Stony รักไม่ยาก

9.0

เขียนโดย WAFFLE_W

วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 11.05 น.

  34 ตอน
  1 วิจารณ์
  33.07K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2562 23.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

24) ฝันร้ายจะกลายเป็นเรื่องร้าย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

                เมื่อมานะและเพชรงามกลับขึ้นมาก็เห็นบุญมีกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงแล้ว มานะเข้าไปหาพ่อที่ดูแก่ลงมากอย่างเห็นได้ชัด ขอบตาดำโปน ปากซีดช้ำ หิวหนังเหี่ยวย่น ทั้งยังมีท่าทางอิดโรยเหมือนกำลังหอบตลอดเวลา

                “ดีขึ้นไหมพ่อ”

                “ดีกับผีสิ หายใจยังจะไม่ไหวแล้ว ทำไมไม่ปล่อยให้ตายๆ ไปซะให้รู้แล้วรู้รอดวะ”

                มานะส่ายหน้า “ทำไมพ่อไม่กินยาที่หมอให้ เป็นแบบนี้เมื่อไหร่จะหาย”

                “ไม่หายก็ให้มันตายไปสิ”กระชากเสียงดัง

                “พ่อ” ลากเสียงอ่อนเหนื่อยล้าใจ “อดทนทำตามที่หมอสั่งหน่อยสิ เดี๋ยวก็หายแล้ว”

                “มึงลองมาเป็นกูสิ มึงจะได้รู้ว่ามันทรมานแค่ไหน ไอ้โม่... มึงไปเอาเหล้ามาให้กูสิ กูหิว กูจะกินเหล้า” บุญมีเริ่มโวยวายเสียงดังจนเตียงข้างๆ หันมามองด้วยความไม่ชอบใจ และเมื่อเห็นว่าลูกชายยังยืนนิ่งไม่ทำตามคำสั่งเขาก็แกว่งไกวมือไปทุบตีให้มานะขยับเขยื้อน

                “คุณลุงคะ ใจเย็นๆ ค่ะ” คนที่ยืนมองสถานการณ์อยู่นิ่งๆ เดินมายืนข้างลูกน้องที่คว้ามือพ่อของเขาเอาไว้เพื่อป้องกันตัวเอง

                คนป่วยหยุดการกระทำมองหญิงสาวที่ดูแวบเดียวก็รู้ว่าคงเป็นผู้รากมากดีจากที่ไหนสักแห่ง ดวงตาปูดโปนมองเธออย่างสนใจ

                “เธอเป็นใคร” เสียงพร่าเอ่ยถาม ก่อนจะตวัดสายตามาทางลูกชายตัวดี “เมียแกเหรอ”

                “เปล่า” มานะปฏิเสธ ก่อนจะยกมือพาดไหล่หญิงสาวดึงเธอเข้ามาแนบตัวมากขึ้น “แค่แฟน”

                เพชรงามทำตาโตกับคำปดของเขา พยายามดีดดิ้นออกมาจากวงแขนที่ตอนนี้กอดคอเธอไว้ มือหนาเลื่อนมาจับหัวไหล่ของเธอ ตบเบาๆ สองสามทีพลางขยิบตาให้ปริบๆ แล้วเอ่ยต่อโดยไม่รอให้ผู้เป็นพ่อถาม “เจ้านายที่ทำงานผมเอง ชื่อโดเรม่อน เอ๊ยโปเกม่อน เอ๊ยไดมอนด์ เอ๊ย... ถูกละ”

                หญิงสาวผู้ถูกแอบอ้างมองคนข้างตัวที่เล่นมุขเองขำเอง รู้สึกเหนื่อยใจเหลือคณากับนิสัยบ้าบอของเขา

                “รวยไหม”คำถามจากปากคนที่อยู่บนเตียงลอยเข้าหูเพชรงามอย่างชัดถ้อยชัดคำจนกระอักอก ทั้งยังมีสายตาล้าๆ ของชายคนถามที่จ้องเธอแถบทะลุ

                “นิดหนึ่ง”มานะเป็นคนตอบคำถามนั้น

                “นิดหนึ่งนี่พอเลี้ยงมึงกับกูได้ไหม”บุญมียังไม่หยุดสร้างคำถามที่ทำให้เพชรงามอึ้งทึ่ง

                “ผมหาเงินเลี้ยงพ่อเองได้น่า” กล่าวตัดปัญหาอย่างหัวเสียเล็กน้อย

                บุญมีหัวเราะเสียงหลง “น้ำหน้าอย่างมึงจะเอาปัญญาที่ไหนมาเลี้ยงกู”

                “พ่อ” มานะละแขนออกปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระ และหยิบยาที่พยาบาลจัดไว้พร้อมรินน้ำใส่แก้วยื่นให้พ่อ “ผมหาผู้หญิงรวยๆ มาเป็นสะใภ้ให้พ่อได้แล้ว พ่อก็ต้องทำตามที่ผมขอบ้าง กินยาซะ”

                “กูไม่กิน อย่ามาสั่ง”เสียงดื้อดึง

                มานะหันไปพยักพเยิดอ้อนวอนแฟนกำมะลอให้ช่วยจัดการหน่อยเธอแบมือไปรับถาดใส่ยาเล็กๆ ขยับเข้าไปแทนที่มานะ

                “คุณลุงคะ ทานยาหน่อยนะคะ”

                บุญมีนิ่งคิดก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือไปรับเม็ดยามาอย่างว่าง่าย กรอกมันเข้าปากตามด้วยน้ำดื่ม ที่เขายอมอ่อนลงก็เพราะน้ำเสียงและคำพูดที่สุภาพพร้อมด้วยรอยยิ้มบางๆ อย่างจริงใจของเพชรงาม

                “นังหนูเป็นแฟนกับไอ้โม่จริงๆ หรือ”

                หญิงสาวกลืนน้ำลายอึกอย่างฝืดคอ เหลือบมองคนปั้นเรื่องที่ยิ้มกริ่มก่อนจบที่ชายวัยค่อนคนซึ่งจ้องเธออยู่อย่างคาดคั้น สุดท้ายเพชรงามจึงจำต้องยอมพยักหน้าไป

                “แล้วเป็นลูกเต้าเหล่าใครกันล่ะ”

                คำถามสารพัดที่กระหน่ำเข้าสู่หญิงสาวทำเอาเธอกระอักกระอ่วนไปไม่น้อย ชะลอยจะทำเช่นไรเธอก็ตอบจริงบ้างเท็จบ้างไปตามน้ำ

                และแล้วหญิงสาวก็สบโอกาสที่มานะหายออกไปเข้าห้องน้ำ ส่วนบุญมีก็เริ่มไถลตัวนอนราบกระพริบตาถี่ๆ คล้ายว่าตัวยาเริ่มออกฤทธิ์แล้ว หญิงสาวหยิบไดอารี่ในกระเป๋าของตัวเองใส่ในเป้เยินๆ ของเจ้าของผู้มีสภาพไม่ต่างจากกระเป๋าเป้มากนัก

                มานะดึงผ้าห่มมาคลุมตัวให้ผู้เป็นพ่อที่นอนราบกับเตียงอย่างเบามือ วันนี้คงเป็นวันดีในรอบๆ หลายปีที่เขาได้เห็นพ่อตัวเองพูดคุยและยิ้มหัวเราะอย่างมีความสุข ไม่รู้ว่าเพชรงามมีดีอะไรถึงทำให้พ่อของเขาหลงใหลขนาดนั่งคุยกันเจื้อยจ้าวได้ตั้งครึ่งชั่วโมง

                “ยายหนูม่อนวันหลังมาเยี่ยมลุงอีกนะ”

                “ค่ะ ไว้วันหลังหนูจะมาใหม่นะคะ หายไวๆ ค่ะ”

                “พักผ่อนมากๆ นะพ่อ ผมไปล่ะ เดี๋ยวตอนค่ำๆ จะเข้ามาดู” มานะทิ้งคำจากลาไว้เพียงเท่านั้นก็พาหญิงสาวเดินออกไป

                ระยะระหว่างกลับจากโรงพยาบาลมาถึงบริษัทเพชรงามกับมานะไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย ความจริงชายหนุ่มก็ชวนคุยอยู่หลายเรื่องแต่อีกฝ่ายกลับตีหน้าขรึมนั่งปิดปากตลอดทาง เว้นก็แต่ตอนคุยโทรศัพท์กับการ์ดหนุ่มที่โทรตามหาด้วยความกระวนกระวาย จนเมื่อรถจอดนิ่งสนิทชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามไปตรงๆ

                “โกรธอะไรผมเหรอ ไม่ชอบที่ผมบอกว่าเราเป็นแฟนกัน หรือรังเกียจพ่อผม”

                ความเงียบก่อตัวขึ้นราวห้านาทีพร้อมกับความอึดอัดใจของทั้งสองฝ่าย

“ไม่ได้ไม่ชอบแล้วก็ไม่ได้รังเกียจพ่อนายด้วย”

                สิ่งที่ทำให้เธอเงียบนิ่งก็เพราะกำลังนั่งจมเข้าไปกับความคิดที่ว่าทำไมมานะถึงดูเฮฮาได้เพียงนี้ ทั้งที่ทางครอบครัวก็ดูลำบากแสนเข็ญ เธอรู้สึกได้ว่าระหว่างเขากับพ่อของเขามีหมอกแห่งความห่างเหินและไม่คุ้นเคยปกคลุมอยู่จนบางครั้งมันก็ดูน่าอึดอัดขัดใจ แววตาของมานะฉายความหวาดหวั่นในบางทียามมองพ่อของเขา เธออดชื่นชมในความแข็งแกร่งและเห็นใจในความลำบากของเขาไม่ได้จริงๆ

                เราไม่ควรมองใครแค่ภายนอกจริงๆ

                “แล้วเป็นอะไรล่ะครับ”น้ำเสียงติดห้าวเล็กน้อย นึกหงุดหงิดใจตัวเองที่ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้เธอโกรธ ผู้หญิงชอบทำตัวไร้เหตุผล แต่ผู้หญิงอย่างเพชรงามไม่น่าจะไร้เหตุผลโดยไม่มีสาเหตุ

                หญิงสาวหันมาปะทะสายตาคมที่จ้องนิ่งมายังเธอ แล้วคลี่ยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย “นายน่ารักจริงๆ นะ”

                ชายหนุ่มมุ่นหัวคิ้วฉับกับคำนั้น ไม่รู้เธอจะมาไม้ไหน แต่ก็ยิ้มร่าพร้อมหัวเราะออกมาในที่สุด “แน่นอนครับ”

                แสร้งเอียงหัวมาหมายลงซบไหล่มน แต่เจ้าของไหล่นั้นผลักหัวเขาออกไปได้ทันที

                “ลงไป ฉันจะกลับบ้านแล้ว” ว่าจบก็เปิดประตูลงจากรถเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งไปประจำฝั่งคนขับ

                “กลับดีๆ นะครับ” ลงจากรถแล้วยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าหญิงสาว รอยยิ้มนั้นยังไม่คลายยามมองร่างบางสอดตัวเข้าไปในรถแล้วชับออกไป

                “ขอบคุณนะครับ”

...

 

ภายในห้องนอนที่มืดมิด เจ้าของห้องกำลังหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงใต้ผ้าห่มผืนหนาที่อบอุ่น ร่างนั้นสั่นระริกราวหวาดกลัวอะไรสักอย่าง ฉับพลันหญิงสาวก็ถลันตัวขึ้นมาด้วยดวงหน้าซีดเซียว หอบหายใจหนักหน่วงและเหงื่อแตกพลั่ก หัวใจที่เต้นรัวไม่เป็นจังหวะค่อยๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ เธอยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าตัวเองเพื่อไล่ฝันร้ายที่มารุกรานเมื่อครู่ให้หายไป ก่อนคว้าโทรศัพท์บนหัวเตียงมาเปิดดูเวลา แม้จะเป็นเวลาเพียงตีสามกว่าแต่กระนั้นเธอก็ไม่มีความรู้สึกอยากนอนต่อ จึงสะบัดผ้าห่มออกแล้วเดินไปเปิดไฟให้ทั้งห้องสว่างโร่ ก่อนทรุดนั่งลงหน้ากระดาษวาดรูปที่วางอยู่บนขาตั้ง

                เวลาล่วงเลยไปจนถึงเวลาหกโมงเช้า เพชรงามจึงลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวพร้อมรางสังหรณ์บางอย่างจากฝันร้ายในตอนเช้าตรู่

                ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องอาหารหนังสือพิมพ์ก็ถูกปาส่งมา อีกเสี้ยวเดียวก็คงฟาดเข้าเต็มหน้าเธอแล้ว เพชรงามก้มเก็บมันขึ้นมา ก่อนส่งสายตาไม่พอใจเชิงตำหนิให้คนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะอาหาร

                ฐานิชปัดจานข้าวตรงหน้าออกก่อนลุกขึ้นย่างสามขุมเข้าไปหาน้องสาวอย่างเดือดดาล “มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง!”

                หญิงสาวที่ไม่อาจหาคำตอบมาให้พี่ชายได้แต่ก้มลงกวาดตาอ่านข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เพื่อหาสาเหตุ และแล้วไม่นานเธอก็เจอสาเหตุนั้นแล้ว

‘แซนด์ไทม์กับสุดยอดสินค้าตัวใหม่ เมื่อวานนี้ได้มีการเปิดตัวสินค้าจากแบรนด์น้องใหม่อย่างแซนด์ไทม์ นาฬิการุ่นใหม่สไตล์เก๋อย่างชุดคอลเล็คชั่นฟรุตตี้แซนด์ไทม์ ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงอย่างนายธวัช เลิศประสิทธิ์ทรัพย์ออกตัวว่ามีความภาคภูมิใจและคาดหวังต่อสินค้าตัวใหม่นี้สูงมาก กระแสดีอย่างนี้ไม่รู้รุ่นพี่อย่างเฟรนซีวอทช์จะหวั่นหรือเปล่า...’

                หลังจากอ่านจบและสรุปใจความได้ก็คือนาฬิกาที่แซนด์ไทม์เปิดตัวไปมันคือนาฬิกาที่เธอตั้งใจปลูกปั้นขึ้นมาเป็นเวลาหลายเดือนเพื่อเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันมะรืนนี้ จะเป็นไปได้อย่างไรที่คนเราจะมีความคิดเหมือนกันขนาดนี้ ทั้งรูปร่าง ลำดับสี ฟังก์ชันต่างๆ และการทำเสนอกลิ่นของผลไม้ภายใต้เรือนนาฬิกา

                “บอกสิ! มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมสินค้าของเราถึงไปอยู่กับมัน!” ฐานิชตะคอกถามอย่างกราดเกรี้ยว เพิ่มความกดดันให้คนที่แทบล้มทั้งยืน แต่กระนั้นเธอยังยังเงียบ จนเขาต้องกระชากแขนเธอและบีบไว้แน่น “เราลงทุนไปมากแค่ไหนกับงานชิ้นแรกของแก คิดว่าเป็นลูกรักแล้วจะเอาเงินไปผลาญทิ้งผลาญขว้างยังไงก็ได้เหรอ ไหนบอกว่าเก่งนักเก่งหนาข้อมูลแค่นี้ก็ปล่อยให้รั่วไหล แถมไอ้แซนด์ไทม์ชั่วนั่นยังเปิดตัดหน้าเราแค่วันเดียว ป่านนี้มันคงนอนสะใจหัวเราะเยาะเราอยู่ เฮอะ ยายตัวทำลาย...”

                “พี่ฐา พี่ฐาพอเถอะ” วิเชียรเข้ามาดึงมือฐานิชออกจากเพชรงามที่ยืนนิ่งไม่แสดงสีหน้าใดๆ “ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้หรอก”

                “โง่!” ชายหนุ่มผู้มีอารมณ์ร้อนตวาดใส่น้องสาวแล้วเดินออกไป

                “ไม่เป็นไรนะ ปัญหานี้มันต้องมีทางออก” คนหนึ่งทำร้าย อีกคนก็ปลอบประโลม วิเชียรวางมือบนศีรษะเพชรงาม คนเป็นน้องยังจับต้นชนปลายอะไรไม่ได้ ราวกับเธอกำลังสร้างตึกอยู่ดีๆ แล้วมันก็พังทลายลงมาทับหัว ไม่เพียงแต่เธอยังมีคนมากมายที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอก็ต้องพาลโดนตัวตึกถล่มใส่ด้วย ไม่ได้... ทุกคนจะตายไม่ได้!

                วิเชียรเดินเข้าบริษัทด้วยสีหน้าเคร่งเครียดทว่าก็ยังคงท่าทีสุขุมลุ่มลึกเอาไว้ ร่างสูงเดินเข้าไปในลิฟต์และขณะที่ประตูลิฟต์กำลังปิดก็มีใครคนหนึ่งรีบแทรกตัวเข้ามา

                มานะยิ้มพร้อมก้มหัวให้เจ้านายผู้มีระดับก่อนเดินไปยืนอยู่ข้างๆ ร่างสูง พลางฮัมเพลงเล่นตามประสา

                หัวคิ้วหนาของวิเชียรมุ่นเข้าหากันเล็กน้อย เขาชายตามองคนข้างๆ

                “นายทำงานอะไร”

                มานะหยุดฮัมเพลงแล้วกระแอมเสียงเบาก่อนตอบอย่างภาคภูมิใจ “ส่งของฮะ”

                “งั้นฉันฝากของหน่อยสิ” จบคำก็คว้ากระเป๋าผ้าใบเล็กที่ซ่อนไว้ในกระเป๋าถือออกมายื่นให้

                “หือ อะไรเหรอครับ”

                “ไม่ใช่เรื่องที่นายต้องรู้”

                “แล้วจะให้ผมเอาไปไว้ไหนล่ะ”

                ยังไม่ทันได้ฟังคำตอบ ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิด มานะก็ถูกผลักออกไปอย่างแรงจากคนที่เพิ่งยิ้มให้เขา

 

                “เจ้านายจะทำยังไงต่อครับ” รุตเอ่ยถามเจ้านายขณะทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถ

                คนถูกถามที่นั่งทำหน้าเคร่งเครียดจนคิ้วโก่งเรียวผูกกันยุ่งเหยิงยกมือขึ้นนวดขมับที่กำลังเต้นตุบๆ “ฉันไม่เข้าใจ มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง”

                “ผมว่านะ เรื่องนี้ต้องมีหนอนบ่อนไส้ แล้วไอ้หนอนตัวนั้นต้องเป็นคนที่อยู่ใกล้เรามากๆ ถึงได้รู้ข้อมูลทุกอย่างละเอียดยิบย่อยขนาดนั้น มันเหมือนกันเปี๊ยบกับที่เราวางแผนไว้เลย แค่เปลี่ยนจากเฟรนซีเป็นแซนด์ไทม์” การ์ดหนุ่มออกความเห็นด้วยความเดือดดาลคับแค้น “ไอ้แซนด์ไทม์นั่นก็เลวสิ้นดี มันก็รู้ทั้งรู้ว่างานนั่นเป็นของเรา ฮึ่ย ฟ้องร้องเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุดเลยครับเจ้านาย”

                “พวกนั้นคงสวมรอยได้ลิขสิทธิ์ไปแล้วแหละ ไม่ทิ้งช่องว่างให้เราเอาผิดได้ง่ายๆ หรอก” เพชรงามว่าขึ้นหลังจากนั่งคิดทบทวนพิจารณาทางออกของปัญหาอย่างยาวนาน ทำการใหญ่เพียงนี้อีกฝ่ายคงเตรียมทางหนีทีไล่ไว้อย่างดีแล้ว

                หรือเธอจะไม่เหมาะกับความใหญ่โตแบบนี้ แค่งานแรกก็ยังเหลวแหลกแตกทลายไม่เป็นท่า เรื่องแค่นี้ยังรักษาเอาไว้ไม่ได้ ตัวเธอเองยังรู้สึกผิดหวังกับตัวเองขนาดนี้ คงไม่แปลกหากคนอื่นจะผิดหวังและเกลียดชังเธอเพิ่มขึ้น

                มันเจ็บและชาไปทั้งตัวเพราะความคาดหวังและตั้งใจที่มากจนเกินไป

                สุดท้ายหญิงสาวก็ละทิ้งความรู้สึกเจ็บช้ำทั้งปวงออกไป แล้วฮึดตัวเองให้ลุกขึ้นด้วยพลังจากเสี้ยวสุดท้ายของหัวใจ ล้มแล้วไม่ลุกจะรอให้คนอื่นมาซ้ำเติมหรือไง... อย่าอ่อนแอนะ

                ขาเรียวยาวเดินเข้าสู้ปัญหาด้วยย่างก้าวที่มั่นคง เพียงแค่เข้าไปในบริษัทก็มีพนักงานที่ดูเหมือนจะยืนรอการมาของเธอพุ่งเข้าหาทันที พร้อมรายงานด้วยท่าทางตื่นๆ

                “ท่านประธานครับๆ เกิดเรื่องที่ชั้นห้าครับ”

                เพชรงามหันไปมองการ์ดที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ ด้วยสายตานิ่งเย็นก่อนจะรีบสาวเท้าไปอย่างเร็วรี่ เรื่องอะไรอีกล่ะ

 

                ฝูงชนคนทำงานที่ล้อมวงดูการวิวาทอย่างสนใจใคร่รู้พากันแหวกทางออกทันที เพื่อให้บุคคลผู้มีตำแหน่งสูงสุดเข้ามารับรู้ความเป็นไปของเหตุการณ์

                ดวงตารีงามเบิกโตอย่างควบคุมไม่ได้ด้วยความตระหนกตกใจ เมื่อภาพตรงหน้าเธอคือชายหนุ่มผู้คุ้นหน้าทั้งสามยืนประจันหน้ากันอยู่ สองคนคือพี่ชายของเธอเอง ส่วนอีกคนที่ถูกหิ้วปีกอยู่คือแมสเซนเจอร์หน้าเป็นที่ตอนนี้ทำหน้าเคร่งขบกรามเอาไว้

                “หลักฐานทนโท่แกยังจะไม่ยอมรับอีกเหรอ!” น้ำเสียงเข้มกดต่ำดังออกมาจากลำคอของฐานิช

                “จะให้บอกจนคอแตกเลยไหมว่าผมไม่ได้ทำ” มานะยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็งด้วยความหงุดหงิดถึงขีดสุด หลังจากตะโกนตอบปาวๆ อยู่เกือบสิบนาทีว่าเขาไม่ใช่หนอนบ่อนไส้อย่างที่ถูกประณาม ถ้าหากว่าในมือบรรดาพนักงานที่เข้ามามุ่งดูมีปืนสักกระบอก ป่านนี้เนื้อตัวเขาคงเป็นรูพรุนนอนอาบเลือดไปแล้ว สายตาทุกคู่ไม่มีเลยสักนิดที่จะเชื่อสิ่งที่เขาพูด

                “โว้ย!” ฐานิชคำรามอย่างเหลืออดกับความปากแข็งของจำเลย ก่อนจะกำหมัดง้างมือขึ้นเตรียมชกใส่ระบายอารมณ์

                “หยุด” เสียงเรียบทรงอิทธิพลดังขึ้น ทำให้คนอารมณ์ร้อนชะงักไป เพชรงามเดินไปหยุดเยื้องข้างมานะ

                “ยายตัวปัญหา ยังกล้าโผล่หัวมาอีกเหรอ” ฐานิชแค่นเสียงก่นว่า

                “เกิดอะไรขึ้น” อยู่ๆ เธอก็รู้สึกเคว้งคว้างขึ้นจนอยากจะหายตัวไปให้ไกล

                “หมอนี้เป็นหนอนบ่อนไส้ เป็นคนที่นำข้อมูลสินค้าของเราไปให้คู่แข่ง” วิเชียรคือผู้ไขความกระจ่างให้

                “ไม่จริงครับ โว้ย ไอ้ตอแหล” มานะแทรกขึ้นทวงความยุติธรรมให้ตนเอง

                หญิงสาวคนกลางหันไปมองเขาด้วยแววตาไม่ชอบใจนัก ไม่ใช่ไม่เชื่อแต่ไม่ชอบที่เขามาว่าพี่ชายเธอแบบนั้น

                “ไม่เชื่อผมเหรอ ผมไม่มีวันทรยศคนที่มีพระคุณกับผมหรอก โดยเฉพาะท่านประธาน” ถ้าเธอคนที่เขาไว้ใจ เชื่อใจ และให้ใจไปทั้งหมดยังไม่เชื่อเขา คงไม่มีประโยชน์อะไรแล้วจะตะโกนบอกใครต่อใครให้เชื่อเขา

                “นี่ไงหลักฐาน” วิเชียรก้มหยิบกระดาษที่กระจายเต็มพื้นขึ้นมาส่งให้น้องสาว “เอกสารเกี่ยวกับเฟรนซีฟรุตตี้ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงแผนการวางตลาด พี่เห็นหมอนี่ถือบางอย่างอยู่ ท่าทางลับๆ ล่อๆ ไม่น่าไว้วางใจเลยขอตรวจดู ก็เจอเอกสารพวกนี้แหละ”

                คราวนี้มานะเงียบไปอย่างยอมใจให้คนเจ้าเล่เพทุบายห์ใส่ความเขาให้สมแก่ใจ พูดไปก็เปลืองน้ำลายเปล่า

                “เรามีประจักษ์พยานด้วยนะ ใช่ไหม” วิเชียรหันไปถามพนักงานสองคนที่หิ้วปีกจำเลยไว้

                “เอ่อ ครับ พวกเราเป็นพยานได้”

                “เราสองคนเห็นมานะเข้าไปที่แซนด์ไทม์บ่อยๆ ครับ”

                เพชรงามมองชายหนุ่มทั้งสองที่ตอบตะกุกตะกักไม่กล้าสู้หน้าเธออย่างพินิจพิเคราะห์

                “เออ! เอาเข้าไป เต็มที่ไม่ต้องเกรงใจ แต่ขอเตือนหน่อยนะ ไอ้พวกมุสาทั้งหลายตายไประวังปากจะเท่ารูเข็ม ที่นรกมันไม่มีศัลยกรรมซะด้วย กินข้าวไม่ได้ พูดไม่ได้ พวกแกจะต้องทรมานแบบนั้นซ้ำๆ ซากๆ” มานะคร่ำครวญออกมาด้วยความเคียดแค้น

                “ขุนนางใช่พ่อแม่ หินแง่ใช่ตายาย คนนอกไว้ใจไม่ได้หรอกนะไดมอนด์” วิเชียรบอกเสียงอ่อนเรียบ

                “โทรเรียกตำรวจมาสิ ดำเนินคดีกับไอ้เลวพวกนี้ให้หมด” ฐานิชสั่งการอย่างเหลืออดเหลือทนเต็มที

                “เดี๋ยว” เป็นอีกครั้งที่เพชรงามขวางเขา

                “แกจะอะไรอีก ยายตัวปัญหา ไม่เชื่อเหรอว่ามันเป็นคนทำ” เขาหัวเสียจนนึกอยากบีบคอยายน้องสาวตัวปัญหาให้แหลกคามือเสียเดี๋ยวนี้

                “แน่ใจได้ยังไง ว่าเป็นของนายมานะจริงๆ”

                “พี่ชายท่านประธานให้ผมมา” เพชรงามมองมานะที่บุ้ยใบ้ไปทางวิเชียร หญิงสาวถึงกับกลอกตามองเขา ถ้าบอกว่าเป็นของฐานิชเธอยังพอจะเชื่อได้เพราะเขาจ้องจะทำลายเธออยู่แล้ว ลงทุนทำแบบนี้คงไม่น่าใช่เรื่องแปลกเท่าไร ทว่ามานะกลับโยนให้วิเชียร เธอมองไม่เห็นเหตุผลเลยสักนิด

                “ง่ายๆ นะยายโง่ แกจะเชื่อพี่ชายแสนดีของแกหรือเชื่อไอ้กระจอกพรรค์นี้” พ่อลูกแฝดมองไอ้กระจอกอย่างรังเกียจเหยียดหยามซึ่งก็ไม่ต่างจากที่มองน้องสาวตัวเองเลย

                ความหนักใจหล่นทับหญิงตัวเล็กที่มีอำนาจบาตรใหญ่ท่วมตัว ความมาคุแผ่ปกคลุมได้ไม่นานเพชรงามก็เดินไปยืนข้างมานะ ไม่รู้ว่าเพราะพ่อเขาฝากฝังให้เธอดูแลหรือเพราะหัวใจตัวเองสั่งมาให้เชื่อเขา เธอมั่นใจว่าเขาไม่ได้ทำแน่

                “ปล่อย” ประจักษ์พยานสองคนรับคำสั่งหญิงสาวแต่โดยดีด้วยการปล่อยมือออกจากตัวมานะ แล้วถอยหงอเข้าไปแทรกฝูงชน “ฉันจะหาคนผิดตัวจริงมาให้ได้”

                “ฉันจะด่าแกยังไงให้มันสมกับความโง่เง่าของแกดี ไอ้นี่...” นิ้วของฐานิชชี้เข้าที่ใบหน้ามานะอย่างจัง โดยที่แววตาเดือดระอุจับจ้องที่เพชรงาม “มันคือคนผิด หลักฐานชัดเจน แกยังต้องการอะไรอีก โอ๊ย ยายไดมอนด์ช่วยฆ่าฉันให้ตายตรงนี้เลยได้ไหม อย่ามาเกิดเป็นน้องฉันอีกนะ ตัวกาลกิณี”

                “ค่ะ” เพชรงามพยักหน้าหลับตา รั้งหยาดน้ำตาที่คลออยู่ไม่ให้ไหลออกมา “หนูขอถอนตัวออกจากตำแหน่งประธานบริษัท หนูจะไม่มาเหยียบที่นี่อีกจนกว่าจะหาตัวคนผิดจริงๆ มาลงโทษได้ จะไม่ขอมือใครให้มาช่วย” เธอละสายตาออกจากฐานิชที่ดูอึ้งไปกับคำประกาศนั้น

                “เจ้านาย” รุตร้องครางด้วยความตกใจระคนสงสารเจ้านายเหลือคณา

                “เฮอะ” ฐานิชแค่นหัวเราะหยามเหยียด ก่อนจะทำนายอนาคตราวตัวเองเป็นหมอดู “อีกเดี๋ยวแกก็ต้องแจ้นไปฟ้องพ่อ แล้วพ่อก็จะจัดการเรื่องทั้งหมดให้ ยายเด็กอมมือ แน่จริงแกก็จัดการเองให้หมดสิ ออกจากบริษัท ออกจากบ้าน ถ้าไม่มีบารมีพ่อคอยคุ้มกะลาหัวแก ดูสิจะอวดเก่งได้อีกสักกี่น้ำเชียว”

                “พี่ฐา เกินไปไหมครับ” วิเชียรบอกแกมปราม หากคนเป็นพี่กลับเชิดหน้าชูคอเพื่อกดดันน้องสาว

                “ตกลง” เพชรงามรับคำอย่างแน่วแน่ก่อนกวาดสายตามองพนักงานทุกคน แล้วก้มหัวให้เป็นเชิงขอโทษ “ฉันจะไม่ทำให้ทุกคนต้องเหนื่อยเปล่าค่ะ ตราบที่ยังหายใจอยู่ฉันจะทวงความยุติธรรมในครั้งนี้ให้พวกเราทุกคนค่ะ”

                หญิงสาวสูดหายใจลึกๆ อีกครั้งก่อนเดินจากไป ไม่วายทิ้งทายคำพูดให้ฐานิช “พอใจหรือยัง”

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา