ลมหายใจ...แห่งรัตติกาล (dangerous man)
7.0
เขียนโดย sesom
วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.27 น.
5 ตอน
0 วิจารณ์
7,456 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2560 11.13 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ตอนที่ 3
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ถอดแล้ว ฉันขื่อปาแปง” เสียงใสๆ เรียกจากทางด้านหลัง วินเซนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันกลับมามองหญิงสาวตัวเล็ก ใบหน้างดงามรูปไข่ไร้ที่ติตั้งแต่คิ้วโก่งสวย ดวงตาคู่หวานมีประกายตาเว้าวอน จมูกเล็กโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากเล็กๆสีชมพูอ่อนๆ นั่น
“ฉันชื่อปาแปง บ้านอยู่แถวนี้แหละ” เธอเห็นเขายืนจังจ้องที่เธอนิ่งจึงไม่รู้จะเอ่ยคำไหนดีเพียงครู่เขากลับกระพริบตาปริบๆ เหมือนจะรู้ตัวว่าจับจ้องแม่สาวน้อยตรงหน้านานเกินไปแล้ว
"ฉันถอดหมวกแล้วนี่ไงให้คำตอบฉันมาซิ" ปาแปงเห็นเขาผุดรอยยิ้มจางๆ ที่มุมปากก่อนจะเดินเข้ามาหาเธอ เธอรู้ว่ารอยยิ้มนั่น มันหมายความว่าอะไรเขาก้มหน้าลงมองเธอ
“ฉันพอจะเข้าใจเหตุผลที่เธอต้องปิดหน้าในเมืองแห่งนี้แล้ว” เขาถอนหายใจก่อนจะยืดตัวและหันหลังให้เธอ
“เหตุผลที่เธอให้ฉันทำคืออะไร ฉันหมายถึงผลประโยขน์ของเธอนะ” เขาหันกลับมามองเธอสวมหมวกแก็บเข้าที่แล้วพร้อมกระชับมันด้วยทีท่าเดิมๆ เขาพิจารณาร่างเล็กตรงหน้าเธอเป็นผู้หญิงผิวขาวไม่ใช่ซีดเผือดแต่ดูมีน้ำมีนวล ผิดแต่ว่าเธอดูค่อนข้างผอมหรืออาจเป็นเพราะเธอสวมเสื้อยืดตัวใหญ่เกินตัว เขาจำได้ว่าเธอสวมแจ็กเก็ตยีนส์และหมวกใบของเมื่อวาน
“เอ่อ คือ ..ฉันชอบดูคุณชก”
“อย่าโกหก” เขาจับจ้องเธอเขม็ง
“เอ่อ.”
“ไม่บอกก็ไม่ต้องบอกปาแปงเพราะยังไงฉันก็ยืนยันคำเดิม ฉันไม่ใช่นักมวย นั่นมันแค่กีฬาที่ฉันชื่นชอบ” เขายิ้มให้เธอก่อนเดินไปเปิดประตูรถยนต์ แต่เหมือนเขานึกบางอย่างออกจึงหันกลับมามองหญิงสาว
“อ่อ เธอสวยนะ”
“...”
“แล้วหมวกนั่นต้องสวมไว้ตลอดเวลาเลยหรือ เมื่อไรกันถึงจะเปิดออกได้ยามเดินที่เมืองดัฟแห่งนี้”
“พี่ปอลบอกว่ายามที่มีคนดูแลฉัน และปกป้องฉันได้” น้ำเสียงเธออ่อนแรงมองชายร่างสูงใบหน้าหล่อเหลา เขาหัวเราะเบาๆ เหมือนเรื่องราวของเธอมันน่าตลกนักก่อนรถยนต์คันสวยจะแล่นออกไปจากโรงแรม
ปาแปงพยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจในคำตอบและนึกเวทนาชะตาชีวิตของตนเอง เธอเดินออกมาด้านหน้าโรงแรมเพื่อนั่งรถโดยสารราคาถูกนั่นเข้าไปตัวเมืองดัฟอีกครั้งเพื่อขายบุหรี่อย่างที่เคยทำมา
วินเซนกลับมาร่ำลาทอมพี่ชายคนสนิทอีกครั้ง ก่อนที่ทอมจะเล่าเรื่องราวของปาแปงที่มาขอพบเขาเพื่อให้ขึ้นชกช่วยเหลือพี่ชาย วินเซนพ่นควันบุหรี่โพยพุ่งก่อนจะหัวเราะเบาๆ
“ฉันอาจจะฟลุคในคืนนั้นพวกเขาคิดอย่างไรกันถึงจะส่งกันไปตายอีกครั้ง”
“เด็กมันคงไม่มีทางออก” ทอมออกความคิด
“ปาแปง เธอชื่อปาแปงอย่างนั้นหรือ พี่รู้จักเธออดีหรือไง” เขาไม่แน่ใจว่าเขาถามคำถามนี้ไปเพื่ออะไรกัน “เด็กสองคนนี้อพยพตามลุงของเขามาทำงานรับจ้างในร้านขายปืน พอพี่ชายมันโตมันก็หารับจ้างทั่วไปก่อนจะมาขายบุหรี่และพาน้องสาวมาขายด้วย แต่ช่วงหลังนี่ด้วยความที่ปอลมันยังเป็นหนุ่มและคึกคะนองมันมันจึงริอาจเข้าแก็งพวกชายขอบเก็บค่าคุ้มครองร้านค้าแถวนั้น คงเห็นเงินแล้วคงขาดสติพวกนั่นเลยอยากจะสั่งสอน”
“เมืองนี้มีใครคุมอย่างนั้นหรือ”
“ไม่เอาพวกแก็งค์เล็กๆ ทั่วไปได้ไหมฉันขี้เกียจนับอย่างเช่นแก็งค์กิ๊กก๊อกอย่างพวกไอ้ปอลแต่มันพาความเดือดร้อนชิบหาย” ทอมจุดบุหรี่ขึ้นสูบ
“แต่ถ้าจะให้พูดถึงผู้มีอิทธิพลตัวจริง ผู้ที่สั่งฆ่าใครก็ได้ในเมืองดัฟแห่งนี้มีเพียงคนเดียว" ทอมหันหน้าจับจ้องวินเซนนิ่ง
“มันชื่อนายใหญ่ฮาร์ดัส”
“ฮาร์ดัส”
“ใช่ อยู่ให้ห่างๆ มันเข้าไว้เป็นดี ปีที่แล้วสั่งฆ่านักมวยของฉันเพราะว่าน็อกนักมวยฝ่ายมัน” ทอมเหยียดยิ้ม แววตาเคร่งเครียด
“มันฆ่าคนเป็นผักปลา คอยดูซิว่าวันเสาร์นี้ที่มีนัดชิงหลายคู่ยังไงมันก็ต้องมาดูมวยมันจะพาลอะไรอีก เสียดายจังนะวินเซน เสาร์นี้มีงานชกงานใหญ่แต่นายไม่ได้อยู่
“ไว้โอกาสต่อไปพี่ทอมสัปดาห์หน้านี้ฉันมีงานหลายอย่าง เอาไว้เจอกันไหมพี่ชาย” วินเซนลุกขึ้นยืนก่อนขอตัวทอมกลับ พลันสายตาก็มองเห็นหญิงสาวตัวเล็กยืนอยู่หน้าร้านค้าแห่งหนึ่งเธอกำลังขายบุหรี่อยู่ที่นั่น แล้วเสียงสะท้อนเรื่องราวในชีวิตเธอที่ฟังมาจากทอมก็ดังกลับไปกลับมาอีกครั้ง
“ปาแปง” ไม่รู้อะไรทำให้เขาต้องเดินมาหาเธออีกครั้ง เขาเห็นหญิงสาวหันหน้ามามองเขาเพียงครู่ก่อนหันกลับไปชะเง้อคอมองหาเหล่าลูกค้า
“เธอก็บอกปอลให้หยุดเล่นการพนันซะ”
“เรื่องนั้นฉันทราบค่ะ แต่ปัญหาเฉพาะหน้าก็คือเรื่องวันเสาร์นี้” เธอเดินหนีห่างจากเขา เขามองคนตัวเล็กที่ดูเหน็ดเหนื่อยนักก่อนเขาจะนิ่งคิดบางอย่างและเดินเข้ามา
“ถ้าฉันไม่ติดงาน ฉันจะกลับมาให้ทันวันเสาร์นี้” หญิงสาวชะงักมือที่กำลังจับซองบุหรี่ เธอหันมามองเขาก่อนจะยิ้มแป้น
“จริงๆ นะ” เธออยากให้เขารับคำ
“ถ้าฉันไม่ติดงาน” เขาหรี่ตามองเธอก่อนจะยิ้มมุมปาก เห็นหญิงสาวดีอกดีใจจนออกนอกหน้า
ร่างสูงเหยียบคันเร่งเพื่ออกจากเมืองดัฟ สายตาคู่คมของเขามองผ่านกระจกหลัง เขาได้เห็นเด็กสาวในชุดเสื้อยีนส์และหมวกแกบใบเก่ายกมือโบกลาเขา เธอวิ่งตามรถเขาพร้อมโบกมือไปมา
“แล้วกลับมานะ”
คฤหาสน์สูงใหญ่ดำทะมึนอยู่บริเวณเชิงเขา กำแพงสูงทอดตัวยาวโอบล้อม บ่งบอกถึงมหาอำนาจและความยิ่งใหญ่ล้นมือในเมืองดัฟ เมื่อความมืดเข้าปกคลุมมันคือสัญญาณการเคลื่อนไหวของพวกมัน
เสียงฝีเท้าจากรองเท้าหนังราคาแพงเดินออกมาจากคฤหาสน์หลังสวยที่ยามนี้แสงจันทร์สาดส่องจากทางด้านหลังส่งให้มันดูดำทะมึนท่ามกลางขุนเขาที่สงบเงียบนั่น
ดวงตาของมันดุจราชสีห์หาเหยื่อ มันมองเหล่าชายฉกรรณ์ที่อาวุธครบมือยืนเรียงรายหน้าลานคฤหาส์กว้าง มันเสยะยิ้มมองลูกน้องที่จงรักภักดี ลูกน้องที่หิวกระหายเงิน มันจะยิ่งผยองทุกครั้งที่ใครต่อใครในเมืองดัฟรู้ว่าพวกมันทำงานรับใช้ใคร
“ฮาร์ดัส มัจุราชตัวร้ายแห่งเมืองดัฟ ชายผู้ที่อยากกลืนกินทุกพื้นที่ของที่นี่ ที่ที่ไม่มีกฎหมายบ้านเมือง ที่ที่ไม่ปรากฏบนแผนที่โลก แต่เขาจะจัดการมันให้อยู่ในอุ้งมือของเขา
ฮาร์ดัสเหยียดยิ้มมุมปาก อาวุธสงครามล็อตใหม่เพิ่งมาถึงเมืองนี้ และแน่นอนว่ามันจะถูกขนออกไปยังแนวตะเข็บชายแดนในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเพื่อแลกกับเงินมหาศาล
“ผมจะเป็นแกนนำในการเคลื่อนย้ายของล็อตนี้เองครับ” โนเอลมือขวาของผู้ทรงอิทธิพลของเมืองดัฟเข้ารายงาน มันรู้สึกคึกคะนองยิ่งนักยามเห็นนายใหญ่ที่มันเคารพเหยียดยิ้ม ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ อันเป็นสัญาญาณได้ว่านายใหญ่พอใจยิ่งนัก
เมืองกอลมาร์ ประเทศฝรั่งเศส
ติ๊ด ติ๊ด เสียงนาฬิกาปลุกในตอนใกล้รุ่ง ร่างสูงใหญ่ของวินเซนขยับเปลือกตาขึ้นมาช้าๆ ในห้องนอนส่วนโตท่ามกลางมหาครใหญ่ หลังจากที่เขากลับมาจากเมืองดัฟ เขาก็จัดการงานธุรกิจที่ค้างคาของเขาที่นำพาให้เขาเหนื่อยล้าไม่น้อย สายตาคู่คมหันไปมองที่นอนที่ว่างเปล่าด้านข้างในเมืองใหญ่แห่งนี้ เขาเหน็บหนาวและเจ็บปวดในใจเริ่มถาโถมอีกครั้ง มันเป็นเช่นนี้มาเกือบสองปีแล้ว
สองปีที่เธอคนนั้นลาจาก
เธอหายไปจากชีวิตเขาอย่างไร้ร่องรอย
ท่อนแขนใหญ่โอบกระชับหมอนใบเก่าของเธอแน่น เพียงแค่ได้กลิ่นหอมที่เธอทิ้งไว้ก่อนจากไปมันก็ช่างสร้างความอบอุ่นใจไม่น้อย
“กลับมาสักทีซิเคท” เขาถอนหายใจกระชับหมอนใบนั้นแน่น เพียงแค่ยังหนึ่งขึ้นว่าเธอยังโอบกอดเขาอยู่ ก่อนเรื่องราวในวันนี้จะสะท้อนเข้ามาอีกครั้งแม้มันจะผ่านมาสองปีแล้วก็ตาม
วันที่เขาได้รับรางวัลนักธุรกิจรุ่นใหม่จากจากความสำเร็จในการบริหารธุรกิจดานอสังหาริมทรัพย์ วันที่เสียงปรบมอดังกึกก้องทั่วหอประชุมใหญ่กลางมหานครแห่งนี้ เขายิ้มให้กับทุกคนที่ส่งเสียงแสดงความยินดีมาให้เขา เขามองหญิงสาวอันเป็นที่รักยิ่ง เธอปรบมือพร้อมส่งสายตามาหาเขาด้วยความยินดีและความรักอันท้วมท้น
ห้าโมงเย็น ณ ร้านอาหารโปรดของเขาและเธอ เขาทั้งคู่นัดหมายเจอกันที่นั่น มือใหญ่จับกระเป๋าเสื้อครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้แน่ใจว่าแหวนเพชรวงนั้นที่เขาเลือกสรรมาหลายต่อหลายรอบเพื่อขอหญิงสาวที่เขารักยิ่งแต่งงาน แต่เธอก็ไม่มาตามนัดหมาย!
เขาพยายามติดต่อเธอหลายต่อหลายครั้ง และนั่งรอที่นั่นจวบจนเที่ยงคืน เขาตามหาเธอทุกที่ในรอบสองปีที่ผ่าน นักสืบทั้งหลายที่เก่งกาจนักเขาได้พึ่งพาหมดแต่ไม่มีใครสามารถให้คำตอบเขาได้สักครั้ง
ร่างสูงเดินมาเปิดม่านหน้าต่าง เขาทอดสายตาไปยังเมืองใหญ่ที่แสนสวยงาม ในบางครั้งเขายังมีอาการคิดถึงเธออย่างหนัก เขาได้ยินเสียงเธอทำกับข้าวในครัว ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอมเธอยามที่เขาใกล้หลับใหล และเวลานี้ก็เช่นกัน เขารู้สึกว่าเธอเดินมาโอบกอดเขาและทอดสายตาไปยังทั่วเมืองใหญ่ที่แสนสวยงามนั่น
“ฉันคิดถึงเธอที่สุดเคท” ตาคู่คมมองไปบนท้องฟ้าที่แสงตะวันของวันใหม่กำลังจะสาดส่อง ครอบครัวของเคทเธอปักใจเชื่อว่าเคทเสียชีวิตแล้ว มีเพียงเขาเท่านั้นที่ยังคงหวังว่าเธอจะกลับมาหาเขาอีกครั้ง
“ให้ฉันช่วยไหม” เสียงของทอมพี่ชายคนสนิทจากเมืองดัฟยังคงวนเวียน เขาไม่อยากจะลงมือค้นหาเคทจากเมืองดัฟเพราะมันเป็นไปไม่ได้สักนิดที่เคทจะหายไปอยู่ที่นั่น
เคทไม่รู้จักเมืองดัฟ
เขาถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะเตรียมไปอาบน้ำเพื่อเข้าบริษัทในรอบเช้า แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นในเวลาเช้ามากเช่นนี้ทำให้เขาแปลกใจไม่น้อย
“ฮัลโหลวินเซน”
“พี่ทอม โทรหาแต่เช้าเลยเชียว”
“แน่นอนน้องรัก ฉันแค่โทรมาถามข่าว เห็นว่าวันก่อนนายได้เบาะแสเรื่องเคทที่
“ว่างเปล่าตามเคยครับพี่”
“อีกแล้วหรือ ถ้าอย่างนั้นก็พยายามต่อไปน้องรัก พี่โทรมาถามข่าวเราแค่นั้นพี่จะเตรียมตัวไปงานศพก่อน เออ วินเซน นายจำเด็กปาแปงนั่นได้ไหม”
“ปาแปง?” วินเซนทวนคำก่อนภาพของเด็กสาวหน้าตามอมแมมจาผุดเข้ามาในความคิด
“ใช่ปาแปงเด็กขายบุหรี่ที่เมืองดัฟ พอดีพี่ชายเธอโดนฆ่าเมื่อเย็นวันเสาร์” คิ้วเข้มชนกันเล็กน้อย เขามองปฏิทินบนโต๊ะทำงานวันนี้วันจันทร์ เขากลับมาจากเมืองดัฟเมื่อวันพฤหัสฯ จัดการเคลียร์งานและไหนจะเรื่องเคทอีก ทำให้เขาลืมเรื่องนั้นไปเลย หัวใจเขาเต้นรัว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับปากเธอว่าจะกลับไปอย่างแน่นอนแต่ทำไมเขากลับเห็นภาพของเด็กสาวที่วิ่งตามรถเขาออกมาพร้อมโบกมือและตะโกนลั่น “แล้วกลับมานะ”
“ปาแปง!”
“ฉันชื่อปาแปง บ้านอยู่แถวนี้แหละ” เธอเห็นเขายืนจังจ้องที่เธอนิ่งจึงไม่รู้จะเอ่ยคำไหนดีเพียงครู่เขากลับกระพริบตาปริบๆ เหมือนจะรู้ตัวว่าจับจ้องแม่สาวน้อยตรงหน้านานเกินไปแล้ว
"ฉันถอดหมวกแล้วนี่ไงให้คำตอบฉันมาซิ" ปาแปงเห็นเขาผุดรอยยิ้มจางๆ ที่มุมปากก่อนจะเดินเข้ามาหาเธอ เธอรู้ว่ารอยยิ้มนั่น มันหมายความว่าอะไรเขาก้มหน้าลงมองเธอ
“ฉันพอจะเข้าใจเหตุผลที่เธอต้องปิดหน้าในเมืองแห่งนี้แล้ว” เขาถอนหายใจก่อนจะยืดตัวและหันหลังให้เธอ
“เหตุผลที่เธอให้ฉันทำคืออะไร ฉันหมายถึงผลประโยขน์ของเธอนะ” เขาหันกลับมามองเธอสวมหมวกแก็บเข้าที่แล้วพร้อมกระชับมันด้วยทีท่าเดิมๆ เขาพิจารณาร่างเล็กตรงหน้าเธอเป็นผู้หญิงผิวขาวไม่ใช่ซีดเผือดแต่ดูมีน้ำมีนวล ผิดแต่ว่าเธอดูค่อนข้างผอมหรืออาจเป็นเพราะเธอสวมเสื้อยืดตัวใหญ่เกินตัว เขาจำได้ว่าเธอสวมแจ็กเก็ตยีนส์และหมวกใบของเมื่อวาน
“เอ่อ คือ ..ฉันชอบดูคุณชก”
“อย่าโกหก” เขาจับจ้องเธอเขม็ง
“เอ่อ.”
“ไม่บอกก็ไม่ต้องบอกปาแปงเพราะยังไงฉันก็ยืนยันคำเดิม ฉันไม่ใช่นักมวย นั่นมันแค่กีฬาที่ฉันชื่นชอบ” เขายิ้มให้เธอก่อนเดินไปเปิดประตูรถยนต์ แต่เหมือนเขานึกบางอย่างออกจึงหันกลับมามองหญิงสาว
“อ่อ เธอสวยนะ”
“...”
“แล้วหมวกนั่นต้องสวมไว้ตลอดเวลาเลยหรือ เมื่อไรกันถึงจะเปิดออกได้ยามเดินที่เมืองดัฟแห่งนี้”
“พี่ปอลบอกว่ายามที่มีคนดูแลฉัน และปกป้องฉันได้” น้ำเสียงเธออ่อนแรงมองชายร่างสูงใบหน้าหล่อเหลา เขาหัวเราะเบาๆ เหมือนเรื่องราวของเธอมันน่าตลกนักก่อนรถยนต์คันสวยจะแล่นออกไปจากโรงแรม
ปาแปงพยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจในคำตอบและนึกเวทนาชะตาชีวิตของตนเอง เธอเดินออกมาด้านหน้าโรงแรมเพื่อนั่งรถโดยสารราคาถูกนั่นเข้าไปตัวเมืองดัฟอีกครั้งเพื่อขายบุหรี่อย่างที่เคยทำมา
วินเซนกลับมาร่ำลาทอมพี่ชายคนสนิทอีกครั้ง ก่อนที่ทอมจะเล่าเรื่องราวของปาแปงที่มาขอพบเขาเพื่อให้ขึ้นชกช่วยเหลือพี่ชาย วินเซนพ่นควันบุหรี่โพยพุ่งก่อนจะหัวเราะเบาๆ
“ฉันอาจจะฟลุคในคืนนั้นพวกเขาคิดอย่างไรกันถึงจะส่งกันไปตายอีกครั้ง”
“เด็กมันคงไม่มีทางออก” ทอมออกความคิด
“ปาแปง เธอชื่อปาแปงอย่างนั้นหรือ พี่รู้จักเธออดีหรือไง” เขาไม่แน่ใจว่าเขาถามคำถามนี้ไปเพื่ออะไรกัน “เด็กสองคนนี้อพยพตามลุงของเขามาทำงานรับจ้างในร้านขายปืน พอพี่ชายมันโตมันก็หารับจ้างทั่วไปก่อนจะมาขายบุหรี่และพาน้องสาวมาขายด้วย แต่ช่วงหลังนี่ด้วยความที่ปอลมันยังเป็นหนุ่มและคึกคะนองมันมันจึงริอาจเข้าแก็งพวกชายขอบเก็บค่าคุ้มครองร้านค้าแถวนั้น คงเห็นเงินแล้วคงขาดสติพวกนั่นเลยอยากจะสั่งสอน”
“เมืองนี้มีใครคุมอย่างนั้นหรือ”
“ไม่เอาพวกแก็งค์เล็กๆ ทั่วไปได้ไหมฉันขี้เกียจนับอย่างเช่นแก็งค์กิ๊กก๊อกอย่างพวกไอ้ปอลแต่มันพาความเดือดร้อนชิบหาย” ทอมจุดบุหรี่ขึ้นสูบ
“แต่ถ้าจะให้พูดถึงผู้มีอิทธิพลตัวจริง ผู้ที่สั่งฆ่าใครก็ได้ในเมืองดัฟแห่งนี้มีเพียงคนเดียว" ทอมหันหน้าจับจ้องวินเซนนิ่ง
“มันชื่อนายใหญ่ฮาร์ดัส”
“ฮาร์ดัส”
“ใช่ อยู่ให้ห่างๆ มันเข้าไว้เป็นดี ปีที่แล้วสั่งฆ่านักมวยของฉันเพราะว่าน็อกนักมวยฝ่ายมัน” ทอมเหยียดยิ้ม แววตาเคร่งเครียด
“มันฆ่าคนเป็นผักปลา คอยดูซิว่าวันเสาร์นี้ที่มีนัดชิงหลายคู่ยังไงมันก็ต้องมาดูมวยมันจะพาลอะไรอีก เสียดายจังนะวินเซน เสาร์นี้มีงานชกงานใหญ่แต่นายไม่ได้อยู่
“ไว้โอกาสต่อไปพี่ทอมสัปดาห์หน้านี้ฉันมีงานหลายอย่าง เอาไว้เจอกันไหมพี่ชาย” วินเซนลุกขึ้นยืนก่อนขอตัวทอมกลับ พลันสายตาก็มองเห็นหญิงสาวตัวเล็กยืนอยู่หน้าร้านค้าแห่งหนึ่งเธอกำลังขายบุหรี่อยู่ที่นั่น แล้วเสียงสะท้อนเรื่องราวในชีวิตเธอที่ฟังมาจากทอมก็ดังกลับไปกลับมาอีกครั้ง
“ปาแปง” ไม่รู้อะไรทำให้เขาต้องเดินมาหาเธออีกครั้ง เขาเห็นหญิงสาวหันหน้ามามองเขาเพียงครู่ก่อนหันกลับไปชะเง้อคอมองหาเหล่าลูกค้า
“เธอก็บอกปอลให้หยุดเล่นการพนันซะ”
“เรื่องนั้นฉันทราบค่ะ แต่ปัญหาเฉพาะหน้าก็คือเรื่องวันเสาร์นี้” เธอเดินหนีห่างจากเขา เขามองคนตัวเล็กที่ดูเหน็ดเหนื่อยนักก่อนเขาจะนิ่งคิดบางอย่างและเดินเข้ามา
“ถ้าฉันไม่ติดงาน ฉันจะกลับมาให้ทันวันเสาร์นี้” หญิงสาวชะงักมือที่กำลังจับซองบุหรี่ เธอหันมามองเขาก่อนจะยิ้มแป้น
“จริงๆ นะ” เธออยากให้เขารับคำ
“ถ้าฉันไม่ติดงาน” เขาหรี่ตามองเธอก่อนจะยิ้มมุมปาก เห็นหญิงสาวดีอกดีใจจนออกนอกหน้า
ร่างสูงเหยียบคันเร่งเพื่ออกจากเมืองดัฟ สายตาคู่คมของเขามองผ่านกระจกหลัง เขาได้เห็นเด็กสาวในชุดเสื้อยีนส์และหมวกแกบใบเก่ายกมือโบกลาเขา เธอวิ่งตามรถเขาพร้อมโบกมือไปมา
“แล้วกลับมานะ”
คฤหาสน์สูงใหญ่ดำทะมึนอยู่บริเวณเชิงเขา กำแพงสูงทอดตัวยาวโอบล้อม บ่งบอกถึงมหาอำนาจและความยิ่งใหญ่ล้นมือในเมืองดัฟ เมื่อความมืดเข้าปกคลุมมันคือสัญญาณการเคลื่อนไหวของพวกมัน
เสียงฝีเท้าจากรองเท้าหนังราคาแพงเดินออกมาจากคฤหาสน์หลังสวยที่ยามนี้แสงจันทร์สาดส่องจากทางด้านหลังส่งให้มันดูดำทะมึนท่ามกลางขุนเขาที่สงบเงียบนั่น
ดวงตาของมันดุจราชสีห์หาเหยื่อ มันมองเหล่าชายฉกรรณ์ที่อาวุธครบมือยืนเรียงรายหน้าลานคฤหาส์กว้าง มันเสยะยิ้มมองลูกน้องที่จงรักภักดี ลูกน้องที่หิวกระหายเงิน มันจะยิ่งผยองทุกครั้งที่ใครต่อใครในเมืองดัฟรู้ว่าพวกมันทำงานรับใช้ใคร
“ฮาร์ดัส มัจุราชตัวร้ายแห่งเมืองดัฟ ชายผู้ที่อยากกลืนกินทุกพื้นที่ของที่นี่ ที่ที่ไม่มีกฎหมายบ้านเมือง ที่ที่ไม่ปรากฏบนแผนที่โลก แต่เขาจะจัดการมันให้อยู่ในอุ้งมือของเขา
ฮาร์ดัสเหยียดยิ้มมุมปาก อาวุธสงครามล็อตใหม่เพิ่งมาถึงเมืองนี้ และแน่นอนว่ามันจะถูกขนออกไปยังแนวตะเข็บชายแดนในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเพื่อแลกกับเงินมหาศาล
“ผมจะเป็นแกนนำในการเคลื่อนย้ายของล็อตนี้เองครับ” โนเอลมือขวาของผู้ทรงอิทธิพลของเมืองดัฟเข้ารายงาน มันรู้สึกคึกคะนองยิ่งนักยามเห็นนายใหญ่ที่มันเคารพเหยียดยิ้ม ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ อันเป็นสัญาญาณได้ว่านายใหญ่พอใจยิ่งนัก
เมืองกอลมาร์ ประเทศฝรั่งเศส
ติ๊ด ติ๊ด เสียงนาฬิกาปลุกในตอนใกล้รุ่ง ร่างสูงใหญ่ของวินเซนขยับเปลือกตาขึ้นมาช้าๆ ในห้องนอนส่วนโตท่ามกลางมหาครใหญ่ หลังจากที่เขากลับมาจากเมืองดัฟ เขาก็จัดการงานธุรกิจที่ค้างคาของเขาที่นำพาให้เขาเหนื่อยล้าไม่น้อย สายตาคู่คมหันไปมองที่นอนที่ว่างเปล่าด้านข้างในเมืองใหญ่แห่งนี้ เขาเหน็บหนาวและเจ็บปวดในใจเริ่มถาโถมอีกครั้ง มันเป็นเช่นนี้มาเกือบสองปีแล้ว
สองปีที่เธอคนนั้นลาจาก
เธอหายไปจากชีวิตเขาอย่างไร้ร่องรอย
ท่อนแขนใหญ่โอบกระชับหมอนใบเก่าของเธอแน่น เพียงแค่ได้กลิ่นหอมที่เธอทิ้งไว้ก่อนจากไปมันก็ช่างสร้างความอบอุ่นใจไม่น้อย
“กลับมาสักทีซิเคท” เขาถอนหายใจกระชับหมอนใบนั้นแน่น เพียงแค่ยังหนึ่งขึ้นว่าเธอยังโอบกอดเขาอยู่ ก่อนเรื่องราวในวันนี้จะสะท้อนเข้ามาอีกครั้งแม้มันจะผ่านมาสองปีแล้วก็ตาม
วันที่เขาได้รับรางวัลนักธุรกิจรุ่นใหม่จากจากความสำเร็จในการบริหารธุรกิจดานอสังหาริมทรัพย์ วันที่เสียงปรบมอดังกึกก้องทั่วหอประชุมใหญ่กลางมหานครแห่งนี้ เขายิ้มให้กับทุกคนที่ส่งเสียงแสดงความยินดีมาให้เขา เขามองหญิงสาวอันเป็นที่รักยิ่ง เธอปรบมือพร้อมส่งสายตามาหาเขาด้วยความยินดีและความรักอันท้วมท้น
ห้าโมงเย็น ณ ร้านอาหารโปรดของเขาและเธอ เขาทั้งคู่นัดหมายเจอกันที่นั่น มือใหญ่จับกระเป๋าเสื้อครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้แน่ใจว่าแหวนเพชรวงนั้นที่เขาเลือกสรรมาหลายต่อหลายรอบเพื่อขอหญิงสาวที่เขารักยิ่งแต่งงาน แต่เธอก็ไม่มาตามนัดหมาย!
เขาพยายามติดต่อเธอหลายต่อหลายครั้ง และนั่งรอที่นั่นจวบจนเที่ยงคืน เขาตามหาเธอทุกที่ในรอบสองปีที่ผ่าน นักสืบทั้งหลายที่เก่งกาจนักเขาได้พึ่งพาหมดแต่ไม่มีใครสามารถให้คำตอบเขาได้สักครั้ง
ร่างสูงเดินมาเปิดม่านหน้าต่าง เขาทอดสายตาไปยังเมืองใหญ่ที่แสนสวยงาม ในบางครั้งเขายังมีอาการคิดถึงเธออย่างหนัก เขาได้ยินเสียงเธอทำกับข้าวในครัว ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอมเธอยามที่เขาใกล้หลับใหล และเวลานี้ก็เช่นกัน เขารู้สึกว่าเธอเดินมาโอบกอดเขาและทอดสายตาไปยังทั่วเมืองใหญ่ที่แสนสวยงามนั่น
“ฉันคิดถึงเธอที่สุดเคท” ตาคู่คมมองไปบนท้องฟ้าที่แสงตะวันของวันใหม่กำลังจะสาดส่อง ครอบครัวของเคทเธอปักใจเชื่อว่าเคทเสียชีวิตแล้ว มีเพียงเขาเท่านั้นที่ยังคงหวังว่าเธอจะกลับมาหาเขาอีกครั้ง
“ให้ฉันช่วยไหม” เสียงของทอมพี่ชายคนสนิทจากเมืองดัฟยังคงวนเวียน เขาไม่อยากจะลงมือค้นหาเคทจากเมืองดัฟเพราะมันเป็นไปไม่ได้สักนิดที่เคทจะหายไปอยู่ที่นั่น
เคทไม่รู้จักเมืองดัฟ
เขาถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะเตรียมไปอาบน้ำเพื่อเข้าบริษัทในรอบเช้า แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นในเวลาเช้ามากเช่นนี้ทำให้เขาแปลกใจไม่น้อย
“ฮัลโหลวินเซน”
“พี่ทอม โทรหาแต่เช้าเลยเชียว”
“แน่นอนน้องรัก ฉันแค่โทรมาถามข่าว เห็นว่าวันก่อนนายได้เบาะแสเรื่องเคทที่
“ว่างเปล่าตามเคยครับพี่”
“อีกแล้วหรือ ถ้าอย่างนั้นก็พยายามต่อไปน้องรัก พี่โทรมาถามข่าวเราแค่นั้นพี่จะเตรียมตัวไปงานศพก่อน เออ วินเซน นายจำเด็กปาแปงนั่นได้ไหม”
“ปาแปง?” วินเซนทวนคำก่อนภาพของเด็กสาวหน้าตามอมแมมจาผุดเข้ามาในความคิด
“ใช่ปาแปงเด็กขายบุหรี่ที่เมืองดัฟ พอดีพี่ชายเธอโดนฆ่าเมื่อเย็นวันเสาร์” คิ้วเข้มชนกันเล็กน้อย เขามองปฏิทินบนโต๊ะทำงานวันนี้วันจันทร์ เขากลับมาจากเมืองดัฟเมื่อวันพฤหัสฯ จัดการเคลียร์งานและไหนจะเรื่องเคทอีก ทำให้เขาลืมเรื่องนั้นไปเลย หัวใจเขาเต้นรัว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับปากเธอว่าจะกลับไปอย่างแน่นอนแต่ทำไมเขากลับเห็นภาพของเด็กสาวที่วิ่งตามรถเขาออกมาพร้อมโบกมือและตะโกนลั่น “แล้วกลับมานะ”
“ปาแปง!”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ