ฟีลิกซ์ เอ็ดไมน์ตัน กับอสูรแห่งจันทรคราส
8.2
เขียนโดย Etmineton
วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 23.15 น.
3 บท
0 วิจารณ์
5,225 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 23.53 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) เรื่องประหลาดของคนประหลาด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “แตร๊ง!.....แตร๊ง!.....”
เสียงของนาฬิกาเรือนยักษ์กังวานไปทั่วโรงเรียน เพื่อบอกให้รู้ว่าขณะนี้เป็นเวลาแปดนาฬิกาแล้ว
เสียงของมันค่อยๆดังเป็นรัศมีวงกว้างกระจายออกไปเรื่อยๆ จนเมื่อมันถึงหูของอาจาย์คุมสอบ เธอก็ลุกขึ้นพร้อมกับแจกกระดาษที่อยู่ในมือให้นักเรียนคนละแผ่นทันที
ฟีลิกซ์ เอ็ดไมน์ตันเป็นหนึ่งในนักเรียนที่กำลังนั่งสอบในห้องนั้นด้วย เขาทำข้อสอบทันทีที่ได้รับกระดาษ ฟีลิกซ์ทำข้อสอบด้วยความรวดเร็วราวกับไม่ได้คิดเลย โจทย์หนึ่งข้อเขาใช้เวลาทำไม่ถึงสิบวินาทีด้วยซ้ำ แม้จะยากแค่ไหน
เมื่อเวลาผ่านไปสิบห้านาที มือของฟีลิกซ์ก็ชูขึ้นกลางอากาศพร้อมกับกระดาษที่อยู่ในมือ
“ผมทำเสร็จแล้วครับ” เขาบอกเสียงดังฟังชัด นักเรียนคนอื่นๆที่ยังทำได้เพียงไม่กี่ข้อต่างหันศีรษะมาทางเขาทีละคน บางคนยังไม่ได้เริ่มกรอกข้อมูลลงในกระดาษคำตอบเลยด้วยซ้ำ อาจารย์คุมสอบมองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือของเธอแล้วเงยหน้าขึ้นมา
“ระยะเวลาการทำข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์มีหนึ่งชั่วโมงนะจ๊ะ ไม่ใช่สิบนาที” เธอบอก หน้าตาเฉยๆ แต่ท่าทางเธอก็ดูพออกพอใจอยู่ไม่น้อย “เธอก็หาอะไรทำไปก่อนสิจ๊ะฟีลิกซ์ ครูมั่นใจว่าเธอคงจะทำได้คะแนนดีอย่างก่อนหน้านี้แน่นอน
“น่าแปลกนะ...เธอใช้เวลาทำข้อสอบเร็วมากแต่ก็ทำคะแนนได้ดีพอๆกับเวลาเลย” อาจารย์ตั้งข้อสังเกต ที่จริงก็เป็นอย่างที่เธอพูดนั่นแหละ ฟีลิกซ์เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ทำข้อสอบ เขาใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็สามารถทำมันเสร็จได้ภายในพริบตา แถมคะแนนที่ออกมานั้นก็ยังดีกว่าคนอื่นๆอีกด้วย เด็กหลายคนอิจฉาเขาและตั้งข้อกล่าวหาว่าฟีลิกซ์ต้องโกงข้อสอบด้วยวิธีอะไรสักอย่างที่อาจารย์ไม่รู้ และเด็กหลายคนเลือกที่จะเชื่อแบบนั้น เช่นยัยป๊อปปี้เด็กผมสีส้มพองฟูที่อยู่ห้องเดียวกับเขา เธอมักจะชวนคนอื่นๆให้พากันกั่นแกล้งฟีลิกซ์อยู่เสมอ กลุ่มแก๊งค์ของเธอต่อต้านเขาราวกับติดเชื้อโรคร้ายแรงและแกล้งด่าออกมาลอยๆทุกครั้งที่เขาเดินผ่าน แต่ถึงอย่างงั้นฟีลิกซ์ก็ไม่ค่อยจะรู้ตัวเท่าไหร่ เขาคิดว่าป๊อปปี้กับเพื่อนๆคงจะเป็นพวกมีปัญหาทางจิตที่ชอบพูดขึ้นมาลอยๆคนเดียวและนึกสงสารบ้างในบางที บ่อยครั้งอยู่เหมือนกันที่ฟีลิกซ์แนะนำโรงพยาบาลจิตเวชให้พวกป๊อปปี้ซึ่งยิ่งทำให้เธอโกรธและเกลียดฟีลิกซ์มากขึ้นเป็นเท่าตัว
ยังไงก็แล้วแต่ ไม่ได้มีแค่เพียงพวกเธอเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่ต่อต้านฟีลิกซ์และไม่อยากให้เขาเข้าใกล้ นักเรียนเกือบทั้งโรงเรียนต่างก็มองว่าฟีลิกซ์เป็น ‘ตัวประหลาด’ แค่เพียงเพราะเขามีสีผมที่แปลกประหลาด (ผมของฟีลิกซ์เป็นสีน้ำเงินเข้ม มีไฮไลท์ตัดเป็นรูปคล้ายสายฟ้าสีเหลืองตรงกลางหัว) หรือไม่ก็คงเพราะฟีลิกซ์มีลูกตาสองสีที่ไม่เหมือนกัน
ดวงตาข้างซ้ายของฟีลิกซ์นั้นเป็นสีฟ้าใสเหมือนกับน้ำทะเล มันดูธรรมดาและสดใส ในขณะที่ดวงตาข้างขวาของเขาเป็นสีแดงสดเหมือนเลือดที่มองแล้วชวนให้รู้สึกหดหู่ใจอยู่ไม่น้อย คนส่วนใหญ่ไม่กล้ามองลูกตาข้างนี้ของเขาเวลาสนทนาด้วยเพราะหวาดกลัว แต่ฟีลิกซ์ไม่คิดงั้น...ดวงตาข้างซ้ายของเขาค่อนข้างจะมีประโยชน์มากทีเดียวสำหรับการเตือนภัยในแต่ละวัน --- ทุกๆครั้งที่กำลังจะเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นมันจะเปล่งแสงออกมาอย่างน่ากลัว ซึ่งฟีลิกซ์ก็รอดจากอันตรายหลายครั้งมาได้เพราะลูกตาข้างนี้ด้วย
ครั้งหนึ่งตอนที่ฟีลิกซ์กำลังจะเดินเข้าห้องเรียน เขามองผ่านกระจกแล้วเห็นเงาสะท้อนของลูกตาตัวเองกำลังเรืองแสงสีแดงอ่อนๆอยู่พอดีจึงหยุดเดินแล้วมองไปรอบๆ ถึงแม้จะดูเหมือนไม่มีอันตรายเลยก็ตามที่บริเวณทางเดิน เพราะตรงนั้นเป็นเป็นทางโล่ง ไม่มีใครเดินอยู่เลย... ไม่มีอะไรแปลกๆแถวๆนั้นนอกจากเพื่อนในห้องที่ดูเหมือนจะจ้องมองเขาผ่านกระจกอย่างให้ความสนใจแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน แถมบางคนยังยิ้มให้ บางคนก็กวักมือเรียกให้เขาเดินเข้ามา และเมื่อเขากำลังจะก้าวเข้าไปในห้อง ยัยป๊อปปี้ก็เบียดตัวเข้ามาแทรกได้ทันเวลาพอดี เธอเปิดประตูเข้าไปในห้อง แต่เมื่อประตูถูกผลักไปข้างหน้าปุ๊ป ถังที่ใส่น้ำจนเต็มที่ก่อนหน้านี้อยู่บนบานประตูก็ร่วงลงมาแล้วเปียกท่วมหัวของป๊อปปี้ ฟีลิกซ์จำได้แม่นเลยว่าตอนนั้นเธอปรี๊ดแตกเสียจนสบถคำหยาบคายออกมาเป็นชุด และบังเอิญอาจารย์ก็กำลังเดินขึ้นมาพอดี เธอถูกเรียกไปคุยที่ห้อง และหลังจากนั้นเด็กคนอื่นที่ก่อนหน้านี้มองฟีลิกซ์ด้วยความสนใจกลับทำสีหน้าผิดหวังราวกับพลาดโอกาสทองครั้งใหญ่
หรืออาจจะเป็นครั้งนั้นที่หน้าโรงเรียน ดวงตาสีแดงช่วยชีวิตเขาไว้จริงๆ --- ฟีลิกซ์กำลังรอรถของพ่อแม่ขับมารับอยู่ตรงฟุตบาทตอนเย็น เขาเห็นเงาสะท้อนสีแดงของลูกตาเขาจากเสาข้างถนนที่ส่องประกายแวบๆ ฟีลิกซ์ก็มองไปรอบๆอีกครั้งเพื่อจะดูว่ามีอันตรายใกล้ๆตัวรึเปล่า แต่มันไม่มีอะไรเลย เขาเกาหัวแล้วเบี่ยงตัวไปทางซ้ายสองสามก้าว (ขอร้อง อย่าเล่นมุกว่าสองสามหก) --- ฟีลิกซ์เฉียดไปแค่นิดเดียวเท่านั้น... วิลเลอร์ เด็กหัวหมอที่อยู่ห้องสองแกล้งวิ่งมาทำท่าจะผลักเขา แต่พลาดเป้าเพราะฟีลิกซ์ขยับตัวไปเมื่อกี้ วิลเลอร์ล้มหน้าคะมำไปอยู่กลางถนนและมันเป็นตอนที่รถเก๋งคันสีขาวกำลังวิ่งมาพอดี จากนั้น........
วิลเลอร์โดนรถชนเข้าอย่างจัง โชคดีที่ยังไม่ตาย เขาต้องไปนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลเป็นเดือนๆกว่าจะกลับมาเรียนได้ เขาฟ้องกับอาจารย์เพื่อที่จะโยนความผิดให้กับฟีลิกซ์ว่า
“ตอนนั้นผมจะผลักเขาลงถนน แต่เขาดันขยับตัวผมเลยต้องล้มไปที่ถนนแล้วโดนรถชนแทน.... มันเป็นความผิดของเขานะครับ ถ้าเขาไม่เคลื่อนที่ผมก็คงไม่ต้องไปนอนใส่เฝือกเต็มตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหรอก”
ซึ่งแน่นอน เขาโดนอาจารย์ด่าซ้ำแถมยังโดนหักคะแนนความประพฤติด้วย ฟีลิกซ์พยายามจะปลอบใจเขาหลังจากที่ออกมาจากห้องปกครอง
“เหอะน่า ไม่เป็นไรหรอก...อย่างน้อยนายก็ยังไม่ตายนะ ถึงแม้ฉันคิดว่าการที่นายตายจะทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้นก็เถอะ ---” เขาบอกอย่างใจดี วิลเลอร์ลุกขึ้นแล้วกัดฟันด้วยความไม่พอใจ เขาด่าฟีลิกซ์แรงๆทีหนึ่งก่อนจะเดินหนีไปที่อื่น “ฉันพูดอะไรผิดล่ะ” ฟีลิกซ์เกาหัว
และเหตุการณ์พวกนี้แหละที่เป็นสิ่งที่ทำให้สองคนนี้ยิ่งเกลียดฟีลิกซ์แบบดีด้วยไม่ลง วิลเลอร์กับป๊อปปี้มักจะเป็นหัวโจกที่นำคนอื่นๆมาแกล้งเขา และสุดท้ายก็จบลงที่ห้องปกครองทุกครั้ง
¦
เวลาในห้องสอบผ่านไปสามชั่วโมง นักเรียนทุกคนถูกปล่อยมาทานข้าว ฟีลิกซ์ไม่กินอะไรเลยนอกจากแซนด์วิชที่เตรียมมาเองจากบ้าน เขานั่งอยู่โต๊ะเดียวกับแคทเธอรีน เธอกำลังเล่าเรื่องการทำข้อสอบของเธอให้เขาฟังอย่างละเอียดและทำน้ำเสียงให้เหมือนกับว่ามันเป็นการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นมากแค่ไหน
ถึงแม้จะไม่ค่อยมีใครอยากคุยกับฟีลิกซ์ แต่เขาก็ยังรู้สึกดีที่มีแคทเธอรีนอยู่เคียงข้างตลอด แคทเธอรีนเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่เขามีอยู่ เธอเป็นเด็กหญิงผมสีน้ำตาลและชอบทำผมส่วนบนให้เหมือนหูแมวและมัดส่วนท้ายๆให้เหมือนหาง แคทเธอรีนชอบทำตัวแปลกๆ เธอก็เป็นคนนิสัยคล้ายๆฟีลิกซ์ แต่ว่าค่อนข้างที่จะสติเฟื่องและร่าเริงกว่าเขาอยู่เล็กน้อย เธอเป็นคนเดียวที่ทำให้ฟีลิกซ์หัวเราะและยิ้มได้ อย่างเช่นตอนนี้...
แคทเธอรีนกำลังเล่าถึงการทำข้อสอบวิชาภาษาฝรั่งเศสของเธอให้เขาฟังอย่างออกรสออกชาติ ฟีลิกซ์นั่งฟังอยู่อย่างตั้งใจราวกับว่าเป็นเรื่องการผจญภัยอันยิ่งใหญ่ของเธอ
“ทีนี้นะ ตอนที่ถึงข้อที่ยี่สิบหก มันเป็นโจทย์คำถามที่ฉันลังเลมากเลยนะ ต้องใช้เวลาคิดครู่หนึ่งกว่าฉันจะรู้ว่าคำตอบคืออะไร” แคทเธอรีนเล่าพลางทำท่าทางประกอบ “ฉันรู้เลยว่าคำตอบคือข้อบี ฉันก็ค่อยๆวงไปที่ช้อยส์ช้าๆล่ะ... เธอรู้มั้ยมันเป็นวงกลมที่สวยมากเลยนะ ฉันไม่เคยวาดวงกลมได้สวยเท่านั้นมาก่อน ฉันตื่นเต้นมากเลยล่ะว่าอาจารย์จะให้คะแนนฉันเพิ่มมั้ยเพราะวงกลมสวย แต่ฉันดีใจได้แค่แปปเดียวเท่านั้นแหละ ฉันเพิ่งสังเกตว่าฉันตอบผิด ฉันดันไปวงที่ข้อดีเข้าแทนที่จะเป็นข้อบี!”
ถึงตรงนี้เธอทำหน้าผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็คงเล่าต่อไปเรื่อยๆ
ป๊อปปี้นั่งอยู่ทางโต๊ะด้านหลังของแคทเธอรีน ฟีลิกซ์มองเห็นเธอกำลังเลียนแบบท่าทางแคทเธอรีนอยู่ แต่เป็นการเลียนแบบท่าทางที่ทำให้แคทเธอรีนดูงี่เง่า ป๊อปปี้ทำตาเหล่และแลบลิ้น ทำปากพะงาบๆเอียงหัวไปมา สะบัดมือเหมือนคนบ้าขาดสติ (ซึ่งที่จริงไม่ต้องทำก็เหมือนอยู่แล้ว)
ฟีลิกซ์ฉุนเล็กน้อย เขากินแซนด์วิชหมดแล้วและกำลังจะออกไปทิ้งขยะ
“ขอตัวแปปหนึ่งนะแคทเธอรีน เดี๋ยวฉันมา” ฟีลิกซ์บอก สายตายังมองป๊อปปี้ไม่เลิก เธอยังคงทำท่าทางเพี้ยนๆต่อไป ฟีลิกซ์เดินไปที่ประตูแล้วสะดุดล้มกับอะไรอย่างหนึ่งเข้า
วิลเลอร์ขัดขาเขา --- ฟีลิกซ์ล้มลงหัวกระแทกประตูกระจกบานใหญ่ของโรงอาหารแรงมากจนประตูเปิดออก จากนั้นมันก็เด้งกลับเข้ามาและก็แทกหัวฟีลิกซ์อีกครั้งอย่างจัง
ฟีลิกซ์เจ็บแปล๊บที่หัว เขากุมมันไว้พลางลุกขึ้นแล้วกระทืบเท้าออกมาจากโรงอาหารด้วยความเจ็บปนๆโกรธ
“ทีหลังเดินมองทางด้วยล่ะ เอ็ดไมน์ตัน” เขาได้ยินเสียงวิลเลอร์ตะโกนตามหลังมาแว่วๆและคนในโรงอาหารก็หัวเราะกันยกใหญ่ราวกับเพิ่งดูโชว์ตลกที่ฮาที่สุดไป
“แย่จริง” ฟีลิกซ์พูดอย่างมีโมโหขณะที่กำลังเดิน เขาใช้มืออีกข้างปัดเสื้อคลุมที่เปรอะฝุ่นพลางเดินตรงไปยังสวนหย่อม ที่นั่นคงจะสงบกว่านี้
เมื่อเดินมาถึงสวน ฟีลิกซ์ก็นั่งเก้าอี้ไม้ที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด น้ำพุไหลรินทอประกายแสงแดด ลมเย็นๆพัดมาจากด้านหลังและทำใบไม้พลิ้วไหว เสียงนกแถวนั้นร้องเป็นระยะๆ บรรยากาศตรงนี้น่านอนไม่น้อย --- ฟีลิกซ์เคลิ้มไปพักหนึ่งก่อนจะสะดุ้งตัวขึ้นเพราะได้ยินคนเรียก
"ไงฮับ” เสียงเล็กๆเสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆกับฟีลิกซ์ เขามองไปรอบๆเพื่อหาต้นตอของเสียง แต่ว่าตรงนั้นไม่มีใครอยู่เลยสักคน.... มีเพียงแค่ความว่างเปล่ากับสายลมที่พัดพาใบไม้ปลิวเสียงดักแกรกๆเท่านั้น
“นายชื่อฟีลิกซ์ใช่มั้ย” เสียงนั้นดังขึ้นอีก ฟีลิกซ์เริ่มหวาดระแวงและขนแขนเริ่มลุก (มันต้องไม่ใช่ผีสิน่า เขาให้กำลังใจตัวเอง)
“ฉันอยู่ข้างล่างนี่” มันดังขึ้นอีก ฟีลิกซ์ชั่งใจพักหนึ่งว่าจะชะโงกหัวไปดูด้านล่างดีมั้ย ก่อนจะค่อยๆก้มหัวลงไปดูที่เท้า เขาหลับตาเอาไว้แล้วค่อยๆลืมตาขึ้นเพื่อดูว่ามีอะไรอยู่รึเปล่า
“ไงฮับ” เจ้าของเสียงพูดขึ้น ลูกสุนัขตัวเล็กพันธุ์ลาบาดอลขนสีเหลืองนั่งอยู่ตรงปลายเท้าเขา มันจ้องมองฟีลิกซ์และกระดิกหางดิ๊กๆ
“ฉันชื่ออัตตัน เป็นแอมิทอกส์มาจากเมืองสวอนเลตส์” หมาน้อยพูด “นายคงเป็นฟีลิกซ์สินะ”
“อือ...” เขาตอบ พลางจ้องมองอัตตันอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง --- นี่เขากำลังคุยกับหมาอยู่เหรอ “นายเป็นหมาพูดได้งั้นหรอ?...”
“ก็ไม่เชิง” มันบอก “ฉันเป็นแอมิทอกส์ ฉันมาวันนี้เพื่อจะเอาของมาให้นาย”
มันก้มหัวลงไปคาบอะไรสักอย่างขึ้นมา...มันเป็นของที่ดูแวววาว เป็นประกาย และดูล้ำค่า อัตตันคาบกระดูกสีทองขนาดเท่านิ้วก้อยอันหนึ่งขึ้นมา....มันไม่ใช่กระดูกจริงๆ แต่ดูเหมือนเป็นทองชิ้นเล็กๆมากกว่า
“นี่อะไร?” ฟีลิกซ์ถาม พลางรับของชิ้นนั้นขึ้นมาดูอย่างเบามือ
“กุญแจของฉัน อย่าทำหายล่ะ” อัตตันบอก “ที่จริงเก็บมันไว้ในกระเป๋าก็ดีนะ มันจะได้ไม่เที่ยวออกไปไหนตอน ---”
“แตร๊ง...แตร๊ง...แตร๊ง...”
เสียงนาฬิกาเรือนยักษ์ของโรงเรียนดังขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว ฟีลิกซ์ต้องรีบกลับขึ้นไปที่ห้องสอบ
“ต้องไปแล้ว เดี๋ยว ---”
ฟีลิกซ์กำลังจะพูด แต่อยู่ๆอัตตันก็กระโดดขึ้นมารัดแขนฟีลิกซ์ไว้
“--- อัตตัน ปล่อยนะ ---”
“--- ไม่ ลุกได้แล้ว ---”
“--- ก็ปล่อยฉันก่อนสิ ---“
“--- ตื่นได้แล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวไม่สอบไม่ทันนะ! ---”
ฟีลิกซ์ค่อยๆลืมตาขึ้น เขาไม่ได้อยู่ที่สวนแล้ว ตอนนี้เขาตอนอยู่ที่ที่ไหนสักแห่ง ผู้หญิงคนหนึ่งจับแขนเขาไว้ ฟีลิกซ์มองไม่ชัดว่าเธอเป็นใคร เมื่อภาพค่อยๆกระจ่างขึ้น เขาจึงรู้ว่าเธอคือแคทเธอรีนนั่นเอง
“ไปได้แล้วฟีลิกซ์ เราช้าหนึ่งนาทีแล้วนะ” แคทเธอรีนเขย่าแขนของเขา ฟีลิกซ์เริ่มรู้สึกเจ็บแปล๊บที่ศีรษะอีกครั้ง เขาค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้น ที่นี่เป็นห้องพยาบาลและเขาก็นอนอยู่บนเตียงคนป่วย
“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ไง” ฟีลิกซ์ถาม เขาหยิบเจลเย็นข้างๆเตียงมาประคบหน้าผากตรงที่รู้สึกเจ็บเพื่อให้มันบรรเทาลง
“เธอหมดสติอยู่ที่โรงอาหารตอนโดนประตูกระแทกหัวน่ะ” แคทเธอรีนบอก “ฉันเลยแบกเธอขึ้นมาที่นี่ รู้มั้ย...ตัวเธอเบามากเลยนะ
“มิสพร็อพเพิ่งจะรักษาแผลให้เธอเมื่อกี้ เขาบอกว่าให้ติดปลาสเตอร์ด้วยหลังเธอตื่น” แคทเธอรีนหยิบยื่นซองสี่เหลี่ยมผืนผ้าซองเล็กๆให้ ข้างในนั้นคงจะเป็นปลาสเตอร์ ฟีลิกซ์เอาเจลออกจากหัว เขาแกะซองปลาสเตอร์และเอาไปแปะตรงหัวที่ปูด
“ทีนี้ไปสอบได้แล้ว เราเหรดมาสิบนาทีแล้วนะ ลุกขึ้นเร็ว!”
ฟีลิกซ์ก้าวเท้าลงจากเตียง เขาเห็นมิสพร็อพกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมชุดเครื่องมือปฐมพยาบาลอยู่ตรงมุมห้อง เขาหาวออกมาแล้วขยี้ตาให้หายงัวเงีย
“โอ้ย!” ฟีลิกซ์ร้อง ของอย่างหนึ่งจิ้มตาเขา ฟีลิกซ์มองดูว่ามันคืออะไร เขาแทบนิ่งไปเลยเมื่อเห็นของชิ้นนั้น....
กระดูกสีทองชิ้นเล็กที่เจ้าหมานั่นให้เขาในความฝันมาอยู่ในมือของเขา ฟีลิกซ์จ้องมองมันด้วยความประหลาดใจราวกับเห็นสัตว์พูดได้อีกตัว แคทเธอรีนหันมาหาเขาเมื่อสังเกตว่าเขาหยุดเดิน
“เป็นอะไรรึเปล่าฟีลิกซ์” เธอถาม สายตาจ้องมองอย่างสงสัย “เธอดูเครียดๆนะ”
“ป..เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” ฟีลิกซ์พูดปด “เรากลับไปที่ห้องเรียนกันเถอะ เดี๋ยวอาจารย์จะว่าเอา”
ทั้งสองมุ่งหน้ากกลับไปยังห้องสอบ แน่นอนว่าตอนที่พวกเขามาถึงก็โดนอาจารย์บ่นเล็กน้อย ฟีลิกซ์ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีสมาธิในการทำข้อสอบช่วงบ่ายเท่าไหร่เมื่อต้องคิดว่ากระดูกชิ้นนั้นมาอยู่ในมือเขาได้อย่างไร... แคทเธอรีนจะแอบใส่เอาไว้ตอนเขาหลับรึเปล่านะ --- เขาคิดเรื่องนี้ตลอดเวลาหลังจากนั้น จนทำให้ทำข้อสอบวิชาวิทยาศาสตร์ช้ามาก (หนึ่งชั่วโมงยี่สิบนาที) และดูเหมือนอาจารย์ก็จับสังเกตได้เหมือนกันว่าฟีลิกซ์มีท่าทีแปลกไปจากช่วงเช้า ตอนสอบเสร็จเธอพยายามจะถามเขาว่าเป็นอะไรหรือเปล่า แต่ฟีลิกซ์ก็ตอบแบบเดียวกันกับที่ตอบกับแคทเธอรีนไปว่า
“ไม่เป็นอะไรครับ ผมโอเค”
ฟีลิกซ์มายืนรอรถอยู่ที่หน้าโรงเรียน อีกไม่กี่นาทีนี้พ่อแม่ของเขาก็คงจะขับรถมาถึง เขายืนพิงเสาไฟจราจรแล้วหยิบกระดูกออกมาดูอย่างละเอียด เขาแน่ใจว่ามันเป็นอันเดียวกับที่เห็นในฝันแน่ๆ ถึงแคทเธอรีนจะแกล้งเขาโดยการอันมาใส่ในมือแต่ถึงยังไงเธอก็เข้าฝันเขาไม่ได้หรอก --- นึกถึงปุ๊บก็มาปั๊บ แคทเธอรีนตะโกนเรียกฟีลิกซ์ในขณะที่กำลังวิ่งออกมาจากโรงเรียนอย่างกระเสือกกระสน
“ฟีลิกซ์!...” เธอตะโกนลั่น โชคดีตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่หน้าโรงเรียนแล้ว ไม่งั้นทุกคนก็คงจะพากันจ้องมองฟีลิกซ์ด้วยสายตาเหยียดหยามกันแน่ๆ
“ฉันอ...เอา (แฮกๆ) นี่..มา ห...ให้เธอ” แคทเธอรีนวิ่งมาถึงแล้วเอามือยันเข่า ก้มหน้าเล็กน้อยแล้วหอบด้วยความเหนื่อย เห็นได้ชัดว่าเธอมีเรื่องสำคัญจริงๆ แคทเธอรีนยื่นกระดาษใบหนึ่งให้ฟีลิกซ์ มันยับยู่ยี่ อีกทั้งข้างในยังเป็นลายมือที่เขียนเละจนเกือบจะอ่านไม่ออก
“ฉันเจอมันใต้โต๊ะ...(แฮก)....มัน มีชื่อ(แฮก) เธอติด ย...อยู่” เธอบอก
ฟีลิกซ์รับมันมาแล้วอ่านข้อความนั้น มันเขียนไว้ด้วยลายมือห่วยๆ ฟีลิกซ์ต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองวินาทีถึงจะแกะว่าคำๆนั้นเขียนว่าอะไรบ้าง
ถึง ฟ.เอ็ดไมน์ตัน
พรุ่งนี้มาเจอฉันที่ร้านหนังสือตรงหัวมุมถนนแม็ลลิเนียมที่เมืองสวอนเลตส์ด้วย ฉันจะรออยู่หน้าร้านนะ
อัตตัน
เสียงของนาฬิกาเรือนยักษ์กังวานไปทั่วโรงเรียน เพื่อบอกให้รู้ว่าขณะนี้เป็นเวลาแปดนาฬิกาแล้ว
เสียงของมันค่อยๆดังเป็นรัศมีวงกว้างกระจายออกไปเรื่อยๆ จนเมื่อมันถึงหูของอาจาย์คุมสอบ เธอก็ลุกขึ้นพร้อมกับแจกกระดาษที่อยู่ในมือให้นักเรียนคนละแผ่นทันที
ฟีลิกซ์ เอ็ดไมน์ตันเป็นหนึ่งในนักเรียนที่กำลังนั่งสอบในห้องนั้นด้วย เขาทำข้อสอบทันทีที่ได้รับกระดาษ ฟีลิกซ์ทำข้อสอบด้วยความรวดเร็วราวกับไม่ได้คิดเลย โจทย์หนึ่งข้อเขาใช้เวลาทำไม่ถึงสิบวินาทีด้วยซ้ำ แม้จะยากแค่ไหน
เมื่อเวลาผ่านไปสิบห้านาที มือของฟีลิกซ์ก็ชูขึ้นกลางอากาศพร้อมกับกระดาษที่อยู่ในมือ
“ผมทำเสร็จแล้วครับ” เขาบอกเสียงดังฟังชัด นักเรียนคนอื่นๆที่ยังทำได้เพียงไม่กี่ข้อต่างหันศีรษะมาทางเขาทีละคน บางคนยังไม่ได้เริ่มกรอกข้อมูลลงในกระดาษคำตอบเลยด้วยซ้ำ อาจารย์คุมสอบมองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือของเธอแล้วเงยหน้าขึ้นมา
“ระยะเวลาการทำข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์มีหนึ่งชั่วโมงนะจ๊ะ ไม่ใช่สิบนาที” เธอบอก หน้าตาเฉยๆ แต่ท่าทางเธอก็ดูพออกพอใจอยู่ไม่น้อย “เธอก็หาอะไรทำไปก่อนสิจ๊ะฟีลิกซ์ ครูมั่นใจว่าเธอคงจะทำได้คะแนนดีอย่างก่อนหน้านี้แน่นอน
“น่าแปลกนะ...เธอใช้เวลาทำข้อสอบเร็วมากแต่ก็ทำคะแนนได้ดีพอๆกับเวลาเลย” อาจารย์ตั้งข้อสังเกต ที่จริงก็เป็นอย่างที่เธอพูดนั่นแหละ ฟีลิกซ์เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ทำข้อสอบ เขาใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็สามารถทำมันเสร็จได้ภายในพริบตา แถมคะแนนที่ออกมานั้นก็ยังดีกว่าคนอื่นๆอีกด้วย เด็กหลายคนอิจฉาเขาและตั้งข้อกล่าวหาว่าฟีลิกซ์ต้องโกงข้อสอบด้วยวิธีอะไรสักอย่างที่อาจารย์ไม่รู้ และเด็กหลายคนเลือกที่จะเชื่อแบบนั้น เช่นยัยป๊อปปี้เด็กผมสีส้มพองฟูที่อยู่ห้องเดียวกับเขา เธอมักจะชวนคนอื่นๆให้พากันกั่นแกล้งฟีลิกซ์อยู่เสมอ กลุ่มแก๊งค์ของเธอต่อต้านเขาราวกับติดเชื้อโรคร้ายแรงและแกล้งด่าออกมาลอยๆทุกครั้งที่เขาเดินผ่าน แต่ถึงอย่างงั้นฟีลิกซ์ก็ไม่ค่อยจะรู้ตัวเท่าไหร่ เขาคิดว่าป๊อปปี้กับเพื่อนๆคงจะเป็นพวกมีปัญหาทางจิตที่ชอบพูดขึ้นมาลอยๆคนเดียวและนึกสงสารบ้างในบางที บ่อยครั้งอยู่เหมือนกันที่ฟีลิกซ์แนะนำโรงพยาบาลจิตเวชให้พวกป๊อปปี้ซึ่งยิ่งทำให้เธอโกรธและเกลียดฟีลิกซ์มากขึ้นเป็นเท่าตัว
ยังไงก็แล้วแต่ ไม่ได้มีแค่เพียงพวกเธอเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่ต่อต้านฟีลิกซ์และไม่อยากให้เขาเข้าใกล้ นักเรียนเกือบทั้งโรงเรียนต่างก็มองว่าฟีลิกซ์เป็น ‘ตัวประหลาด’ แค่เพียงเพราะเขามีสีผมที่แปลกประหลาด (ผมของฟีลิกซ์เป็นสีน้ำเงินเข้ม มีไฮไลท์ตัดเป็นรูปคล้ายสายฟ้าสีเหลืองตรงกลางหัว) หรือไม่ก็คงเพราะฟีลิกซ์มีลูกตาสองสีที่ไม่เหมือนกัน
ดวงตาข้างซ้ายของฟีลิกซ์นั้นเป็นสีฟ้าใสเหมือนกับน้ำทะเล มันดูธรรมดาและสดใส ในขณะที่ดวงตาข้างขวาของเขาเป็นสีแดงสดเหมือนเลือดที่มองแล้วชวนให้รู้สึกหดหู่ใจอยู่ไม่น้อย คนส่วนใหญ่ไม่กล้ามองลูกตาข้างนี้ของเขาเวลาสนทนาด้วยเพราะหวาดกลัว แต่ฟีลิกซ์ไม่คิดงั้น...ดวงตาข้างซ้ายของเขาค่อนข้างจะมีประโยชน์มากทีเดียวสำหรับการเตือนภัยในแต่ละวัน --- ทุกๆครั้งที่กำลังจะเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นมันจะเปล่งแสงออกมาอย่างน่ากลัว ซึ่งฟีลิกซ์ก็รอดจากอันตรายหลายครั้งมาได้เพราะลูกตาข้างนี้ด้วย
ครั้งหนึ่งตอนที่ฟีลิกซ์กำลังจะเดินเข้าห้องเรียน เขามองผ่านกระจกแล้วเห็นเงาสะท้อนของลูกตาตัวเองกำลังเรืองแสงสีแดงอ่อนๆอยู่พอดีจึงหยุดเดินแล้วมองไปรอบๆ ถึงแม้จะดูเหมือนไม่มีอันตรายเลยก็ตามที่บริเวณทางเดิน เพราะตรงนั้นเป็นเป็นทางโล่ง ไม่มีใครเดินอยู่เลย... ไม่มีอะไรแปลกๆแถวๆนั้นนอกจากเพื่อนในห้องที่ดูเหมือนจะจ้องมองเขาผ่านกระจกอย่างให้ความสนใจแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน แถมบางคนยังยิ้มให้ บางคนก็กวักมือเรียกให้เขาเดินเข้ามา และเมื่อเขากำลังจะก้าวเข้าไปในห้อง ยัยป๊อปปี้ก็เบียดตัวเข้ามาแทรกได้ทันเวลาพอดี เธอเปิดประตูเข้าไปในห้อง แต่เมื่อประตูถูกผลักไปข้างหน้าปุ๊ป ถังที่ใส่น้ำจนเต็มที่ก่อนหน้านี้อยู่บนบานประตูก็ร่วงลงมาแล้วเปียกท่วมหัวของป๊อปปี้ ฟีลิกซ์จำได้แม่นเลยว่าตอนนั้นเธอปรี๊ดแตกเสียจนสบถคำหยาบคายออกมาเป็นชุด และบังเอิญอาจารย์ก็กำลังเดินขึ้นมาพอดี เธอถูกเรียกไปคุยที่ห้อง และหลังจากนั้นเด็กคนอื่นที่ก่อนหน้านี้มองฟีลิกซ์ด้วยความสนใจกลับทำสีหน้าผิดหวังราวกับพลาดโอกาสทองครั้งใหญ่
หรืออาจจะเป็นครั้งนั้นที่หน้าโรงเรียน ดวงตาสีแดงช่วยชีวิตเขาไว้จริงๆ --- ฟีลิกซ์กำลังรอรถของพ่อแม่ขับมารับอยู่ตรงฟุตบาทตอนเย็น เขาเห็นเงาสะท้อนสีแดงของลูกตาเขาจากเสาข้างถนนที่ส่องประกายแวบๆ ฟีลิกซ์ก็มองไปรอบๆอีกครั้งเพื่อจะดูว่ามีอันตรายใกล้ๆตัวรึเปล่า แต่มันไม่มีอะไรเลย เขาเกาหัวแล้วเบี่ยงตัวไปทางซ้ายสองสามก้าว (ขอร้อง อย่าเล่นมุกว่าสองสามหก) --- ฟีลิกซ์เฉียดไปแค่นิดเดียวเท่านั้น... วิลเลอร์ เด็กหัวหมอที่อยู่ห้องสองแกล้งวิ่งมาทำท่าจะผลักเขา แต่พลาดเป้าเพราะฟีลิกซ์ขยับตัวไปเมื่อกี้ วิลเลอร์ล้มหน้าคะมำไปอยู่กลางถนนและมันเป็นตอนที่รถเก๋งคันสีขาวกำลังวิ่งมาพอดี จากนั้น........
วิลเลอร์โดนรถชนเข้าอย่างจัง โชคดีที่ยังไม่ตาย เขาต้องไปนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลเป็นเดือนๆกว่าจะกลับมาเรียนได้ เขาฟ้องกับอาจารย์เพื่อที่จะโยนความผิดให้กับฟีลิกซ์ว่า
“ตอนนั้นผมจะผลักเขาลงถนน แต่เขาดันขยับตัวผมเลยต้องล้มไปที่ถนนแล้วโดนรถชนแทน.... มันเป็นความผิดของเขานะครับ ถ้าเขาไม่เคลื่อนที่ผมก็คงไม่ต้องไปนอนใส่เฝือกเต็มตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหรอก”
ซึ่งแน่นอน เขาโดนอาจารย์ด่าซ้ำแถมยังโดนหักคะแนนความประพฤติด้วย ฟีลิกซ์พยายามจะปลอบใจเขาหลังจากที่ออกมาจากห้องปกครอง
“เหอะน่า ไม่เป็นไรหรอก...อย่างน้อยนายก็ยังไม่ตายนะ ถึงแม้ฉันคิดว่าการที่นายตายจะทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้นก็เถอะ ---” เขาบอกอย่างใจดี วิลเลอร์ลุกขึ้นแล้วกัดฟันด้วยความไม่พอใจ เขาด่าฟีลิกซ์แรงๆทีหนึ่งก่อนจะเดินหนีไปที่อื่น “ฉันพูดอะไรผิดล่ะ” ฟีลิกซ์เกาหัว
และเหตุการณ์พวกนี้แหละที่เป็นสิ่งที่ทำให้สองคนนี้ยิ่งเกลียดฟีลิกซ์แบบดีด้วยไม่ลง วิลเลอร์กับป๊อปปี้มักจะเป็นหัวโจกที่นำคนอื่นๆมาแกล้งเขา และสุดท้ายก็จบลงที่ห้องปกครองทุกครั้ง
¦
เวลาในห้องสอบผ่านไปสามชั่วโมง นักเรียนทุกคนถูกปล่อยมาทานข้าว ฟีลิกซ์ไม่กินอะไรเลยนอกจากแซนด์วิชที่เตรียมมาเองจากบ้าน เขานั่งอยู่โต๊ะเดียวกับแคทเธอรีน เธอกำลังเล่าเรื่องการทำข้อสอบของเธอให้เขาฟังอย่างละเอียดและทำน้ำเสียงให้เหมือนกับว่ามันเป็นการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นมากแค่ไหน
ถึงแม้จะไม่ค่อยมีใครอยากคุยกับฟีลิกซ์ แต่เขาก็ยังรู้สึกดีที่มีแคทเธอรีนอยู่เคียงข้างตลอด แคทเธอรีนเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่เขามีอยู่ เธอเป็นเด็กหญิงผมสีน้ำตาลและชอบทำผมส่วนบนให้เหมือนหูแมวและมัดส่วนท้ายๆให้เหมือนหาง แคทเธอรีนชอบทำตัวแปลกๆ เธอก็เป็นคนนิสัยคล้ายๆฟีลิกซ์ แต่ว่าค่อนข้างที่จะสติเฟื่องและร่าเริงกว่าเขาอยู่เล็กน้อย เธอเป็นคนเดียวที่ทำให้ฟีลิกซ์หัวเราะและยิ้มได้ อย่างเช่นตอนนี้...
แคทเธอรีนกำลังเล่าถึงการทำข้อสอบวิชาภาษาฝรั่งเศสของเธอให้เขาฟังอย่างออกรสออกชาติ ฟีลิกซ์นั่งฟังอยู่อย่างตั้งใจราวกับว่าเป็นเรื่องการผจญภัยอันยิ่งใหญ่ของเธอ
“ทีนี้นะ ตอนที่ถึงข้อที่ยี่สิบหก มันเป็นโจทย์คำถามที่ฉันลังเลมากเลยนะ ต้องใช้เวลาคิดครู่หนึ่งกว่าฉันจะรู้ว่าคำตอบคืออะไร” แคทเธอรีนเล่าพลางทำท่าทางประกอบ “ฉันรู้เลยว่าคำตอบคือข้อบี ฉันก็ค่อยๆวงไปที่ช้อยส์ช้าๆล่ะ... เธอรู้มั้ยมันเป็นวงกลมที่สวยมากเลยนะ ฉันไม่เคยวาดวงกลมได้สวยเท่านั้นมาก่อน ฉันตื่นเต้นมากเลยล่ะว่าอาจารย์จะให้คะแนนฉันเพิ่มมั้ยเพราะวงกลมสวย แต่ฉันดีใจได้แค่แปปเดียวเท่านั้นแหละ ฉันเพิ่งสังเกตว่าฉันตอบผิด ฉันดันไปวงที่ข้อดีเข้าแทนที่จะเป็นข้อบี!”
ถึงตรงนี้เธอทำหน้าผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็คงเล่าต่อไปเรื่อยๆ
ป๊อปปี้นั่งอยู่ทางโต๊ะด้านหลังของแคทเธอรีน ฟีลิกซ์มองเห็นเธอกำลังเลียนแบบท่าทางแคทเธอรีนอยู่ แต่เป็นการเลียนแบบท่าทางที่ทำให้แคทเธอรีนดูงี่เง่า ป๊อปปี้ทำตาเหล่และแลบลิ้น ทำปากพะงาบๆเอียงหัวไปมา สะบัดมือเหมือนคนบ้าขาดสติ (ซึ่งที่จริงไม่ต้องทำก็เหมือนอยู่แล้ว)
ฟีลิกซ์ฉุนเล็กน้อย เขากินแซนด์วิชหมดแล้วและกำลังจะออกไปทิ้งขยะ
“ขอตัวแปปหนึ่งนะแคทเธอรีน เดี๋ยวฉันมา” ฟีลิกซ์บอก สายตายังมองป๊อปปี้ไม่เลิก เธอยังคงทำท่าทางเพี้ยนๆต่อไป ฟีลิกซ์เดินไปที่ประตูแล้วสะดุดล้มกับอะไรอย่างหนึ่งเข้า
วิลเลอร์ขัดขาเขา --- ฟีลิกซ์ล้มลงหัวกระแทกประตูกระจกบานใหญ่ของโรงอาหารแรงมากจนประตูเปิดออก จากนั้นมันก็เด้งกลับเข้ามาและก็แทกหัวฟีลิกซ์อีกครั้งอย่างจัง
ฟีลิกซ์เจ็บแปล๊บที่หัว เขากุมมันไว้พลางลุกขึ้นแล้วกระทืบเท้าออกมาจากโรงอาหารด้วยความเจ็บปนๆโกรธ
“ทีหลังเดินมองทางด้วยล่ะ เอ็ดไมน์ตัน” เขาได้ยินเสียงวิลเลอร์ตะโกนตามหลังมาแว่วๆและคนในโรงอาหารก็หัวเราะกันยกใหญ่ราวกับเพิ่งดูโชว์ตลกที่ฮาที่สุดไป
“แย่จริง” ฟีลิกซ์พูดอย่างมีโมโหขณะที่กำลังเดิน เขาใช้มืออีกข้างปัดเสื้อคลุมที่เปรอะฝุ่นพลางเดินตรงไปยังสวนหย่อม ที่นั่นคงจะสงบกว่านี้
เมื่อเดินมาถึงสวน ฟีลิกซ์ก็นั่งเก้าอี้ไม้ที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด น้ำพุไหลรินทอประกายแสงแดด ลมเย็นๆพัดมาจากด้านหลังและทำใบไม้พลิ้วไหว เสียงนกแถวนั้นร้องเป็นระยะๆ บรรยากาศตรงนี้น่านอนไม่น้อย --- ฟีลิกซ์เคลิ้มไปพักหนึ่งก่อนจะสะดุ้งตัวขึ้นเพราะได้ยินคนเรียก
"ไงฮับ” เสียงเล็กๆเสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆกับฟีลิกซ์ เขามองไปรอบๆเพื่อหาต้นตอของเสียง แต่ว่าตรงนั้นไม่มีใครอยู่เลยสักคน.... มีเพียงแค่ความว่างเปล่ากับสายลมที่พัดพาใบไม้ปลิวเสียงดักแกรกๆเท่านั้น
“นายชื่อฟีลิกซ์ใช่มั้ย” เสียงนั้นดังขึ้นอีก ฟีลิกซ์เริ่มหวาดระแวงและขนแขนเริ่มลุก (มันต้องไม่ใช่ผีสิน่า เขาให้กำลังใจตัวเอง)
“ฉันอยู่ข้างล่างนี่” มันดังขึ้นอีก ฟีลิกซ์ชั่งใจพักหนึ่งว่าจะชะโงกหัวไปดูด้านล่างดีมั้ย ก่อนจะค่อยๆก้มหัวลงไปดูที่เท้า เขาหลับตาเอาไว้แล้วค่อยๆลืมตาขึ้นเพื่อดูว่ามีอะไรอยู่รึเปล่า
“ไงฮับ” เจ้าของเสียงพูดขึ้น ลูกสุนัขตัวเล็กพันธุ์ลาบาดอลขนสีเหลืองนั่งอยู่ตรงปลายเท้าเขา มันจ้องมองฟีลิกซ์และกระดิกหางดิ๊กๆ
“ฉันชื่ออัตตัน เป็นแอมิทอกส์มาจากเมืองสวอนเลตส์” หมาน้อยพูด “นายคงเป็นฟีลิกซ์สินะ”
“อือ...” เขาตอบ พลางจ้องมองอัตตันอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง --- นี่เขากำลังคุยกับหมาอยู่เหรอ “นายเป็นหมาพูดได้งั้นหรอ?...”
“ก็ไม่เชิง” มันบอก “ฉันเป็นแอมิทอกส์ ฉันมาวันนี้เพื่อจะเอาของมาให้นาย”
มันก้มหัวลงไปคาบอะไรสักอย่างขึ้นมา...มันเป็นของที่ดูแวววาว เป็นประกาย และดูล้ำค่า อัตตันคาบกระดูกสีทองขนาดเท่านิ้วก้อยอันหนึ่งขึ้นมา....มันไม่ใช่กระดูกจริงๆ แต่ดูเหมือนเป็นทองชิ้นเล็กๆมากกว่า
“นี่อะไร?” ฟีลิกซ์ถาม พลางรับของชิ้นนั้นขึ้นมาดูอย่างเบามือ
“กุญแจของฉัน อย่าทำหายล่ะ” อัตตันบอก “ที่จริงเก็บมันไว้ในกระเป๋าก็ดีนะ มันจะได้ไม่เที่ยวออกไปไหนตอน ---”
“แตร๊ง...แตร๊ง...แตร๊ง...”
เสียงนาฬิกาเรือนยักษ์ของโรงเรียนดังขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว ฟีลิกซ์ต้องรีบกลับขึ้นไปที่ห้องสอบ
“ต้องไปแล้ว เดี๋ยว ---”
ฟีลิกซ์กำลังจะพูด แต่อยู่ๆอัตตันก็กระโดดขึ้นมารัดแขนฟีลิกซ์ไว้
“--- อัตตัน ปล่อยนะ ---”
“--- ไม่ ลุกได้แล้ว ---”
“--- ก็ปล่อยฉันก่อนสิ ---“
“--- ตื่นได้แล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวไม่สอบไม่ทันนะ! ---”
ฟีลิกซ์ค่อยๆลืมตาขึ้น เขาไม่ได้อยู่ที่สวนแล้ว ตอนนี้เขาตอนอยู่ที่ที่ไหนสักแห่ง ผู้หญิงคนหนึ่งจับแขนเขาไว้ ฟีลิกซ์มองไม่ชัดว่าเธอเป็นใคร เมื่อภาพค่อยๆกระจ่างขึ้น เขาจึงรู้ว่าเธอคือแคทเธอรีนนั่นเอง
“ไปได้แล้วฟีลิกซ์ เราช้าหนึ่งนาทีแล้วนะ” แคทเธอรีนเขย่าแขนของเขา ฟีลิกซ์เริ่มรู้สึกเจ็บแปล๊บที่ศีรษะอีกครั้ง เขาค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้น ที่นี่เป็นห้องพยาบาลและเขาก็นอนอยู่บนเตียงคนป่วย
“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ไง” ฟีลิกซ์ถาม เขาหยิบเจลเย็นข้างๆเตียงมาประคบหน้าผากตรงที่รู้สึกเจ็บเพื่อให้มันบรรเทาลง
“เธอหมดสติอยู่ที่โรงอาหารตอนโดนประตูกระแทกหัวน่ะ” แคทเธอรีนบอก “ฉันเลยแบกเธอขึ้นมาที่นี่ รู้มั้ย...ตัวเธอเบามากเลยนะ
“มิสพร็อพเพิ่งจะรักษาแผลให้เธอเมื่อกี้ เขาบอกว่าให้ติดปลาสเตอร์ด้วยหลังเธอตื่น” แคทเธอรีนหยิบยื่นซองสี่เหลี่ยมผืนผ้าซองเล็กๆให้ ข้างในนั้นคงจะเป็นปลาสเตอร์ ฟีลิกซ์เอาเจลออกจากหัว เขาแกะซองปลาสเตอร์และเอาไปแปะตรงหัวที่ปูด
“ทีนี้ไปสอบได้แล้ว เราเหรดมาสิบนาทีแล้วนะ ลุกขึ้นเร็ว!”
ฟีลิกซ์ก้าวเท้าลงจากเตียง เขาเห็นมิสพร็อพกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมชุดเครื่องมือปฐมพยาบาลอยู่ตรงมุมห้อง เขาหาวออกมาแล้วขยี้ตาให้หายงัวเงีย
“โอ้ย!” ฟีลิกซ์ร้อง ของอย่างหนึ่งจิ้มตาเขา ฟีลิกซ์มองดูว่ามันคืออะไร เขาแทบนิ่งไปเลยเมื่อเห็นของชิ้นนั้น....
กระดูกสีทองชิ้นเล็กที่เจ้าหมานั่นให้เขาในความฝันมาอยู่ในมือของเขา ฟีลิกซ์จ้องมองมันด้วยความประหลาดใจราวกับเห็นสัตว์พูดได้อีกตัว แคทเธอรีนหันมาหาเขาเมื่อสังเกตว่าเขาหยุดเดิน
“เป็นอะไรรึเปล่าฟีลิกซ์” เธอถาม สายตาจ้องมองอย่างสงสัย “เธอดูเครียดๆนะ”
“ป..เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” ฟีลิกซ์พูดปด “เรากลับไปที่ห้องเรียนกันเถอะ เดี๋ยวอาจารย์จะว่าเอา”
ทั้งสองมุ่งหน้ากกลับไปยังห้องสอบ แน่นอนว่าตอนที่พวกเขามาถึงก็โดนอาจารย์บ่นเล็กน้อย ฟีลิกซ์ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีสมาธิในการทำข้อสอบช่วงบ่ายเท่าไหร่เมื่อต้องคิดว่ากระดูกชิ้นนั้นมาอยู่ในมือเขาได้อย่างไร... แคทเธอรีนจะแอบใส่เอาไว้ตอนเขาหลับรึเปล่านะ --- เขาคิดเรื่องนี้ตลอดเวลาหลังจากนั้น จนทำให้ทำข้อสอบวิชาวิทยาศาสตร์ช้ามาก (หนึ่งชั่วโมงยี่สิบนาที) และดูเหมือนอาจารย์ก็จับสังเกตได้เหมือนกันว่าฟีลิกซ์มีท่าทีแปลกไปจากช่วงเช้า ตอนสอบเสร็จเธอพยายามจะถามเขาว่าเป็นอะไรหรือเปล่า แต่ฟีลิกซ์ก็ตอบแบบเดียวกันกับที่ตอบกับแคทเธอรีนไปว่า
“ไม่เป็นอะไรครับ ผมโอเค”
ฟีลิกซ์มายืนรอรถอยู่ที่หน้าโรงเรียน อีกไม่กี่นาทีนี้พ่อแม่ของเขาก็คงจะขับรถมาถึง เขายืนพิงเสาไฟจราจรแล้วหยิบกระดูกออกมาดูอย่างละเอียด เขาแน่ใจว่ามันเป็นอันเดียวกับที่เห็นในฝันแน่ๆ ถึงแคทเธอรีนจะแกล้งเขาโดยการอันมาใส่ในมือแต่ถึงยังไงเธอก็เข้าฝันเขาไม่ได้หรอก --- นึกถึงปุ๊บก็มาปั๊บ แคทเธอรีนตะโกนเรียกฟีลิกซ์ในขณะที่กำลังวิ่งออกมาจากโรงเรียนอย่างกระเสือกกระสน
“ฟีลิกซ์!...” เธอตะโกนลั่น โชคดีตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่หน้าโรงเรียนแล้ว ไม่งั้นทุกคนก็คงจะพากันจ้องมองฟีลิกซ์ด้วยสายตาเหยียดหยามกันแน่ๆ
“ฉันอ...เอา (แฮกๆ) นี่..มา ห...ให้เธอ” แคทเธอรีนวิ่งมาถึงแล้วเอามือยันเข่า ก้มหน้าเล็กน้อยแล้วหอบด้วยความเหนื่อย เห็นได้ชัดว่าเธอมีเรื่องสำคัญจริงๆ แคทเธอรีนยื่นกระดาษใบหนึ่งให้ฟีลิกซ์ มันยับยู่ยี่ อีกทั้งข้างในยังเป็นลายมือที่เขียนเละจนเกือบจะอ่านไม่ออก
“ฉันเจอมันใต้โต๊ะ...(แฮก)....มัน มีชื่อ(แฮก) เธอติด ย...อยู่” เธอบอก
ฟีลิกซ์รับมันมาแล้วอ่านข้อความนั้น มันเขียนไว้ด้วยลายมือห่วยๆ ฟีลิกซ์ต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองวินาทีถึงจะแกะว่าคำๆนั้นเขียนว่าอะไรบ้าง
ถึง ฟ.เอ็ดไมน์ตัน
พรุ่งนี้มาเจอฉันที่ร้านหนังสือตรงหัวมุมถนนแม็ลลิเนียมที่เมืองสวอนเลตส์ด้วย ฉันจะรออยู่หน้าร้านนะ
อัตตัน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ