื่องใหม่อุอิ กลับมาแก้หลายรอบมากเพราะผิดเยอะมาก55555
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ