หยีกับเพชร

7.0

เขียนโดย Annakan

วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 10.19 น.

  5 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,964 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ตอน 2 ผู้ใหญ่งอแง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          “ห้องสวยมากเลยนะเนี่ย” ศศิธรและภวพลมาถึงหอพักของลูกสาวเอาตอนเย็นๆ ทั้งคู่พอใจกับที่พักมากมันเป็นห้องใหญ่และมีห้องนอนแยกเป็นสัดเป็นส่วนมีมุมครัวเล็กๆ พร้อมไมโครเวฟและเตาหุงต้มแบบไฟฟ้าและเลยมาอีกหน่อยก็เป็นที่นั่งเล่นพร้อมโทรทัศน์แบบจอแบน

             “มีโต๊ะเขียนหนังสือด้วย” ภวพลเข้าไปตรวจในห้องนอนก็พอใจเช่นกันในห้องมีเตียง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะและห้องน้ำในตัวค่าเช่ามันอาจจะแพงไปสักนิดแต่แลกกับคุณภาพชีวิตที่ดีของลูกตลอดปีการศึกษาเขาก็เต็มใจ หอพักที่นี่อยู่ไกลจากมหาวิทยาลัยพอสมควรแต่ก็ไม่ได้ลำบากเรื่องการเดินทางเพราะนั่งรถสองแถวต่อเดียวก็ถึงเลย ที่เขาเลือกที่นี่เพราะไม่อยากให้ลูกอยู่หอพักแถวที่เรียนเพราะเดี๋ยวเพื่อนๆ เด็กๆ จะพากันเอะอะมะเทิ่งไม่หลับไม่นอน ลูกหยีร่างกายอ่อนแอและเธอต้องได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอจริงๆ และลูกของเขาก็จะไม่หลับด้วยถ้ามีเสียงรบกวนเขาจึงคิดว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุด

             “พ่อกับแม่ไม่ไปนอนโรงแรมแน่หรอคะ” ลูกหยีถามทั้งคู่อีกครั้ง

             “อยากนอนกอดลูกสาวไม่ได้หรือไงจ๊ะ” ศศิธรถาม

             “ได้ค่ะแต่เตียงมันเล็กหนูกลัวพ่อกับแม่อึดอัด”

             “สาวๆ นอนเตียงไปเถอะเดี๋ยวพ่อนอนโซฟาเอง”

             “เดี๋ยวแม่ช่วยจัดของนะแล้วจะได้ไปทานมื้อเย็นกัน” ศศิธรหยิบกระเป๋าใบโตของลูกมาเปิดแล้วทั้งสามคนก็ช่วยกันจัดให้มันเข้าที่เข้าทาง ลูกหยีตื่นเต้นเหลือเกินที่วันนี้มันมาถึงสักที่เธอพอใจมากที่ห้องพักสะดวกสบายกว้างขวางในรูปสวยยังไงห้องจริงก็สวยแบบนั้น โชคดีที่คุณพ่อมีพรรคพวกอยู่ที่นี่หลายคนทำให้ได้หอพักที่ตรงใจโดยไม่ต้องเสียเวลาไปตระเวนเดินหาให้เมื่อย เธออ่านจากใบปลิวที่ส่วนต้อนรับหอนี้เปิดมาได้แค่สามเดือนเท่านั้นเอง

             “สวัสดีค่ะน้าแก้ว น้าผา” สามคนพ่อแม่ลูกเพิ่งมาถึงร้านอาหารแบบล้านนาแท้ๆ ตามคำเชิญของเพื่อนคุณพ่อ

             “หวัดดีจ้ะลูกหยี น่ารักกว่าตอนเด็กๆ อีกนะเนี่ย” คำแก้วทักทายลูกของเพื่อน

             “แหม่ ทำยังกับไม่ได้เจอกันเป็นสิบๆ ปี” ภวพลอดขำไม่ได้กับคำเปรียบเปรยของเพื่อน

             “ก็แหม่ เจอกันปีก่อนลูกหยียังดูเป็นเด็กอยู่เลยมาปีนี้เป็นสาวเต็มตัวแล้ว”

             “จริงหรอ ไม่จริงหรอกลูกหยียังเด็กเหมือนเดิมนะ” ภวพลรีบหันไปสำรวจลูกสาวทันที ลูกหยีเป็นสาวแล้วจริงๆ หรอเนี่ยแล้วมาอยู่ไกลหูไกลตาแบบนี้จะมีไอ้หนุ่มหน้าไหนมาจีบบ้าง

             “ไปเถอะค่ะหนูหิวแล้ว” ลูกหยีรีบระงับสัญญาณเตือนภัยของพ่อแล้วลากเข้าไปในร้าน นี่พ่อไม่รู้จริงๆ หรือว่าลูกคนเดียวเป็นสาวเต็มตัวแล้ว

             “ลูกเป็นสาวแล้วหรอคุณ” ภวพลยังอดกระซิบถามภรรยาไม่ได้

             “เป็นแล้วสิลูกเรามีรอบเดือนแล้วนะคุณลืมหรอ”

             “ไม่ใช่อันนั้นผมรู้ว่าลูกมีรอบเดือนก็ใครล่ะที่วิ่งไปซื้อผ้าอนามัยห่อแรกให้ลูกไม่ใช่ผมรึไง เป็นสาวนี่เขาดูกันตรงไหน” เขายังจำได้ไม่ลืมวันที่ลูกหยีมีรอบเดือนครั้งแรกทั้งที่ศศิธรก็อธิบายคร่าวๆ ไปแล้วว่ามันจะเป็นยังไงแต่เช้าวันนึงลูกก็ร้องจ้าลั่นบ้านที่มีเลือดออกตรงนั้น ศศิธรจะไปซื้อผ้าอนามัยให้ก็ไปไม่ได้เพราะลูกกอดไว้แน่น

             “ดูที่หน้าตา ผิวพรรณ สัดส่วนค่ะลูกเรามีเอวมีสะโพกขึ้นคุณไม่เห็นหรอ”

             “จริงด้วย” ภวพลมองตามหลังลูกสาวแล้วก็ตาโตด้วยความตกใจ นี่เขามองข้ามมันไปได้ยังไงเนี่ย

             “เราเปลี่ยนใจยังทันไหมคุณ” คุณพ่อจอมกังวลอยากจับลูกสาวขึ้นรถแล้วกลับกรุงเทพให้รู้แล้วรู้รอดไป

             “ไม่ทันแล้วค่ะ นี่คือความสุขของลูกนะคะลูกอดหลับอดนอนเพื่อให้ได้มาเรียนที่นี่เราอย่าไปทำลายความฝันของลูกเลยตอนใส่ชุดนักศึกษามันไม่เห็นหรอกค่ะเพราะชุดของลูกไม่ได้รัดรูป”

             “เฮ้อ ผมต้องยอมเสียลูกไปจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย” ภวพลแทบจะร้องไห้กลางร้านอาหาร

             “ลูกโตแล้วคุณ ลูกก็ต้องมีชีวิตของตัวเอง” ศศิธรจับมือสามีมาบีบและในที่สุดภวพลก็ต้องทำใจยอมรับมัน

             “จะสั่งแบบโตกหรือกับข้าวเป็นจานๆ” ภูผาถามเพื่อนร่วมโต๊ะ

             “เอาโตกนึง ลูกหยีเขาอยากกินของเราก็สั่งกับเป็นจานๆ มาเสริมก็ได้เพราะในโตกก็มีอาหารหลายอย่างแล้ว”

             “ขอบคุณค่ะพ่อ” พ่อจำได้ด้วยว่าเธอเคยพูดว่าอยากกินอาหารแบบขันโตกมานานแล้ว เธอมองพ่อกับแม่ก็อดใจหายไม่ได้ที่จะไม่ได้เจอกันทุกวันเหมือนแต่ก่อนแล้ว

             นั่งรอสักพักขันโตกแรกในชีวิตของเธอก็มาเสิร์ฟ อาหารและผลไม้ในจานกระเบื้องวางอยู่บนโตกหรือถาดไม้อันโตอาหารคาวมีแกงฮังเล น้ำพริกอ่อง แถมยังมีหมี่กรอบด้วย ส่วนผลไม้เธอค่อนข้างงงที่เขาเสิร์ฟคู่กับข้าวแต๋นเมื่อถามน้าแก้วก็ได้คำตอบว่าข้าวแต๋นคือขนมหวานของคนที่นี่

             “อร่อยทุกอย่างเลยค่ะน้าแก้ว น้าผา พ่อจ๋าแม่จ๋าหนูต้องอ้วนขึ้นแน่ๆ เลย”

             นอกจากเธอจะเหมาขันโตกคนเดียวเกือบหมดแล้วเธอยังสั่งข้าวซอยมาอีกชามแถมกินแคปหมูไปอีกกองโตส่วนข้าวแต๋นที่มากับโตกมันไม่สะใจเธอเลยสั่งมากินต่างหากอีกหนึ่งจาน พอจบมื้ออาหารเธอก็แทบจะคลานกลับที่พัก

             “ชอบขนาดนั้นเลยหรอลูกหยีข้าวแต๋นเนี่ยไว้น้าจะซื้อมาฝากนะ แถวที่ทำงานมีเจ้านึงอร่อยมากขายมาจะห้าสิบปีแล้ว”

             “ค่ะน่าแก้วมันอร่อยมากๆ เลยค่ะ เคยกินที่กรุงเทพมันไม่ใช่แบบนี้ค่ะ”

             “ฝากหลานด้วยนะแก้ว” ภวพลกลับมาสู่โหมดวิตกกังวลอีกครั้ง

             “มึง ลูกมาเรียนไม่ได้มารบ” ภูผาตบไหล่เพื่อนแล้วอดขำไม่ได้

             “มึงไม่มีลูกสาวมึงไม่เข้าใจหรอก” ภวพลทำหน้างอใส่ทุกคน

             “ไปดีกว่าค่ะ มีผู้ใหญ่งอแงแล้ว” ศศิธรเอ็นดูสามีเหลือเกินเธอเองก็ห่วงลูกแต่ก็พอจะทำใจได้แล้ว ผิดกับคนพ่อที่ปากบอกว่ายอมรับแต่ยังทำใจไม่ได้

             สามคนพ่อแม่ลูกเดินทางกลับห้องพักพร้อมท้องที่อิ่มแปล้ ลูกหยีสงสารพ่อที่ทำหน้าเศร้ามาตลอดทางเธอเองก็เศร้าที่จะไม่ได้เจอพ่อแม่แต่มันก็ไม่ได้นานขนาดนั้นหรอกและถึงยังไงเธอก็ต้องกลับไปหาทั้งคู่เรื่อยๆ อยู่แล้ว

             “หนูรักพ่อนะคะ หนูสัญญาว่าจะตั้งใจเรียนไม่ยุ่งเรื่องความรักพ่อไว้ใจหนูไหมคะ” ลูกหยีไปนอนหนุนตักพ่อหลังจากอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว

             “พ่อไว้ใจหนูลูกหยีแต่ที่พ่อเศร้าเพราะพ่อคิดถึงหนู ต่อจากนี้เราจะไม่ได้กินข้าวกันพร้อมหน้าสามคนพ่อแม่ลูกอีกตั้งหลายปี” ภวพลอธิบายให้ลูกเข้าใจแล้วก็น้ำตาซึม

             “หนูสัญญาว่าจะโทรหาคุณพ่อกับคุณแม่ทุกวันค่ะ หนูรักพ่อนะ”

             “พ่อก็รักหนูค่ะ หนูคือดวงใจของพ่อกับแม่นะ”

             “แม่ก็รักหนูลูกหยี” ศศิธรเดินออกมาเห็นพ่อลูกกอดกันก็เข้ามาสมทบด้วยอีกคน          

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา