Stony รักไม่ยาก
9.0
เขียนโดย WAFFLE_W
วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 11.05 น.
34 ตอน
1 วิจารณ์
33.08K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2562 23.36 น. โดย เจ้าของนิยาย
23) ฉันเปย์หนักเพราะนายน่ารัก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเพชรงามบรรจงเปิดมันออกเพื่ออ่านข้อความข้างใน
สมุดแต๋วแตกเล่มนี้เพื่อนให้มา... ให้มาทำไมวะ
นี่คือข้อความหน้าแรกสุด มือเรียวพลิกไปอ่านหน้าต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งก็มีเพียงข้อความประโยคสั้นๆ ประมาณ 1-2 บรรทัดเท่านั้น อีกทั้งวันที่บันทึกยังห่างกัน 2 - 3 วันบ้าง 3 - 4 เดือน บางครั้งก็เป็นปีเลย
โอย เหนื่อย บอกใครไม่ได้บอกแกแล้วกันนะไอ้แต๋ว จากนี้แกต้องรับฟังโม่ทุกอย่าง เข้าใจป่ะน้อง
1 ปี รวดเร็วชั่วพริบตา
ทุกอุปสรรคคือบทเรียนแห่งความสำเร็จ แต่ชีวิตข้าอุปสรรคล้นหัวความสำเร็จสักตัวยังไม่เห็นเลย
ระยะทางแห่งความฝันมันไกลแค่ไหนนะ?
อย่าทำเป็นรู้ดีทั้งที่ไม่รู้อะไรเลย
สักวันเหอะเว้ย... วันนั้นแหละ... วันไหนก็ไม่รู้
เสียงชายทั้งสามดังแว่วมาแต่ไกลหญิงสาวปิดสมุดที่มีทั้งข้อความที่เธอพอจะเข้าใจและไม่เข้าใจเลยลงฉับ ทว่ามันมีความน่าสนใจบางอย่างที่ทำให้เธออยากอ่านต่อ เพชรงามรูดซิปปิดกระเป๋าให้มานะดังเดิม แล้วซุกไดอารี่เล่มเล็กของเขาลงใต้ฟูก จากนั้นก็ตีหน้าเรียบนิ่งเป็นรูปปั้นเช่นเคย
“นายกลับไปได้แล้ว” เพชรงามบอกมานะเมื่อเขากลับเข้ามา
“ครับ กลับก็ได้” มานะบอกเสียงนุ่ม พร้อมแววตาที่มองมาหวานหยดเยิ้ม เขาเดินไปคว้าหมวกและกระเป๋าเป้ของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยลาเด็กๆ ก่อนจะเดินไปที่ประตู มือจับลูกบิดไว้แล้วหันมาทวงสัญญากับหญิงสาว “อย่าลืมหมวกผมนะ”
“หื้อ หมวกนายก็อยู่บนหัวนายแล้วนี่”
“ได้ไงล่ะ ก็ท่านประธานบอกแล้วว่าจะซื้อใหม่ให้ผม” เขาทำหน้าเหมือนเด็กไม่พอใจ
“ฉันหมายถึงถ้าหลานฉันไม่คืนให้นายต่างหาก”
“ไม่ได้ พูดคำไหนต้องเป็นคำนั้นสิ”
“ก็ฉัน...”
“ถ้าท่านประธานผิดคำพูด ไอ้หงส์คริสตัลที่วางอยู่บนโต๊ะข้างล่างผมไม่รับรองความปลอดภัยของมันนะ”
หญิงสาวทำตาโต เธอคิดผิดหรือคิดถูกกันแน่ที่ปล่อยให้หัวขโมยอยู่ในบ้านตั้งนานสองนาน “เออ ซื้อให้ก็ได้”
“บ๊ายบาย” โบกลาพร้อมขยิบตาให้ ก่อนประตูจะปิดลง
เพชรงามถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก คว้าไดอารี่สีบานเย็นออกมา เธอต่างหากล่ะที่เป็นขโมย
ความมืดของราตรีปกคลุมไปทั่วบริเวณ ร่างบางในชุดนอนที่ยืนพิงขอบหน้าต่างมองความมืดมิดผละตัวมาล้มตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหลังกับหมอนอิงอยู่บนโซฟาตัวยาว สายตาตวัดมองไดอารี่สีบานเย็นที่ถือมาโยนลงบนโต๊ะก่อนจะหยิบมันขึ้นมา จะทำอะไรก็ต้องทำให้สุด อยากรู้อะไรก็ต้องรู้ให้หมด
ถ้ามีเงิน... จะนอนอยู่บ้านเฉยๆ
ทั้งๆ ที่ยังทำงานเป็นมือระวิงทำไมยังเบื่อวะ
โม่ สู้ๆ นะมึงถ้าไม่ทำต่อก็จะไม่มีกินแล้วนะ
ก็แค่แม่ ไม่เห็นอยากมีเลย
ไม่ชอบให้ฝนตก แต่ชอบอากาศตอนฝนตก
ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้วสินะ
ฉันชอบรอยยิ้มของเธอ น่ารักดี
เวลามันผ่านไปเร็วตอนเราเดินช้าๆ
อยากให้เธอรู้สึกเหมือนที่ฉันรู้สึก
ขอบคุณที่ทำให้คิดถึงแต่เธอ และลืมเรื่องร้ายๆ ไป
ขโมยยังลักของ เธอก็ลองหันมองมารักเราบ้างสิ... แหวะ
สิ่งใหม่ๆ มันน่าสนใจเช่นเดียวกับสิ่งเก่าๆ
บางสิ่งบางอย่างต้องมองนานๆ ถึงจะเข้าใจ
เราไกลกันเกินไปหรือเปล่าวะ?
หลังจากที่แอบอมยิ้มเอาไว้ยามเปิดอ่านถ้อยคำที่คิดไปเองว่าเขาหมายถึงเธอ เพชรงามก็มาสะดุดกับข้อความในหนาสุดท้าย คำสั้นๆ ที่ฟังเศร้าสร้อย หญิงสาวกางกระดาษไว้ตรงหน้าที่ว่างเปล่า
มานะเป็นคนแบบไหนกัน ลักษณะห่ามๆ แบบนั้นไม่น่าเชื่อว่าจะมานั่งเขียนไดอารี่ได้ หากให้คิดวิเคราะห์เอาเองเธอก็ตอบไม่ได้หรอก แต่หากใช้ความรู้สึกแล้วละก็เขาคือคนที่ทำให้เธอยิ้มได้เสมอแม้เวลาโกรธ คงไม่แปลกใช่ไหมที่เราจะคิดถึงคนที่ทำให้เรารู้สึกดีด้วย
เพชรงามเดินไปหยิบดินสอมานั่งวาดรูปขีดเขียนลงไปบนหน้ากระดาษที่ว่างอยู่อย่างถือวิสาสะ
นาทีนี้โลกทั้งโลกช่างดูเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวเหลือเกิน หลานชายทั้งสองกลับไปอยู่กับแม่ของพวกเขาตั้งแต่สามวันก่อนแล้ว หญิงสาววางกระดาษเอสี่และดินสอสองบีไว้บนโต๊ะตรงหน้า เหลือบมองผลงานที่เป็นภาพแรเงารูปดอกมะลิในกระดาษ แล้วเบนสายตามองช่อมะลิที่บานพรูสะพรั่งบนต้น
ของปลอมไม่สวยเท่าของจริงสักนิด ก็คงเช่นเดียวกับความคิดถึง แค่ได้ของๆ เขามาก็คงเทียบไม่ได้กับการได้เจอเขาจริงๆ
เพชรงามถอนหายใจอย่างหงุดหงิด เธอไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย ไม่ชอบเวลาที่ทำอะไรแล้วมีหน้าใครบางคนลอยเข้ามาแทรกแซงตลอด มันกระวนกระวายใจและรู้สึกปลาบแปลบในหัวใจแปลกๆ อะไรกันที่ทำให้เธอคิดถึงเขาได้ขนาดนี้
หญิงสาวผุดลุกขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีบางอย่างต้องทำ เธอก้าวฉุบฉับอย่างทะมัดทะแมงเพราะแผลที่เท้าหายสนิทเป็นปลิดทิ้งแล้วตรงไปยังโรงรถพลางเรียกหาการ์ดส่วนตัว
“รุต อยู่ไหน นายรุต”
“มีอะไรหรือเปล่าครับนายน้อย” คนสวนที่อยู่บริเวณนั้นปรี่เข้ามาถาม
“รุตอยู่ไหน”
“วันนี้ไอ้รุตมันไปข้างนอกครับ เห็นบอกว่าจะไปตัดผม”
เพชรงามถอนหายใจน้อยๆ พยักหน้าให้คนสวนไปทำงานต่อได้ ส่วนตัวเองก็กลับขึ้นห้องไปเปลี่ยนชุดแล้วกลับมาพร้อมกุญแจรถในมือ
ดวงตาสวยพราวกวาดมองหมวกมากมายหลากหลายชนิดบนชั้นวางในร้านขายหมวกโดยเฉพาะ สีสันที่มีครบครันทุกเฉดสีทำให้หญิงสาวได้เพียงแต่ยืนมองด้วยความสับสนใจ ปกติก็ใช่ว่าจะมาเลือกของใช้สอยเองเสียหน่อย แค่เห็นแล้วถูกใจก็ซื้อ ทว่านี่ไม่ได้เลือกให้ตัวเองก็เลยไม่รู้ว่าควรเอาแบบไหนดี
สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจหยิบหมวกแก็ปสียีนส์เข้มขึ้นมา แม้จะเป็นหมวกธรรมดาไร้ลวดลายแต่ก็ถูกตาเธอที่สุดแล้ว หญิงสาวเดินไปจ่ายเงินแล้วถือถุงออกมา บางสิ่งยิ่งคิดมากก็ยิ่งเลอะเทอะ ยิ่งคิดเยอะก็ยิ่งว้าวุ่น
และในเมื่อไม่รู้จะไปอยู่แห่งหนใดดี หญิงสาวจึงตัดสินใจเข้าบริษัท ถึงกลับบ้านไปตอนนี้เธอก็คงได้แต่เพียงนั่งหายใจทิ้งขว้างอย่างไร้ซึ่งประโยชน์
ตลอดทางเดินเมื่อเข้ามาเหยียบบริษัทอันเป็นบ้านหลังที่สองก็มีผู้คนทักทายถามไถ่เธอไม่ขาดสายถึงอาการบาดเจ็บพร้อมด้วยคำอวยพรให้หายไวๆ ซึ่งความจริงมันไม่จำเป็นหรอกเพราะเธอหายแล้ว การได้นั่งและสัมผัสโต๊ะทำงานหลังจากห่างเหินไปพักใหญ่ราวกับได้ดึงพลังของเพชรงามให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา หญิงสาวหยิบโทรศัพท์หมายจะโทรเรียกพนักงานส่งของให้มารับของที่ตัวเองเคยมัดมือชกจะเอากับเธอ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจวางหูไปเมื่ออยู่ๆ ก็นึกอยากเอาไปให้ด้วยตัวเองมากกว่า
เพชรงามเคาะประตูห้องแผนกบริการ ยืนถอนหายใจพรืดใหญ่ทิ้งความรู้สึกแปลกๆ ออกไป ทำไมเธอต้องกังวลด้วยว่าเขาจะชอบหรือเปล่า
ทันใดนั้นเองคนข้างในก็ผลักประตูเปิดออกมาจนเกือบจะกระแทกโดนเพชรงาม แต่โชคดีที่หญิงสาวก้าวหลบเบี่ยงตัวออกทัน
มานะที่หน้าตาตื่นเคร่งเครียดพอเจอคนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ยิ่งเบิกตาโตเข้าไปอีก ยังไม่ทันที่ฝ่ายใดจะทักใครก่อน ชายหนุ่มก็ฉวยข้อมือหญิงสาวให้ก้าวฉับๆ ตามเขาไปอย่างเร่งรีบ
“นี่ นายจะไปไหน” เพชรงามขืนมือตัวเองไว้ แต่ไม่สำเร็จ “ไอ้บ้าโม่ ปล่อยฉัน”
มานะหันไปมองหญิงสาวด้วยดวงตาจริงจังทั้งที่ยังก้าวเดินต่อไป “ไปส่งผมโรงบาลหน่อยสิ”
“ไปทำไม”
“ไปหาพ่อ” เขาเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากพยาบาลเดี๋ยวนี้นี่เองว่าพ่อของเขาช็อกขึ้นมากะทันหัน
เมื่อได้ฟังเสียงทุ้มตอบหญิงสาวก็ปล่อยตัวเดินตามเขาไป ไม่อยากเซ้าซี้อะไรมาก ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำเขาไปที่รถของเธอเอง
“เดี๋ยวผมขับให้ครับ” มานะปล่อยมือออกจากหญิงสาวก่อนจะแบมันออกไปตรงหน้าเพื่อรับกุญแจรถ
“ขับเป็นเหรอ” ถามไปพร้อมล้วงกุญแจส่งให้
มานะพยักหน้ารีบเปิดประตูให้หญิงสาวแล้วตัวเองก็เข้าไปประจำที่คนขับ
ระหว่างทางมานะยังคงนิ่งเงียบ ทำหน้าขรึมอย่างที่เพชรงามไม่เคยเห็นมาก่อน เขาคงเป็นห่วงพ่อมากทีเดียว จนเธอต้องกระชับถุงกระดาษในมือเอาไว้ ไม่อยากรบกวนอารมณ์ของเขา
“พ่อเป็นไงบ้างครับหมอ” มานะรีบรุดไปเกาะเตียงผู้ป่วยมองบุพการีที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงด้วยแววตาที่เป็นกังวล
“คนไข้เกิดอาการช็อกครับ ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว อาจเป็นเพราะเครียดมากเกินไป หมออยากให้คุณดูแลคุณพ่อดีๆ ด้วยนะครับ เราพบเม็ดยาที่พยาบาลแจกให้อยู่ในถังขยะเต็มเลย ช่วยกล่อมให้ท่านทานยาด้วยนะครับ ไม่งั้นอาการอาจกำเริบและทรุดลงหนักกว่าเดิม”
“ครับ” ตอบรับเสียงอ่อน หมอเจ้าของไข้พยักหน้าให้แล้วเดินจากไป
เพชรงามขยับตัวก้าวเข้ามายืนข้างมานะ พลางยื่นมือไปตบไหล่ลู่ๆ ของคนที่ก้มหน้าอยู่อย่างให้กำลังใจและปลอบประโลมพรมขวัญ
สองหนุ่มสาวลงมานั่งจิบกาแฟกันที่ Coffee shop ด้านล่างของโรงพยาบาล เพชรงามมองดูชายหนุ่มที่ดูดน้ำพรืดพราดด้วยความสบายใจหน่อย เธอยอมให้เขากวนประสาททั้งวันเสียยังดีกว่ามองเขาทำท่าทางเศร้าสร้อยแบบเมื่อครู่
“พ่อนายเป็นอะไรเหรอ”
มานะวางแก้วน้ำลง มองสบตาหญิงสาวแล้วยิ้มบางๆ “เป็นพ่อตาท่านประธานไง”
คนฟังขมึงตาใส่ทันที “ถามดีๆ”
“พ่อเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง พ่อผมน่ะกินเหล้าหัวราน้ำทุกวันตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กแล้ว ห้ามยังไงพ่อก็ไม่ฟัง สุดท้ายเลยต้องมานอนทรมานอยู่แบบนี้”
หญิงสาวได้แต่นั่งฟังนิ่ง ด้วยไม่รู้จะปลอบว่าอย่างไรดี จะบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวท่านก็หาย แต่ก็ไม่รู้ว่าท่านจะหายไหม ทำได้ก็เพียงแต่ส่งสายตาเห็นใจและให้กำลังใจไปให้
“ท่านประธานหายแล้วเหรอครับ”คนถูกถามพยักหน้า
“ยิ้มอะไร” น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยถามคนที่นั่งจ้องมองเธอตาหวานเยิ้ม เขาจ้องไม่หยุดจนเธอต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“ก็คนมันคิดถึงนี่ครับ”
“จะมาคิดถึงฉันทำไม”
“ก็ชอบนี่”
“ชอบอะไร”
“ไม่บอก รู้ๆ กันอยู่” หญิงสาวหันขวับมามองคนที่พูดกวนๆ พร้อมรอยยิ้มทะเล้น ใบหน้าเธอร้อนผ่าวขึ้นมาจนทนนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว
“เดี๋ยวฉันมานะ” ว่าจบก็ลุกหนีเดินจากไป
มานะพิงหลังกับพนักเก้าอี้พลางยกกาแฟเย็นขึ้นดูด ที่ผ่านมาเพชรงามไปอยู่ที่ไหนกัน คนมากมายที่เข้ามาในชีวิตไม่มีใครเลยที่ทำให้เขารู้สึกดีได้เท่ากับเธอคนนี้ คนที่ไม่ชอบพูด ไม่ชอบยิ้ม และไม่ชอบความวุ่นวาย แต่ชอบทำหน้าบึ้ง ทำตาดุ และทำเสียงเข้ม ผู้หญิงที่มีระดับความหวานติดลบคนนี้เองที่ดึงดูดหัวใจเขาไปทั้งดวง
ถ้าเราพบกันเร็วกว่านี้เราอาจจะมีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ทว่าถ้าเลือกได้เขาก็อยากเจอเธอในเวลานี้แหละ จะสั้นจะเร็วแต่ก็มีความสุขที่สุดแล้ว คนแอบรักได้เพียงแต่กัดหลอดจนมันตีบตี่แบนราบเพราะเก้อเขินกับความคิดที่ละเมอเพ้อฝันของตัวเอง
มานะคงลืมนึกไปว่าความรักมิเพียงขึ้นอยู่กับใจที่มันอยากรัก หากจะรักได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและปัจจัยแวดล้อมด้วย
เพชรงามกลับมานั่งที่เดิมพลางวางถุงกระดาษเล็กๆ ตรงหน้าชายหนุ่ม มานะขมวดคิ้วมอง
“คืน” ตอบสั้นๆ แล้วยกแก้วน้ำดูด
มานะคว้าถุงตรงหน้ามาเปิดดู หยิบของข้างในขึ้นมา ดวงตาคมเป็นประกายดีใจ อย่างกับฟ้าประทาน เขาพึงพอใจกับหมวกใบใหม่เป็นที่สุด
เพชรงามแอบลอบสังเกตดูอาการของมานะ เมื่อเห็นเขายิ้มร่าออกมากว้างๆ เธอก็ใจชื้นขึ้นมาทันที เวลาเห็นใครชื่นชอบสิ่งใดก็ตามที่เราให้เราเองก็พลอยรู้สึกดีไปด้วย
“ของดีซะด้วย เปย์หนักนะครับเนี่ย” เขามองโลโก้ที่ติดบนหมวก แค่นึกถึงราคาของมันก็แทบจะกระอักออกมาเป็นเลือดเสียให้ได้ “ความจริงไม่ต้องเอาที่แพงขนาดนี้ก็ได้นะครับ”
“ฉันซื้อเพราะชอบ”
มานะถอดหมวกใบเดิมออกแล้วใส่ใบใหม่ลงไปแทนที่ “หล่อไหมครับ”
หญิงสาวมองคนถามที่ยักคิ้วหลิ่วตาให้ด้วยสีหน้าที่วางไม่ถูก ถามแบบนี้จะให้เธอตอบอย่างไร มานะเองคงจะรู้ดีว่าคงไม่ได้คำตอบจากหญิงสาวจึงมโนคำตอบให้ตัวเองเสียเลย
“หล่ออยู่แล้วล่ะ ก็ผมเป็นคนหล่อนี่เนอะ”
เพชรงามเบ้ปากใส่อย่างหมั่นไส้กับความมั่นใจของชายหนุ่ม
“ขอบคุณนะครับ ไม่คิดว่าท่านประธานจะซื้อให้จริงๆ นะเนี่ย มากอดหน่อยสิ” ทำท่าอ้าแขนกว้าง
“ทะลึ่ง” ห้ามเสียงเข้ม ทั้งที่ในใจยิ้มปริ่ม
“ผมรักท่านประธานขึ้นอีกร้อยเท่าเลยครับ” ใบหน้าเข้มที่ดูเป็นแบดบอยกับเสียงพูดราวเด็กน้อยช่างเป็นความแตกต่างที่ลงตัว จากนั้นก็มีเพียงรอยยิ้มเท่านั้นที่คนทั้งสองใช้สื่อสารระหว่างกัน
“นายนี่น่ารักดีนะ” เผลอพูดยิ้มๆ
“แน่ะ ตัวเองก็...” ทำท่าเอียงอายเก้อเขิน ยกมือปัดอากาศ
“อะไร อย่ามาตัวเองกับฉันนะ” คนที่ราวเพิ่งออกจากภวังค์ทำตาและเสียงดุ พยายามกลบเกลื่อนด้วยการทำท่าทีสุขุม
“เชอะ เมื่อกี้ยังบอกผมน่ารักอยู่เลย”
“ไม่ใช่” เถียงทันควัน ทั้งที่ก็รู้แก่ใจว่าคำนั้นหลุดออกจากปากตัวเอง “ไม่ได้พูดสักหน่อย หูฝาดแล้ว”
“ไม่จริง ผมได้ยินเต็มรูหู ชัดเจนไปถึงหัวใจเลยครับ” ยังยืนกรานหนักแน่น ไม่วายใส่ความน่ารักลงไปผ่านรอยยิ้ม
“มั่ว” ปฏิเสธหน้าแดง
“คนอะไรปากไม่ตรงกับใจ”
“แล้วจะทำไม”เธอทำขึงขัง
“โอเคครับ โอเค” ก้มหน้ายอมรับกับคนปากแข็ง
“นายจะกลับไหมหรือจะเฝ้าพ่อต่อ” หญิงสาวเอ่ยถาม เมื่อเวลาล่วงมามากแล้ว
“กลับครับ แต่ผมขอขึ้นไปดูพ่อเดี๋ยวนะ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ