Stony รักไม่ยาก
เขียนโดย WAFFLE_W
วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 11.05 น.
แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2562 23.36 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) ดอกฟ้ากับหมาบ้า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“พามาเลี้ยงในห้างซะด้วย หรูหราอนาคอนด้ามาก” มานะเอ่ยขึ้นเมื่อเด็กหนุ่มพาเขาเดินเลี้ยวเข้ามาในห้างสรรพสินค้าใหญ่
“ความจริงผมนัดอามาด้วยนะ” เขาบอกเมื่อยืนอยู่บนบันไดเลื่อน
“อ้าว” มานะทำหน้าหมดอารมณ์ทันที “ฉันไม่ชอบอยู่กับผู้ใหญ่ด้วยสิ กลับดีกว่า”
สินบดีจับแขนเขาไว้ “เดี๋ยวสิพี่ อาผมยังสาวอยู่เลย ใจดีด้วยนะ”
“สาวเหรอ?” เขาทวนถาม กลับใจกะทันหัน “อยู่ก็ได้”
“นั่นไง ตรงนั้น” เด็กหนุ่มกวาดตามองไปทั่วร้านไอศกรีมแล้วชี้ไปที่โต๊ะด้านในตัวหนึ่งซึ่งมีหญิงสาวนางหนึ่งนั่งไขว่ห้างกอดอกรออยู่ก่อนแล้ว เขาเข้าไปทักทายเธอ “หวัดดีครับอาไดมอนด์”
“ท่านประธาน” มานะว่าน้ำเสียงตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นหน้าอาของสินบดีเต็มตา เธอเก็บรอยยิ้มที่ส่งให้หลานชายลงพลัน
“นาย...” เพชรงามทำหน้านิ่งแกมงุนงง เธอจำได้ว่าเขาคือพนักงานมารยาททรามที่บริษัทแต่จำชื่อเขาไม่ได้แล้ว ก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรนี่ที่ต้องไปจำชื่อคนส่งของ
“รู้จักกันเหรอครับ” คิ้วบางขมวดขึ้น สองหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้ข้างกัน
“ฉันทำงานที่เฟรนซีน่ะ” เมื่อเพชรงามไม่ตอบมานะจึงบอกเอง เขายิ้มกวนๆ ให้เธอ ช่างบังเอิญเสียนี่กระไร แมสเซ็นเจอร์ได้มานั่งกินไอศกรีมโต๊ะเดียวกับท่านประธาน ชาติที่แล้วเขาทำบุญด้วยอะไรกันชาตินี้เลยมีบุญวาสนาใหญ่หลวงนัก
“สินทำไมพาหมอนี่มาด้วย” ถามหลานชายตรงๆ เธอไม่ชอบให้คนนอกอยู่ด้วย นอกจากคนในครอบครัวเธอก็ไม่อยากยุ่งกับใครทั้งนั้นแหละ
“พอดีมีเรื่องนิดหน่อยครับ คือ...”
เพชรงามหันไปมองเด็กหนุ่มตาดุก่อนจะหรี่ลง เอื้อมมือไปจับคางพลิกดูที่มุมปากอีกด้านหนึ่ง “ไปโดนอะไรมา” เธอหันไปถามมานะเสียงกร้าว “นายทำอะไรหลานฉัน”
“พี่โม่ไม่ได้ทำครับ ผมหกล้มเอง” รีบออกตัวปกป้องฮีโร่ของเขา เพชรงามปล่อยมือออกแล้ว เด็กหนุ่มจึงดึงทิชชู่จากในกล่องมาเช็ดเลือดที่กรังอยู่มุมปาก หลบตาอาสาวเพราะไม่อยากให้เธอบอกพ่อของเขา ถ้าพ่อรู้เรื่องคงไม่จบง่ายๆ
“หกล้มบ้าอะไร มองปราดเดียวก็รู้ว่าโดนต่อย” มองอย่างคาดคั้นด้วยความเป็นห่วง “ว่าไง”
“เอ่อ คือ... ห้ามบอกพ่อนะ” สินบดีพูดตะกุกตะกัก หญิงสาวพยักหน้า “พอดีโดนรุมอ่ะ แล้วพี่โม่ก็เข้ามาช่วยพอดี ดูสิครับแก้มพี่เขาช้ำเขียวเลย”
มานะทำแก้มป่องเอียงให้หญิงสาวดูรอยช้ำอย่างเรียกร้องความสนใจ ความจริงก็อยากแก้ไขคำพูดของสินบดีที่ว่าเขาเข้าไปช่วยอยู่หรอก ความจริงคือมันลากเขาให้เข้าไปช่วยมากกว่า แต่ปล่อยไว้แบบนี้ก็ดีเหมือนกันจะได้แลดูเป็นคนดีศรีสังคมขึ้นมาหน่อย หญิงสาวมองด้วยสายตาที่ทำให้เขาชาวาบขึ้นมาก่อนที่เธอจะเมินใส่
“แล้วเราไปทำอะไรถึงโดนรุมได้ล่ะ” เพชรงามถามขึ้นมาอีกครั้งหลังจากสั่งเมนูไอศกรีมกันเสร็จเรียบร้อย
“ผมไม่ผิดเลยนะ” เกริ่นนำบอกไว้ก่อน “ผมก็พูดเรื่องฟุตบอลกับเพื่อนอยู่ดีๆ ไอ้พวกนั้นมันคงเชียร์ฝ่ายตรงข้าม แล้วเมื่อคืนทีมมันแพ้แบบกากมากเลยครับ มันคงไม่พอใจที่ทีมผมเก่งกว่ามันก็เลยเข้ามาหาเรื่อง โด่เอ๊ย”
“ทีหลังจะพูดอะไรก็ระวังหน่อยสิ พลั้งปากเสียศีลพลั้งตีนตกต้นไม้เข้าใจไหม” เธอกล่าวเตือนสั่งสอน
“นี่อาหรือยายวะ?” มานะก้มลงไปกระซิบกระซาบกับสินบดี สำนวนคำพูดโบราณจริง
“นายว่าอะไรนะ”
“เปล่าครับท่านประธาน”
ไอศกรีมที่ตกแต่งในถ้วยสวยถูกนำมาวางเสิร์ฟบนโต๊ะให้ลูกค้าทั้งสาม
“เรียนเป็นไงบ้างล่ะเรา” เพชรงามตักไอศกรีมช็อกโกแลตของโปรดเข้าปาก
“เรื่อยๆ ครับ ผมยังเด็กอยู่ ยังไม่อยากจริงจังกับมันมากนัก ตอนนี้อยากโฟกัสเรื่องเกมก่อนครับ” สินบดีตอบราวกับมีไมโครโฟนมาเรียงกองตรงหน้า
“ทำดีแล้ว ทำต่อไปไอ้น้อง” มานะหัวเราะชอบใจกับคำตอบของเด็กหนุ่มพลางส่งเสริมเต็มที่ ตรงข้ามกับหญิงสาวที่ส่งค้อนมาให้สองหนุ่มคนละขวับ
“อยู่ม.5 แล้วนะ คิดถึงอนาคตได้แล้ว”
“คิดไปก็เครียดครับอา ขอลั้ลลาแบบนี้ดีกว่า”
“เห็นด้วยไอ้น้อง”
“แต่พ่อแม่ลำบากหาเงินส่งเราเรียนนะไม่ใช่เรียนฟรี ทุ่มเทกับการเรียนบ้างเหอะ อย่าทำตัวขี้หมูราขี้หมาแห้งไปวันๆ”
“เรียนไปผมก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี สมองผมมันไม่ได้สร้างมาเพื่อใส่วิชาการลงไป”
“อะไรที่ไม่ใช่ก็อย่าไปฝืนไอ้น้อง...”
“นี่ นาย!” เพชรงามหันไปตวาดใส่มานะด้วยใบหน้านิ่งขรึม เขาสะดุ้งนิดๆ ก่อนจะตักไอศกรีมก่อนโตเข้าปาก “ช่วยหุบปาก แล้วเลิกส่งเสริมให้หลานฉันเสียผู้เสียคนได้ไหม”
“ผมก็แค่คิดว่าการเรียนมันไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิตเสียหน่อยนี่ครับ อนาคตเองก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเรียนเท่านั้น คนที่เรียนมาน้อยบางคนประสบความสำเร็จมากกว่าคนที่เรียนสูงๆ ก็มีครับ” มานะชี้แจงอย่างใจเย็น
“มันก็แค่บางคน” เธอแย้ง
“บางคนในนั้นอาจนั่งอยู่ตรงนี้ก็ได้ครับ” มานะไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาหมายถึงสินบดีหรือตัวเอง แม้จะเรียนมาน้อยเขาก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองด้อยกว่าใคร อย่างน้อยก็ยังมีคนที่เรียนมาน้อยกว่าเขาเป็นใหญ่เป็นโตกันได้เลย
“ผมเห็นด้วยกับศิษย์พี่โม่ครับ” สินบดีมองมานะอย่างชื่นชม และเมื่อเห็นว่าเพชรงามกำลังจะอ้าปากเถียงจึงเปลี่ยนเรื่องคุยทันที “เจ้าเพื่อนหมีพูห์สองตัวนั่นเป็นไงบ้างครับอา ไม่ได้แวะไปแกล้งนานเลย”
เพชรงามถอนหายใจออกมา สีหน้าผ่อนคลายลง อาจด้วยรสชาติของไอศกรีมที่เย็นชื่นรื่นละมุนและเรื่องที่หลานชายเอ่ยถามที่ทำให้เธอยิ้มออกมาบางเบา “สินรู้ไหมเมื่อวานเจ้าสองตัวนั่นเอาตุ๊กแกปลอมไปแกล้งพี่เลี้ยงจนเป็นลมไปเลย พอเอาไปแกล้งปู่ก็โดนปู่เอาไม้เท้าวิ่งไล่ตีทั่วบ้านเลยล่ะ ส่งเสียงร้องโวกเวกลั่นบ้าน แล้วรู้ไหมว่าปู่ตัวแสบของเราทำอะไร ไปหาตุ๊กแกตัวจริงมาปล่อยใส่เจ้าสองตัวนั่น ร้องไห้จ้าเป็นวรรคเป็นเวรเลยทีเดียว สินต้องเห็นภาพเองรับรองขำจนท้องแข็งแน่ๆ”
สินบดีหัวเราะชอบใจเมื่อนึกภาพตามคำบรรยายของอา เช่นเดียวกับชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ด้วยเขาจินตนาการว่าหลานชายของท่านประธานต้องน่ารักและดื้อซนมากแน่ๆ และยังจินตนาการต่ออีกว่าตอนที่เพชรงามอยู่กับครอบครัวเธอคงจะมีความสุขมากเป็นแน่ เพราะน้ำเสียงและแววตาของเธอตอนเล่าถึงหลานมันประกายถึงความอ่อนโยน ความใจดี และความสุขอยู่ในที เสียงหัวเราะเธอดูบริสุทธิ์ชวนให้เขาอยากหัวเราะตามไปด้วย อุปาทานไปเองหรือเปล่าที่เขาเห็นว่าเธอหันมามองเขาแล้วยิ้มให้ด้วย
“เสียดายจัง เดี๋ยวรอวันหยุดขอพ่อไปนอนบ้านปู่ดีกว่า รื่นเริงกว่าอยู่บ้านเยอะเลย”
“มาสิ เอาเครื่องเล่นเกมแบบตอนนั้นมาด้วยนะ สนุกดี”
“นี่อาไดมอนด์ติดเกมแล้วเหรอ”
“เปล่าติดเสียหน่อย ก็แค่เอามาผ่อนคลายสมองแค่นั้นแหละ”
“โอเค ใครแพ้เลี้ยงไอติมนะ”
“นี่เรากะจะเอาเงินไปผลาญกับไอติมให้หมดเลยหรือไง”
“ไม่รู้สิ แต่ผมมั่นใจว่าครั้งหน้าอาต้องได้เป็นคนควักกระเป๋าแน่ๆ”
“ไว้จะคอยดูนะ” สองอาหลานมองกันก่อนฉีกยิ้มกว้างให้กัน เพชรงามเอื้อมมือไปยิ้มไอศกรีมที่เปื้อนขอบปากให้หลานชายอย่างประณีต “กินเลอะเป็นเจ้าทิกเกอร์กับพิกเล็ทไปได้”
“ขอบคุณคร้าบ” สินบดีว่าเสียงหวาน “ผมไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งนะครับ”
ลุกขึ้นแล้วเดินจากไป ทิ้งให้หญิงสาวชายหนุ่มอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง เพชรงามตีหน้านิ่งอีกครั้งทิ้งคราบคุณอาสาวแสนใจดีเสียสิ้นซาก เบนสายตาไปมองทางอื่นที่ไม่ใช่ทางที่มีชายหนุ่มซึ่งนั่งจ้องหน้าเธอเขม็ง หญิงสาวข่มตาข่มใจอยู่นานก่อนจะหันไปจ้องกลับคนที่จ้องเธอไม่วางตาบ้าง
“ไม่เคยเห็นหน้าคนเหรอ” เธอเอ่ยถามเสียงเย็น
“ก็คนนี้น่ารักดีนี่”
เพชรงามถอนหายใจอย่างไม่รู้จะต่อว่าอย่างไรดี หันไปมองผู้คนที่นั่งเต็มร้านอีกครั้งอย่างเย็นชา เธอเห็นเด็กที่นั่งอยู่โต๊ะห่างออกไปไม่ไกลนักชี้มือมาที่โต๊ะเธอแล้วหัวเราะคิกคักสะกิดให้พ่อและแม่หันมามอง ผู้หญิงที่คาดว่าจะเป็นแม่ของเด็กหันมาเจอเธอก่อนจึงจับมือลูกลงแล้วปิดปากที่อ้ากว้างของลูกชาย
หญิงสาวหันมามองความผิดปกติของตัวเอง หยิบทิชชู่ขึ้นมาเช็ดปากอย่างกังวลว่าจะที่คราบไอศกริมเปื้อนติดอยู่ ทว่ายามที่เผลอหันไปมองหนุ่มร่วมโต๊ะนั่นเองที่ทำให้เธอรู้สาเหตุที่ชัดเจน
“ปากนายเปื้อน”
“ปากผม” มานะชี้ที่ตัวเอง เพชรงามพยักหน้า ชายหนุ่มยิ้มตาพราวอย่างเจ้าเล่ห์ เขาใช้หลังมือเช็ดจมูก เช็ดคาง เช็ดแก้ม โดยเว้นบริเวณปากเอาไว้ “หายยังครับ”
“ยัง ไม่โดนเลยสักนิด”
“ก็ผมไม่เห็นนี่ ใช่ตรงนี้ไหม”
“ไม่ ตรงนี้” เพชรงามชี้ที่มุมปากซ้ายของตัวเองให้เขาดู มานะตั้งใจไม่จับที่ตำแหน่งเดียวกับเธอ “ตรงนี้ นายลองใช้ความรู้สึกตัวเองสิ มันติดเป็นปื้นเลยเนี่ย”
“ตาผมไม่ได้อยู่ที่มือนะครับ ก็มันมองไม่เห็นนี่”
หญิงสาวดึงทิชชู่สองสามแผ่นยื่นให้เขา “นายเอาเช็ดไปให้ทั่วหน้าเลยนะ”
“เช็ดให้หน่อยสิครับ”
“ใช่เรื่องเหรอ” ได้คืบจะเอาศอก แค่หยิบกระดาษทิชชู่ให้มันก็มากพอแล้ว
“เพื่อนมนุษย์ไงครับ” มานะต่อรองเสียงอ่อน
“ไม่เกี่ยว” เธอแหว
“ใจร้ายจัง” ว่าเสียงอ่อย คนอะไรไม่มีน้ำใจเลยทีหลานตัวเองยังเช็ดให้ได้
สินบดีเดินกลับมาที่โต๊ะมองหน้ามานะแล้วเอื้อมมือไปเช็ดไอศกรีมออกให้อย่างหวังดี เดี๋ยวภาพลักษณ์ฮีโร่ของเขาจะดูไม่ดี
“เช็ดทำไมวะ” นอกจากไม่ขอบคุณแล้วยังถามเสียงหงุดหงิดใส่
“ก็มันเปื้อนนี่”
“ใครใช้ให้เช็ด อย่ายุ่งสิ”
“พูดกับหลานฉันดีๆ นะ” เพชรงามแหวใส่มานะอีกรอบ ให้เจ้าตัวกลอกตาอย่างเซ็งๆ
สินบดีนั่งลงตรงที่เดิมก้มหน้าเข้าหามานะก่อนจะว่าเสียกวนอย่างรู้ดี “จะอ่อยให้อาไดมอนด์เช็ดให้ใช่ไหมพี่ ผมรู้ทันหรอกน่า มุกเก่าๆ”
มานะตวัดค้อนให้เด็กหนุ่มแสนรู้ ก่อนจะก้มลงกระซิบกลับ “รู้แล้วจะเข้ามาขัดจังหวะทำไมวะ”
“ถึงผมไม่เข้ามา อาผมก็ไม่เช็ดให้พี่หรอก”
“ไม่มีทางเว้ย ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยหลงมารยาฉันหมดแหละ”
“แต่ไม่ใช่อาผม อาไดมอนด์ไม่ชอบผู้ชายแรดแบบพี่หรอก”
“ไอ้เด็กกวนตีน”
“ถ้าอยากจีบจริงผมช่วยได้นะ จะพาไปทางที่ถูกที่ควรเอง”
“กระซิบอะไรกัน” เพชรงามที่นั่งนิ่งมองชายทั้งสองคนกระซิบกระซาบกันไปมาถามขึ้นเสียงเรียบ เรื่องที่คุยกันคงไม่พ้นเรื่องเกี่ยวกับเธอเป็นแน่ ผู้ชายนินทาผู้หญิงน่าเกลียดจริง
“ผมจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วนะครับ” สินบดีเลี่ยงตอบไม่ตรงคำถาม มองหน้ามานะอย่างรู้กันสองคนราวกับรู้จักสนิทสนมกันมาได้ครึ่งชาติแล้ว
“งั้นก็กลับเถอะ เดี๋ยวอาไปส่ง” เพชรงามคว้าแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่มล้างปาก ก่อนจะลุกยืนขึ้นแล้วเดินจากไปพลางต่อสายเรียกหาการ์ดส่วนตัวที่ไม่รู้ว่าไปหลงระเริงอยู่ในส่วนไหนของห้าง
“สนใจให้ผมช่วยใช่ไหมล่ะพี่” สินบดีเอ่ยถามชายหนุ่มที่เดินอยู่ข้างๆ
“ไม่จำเป็นไอ้น้อง”
“เข้าทางผมง่ายกว่าเยอะนะ”
“ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม” มานะเน้นคำบอกชัดๆ
“กระต่ายหมายจันทร์ หมาเห่าเครื่องบิน ดอกฟ้ากับหมาวัด เอาอันไหนดีล่ะพี่” หนุ่มหันมาถามพร้อมรอยยิ้มสนุกสนาน มานะค้อนตาใส่พลางดีดหน้าผากสินบดีอย่างหมั่นไส้แล้วเดินแยกไปอีกทาง
กระต่ายหมายจันทร์... หมาเห่าเครื่องบิน... ดอกฟ้ากับหมาวัด... หึ ชายหนุ่มเบ้ปากกับความต่ำต้อยด้อยศักดิ์ของตนเอง ดอกฟ้ากับหมาวัดมันเป็นของคู่กันอยู่แล้วนี่ ถึงดอกฟ้าไม่โน้มตัวลงมาสักวันหมาวัดมันก็ต้องปีนไปให้ถึง
ระหว่างทางเดินกลับบ้านมานะก็แวะเข้าร้านค้าโชห่วยแถวบ้าน ถึงแม้จะเป็นร้านขายของเล็กๆ ที่มีสภาพมะรอมมะร่อหากก็เพียบพร้อมด้วยข้าวของทุกอย่างที่ต้องการ
ชายหนุ่มย่องเข้าไปยืนตรงหน้าแม่ค้าซึ่งก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรบางอย่างอยู่กั้นกลางระหว่างกันด้วยโต๊ะสูงใหญ่ยาวซึ่งมีผัก เนื้อสัตว์ และของสดของแห้งที่ใช้ประกอบอาหารวางอยู่ เขาเรียกนางเสียงห้วนดังอย่างต้องการแกล้งให้สะดุ้ง “ป้าพร!”
“ว้าย!” หญิงวัยทองร้องเสียงหลงอย่างตกใจ รีบสอดกระดาษร่างโพยหวยเข้าใต้ถาดที่ใส่เนื้อหมูโดยอัตโนมัติ ก่อนจะเงยหน้ามองเจ้าของเสียงนั้นอย่างหวาดระแวง แล้วผ่อนลมหายใจออกมาโล่งอกเมื่อรู้ว่าเขาเป็นใคร “ไอ้โม่ ข้าตกใจหมด ไอ้นี่ก็เอาซะหัวใจเกือบวาย”
“โอ๋ ขวัญมานะ” ว่าพลางหัวเราะขัน
“จะเอาอะไรว่ามา”
“เอาไข่ไก่ 5 ฟองฮะ”
แม่ค้าหยิบไข่ 5 ฟองในแผงไข่ใส่ถุงให้ แล้วชวนคุยในเรื่องที่ไม่บันเทิงใจสำหรับลูกค้าหน้ากวนเลย “นี่เอ็งรู้ไหมว่าไอ้บุญมีมันติดค่าเหล้าข้าเท่าไหร่”
“จะรู้ได้ไงล่ะป้า”
“2,000”
“ตั้ง 2,000 เลยเหรอป้า” มานะกลอกตา น้ำเสียงมีแววงุนงงเจือด้วยความฉุนเฉียว “ทำไมมันเยอะแบบนี้ละ เงินรับจ้างค่าวินพ่อก็ไม่เคยเหลือเก็บเลยสักวัน”
“ก็ดูพ่อแกเทกรอกปากสิ น้อยซะที่ไหนล่ะ วันละเป็นถังเป็นกะละมัง”
“งั้นคราวนี้ป้าก็ห้ามขายให้พ่อสิ”
“ทำได้ก็ดีสิ พอข้าไม่ขายให้ก็จะทำร้ายร่างกายข้า เห็นแก่ที่รู้จักกันมานมนานนะเลยไม่แจ้งตำรวจจับน่ะ” แม่ค้าวัยทองว่าเสียงขยาด
“ขอโทษแทนพ่อด้วยนะฮะ ผมจะรีบหามาจ่ายให้ป้านะ อีกไม่นานผมก็รวยแล้ว” ว่าพลางยื่นแบงค์สีแดงไปจ่ายค่าไข่
“ขอให้รวยจริงเถอะ” ว่าอย่างประชดอย่างขอให้เป็นเช่นนั้นจริงๆ แล้วยื่นถุงไข่ไปให้พร้อมเงินทอน “ถ้าพ่อเองยังติดเหล้าไม่เลิกแบบนี้ เห็นทีเอ็งจะต้องหาเงินมาจ่ายให้ข้าทั้งชีวิตล่ะวะ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ