Secret File:Innocent Trap

8.3

เขียนโดย Elichika

วันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 07.24 น.

  13 บท
  1 วิจารณ์
  14.01K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 21.42 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) Dangerous Game

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter VII Dangerous Game

                หนูน้อยหมวกแดง เป็นเกมที่มีกติกาอยู่ว่า ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นนายพรานที่ต้องมาช่วยหนูน้อยหมวกแดงกับคุณยาย โดยจะต้องตามหาหมาป่าให้เจอแล้วจัดการซะ ซึ่งวิธีของนายพรานแต่ล่ะคนก็จะไม่เหมือนกันแตกต่างไปตามตัวผู้เล่น นายพรานที่ชนะในเกมจะสามรถขออะไรก็ได้กับผู้สร้างหนึ่งอย่าง

                “เป็นเกมที่ดูไม่น่าสนุกเท่าไหร่เลยนะ” ทิวากาลวางหนังสือนิทานหนูน้อยหมวกแดงสำหรับเด็กลงบนโต๊ะ

                “นั้นน่ะสินะ...ไม่รู้ว่าใครเป็นนายพราน ไม่รู้ว่าใครเป็นหนูน้อยหมวกแดง มีเพียงคนสร้างเท่านั้นที่รู้” หญิงสาวเจ้าของดวงตาคมสวยพูดขึ้นก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ทิวากาล

                “มันก็แค่เอาคนโลภมารวมตัวกันแล้วสั่งให้ฆ่ากันเท่านั้นล่ะ” ทิวากาลมองออกไปนอกหน้าต่าง

                “คุยกับเธอกี่รอบก็ไม่เบื่อนะ” หญิงสาวยกแก้วชาขึ้น

                “ทำไมฉันคิดตรงข้ามเลยล่ะคะ รอง ผอ.”ทิวากาลใส่น้ำตาลลงในแก้วชาของเธอ

                “ไม่เอาน่า อย่าพูดจาใจดำแบบนั้นสิ” หญิงสาวหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนจะจิบชาอีกครั้ง

...................................................................................................................

                เด็กสาวเจ้าของผมสีทองกำลังเดินผ่านสวนหลังอาคารในตอนค่ำ เธอเหม่อมองไปด้านหน้าเดินต่อไปเหมือนไร้จุดหมาย หลังจากที่คุยกับ คุริสึจบตอนหัวค่ำเธอก็ขอตัวออกมาโดยไม่ตอบรับคำเชิญให้พักที่ชมรมเซอร์ไวเวอร์

                ‘อ่อ ก่อนกลับฉันอยากให้เธอเก็บเจ้านี่เอาไว้’ คุริสึส่งหนังสือหนูน้อยหมวกแดงให้เอลลี่ ‘ถ้าเธอรู้สึกว่าทำอะไรไม่ถูกเมื่อไหร่ ให้เปิดอ่านดูนะ’

                มันคือหนังสือที่เธอไปยืมมาจากห้องสมุดนั้นเอง แม้ว่าในหัวของเอลลี่จะมีคำถามมากมายแต่เธอก็ไม่อยู่ในอารมณ์ที่อยากรู้อะไรเท่าไหร่ ยิ่งรู้เหมือนจะยิ่งจมลึกลงไปอีก

                เด็กสาวค่อยๆเปิดประตูเข้ามาในหอพักของเธอ เหมือนว่าวันนี้ผู้ดูแลหอพักของเธอจะไม่อยู่ เอลลี่กดลิฟต์แล้วรีบกลับไปที่ห้องของเธอ

                “ไง อานะจัง” เด็กสาวเจ้าของผมสีดำยาวเดินตรงเข้ามาในลิฟต์ “ขอไปด้วยคนนะ”

                เอลลี่ไม่พูดอะไรตอบเธอพยักหน้าเฉยๆ

                ทั้งสองแยกจากกัน กรรณรัตโบกมือให้เธอ เอลลี่ไม่ได้หันไปมอง เธอเข้าห้องไปโดยไม่เปิดไฟ โยนกระเป๋านักเรียนลงที่โต๊ะแล้วล้มตัวลงนอน

                ความทรงจำที่ได้คุยกับ ทิวากาลตอนบ่ายวันนี้ก็แล่นเข้ามาในหัว

.................................................................................................................................

                “ฉันเป็นคนเดียวที่สอบชิงทุนเข้ามาได้” ทิวากาลจิบชา “และก็อาจจะเป็นคนเดียวที่รอดมาได้ จากนักเรียนทุนทั้งหมดเมื่อ 15 ปีก่อน”

                “มันเกิดอะไรขึ้นกันคะรุ่นพี่?” เอลลี่รินน้ำชาใส่แก้วช้าๆ

                “หลังจากที่เข้าเรียนได้ไม่นาน ชีวิตประจำวันของฉันก็ค่อยๆแปลกไป”

                “แปลก?”

                “ใช่ ห้องที่จำได้ว่าล๊อคเอาไว้ก็ไม่ได้ล๊อค ทุกครั้งที่อยู่ในห้องเหมือนมีสายตากำลังมองอยู่ตลอดเวลา”

                “บางครั้งฉันก็รู้สึกแบบนั้นค่ะ”

                “ฉันเริ่มไม่แน่ใจว่าชีวิตความเป็นอยู่ตอนนี้มันปลอดภัยดีหรือเปล่า ฉันเลยเริ่มเช็คในห้องอย่างละเอียด” ทิวากาลเล่าต่อไปโดยไม่แสดงอารมณ์ออกมา “กล้องและไมค์ ติดอยู่ตามมุมลับหลังตู้เสื้อผ้าไม่ก็ ปลายเตียง”

                “เอ๋...” เอลลี่หน้าถอดสี “แล้วรุ่นพี่ทำยังไงต่อคะ?”

                “ ก็ไม่ได้ทำอะไร แค่ทำเป็นไม่เห็นเท่านั้นเอง” เด็กสาวยกแก้วชาขึ้นดื่ม

                “แต่ว่าแบบนั้น...” เอลลี่ก้มหน้าลง

                “ในตอนนั้นน่ะ อนาสตาเซีย” ทิวากาลหันมามองเอลลี่ใบหน้าของเธอไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “ฉันก็ได้เรียนรู้ว่า ตั้งแต่ที่ก้าวเท้าเข้ามาที่นี่ อิสระของฉันก็ได้หายไปแล้ว”

                เอลลี่มองเข้าไปในดวงตาของทิวากาล แววตาของเด็กสาวดูเยือกเย็นไร้ความรู้สึก นัยน์ตาสีน้ำเงินคู่นี้เย็นตามสีที่เหมือนกับท้องทะเลของมัน

                “ชีวิตที่เหมือนถูกเฝ้ามองอยู่ตลอดเวลา รอว่าสักวัน เมื่อไหร่ที่จะต้องตกเป็นเหยื่อเหมือนนักเรียนทุนคนอื่นๆ”

                “แล้วหลังจากนั้น?”

                “หลังจากนั้นฉันก็ใช้ชีวิตปกติอยู่หลายวันแล้วค่อยย้ายออก” เธอเหลือบตาลง “แล้วก็ไปเรียนบ้างไม่ไปบ้าง แว๊บๆ หายๆ อยู่แบบนี้ล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เธอหัวเราะแบบขอไปที

                “รุ่นพี่ย้ายไปอยู่ที่ไหนหรอคะ?”

                “ตึกชมรมบ้าง ห้องสมุดบ้าง ในห้องเรียนบ้าง” ทิวากาลจิบชา “สิ่งที่ฉันรู้อีกสองอย่างก็คือ โรงเรียนนี้ให้ความเป็นส่วนตัวและสะดวกสบาย ทำให้บริเวณ 80% ของโรงเรียนไม่มีการตรวจสอบหรือจับตามอง และ อีกเรื่องแม้ฉันจะหายไปจากหอพักก็ไม่มีการส่งคนไปตามหาฉันในที่อยู่ที่ฉันเขียนไว้ในประวัติ มีความเป็นไปได้ว่า คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องที่เกิดขึ้นกับนักเรียนทุนจะไม่มีอำนาจตรวจสอบประวัติของฉัน ยังไงโรงเรียนนี้ก็ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวนินะ”

            “แล้วทำไมรุ่นพี่ถึงไม่หนีไปจากที่นี่ล่ะคะ?”

                “ฉันมีเหตุผลบางอย่าง เลยยังออกไปไม่ได้” ทิวากาลก้มหน้าลง

                “แต่ว่า ถ้ายังอยู่แบบนี้ต่อไปรุ่นพี่อาจจะ...”

            “นั้นสินะ แต่ว่าตอนนี้ฉันก็ยังนั่งคุยกับเธออยู่ตรงนี้ไม่ใช่รึ” แววตาของทิวากาลเปลี่ยนไป “เหมือนมีคนกำลังเล่นเกมอะไรกันอยู่โดยใช้ที่นี่เป็นสนาม ทุกอย่างภายในนี้ล้วนเป็นหูเป็นตาของผู้ควบคุมเกมนี้ นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ฉันยังอยู่ตรงนี้ก็ได้.”

            “เกมหรอคะ?”

                “ใช่แล้วเกมที่ถูกสร้างขึ้นมาโดย มีผู้ล่าและผู้ถูกล่า”

                “แบบนี้รุ่นพี่ก็ไม่ต่างจากเหยื่อที่รอวันถูกล่าไม่ใช่หรอคะ?”

                “นั้นน่ะสินะ แต่เพราะว่าพวกนั้นอาจจะคิดว่ามันคงไม่สนุก ที่จะทำอะไรฉันตอนนี้ ฉันถึงยังอยู่ก็ได้”

                “ตลอดเวลาอยู่กับเรื่องแบบนี้มาตลอดเลยหรอคะ...”

                “ทุกคนก็ต้องต่อสู้ทั้งนั้นล่ะ อนาสตาเซีย มันขึ้นอยู่กับว่าสู้กับอะไร”

....................................................................................................................

 

1 ปีก่อน  ห้องสมุดยามเย็นเป็นที่พักผ่อนย่อมๆสำหรับกรรณรัต ด้วยอุณหภูมิที่ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป แสงไฟอ่อนๆช่วยถนอมสายตา กับบรรยากาศเงียบสงบๆที่หาได้ยากในช่วงเย็นของโรงเรียนนี้ เธอมักจะใช้เวลาไปกับการดื่มชาทานขนม อ่านวรรณกรรม และ นิทานสำหรับเด็ก

                “อีกแล้วหรอคะ คุณกรรณรัตฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าห้ามเอาอะไรเข้ามาทานในห้องสมุดน่ะ!!!” หญิงสาวบรรณารักษ์รีบเดินเข้ามาหาเด็กสาวที่โต๊ะ เธอกำลังใส่หูฟังและอีกมือก็หยิบขนมกินอย่างสบายใจในขณะที่อีกมือเปิดหนังสืออ่าน

                “เอ๋! อะไรกันคุณบรรณารักษ์ หยวนๆหน่อยไม่ได้หรอคะ?” เด็กสาวแสดงความเบื่อหน่ายทางใบหน้า

                “ไม่ได้ค่ะ!!” ตอนเลิกงานฉันต้องเก็บกวาดขนาดไหนรู้ไหมคะ!!! ครั้งที่แล้วก็แอบเอาพิซซ่าเข้ามาทานหลังตู้หนังสือ ไหนจะครั้งก่อนๆอีก” หญิงสาวโกรธจนหน้าแดง

                “เอ้าอ้าม” กรรณรัตป้อนเค้กช๊อคโกแลตใส่ปากบรรณารักษ์สาวโดยที่เธอไม่ได้ตั้งตัว “เท่านี้ก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดแล้วนะคะ” กรรณรัตยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

                “ไม่ได้ค่ะ!!”

                “โถ่! ไม่เอาสิคะ เครียดมากๆเดี่ยวก็หน้าแก่หรอก” กรรณรัตหัวเราะเบาๆ หญิงสาวเริ่มบ่นเหมือนทุกครั้งในขณะที่เด็กสาวยิ้มน้อยๆที่มุมปาก เธอมองออกไปนอกหน้าต่างห้องสมุด

                ‘นี่คงเป็นที่เดียว ที่ดูจริงที่สุดสำหรับโรงเรียนนี้แล้ว สายสัมพันธ์จอมปลอมรอยยิ้มจอมปลอมหลายๆอย่างทั้งการผูกมิตร ผู้คนที่นี่ต่างทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง คงมีแต่เธอเท่านั้นที่จริงใจกับฉัน’ กรรณรัตมองหญิงสาวด้วยรอยยิ้ม

                “ยิ้มอะไรคะ ไม่ได้ฟังที่ฉันพูดเลยใช่ไหมเนี่ย!?” หญิงสาวจ้องไปที่นัยน์ตาของเด็กสาว “เห้อ จะยอมให้แค่ครั้งนี้นะคะ” เธอถอนหายใจยาวๆออกมา

                เธอรักหนังสือ เธอชอบความสงบของห้องสมุด แต่นักเรียนที่นี่มักไม่เข้ามาในนี้เท่าไหร่ นอกจากมีหนังสือที่จะยืมและคืน ทำให้ที่นี่มีคนมานั่งอยู่น้อยมากถึงมากที่สุด จะมีก็เพียงเด็กสาวผมสีดำผู้ชอบเอาขนมและของกินมาทานในนี้เท่านั้น ไม่ว่าเธอจะติดป้ายถึง 8 ภาษาว่าห้ามนำของเข้ามาทานในห้องสมุดก็ตามที สำหรับหญิงสาวแล้ว กรรณรัตคงเป็นคนเดียวที่ช่วยทำลายความเงียบเหงาในห้องสมุด

                “คุณบรรณารักษ์ รำคาญฉันหรือเปล่าคะ?” เด็กสาวพูดขึ้นพร้อมกับจิบชาเบาๆ

                “ที่สุดเลยค่ะ” เธอยิ้มตอบ

                “ฉันก็เหมือนกัน” กรรณรัตยิ้มให้บรรณารักษ์สาว

...................................................................................................................................

                ชายหนุ่มหน้าตายเจ้าของผมหยักศก กำลังนั่งตรวจการบ้านนักเรียนอยู่บนโต๊ะของเขา

                “มาสเตอร์คุริสึ วันนี้เหนื่อยหน่อยนะครับ” ชายหนุ่มเพื่อนร่วมงานพูดขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องไป

                “ขอบคุณสำหรับการทำงานครับ” คุริสึตอบกลับโดยไม่หันหน้าไปมอง เขาเก็บกองสมุดของนักเรียนลงใต้โต๊ะ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้

                ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมๆกับเด็กสาวที่เดินเข้ามา “ส่งการบ้านค่ะ มาสเตอร์” เด็กสาวร่างเล็กยื่นสมุดส่งให้คุริสึ

                “นี่มันเวลาเลิกงานแล้วนะ อมรรัตน์” เขาจ้องมองไปในดวงตาของเด็กสาว ในขณะที่เด็กสาวก็มองเข้าไปในตาเขาเหมือนกัน “เข้าใจแล้ว” เขารับสมุดมา เด็กสาวก้มหัวให้เขา ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป “แววตานั้นมันอะไรกัน”

                ปามค่อยๆเดินไปทางออกอาคารเรียนตอนนั้นเองก็มีเสียงนุ่มๆเอ๋ยทักเธอจากด้านหลัง

                “ไง อมรรัตน์.” เจ้าของเส้นผมสีขาวและนัยน์ตาสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์

                “สวัสดีรัตติกาล” ปามหันไปตอบ

                “อาการของกรรณตะนาเป็นยังไงบ้าง?” สิ้นสุดคำถามของกานต์แววตาของปามเปลี่ยนไปเล็กน้อย

                “แจนดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ”

                “งั้นหรอ เมื่อไหร่เธอจะได้กลับมาเรียนนะ ไม่มีเธอแบบนี้ในห้องเงียบเหงาแย่เลย” กานต์พูดยิ้มๆ

                “อืม ไม่รู้สิ วันนี้ไม่ใส่ชุดนักเรียนแล้วหรอ?”

                “เอ๊ะ ฮ่าๆๆๆๆ” กานต์หัวเราะกลบเกลื่อน

                “รัตติกาล” เด็กสาวหยุดยืนอยู่กับที่

                “หืม?” กานต์หยุดเดินก่อนจะหันไปมองหน้าเด็กสาว

                “ถ้าแจนไม่อยู่จะมีคนเสียใจไหม?”

                “มีสิ ถึงกรรณตะนาจะดูไม่ค่อยมีเพื่อน แต่ฉันเชื่อว่าต้องมีคนที่คิดถึงกรรณตะนาอยู่แน่ๆ” กานต์ยิ้มให้เด็กสาว

                “งั้นหรอ แบบนั้นก็คงดีนะ”

                “ฉันจะไปห้องสมุดน่ะ ไว้เจอกันนะ อมรรัตน์” กานต์โบกมือให้เด็กสาวก่อนจะเดินไปทางห้องสมุด

                “อือ ไว้เจอกันรัตติกาล”

....................................................................................................................

            เอลลี่กำลังเดินอยู่ในห้องสมุด เธอใช้นิ้วชี้รูดไปตามสันหนังสือมากมายด้วยสีหน้าเหม่อลอย ในกระเป๋าของเด็กสาวยังคงมีหนังสือหนูน้อยหมวกแดงอยู่ ‘บางทีถ้าฉันเปิดอ่านล่ะก็อาจจะรู้อะไรมากกว่านี้ก็ได้ แต่ทำไมกันนะ เหมือนมีบางอย่างกำลังบอกฉันว่า มันยังไม่ถึงเวลา’

                “หนังสือน่ะค่ะ” บรรณารักษ์สาวเอ๋ยทักเอลลี่ “ยังไม่ถึงกำหนดคืนนะคะ ไว้อ่านให้จบก่อนก็ได้ค่ะ” เธอส่งยิ้มให้เด็กสาว

                เอลลี่หน้าถอดสีเล็กน้อย พอมาคิดๆดูแล้ว ผู้ที่คอยดูแลหนังสือทั้งหมดในห้องสมุด..ก็คือบรรณารักษ์ รวมทั้งสมุดปกแดงด้วย หญิงสาวคนนี้..เธออาจจะรู้อะไรบางอย่าง...

                “ค่ะฉันยังอ่านไม่จบเลย” เอลลี่ก้มหัวให้เธอ “คิดๆดูแล้วฉันไปอ่านให้จบก่อนน่าจะดีกว่า” เอลลี่รีบเดินออกมาจากห้องสมุด

                “แหม ก็ไม่เห็นต้องรีบขนาดนั้นเลย” หญิงสาวพูดยิ้มๆในขณะที่มองส่งเอลลี่

                “วันนี้มีการบ้านเยอะน่าดูเลยล่ะ เธอคงต้องรีบไปทำล่ะมั่งคะ?” กรรณรัตโบกมือให้หญิงสาว เธอยืนอยู่หลังตู้หนังสือ

                “สวัสดีค่ะคุณกรรณรัต”

                “วันนี้อากาศดีจังนะคะ” กรรณรัตเดินมานั่งที่โต๊ะอ่านหนังสือโดยไม่ลืมที่จะหยิบขนมขึ้นมา

                “ก็ดีค่ะ” หญิงสาวเดินกลับไปที่ด้านหลังเคาเตอร์

                “คุณบรรณารักษ์ เคยได้ยินเรื่อง เกมหนูน้อยหมวกแดงไหมคะ?” กรรณรัตจิบชาสบายๆ

                “ไม่ค่ะ”เธอพูดโดยจัดหนังสือตรงหน้าไปด้วย

                “เกมที่เราจะด้องสวมบทบาทเป็นนายพรานและช่วยหนูน้อยหมวกแดงกับคุณยาย”

            “แล้วจะมีวิธีช่วยคุณยายกับหนูน้อยหมวกแดงยังไงหรอคะ?” บรรณารักษ์สาวเหลือบมองไปที่เด็กสาว

                “ฆ่าคนที่เป็นหมาป่ายังไงล่ะคะ” เด็กสาวผุดรอยยิ้มที่ริมฝีปาก

....................................................................................................

                สวนหลังโรงเรียนมีนักเรียนอยู่บ้างเล็กน้อย เอลลี่เดินผ่านเหล่านักเรียนที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุขกับการพักผ่อนสบายๆ

                “ไงชิโรซากิ” เสียงคุ้นหูเอ๋ยทักเด็กสาว

                “สวัสดีค่ะ มาสเตอร์” เอลลี่หันกลับไปตอบชายหนุ่มด้านหลัง

                “ดื่มชาหน่อยไหม?” คุริสึยกถุงพลาสติกที่ใส่ขวดชาเขียวไว้

            “ค่ะ” เอลลี่ยิ้มตอบก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปด้วยกัน

                “วันนี้อากาศดีจังนะ” ชายหนุ่มพูดขึ้น

                “ค่ะ”

                “เธอดูเหนื่อยๆนะ ชิโรซากิ”

                “ก็นิดหน่อยน่ะค่ะ วันนี้มีการบ้านเยอะ”

                “พักผ่อนซะบ้างสิ เดี่ยวจะไม่มีแรงเอานะ” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆในลำคอ

                “เราจะไปที่ไหนกันหรอคะ?”

                “ห้องชมรมไง”

                “จะไปดื่มชากันหรอ ขอฉันร่วมวงด้วยคนสิ” ทิวากาลเดินตามหลังทั้งสองมา

            “เอาสิ” คุริสึตอบโดยไม่หันไปมองคนด้านหลัง

                “มีกันสามคนจะได้ไม่เบื่อไง” ทิวากาลยิ้มบางๆ

                “ก็ดีเหมือนกันค่ะ”เอลลี่พูดโดยยังคมองไปข้างหน้า

.......................................................................................................................

                รัตติกาลเดินเข้ามาในห้องสมุด กานต์มองไปรอบๆแต่ก็ไม่พบใครอยู่ในห้อง

                “ไปไหนกันหมดล่ะเนี่ย” กานต์เดินตรงไปในตู้หนังสือด้านในก่อนจะใช้นิ้วชี้รูดไปตามสันหนังสือ “อ่อ เจอแล้ว” กานต์หยิบหนังสือปกสีดำขึ้นมามีตัวหนังสือสีทองเขียนว่า ‘หนังสือรวมภาพนักเรียนปี รุ่นที่ 55 (1996)’  “ใช่จริงๆด้วยสินะ” กานต์เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังทันที หลังจากที่ได้เห็นบางอย่างในหนังสือ

                “ไม่มีใครอยู่หรอ?” เด็กสาวเจ้าของผมสั้นสีน้ำตาลพูดขึ้น

                “ตอนเข้ามาฉันก็ไม่เห็นใครเลย” กานต์หันไปตอบแจน “เธอไม่เป็นไรแล้วหรอ?” กานต์มองไปที่เด็กสาว ตอนนี้เธอมีสภาพพันผ้าพันแผลเอาไว้ที่แขนและหัว

                “อืม ตกบันไดนิดหน่อย” แจนหลบตาลงเล็กน้อย

                “เธอคงลำบากแย่เลยสินะ แต่เหมือนเพื่อนในห้องจะจดโน้ตไว้ให้เธอแล้วล่ะ”

                “งั้นหรอ..ดีจัง”

                “เธอลองเข้าไปทักคนอื่นๆ เหมือนที่มาพูดกับฉันบ้างสิ” กานต์เก็บหนังสือไว้ที่เดิม “ฉันเชื่อว่าทุกคนก็คงอยากเป็นเพื่อนกับเธอแน่ๆ”

                “ไม่รู้สิฉัน” แจนก้มหน้าลง

                “ถ้าเธอจะหาหนังสือล่ะก็ รีบๆเข้านะ เดี่ยวฝนจะตกซะก่อน” กานต์เดินผ่านเด็กสาวไป

                “อืม”

.......................................................................................................

                ทั้งสามนั่งอยู่กลางโถงของอาคารกิจกรรมที่ 3 แสงแดดอ่อนๆยามเย็นค่อยๆลับหายไป

                “ฉันว่าเราน่าจะจบเรื่องนี้กันได้แล้วนะ” คุริสึดื่มชา

                “ที่เรียก อนาสตาเซียมาก็เพื่อการนั้นสินะ” ทิวากาลวางแก้วชา

                “เอ๋ คุยเรื่องอะไรกันล่ะคะเนี่ย?” เอลลี่หันซ้ายหันขวา

                “เหมือนเธอจะยังไม่รู้ตัวสินะ?” คุริสึ ลุกขึ้นและเดินตรงไปอีกห้องหนึ่ง

                “เรื่องอะไรคะมาสเตอร์?”

                “แหม มันก็พูดยากนะแต่ฉันไม่ชอบแบบนี้เท่าไหร่” คุริสึเปิดประตูออกมาจากห้องด้านข้าง “มันไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่น่ะ” ชายหนุ่มเดินออกมาพร้อมกับชุดคลุมสีดำ และมีดสีเงินวาว

                เอลลี่หน้าถอดสี เธอรีบลุกขึ้นยืนแต่ทว่า

                “รอเดี่ยวก่อนสิ” ทิวากาลฉุดขาเด็กสาวเอาไว้ “จะรีบไปไหนล่ะ อนาสตาเซีย”

                “หมายความว่ายังไงคะรุ่นพี่ ปล่อยฉันนะ!” เอลลี่ดิ้นสุดแรง แต่ก็ไม่อาจหลุดจากการจับกุมของทิวากาลได้

                ทิวากาลจิกผมของเอลลี่และกดลงกับพื้น เธอยืนหน้าเข้าไปใกล้ๆเอลลี่

                “แหม ก็อยากให้หนีไปอยู่หรอกนะแต่ว่าเวลานี้คนมันเยอะซะด้วยสิ ฉันก็ไม่อยากไปวิ่งไล่จับเท่าไหร่” ชายหนุ่มค่อยๆเดินมาใกล้ๆเอลลี่ช้าๆ

                ทิวากาลแสยะยิ้มก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา เมื่อชายหนุ่มเดินมาใกล้ๆแล้ว เด็กสาวก็ปล่อยมือออกจากเอลลี่

                “แต่ที่ทำให้เธอกลัวสุดๆได้แบบนี้ อาจจะเป็นภาพหายากก็ได้นะ คงต้องจำไว้ซะแล้วล่ะ”ชายหนุ่มแสยะยิ้ม

..................................................................................

                กรรณรัตกับบรรณารักษ์สาวทั้งสองกำลังยืนประจันหน้ากันด้านหลังอาคารเรียน

                “บรรณารักษ์คนนั้นเธอหายไปไหน?” กรรณรัตจ้องหน้าหญิงสาว

                “เอ๋ ฉันก็อยู่ที่นี่มาตั้งนานแล้วนะคะ ไม่ได้หายไปไหนสักหน่อย” หญิงสาวยิ้มตอบกลับ

                “ถึงหน้าจะเหมือนกันแต่ฉันดูออก คุณไม่เหมือนกับเธอคนนั้น”

                “ไม่เอาน่า ฉันแตกต่างกับเธอคนนั้นตรงไหนกัน?”

                “เธออาจจะไม่โดดเด่น ไม่เป็นที่รู้จักในหมู่นักเรียน ไม่เป็นที่สังเกตของใคร แต่เธอก็มีอย่างหนึ่งที่ฉันจำได้ไม่มีวันลืม” หญิงสาวเหลือบตาลงเล็กน้อย ก่อนจะเหล่มองไปที่ใบหน้าของเด็กสาว “เธอเป็นคนที่รักษากฎของห้องสมุด และรักหนังสือมาก เธอคงไม่มานั่งดื่มชากับฉันหรอกจริงไหม”

                “แหมๆ พลาดเรื่องง่ายๆแบบนี้หรอเนี่ย อุตส่าห์ทำหน้าตาให้เหมือนกันขนาดนี้แล้วนะ” หญิงสาวหัวเราะในลำคอ

                “ทำไมต้องเป็นเธอด้วย....ทำไมต้องเป็นบรรณารักษ์คนนี้” กรรณรัตก้มหน้าลง

                “เพื่อร่วมเล่นเกมเดียวกันมันก็จำเป็นจะต้องหาที่อยู่ใช่ไหมล่ะ? ผู้หญิงคนนี้น่ะ ทั้งไม่โดดเด่นและก็ไม่เป็นที่สนใจ เธอเหมาะมากเลยล่ะ” หญิงสาวหัวเราะด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว

                “อย่ามา...อย่ามาทำหน้าแบบนั้นด้วยหน้าของเธอนะ!” มีดของเด็กสาวพุ่งตรงไปที่หัวใจของคนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว

                “โอ๊ะโอ้....” หญิงสาวใช้สองนิ้วรับมีดที่ถูกขว้างออกมา “แหมก็ไม่คิดหรอกว่าเธอจะรู้ตัวก่อน แต่ก็ดีเหมือนกัน” หญิงสาวใช้มือซ้ายหยิบการ์ดในกระเป๋าเสื้อของเธอขึ้นมา “เพราะเธอเองก็เป็นเป้าหมายของฉันเหมือนกัน” หญิงสาวแสยะยิ้มก่อนจะ พลิกหน้าการ์ดขึ้นมา บนการ์ดมีรูปของกรรณรัตพร้อมกับคำอธิบาย

‘เป้าหมาย ระดับ A หมาป่า กรรณรัต วรสถิต’

.................................................................................................

                รัตติกาลกำลังเดินอยู่ระหว่างทางเชื่อมไปอาคารเรียน สายศิลป์

                “ดึกแล้วนะ ยังไม่กลับอีกหรอ?” กานต์เอ๋ยทักเด็กสาวเจ้าของฉายา ตุ๊กตา

                “เธอก็เหมือนกัน” ปามหันหน้ามามองกานต์

                “เป็นคนเดียวกันจริงๆด้วยสินะ กับนักเรียนเมื่อ 15 ปีก่อน”  กานต์มองหน้าเด็กสาว

                “ก็คิดไว้อยู่แล้วล่ะว่าเธอจะต้องรู้เรื่องนี้” พูดจบด้านหลังปามก็มีร่างๆหนึ่งเดินออกมาจากเงามืดด้านในอาคาร

                “โอ้...” ร่างนั้นคือ เจมส์ เด็กหนุ่มผู้ตอนนี้ควรจะนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล

                “เธอคุยสนุกดีนะ น่าเสียดาจังเลย” ปามพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

                “ก็ไม่รู้ว่าเสียดายจริงๆหรือเปล่านะ” กานต์กางขาออกเล็กน้อย

                “ก็คิดไว้อยู่แล้วล่ะว่าทางนั้นจะต้องส่งคนมาสืบเรื่องนี้ไม่คิดว่าจะเป็นเธอเลยนะ รัตติกาล” ปามพูดพร้อมๆกับที่เจมส์ค่อยๆเดินมาหากานต์

                “พวกเธอทำอะไรกับเขาล่ะเนี่ย?” กานต์พูดโดยจ้องไปที่ร่างที่ค่อยๆเข้ามาหา

                “ก็นิดหน่อยแต่ คิดว่าเธอคงผ่านเขาเข้ามาง่ายๆไม่ได้แน่” เจมส์วิ่งเข้ามาใช้มือขวาคว้าไหล่ของกานต์

                “น่าสนุกนิ” กานต์เบี่ยงตัวหลบไปทางซ้าย ก่อนจะใช้หมัดขวาต่อยเข้าไปที่ลิ้นปี่ของเจมส์อย่างจัง

            “เธอคงไม่คิดว่ามันจะจบลงง่ายๆแบบนี้ใช่ไหม?” ร่างนั้นก้มตัวลงเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้ามองกานต์ ตาของเขาไม่มีแววอีกต่อไป ผิวสีซีดไม่ต่างจากคนตาย

“เอาจริงหรอเนี่ย” กานต์จ้องมองร่างนั้นก่อนจะหุบยิ้มลง “คงมีเรื่องต้องคุยกันแล้วล่ะ”

...................................................................................................

คุริสึในชุดคลุมยกมีดในมือขึ้นเหนือหัวแล้วแทงลงมาที่เอลลี่ ‘ฉันจะทำให้เขาประมาท เธอดึงความสนใจไว้ให้นานที่สุด แล้วฉันจะช่วยเธอเอง’ เสียงกระซิบที่ทิวากาลบอกเธอดังก้องอยู่ในหัว เอลลี่รีบพุ่งตัวใช้ไหล่ขวากระแทกเข้าที่กลางอกของคุริสึ จนเขาเซถอยหลังไป เด็กสาวรีบใช้โอกาสนี้พยายามแย้งมีดในมือของคุริสึ

“ก็นับว่าทำได้ดีสำหรับตอนนี้นะ” คุริสึใช้มือข้างที่ว่างบีบคอเอลลี่ไว้ “แต่มันไม่มีประโยชน์หรอก” เขากระฉากมือข้างที่ถือมีดอยู่แรงๆ เอลลี่เสียจังหวะ มือที่เธอจับไว้หลุดออก “คนอ่อนแอก็ต้องตาย เรื่องมันก็แค่นั้นแหละ ชิโรซากิ” พูดจบคุริสึก็ตั้งท่าเตรียมแทงร่างของเอลลี่

“ฉัน..ไม่เหมือนกับตอนนั้นหรอก” เอลลี่แสยะยิ้ม ก่อนที่ทิวากาลจะใช้แผ่นป้ายชมรม เซอร์ไวเวอร์ หวดเข้าที่ท้ายทอยของคุริสึอย่างจัง

คุริสึปล่อยมือที่บีบคอเอลลี่ไว้ “อ่า....มันเจ็บนะ” แววตาที่เหมือนปลายตายของเขาเปลี่ยนไป มันเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร

คุริสึหันกลับไปใช้หลังมือขวาตบเข้าไปที่ใบหน้าของทิวากาล แรงตบทำให้เด็กสาวกระเด็นล้มลงนอนคว่ำกับพื้น “ไม่คิดว่าจะอึดขนาดนี้เลย...ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ทิวาการเปล่งเสียงอันแหบแห้งออกมา คุริสึหันกลับไปหาเอลลี่

“รุ่นพี่...” เอลลี่ค่อยๆ ก้าวถอยหลังช้าๆ เมื่อเห็นคุริสึค่อยๆก้าวเข้ามา “ก่อนอื่นก็ต้องทำให้หมดฤทธิ์ก่อนสินะ” ชายหนุ่มแสยะยิ้มก่อนจะ หันหลังกลับไปแล้วกระทืบเข้าไปที่หัวเข่าของ ทิวากาลอย่างแรง

“อั่ก..” เธอพยายามข่มเสียงตัวเองเอาไว้ แม้ว่าความเจ็บปวดจะโถมเข้ามา

“ฉัน...จะบอก...อะไรให้นะ” ทิวากาลค่อยๆเปล่งเสียงออกมา คุริสึจับคอเสื้อของเธอแล้วยกขึ้น “เธอน่ะ...ทำอะไร..ได้มาก..กว่าที่..ตัวเองคิด”พูดจบเด็กสาวก็โดนเหวี่ยงกระแทกลงกับพื้น หลังของเธอกระแทกอย่างแรง

“จริงสิ...เธออ่านไปรึยัง หนังสือเล่มนั้นน่ะ?” คุริสึใช้มือกดร่างของทิวากาลเอาไว้ เขาหันมามองหน้าเอลลี่ “ถ้ายังล่ะก็ ฉันจะขอบอกแสดงความเสียใจกับเธอเลย ว่ามันคงไม่ทันแล้ว” ชายหนุ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่งก่อนจะหันมาแสยะยิ้มให้ทิวากาล “ส่วนเธอ จริงๆแล้วฉันก็ไม่ได้อยากจะฆ่าหนูน้อยหมวกแดงเท่าไหร่นะ แต่ฉันไม่ชอบหนูน้อยหมวกแดงที่รู้มาก” ชายหนุ่มยกมีดขึ้นเหนือหัวอีกครั้ง

เอลลี่มองไปที่ทั้งสองคนตรงหน้าเธอ กับกระเป๋าที่มีหนังสือหนูน้อยหมวกแดงอยู่ เหงื่อผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเด็กสาว เธอต้องเลือกแล้วว่าจะทำอะไร

“ลาก่อนหนูน้อยหมวกแดง” คุริสึแทงมีดลงมา เลือดสีแดงสดสาดกระจายไป

ดวงตาของทิวากาลเบิกกว้าง มีดในมือของคุริสึ หยุดลงใกล้ๆกับหน้าของเธอ มันเสียบทะลุฝ่ามือซ้ายของเอลลี่ เด็กสาวกัดฟันด้วยความเจ็บปวดเธอใช้แรงต้านไม่ให้มีดปักลงที่ ทิวากาล

“นี่รึเปล่าที่รุ่นพี่บอกว่าฉันทำได้น่ะ?” เอลลี่ใช้มือขวาจับมือของคุริสึไว้ “ถ้างั้นฉันก็เชื่อว่ารุ่นพี่ต้องมีเรื่องที่ทำได้แน่นอน” พูดจบเอลลี่ก็ถีบพื้นแรงๆผลักตัวเองไปข้างหน้า ดันคุริสึให้ออกไปจากตัวของทิวากาล

ทั้งสองล้มลงคุริสึนอนหงายส่วนเอลลี่นอนคว่ำอยู่ไม่ไกลกัน “ใจกล้าดีนิ” คุริสึแสยะยิ้ม ก่อนจะหยิบมีดอีกเล่มที่อยู่ในผ้าคลุมออกมา

เอลลี่ดึงมีดที่เสียบอยู่ที่มือซ้ายออก เลือดสีแดงสดค่อยๆไหลลงที่พื้น เด็กสาวสะบัดหัวแรงๆ ก่อนจะยกมีดในมือขวาขึ้นมา

“ก็ดีนิ จะเล่นด้วยสักหน่อยแล้วกัน” คุริสึแทงเล็งไปที่คอของเด็กสาวอย่างรวดเร็ว เอลลี่ก้าวถอยหลังก่อนจะยกมีดขึ้นมากันไว้ได้อย่างเฉียดฉิว

ใบหน้าของเธอตอนนี้เริ่มซีดลง ความกลัวและความกดดันทำให้เธอต้องควบคุมสติ คุริสึก้าวตามเข้ามา ใช้มีดในมือฟัดแทงสลับกัน รุกเข้ามาใส่เด็กสาว

“เอ้าๆเป็นอะไรไป” เอลลี่ถอยหลังไป พร้อมกับใช้มีดในมือขวาปัดไปมาเพื่อป้องกัน แม้จะไม่สามารถกันได้ทั้งหมดจนทำให้แขนของเธอมีแต่รอยแผล แต่ก็เลี่ยงจุดสำคัญไปได้ เลือดค่อยๆซึมไหลออกมาจากแขนขวาของเธอ พร้อมๆกับใบหน้าของเด็กสาวที่ซีดลงเลื่อยๆ

“ฉัน...จะหยุดอยู่ตรงนี้ไม่ได้” พูดจบเอลลี่ก็แทงไปข้างหน้า คุริสึเบี่ยงตัวหลบก่อนจะแทงเข่าเข้าไปที่ท้องน้อยของ   เอลลี่ เธอก้มตัวลงเพราะความจุก ก่อนจะโดนคุริสึถีบเข้าที่กลางหลังอีกทีจนร่างของเด็กสาวกระเด็นล้มลง

“จบแล้วสินะ” คุริสึใช้มือกดที่คอของเอลลี่ พร้อมกับยกมีดขึ้นสูง

“ยังหรอกน่า!!” ทิวากาลตะโกนขึ้นสุดเสียง พร้อมกับหนังสือหนูน้อยหมวกแดงที่ถูกเปิดออกสไลด์มากับพื้น

“สายไปแล้ว” คุริสึแทงลงมา

ดวงตาของเอลลี่เบิกกว้างหลังจากเห็นข้อความในหนังสือ

เอลลี่ใช้มือซ้ายที่เปื้อนเลือดจับข้อมือของคุริสึไว้ เลือดสีแดงสดจากมือค่อยๆไหลลงเปื้อนใบหน้าของเธอ

“โอ้ รู้แล้วสินะ” คุริสึใช้มืออีกค้างกดมีดในมือลง  เด็กสาวเอนตัวลงกับพื้น พร้อมกับปล่อยให้คุริสึกดมีดลงมา จังหวะนั้นเองเธอใช้เท้าขวาถีบเข้าไปที่ท้องของชายหนุ่มแล้วเอนตัวม้วนไปด้านหลัง เหวี่ยงร่างของคุริสึให้ล้มลงไป

เอลลี่ค่อยๆยืนขึ้น เธอใช้มือขวากระชากโบว์ชุดนักเรียนออกแล้วเอามาพันที่มือซ้าย ก่อนจะค่อยๆก้มตัวลงไปหยิบมีดที่ตกอยู่

คุริสึลุกขึ้นยืนช้าๆ “ต้องแบบนี้สิถึงจะสนุกหน่อย” เขาล่วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุมแล้วหยิบการ์ดใบหนึ่งขึ้นมา

“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” เอลลี่พูดโดยหันไปมองทิวากาลที่กำลังล้มคลานอยู่ไม่ไกลจากเธอ

 คุริสึ พลิกการ์ดในมือ ให้เอลลี่ดู

‘เป้าหมาย ระดับ S หมาป่า อนาสตาเซีย เอมิลี่ ชิโรซากิ’

............................................................................................................................

 

 

 

             

           

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา