หงอี้ฝาน จอมมารข้ามภพ
เขียนโดย Mepale
วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 10.47 น.
แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 10.59 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) 01 เริ่มแรกก็โดนปล่อยป่าซะแล้ว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ01 เริ่มแรกก็โดนปล่อยป่าซะแล้ว
……………….
หลังจากวันนั้นวันที่ข้าโดนดาบผู้กล้าจ้วงแทงตัดขั้วหัวใจ ข้าก็ได้เกิดใหม่ในฐานะ ‘ หลิงซีหลิน ‘ ก็ผ่านมาห้าปีแล้ว ข้าตั้งปณิธานอันแน่วแน่ว่า ‘ จะไม่นิยมชมชอบสตรี จะชมชอบแต่บุรุษ ‘ เนื่องจากสตรีพิษสงมากมายราวกับอสรพิษก็ไม่ปาน ดั่งเช่นผู้กล้าที่ยั่วยวนข้าให้เผลอมอง จนตั้งตัวรับมือไม่ทัน สุดท้ายก็ตายอย่างอนาถ แต่เรื่องโชคดีก็มีแม้จะเกิดใหม่พลังเมื่อครั้งเป็นจอมมารยังคงอยู่ แถมพระเจ้ายังเพิ่มออฟชั่นพลังปราณมารสายฟ้าและพลังปราณมารทมิฬ
ซึ่งมันเป็นการดีเนื่องจากปราณทั้งสองทำให้ข้าใช้มิติธาตุได้ตั้งแต่สามขวบ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาข้าได้แต่ก่นด่าพระเจ้าในใจ แม้จะเกิดเป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนเสนาบดีฝ่ายขวา แต่ชีวิตก็มิได้สงบสุขเท่าใดนัก พอมารดาสิ้นชีวิตบิดาก็พาอนุเข้ามา อนุผู้นั้นมีบุตรชายและบุตรสาวติดมาด้วย ตอนที่ข้าเห็นหน้าของบุตรอนุทั้งสองคราแรก ก็รับรู้ได้ทันทีว่าบุตรทั้งสองคือบุตรแท้ๆของบิดา ถามใครๆก็มองออก แท้จริงแล้วบิดาไม่เอาไหนคงมิได้รักมารดาเท่าไรนัก แต่งมารดาเพื่อยกฐานอำนาจของตระกูลให้สูงขึ้นเท่านั้น ถามว่าอดีตจอมมารผู้นี้สนใจหรือคิดกลั่นแกล้งบุตรรักทั้งสองของบิดาหรือไม่ ตอบได้เลยว่าไม่! แต่ความสงบสุขในชีวิตของนางได้จบลง เงินทุกเดือนที่ได้ถูกลดจำนวนลง ในเรือนไร้ซึ่งบ่าวไพร่ ถูกขับไล่ให้มาอยู่ท้ายจวนโดยบุตรสาวอนุเรื่องมากผู้นั้น แม้ในสายตาผู้อื่นบุตรสาวอนุจะดูอ่อนหวาน แต่แท้จริงแล้วคือสตรีมากเล่ห์ เหตุที่ยอมเพราะมิอยากต่อปากต่อคำ และที่สำคัญจอมมารในร่างหญิงสาวผู้นี้ มินิยมชมชอบสตรีเท่าใดนัก โชคดีหน่อยที่สินเดิมของมารดาไม่อยู่ให้พวกมันแม่ลูกริบไป ข้าเก็บเข้ามิติส่วนไว้เรียบร้อยหลังมารดาเสีย
ผู้คนเรียกโลกที่ข้ามาเกิดใหม่ว่า ' แผ่นดินปฐพีลืมเลือน ' บนโลกแห่งนี้จะนับถือผู้มีพลังยุทธ หากเป็นตระกูลใหญ่ผู้ที่ไร้ซึ่งพลังยุทธ จะถูกผู้อื่นต่อว่าต่อขานดูถูกเหยียดยาม ทั้งๆที่โดยเฉลี่ยแล้วคนธรรมดาไร้พลังยุทธนั้นก็มีมากกว่าคนมีพลังยุทธเสียอีก เด็กๆทุกคนไม่ว่าจะเป็นสามัญชนหรือเชื้อพระวงศ์ เมื่ออายุครบห้าขวบปี จะต้องเข้าตรวจวัดพลังยุทธ ข้าก็เช่นกัน ได้เข้าวัดพลังเมื่อสามเดือนก่อน ผลที่ปรากฏออกมาคือ หลิงซีหลินผู้นี้ไร้พลังยุทธ ข้าจงใจซ่อนพลังมิให้ผู้ใดได้รับรู้ เหล่าเชื้อพระวงศ์หรือแม้แต่สามัญชนต่างก่นด่าข้าสารพัด มันทำให้ทราบว่า บุรุษแคว้นโจวมิมีผู้ใดเหมาะสมกับข้า
“ บุรุษที่คู่ควร รอข้าโตก่อนนะ จะไปตามหาท่าน “ เมื่อตั้งปณิธานได้เรียบร้อยแล้ว จึงเข้ามิติไปศึกษาตำราและฝึกพลังยุทธที่พระเจ้าให้มาต่อ หลายวันมานี้สามแม่ลูกมิได้เข้ามาหาเรื่องหรือรังแกข้า ราวกับว่าพวกมันกำลังวางแผนบางอย่างอยู่ ซึ่งแผนการของสามแม่ลูกจะมีผลต่ออนาคตของข้าโดยไม่รู้ตัว
ข้าตื่นขึ้นมายามเฉิน (07.00-08.59น.) เหตุที่ตื่นเช้าเพราะจะต้องรีบเข้ามาหาของสดในโรงครัวมาประกอบอาหาร เนื่องจากบิดาไม่เอาไหนผู้นั้น ไม่เคยส่งคนมาเรียกให้ข้าไปร่วมโต๊ะ กระทั่งข้าเดินไปร่วมโต๊ะยังไล่ออกมาราวกับมิใช่บุตร เมื่อได้ของสดที่ต้องการ ก็รีบกลับเรือนทันที หากจะถามว่าอดีตจอมมารอย่างข้าทำอาหารอร่อยหรือไม่ ตอบได้ง่ายๆว่ารสชาติกลางๆ ไม่ถึงกลับว่าจะรสเลิศเท่าฝีพ่อครัวในปราสาท เมื่อชาติก่อน
วันนี้ข้ายังคงอยู่ภายในเรือนมิได้ออกไปไหน แต่แล้วก็มิรู้เพราะเหตุใดวันนี้สามแม่ลูกทำตัวดีกับข้าเป็นพิเศษ ชวนข้าออกมานอกจวน เที่ยวชมตลาดแม้จะแปลกใจแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรให้มากความ สามแม่ลูกแวะร้านขายอาภรณ์ และร้านขายอาหารแห้งซะเป็นส่วนใหญ่ พวกนางจะอพยพหรืออย่างไร จึงได้ซื้อสิ่งของจำเป็นเหล่านั่นมากมาย
แถมยังให้ข้าถือให้อีกต่างหาก สรุปแล้วหลิงซีหลินผู้นี้มาตลาดกับสามแม่ลูกในฐานะคนถือของรึ
หลังจากเดินเที่ยวในตลาดจนเหนื่อย สามแม่ลูกที่ใจดีผิดปกติ พาข้าไปทานอาหารรสเลิศในเหลาอาหาร คราที่อาหารมาถึงโต๊ะสามแม่ลูกก็เอาอกเอาใจ ตักโน่นนั่นนี่ใส่ถ้วยของข้าเกือบล้น งั้นข้าทานแล้วกัน คีบอาหารเข้าปากไปหลายคำก็รู้สึกง่วง ทำไมมันง่วงอย่างงี้นะ ภาพสุดท้ายก่อนที่หน้าข้าจะฟลุบลงกับโต๊ะคือ สามแม่ลูกเหยียดยิ้มอย่างพึงพอใจ และได้ยินพวกมันคุยกันเรื่องอะไรสักอย่างเกี่ยวกับข้า
“ท่านแม่…จะจัดการยังไงกับมันดีเจ้าคะ” บุตรสาวถามผู้เป็นมารดา
“ไม่ต้องห่วง แม่จ้างรถม้าให้เอามันไปทิ้งที่แดนว้าง” เอ่ยตอบผู้เป็นบุตรสาวพร้อมๆกับแววตาเย็นชาไปให้ร่างบางที่หลับอยู่
“ท่านแม่มันไกลมากเลยนะเจ้าคะ หากมันตื่นกลางทางเล่า” บุตรสาวฉายแววกังวล
“ใช่ๆท่านแม่” บุตรชายเอ่ยเสริมอีกแรง
“ไม่ต้องห่วงยานี้เป็นยานอนหลับชั้นสูง ที่ข้าลงทุนเสียเงินเสียทองมากมายเพื่อซื้อมาใช้ในการนี้โดยเฉพาะ เสี่ยวเอ้อร์มาเอาตัวมันออกไป” สั่งเสร็จสรรพ เสี่ยวเอ้อร์ก็ทำหน้าที่ยกร่างบางที่หลับอยู่ออกไป พร้อมๆกับหอผ้าพร้อมด้วยอาหารแห้ง สามแม่ลูกยิ้มอย่างพออกพอใจที่กำจัดหลิงซีหลินสำเร็จ นางจะได้ก้าวขึ้นตำแหน่งฮูหยินใหญ่เสียที หลังจากที่รอคอยมานาน
. . .
ก็อย่างที่ข้าเคยบอก อันอิสตรีนั้นไว้ใจมิได้ พวกนางทั้งมากเล่ห์เปรียบดั่งอสรพิษ ที่คอยแว้งกัดเราตลอดเวลา ณ จุดๆนี้ ทำให้ข้าหลิงซีหลินผู้นี้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ยามที่ข้าตื่นขึ้นก็พบว่าตนเองอยู่ในป่า พร้อมหอผ้าและข้าวสารอาหารแห้ง สรุปง่ายๆก็คือ ถูกปล่อยป่า สามแม่ลูกนั่นร้ายกาจแต่ก็โง่ในคราวเดียวกัน คิดได้อย่างไรเอาเด็กห้าขวบมาปล่อยป่า แถมยังให้เสื้อผ้าและอาหารอีกต่างหาก
เฮ้อ…พวกนางช่างโง่เง่านัก ใช้สมองหรือใช้สนเท้าคิด คงไม่ลืมหรอกนะ ว่ามารดาข้าเป็นน้องสาวท่านแม่ทัพตะวันตกผู้เกรียงไกร ซึ่งนั่นหมายถึง ข้ามีท่านอาเป็นแม่ทัพ และอาผู้นี้มีทัศนวิสัยในการมองเรื่องข้าที่ถูกลือว่าไร้พลังยุทธ ต่างจากผู้อื่น เขาทั้งหล่อเหลา น่ากิ..แค่กๆ มิใช่ๆ เขายังคงใจดีกับหลานเช่นข้าไม่เปลี่ยนแปลง พอมีข่าวลือเรื่องข้าไร้พลังยุทธ เขายิ่งอยากรับข้ากลับไปอยู่จวนสกุลอี้ ท่านอาที่จะมาพบข้าทุกวันสุดสัปดาห์ พวกมันแม่ลูกจะจัดฉากให้เปรียบเสมือนข้าอยู่ดีกินดีเสมอที่ท่านอามา หากครานี้มิเจอข้า จวนสกุลหลิงล่มสลายเป็นแน่
อย่างไรซะตอนนี้ข้าก็ทำเพียงเก็บอาภรณ์และอาหาร เข้าไว้ในมิติเพื่อง่ายต่อการเดินสำรวจ ข้ามิรู้หรอกว่าที่นี้คือที่ไหน เพราะทุกที่ที่กวาดสายตาไปมองก็เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ เดินได้ไม่นาน พุ่มไม้ด้านหน้าก็ขยับ เท้าเล็กๆของข้าชะงักเท้าที่จะก้าวเดินต่อ สักพักเงาร่างหนึ่งก็เดินออกมาจากพุ่มไม้ ปรากฏสตรีในชุดสีม่วงอ่อน ในมือถือล้มสีแดงหนึ่งคัน นางมีแววประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อสบเข้ากับร่างเล็กๆของข้า ริมฝีปากอิ่มสีแดงสดเอื้อนเอ่ยออกมา “เด็กน้อย เจ้าเป็นใคร ไฉนจึงอยู่เพียงลำพัง”
ข้ามองนางด้วยแววตาที่โคตรจะระแวง ก็อย่างที่เคยบอกสตรีไว้ใจมิได้ แต่ก็ต้องตอบไป “ข้าถูกปล่อยป่า”
ข้ารู้สึกไว้ใจนางครึ่งหนึ่ง ระแวงนางครึ่งหนึ่ง นางมีสีหน้าตกใจแต่มิได้มีความเสแสร้งอันใด และรอบๆกายมีออร่าสีขาวราวกับพระเจ้าผู้นั้น กระจายออกมารอบๆจนข้าแสบตา “เด็กน้อย เจ้าช่างน่าสงสารยิ่งนัก ไปอยู่กับข้าดีหรือไม่”
“ไม่!” ข้าเอ่ยปฏิเสธเสียงแข็ง พลางหวาดระแวงเสียงหวานที่เอ่ยเชิญชวน “สตรีนั้นมากเล่ห์เพทุบาย ข้ามิไว้ใจ”
หญิงผู้นั้นมองข้าด้วยแววตาอ่อนโยน ว่าแต่นางจะอ่อนโยนทำไม “งั้นให้ข้าทำอย่างไร เด็กน้อยเช่นเจ้าจะไปกับข้า”
“ทำอย่างไรข้าก็ไม่ไป” ปฏิเสธพลางกอดอกเชิดหน้าแต่พองาม
หญิงผู้นั้นขลขันในท่าทีของข้า จะขบขันทำไม “ข้าชอบเจ้า เด็กน้อยสนใจเป็นบุตรสาวข้าหรือไม่”
“มะ…” ข้ากำลังจะปฏิเสธ ครั้นฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ หากข้าเป็นบุตรนาง ข้าจะมิต้องหาที่พักเอง มีที่อยู่แบบฟรีๆมิต้องเสียงเงินเสียทอง หากมองอีกมุมหนึ่งท่าทีใจดีแบบนี้คือ การแสดงหลอกลวงเด็กไปขายตามหอคณิกาหรือไม่ แต่นางมีรัศมีออร่าสีขาวสว่างสดใสดั่งเช่นพระเจ้าผู้นั้น บางทีนางอาจจะเป็นสตรีที่ดี และมีน้อยบนโลกใบนี้ ข้าครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยกับนางอีกครั้ง
“ตกลง”
การตอบตกลงของข้าในครานี้ ในภายภาคหน้าทำให้ข้าพบกับใครอีกคน คนๆนั้นที่มีชีวิตหน้าสมเพชกว่าข้าเป็นไหนๆ
————-<จบตอนที่ 1>————–
แล้วพบกันใหม่จร้า
มัจฉานุ❤❤❤
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ