Stony รักไม่ยาก
9.0
เขียนโดย WAFFLE_W
วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 11.05 น.
34 ตอน
1 วิจารณ์
33.06K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2562 23.36 น. โดย เจ้าของนิยาย
34) Love & Special
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบรรยากาศเดิมๆ กับคนเก่าๆ คือความสุขอย่างหนึ่งที่คนทุกคนตามหา
“ละลายหมดแล้ว” มานะว่าขึ้นยามมองหน้าเพชรงาม ขณะนี้พวกเขากำลังนั่งอยู่ในร้านไอศกรีมที่ครั้งหนึ่งเคยมานั่งกินด้วยกัน
“ก็รีบกินสิ จ้องหน้าอยู่ได้” หญิงสาวว่าโดยใช้น้ำเสียงที่ฟังสบายกว่าเมื่อก่อนเยอะ
“ไม่ได้หมายถึงไอติม หมายถึงใจผมครับละลายหมดแล้ว” ชายหนุ่มยิ้มหวานเยิ้ม แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือใบหน้านิ่งๆ ของหญิงสาว
“อย่าเลี่ยนได้ไหม จะอ้วก”
“โธ่ ขอโมเมนต์หวานๆ หน่อยก็ไม่ได้” กลอกตาแล้วตักไอศกรีมก้อนโตเข้าปาก
“นายเบื่อฉันไหม” เธอใช้เสียงจริงจัง “ฉันน่ะไม่สดใส ไม่อ่อนหวาน ไม่พูดไม่จา ไม่ชอบยิ้ม ทำอะไรก็ไม่เคยสนใจใคร ชอบวางอำนาจ หน้าหยิ่งๆ แบบเนี้ยนายรำคาญบ้างไหม”
มานะส่ายหน้ารัวๆ จนหัวแทบหลุด “แล้วท่านประธานเบื่อผมไหม จนก็จน หน้าหม้อ ขี้อ่อย พูดมาก พูดจาไม่ค่อยเข้าหู กวนตีนไปทั่ว ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ชีวิตเหมือนขอนไม้ลอยทะเล ใครอยู่ด้วยก็รำคาญทั้งนั้นแหละ”
“ตอนแรกๆ ฉันก็รำคาญนายนะ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว”
“ทำไมล่ะ”
“ก็นายไม่ทำตัวน่ารำคาญ”
“ผมว่าผมเหมือนเดิมนะ”
“อาจเป็นเพราะตอนนี้ฉันชอบนายมั้ง” มานะกัดปากเขิน “นายทำให้ฉันยิ้มได้ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ”
“มากอดทีดิ” มานะลุกขึ้นอ้าแขนไปหาเพชรงามที่นั่งอยู่อีกฝั่งหมายจะกอดให้หนำใจโทษฐานที่ทำให้ใจเขาเต้นแรงเกินพิกัด
“แหนะๆ จะทำอะไรพี่โม่ อย่าเด็ดขาดนะ” สินบดีเข้ามาขวาง ดันตัวมานะให้นั่งลงพร้อมกับที่ตัวเองนั่งลงข้างๆ เขา ตรงข้ามกันคืออารี
“เด็กพวกนี้มาทำไมกันวะ” ออกอาการเซ็งอย่างเห็นได้ชัด
เด็กทั้งสองสั่งเมนูเสร็จก็หันมาตอบ “บังเอิญมาเจอน่ะครับ โชคดีจริงๆ มีคนเลี้ยงแล้ว” เด็กหนุ่มเจ้าเล่ห์ชำเลืองไปทางคุณอาสาว
“ส่วนอิงไม่ได้บังเอิญนะคะ มันคือพรหมลิขิตที่ทำให้อิงได้เจอพี่โม่” เธอบอกตาหวาน “พี่โม่อ่ะ อิงโทรหาเป็นร้อยสายทำไมไม่รับ”
“จริงดิ โทรศัพท์พี่หาย” ทำตาโตอย่างนึกไม่ถึงว่าอารีจะทุ่มเทโทรหาเขาเยอะแยะแบบนั้น
“ว่าแล้วเชียว ถ้าเป็นปกติพี่โม่ต้องโทรกลับหาอิงแล้วสิ” ว่าเข้าข้างตัวเอง จ้องหน้ามานะสลับกับเพชรงาม “ทำไมพี่สองคนมาด้วยกันได้ อ๋อ ทำงานที่เดียวกันมาด้วยกันก็ไม่เห็นแปลกเลยเนอะ ดูอย่างอิงกับสินสิเรียนห้องเดียวกัน ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันยังมาด้วยกันได้เลย”
“แล้วพี่โม่หายไปไหนมาน่ะ”สินบดีชิงถาม
“ถามกันจังคำถามนี้อ่ะ” มานะทำหน้าปรืออย่างขี้เกียจตอบ
“นายจะถามทำไมห้ะ” อารีเอ็ดตะโรใส่สินบดีจนเขาสะดุ้ง “มันไม่สำคัญหรอกว่าพี่โม่ไปไหนมา มันสำคัญตรงที่เค้ากลับมาแล้ว”
“พูดดี พูดดี” มานะยกนิ้วโป้งให้เด็กสาว
“เธอจะเครซี่พี่โม่อะไรขนาดนั้น เกรงใจแฟนเค้าที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอบ้างสิ” สินบดีตอกกลับ อารีค่อยๆ หันไปมองเพชรงามด้วยสีหน้าเจ็บปวดเกินจริง
“ไม่จริง นายโกหก”หันไปมองเพื่อนชายอย่างเอาเรื่อง
“จริงไหมพี่โม่” หันไปถามมานะ
“เป็นแฟนกันไหมครับ” หันไปถามเพชรงามเสียงหวาน แก้มหญิงสาวขึ้นสีแดงเรื่องทันที
“โอเคค่ะ” เสียงเจื้อยจ้าวของอารีตอบแทน
“เค้าไม่ได้ถามเธอ” สินบดีตักไอศกรีมที่พนักงานเพิ่งนำมาเสิร์ฟใส่ปากเพื่อนให้หุบปากไปได้แล้ว เด็กสาวเลียปากพลางละเลียดไอศกรีม จิตใจจดจ่ออยู่ที่คนข้างตัว
“อื้อ”
“งื้อ” มานะยกมือปิดหน้าบังความเก้อเขิน ไม่มีการถามย้ำใดๆ เพราะกลัวว่าคำตอบของหญิงสาวจะไม่เหมือนเดิม
“เฮ้ สุดยอด” สินบดีที่ออกแรงเชียร์ออกนอกหน้ายกมือขึ้นกำชัยชนะ หมดเสี้ยนหนามสักที
“ฮื้อ ไม่จริง” อารีทำท่าสะอึกสะอื้น
“เต็มที่กันเลยนะ เดี๋ยวพี่โม่เลี้ยงเอง” มานะประกาศก้อง ปิดจ๊อบความโสด
เมื่อทุกคนต่างอิ่มหนำสำราญใจกันแล้ว สินบดีก็ตามไปปลอบใจอารีที่ลุกเดินไปหาที่เลียแผลใจ ส่วนคู่ใหญ่ก็พากันเดินออกมาจากร้านไอศกรีมด้วยความรู้สึกที่ล้นหัวใจ
“ขอมือหน่อย” ชายหนุ่มแบมือตรงหน้าหญิงสาว เธอวางมือตัวเองลงไปอย่างว่าง่าย ทั้งสองกุมมือของกันและกันไว้ราวกันมีเชือกวิเศษพันไว้ไม่ให้หลุดออกจากกันได้โดยง่าย “เราจะเดินไปด้วยกันใช่ไหมครับ”
“อือ”
“ขอบคุณนะครับที่ทำให้ผมรัก”
“ขอบคุณนะที่รักฉัน”
ทั้งสองยิ้มให้กัน มันเป็นรอยยิ้มที่ส่งตรงมาจากหัวใจไม่ต้องผ่านกระบวนการคิดวิเคราะห์ใดๆ ให้เสียเวลา แค่ใช้ความรู้สึกนำทางก็พอแล้ว
ใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง ไม่มีสิ่งใดเที่ยงตรงและไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้ ชายหญิงที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคนแปลกหน้าระหว่างกันแต่ตอนนี้กลับเป็นคนรู้ใจของกันและกัน แม้การเดินไปด้วยกันครั้งนี้ระยะอาจจะแค่น้อยนิด อุปสรรคที่มีก็แค่ฝูงชนที่เดินขวักไขว่ ทว่านี่แหละคือก้าวเล็กๆ ที่จะนำพาให้ทั้งสองเดินไปได้ไกลกว่านี้ในสถานที่ที่ไม่มีใครคาดถึงขอเพียงจับมือกันให้แน่นและก้าวไปให้พร้อมกันอย่างในเวลานี้
ใครบอกดอกฟ้ากับหมาวัดนั้นรักกันไม่ได้... ไม่จริงสักหน่อย
Special
5 ปีผ่านไป อย่างที่บอกไปว่าไม่มีอะไรแน่นอน มานะสูญเสียบิดาไปในที่สุดด้วยโรคพิษสุราเรื้อรังที่เกินจะรักษา เพชรงามได้พี่ชายกลับคืนมาเพราะเขาพ้นโทษแล้ว เวลาเปลี่ยนไปทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลง ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็เช่นกัน จากแฟนขยับขึ้นเป็นสามีภรรยา
หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว เพชรงามก็เคลื่อนตัวขึ้นมานั่งบนเตียงเคียงข้างสามีที่กึ่งนั่งกึ่งนอน เพ่งสายตาดูการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลนัดสำคัญอยู่
“โม่” เธอเลือกชื่อสามีเสียงหวาน เบนสายตาออกไปอีกทางอย่างขวยเขิน
“หือ” เจ้าของชื่อครางเสียงรับ ไม่ยอมละสายตาจากหน้าจอโทรทัศน์
“ฉันท้อง”
“เย้!”มานะกระโดดขึ้นยืนส่งเสียงร้องอย่างมีชัย มือไม้กำหมัดชูขึ้น
“ฉันก็ดีใจ” ว่าที่คุณแม่ม้วนอาย ลูกคือความหวังและพลังที่สว่างไสวของพ่อแม่ ท่าทางลิงโลดของมานะแสดงว่าเขาต้องดีใจมาก คงจะเป็นคุณพ่อที่เห่อลูกน่าดู
“ชนะแล้ว เยสๆ” แววตาฉายความสุขและสะใจในที“วี อาร์ เดอะ แชมป์เปี้ยน!”
“เดี๋ยว นี่นายดีใจเรื่องอะไร” ภรรยาท้วงถามขึ้น รอยยิ้มที่มีเริ่มจางหายกลายเป็นความฉงนระคนขึงขัง
“บอล” เขาตอบพลางชี้ไปที่หน้าจอโทรทัศน์ซึ่งกำลังฉายภาพการมอบรางวัลให้แก่ทีมผู้ชนะ ชายหนุ่มยังคงไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง
ลมโกรธพวยพุ่งออกจากหูหญิงสาว เธอคว้ารีโมทกดปิดโทรทัศน์ให้หน้าจอดับมืดเหมือนอนาคตอันใกล้ของใครบางคน
“สนุกมากไหมไอ้บอลบ้าเนี่ย งั้นก็ไปแต่งงานอยู่กินกับมันเลยสิ ออกไปเลย ไป” หญิงสาวคว้าหมอนไปฟาดตีชายหนุ่มไม่ยั้งจนเขาต้องใช้มือป้องและอพยพตัวเองออกห่าง
“อะไรเนี่ย ที่รักฟังผมก่อน โอ้ยๆ หยุดก่อนสิครับ” มานะพยายามเจรจาขณะถูกไล่ตีอย่างไม่ลดละจนถูกต้อนมาชนประตูห้อง เพชรงามใจดีกระชากประตูเปิดให้
“ออกไป ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก” ตะเบ็งเสียงไล่
“ที่รักโกรธอะไรครับ ค่อยพูดค่อยจากันนะ”
“จะออกไม่ออก” คนใจแข็งปล่อยหมอนลงแล้วคว้าแจกันแก้วที่วางอยู่ใกล้มือขึ้นแทน แววตาบอกให้รู้ว่ามิได้เป็นแค่การขู่ หากเธอพร้อมที่จะทุ่มใส่หัวเขาในวินาทีใดวินาทีหนึ่งทันที
“แล้วผมจะไปนอนที่ไหน” เอ่ยถามตาปริบๆ
“ข้างถนน ใต้สะพาน สนามบอลก็นอนไปสิ ออกไป 1 2 ...” ชายหนุ่มรีบวิ่งแจ้นหายไปทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองต้องไปนอนโรงพยาบาล
เพชรงามปิดประตูดังปัง ก่อนจะเดินกระฟัดกระเฟียดไปนั่งลูบท้องอยู่บนเตียง
“ไอ้โม่จำเป็นไหมที่แกต้องปีนห้องเมียตัวเอง” รุตเอ่ยถามคนที่กำลังก้าวเท้าปีนบันไดเพื่อจะขึ้นไประเบียงห้องตัวเอง
“เมียดุยังกะหมาต้องหาทางอ้อนนิดหนึ่ง” มานะหันมาบอกเมื่อปีนไปได้ครึ่งทางแล้ว “จับดีๆ นะพี่ ขาสั่นใจเสียวหมดแล้ว”
“เวรกรรมจริงๆ ลำบากนักก็เลิกเลยสิวะ”
“อย่ายุสิพี่ ผมอ่อนไหวนะ”
“พูดจริงนี่หว่า”
“ไม่เอาหรอก ผมรักของผมแบบนี้”
เพชรงามเลื่อนประตูกระจกออกก่อนจะเดินออกมาเกาะราวระเบียงนอกห้องนอน ตั้งใจพาลูกน้อยในท้องมากินลมชมวิวของท้องฟ้ายามค่ำคืน แต่แล้วเธอก็เหลือบไปมองเห็นสิ่งแปลกปลอมบางอย่างที่พาดราวระเบียง หญิงสาวก้มหน้าเบิกตาถมึงทึงมองชายหนุ่มที่ไต่บันไดขึ้นมาด้วยอารมณ์ขมุกขมัว เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาแล้วสะดุ้งโหยงสุดตัว ก่อนจะยิ้มแหยๆ พร้อมยกมือข้างหนึ่งโบกให้ สาวท้องอ่อนแค่นยิ้มนัยน์ตาลุกเป็นไฟ เลื่อนมือมาจับเชิงบันไดที่พาดไว้แล้วเริ่มนับ
“1” มานะหยุดชะงักขาที่กำลังก้าวขึ้นมา
“2” มานะก้าวเท้าลงไปขั้นหนึ่ง
“3” มานะล้มโครมลงไปนอนกองกับพื้นหญ้า แผ่ ร่างลงราวกับเขียดโดนน้ำร้อนราด
“สมน้ำหน้า รักแบบนี้แกก็เจ็บแบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วกันนะ” รุตแค่นยิ้มเยาะ ยักคิ้วให้แล้วเดินจากไปไม่สนใจดูดำดูแดง ทิ้งคนโชคร้ายที่หลงคิดว่าตัวเองโชคดีแอ่นตูดบิดเอวลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล มานะสะบัดตัวเอียงไปเอียงมาให้กระดูกและกล้ามเนื้อเข้าที่เข้าทาง ก่อนจะนั่งลงเหยียดขาบนพื้นหญ้าอีกครั้ง
และตอนที่เขาจะลุกขึ้นนั่นเองที่มือเรียวอันแสนคุ้นเคยยื่นมาตรงหน้า ชายหนุ่มเอื้อมไปจับมือนั้นก่อนจะถูกฉุดให้ลุกขึ้น
“เป็นห่วงอ่ะดิ” ใช้ต้นแขนกระแทกไหล่หญิงสาว
“เจ็บไหม เมื่อกี้โกรธมากไปหน่อย” สายตาสำรวจเนื้อตัวชายหนุ่ม ปัดเศษหญ้าที่ติดตามเสื้อผ้าให้ แต่แล้วก็ถูกมานะรวบมือไว้ เขาก้มหน้าเข้าไปมองเธอใกล้ๆ โดยอาศัยแสงนวลจากดวงจันทร์และแสงสลัวจากดวงไฟในบ้าน
“โกรธอะไรผมครับ ฮึ”
“ก็นายไม่สนใจฉันนี่”
“ผมขอโทษ คุณจะบอกอะไรผมนะ”มานะใช้ปลายนิ้วแคะหูก่อนเงี่ยหูฟังเต็มที่
“ฉันท้อง” มานะทำตาโตอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะฉีกยิ้มไปถึงหู
“เมื่อไรจะคลอด” ว่าที่คุณพ่อก้มหน้าเข้าไปใกล้ภรรยาหมายจะจุมพิตฉลองรับขวัญลูกน้อยในท้องเธอ ทว่าแค่จมูกชนกันหญิงสาวก็เบือนหน้าหนี “ขอจูบเย้ยจันทร์หน่อยสิ วันนี้พระจันทร์ดวงโต๊โต”
“ไม่ๆ” หญิงสาวขัดขืนคำอ้อนวอนนั่นด้วยใบหน้าที่แดงแจ๊ดแจ๋ ชายหนุ่มช้อนร่างที่ดีดดิ้นของเธอขึ้นมาไว้ในวงแขนแกร่ง “ปล่อยฉันลงนะ ปล่อยสิ”
“อย่าดิ้นสิครับ ดึกแล้วลูกหลับอยู่ เราสองคนก็ไปนอนกันไปแล้ว” ว่าเสียงอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้มละมุน
“นายก็ปล่อยสิ ฉันเดินเองได้”
“ไม่ปล่อยๆ ให้จุ๊บก่อนแล้วจะปล่อย” หญิงสาวยกมือข้างหนึ่งปิดปากพลัน ชายหนุ่มโคลงศีรษะพลางกระชับอ้อมแขนขึ้นแล้วเดินเข้าไปในตัวบ้าน
เพชรงามที่แอบลอบมองเสี้ยวหน้าของสามีใกล้ๆ ผงกหัวขึ้นไปฝังจมูกโด่งๆ ของเธอลงบนแก้มนุ่ม มานะชะงักฝีเท้าไปทันใด เธอจึงรีบถอนจมูกออกมา
“อย่ามาอ่อยกันนะ” ชายหนุ่มว่าแล้วก้มลงไปหาใบหน้าของคนที่อยู่ในอ้อมแขน ทว่าเธอกลับรีบซุกหน้าซ่อนกับอกเขา มานะจิบปากจิบคออย่างขัดใจแล้วเดินต่อไป “รอเข้าห้องก่อนเห๊อะ”
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาช่วยอ่านนะ ดีใจจังที่เขียนมาถึงตอนจบได้ นี่อาจจะเป็นแค่นิยายเชยๆ แต่เราตั้งใจและภูมิใจกับมันจริงๆ เราจะพยายามแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดและทำมันให้ดีขึ้นค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ